ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1424-1427

 ตอนที่ 1424 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (1)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมองผ่านพงหญ้าเขียวชอุ่มก็เห็นใบหน้าเรียบเนียนอ่อนเยาว์


 


 


ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวอายุราวสิบห้าสิบหกปี ดวงตาเขาเป็นประกายสดใสดุจหมู่ดาวยามค่ำคืน ใบหน้าหล่อเหลาน่ารักของเขาแลดูไม่มีพิษมีภัย เขาตัวสูงขายาว รูปร่างสมบูรณ์แบบ เมื่อรวมกับผมยาวสีเงินใต้ท้องฟ้าสีครามก็ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจ


 


 


ถ้าชายหนุ่มปรากฏตัวที่อื่นอาจจะไม่มีคนสนใจเขา


 


 


แต่ที่นี่คือมิติลับของเผ่าผู้ใช้เวท! ที่นี่อันตรายมาก! คนที่ปรากฏตัวที่นี่ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอน!


 


 


หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากร่างของจีจิ่วเทียน


 


 


“ข้ารู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาในดินแดนแห่งจินตนาการ แต่ข้าไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้า จีจิ่วเทียน!”


 


 


ใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มเจิดจ้า ดวงตายังคงแสดงความไร้เดียงสาและน้ำเสียงที่ใช้อ่อนโยนและปราศจากจิตมุ่งร้าย


 


 


“เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์”


 


 


เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเจอตัวเขาแล้ว จีจิ่วเทียนก็ค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วกระซิบกับอวิ๋นลั่วเฟิง “ไป ออกไปจากที่นี่! ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้! แล้วล้มเลิกการหากระดูกผู้ใช้เวทซะ”


 


 


เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงยังตกใจจนนิ่งไปอยู่ จีจิ่วเทียนก็ตะโกนดังขึ้น “ไป!”


 


 


“ไปงั้นหรือ” ชายหนุ่มยิ้ม


 


 


รอยยิ้มเขาดูน่ากลัวราวกับปีศาจกำลังโบกมือเรียกนางอยู่


 


 


“เจ้าคิดว่าเข้ามาที่นี่แล้วเจ้ายังมีโอกาสออกไปอีกหรือ”


 


 


จู่ๆ สายลมก็พัดแรงขึ้น ชายหนุ่มเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งแล้วยิ้มเยาะอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ตอนนั้นเอง อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นจับตัวไว้ ทำให้จิตใจของนางโดนแรงกดดันจนหายใจไม่ออก


 


 


ชายหนุ่มแข็งแกร่งมาก….มากเกินกว่าที่จะอยู่ที่นี่!


 


 


จีจิ่วเทียนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินไปขวางหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อปกป้องนางจากพลังกดดันของชายหนุ่ม


 


 


ใบหน้าของเขาที่มักจะแสดงความเหยียดหยามอยู่ตลอดเวลากลายเป็นเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก


 


 


“นี่เป็นเรื่องขัดแย้งของพวกเรา นางไม่เกี่ยว ปล่อยนางไปซะ”


 


 


“ไม่เกี่ยว?” ชายหนุ่มยิ้มเยาะแล้วยกยิ้มเหยียดหยาม ใบหน้าเขาแสดงความหยิ่งยโสและเหนือกว่า “สตรีผู้นี้เป็นผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียน แล้วนางจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจวี๋ยเชียนสมควรตาย!”


 


 


ตูม!


 


 


ชายหนุ่มปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังจนครอบคลุมทั้งหุบเขา


 


 


“ข้าแค่สงสัยว่าทำไมลูกหลานข้าถึงยอมให้พวกเจ้าเข้ามา”


 


 


ลูกหลาน?


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจับคำสำคัญได้สองคำ ใบหน้างดงามของนางก็ค่อยๆ เงยขึ้นแล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า “เจ้าเป็นบรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวทงั้นหรือ”


 


 


กระดูกผู้ใช้เวทควรเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวทเหลือทิ้งไว้ ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่


 


 


“หืม?” ชายหนุ่มหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแปลกใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “ถึงแม้ว่าเจ้าบ้าจีจิ่วเทียนจะดึงพลังกดดันของข้าไปบางส่วน แต่ยังน่าแปลกที่เจ้าสามารถพูดได้ภายใต้แรงกดดันที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง! อืม เฟิงเอ๋อร์คนนี้น่าสนใจจริงๆ ถ้าเจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียน ข้าอาจจะรับเจ้าเป็นศิษย์ก็ได้ น่าเสียดาย…ที่เจ้ามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเจวี๋ยเชียน”


 


 


ชายหนุ่มดูเสียใจและส่ายหน้าเหมือนผิดหวังจริงๆ ที่อวิ๋นลั่วเฟิงมีความเกี่ยวข้องกับเจวี๋ยเชียน


 


 


“โม่เชียนเฉิง” จี่จิ่วเทียนที่ดูมีเสน่ห์ในชุดคลุมสีแดงของเขาก็มายืนขวางหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง “เจวี๋ยเชียนกลายเป็นเถ้ากระดูกไปแล้ว ทำไมเจ้ายังหมกมุ่นเรื่องเขาอยู่อีก หรือเป็นเพราะว่าเจ้าไม่สามารถมีเขาข้างกายได้ เจ้าก็เลยหยุดเกลียดเขาไม่ได้ไปด้วย”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1425 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (2)


 


 


“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”


 


 


เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่พอใจในคำพูดของจีจิ่วเทียนจนดวงตาลุกเป็นไฟ “จีจิ่วเทียว เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ข้าสังหารเจ้าได้!”


 


 


“ข้าแค่พูดความจริง” จีจิ่วเทียนดูไม่สนใจความโกรธของชายหนุ่มแล้วยกยิ้มดูถูก “วันนั้นเจ้าสารภาพรักกับเจวี๋ยเชียนต่อหน้าสาธารณะ แต่เจวี๋ยเชียนไม่ชอบบุรุษก็เลยปฏิเสธเจ้า เจ้าโกรธเพราะอับอายเลยถือว่าเขาเป็นศัตรูแล้วยังช่วยคนพวกนั้นใส่ร้ายเขาอีก!”


 


 


ชายหนุ่มตัวสั่นน้อยๆ ใบหน้าเรียบเนียนของเขาซีดเผือด


 


 


“จีจิ่วเทียน เจ้ามารชั่ว ข้าจะสังหารเจ้า! ข้าจะสังหารเจ้า!”


 


 


หลังจากผ่านมาหลายปี เขาก็คิดว่าตัวเขาไม่ได้รักชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่จีจิ่วเทียนกลับเปิดโปงคำโกหกของเขา เขาโมโหมากจนเริ่มโจมตีจีจิ่วเทียนอย่างบ้าคลั่ง


 


 


“เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ หนีไป!”


 


 


ตอนนั้นเอง จีจิ่วเทียนก็ผลักอวิ๋นลั่วเฟิงออกแล้วไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม


 


 


พลังทรงอำนาจถูกปล่อยออกจากร่างของคนทั้งคู่จนทำให้หุบเขาพังทลาย กำปั้นทั้งสองปะทะกันท่ามกลางลมพายุเกิดเป็นพลังรุงแรงจนเสื้อผ้าพวกเขาฉีกขาด เผยให้เห็นผิวขาวเนียนของพวกเขา


 


 


คนหนึ่งหล่อเหลา คนหนึ่งน่ารักสูงโปร่ง แต่ทั้งคู่ต่างก็มีเสน่ห์และงดงามไร้ที่ติ! ไม่ว่าสตรีคนใดที่เห็นฉากนี้ต้องตื่นเต้นจนน้ำลายไหล


 


 


แต่น่าเสียดาย…


 


 


ความสนใจของอวิ๋นลั่วเฟิงมุ่งไปที่การต่อสู้ของพวกเขา นางจึงไม่ทันสังเกตรูปร่างของพวกเขาแม้แต่น้อย


 


 


“จีจิ่วเทียน เมื่อพันปีก่อนเจ้าแข็งแกร่งกว่าตอนนี้ ทำไมหลังจากผ่านไปพันปี เจ้าถึงถดถอยลง” ชายหนุ่มถอยหลังไปแล้วใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องจีจิ่วเทียนอย่างเย็นชา


 


 


“เจ้าเองก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นเหมือนกัน” จีจิ่วเทียนยกยิ้มป่าเถื่อนทรงอำนาจ เมื่อรวมกับชุดสีแดงเพลิงของเขาก็ทำให้เขาดูงดงามจนน่าตกตะลึง


 


 


“แค่เพราะคำพูดเจ้าเพียงอย่างเดียว ข้าก็สังหารเจ้าได้เป็นล้านครั้ง!” ชายหนุ่มกัดฟันแล้วจ้องเขาอย่างดุร้าย


 


 


“ถ้าเจ้าสังหารข้าได้จริง ตอนนี้เจ้าก็คงทำไปแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงสังหารข้าตอนนี้ไม่ได้” จีจิ่วเทียนหัวเราะลั่นแล้วไม่ได้สนใจอะไรเขาอีก


 


 


ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้าไม่รู้หรือว่าเจวี๋ยเชียนสร้างที่นี่มาเพื่อขังข้า! ข้าไปไกลจากถ้ำไม่ได้ ถ้าออกมา ข้าจะใช้พลังได้แค่หนึ่งในสิบเท่านั้น! ดังนั้นเจ้าอย่าก้าวเข้ามาในที่ของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะทรมานเจ้าจนตาย!


 


 


เขาจะสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจวี๋ยเชียน!


 


 


“เมื่อพันปีก่อนเจ้าก็เอาชนะข้าไม่ได้” จีจิ่วเทียนพูดยั่วโมโหแล้วส่งสายตาร้ายกาจให้เขา


 


 


“นั่นมันเมื่อพันปีก่อนไม่ใช่ตอนนี้! ช่วงพันปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะถูกขังอยู่ที่นี่ข้าไม่เคยหยุดฝึกพลังฌาน ถึงความเร็วในการฝึกจะน้อยเพราะโดนจำกัดแต่ข้าก็ยังพัฒนา ส่วนเจ้าน่ะถดถอย!” ชายหนุ่มมองจีจิ่วเทียน “ดังนั้นครั้งนี้เจ้าต้องลงไปนอนในหลุมแน่นอน!”


 


 


ชายหนุ่มรู้ว่าเขาสังหารจีจิ่วเทียนที่นี่ไม่ได้จึงมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วถีบตัวพุ่งขึ้นยอดเขา


 


 


ทันทีที่เขาจากไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกว่าแรงกดดันบนร่างหายไป แต่นางก็ไม่ได้โล่งใจ กลับยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น


ตอนที่ 1426 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (3)


 


 


“เขาไม่ได้เป็นบรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวท” จีจิ่วเทียนหันหลังมามองอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนเขาอ่านใจนางออก “บรรพบุรุษของเผ่าผู้ใช้เวทเป็นสัตว์อสูรวิญญาณที่บังเอิญอยู่ในหุบเขาของเขา!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าครั้งนี้นางกำลังมีปัญหาแล้ว


 


 


“เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าเอาชนะเขาได้” อวิ๋นลั่วเฟิงลองคิดแล้วถาม


 


 


“ถ้าเป็นเมื่อก่อน โม่เชียนเฉิงสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่ตอนนี้…”


 


 


“จีจิ่วเทียน เมื่อครู่เขาบอกว่าพลังเจ้าถดถอยลง หมายความว่าอย่างไร ที่สำคัญกว่านั้น ข้าสงสัยว่าทำไมเขาถึงดูอ่อนเยาว์ทั้งๆ ที่อยู่มาเป็นพันปีแล้ว”


 


 


จีจิ่วเทียนเงียบ ความเงียบของเขาทำให้บรรยากาศตึงเครียด


 


 


ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงคิดว่าเขาคงไม่ตอบนางแล้ว เสียงของเขาก็ดังขึ้น “เจ้าคงเคยพบเศษเสี้ยววิญญาณของเจวี๋ยเชียน เขาจงใจทิ้งวิญญาณส่วนหนึ่งเอาไว้เผื่อถ่ายทอดพลังของเขา แล้ววิญญาณส่วนอื่นๆ ของเขาก็กลับไปเกิดใหม่


 


 


“ความจริงแล้ววิญญาณของเขาอ่อนแอมากจนสามารถหายไปได้ทุกเมื่อ แต่เขายังฝืนแบ่งส่วนวิญญาณทิ้งไว้ ทำให้วิญญาณเขาเกือบหายไปตลอดกาล ดังนั้นข้าจึงใช้วิชาลับเพื่อช่วยให้เขาได้กลับมาเกิดใหม่


 


 


“ผลของการใช้วิชาลับทำให้ข้าไม่สามารถแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ได้”


 


 


“ส่วนเรื่องที่พลังถดถอย…” จีจิ่วเทียนยิ้ม “นั่นเพราะเมื่อประมาณสิบปีก่อน ข้าต่อสู้กับชายคนหนึ่งแล้วพลาดตกลงไปในกับดัก”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจฟังจีจิ่วเทียนเงียบๆ ก่อนถามว่า “แล้วทำไมเจ้าถึงยังดูอ่อนเยาว์ถึงแม้จะมีชีวิตอยู่มาเป็นพันปีแล้ว”


 


 


“ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าไม่ได้ ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้ ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งปลอดภัย ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อการฝึกพลังฌานของเจ้า” จีจิ่วเทียนมองอวิ๋นลั่วเฟิง “เฟิงเอ๋อร์ เจ้ายังมีเวลาอีกมาก ตราบใดที่เจ้าฝึกต่อไปเรื่อยๆ คำตอบทั้งหมดที่เจ้าตามหาก็จะปรากฏแก่เจ้าเอง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ก่อนอื่นข้าเพิ่งตรวจสอบดินแดนแห่งจินตนาการแล้วพบว่าพวกเราเข้ามาที่นี่ได้แต่ออกไม่ได้!”


 


 


หลังจากรู้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่ม นางก็ยอมแพ้เรื่องกระดูกผู้ใช้เวท


 


 


แต่โชคร้าย…


 


 


ไม่มีใครสามารถออกจากดินแดนแห่งจินตนาการได้


 


 


“หืม?” จีจิ่วเทียนเลิกคิ้ว “นั่นเป็นปัญหาใหญ่แล้ว เฟิงเอ๋อร์ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปหาทางออก”


 


 


“จีจิ่วเทียน”


 


 


เมื่อเห็นว่าจีจิ่วเทียนกำลังจะออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็เรียกเขาจากด้านหลัง


 


 


“ระวังตัวด้วย”


 


 


จีจิ่วเทียนหยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับมา ไม่นานร่างสีแดงเพลิงของเขาก็หายไปจากสายตา หลังจากจีจิ่วเทียนออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็หาถ้ำแล้วนั่งลงเพื่อเริ่มฝักพลังฌาน หั่วหั่วและคนอื่นคอยอารักขาทางเข้าถ้ำของนาง


 


 



 


 


เมื่อนางมีสมาธิกับการฝึกพลังฌานเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้อยู่ภายในดินแดนแห่งจินตนาการก็ยังมีกลางวันกลางคืน อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ว่าจีจิ่วเทียนหายไปประมาณสามเดือนแล้วจากการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า


 


 


ตอนนั้นเอง ภายในถ้ำ พายุบนศีรษะของเด็กสาวก็ค่อยๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ระเบิดออก เนื่องจากอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการ อวิ๋นลั่วเฟิงจึงไม่ได้ปกปิดร่องรอยของตัวเองหรือแม้แต่เข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนเพื่อผ่านด่านเลื่อนระดับ แต่นางไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการนอกจากนาง…


 


 


“นายท่านเซี่ยงเฟย ดูนั่น เหมือนมีคนอยู่ตรงนั้นขอรับ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1427 ผ่านด่านเลื่อนระดับ! (4)


 


 


การผ่านด่านของราชันปราชญ์ทรงพลังมากจนเห็นแก่นพลังฌานปรากฏระหว่างถ้ำกับท้องฟ้า คนจากหุบเขาพิษที่เดินเอ้อระเหยอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการถึงสามเดือนก็พบที่อยู่ของอวิ๋นลั่วเฟิงทันทีที่นางเพิ่งจะผ่านด่าน!


 


 


“ไป!” ชายชราชุดเทาที่ชื่อเซี่ยงเฟยหรี่ตาอสรพิษของเขา “พวกเราไปตรวจสอบ!”


 


 


นี่ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว!


 


 


พวกเขาเสียเวลาถึงสามเดือนอยู่ที่นี่แต่ไม่พบอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นอวิ๋นลั่วเฟิงที่เข้ามาในดินแดนแห่งจินตนาการก่อนพวกเขาหรือกระดูกผู้ใช้เวทก็ไม่เจอ!


 


 


ตอนนี้พวกเขาพบอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วจึงรีบพุ่งไปหานางทันที…


 


 



 


 


ภายในถ้ำ


 


 


เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาแล้วพ่นลมหายใจออกอย่างช้าๆ “ในที่สุดข้าเป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางแล้ว”


 


 


แต่เส้นทางการเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงก็ยังอีกยาวไกล…


 


 


“จีจิ่วเทียนยังไม่กลับมาอีกหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ ยืนขึ้น ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นในดวงตานาง “เขาหายไปสามเดือนแล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก ข้ารออยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ได้ ข้าต้องออกไปหาเขา!”


 


 


เมื่อคิดได้ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ค่อยๆ เดินออกจากถ้ำ ทันทีที่นางก้าวขาออกจากถ้ำ ร่างสีแดงก็ร่อนลงมาจากฟ้ าแล้วก่อนที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะตอบสนองได้ทัน นางก็ชนเข้ากับร่างนั้น


 


 


“ปล่อยข้านะ!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงตะโกนอย่างเดือดดาลแล้วพยายามผลักคนที่อยู่บนตัวออกไป แต่นางก็หยุดเมื่อเห็นหน้าว่าเขาเป็นใคร


 


 


“จีจิ่วเทียน?”


 


 


ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้ดูดื้อรั้นและทรงอำนาจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว! ใบหน้างดงามของเขาซีดเผือดแล้วยังมีรอยเลือดอยู่ที่มุมปาก ดวงเขาปิดสนิทและไม่ขยับหรือส่งเสียงใดๆ เลย


 


 


“โชคดีที่เขายังมีชีวิตอยู่”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาของเขา นางลุกขึ้นจากที่ที่โดนจีจิ่วเทียนล้มทับแล้วหยิบสมุนไพรพลังฌานจากธำมรงค์มิติออกมาป้อนให้เขา


 


 


นางเตรียมสมุนไพรพลังฌานไว้ก่อนที่จะมาที่เผ่าผู้ใช้เวท ตามระดับมิติคัมภีร์ในปัจจุบัน แค่สองสามวัน สมุนไพรก็โตเต็มที่ แล้วทันทีที่สมุนไพรพร้อมเก็บเกี่ยวนางรีบเอามาซ่อนในธำมรงค์มิติเพื่อไม่ให้โดนเสี่ยวซู่เอาไปกินเสียก่อน


 


 


“แค่ก” จีจิ่วเทียนกระอักเลือดออกมาแล้วค่อยๆ ลืมดวงตาเรียวอันงดงามของเขาขึ้น


 


 


“เกิดอะไรขึ้น” อวิ๋นลั่วเฟิงถามพร้อมขมวดคิ้ว


 


 


“ตอนที่ข้ากำลังตามหาทางออก ข้าบังเอิญเข้าไปในอาณาเขตของโม่เชียนเฉิง” จีจิ่วเทียนพยายามลุกขึ้นนั่ง “ข้าสู้เขาไม่ได้เลยพยายามหลบหนีออกมาแทน แต่ข้าก็รู้วิธีออกจากดินแดนแห่งจินตนาการแล้ว”


 


 


“ทางออกอยู่ในถ้ำที่โม่เชียนเฉิงอาศัยอยู่!”


 


 


หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินคำพูดของจีจิ่วเทียน “พวกเราต้องสู้กับโม่เชียนเฉิงอีกครั้งใช่หรือไม่”


 


 


ดูเหมือนว่านางจะชะล่าใจเรื่องการเดินทางครั้งนี้มากเกินไป ไม่มีใครคิดว่าจะมีสัตว์ประหลาดทรงพลังอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการ แล้วสัตว์ประหลาดที่ว่าก็เกลียดเจวี๋ยเชียนมากจนต้องการสังหารทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดคิดสักพักแล้วเอ่ยถาม “จีจิ่วเทียน เจ้าช่วยบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจวี๋ยเชียนและโม่เชียนเฉิงให้ข้ารู้ได้หรือไม่”


 


 


จีจิ่วเทียนยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนแรง “ชีวิตของเจวี๋ยเชียนก็คล้ายๆ เจ้า แต่ไม่โชคดีเท่าเจ้าแล้วก็ไม่ได้มีผู้ติดตามจำนวนมากคอยช่วยเขา เขาเคยเป็นแค่ขยะคนหนึ่งเหมือนกันก่อนก้าวผ่านอันตรายนับไม่ถ้วน ออกเดินทางสำรวจดินแดนลึกลับมากมายจนในที่สุดก็แข็งแกร่ง! โม่เชียนเฉิงกับข้าพบเขาตอนนั้นเอง”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม