ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1428-1435

 ตอนที่ 1428 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (5)


 


 


“ไม่ว่าจะข้าหรือเจวี๋ยเชียนก็ไม่คาดคิดว่าโม่เชียนเฉิงจะตกหลุมรักเขา! โม่เชียนเฉิงเกลียดเจวี๋ยเชียนเพราะถูกเจวี๋ยเชียนปฏิเสธแล้วรู้สึกอับอาย เขายังเคยเป็นหนึ่งในคนที่คอยตามไล่ล่าเจวี๋ยเชียน”


 


 


“แต่ว่าโม่เชียนเฉิงมาหาเขาในวันก่อนที่การไล่ล่าจะเกิดขึ้นแล้วบอกว่าถ้าเจวี๋ยเชียนยอมใช้ชีวิตอยู่กับเขา เขาจะช่วยเจวี๋ยเชียนจากปัญหา แต่เขาดูถูกเจวี๋ยเชียนเกินไป สุดท้ายจึงถูกขังเอาไว้อยู่ในนี้…”


 


 


จีจิ่วเทียนเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง แล้วใบหน้ามีเสน่ห์ของเขายกยิ้มหมดหนทาง


 


 


“ความจริงแล้วเจวี๋ยเชียนมีโอกาสสังหารโม่เชียนเฉิง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ลงมือ ชายคนนั้นเป็นแบบนี้เสมอ เขาไม่เคยทำตัวโหดร้ายกับใครก็ตามที่ต่อสู้กับเขา แล้วหลังจากที่สัตว์อสูรวิญญาณของโม่เชียนเฉิงหรือก็คือบรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวทตาย เขาก็ส่งมันมาที่ดินแดนแห่งจินตนาการเพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับโม่เชียนเฉิง…”


 


 


“บรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวทงั้นหรือ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเถ้ากระดูกไปแล้วหรือ แล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาได้อย่างไร” อวิ๋นลั่วเฟิงสงสัย


 


 


จีจิ่วเทียนหัวเราะ “ใครบอกเจ้าว่ามันเป็นเถ้ากระดูก ถ้าเป็นอย่างนั้นเผ่าผู้ใช้เวทจะคอยบูชาและสักการะมันได้อย่างไร”


 


 


เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะถามต่อ นางก็ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนที่ผ่านลม แล้วร่างจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะพวกเขา ผู้นำของพวกเขาคือชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ดูชั่วร้ายอำมหิต ถ้าเขาจ้องหน้าใคร คนคนนั้นจะรู้สึกราวกับมีอสรพิษรัดอยู่รอบคอจนทำให้หายใจไม่ออก


 


 


ในตอนนั้นเอง…


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกวาดสายตามองกลุ่มคนแล้วหยุดอยู่ที่ชายอาวุโสข้างหลังชายชราชุดเทา จากนั้นสีหน้านางก็เปลี่ยนไป “เจ้าเป็นคนของเผ่าผู้ใช้เวทไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”


 


 


“เผ่าผู้ใช้เวทงั้นหรือ” ชายชราที่ทรยศยิ้มเยาะ “หัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทกำลังจะตายแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นคนของหุบเขาพิษ อวิ๋นลั่วเฟิง จีจิ่วเทียน พวกเจ้าไม่สมควรได้กระดูกผู้ใช้เวทไป! กระดูกผู้ใช้เวทควรเป็นของหุบเขาพิษ”


 


 


ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้ม นางไม่คิดว่าสามเดือนที่ผ่านมาเผ่าผู้ใช้เวทจะถูกโจมตีตอนที่นางอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการ


 


 


“เฟิงเอ๋อร์” จีจิ่วเทียนพยายามยืนขึ้นแล้วพูดเสียงต่ำ “วิ่งขึ้นไปบนเนิน! วิ่ง!”


 


 


“ไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดแล้วพยุงจีจิ่วเทียน “ข้าไม่ทิ้งเจ้าไว้ข้างหลัง”


 


 


ถ้าจีจิ่วเทียนไม่ได้บาดเจ็บ การสังหารคนพวกนี้ก็ไม่ต่างกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ว่าเขาเพิ่งสู้กับโม่เชียนเฉิงจนบาดเจ็บหนัก ถึงแม้จะกินสมุนไพรพลังฌานเข้าไปแล้วด้วยเวลาสั้นๆ แค่นี้เขาก็ยังไม่หายดี


 


 


“หนี?” เซี่ยงเฟยยิ้มร้าย “ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะไม่มีโอกาส จีจิ่วเทียน ข้าคิดว่าการจัดการเจ้าคงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่พระเจ้าเข้าข้างข้าแล้ว! เจ้าบาดเจ็บ! ดังนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!”


 


 


กระดูกผู้ใช้เวทมีเพียงหนึ่ง ใครก็ตามที่คิดจะแย่งมันไปก็เป็นศัตรูกับเขา!


 


 


“ไป สังหารพวกมัน!”


 


 


ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง คนจากหุบเขาพิษก็พุ่งเข้ามาหาจีจิ่วเทียนและอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยดวงตามุ่งร้ายกระหายเลือด


 


 


เมื่อเห็นคนเหล่านี้กระโจนเข้ามาหาเขา จีจิ่วเทียนก็หัวเราะ เสียงหัวเราะป่าเถื่อนและทรงอำนาจของเขาดังก้องไปทั่วหุบเขา


 


 


“ถึงแม้ว่าข้าจะบาดเจ็บ แต่การสังหารหนอนอย่างพวกเจ้า แค่ลมเบาๆ ก็เพียงพอ!”


 


 


ทันใดนั้นเสื้อคลุมสีแดงของชายหนุ่มก็สะบัดไปตามสายลมแล้วปล่อยกลิ่นอายสังหารออกจากร่างจนครอบคลุมทั่วทั้งฟ้าทำให้บรรยากาศมืดมัว


 


 


หุบเขาทั้งลูกมืดครึ้มภายใต้กลิ่นอายทรงพลังที่เขาปล่อยออกมา คนที่พุ่งเข้ามาหาจีจิ่วเทียนก็ร่วงจากฟ้าจนตกกระแทกพื้นแล้วขยับตัวไปไหนไม่ได้เหมือนโดยภูเขาขนาดใหญ่กดทับไว้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1429 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (6)


 


 


“พรูด!”


 


 


จีจิ่วเทียนฝืนปล่อยพลังจำนวนมากทั้งๆ ที่ยังไม่หายดี ดังนั้นเลือดเขาจึงไหลย้อนกลับจนกระอักเลือดสีแดงสดราวกับดอกกุหลาบออกมา


 


 


“พอแล้ว!” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแล้ววิ่งไปหาจีจิ่วเทียน “จีจิ่วเทียน เจ้ายังไม่หายดี ปล่อยให้ข้าจัดการพวกเขาเอง”


 


 


จีจิ่วเทียนยกมือขึ้นเพื่อหยุดอวิ๋นลั่วเฟิง เขาสะบัดแขนเสื้อคลุมสีแดงของเขาอย่างแรงเพื่อบังสายตาของนาง ทำให้หัวใจของนางกระตุก


 


 


“ข้าสัญญากับจักรพรรดิปีศาจแล้วว่าจะดูแลความปลอดภัยของเจ้า!”


 


 


“ข้าต้องรักษาสัญญา!”


 


 


คนอื่นอาจจะตัดสินว่าเขาเป็นคนโหดร้ายและแปลกประหลาดแต่เขาไม่เคยผิดคำสัญญา ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้สัญญากับจักรพรรดิปีศาจเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้ามองคนจากหุบเขาพิษที่วิ่งเข้ามาโจมตีจีจิ่วเทียน เป็นอีกครั้งที่นางรู้สึกว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ!


 


 


“ต้องให้ข้าบอกอีกสักกี่ครั้งว่าข้าไม่ยอมให้คนรอบตัวข้าต้องบาดเจ็บ แต่ไม่ว่าจะอวิ๋นเซียว เสี่ยวไป๋ หงหลวนและจีจิ่วเทียน…พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องมาบาดเจ็บเพราะข้า!


 


 


“แม่ทัพเหวินก็ต้องมาตายเพราะปกป้องครอบครัวข้า ศัตรูมากมายต้องการทำร้ายข้าด้วยชีวิตของคนที่ข้ารัก แต่ข้าก็ยังอ่อนแอ!”


 


 


พลังของนางพัฒนาเร็วมาก นางใช้เวลาไม่ถึงสิบปีจากขยะไร้พลังกลายเป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์แต่ถึงแม้นางจะแข็งแกร่งขึ้น ศัตรูที่นางเจอก็ยังแข็งแกร่งกว่าอยู่ดี…


 


 


นางต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้เพื่อปกป้องคนรอบข้างนางให้ได้!


 


 


“นายหญิง…” เสี่ยวโม่อยากจะเข้ามาปลอบอวิ๋นลั่วเฟิงแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี


 


 


เขาเข้าใจความรู้สึกของนาง หกเดือนที่แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงเพิ่งเห็นว่าอวิ๋นเซียวต้องเสียอะไรบ้างเพื่อปกป้องนาง แล้วยังต้องเจอหงหลวนเสียพลังทั้งหมดไปเพื่อปกป้องนางอีก แม้แต่ตอนนี้จีจิ่วเทียนก็เสี่ยงชีวิตเพื่อนาง!


 


 


แต่นางกลับทำอะไรไม่เลยสักอย่างเดียว!


 


 


แล้วนางจะยอมรับเรื่องแบบนี้อย่างไร


 


 


“ความแข็งแกร่งมาพร้อมกับอันตราย เสี่ยวโม่ ครั้งนี้ข้าต้องเผชิญหน้ากับโม่เชียนเฉิง! มีแค่การได้กระดูกผู้ใช้เวทมาเท่านั้น ความแข็งแกร่งของข้าถึงจะเพิ่มขึ้น!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกำหมัด นางหวาดกลัวความแข็งแกร่งของโม่เชียนเฉิงจนเคยคิดว่านางควรจะล้มเลิกความตั้งใจจะเอากระดูกผู้ใช้เวทดีหรือไม่…


 


 


แต่ตอนนี้นางตัดสินใจแล้วว่าต่อให้อันตรายสักแค่ไหน นางก็ต้องได้สมบัติชิ้นนี้! มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่นางจะแข็งแกร่งขึ้น!


 


 


คนของหุบเขาพิษร่วงลงมาทีละคน เซี่ยงเฟยที่เคยเต็มไปด้วยความมั่นใจก็หน้าซีด “ข้าดูถูกจีจิ่วเทียนเกินไปจริงๆ! ถึงแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บหนักแต่ก็ยังแข็งแกร่งอยู่ดี!”


 


 


ถ้าเขาไม่เข้าไปช่วย คนของเขาทุกคนก็คงถูกสังหารจนสิ้นแล้ว…


 


 


“นายท่านเซี่ยงเฟย พวกเราทนต่อไปไม่ไหวแล้วขอรับ” ชายชราที่ทรยศหันกลับไปมองเซี่ยงเฟยหน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “นายท่าน ข้าจำได้ว่าท่านบอกหัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทว่าท่านมีวิธีจัดการกับจีจิ่วเทียน ได้โปรดจัดการจีจิ่วเทียนแล้วช่วยพวกเราด้วยขอรับ!”


 


 


เซี่ยงเฟยส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาแล้วเงยหน้ามองจีจิ่วเทียนด้วยดวงตาเป็นประกายชั่วร้าย


 


 


“จีจิ่วเทียน ข้าจะให้โอกาสเจ้า ยอมแพ้ซะ ไม่อย่างนั้น…เจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาสได้กลับไปเกิดใหม่!”


 


 


จีจิ่วเทียนส่งเสียงหัวเราะเยาะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งเย็นชา “ข้าไม่มีทางยอมแพ้ แสดงให้ข้าดูสิว่าเจ้ามีความสามารถอะไร ข้าอยากจะรู้ว่าไพ่ตายของเจ้าคืออะไร!”


ตอนที่ 1430 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (1)


 


 


“ฮ่าๆ” เซี่ยงเฟยยิ้มร้ายแล้วมองจีจิ่วเทียนด้วยสายตาดูถูก “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะแสดงไพ่ตายของข้าให้เจ้าดู!”


 


 


เขากล้าเข้ามาในดินแดนแห่งจินตนาการแม้จะรู้ว่าจีจิ่วเทียนอยู่ที่นี่ นั่นก็เพราะเขารู้จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน! ทั่วทั้งแผ่นดินมีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้!


 


 


“ข้าไม่ต้องการอัญเชิญสัตว์อสูรวิญญาณของข้ามา แต่เพื่อจัดการกับเจ้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องใช้สัตว์อสูรศวา! [1] ”


 


 


สัตว์อสูรศวา?


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิดว่าเซี่ยงเฟยจะลงมือทำอะไรต่อไป และในตอนนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปรอบตัวชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ นาง เขาดูกระวนกระวายแบบที่นางไม่เคยเห็นเขาเป็นมาก่อน


 


 


ตูม!


 


 


ทันใดนั้นสุนัขตัวใหญ่ก็ร่วงลงมาจากฟ้าและกระแทกกับพื้นอย่างแรง สัตว์อสูรศวามีเปลวไฟปกคลุมทั่วทั้งตัว ดวงตาของมันดุร้ายและมองมาทางจีจิ่วเทียนกับอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยใบหน้าดุดัน


 


 


“จีจิ่วเทียน” อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาชั่วร้ายไปให้จีจิ่วเทียน “เจ้ากลัวสุนัขงั้นหรือ”


 


 


จีจิ่วเทียนตัวสั่น ใบหน้างดงามของเขาซีดเผือด เขามักจะทำตัวกล้าหาญอยู่เสมอแม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าราชันแห่งนรก เขาก็ไม่กลัว แต่ความจริงแล้ว…เขามีสิ่งหนึ่งที่หวาดกลัวมากที่สุดก็คือ สุนัข!


 


 


เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเห็นสุนัข เขาจะรู้สึกเหมือนหัวใจถูกแช่แข็งแล้วเกิดอาการวิตกเกินกว่าจะใช้พลังฌาน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกคนพวกนั้นทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้วพลังถดถอยลงมามากขนาดนี้ แต่ว่ามีแค่คนที่ทำร้ายเขาตอนสงครามครั้งนั้นเท่านั้นที่รู้ความลับเขา ชายคนนี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร


 


 


“เจ้าเป็นอะไรกับมารชั่วอู้เต้า” จีจิ่วเทียนรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีหินหนักๆ มาทับหัวใจเขาเอาไว้ เขาทำได้แค่ใช้ดวงตาเรียวสีชาดจ้องคนของหุบเขาพิษอย่างเย็นชาด้วยสายตาเย็นเยียบ


 


 


“ข้าเป็นผู้สืบทอดเขา” เซี่ยงเฟยยิ้มเยาะ “เขากลัวว่าเจ้าจะกลับมาแก้แค้นเลยบอกข้าถึงจุดอ่อนของเจ้า จีจิ่วเทียน ตอนนี้เจ้ากลัวหรือยัง”


 


 


“โฮ่ง!”


 


 


สัตว์อสูรศวาเห่าแล้วพุ่งเข้ามาหาจีจิ่วเทียน จีจิ่วเทียนพยายามหนีแต่ก็พบว่าขาของเขาสั่นจนขยับไปไหนไม่ได้ เมื่อเขาเห็นสัตว์อสูรศวาเขามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ตีกระดูกต้นขาของตัวเองอย่างแรง ใบหน้ามีเสน่ห์ของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธเคือง


 


 


“บ้าเอ๊ย ทำไมต้องเป็นสัตว์อสูรศวาด้วย”


 


 


ถ้าเป็นสัตว์อสูรวิญญาณชนิดอื่น เขาก็สามารถสังหารพวกมันได้ทันที แต่ว่านี่เป็นสัตว์อสูรศวา!


 


 


ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขา!


 


 


ทันทีที่สัตว์อสูรศวากระโจนมาหาจีจิ่วเทียน ร่างสีขาวก็พุ่งมายืนขวางหน้าเขาเอาไว้


 


 


“เฟิงเอ๋อร์ หลบไป!”


 


 


ดวงตาของจีจิ่วเทียนแดงก่ำ เสียงทรงพลังของเขาดังก้องไปทั่วทั้งภูเขา แต่ว่า…


 


 


ตอนที่สัตว์อสูรศวามาถึงตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง นางกลับยกแขนเพื่อกันมันเอาไว้ มันกระโดดเข้ามาใช้ฟันแหลมคมกัดเขาที่แขนของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแรงจนเลือดสีแดงสดไหลอาบและเล็ดลอดออกมาจากเขี้ยวของมัน เมื่อเห็นเลือดสีแดงสดราวดอกกุหลาบ จีจิ่วเทียนก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากระตุก เขาพูดไม่ออกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ…


 


 


“จีจิ่วเทียน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะกลัวสุนัข!” นางฉีกยิ้มร้ายกาจให้เขา


 


 


ถ้าเป็นเขาก่อนหน้านี้ จีจิ่วเทียนก็คงปกป้องตัวเองได้แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออก ดวงตารูปหงส์ของเขาแดงก่ำขึ้นๆ จนเหมือนมีโลหิตไหลออกมาท่วมดวงตา


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1431 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (2)


 


 


“หรือว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดก่อนฉีกยิ้ม “เมื่อชาติที่แล้วเจ้าเคยถูกสุนัขกัดตายเลยหวาดกลัวมัน”


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง!” จีจิ่วเทียนพยายามสงบจิตใจ แต่ดวงตาของเขายังคงแดงก่ำ “เจ้าอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรข้าไม่ได้ หลบไปเดี๋ยวนี้! หนีไป!”


 


 


“ตอนที่โม่เชียนเฉิงปรากฏตัว เจ้าก็ต้องการให้ข้าหนีไป ตอนนี้คนจากหุบเขาพิษสร้างปัญหาให้พวกเราเจ้าก็ขอให้ข้าหนีไปอีกแล้ว จีจิ่วเทียน ในความคิดเจ้า ข้าดูเป็นคนขี้ขลาดหรือ”


 


 


เด็กสาวหัวเราะ แล้วเสียงหัวเราะของนางก็พุ่งเข้ากระแทกจิตใจของจีจิ่วเทียน ทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที


 


 


“ถ้าเจ้ารอดก็ดีกว่าพวกเราต้องตายทั้งคู่ ข้าถึงอยากให้เจ้าหนีไป!”


 


 


ทำไมเฟิงเอ๋อร์ถึงไม่สนใจคำพูดเขา นางต้องการจะตายพร้อมเขาจริงหรือ


 


 


ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงแค่เมินเขาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรศวาที่กำลังกัดแขนนางอยู่


 


 


ตูม!


 


 


นางรวมพลังจำนวนมากไว้ที่แขนแล้วระเบิดพลังออกไป สัตว์อสูรศวาเจ็บปวดจนในที่สุดก็ปล่อยแขนของอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


แต่ไม่นานมันก็กระโจนเข้าหานางอีกครั้งแล้วพ่นไฟออกมา ถ้าเป็นเวลาอื่นอวิ๋นลั่วเฟิงคงเลือกหลบเปลวเพลิงไปแล้ว แต่ตอนนี้นางต้องปกป้องจีจิ่วเทียนที่อยู่ข้างหลัง! ดังนั้นนางจึงหลบไม่ได้มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น


 


 


ปัง!


 


 


เมื่อหมัดของนางปะทะเข้ากับเปลวเพลิงไฟก็หายไปทันที สัตว์อสูรศวายกกรงเล็บที่สะท้อนแสงแดดจนเป็นประกายเย็นเยียบคล้ายกริชแหลมคมขึ้นแล้วโจมตีนางอีกครั้ง


 


 


เมื่อจีจิ่วเทียนเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรศวาเขาก็กำหมัด ไม่รู้ว่าเพราะเขาออกแรงกำหมัดมากไปหรือเพราะเขากลัวสัตว์อสูรศวาเกินไปทำให้หมัดของเขาสั่นน้อยๆ


 


 


สัตว์อสูรศวาตัวนี้เป็นสัตว์อสรูขั้นเซียนปราชญ์ ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางแล้วแต่ความแข็งแกร่งระหว่างนางกับสัตว์อสูรก็แตกต่างกันมากดังนั้นไม่นานสัตว์อสูรศวาก็จะได้เปรียบ


 


 


ขณะนั้นเซี่ยงเฟยก็ดูเหมือนจะไม่พอใจความเร็วในการโจมตีของสัตว์อสูรศวาจึงเข้ามาร่วมสู้ด้วย! กลิ่นอายหนักแน่นเหมือนภูเขาของเขากดดันอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะโจมตีนางอย่างแรง ในเวลาเดียวกันกระบี่คมที่สร้างจากพลังฌาณหลายเล่มก็พุ่งจากท้องฟ้าลงมาแทงนาง…


 


 


เด็กสาวยังคงใจเย็น นางมองกระบี่แหลมคมจำนวนมากที่พุ่งเข้ามานางอย่างไร้ความเกรงกลัว ดวงตาเป็นประกายจริงจัง


 


 


หรือว่า…วันนี้นางและจีจิ่วเทียนต้องมาตายที่นี่


 


 


ไม่มีทาง!


 


 


นางยังไม่ได้เจออวิ๋นเซียว นางจะมาตายที่นี่ไม่ได้!


 


 


ตอนที่นางเริ่มต่อสู้นางก็บังคับให้หั่วหั่วและสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นๆ เข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนแล้วตัดการติดต่อกับพวกเขา ดังนั้นสัตว์อสูรวิญญาณของนางจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก…


 


 


“เฟิงเอ๋อร์!”


 


 


จีจิ่วเทียนกำหมัดที่วางอยู่บนต้นขาและดวงตาวิตกกังวลของเขาก็ลุกโชนไปด้วยความโกรธ


 


 


“บ้าเอ๊ย! เจ้ากลัวอะไรอยู่ เจ้าจะยืนดูเฟิงเอ๋อร์โดยสังหารไปต่อหน้าต่อตาเฉยๆ งั้นหรือ”


 


 


ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะอธิบายเพื่อนเก่าของข้าในโลกหลังความตายได้อย่างไร


 


 


อาจจะเป็นเพราะความวิตกกังวลในจิตใจของเขา ในที่สุดจีจิ่วเทียนก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่เสียเวลาคิด เขารีบพุ่งไปดึงตัวอวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังจะโดนกระบี่พวกนั้นแทงเข้ามาในอ้อมกอด


 


 


ปัง!


 


 


ลำแสงจำนวนมากพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขาแล้วปะทะเข้ากับกระบี่พลังฌาน ทันใดนั้นกระบี่พลังฌานพวกนั้นก็สลายกลับไปเป็นพลังฌานแล้วหายไปกลางท้องฟ้า…


 


 


 


 


——


 


 


[1] ศวา หมายถึง สุนัข


ตอนที่ 1432 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (3)


 


 


เด็กสาวเงยหน้ามองใบหน้าทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มแล้วส่งยิ้มบางให้เขา


 


 


“จีจิ่วเทียน ในที่สุดเจ้าก็เอาชนะจุดอ่อนตัวเองได้”


 


 


ความจริงแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงสามารถหนีไปพร้อมจีจิ่วเทียนโดยไม่ต้องสู้ก็ได้ แต่สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเพราะต้องการช่วยจีจิ่วเทียนเอาชนะจุดอ่อนของตัวเอง ถ้าจีจิ่วเทียนยังมีจุดอ่อนนี้อยู่ ศัตรูของเขาก็จะไปบอกคนอื่น จากนั้นเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย นั่นคือเหตุผลว่านางถึงอยากจะลองดู!


 


 


“เด็กโง่” จีจิ่วเทียนพูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจปนเอ็นดูโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว “เมื่อกี้ข้าบอกให้เจ้าหนี ทำไมไม่หนี”


 


 


“ข้าติดค้างเจ้ามากเหลือเกิน” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ดังนั้นตอนนี้ข้าก็ต้องชดใช้คืน”


 


 


สิ่งที่นางหมายถึงไม่ใช่แค่ช่วยชีวิตจีจิ่วเทียนแต่เป็นการช่วยให้เขาเอาชนะความกลัวสัตว์อสูรประเภทสุนัขได้


 


 


ดูเหมือนว่าจีจิ่วเทียนจะไม่พอใจในคำพูดนางแล้วขมวดคิ้ว “ทำไม เจ้าอยากใช้หนี้ข้างั้นหรือ”


 


 


“ใช่!”


 


 


นางไม่อยากติดหนี้ใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนี้บุญคุณ! ในความคิดนางจีจิ่วเทียนสำคัญพอๆ กับหนานกงอวิ๋นอี้!


 


 


ความโกรธเข้าครอบงำจีจิ่วเทียน แต่เขาเอาความโกรธไปลงที่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้จึงหันไปหาคนจากหุบเขาพิษแทน


 


 


“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ นายท่านของข้าบอกว่าเจ้าหวาดกลัวสัตว์อสูรวิญญาณประเภทสุนัข เหตุใดเจ้าถึงไม่กลัว” ใบหน้าของเซี่ยงเฟยซีดเผือดแล้วถอยหลังด้วยความกลัว


 


 


จีจิ่วเทียนยิ้มเยาะ “เพราะเจ้า ตอนนี้เฟิงเอ๋อร์ไม่ติดหนี้ข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดี”


 


 


เมื่อได้ยินแบบนั้น คนอื่นๆ ก็เกือบจะสะดุดล้ม เขาไม่ได้โกรธเพราะโดนพวกเขาโจมตีแต่โกรธเพราะพวกเขาทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ติดค้างหนี้บุญคุณเขาอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่


 


 


“จี…” เซี่ยงเฟยกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “นายท่านจี นี่เป็นเรื่องผิดผลาด พวกเราจะไปจากที่นี่ทันที แล้วข้าน้อยสัญญาว่าจะไม่มาแย่งกระดูกผู้ใช้เวทกับท่านอีก”


 


 


กระดูกผู้ใช้เวทไม่สำคัญเท่าชีวิตพวกเขา ถ้านายท่านแห่งหุบเขาไปได้มาด้วยตัวเอง พวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับจีจิ่วเทียนได้เลย


 


 


“วิ่ง!” เซี่ยงเฟยรีบวิ่งขึ้นภูเขาอย่างรวดเร็วแล้วทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลัง คนที่ถูกทิ้งไว้หวาดกลัวจนลืมที่จะหนี…


 


 


เซี่ยงเฟยที่ตอนแรกคิดว่าจีจิ่วเทียนจะตามไล่ล่าเขาแน่กลับพบว่าแทนที่จะตามล่าเขา ชายหนุ่มกลับระบายความโกรธกับคนที่เขาทิ้งไว้ข้างหลัง


 


 


นี่เป็นการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว! คนจากหุบเขาพิษไม่มีพลังพอที่จะต่อกรกับเขา ภายใต้การโจมตีของจีจิ่วเทียน พวกเขาถูกสังหารทีละคน ผ่านไปสักพัก นอกจากเซี่ยงเฟยที่หนีไปก่อนแล้ว คนที่เหลือทุกคนก็กลายเป็นซากศพรวมถึงชายชราที่ทรยศเผ่าผู้ใช้เวทด้วย เขาเคยคิดว่าเขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสหลังจากเข้าร่วมหุบเขาพิษ แต่เขาไม่คาดคิดว่าตัวเองจะมาตายในดินแดนแห่งจินตนาการ


 


 


“โฮ่ง!” ”


 


 


เมื่อเห็นจีจิ่วเทียนย่างท้าวเข้ามาใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ สัตว์อสูรศวาก็ถอยหลังด้วยความหวาดกลัวแล้วเห่าเพื่อขู่ไม่ให้เขาเข้าใกล้มัน


 


 


“นอนลง!” จีจิ่วเทียนเชิดใบหน้างดงามของเขาขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มและเผด็จการ


 


 


สัตว์อสูรศวานอนลงกับพื้นทันทีเพื่อแสดงการยอมแพ้ มันร้องครางแล้วดวงตาที่เคยดุร้ายก็ส่งสายตาน่าสงสารมาให้แทน


 


 


“ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงเคยกลัวสัตว์อสูรอ่อนแอแบบนี้!”


 


 


ที่จริงแล้ว จีจิ่วเทียนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมีจุดอ่อนแบบนี้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1433 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (4)


 


 


ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นลั่วเฟิง เขาคงไม่สามารถเอาชนะจุดอ่อนตัวเองได้ ไม่แน่ชาติที่แล้วเขาอาจจะโดนสัตว์อสูรวิญญาณประเภทสุนัขสังหารจริงๆ เหมือนที่อวิ๋นลั่วเฟิงบอกก็ได้…


 


 


จีจิ่วเทียนไม่ได้สังเกตว่าอวิ๋นลั่วเฟิงแอบปาเข็มและสมุนไพรพลังฌานมาฝังที่ตัวเขาก่อนที่เขาจะต่อสู้กับสัตว์อสูรศวา แต่ว่านางก็ต้องการเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ เท่านั้น


 


 


สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกล้าหาญของเขา


 


 


จีจิ่วเทียนหยิบเชือกออกมาจากไหนไม่ทราบแล้วผูกคอของสัตว์อสูรศวาเอาไว้ จากนั้นก็ลากมันมาให้อวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจว่า “มันเป็นของเจ้าแล้ว!”


 


 


มุมปากของวิ๋นลั่วเฟิงกระตุกก่อนนางจะพูดว่า “ข้าไม่ต้องการ”


 


 


จีจิ่วเทียนทำเหมือนไม่ได้ยินนางแล้วพูดต่อ “ตอนนี้เจ้าติดหนี้ข้าอีกครั้งแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่มีทางใช้หนี้ข้าหมดได้”


 


 


“…”


 


 


ทำไมเขาต้องบังคับนางให้ติดหนี้เขาด้วย นางไม่อยากติดหนี้เขาเสียหน่อย


 


 


“สัตว์อสูรวิญญาณหนึ่งตัวน่าจะยังไม่พอ ข้าจะไปจับมาเพิ่มให้เจ้าอีกสองสามตัว จากนั้นเจ้าก็จะติดหนี้ข้าตลอดไป เจ้าใช้คืนข้าหนึ่งครั้ง ข้าก็จะทำให้มันเพิ่มอีกครั้ง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงชะงัก “จีจิ่วเทียน เจ้าพยายามจะทำอะไร”


 


 


“ข้าแค่ต้องการให้เจ้าติดหนี้ข้าตลอดไป อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าจะได้สะบัดข้าไม่หลุด!”


 


 


จีจิ่วเทียนกัดฟันพูดประโยคสุดท้าย! นางอยากใช้หนี้เขาให้หมดเพื่อจะได้ไม่ต้องมาหาเขาอีกสินะ ฝันไปเถอะ! เขาไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นแน่! ทางเดียวที่จะทำได้ก็คือทำให้นางติดหนี้เขาตลอดไป เช่นนั้นแล้วนางก็จะจากเขาไปไหนไม่ได้อีก!


 


 


“จีจิ่วเทียน!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะโกรธ แต่นางเห็นชายหนุ่มที่ยืนตรงอยู่ข้างหน้านางจู่ๆ ก็ล้มลงไปที่พื้น


 


 


นางรีบก้าวเท้าไปพยุงจีจิ่วเทียนโดยที่ยังไม่มีเวลาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น


 


 


แต่ทว่า…


 


 


สัตว์อสูรศวารีบวิ่งไปหาเขาแล้วใช้หลังรับตัวเขาไว้ได้ทัน สัตว์อสูรประเภทสุนัขมีความสามารถในการเอาใจมนุษย์และจงรักภักดีกับเจ้านายมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคำที่ว่า ‘สุนัขซื่อสัตย์’ แน่นอนว่าพวกมันจะภักดีกับเจ้านายที่แท้จริงแล้วพวกมันจะไม่มีทางทรยศเท่านั้น


 


 


เซี่ยงเฟยจับสัตว์อสูรศวาได้ระหว่างทางแต่ไม่ได้สนใจมัน มันต่อสู้เพื่อเขาก็เพราะกลัวจะโดนเซี่ยงเฟยทำร้ายเท่านั้น ดังนั้นมันจึงทรยศเขาอย่างง่ายดาย! เมื่อมันเห็นเจอเจ้านายที่จริงใจ มันก็ไม่มีทางทรยศเขาตลอดชีวิต! นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนถึงพูดกันว่าสุนัขนั้นแสน ‘ซื่อสัตย์’ !


 


 


“เขายังไม่หายดีแล้วจำเป็นต้องพักผ่อน”


 


 


น่าเสียดายที่เซี่ยงเฟยหนีไปได้ ถ้าจีจิ่วเทียนไม่ได้บาดเจ็บสาหัส พวกเขาคงไม่มีทางรอดสักคนเดียว


 


 


สัตว์อสูรศวาครางในลำคอแล้วค่อยๆ วางจีจิ่วเทียนลงก่อนจะนอนลงที่พื้นอย่างเชื่อฟัง


 


 


“เจ้าอยากติดตามพวกเรางั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามขณะมองไปที่สัตว์อสูรศวา


 


 


สัตว์อสูรศวารีบพยักหน้าแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตาน่าสงสาร


 


 


“หืม? เจ้าพูดไม่ได้งั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดแล้วสำรวจตัวมัน “สัตว์อสูรวิญญาณระดับเจ้าควรจะพูดได้สิ ทำไมเจ้าถึงพูดไม่ได้ล่ะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงดูสัตว์อสูรศวาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วในที่สุดก็เข้าใจ


 


 


“เจ้าต้องถูกวางยาพิษจนพูดไม่ได้แน่ ข้าไม่รู้ว่าคนคนนั้นทำแบบนี้ทำไมแต่ข้าช่วยเจ้าได้”


ตอนที่ 1434 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (5)


 


 


ดวงตาของสัตว์อสูรศวาเป็นประกายแล้วส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร


 


 


“แต่…ข้าต้องการให้ความภักดีจากเจ้าก่อน เจ้าจะแค่ทำตามคำสั่งแต่ไม่ใส่ใจข้าเหมือนที่ทำกับคนจากหุบเขาพิษไม่ได้!”


 


 


สัตว์อสูรศวานิ่งเงียบ มันไม่อยากได้อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นเจ้านาย มันแค่อยากมีชีวิตรอด ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์อสูรวิญญาณเองก็ไม่ค่อยเต็มใจจะให้ความภักดีกับใคร แต่ถ้าให้แล้วมันก็จะภักดีต่อเจ้านายของพวกมันทั้งชีวิต!


 


 


ผ่านไปพักใหญ่ สัตว์อสูรศวาก็เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วส่งเสียงคราง


 


 


“นายหญิง เขาบอกว่าหากท่านขับพิษออกจากร่างเขาได้ เขาก็จะยอมภักดีต่อท่าน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกลับมาเชื่อมต่อกับมิติคัมภีร์เซียนหลังจากพ้นวิกฤตแล้ว ทำให้เสี่ยวโม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก


 


 


“ตกลง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าเบาๆ “เจ้าพาจีจิ่วเทียนไปที่ถ้ำแล้วให้เขานอนพัก พวกเราออกจากดินแดนแห่งจินตนาการได้เมื่อไหร่ ข้าจะถอนพิษให้เจ้า”


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น สัตว์อสูรศวาก็วิ่งไปที่ถ้ำอย่างตื่นเต้นจนเกือบจะทำจีจิ่วเทียนหล่นจากหลัง โชคดีที่จีจิ่วเทียนบาดเจ็บสาหัสจนไม่ได้สติ ไม่อย่างนั้นเขาคงตบสุนัขตัวนี้ตายหากรู้เรื่อง!


 


 



 


 


ใช้เวลาถึงสองวันกว่าจีจิ่วเทียนจะหายดี


 


 


สองวันที่ผ่านมา สัตว์อสูรศวาทำหน้าที่คุ้มกันทั้งคู่ ถ้ามีสัตว์อสูรวิญญาณในดินแดนแห่งจินตนาการเข้ามาใกล้ สัตว์อสูรศวาก็จะจัดการพวกมันเงียบๆ


 


 


เมื่อเห็นว่าจีจิ่วเทียนเกือบจะหายสนิทแล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงก็พูดช้าๆ “ในเมื่อมีทางเดียวที่จะออกจากที่นี่ได้ไม่ว่าจะอันตรายสักแค่ไหนพวกเราก็ต้องไปที่นั่น”


 


 


“เจ้าตัดสินใจดีแล้วใช่หรือไม่” จีจิ่วเทียนมองอวิ๋นลั่วเฟิง “ถ้าเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะติดตามเจ้าไปให้ถึงที่สุด!”


 


 


“ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดแล้วหันไปมองสัตว์อสูรศวา “เจ้าอยากจะอยู่ที่นี่หรือไปกับพวกเรา”


 


 


“โฮ่ง”


 


 


สัตว์อสูรศวาเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใช้หัวถูขานางก่อนจะส่ายหางเหมือนว่ากำลังขอร้องนาง มันต้องการจะสื่อว่า มันจะติดตามนางไปทุกที่


 


 


“ดี ถ้าอย่างนั้นก็มาด้วยกัน จะว่าไปเจ้ายังไม่มีชื่อเลยนี่ ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงถามขณะมองสัตว์อสูรศวา


 


 


สัตว์อสูรศวาส่ายหางมองอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“ชื่อฉาฉา…เจ้าชอบหรือไม่”


 


 


ฉาฉา?


 


 


อย่าว่าแต่สัตว์อสูรศวา จีจิ่วเทียนเองก็ส่งสายตางุนงงให้นาง


 


 


“ทำไมถึงตั้งชื่อนี้”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดคิดสักครู่ “ข้าคิดถึงท่านปู่”


 


 


“แล้ว?”


 


 


“ท่านชอบดื่มชา”


 


 


“…”


 


 


แค่เพราะว่าปู่ของนางชอบดื่มชาและนางคิดถึงเขา นางก็เลยตั้งชื่อสัตว์อสูรศวาว่า ฉาฉา [1] งั้นหรือ แต่ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรศวาจะชอบชื่อนี้ มันส่ายหางอย่างดีใจแม้ดวงตาจะยังแสดงความน่าสงสารอยู่เหมือนเดิม


 


 


“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะพวกนางกำลังจะไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง…


 


 



 


 


บนยอดเขาที่มีเมฆหมุนวนอยู่รอบๆ


 


 


ที่นี่ไม่เหมือนถ้ำที่อวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ ถ้ำนี้อยู่บนยอดเขา ภายในมีทิวทัศน์งดงามเหมือนเทพนิยาย มันแปลกประหลาดมากเพราะเหมือนมีโลกใบเล็กๆ อยู่ด้านใน ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ภูเขา ท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆสีขาว และอื่นๆ อีกมากมาย


 


 


ขณะนั้นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวที่ยืนอยู่บนยอดไม้ก็ก้มลงมองโครงกระดูกด้านล่างซึ่งเป็นโครงกระดูกของมังกรยักษ์ที่ค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีเงารางๆ ปรากฏขึ้น


 


 


ถ้ามองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าเงานั้นเป็นรูปร่างมังกรยักษ์ที่ดูมีชีวิตเหมือนกำลังจะกางปีกโบยบินขึ้นท้องฟ้า


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1435 จุดอ่อนของจีจิ่วเทียน (6)


 


 


“เสี่ยวเฮย ข้าเจอจีจิ่วเทียนกับผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียนด้วย…”


 


 


ชายหนุ่มกัดริมฝีปากสีชมพูของตัวเอง “หลังจากผ่านมาหลายปีข้าควรจะลืมเจวี๋ยเชียนได้แล้วแต่เขายังอยู่ในความคิดข้า ข้าก็แค่ลืมเขาไม่ได้”


 


 


วิญญาณมังกรพยายามลุกแล้วคำราม ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่มีชีวิตชีวา


 


 


“เจ้ารู้อะไรไหม ข้าไม่ได้เกลียดเจวี๋ยเชียนที่ปฏิเสธข้าหรือทำให้ข้าอับอาย ตอนที่ข้าตัดสินใจบอกเขาเรื่องแผนการลับของคนพวกนั้น เขาก็คงรู้แล้วว่าข้าไม่ได้เกลียดเขาอีกต่อไป


 


 


“แต่เจ้าบ้านั่นขังข้าไว้ในนี้เป็นพันปี! ภายในนี้ข้าไม่แก่ไม่ตาย! ข้าต้องใช้ชีวิตเป็นพันปีอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว! อ้อ ใช่ เจ้าเองอยู่กับข้า เขาทิ้งเจ้าไว้ที่นี่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนข้าแล้วผูกวิญญาณเจ้าไว้กับกระดูกของเจ้าดังนั้นกระดูกก็เลยไม่หายไปและเจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป…


 


 


“แต่ข้าเป็นมนุษย์! ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่กับข้าแล้วอย่างไร ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ โดนแยกออกมาจากโลกภายนอก! แล้วข้าจะไม่เกลียดเขาได้อย่างไร ข้ารับได้ที่เขาปฏิเสธความรักข้า แต่ข้ารับไม่ได้ที่เขาทรมานข้าด้วยวิธีนี้! ทำไมเขาถึงโหดร้ายกับข้าแบบนี้”


 


 


ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเจวี๋ยเชียนถึงขังเขาไว้ที่นี่แล้วทำให้เขาทรมานเป็นพันปี!


 


 


“เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าทำไมเจวี๋ยเชียนถึงทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”


 


 


ทันใดนั้นเสียงชั่วร้ายก็ดังขึ้นจากด้านหน้า ร่างของโม่เชียนเฉิงชะงักแล้วความโกรธก็เข้าครอบงำเขา


 


 


“จีจิ่วเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ในเมื่อวันก่อนเจ้าหนีไป ทำไมวันนี้ถึงกลับมาอีก”


 


 


จีจิ่วเทียนไม่ได้ตอบคำถามเขา ดวงตาเรียวของเขาพลันฉายแววเยาะเย้ย “พันปีที่แล้ว เจ้ากับศัตรูของเขาใส่ร้ายเจวี๋ยเชียน เจ้าคิดว่าคนพวกนั้นจะไว้ชีวิตเจ้าหลังจากสังหารเจวี๋ยเชียนแล้วหรือ เจ้าพวกหน้าไหว้หลังหลอกนั่นไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองสังหารเจวี๋ยเชียนได้เพราะมีชายหนุ่มอย่างเจ้าช่วย!”


 


 


“ดังนั้น…” สายตาของจีจิ่วเทียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “พวกเขาไม่มีทางปล่อยเจ้าไป!”


 


 


“ฮึ่ม!” โม่เชียนเฉิงส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “ข้ารู้ แล้วอย่างไรเล่า ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้เกิดพร้อมเจวี๋ยเชียน ข้าก็ตายพร้อมเขาได้ ข้าไม่เสียใจ!”


 


 


จีจิ่วเทียนมองหน้าเขาแล้วยิ้มร้าย “ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำตัวโหดร้ายกับเจวี๋นเชียนแต่เขาก็ไม่ได้ทำกับเจ้าแบบเดียวกัน เขาขังเจ้าไว้ที่นี่ก็เพื่อปกป้องเจ้า!”


 


 


“ไร้สาระ!”


 


 


คำพูดของจีจิ่วเทียนเหมือนเข็มทิ่มเข้ามาในใจ เขาเจ็บปวดจนตัวสั่นแล้วดวงตาก็ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ


 


 


“เจวี๋ยเชียนไม่เคยสนใจข้า! เขาไม่คุยกับข้าตั้งแต่เขาปฏิเสธข้าแล้ว! เขาเกลียดข้า! เขาขังและทรมานข้าก็เพราะเขาเกลียดข้า!”


 


 


“ข้าแค่พูดความจริง เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ”


 


 


คำพูดของเขาสร้างความขุ่นเคืองให้ชายหนุ่มที่ทะยานลงมาแล้วปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังก่อนเริ่มโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“หุบปาก อย่าพูดจาไร้สาระ!”


 


 


เจวี๋ยเชียนเกลียดเขา! ไม่อย่างนั้นเขาจะทำตัวโหดร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร จีจิ่วเทียนพูดจาไร้สาระแบบนี้เพื่อหลอกล่อเขาให้ไว้ชีวิต! ใช่แล้ว เขาต้องพูดโกหกแน่!


 


 


การโจมตีของเขารุนแรงมากส่งผลให้จีจิ่วเทียนทำได้แค่ถอยหลังไปเรื่อยๆ ดวงตาของโม่เชียนเฉิงแดงก่ำเหมือนคนบ้าที่ต้องการเพียงทำลายศัตรูตรงหน้าเขาเท่านั้น!


 


 


 


 


——


 


 


[1] 茶 (chá) ฉา หมายถึง ชาหรือน้ำชา

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม