ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 142-148

ตอนที่ 142 เหมือนคุณยาย

 

ในระหว่างการรับประทานอาหารค่ำวันนี้ บางคนมีความสุข ในขณะที่บางคนเศร้า แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มีความสุข มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เศร้า นั่นคือพี่น้องตระกูลเซียว ในความเป็นจริงเซียวจิ่งกับเซียวส่าไม่ได้เศร้ามากมายนัก แค่โมโหเล็กน้อย น้องสาวของพวกเขาถูกผู้ชายอีกคนหนึ่งขโมยไป! นั่นทำให้พวกเขาโกรธจริงๆ!


 


 


ในที่สุดครอบครัวเซียวก็ได้มีน้องสาวแสนสวยที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก แต่ตอนนี้เฉียวเหลียงขี้หวงไม่รู้ว่าผุดมาจากที่ไหน มาคอยกีดกันพวกเขาตลอดเวลา ราวกับว่าพวกเขาเป็นโจร…


 


 


เซียวเหยามีความรู้สึกผสมปนเปกันในเรื่องนี้ แต่เขาเตือนตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าตอนนี้เธอคือน้องสาวเขา เป็นน้องสาวโดยสายเลือด ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอกับเฉียวเหลียงเคยรักกันมากมายแค่ไหนมาก่อน เมื่อในที่สุดทั้งสองได้กลับมาคบกันอีกครั้ง เขาควรปรารถนาให้พวกเขามีความสุข และไม่ควรตกหลุมรักน้องสาวตัวเอง…


 


 


อย่างไรก็ตามเขาอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจเธอ อดไม่ได้ที่จะคอยมองเธอ เมื่อเขาเห็นอารมณ์หวานๆ ที่ทั้งสองมีให้กัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากทำลายความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง…


 


 


เซียวเหยาคิดกับตัวเองอย่างเย้ยหยัน ‘เซียวเหยา นายนี่มันสารเลวจริงๆ!’


 


 


หลังอาหารค่ำทั้งสองครอบครัวก็สนทนากัน นายพลหยางชื่นชอบถังซีมาก ตามที่เขาพูดนั้น เป็นเพราะเธอคล้ายกับภรรยาผู้ล่วงลับของเขา ดังนั้นเมื่อถังซีและหยางจิ้งเสียนกำลังจะกลับ นายพลหยางจึงขอให้ถังซีมาเยี่ยมเขาที่บ้านอีกบ่อยๆ เมื่อเธอมีเวลา เขาเกษียณแล้ว และมีความสุขมากเวลาที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคนหนุ่มสาว


 


 


ขณะจับมือถังซีไว้ เฉียวอวี่ซินลังเลที่จะปล่อยเธอ และถามเธอว่า “โหรวโหรว พรุ่งนี้หนูว่างหรือเปล่าจ๊ะ ไปที่บ้านป้าได้ไหม”


 


 


“หนูต้องไปถ่ายโฆษณาทีวีในวันพรุ่งนี้ค่ะ หนูรับงานของเฮ่อหว่านหนิงไว้ ตกลงจะถ่ายภาพยนตร์โฆษณาทีวีให้เขา อันที่จริงควรจะเริ่มถ่ายทำเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่หนูป่วย เวลาถ่ายทำเลยต้องเลื่อนออกไปค่ะ พรุ่งนี้หนูก็เลยต้องไปถ่ายงานนี้”


 


 


เฉียวอวี่ซินมองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ “หนูจะถ่ายโฆษณาด้วยเหรอจ๊ะ โฆษณาอะไรหรือ”


 


 


ถังซีหัวเราะเบาๆ และบอกอย่างอายๆ ว่า “เป็นโฆษณาทางโทรทัศน์ค่ะ น้ำหอมรุ่นใหม่ของ OLS หนูบังเอิญได้พบกับเฮ่อหว่านหนิงก่อนหน้านี้ และได้มีโอกาสรับงานนี้”


 


 


หลังจากคุยกันอีกเล็กน้อย สองครอบครัวก็กล่าวอำลากันและกัน


 


 


ระหว่างทางกลับบ้านถังซีถามหยางจิ้งเสียนว่า “คุณแม่คะ คุณป้ากับคุณตาบอกว่าหนูหน้าคล้ายคุณยาย จริงเหรอคะ”


 


 


คุณนายหยางเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากนายพลหยางกับคุณนายหยางแต่งงานช้า ทั้งสองอยู่ในวัยสามสิบกว่าแล้วเมื่อคุณนายหยางให้กำเนิดหยางจิ้งเสียน นอกจากนี้ทั้งสองยังไม่ค่อยได้ถ่ายภาพเก็บไว้เมื่ออยู่ในวัยยี่สิบ หยางจิ้งเสียนจึงจำไม่ได้ชัดเจนว่ามารดาเธอหน้าตาเป็นอย่างไรในวัยสาว เธอจึงได้แต่พยักหน้าและกล่าวว่า “ก็น่าจะคล้ายนะจ๊ะ เพราะคุณตาบอกว่าหนูหน้าตาเหมือนคุณยาย”


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ คิดว่าน่าอัศจรรย์มากที่เธอหน้าตาเหมือนคุณนายหยาง…


 


 


“แล้วคุณป้ารู้ได้ยังไงล่ะคะ”


 


 


หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากก่อนจะตอบ “อาจเป็นเพราะคุณป้าเคยเข้าไปในห้องทำงานของคุณตา เธอก็เลยเห็นรูปถ่ายตอนสาวๆ ของคุณยาย” ขณะกล่าวเช่นนี้ เธอรู้สึกอิจฉานิดหน่อย เธอเป็นลูกสาวคุณพ่อแท้ๆ แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องทำงานของท่านเลย…


 


 


ห้องทำงานของบิดาเธอไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปได้ง่ายๆ อย่างแท้จริง เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเขียนเรียงความเรื่อง ‘ห้องทำงานลึกลับ’ ตอนนั้นเธอยังเด็ก ซึ่งเธอบรรยายว่าห้องทำงานของคุณพ่อเธอลึกลับแค่ไหน


 


 


เธอมองดูลูกชายคนโตในกระจกมองหลังแล้วถามว่า “เซียวเหยา ห้องทำงานของคุณตาเป็นอย่างไรบ้าง มีรูปคุณยายของลูกไหม”


 


 


เซียวเหยาพยักหน้าตอบว่า “มีรูปขาวดำของคุณยายครับ ท่านสวยมากตอนสาวๆ และโหรวโหรว…” หลังจากนิ่งมองโหรวโหรวอย่างละเอียดอยู่สองวินาที เขาก็กล่าวต่อไปว่า “คุณยายกับโหรวโหรวหน้าตาคล้ายกันมากจริงๆ ครับ”


 


 


หยางจิ้งเสียนหันหน้ามามองถังซี คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยสิ่งที่คิดสงสัยอยู่ในใจออกมาดังๆ “หรือว่า มีใครมาขโมยลูกสาวฝาแฝดของแม่ไปคนหนึ่งเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า”


 


 


เซียวเหยารู้สึกว่าหัวใจเขากระตุกอย่างแรงกับคำพูดของมารดา


 


 


ถังซียิ้มกว้าง ยกมือสองข้างประคองหน้าตัวเองด้วยท่าทางน่ารัก มองมารดาอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับกล่าวว่า “คุณแม่คะ ทำไมเราไม่ลองไปตรวจดีเอ็นเอกันดูวันพรุ่งนี้ล่ะคะ”


 


 


หยางจิ้งเสียนเอื้อมมือมาขยี้ผมถังซี และหันไปมีสมาธิอยู่กับการขับรถโดยไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าการระบุดีเอ็นเอมีแต่จะยืนยันว่าเซียวโหรวไม่ใช่ลูกสาวเธอ เพราะเมื่อเซียวหงอี้กับหลินหรูได้ตัดสินใจพาเซียวโหรวกลับมา พวกเขาย่อมต้องตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งพิสูจน์ว่าเธอเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขามาเรียบร้อยแล้ว


 


 


ถังซีไม่ได้พูดอะไรอีก และมีความสุขกับทัศนียภาพนอกหน้าต่าง


 


 


เซียวเหยาจ้องมองเธออย่างเอาจริงเอาจัง จนเธอรู้สึกหายใจไม่ออก แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถตอบสนองอะไรเขาได้ เธอไม่สามารถเตือนเซียวเหยาได้ในฐานะถังซี ตอนนี้พวกเขาเป็นพี่ชายและน้องสาว ทันทีที่ทำเช่นนั้นเธอจะต้องออกจากตระกูลเซียว… เธอจะไม่สามารถอยู่ในครอบครัวไหนได้ แม้แต่ครอบครัวเซียวหงอี้


 


 


เซียวเหยาก็คิดอย่างเดียวกัน เขาบอกกับตัวเองว่าต้องพยายามระงับความรู้สึก หากถังซีจับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอได้ เขากับเธออาจไม่สามารถเป็นพี่น้องกันได้อีกต่อไป หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น เธอคงต้องย้ายออกจากบ้านเขา และจากนั้นเขาจะไม่มีวันได้พบเธออีกตลอดชีวิต


 


 


รถยนต์สามคันที่แล่นตามมาด้านหลังบีบแตรอย่างต่อเนื่อง แต่หยางจิ้งเสียนยังคงขับไปช้าๆ ทั้งสามคันไม่มีทางเลือกนอกจากขับตามไป รถสีดำคันหนึ่งแล่นมาเทียบข้างๆ หน้าต่างรถบานหนึ่งลดระดับลง เห็นเป็นหน้าเซียวส่าซึ่งเหลือบมองมาที่มารดาและตะโกนว่า “คุณแม่ครับ บนถนนไม่มีรถเลย ทำไมคุณแม่ถึงขับช้าอย่างนี้”


 


 


“ขับรถอย่างปลอดภัยในเวลากลางคืน ลูกไม่รู้หรือ!” หยางจิ้งเสียนตะโกนกลับไป “หลบไปข้างหลัง เปิดทางให้รถคันอื่น”


 


 


เซียวจิ่งอดไม่ได้ที่จะตะโกนมาจากด้านหลัง “คุณแม่ ขอเราแซงไปก่อนได้ไหมครับ”


 


 


“ได้สิ!” หยางจิ้งเสียนตะโกนตอบเสียงดัง “แต่พวกลูกจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหารเช้าที่แม่ทำวันพรุ่งนี้!”


 


 


รถแต่ละคันจึงเคลื่อนตัวไปช้าๆ ตามถนนโล่งกว้างที่ไม่มีรถยนต์วิ่ง และกว่าพวกเขาจะกลับถึงบ้านก็เป็นอีกสองชั่วโมงต่อมา ทุกคนลงจากรถ ถังซีมองไปที่บ้านหลังถัดไปที่มีแสงไฟสว่างเจิดจ้า เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย “ทำไมครอบครัวนี้ถึงต้องรีบย้ายเข้ามาอยู่ขนาดนี้ แก้ไขต่อเติมกันทั้งวันทั้งคืน ถ้ารีบขนาดนี้ก็น่าจะย้ายเข้ามาโดยไม่ต้องต่อเติมเลยก็ได้”


 


 


เซียวจิ่งจอดรถ แล้วเดินพลางเล่นกุญแจรถพลางเข้ามา เขามาหยุดยืนอยู่ข้างถังซีแล้วส่ายศีรษะ “เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้ต้องเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ และต้องการปรับปรุงบ้านให้ออกมาตามแบบในความคิดของตัวเองเป๊ะ… และเขาต้องอยากรีบย้ายเข้ามาอยู่เร็วๆ แน่ๆ” เขามองหน้าถังซีและส่ายศีรษะแบบเอือมระอา “ตอนที่พี่ขับรถออกไปเมื่อเช้านี้ พี่เห็นว่าวัสดุที่ขนมาทั้งหมดเป็นวัสดุนำเข้า และเป็นวัสดุธรรมชาติ ไร้สารพิษ ไม่เป็นอันตราย แต่ไร้รสนิยม พวกเขาคงย้ายเข้ามาทันที หลังจากต่อเติมเสร็จ”


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว “พวกเขาต้องรวยมาก”


 


 


“บางทีอาจเป็นพวกเศรษฐีใหม่” เซียวส่าให้ข้อสังเกต “พี่ก็เห็นเหมือนกันตอนกลับบ้านมาเมื่อคืนก่อน และนักตกแต่งภายในก็ไม่ได้จ้างจากเมือง A นะ พี่เคยอ่านเจอข้อมูลพวกเขาก่อนหน้านี้ในหนังสือพิมพ์” 

 

 


ตอนที่ 143 เตือน

 

“มัณฑนากรชั้นนำที่พี่อ่านเจอในหนังสือพิมพ์อย่างนั้นเหรอ” ถังซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ค่าจ้างต้องแพงมากเลยใช่ไหม”


 


 


โดยปกติแล้วมัณฑนากรจะทิ้งแบบที่พวกเขาร่างบนกระดาษไว้กับคนงาน ให้ตกแต่งต่อเติมตามนั้น พวกเขาจะได้ไม่เหนื่อยมาก แต่สำหรับบ้านหลังนี้ แม้แต่มัณฑนากรก็ต้องทำงานล่วงเวลาตลอดทั้งคืน ดูเหมือนผู้ที่กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ต้องรวยมากอย่างแน่นอน!


 


 


“เงินทำให้แม่ม้ายอมวิ่ง ตราบใดที่คุณจ่ายเงินได้มากพอ” เซียวจิ่งเบ้ปาก แล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน เขาเดินไปหาวไป “เข้านอนได้แล้ว เธอจะไปเขาหงสือไม่ใช่หรือ พี่สองคนจะไปกับเธอพรุ่งนี้ ต้องตื่นกันแต่เช้านะ”


 


 


เซียวส่าพยักหน้า ตามเขาเข้าไปในบ้าน ถังซีก็กำลังตามพวกเขาเข้าไปเช่นกัน เมื่อจู่ๆ เซียวเหยาเรียกเธอไว้ “โหรวโหรว”


 


 


ถังซีหยุดชะงัก หันกลับไปมองเซียวเหยา เมื่อเผชิญกับสายตาร้อนรนของเขา เธอก็ยิ้มเจื่อนถามว่า “พี่เหยา มีอะไรเหรอคะ”


 


 


เซียวเหยาตอบด้วยเสียง “ฮื่อ” ในลำคอ ขณะก้าวมาข้างหน้าและกล่าวเบาๆ “พี่จะเข้าเมืองหลวงพรุ่งนี้ ไปรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับการกำจัดคลอสที่เมือง J และเข้าร่วมพิธีรำลึกถึงสหายผู้ร่วมภารกิจ พี่ไปถ่ายโฆษณาทีวีกับเธอไม่ได้ ดูแลตัวเองด้วยนะ”


 


 


ถังซีรู้สึกโล่งอก แต่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเธอเห็นความเศร้าในสายตาเซียวเหยา เธอพยักหน้าและยิ้มขณะกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะพี่เหยา พี่ส่ากับพี่จิ่งอยู่ด้วย ฉันจะไม่ได้รับอันตรายอะไรค่ะ” เธอชะงัก ก่อนจะกล่าวต่อไป “พี่เหยาอย่าเศร้าเลยนะคะ ทหารที่ร่วมภารกิจ พวกเขาสละชีวิตเพื่อปกป้องประเทศของเรา”


 


 


เซียวเหยายิ้ม “ขึ้นบ้านเถอะ พี่อยากสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้ก่อน”


 


 


ถังซีพยักหน้า แล้วหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าวเธอก็หันกลับไปมองร่างเซียวเหยาที่ยืนอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว แล้วกล่าวว่า “พี่เหยา อย่าสูบบุหรี่มากนักนะคะ ไม่ดีต่อสุขภาพของพี่”


 


 


เซียวเหยาตอบรับด้วยเสียง “ฮื่อ” ในลำคอ แล้วบอกให้เธอเข้าบ้าน หลังจากถังซีเข้าไปข้างในเซียวเหยาก็ละสายตาและหยิบบุหรี่ออกมา เขาเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่กลับมาจากสโมสรเมื่อคืนก่อน เมื่อใดก็ตามที่กลุ้มใจ เขาจะสูบบุหรี่เพื่อให้จิตใจผ่อนคลาย วันสองวันนี้เขาจึงสูบหนักมาก


 


 


เซียวเหยาคาบบุหรี่ไว้ที่ปากและจุดด้วยไฟแช็ก ขณะยืนพิงฝาผนัง ขาสูบเข้าไปลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออก เป่าควันออกมา จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ


 


 


ขณะยืนอยู่หลังหน้าต่างฝรั่งเศสภายในห้องนอน เฝ้ามองเซียวเหยาผู้โดดเดี่ยวอ้างว้าง ถังซีบีบมือตัวเองแน่น แล้วหันหลังให้ พี่เซียว ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถตอบสนองต่อความรักของพี่ได้


 


 


เพราะพื้นที่หัวใจฉันแคบเกินไปที่จะมีผู้ชายอยู่ในนั้นสองคน


 


 


เฉียวเหลียงครอบครองทั้งหัวใจของฉันแล้ว จึงไม่มีที่ว่างให้ใครอีกคน


 


 


หลังจากพ่นควันออกไปสองรอบ เซียวเหยาก็ดับบุหรี่และยืนอยู่ที่สนามครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้าไปในบ้าน ทุกครั้งที่ก้าวเท้าเขาเตือนตัวเองอยู่ในใจ


 


 


นายคือเซียวเหยา ไม่มีอะไรในโลกจะเอาชนะนาย หรือรบกวนจิตใจนายได้ คนเดียวที่สามารถทำให้นายทุกข์ร้อนได้ คือตัวนายเอง


 


 


ถังซีตายไปแล้ว


 


 


คนที่อยู่ข้างๆ นายตอนนี้ไม่ใช่ถังซี แต่เป็นเซียวโหรว


 


 


เซียวโหรวคือน้องสาวของนาย เธอเพิ่งตกหลุมรักคนที่ถังซีรัก และตอนนี้พวกเขาคบกันอยู่


 


 


ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยเซียวเหยา พอได้แล้วกับความคิดพวกนี้ มันไม่ดีสำหรับตัวนายเอง และไม่ดีสำหรับเซียวโหรว หรือแม้แต่ถังซีก็ตาม


 


 


บางทีเขาอาจโน้มน้าวตัวเองสำเร็จ เซียวเหยารู้สึกดีขึ้นมาก


 


 



 


 


เช้าวันรุ่งขึ้น ถังซีอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วก็ไปออกกำลังกายที่ชั้นล่าง มีเพียงเซียวหงลี่ เซียวส่า และเซียวจิ่งอยู่ที่สนามหน้าบ้าน ถังซีเริ่มเล่นโยคะ หลังจากเซียวส่ากับเซียวจิ่งออกกำลังกายเสร็จ ทั้งสองก็มายืนใกล้ๆ เธอ ดูเธอเล่นโยคะ ถังซีมีความยืดหยุ่นร่างกายที่ดี และรักษาสมดุลของร่างกายได้ดี วางท่าทางได้อย่างสวยงาม ขณะยืนอยู่ข้างๆ เซียวจิ่งพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเธอ พร้อมกับกล่าวว่า “โหรวโหรว วันนี้เธอตื่นสายนะ รู้ไหมพี่เหยาไปเมืองหลวงแล้ว”


 


 


ถังซีหาวขณะยังคงอยู่ในท่าโยคะ และตอบว่า “ไม่ใช่ฉันตื่นสาย แต่พี่ตื่นเช้าเกินไปต่างหาก” เธอดึงโทรศัพท์มือถือออกมาดูเวลา “นี่เพิ่งหกโมงครึ่ง พี่ตื่นเช้ากว่าทุกวันเห็นไหมล่ะ”


 


 


เซียวหงลี่เดินเข้ามาและมองถังซีขณะกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม “โหรวโหรว ชวนคุณแม่ด้วยสิ เวลาที่ลูกเล่นโยคะ คุณแม่น่ะไม่ชอบเล่นกีฬาเอาเสียเลย เมื่อไม่นานมานี้พ่อได้ยินเธอบ่นว่าปวดไหล่และกระดูกสันหลัง พ่อเป็นห่วงว่าคุณแม่ของหนูอาจเป็นโรคกระดูกพรุนและกระดูกสันหลังเสื่อม”


 


 


ถังซีพยักหน้า “ได้ค่ะ คุณพ่อคะ วันนี้คุณพ่อไม่ได้ไปทำงาน ทำไมไม่พาคุณแม่ไปนวดล่ะคะ แล้วหลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป หนูจะสอนวิธีทำโยคะในตอนเช้าให้คุณแม่เองค่ะ”


 


 


เซียวหงลี่ยิ้ม บอกว่าได้เลย ไม่มีปัญหา


 


 


หลังจากถังซีฝึกโยคะต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง หยางจิ้งเสียนก็เรียกทุกคนไปทานอาหารเช้า ขณะรับประทานอาหารหยางจิ้งเสียนบอกว่า เธออยากไปดูถังซีถ่ายโฆษณาทีวีที่ภูเขาหงสือกับลูกชายทั้งสองด้วย เซียวจิ่งคิดว่าเป็นความคิดที่ดี เขากล่าวว่า “มีน้ำพุร้อนที่ดีต่อสุขภาพที่เขาหงสือ คุณแม่สามารถแช่น้ำพุร้อนและนวดไปด้วย ในขณะดูโหรวโหรวถ่ายโฆษณา สุดยอดเลยใช่ไหมครับ”


 


 


เซียวหงลี่ก็เห็นด้วยว่าเป็นความคิดที่ดี เขาจึงตัดสินใจทำตามข้อเสนอของเซียวจิ่ง ไปภูเขาหงสือด้วยกัน


 


 


ถังซีรู้สึกภูมิใจมาก นี่เป็นงานชิ้นแรกของเธอ และทุกคนในครอบครัวจะไปอยู่ที่นั่นกับเธอ… “จริงๆ แล้ว คุณ…”


 


 


แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ถังซีหยุดพูดเมื่อหยางจิ้งเสียนลุกไปรับโทรศัพท์ ขณะฟังคำพูดจากปลายสายอีกด้านหนึ่งเธอก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ตกลง เราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” จากนั้นก็วางสาย ทุกคนมองไปที่เธอเป็นตาเดียว เธอกล่าวทั้งยังขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องไม่ดีกับเพื่อนแม่คนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากแม่” เธอหันไปหาเซียวหงลี่แล้วกล่าวต่อไปว่า “ไปกับฉันนะคะ” จากนั้นเธอก็หันไปกล่าวเสริมกับพี่น้องเซียว “ลูกสองคนไปส่งโหรวโหรวถ่ายทำโฆษณา และดูแลน้องให้ดี เข้าใจไหม”


 


 


“เข้าใจครับ แม่คุณไว้ใจพวกเราเถอะครับ” เซียวจิ่งตอบ แล้วบอกให้ถังซีขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า “พวกพี่จะไปรอเธอที่ลานจอดรถด้านล่าง”


 


 


ถังซีกระโดดขึ้นบันไดไปชั้นบน เซียวหงลี่มองหยางจิ้งเสียนแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”


 


 


“คุณจำได้ไหม ที่พ่อแม่ของพี่สะใภ้คุณมาวันนั้น” หยางจิ้งเสียนเริ่มเรื่องด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด “เช้านี้พวกเขาเริ่มสร้างปัญหาแล้ว เฮ้อ… เดี๋ยวไปถึงคุณก็รู้” เธอขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะบ่นกับตัวเอง “เฮ้อ… พี่สะใภ้คุณนี่ช่างโชคร้ายจริงๆ ที่มีพ่อแม่แบบนั้น!”


 


 


เซียวจิ่งกับเซียวส่าไม่พูดอะไร อีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาไม่ชอบป้าหลินหรู ก็เพราะพ่อแม่เธอเห็นลูกสาวเป็นธุรกิจที่ทำกำไร… ทุกครั้งที่มาเมือง A พวกเขาจะขอแต่เงิน…


 


 


พวกเขาจะสร้างเรื่องขึ้นทุกครั้ง หลังจากครอบครัวหลินแบ่งทรัพย์สินกันไปแล้ว ในที่สุดหลินหรูก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกต่อไป แต่ทำไมพวกเขาถึง…


 


 


ถังซีลงมาชั้นล่างหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ในเวลานั้นหยางจิ้งเสียนกับเซียวหงลี่ออกจากบ้านไปแล้ว ถังซีอยู่ในชุดลำลอง สวมกางเกงยีนขาสั้น เสื้อเชิ้ตสีขาว และรองเท้าผ้าใบสีขาว เป็นชุดที่เน้นให้เห็นขาเรียวยาว เซียวจิ่งเป่าปากแล้วกล่าวว่า “โหรวโหรว ดูเหมือนเธอจะชอบเสื้อผ้าชุดนี้จริงๆ เลยนะ!”


 


 


ถังซียักไหล่แล้วตอบว่า “ดูไม่ดีเหรอคะ” 

 

 


ตอนที่ 144 นายได้รับอนุญาตจากฉันหรือยัง

 

เขาหงสืออยู่ในจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงามในเขตชานเมือง A ขับรถไปประมาณสองชั่วโมงจากตัวเมือง ถังซีกับพี่น้องตระกูลเซียวออกจากบ้านเวลาเจ็ดนาฬิกาสิบนาที เซียวส่ามองดูนาฬิกาวาเชอรอง คอนสแตนตินที่ข้อมือ แล้วกล่าวว่า “เราควรไปถึงที่นั่นประมาณเก้าโมงครึ่ง ขับรถให้เร็วหน่อย เพราะหลังจากไปถึงเธออาจต้องลองเสื้อผ้า การถ่ายทำจะเริ่มประมาณสิบโมง โหรวโหรวมีปัญหาอะไรเรื่องการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า”


 


 


ถังซีเดินตามพี่ชายออกจากประตู และตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลย ฉันเคยเป็นตัวแทนโฆษณาสินค้าให้เอ็มไพร์กรุปอยู่เหมือนกันค่ะ แล้วครั้งนี้ฉันเพิ่งไปทดลองบท ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี”


 


 


เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยกับการพูดถึงอดีตของตัวเองต่อหน้าพวกเขา เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็ประหลาดใจ แต่รู้สึกประทับใจ เธอยินดีที่จะพูดถึงอดีตให้พวกเขาฟัง แสดงให้เห็นว่าในหัวใจเธอยอมรับพวกเขาเป็นครอบครัวที่เธอไว้วางใจ


 


 


เซียวจิ่งถามว่า “เอ็มไพร์กรุปจ่ายให้เธอเท่าไหร่ในการเป็นตัวแทนโฆษณาสินค้า”


 


 


ถังซียิ้มเจ้าเล่ห์ขณะมองหน้าเซียวจิ่ง “เอ็มไพร์กรุปเป็นของฉันทั้งหมด พี่คิดว่าฉันยังจะต้องการค่าจ้างในการเป็นตัวแทนโฆษณาสินค้าอีกเหรอ”


 


 


“นี่น้องสาว เธอกำลังอวดรวยใส่พี่ใช่ไหมเนี่ย” เซียวจิ่งพูดเย้าแหย่ถังซี ขณะทั้งหมดเดินออกไปที่ลานหน้าบ้าน จากนั้นเขาก็เปิดประตูรถให้ถังซี


 


 


ถังซียิ้ม ขยิบตาให้เซียวจิ่งและกล่าวว่า “อย่าเศร้าไปเลยค่ะพี่ชาย ตอนนี้ฉันจนกว่าพี่เยอะ”


 


 


เซียวส่าหัวเราะ บอกกับเธอว่า หลังจากถ่ายโฆษณาวันนี้เธอจะกลับมาร่ำรวยอีกครั้ง ถังซีหันหลังจะขึ้นรถ เซียวจิ่งนั่งประจำที่คนขับ เซียวส่าเปิดประตูรถและขึ้นนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ เซียวจิ่งกำลังจะสตาร์ทรถเมื่อประตูด้านหลังเปิดออก เขาหันไปดูและเห็นเป็นเฉียวเหลียง เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับถามว่า “นายมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ใช่สิ นายมาทำอะไรที่นี่”


 


 


ถังซีเองก็มองเฉียวเหลียงที่อยู่ข้างๆ ด้วยความประหลาดใจ รวมทั้งอุทานด้วยเช่นกัน “คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร”


 


 


เฉียวเหลียงเข้าไปนั่งในรถ มองหน้าเซียวจิ่ง แสดงท่าทางให้เขาขับรถไป จากนั้นก็พยักหน้าทักทายเซียวส่า ก่อนจะหันมาหาถังซีและถามว่า “คุณขอให้ผมไปเขาหงสือกับคุณด้วยไม่ใช่หรือ ไปดูคุณถ่ายโฆษณาทีวีไงล่ะ” ความลังเลเหมือนไม่แน่ใจกะพริบอยู่ในดวงตาเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ดี “คุณลืมไปแล้วหรือ”


 


 


เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น ถังซีก็ส่ายศีรษะอย่างงุนงงขณะตอบว่า “เปล่าค่ะ ไม่ได้ลืม แต่ฉันคิดว่าคุณจะขับรถไปเอง และ… และไม่เหมาะหรือเปล่าที่คุณจะไปกับเรา ใช่ไหมคะ”


 


 


เซียวจิ่งพยักหน้าเห็นด้วยขณะขับรถ “ใช่! ไม่เหมาะจริงๆ สำหรับนาย ท่านประธานแห่งเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป บุคคลผู้เป็นที่รู้จักดีในประเทศจีน ที่จะนั่งรถไปกับผู้หญิงที่กำลังจะไปถ่ายโฆษณาโทรทัศน์ จะไม่เป็นการทำลายภาพพจน์อันดีงามของนายหรือ ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป”


 


 


เฉียวเหลียงจ้องหน้าเซียวจิ่งให้เขาหุบปาก ก่อนจะเอนกายพิงเบาะรถ ขยี้หัวคิ้วตัวเองและกล่าวอย่างขึงขัง “ฉันทำงานล่วงเวลาจนถึงตีสามครึ่งเมื่อคืนนี้ หลังจากนั้นฉันก็นอนไม่หลับ ฉันง่วงนอน ขับรถไม่ไหวหรอก”


 


 


เซียวจิ่งเบิกตากว้างจ้องมองเขา ขณะบ่นในใจ กู้อวิ๋นเขาเต็มใจขับรถให้นาย! คนของนายทุกคนยินดีขับรถให้นาย! จำเป็นด้วยหรือที่นายจะมาที่นี่แต่เช้าตรู่ เพื่อมานั่งรถไปกับพวกเรา นายตื่นสายๆ แล้วให้พวกเขาไปส่งนายที่นั่นก็ได้! หรือถ้านายตื่นสิบโมง นายให้เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของนายไปส่งนายก็ยังได้!


 


 


อย่างไรก็ตาม ถังซีไม่ได้คิดแบบนี้ เธอรู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเฉียวเหลียงบอกว่าเขานอนไม่หลับ เธอขมวดคิ้วมองเขา ถามเบาๆ ว่า “นี่คุณทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง ไม่ต้องไปกับฉันก็ได้ กลับไปนอนเถอะค่ะ”


 


 


เซียวจิ่งกับเซียวส่ารีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแรงกับคำพูดของเธอ เซียวส่าเสริมด้วยว่า “ใช่แล้ว เฉียวเหลียง นายไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ไม่ต้องไปกับเราหรอก เราจะดูแลปกป้องโหรวโหรวเอง นายไม่ต้องเป็นห่วง”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเป็นห่วงเป็นใยของถังซี เฉียวเหลียงก็ไม่สนใจความหมายในคำพูดของเซียวส่า เขาลูบผมถังซีด้วยความรักและกล่าวเสียงเรียบ “กลับไปนอนผมก็นอนไม่หลับหรอก ให้ผมไปดูคุณถ่ายโฆษณาดีกว่า”


 


 


ถังซีรู้ว่าเฉียวเหลียงยังไม่สามารถลืมเรื่องการตายของเธอได้ เมื่อใดที่หลับตาเขาจะมองเห็นภาพฉากการตายของเธอ หรือเห็นส่วนต่างๆ ของร่างกายเธอถูกพัดกระจัดกระจายไปกับน้ำ เวลาและการมีเธออยู่ด้วยเท่านั้นที่จะสามารถเยียวยารักษาเขาได้


 


 


เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็กุมมือเขาไว้ แล้วกระซิบว่า “เอนพิงไหล่ฉันสิคะ แล้วนอนหลับให้สนิท”


 


 


เซียวส่ากับเซียวจิ่งดูเศร้ามาก น้องสาวของพี่! ถูกเขาหลอกง่ายดายอย่างนี้ได้อย่างไร เขาแค่อยากได้ความเห็นอกเห็นใจจากเธอ! เธอไม่เข้าใจหรือไง! พี่ชายทั้งสองมองตากันอย่างขมขื่น แต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เดือดดาลด้วยความหวงน้องสาว…


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม แต่ไม่เอนศีรษะพิงไหล่ถังซีนอนหลับอย่างที่เธอบอก เขากลับถามเธออย่างอ่อนโยน “คุณเอาอาหารมาบ้างหรือเปล่า เพราะว่าคุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยไม่ใช่หรือ”


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว เริ่มควานหาในกระเป๋า จากนั้นเธอก็หยิบขนมปังสองก้อนกับนมกล่องหนึ่งที่ตั้งใจจะนำมาทานบนรถออกมา ส่งให้เขาพร้อมกับกล่าวว่า “กระเพาะอาหารคุณไม่ดี ทำไมถึงไม่ทานอะไรก่อนออกจากบ้าน”


 


 


เฉียวเหลียงหยิบขนมปังมากัดกิน ดื่มนมอึกหนึ่ง ก่อนจะมองหน้าเธอแล้วตอบว่า “ผมกลัวว่าคุณจะไปก่อน”


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ เกือบจะร้องไห้ บางทีเซียวจิ่งกับเซียวส่าอาจไม่เข้าใจเขา แต่เธอเข้าใจ เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้น้ำเสียงเธอก็แหบพร่า “ฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหน อาเหลียง ฉันสาบานว่าจะไม่มีวันไปจากคุณ เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการฉัน ฉันจะอยู่กับคุณ คุณเข้าใจไหม”


 


 


เฉียวเหลียงหยุด ขณะมองตาเธอและยิ้ม “ผมรู้”


 


 


ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณจะไม่ทิ้งผมไป จนกระทั่งผมได้เจอคุณอีกครั้ง


 


 


หนุ่มโสดทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะหน้ารู้สึกราวกับถูกยิงเข้าที่กลางหัวใจ ด้วยถ้อยคำหวานซึ้งของคนทั้งคู่ เซียวจิ่งกัดฟันแน่น จ้องมองเฉียวเหลียงและกล่าวว่า “ฉันจำได้ว่าโรคนอนไม่หลับของนายไม่ร้ายแรงขนาดนี้นี่นา นายอยากพบจิตแพทย์บ้างไหมล่ะ”


 


 


เฉียวเหลียงค่อยๆ หันไปมองเซียวจิ่ง ถามอย่างใจเย็น แม้น้ำเสียงจะเย็นชาก็ตาม “นายคิดว่าฉันเป็นบ้าหรือ”


 


 


เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น มีจิตแพทย์มากมายที่เขารักษาอาการนอนไม่หลับ นายลองไปปรึกษาดูได้นี่ นายนอนไม่หลับ เพราะฉะนั้นอาจจะ…”


 


 


เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเฉียวเหลียงค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ถังซีก็รีบขัดจังหวะการสนทนา “เฉียวเหลียงไม่จำเป็นต้องไปหานักจิตวิทยาหรอกค่ะ เขาแค่เป็นห่วงฉันมากเกินไปจนนอนหลับ ฉันจะนอนเป็นเพื่อนเขาสักครู่ช่วงบ่ายวันนี้ ให้เขาได้นอนหลับสนิท”


 


 


“อะไรนะ!” เซียวส่าตะโกน “เธอจะนอนเป็นเพื่อนเฉียวเหลียงเพื่อให้เขานอนหลับอย่างนั้นหรือ”


 


 


เฉียวเหลียงกัดขนมปังกินช้าๆ ไม่สะทกสะท้าน มองเซียวส่าแล้วถามว่า “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”


 


 


“มีแน่นอน! ” เซียวส่าคำราม “นายกินขนมปังของน้องสาวฉัน แล้วยังขอให้น้องสาวฉันนอนเป็นเพื่อนนายอีกอย่างนั้นหรือ นายได้รับอนุญาตจากฉันหรือยัง ที่จะทำอย่างนี้”


 


 


ถังซีพูดไม่ออก “พี่ส่า…” จริงๆ แล้วเขาได้รับอนุญาตจากฉัน… 

 

 


ตอนที่ 145 ตรวจงาน

 

เซียวจิ่งมองพี่ชายด้วยความรู้สึกเดียวกัน และถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “หยุดเถอะครับ ผมรู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน…”


 


 


“ทำไมล่ะ” เซียวส่าถาม


 


 


เฉียวเหลียงทานขนมปังเสร็จแล้วดื่มนม ถังซีส่งกระดาษทิชชูให้เขา เฉียวเหลียงรับมาเช็ดปากด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นก็เอนกายซบไหล่ถังซี หลับตาลงพักผ่อน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฉันเกรงว่านายจะต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะ”


 


 


เซียวส่าขมวดคิ้ว พยายามถามเขาว่าทำไม แต่ถังซีรีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่พี่เคยมาภูเขาหงสือไหมคะ มีอะไรอร่อยๆ บ้างบนภูเขาหงสือ มีร้านอาหารทะเลบ้างไหม”


 


 


เสียงเธอเบามาก จนเฉียวเหลียงเองแทบไม่รู้สึกว่าเธอพูดอะไร แม้จะซบอยู่ที่ไหล่เธอก็ตาม


 


 


แม้เซียวจิ่งจะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของถังซีแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคลั่งไคล้อาหารทะเลนัก จึงอดเหน็บแนมไม่ได้ “โหรวโหรว นี่เธอไม่เคยทานอาหารทะเลมาก่อนเลยหรือไง หรือคุณปู่ของเธอไม่อนุญาตให้ทานอาหารทะเล”


 


 


ทำไมเธอถึงคลั่งไคล้อาหารทะเลมากขนาดนี้!


 


 


เฉียวเหลียงดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ขณะเอนตัวพิงไหล่ถังซี สีหน้าเขาดูมีความสุขและพึงพอใจ ไม่เย็นชาเหมือนปกติ ถังซีมองเขาแล้วถอนหายใจ กระซิบว่า “ก็ฉันชอบนี่นา คุณปู่เคยขอให้คนไปรอที่ท่าเรือทุกเช้า เพื่อซื้ออาหารทะเลที่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ ส่งไปที่บ้านเรา ให้ฉันได้ทานอาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน”


 


 


ดวงตาเธอเริ่มแดงเรื่อเมื่อพูดถึงคุณปู่ เห็นได้ชัดว่าเธอคิดถึงท่าน เซียวจิ่งเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “พี่ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเลย นี่แปลว่ามีอะไรบางอย่าง เช่นการกลับชาติมาเกิด หรือการฟื้นคืนชีวิตเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้ ช่าง…มหัศจรรย์จริงๆ”


 


 


ถังซียิ้ม แต่ดูเศร้ามาก “อาจเป็นเพราะความเมตตาของพระเจ้า ที่ให้ฉันได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่…” ถังซีมองดูเฉียวเหลียง จับมือเขาไว้ในมือเธอ และกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันรู้ว่า มีใครคนหนึ่งรักฉันอย่างลึกซึ้ง ฉันถึงปล่อยให้เขาผิดหวังไมได้”


 


 


เฉียวเหลียงพลิกมือเขากุมมือเธอไว้ในฝ่ามือ ทันใดนั้นเซียวจิ่งกับเซียวส่าก็รู้สึกเหมือนโดนยิงตรงเข้าไปในหัวใจอีกครั้ง! เมื่อไรคนคู่นี้จะหยุดสักที


 


 


มีคนบอกว่าเจ้าหญิงแห่งเอ็มไพร์กรุปเป็นบุคคลที่ไร้หัวใจ แต่ทำไมเจ้าหญิงน้อยที่พวกเขารู้จักถึงได้น่ารักและแสนอบอุ่นแบบนี้


 


 


เมื่อทั้งสี่มาถึงภูเขาหงสือนั้นเป็นเวลาเพียงเก้าโมงสิบนาที บริษัทกระเป๋าหนักอย่าง OLS จองพื้นที่ภูเขาหงสือทั้งหมดไว้หนึ่งวัน เพื่อถ่ายทำโฆษณาโทรทัศน์โดยเฉพาะ เมื่อพวกเขามาถึงที่ภูเขาจึงมีคนไม่มากนัก และไม่วุ่นวายเหมือนปกติ


 


 


เฉียวเหลียงตื่นขึ้นมาเมื่อพวกเขาใกล้ถึงจุดหมาย บางทีอาจเป็นเพราะเขาฝันร้าย หรือบางทีเขาอาจรู้สึกนอนไม่ค่อยสบาย เพราะเขาต้องเอียงศีรษะซบไหล่เธอ แต่เขาดูไม่มีความสุขเลยหลังจากตื่นนอน เขาจับมือถังซี และนิ่งเงียบด้วยใบหน้าบึ้งตึง


 


 


เป็นครั้งแรกที่ถังซีมาที่ภูเขาหงสือ ทันทีที่ลงจากรถเธอรู้สึกตื่นตะลึงกับต้นเมเปิลสีแดงทั่วทั้งภูเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและร้องอุทาน “โอ ช่างสวยงามจริงๆ! เวลาลมพัดดูเหมือนฝนตกเลย”


 


 


เฉียวเหลียงยืนเคียงข้างเธอ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเล็กน้อย ด้วยใบหน้าถมึงทึง ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่


 


 


ถังซีหันหน้าไปหาเฉียวเหลียง จะถามเขาว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพที่สวยงามเช่นนี้ แต่กลับได้เห็นสีหน้าอันน่ากลัว เธอขมวดคิ้วถามเบาๆ ว่า “มีอะไรคะ”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ จับมือเธอขณะกระซิบว่า “ไม่มีอะไร เราขึ้นไปกันเถอะ”


 


 


ถังซีพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอกวักมือเรียกเซียวส่ากับเซียวจิ่งซึ่งกำลังถ่ายรูปด้วยกล้องโพลารอยด์ให้ตามไป ทั้งหมดขึ้นภูเขาไปที่เรือนรับรอง เพื่อสมทบกับเฮ่อหว่านหนิงและคนอื่นๆ


 


 


ขณะเดินไประหว่างทางพวกเขาได้เจอป่าไผ่ ซึ่งสวยงามเช่นกัน มีสายน้ำใสราวกับคริสตัลไหลผ่านลำธารข้างป่าไผ่ ถังซีหลงใหลในทัศนียภาพอันสวยงามทันทีที่เห็น


 


 


ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวงหรือในเมือง A เธอก็อาศัยอยู่ในป่าคอนกรีต เธอจึงหลงใหลในทัศนียภาพตามธรรมชาติ แม้แต่ทิวทัศน์ธรรมดาที่สุดก็ยังสวยงามในสายตาเธอ เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งหญ้า เธอกระโดดๆๆ และอุทานอย่างตื่นเต้นเหลือเกิน จนถูกพาส่งโรงพยาบาลไปให้น้ำเกลือและออกซิเจน เพราะมีไข้สูง…


 


 


ถังซีโน้มตัวลงวักน้ำในลำธารด้วยสองมือ และต้องประหลาดใจ “ทำไมน้ำใสแจ๋วขนาดนี้ โอ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีสถานที่ที่สวยงามอย่างนี้ในเมือง A”


 


 


เซียวจิ่งกล่าวว่า “ถ้าเธอชอบดูธรรมชาติ พี่จะพาไปเที่ยวสวนป่าในเมืองวันเสาร์หน้า”


 


 


วนอุทยานของเมือง A เป็นพื้นที่คุ้มครองที่ใหญ่กว่าภูเขาหงสือสิบเท่า ต้นไม้และสัตว์ในสวนได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล ดังนั้นทัศนียภาพทางธรรมชาติของที่นั่นจึงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี


 


 


แต่ถังซีส่ายศีรษะ “ฉันเคยไปที่สวนป่านั่นแล้ว เหมือนกับการไปสำรวจมากกว่าไปพักผ่อนหย่อนใจ ฉันไม่รู้สึกผ่อนคลายเลย”


 


 


“ขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ เอาไว้ค่อยชื่นชมกับทิวทัศน์หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้ว” เฉียวเหลียงกล่าว


 


 


ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เฉียวเหลียงยื่นมือออกไปหาเธอ ถังซียิ้มหวานส่งมือให้เขาแล้วเดินเข้าไปหา เซียวจิ่งตะโกนมาจากข้างหลังว่า “เฮ้ นี่พวกเธอ ระมัดระวังหน่อย ที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ ถ้าใครถ่ายภาพพวกเธอไว้ได้จะเป็นเรื่องใหญ่! เซียวโหรวเป็นนักเรียนมัธยมอยู่นะตอนนี้ และไม่ควรมีความรัก”


 


 


เฉียวเหลียงส่งสายตาร้องอุทธรณ์ให้เธอ ถังซียักไหล่กล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่อยากซื้อประกาศนียบัตรเหมือนกันค่ะ มันผิดกฎหมาย”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเขาก็รู้สึกขำ เฉียวเหลียงจึงปล่อยมือ ให้เธอเดินนำหน้าเขา เก้าโมงครึ่งแล้วเมื่อทั้งสี่มาถึงเรือนรับรองของบ่อน้ำพุร้อน ทันทีที่เห็นพวกเขามาถึงเฮ่อหว่านหนิงก็เลิกสนใจคนอื่น และเดินเข้ามาทักทายถังซีอย่างมีความสุข “โหรวโหรว มาแล้วหรือ เสื้อผ้าและสไตลิสต์เตรียมไว้พร้อมแล้ว คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยครับ ทีมงานจะคอยช่วยเหลือคุณ แล้วเดี๋ยวมาลองทดสอบหน้ากล้องดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปที่บ่อน้ำพุร้อน และเริ่มถ่ายทำโฆษณากัน”


 


 


บ่อน้ำพุร้อนที่เขาพูดถึงคือน้ำพุร้อนธรรมชาติบนภูเขาหงสือ ตั้งอยู่ในหุบเขาด้านล่าง ล้อมรอบด้วยต้นเมเปิลสีแดง บ่อน้ำพุดูสวยงามมากด้วยโขดหินขรุขระที่รายล้อมอยู่รอบๆ เป็นจุดเด่นที่งดงามของภูเขาหงสือ บ่อน้ำพุร้อนจะรับผู้เข้าชมเพียงห้าคนต่อวัน และขายตั๋วแยกต่างหาก ทำความสะอาดโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี


 


 


ในขณะนั้นสไตลิสต์ที่เฮ่อหว่านหนิงจ้างมากำลังเดินเข้ามาหาเขา เฮ่อหว่านหนิงจึงแนะนำหญิงสาวให้รู้จักถังซี เมื่อสไตลิสต์เห็นถังซีนัยน์ตาเธอก็เป็นประกาย และอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ประธานเฮ่อ คุณช่างมีสายตาเฉียบแหลม หญิงสาวคนนี้…” แต่แล้วเธอก็หยุดพูดกลางคัน รีบก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อทักทายผู้ที่ตามมาด้านหลัง “ท่านประธานเฉียว มาดูการถ่ายทำที่นี่เหรอคะ”


 


 


เฉียวเหลียงมองดูสไตลิสต์และขมวดคิ้ว เพราะเธอเพิกเฉยต่อถังซี ขณะที่เซียวจิ่งรีบตอบคำถามแทน “พวกเรามาตรวจงานครับ” 

 

 


ตอนที่ 146 ตรวจตราอย่างรอบคอบ

 

เฮ่อหว่านหนิงมองเฉียวเหลียงทีหนึ่ง แล้วหันมามองถังซีทีหนึ่ง เขาหรี่ตาลง ยังไม่ลืมว่าเมื่อคืนก่อนเฉียวเหลียงรีบมาที่ห้องพิเศษที่สโมสรและพาเซียวโหรวออกไป หลังจากนั้นเขาก็กลับมา บอกว่าเขามาที่นี่เพื่อขอให้เซียวโหรวเป็นแฟนเขา


 


 


โหรวโหรวตอบตกลงหรือ


 


 


เมื่อสังเกตเห็นสายตาเฮ่อหว่านหนิง เซียวจิ่งก็ยกมือขึ้นปิดปากกระแอม แล้วกล่าวว่า “ประธานเฮ่อ นี่คุณไม่รู้หรือว่าประธานเฉียวเป็นผู้ถือหุ้นคนใหม่ของ OLS เขาเพิ่งเข้าร่วมเป็นกรรมการบริษัทเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OLS ถือหุ้นในกลุ่ม OLS ยี่สิบเปอร์เซ็นต์”


 


 


เฮ่อหว่านหนิงส่งสายตาประหลาดใจไปที่เฉียวเหลียง และกล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจที่ประธานเฉียวมาด้วยตัวเอง ประธานเฉียวจะไปที่บ่อน้ำพุร้อน ตรวจสอบสถานที่ถ่ายทำก่อนไหมครับ”


 


 


เฉียวเหลียงกล่าวโดยไม่สนใจสไตลิสต์ “ผมจะไปพร้อมนางแบบ”


 


 


เฮ่อหว่านหนิงอึ้ง “…” เขาต้องมากับเซียวโหรวแน่ๆ !


 


 


เขาคิดไม่ถึงว่าคนอย่างเฉียวเหลียงจะตามเด็กสาวมาถึงที่นี่… ปรากฏว่าแม้แต่เฉียวเหลียงก็ตกหลุมรักผู้หญิงเป็นเหมือนกัน


 


 


ตราบใดที่ผู้ติดตามของเซียวโหรวไม่รบกวนงานเขา เฮ่อหว่านหนิงก็ไม่ว่าอะไร เขาจึงไม่พูดอะไรอีก ได้แต่บอกให้สไตลิสต์พาถังซี ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยมาลองแสดงตามบท เมื่อเห็นสไตลิสต์ตามถังซีเข้าไปในห้องแต่งตัวเฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้ว ขณะถามว่า “สไตลิสต์จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางแบบด้วยหรือ”


 


 


มีร่องรอยความไม่พอใจในน้ำเสียงเขา แม้สไตลิสต์จะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซีซี!


 


 


เฮ่อหว่านหนิงก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน และถามว่า “ถ้าไม่ให้สไตลิสต์เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางแบบ ประธานเฉียวจะทำเองไหมล่ะครับ”


 


 


“ตกลง”


 


 


“บ้าไปแล้ว!”


 


 


ชายหนุ่มสามคนตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน เฉียวเหลียงหันไปมองหน้าพี่น้องเซียว ซึ่งกำลังจ้องมองเฮ่อหว่านหนิง “ประธานเฮ่อ นี่คุณพูดอะไรออกมา! คุณไม่รู้หรือว่าประธานเฉียวเป็นคนแบบไหน! คุณกล้าพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง!”


 


 


“ผมพูดอะไรผิดหรือ” เฮ่อหว่านหนิงนิ่งงันด้วยความสับสน มองกลับไปที่เฉียวเหลียงและพี่น้องเซียว จากนั้นก็ชี้ไปที่เฉียวเหลียงถามว่า “เขาไม่เคยเห็นเซียวโหรวหรือ”


 


 


“หุบปาก!” เซียวจิ่งตะโกน “คุณพูดจาล่อแหลมอย่างนี้ได้ยังไง น้องสาวผมยังเป็นนักเรียนมัธยมนะ!”


 


 


เซียวส่าพยักหน้าอย่างแรง กล่าวอย่างเห็นด้วย “ใช่ ใช่ ใช่! คุณจะให้ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปไม่ได้นะ น้องสาวผมยังเป็นนักเรียนอยู่” ขณะพูดเขาก็ส่งสายตาถมึงทึงไปที่เฉียวเหลียงเป็นครั้งคราว


 


 


เฉียวเหลียงมองพวกเขาอย่างใจเย็น คิดในใจว่า พวกนายไม่ต้องมาเตือนฉันหรอก เขารู้จักซีซีดี ในตอนนี้เธอกำลังรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นเธอจะยอมทุกอย่างในสิ่งที่เขาทำ แต่ถ้าเขาไปไกลเกินไป เธอจะคิดบัญชีกับเขาในภายหลังเอง เพราะฉะนั้นแม้เฉียวเหลียงจะอยากพูดออกมาเหลือเกินว่า ‘ใช่ เรารักกัน’ เขาก็พูดไม่ได้


 


 


จู่ๆ เขาก็จ้องหน้าเซียวจิ่งเขม็งขึ้นมาในฉับพลัน เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม “เซียวจิ่ง นายไปที่บ่อน้ำพุร้อน ตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด”


 


 


เซียวจิ่งชะงัก มองหน้าเฉียวเหลียงแล้วถามด้วยความสงสัย “มาตรการรักษาความปลอดภัยหรือ”


 


 


เฉียวเหลียงจ้องหน้าเขา ขณะที่เฮ่อหว่านหนิงกล่าวว่า “เราได้ตรวจสอบบ่อน้ำพุร้อน และพูดคุยกับเจ้าของแล้วครับ วันนี้นอกจากทีมงานของเราแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามา เพราะฉะนั้นประธานเฉียวไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย”


 


 


หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดถังซีก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินออกมา ทุกคนตกตะลึงกับความงามของเธอ แม้แต่เฉียวเหลียงซึ่งไม่เคยสนใจผู้หญิง ก็ยังจ้องมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยไม่สนใจคนอื่นๆ ถังซีมองแค่เฉียวเหลียงเท่านั้น เมื่อเห็นดวงตาเขาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยิ้มอย่างเขินอาย ถามเขาว่า “ฉันสวยไหม”


 


 


“สวย” คำตอบง่ายๆ ธรรมดาๆ นี้สร้างความปลาบปลื้มอย่างยิ่งแก่ถังซี


 


 


ถังซียิ้ม เธอไม่คาดคิดว่าเฮ่อหว่านหนิงจะเตรียมชุด ‘นางฟ้าแห่งบุปผชาติ’ ไว้ให้เธอ เป็นชุดที่ออกแบบโดยเฟรด แคร์รี ชุดนี้เหมาะสำหรับหญิงสาวที่รูปร่างดี แน่นอน หมายถึงหญิงสาวที่รูปร่างเพรียวบาง เพราะออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่ได้เห็นนึกถึงนางฟ้าในเทพนิยาย และถังซีก็เพรียวบาง… ชุดนี้จึงเหมาะกับเธอโดยไม่ต้องดัดแปลงแก้ไขแต่อย่างใด


 


 


เฮ่อหว่านหนิงมองถังซีด้วยความพึงพอใจ และกล่าวอย่างตื่นเต้น “ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าคุณจะสวยงามเกินกว่าที่ผมคาดไว้ เซียวโหรวคุณต้องเป็นนางเอกโฆษณาที่สวยที่สุดแน่ๆ” เมื่อจบคำพูดเขาก็ขอให้ผู้ช่วยหยิบกล่องใบหนึ่งมาให้ เขาเปิดออกแล้วหยิบหน้ากากครึ่งหน้าสีเงินที่พิเศษสุดออกมา หน้ากากนี้จะเพิ่มสัมผัสแห่งความลึกลับให้ถังซี


 


 


เฮ่อหว่านหนิงเดินเข้ามาสวมหน้ากากให้ถังซี ภายใต้สายตาระแวดระวังของเฉียวเหลียง เขายิ้มขณะกล่าวว่า “ตอนถ่ายทำเมื่อคุณสวมหน้ากากนี้ แม้แต่ทีมงานก็จะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร”


 


 


ถังซีส่งยิ้มกลับไป ขณะตอบว่า “คุณช่างรอบคอบจริงๆ เลยค่ะ”


 


 


จากนั้นเฮ่อหว่านหนิงก็หันไปบอกให้คนอื่นๆ ดูเธอ ทุกคนส่ายศีรษะอย่างไม่เชื่อสายตา เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เซียวจิ่งกล่าวด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์ใจ “โหรวโหรว เธอดูเหมือนการผสมผสานระหว่างอัศวินกับเจ้าหญิงได้อย่างลงตัวที่สุด!” จากนั้นเขาก็หันไปมองเฮ่อหว่านหนิงขณะกล่าวต่อไป “ผมคิดว่าเราควรขึ้นค่าตัวนางแบบแล้วล่ะ ถ้าโฆษณาทีวีชุดนี้ปล่อยออกไป ใครต่อใครจะต้องคลั่งไคล้น้ำหอมชุดผีเสื้อนี้อย่างแน่นอน”


 


 


เฮ่อหว่านหนิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้ายอดขายดี เราจะปล่อยโฆษณานี้ไปทั่วโลก จากนั้นเซียวโหรวจะกลายเป็นนางแบบโฆษณาที่ทั่วโลกรู้จัก และค่าตอบแทนต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”


 


 


ถังซียิ้มไม่พูดอะไร เธอยอมรับข้อเสนอนี้เพียงเพราะเธอเกลียดเซียวจิ้นหนิง ดังนั้นเธอจึงทำงานนี้เพื่อแก้แค้นให้เซียวโหรว แต่ตอนนี้อุบายชั่วร้ายของเซียวจิ้นหนิงถูกเปิดโปงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องตามไปจัดการผู้หญิงคนนั้นอีกต่อไป


 


 


เมื่อเห็นว่าถังซีไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ในประเด็นนี้ เฮ่อหว่านหนิงก็ขอให้เธอไปที่โรงถ่ายชั่วคราว เพื่อทดลองบทหน้ากล้องครั้งหนึ่งก่อน หากไม่มีปัญหาอะไรทุกคนจะไปที่บ่อน้ำพุร้อน เพื่อเริ่มการถ่ายทำ


 


 


ในโรงถ่ายชั่วคราว เฉียวเหลียงยืนอยู่หลังกล้อง มองดูถังซีระหว่างการทดลองถ่ายทำ เธออ่านบทเพียงครั้งเดียว แต่สามารถแสดงความรู้สึกที่ผู้กำกับต้องการได้เป็นอย่างดี ขณะยืนอยู่หลังกล้อง เขาจินตนาการได้เลยว่าภาพยนตร์โฆษณาจะออกมาเป็นอย่างไร เขาถามเฮ่อหว่านหนิงว่า “ทำไมคุณไม่ถ่ายทำในสตูดิโอ แล้วใช้เทคนิคพิเศษตกแต่งภาพหลังจากนั้นล่ะ”


 


 


เขาบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร เขาจึงรู้สึกไม่ดีอย่างมากกับบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติในวันนี้ และไม่อยากให้ถังซีไปใกล้บริเวณนั้น


 


 


เฮ่อหว่านหนิงขมวดคิ้วมองเฉียวเหลียงขณะตอบ “การแสดงในฉากจริงเท่านั้นที่จะทำให้นางแบบเข้าถึงอารมณ์และส่งความรู้สึกได้ดี เทคนิคพิเศษควรใช้ในโฆษณาธรรมดาทั่วไปมากกว่า” เขาหยุด แล้วเสริมว่า “ผมคิดว่าเซียวโหรวก็คิดอย่างเดียวกับผม”


 


 


เฉียวเหลียงเม้มริมฝีปากมองหน้าเฮ่อหว่านหนิง แล้วเปลี่ยนสายตาไปที่เซียวจิ่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองด้านนอก เซียวจิ่งมองตอบเขาด้วยสายตางุนงง ถามว่า “มีอะไรหรือ”


 


 


“ไปตรวจตราบริเวณรอบบ่อน้ำพุร้อนอีกครั้ง ตรวจดูในบ่อด้วย” เฉียวเหลียงดูขึงขังขณะสั่งการ “ตรวจตราให้ทั่วอย่างละเอียด ตรวจให้ทั่วทุกบริเวณ อย่าให้พลาด และอย่าลืมตรวจสอบความลึกของบ่อน้ำพุร้อนด้วย” 

 

 


ตอนที่ 147 เหตุโกลาหล

 

แม้เซียวจิ่งจะไม่รู้ว่าทำไมเฉียวเหลียงจึงวิตกกังวลมากมายขนาดนี้ แต่เขาก็ไปตรวจตราที่บ่อน้ำพุร้อน หนิงเหยี่ยนมารออยู่ที่บ่อน้ำพุร้อนก่อนแล้ว เมื่อเห็นเซียวจิ่งเดินมาเขาก็จุดบุหรี่และเดินเข้าไปหา ถามว่า “นายก็มาด้วยหรือ”


 


 


เซียวจิ่งตอบด้วยเสียง “ฮื่อ” ในลำคอ ขณะมองดูบริเวณที่จะถ่ายทำแล้วถามว่า “นายตรวจตราความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วหรือยัง”


 


 


หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้วกับคำถาม “ทำไมนายต้องระมัดระวังมากขนาดนี้ คิดว่าน้องสาวนายเป็นดาราฮอลลีวูดหรือไง เธอเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ที่มาถ่ายโฆษณาทีวี จำเป็นต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ไหม”


 


 


เซียวจิ่งส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ ขณะมองดูทีมงานที่อยู่ในบริเวณนั้น และตอบอย่างจริงจัง “น้องสาวฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เธอยังไม่แข็งแรงดี แล้วก็อย่างที่นายรู้ ถึงเธอจะเป็นมือใหม่แต่เธอเป็นศัตรูของอดีตดาราใหญ่ เราควรระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากกว่านี้”


 


 


หนิงเหยี่ยนดูเหมือนจะหมดความอดทน แต่เขาก็ขอให้ทีมงานตรวจตราดูอีกครั้ง หลังจากนั้นก็กล่าวกับเซียวจิ่ง “ทีมงานทีมนี้เป็นพนักงานประจำของชิงเฉิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ นายมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”


 


 


เซียวจิ่งพยักหน้ารับคำพูดของหนิงเหยี่ยน แล้วมองไปที่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติสีฟ้าเข้ม ถามว่า “บ่อน้ำพุร้อนลึกแค่ไหน”


 


 


หนิงเหยี่ยนหันหน้าไปทางบ่อน้ำพุ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไม่น่าจะลึกเท่าไรนักหรอก แล้วอีกอย่างเราจะถ่ายกันข้างๆ บ่อน้ำ ไม่ได้ลงไป นายไม่ต้องห่วง”


 


 


เซียวจิ่งเดินไปดูที่ริมบ่อน้ำพุ น้ำใสจนมองเห็นก้นบ่อ แต่ดูเหมือนจะลึกไปสักหน่อย น้ำพุร้อนเป็นสีฟ้าและดูสวยงาม เขาคิดว่าในเมื่อมีแขกมาเที่ยวที่นี่ทุกวัน และลงไปแช่กันอย่างเพลิดเพลินอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีอันตรายอะไร ที่เฉียวเหลียงไม่สบายใจอาจเป็นเพราะเขาวิตกกังวลมากเกินไป


 


 


การทดสอบหน้ากล้องเป็นไปด้วยดี เฮ่อหว่านหนิงโทรหาหนิงเหยี่ยน บอกเขาว่าทางนี้พร้อมแล้ว ให้หนิงเหยี่ยนเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ และเตรียมพื้นที่ที่จะถ่ายทำให้เรียบร้อย หนิงเหยี่ยนวางสายโทรศัพท์ สั่งให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายทำออกจากบริเวณ พร้อมกับบ่นกับเซียวจิ่ง “น้องสาวนายนี่แน่จริงๆ เธอแค่มาถ่ายโฆษณาทีวี แต่เราต้องเคลียร์พื้นที่ให้เธอ”


 


 


เซียวจิ่งเม้มริมฝีปากก่อนตอบ “น้องสาวฉันไม่ได้ขอให้ทำ ประธานเฮ่อเขากลัวข้อมูลรั่วไหล จะส่งผลให้ความลับทางการค้าถูกเปิดเผย แล้วอย่างนี้นายจะโทษใคร”


 


 


หนิงเหยี่ยนดูดบุหรี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วโยนลงถังขยะ หลังจากนั้นก็เดินไปปรับกล้อง ขณะบอกว่า “นายก็ออกไปจากบริเวณได้แล้ว”


 


 


เมื่อถังซีและคนอื่นๆ มาถึงบ่อน้ำพุร้อน หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้ว แล้วเป่าปากดังวี๊ดเมื่อเห็นเฉียวเหลียง “โอ… เฉียวเหลียงลมอะไรหอบคุณมาที่นี่”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าเขาเป็นการทักทาย ขณะที่เฮ่อหว่านหนิงตอบว่า “ประธานเฉียวมาตรวจงาน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ OLS”


 


 


บรรดาทีมงานที่ประหลาดใจกับการมาปรากฏตัวของเฉียวเหลียง ต้องตกใจอีกครั้ง ประธานเฉียวช่างเป็นคนลึกลับตลอดเวลา เขามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ OLS ตั้งแต่เมื่อไรกัน


 


 


หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้ว มองดูถังซีซึ่งอยู่ข้างหลังเฉียวเหลียง แล้วร้องว่า “โอ… ดูสิว่าฉันเห็นอะไร นางฟ้าน้อยตัวจริง!”


 


 


ถังซีทักทายเขาและขอบคุณในความดูแลใส่ใจ หนิงเหยี่ยนยังคงแสดงท่าทีประหลาดใจขณะตอบว่า “เธอยังจะต้องการการดูแลจากฉันอีกหรือ การดูแลขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างท่านประธานเฉียว พวกเราทุกคนต้องฟังเขา”


 


 


ถังซีพูดไม่ออก หนิงเหยี่ยนมีลิ้นที่เฉียบคมจริงๆ … ถังซีมองเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการใส่ใจดูแลนะคะ ประธานเฉียว”


 


 


เฉียวเหลียงเลิกคิ้วและยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะถามว่า “ถ้าผมไม่พอใจ คุณจะยกเลิกการถ่ายทำไหม”


 


 


“ประธานเฉียว อย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้นะครับ” เฮ่อหว่านหนิงกล่าว จากนั้นก็หันไปบอกให้ทีมงานเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ แล้วบอกให้หนิงเหยี่ยนทดลองถ่ายทำ


 


 


เฉียวเหลียงก้าวถอยหลังไปยืนข้างเซียวจิ่ง “นายตรวจดูในบ่อน้ำพุร้อนหรือยัง”


 


 


เซียวจิ่งตอบพร้อมกับพยักหน้าว่า “ดูแล้ว ไม่ต้องห่วง น้ำไม่ลึกมาก”


 


 


เฉียวเหลียงไม่พูดอะไร แต่จ้องเขม็งไปที่ถังซีซึ่งกำลังซ้อมการแสดง


 


 


หลังจากลองถ่ายทำดูรอบหนึ่ง หนิงเหยี่ยนก็มองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ ตอนที่เขาเห็นถังซี แต่งตัวเหมือนนางฟ้าแห่งบุปผชาติเดินมานั้น เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เขาต้องตกตะลึงกับความงามของเธอหลังจากที่เธอแสดงท่าทางต่างๆ ตามบท ประกายตาเธอสัมผัสเข้าไปถึงหัวใจเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาได้พบบุคคลที่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงแล้ว


 


 


ทักษะการแสดงของเธอไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมาพร้อมกับตัวเธอ!


 


 


เพียงแค่เห็นครั้งแรก เธอก็ทำให้เขาเชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ


 


 


หนิงเหยี่ยนรู้สึกพึงพอใจกับการแสดงของถังซี เขาร้องบอกว่า “โอเค ลงไปถ่ายกันได้เลย” เขาหยิบบทมาถือ และตะโกนว่า “เอาน้ำหอมไปวาง” จากนั้นก็เริ่มกำกับถังซี “เริ่มแรกจะมีนักแสดงประกอบสองคนเล่นน้ำกันอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน แล้วพวกเธอจะออกไปจากฉาก หลังจากสองคนนั้นออกไปแล้ว เธอก็เดินออกมาจากต้นเมเปิล จำไว้ว่าเธอต้องแสดงท่าทางระแวดระวัง เหมือนกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็น จากนั้นก็หยิบน้ำหอมที่วางอยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อนขึ้นมา ฉีดน้ำหอม แล้วทำท่าเหมือนเล่นกับผีเสื้อ หลังจากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วหมุนตัวสองรอบ… จากนั้นกระโดดลงไปในน้ำ แล้วเล่นกับผีเสื้อ แล้ว…” เขาชี้ไปที่ชิงช้าบนกิ่งเมเปิล และพูดต่อไปจนจบ “ไปเล่นชิงช้า แค่นี้”


 


 


ถังซีพยักหน้า คิดว่าเธออาจดูโง่เล็กน้อยที่จะแสดงท่าทางเหล่านั้น แต่เธอรู้สึกว่าภาพน่าจะออกมาดีหลังจากได้เพิ่มเทคนิคพิเศษลงไปหลังการถ่ายทำ


 


 


การถ่ายเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นักแสดงหญิงสองคนเล่นกันอยู่ในน้ำพุร้อนอย่างสนุกสนาน ก่อนจะทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะ ในตอนนี้ก็มีหญิงสาวสวมหน้ากากครึ่งหน้าปรากฏตัวขึ้นหลังต้นเมเปิล เธอมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เธอเดินออกมาหลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น หลังจากแสดงท่าทางแน่ใจว่าไม่มีใครอีกครั้งหนึ่ง เธอก็ยิ้มสดใสออกมาด้วยความเบิกบานใจ ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยเท้าเปล่า


 


 


ทุกย่างก้าวของเธอมีสายลมอ่อนๆ ของแนวป่าพัดผ่านมา ทำให้ผมเธอปลิวไสว ปอยผมระลงมาบนหน้ากาก ใบหน้าที่งดงามนั้นเปิดเผยเพียงครึ่งหนึ่ง ทุกอย่างดูเหมือนนิ่งสนิท ขณะที่เธอเดินไปที่น้ำพุร้อน


 


 


เธอดูเหมือนเจ้าหญิงตัวจริงผู้หลบหนีออกมาจากปราสาท และเหมือนนางฟ้าน้อยที่แอบหนีลงมาเที่ยวเล่นบนดินแดนของมนุษย์ นางฟ้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกภายนอก เมื่อเห็นขวดน้ำหอมที่วางอยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อน เธอก็เดินเข้าไปใกล้ ด้วยก้าวย่างอันแผ่วเบา ทีมงานทุกคนกลั้นหายใจเฝ้าดูว่าเธอกำลังจะทำอะไร


 


 


เธอหยิบขวดน้ำหอมขึ้นมา ฉีดเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้น ทุกคนสามารถเห็นรอยยิ้มอันแสนงดงามบนริมฝีปากสีแดงสด เธอมองที่ปลายนิ้วตนเองด้วยความประหลาดใจ แล้วมองไปด้านทางหลัง เธอยกมือขึ้นโบกไปมาอย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มกับอากาศ


 


 


ราวกับเธอกำลังเล่นกับผีเสื้อ…


 


 


ทันใดนั้นผีเสื้อสีน้ำเงินตัวหนึ่งก็บินเข้ามา สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน ผีเสื้อหรือ สิ่งมีชีวิตตัวนั้นบินเข้าไปตรงกลางบ่อน้ำพุร้อน ถังซีรวบชายกระโปรงไล่ตามผีเสื้อตัวนั้นไป ขณะลุยน้ำลงไปก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็หยุดและหันกลับไปมอง มีผีเสื้อนับไม่ถ้วนบินเข้ามาหาเธอ


 


 


อย่างไรก็ตาม ถังซีรู้สึกไม่ค่อยดี จิตใจเธอเต็มไปด้วยภาพเครื่องบินตก ร่างของเธอระเบิดเป็นเสี่ยงๆ นับไม่ถ้วน ตามมาด้วยภาพท้องทะเลลึกสีน้ำเงินกำลังกลืนร่างเธอ เธอไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป ร่างเธอสะดุด ถลาไปข้างหน้า และจมลง


 


 


ทุกคนร้องออกมาเสียงดัง เฉียวเหลียงตะโกนว่า “ช่วยเธอเร็ว!” และรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ…


 


 


แต่ฝูงผีเสื้อขวางกั้นทุกคนไว้ ไม่มีใครเข้าใกล้บ่อน้ำพุร้อนได้ เซียวจิ่งตะโกนว่า “ผีเสื้อทั้งฝูงขนาดนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”


 


 


ถังซีรู้สึกราวกับเธอกำลังร่วงลงสู่ห้วงลึกของมหาสมุทร ขณะที่ผู้คนโดยรอบบ่อน้ำพุร้อนตกอยู่ในความโกลาหล 

 

 


ตอนที่ 148 รอดอย่างหวุดหวิด

 

ถังซีรู้สึกว่าน้ำไหลเข้ามาในปาก เธอเริ่มสำลัก จนถึงจุดที่เธอหายใจไม่ออก เธอพยายามอ้าปากหายใจแต่ทำไม่ได้ เธอจมดิ่งลงไปด้วยความหวาดกลัว… เธอควรทำอย่างไร… เธอควรทำอย่างไร…! เธอขดตัวและไม่ยอมมองสายน้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา เพราะกลัวว่าในทันทีที่ลืมตา เธอจะกลับไปยังท้องทะเลแห่งนั้น และร่างกายเธอจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ


 


 


“ไม่…” ถังซีพยายามโอบกอดตัวเองไว้ แต่ไม่สามารถทำได้ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพียงเพื่อจะเห็นตัวเองถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำ และไม่สามารถทำอะไรได้เลย เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะว่ายน้ำขึ้นไปข้างบน แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เธอก็ว่ายน้ำขึ้นไปที่ฝั่งไม่ได้ เธอคิดว่า ‘ฉันทำไม่ได้… ฉันตายแล้ว… ฉันจะว่ายน้ำกลับไปได้อย่างไร’


 


 


เธอปล่อยมือ หลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองจมลงไป…


 


 


ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความฝัน เธอตายไปแล้ว ตายในทะเล… นี่เป็นความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธ


 


 


‘เซียวโหรว!’ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกดังมาจากส่วนลึกของจิตใจ


 


 


ถังซีลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นมนุษย์ร่างจิ๋วยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ ‘เธอช่างขี้ขลาดเหลือเกิน นี่เธอเป็นผู้สมควรได้รับระบบของฉันได้อย่างไร มนุษย์ขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญกับความตายของตัวเอง ไม่สมควรได้รับ ศูนย์ ศูนย์ แปด!’


 


 


ถังซีส่ายศีรษะ เบิกตากว้าง พยายามมองใบหน้ามนุษย์จิ๋วให้ชัด ไม่จริง! เธอไม่ได้ขี้ขลาด! เธอเคยเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเธอตายมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มาเป็นเซียวโหรวอย่างที่เป็นอยู่นี้!


 


 


‘ไม่จริง อย่างนั้นหรือ’ เสียงหัวเราะแผ่วต่ำของชายคนนั้นดังขึ้น ‘ถ้าเธอเคยเผชิญหน้ามาแล้ว ทำไมตอนนี้ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปล่ะ’


 


 


ถังซีส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป! เธอปล่อยก็ได้! แต่เธอแค่ต้องการแก้แค้นให้ตัวเองก่อน!


 


 


‘แล้วตอนนี้เธอสามารถแก้แค้นให้ตัวเองได้หรือ’ เสียงชายผู้นั้นเยาะเย้ยอีก


 


 


ถังซีนิ่งขึงไปทันที เธอไม่สามารถแก้แค้นได้ เธอรู้สึกเหนื่อยล้าแม้เพียงแค่ก้าวเดินไม่กี่ก้าว เธอจะมีความสามารถไปแก้แค้นได้อย่างไร! นี่คือสาเหตุที่เธอต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง!


 


 


‘ฉันควรทำอย่างไร’ ในที่สุดถังซีก็สงบลง เธอลืมตาขึ้นมองไปที่ชายคนนั้น ถามอีกครั้งว่า ‘ฉันควรทำอย่างไร’


 


 


ในที่สุดน้ำเสียงชายคนนั้นก็ฟังดูมีความสุขขึ้นเล็กน้อย ‘เธอรู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนฆ่าเธอ ฉันคิดว่าเธอควรตรวจสอบว่าทำไมเธอถึงจมดิ่งลงไปในน้ำในวันนี้…’


 


 


ทันใดนั้นถังซีก็รู้สึกถึงลำแสงที่สาดส่องลงมาบนร่างเธอ และในวินาทีต่อมาเธอก็ถูกดึงให้ลุกขึ้น หลังจากนั้นเธอก็เห็นฝูงผีเสื้อที่แออัดหนาแน่นรอบๆ บ่อน้ำพุร้อนแยกย้ายกันออกไป ราวกับดอกไม้ไฟกำลังระเบิดออกอย่างสวยงามน่ามหัศจรรย์…


 


 


เธอยื่นมือออกไป ผีเสื้อสองสามตัวบินเข้ามาเกาะ แต่ถังซีไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินกับฉากที่สวยงามเช่นนี้ เธอมีเพียงความคิดเดียวในใจ เมื่อกี้เธอไม่ได้ลื่นโดยบังเอิญ แต่มีคนตั้งใจเตรียมการให้เกิดสถานการณ์ขึ้นแบบนี้… และเพราะความกลัว เธอจึงคิดไปว่าเธอกลับไปอยู่กลางท้องทะเลลึกที่มหาสมุทรแปซิฟิก…


 


 


ทุกคนเห็นฝูงผีเสื้อบินแยกย้ายกันออกไป และถังซียืนอยู่กลางบ่อน้ำพุร้อน มีผีเสื้อสองสามตัวบินมาเกาะบนมือเธอ…


 


 


เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นไม่วางตา เขาก้าวออกไป แต่หนิงเหยี่ยนร้องห้ามทันที “อย่าเพิ่งออกไป ขอให้ผมถ่ายฉากนี้เสร็จก่อน…” ด้วยการกีดขวางของฝูงผีเสื้อ ไม่มีใครสามารถเข้าไปที่บ่อน้ำพุร้อนได้ และปล่อยให้กล้องเก็บภาพฉากนั้นทั้งหมดจนเสร็จ รวมทั้งช่วงเวลาที่ถังซีจมลงในน้ำ ตอนที่ฝูงผีเสื้อบินเข้ามาล้อมรอบบ่อน้ำพุ จนกระทั่งบินแยกย้ายกันออกไป ชั่วขณะที่ถังซียื่นมือออกไปเล่นกับผีเสื้อ… เธอดูสง่างาม เร้นลับ และแสนสวย…


 


 


นี่คือสัมผัสของความรู้สึกแบบที่เขาอยากได้ น้ำหอมช่วยฟื้นความทรงจำที่หายไป


 


 


ลึกลับ มหัศจรรย์ และสูงส่ง


 


 


เรือนผมถังซียาวสลวย ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำ ชุดอันสวยงามเปียกปอน แต่ไม่มีสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเทคนิคการตัดต่อเพื่อเป็นโฆษณาทีวี เธอผายมือออกข้างหนึ่ง เผยใบหน้าครึ่งหนึ่งให้กล้องเห็น แล้วทันใดนั้นผีเสื้อตัวหนึ่งก็บินมาเกาะที่มือเธอ หนิงเหยี่ยนรีบตะโกนว่า “เอาน้ำหอมวางลงบนมือเธอ!”


 


 


ทีมงานรีบหยิบขวดน้ำหอมมาอย่างรวดเร็ว แล้ววางลงในมือถังซี ในที่สุดหนิงเหยี่ยนก็เก็บภาพทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย และตะโกนว่า “คัท”


 


 


ใช้เวลาน้อยกว่ายี่สิบนาทีในการถ่ายทำโฆษณาทีวีทั้งหมด แม้ภาพสุดท้ายจะไม่เป็นไปตามบท แต่การถ่ายทำทั้งหมดก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีโดยไม่มีข้อขัดข้องใดๆ


 


 


หนิงเหยี่ยนเองก็พึงพอใจมากด้วย


 


 


เมื่อได้ยินคำว่า ‘คัท’ ถังซีก็กลับคืนสู่สติ เธอมองไปที่เฉียวเหลียงซึ่งดูโกรธมาก รังสีอำมหิตแผ่อยู่รอบตัวเขา เธอก้าวออกจากน้ำพุร้อนอย่างระมัดระวัง มาหยุดตรงหน้าเขา แล้วกล่าวด้วยยิ้ม “แค่เทคนิคพิเศษทางศิลปะ คุณกลัวหรือเปล่าคะ”


 


 


เทคนิคพิเศษทางศิลปะหรือ เฉียวเหลียงหัวเราะเยาะ ขณะจับข้อมือถังซี พาเธอเดินออกมาด้านนอก ผีเสื้อพวกนั้นมาจากไหน! เธอคิดว่าเขาโง่จริงๆ หรือ


 


 


ขณะปล่อยให้เฉียวเหลียงจูงมือเธอออกไป ถังซีหันกลับไปมองเซียวจิ่งแล้วทำปากพูดอะไรบางอย่างกับเขา เมื่อเห็นอย่างนี้ เซียวจิ่งซึ่งกำลังมองดูคนทั้งคู่ก็ขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองหนิงเหยี่ยน ซึ่งกำลังถามเซียวส่าว่าเซียวโหรวกลายเป็นแฟนเฉียวเหลียงไปแล้วหรือ เซียวจิ่งเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “น้องสาวฉันบอกว่ามีเศษแก้วอยู่ในน้ำ การที่เธอลื่นล้มและจมลงไปไม่ใช่อุบัติเหตุ เรียกทีมงานทุกคนมารวมตัวกันเดี๋ยวนี้!”


 


 


ด้วยความตกใจ หนิงเหยี่ยนรีบเรียกทีมงานทุกคนมารวมตัวกัน แล้วเดินไปที่บ่อน้ำพุร้อน ซึ่งเขาพบร่องรอยเลือดอยู่กลางสระ แม้ร่องรอยจะจางหายไปบ้างแล้วแต่ยังคงมองเห็นได้ หนิงเหยี่ยนก้าวลงไปในบ่อ หยิบเศษแก้วชิ้นนั้นขึ้นมา แล้วตะโกนด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “ให้ทีมงานทุกคนที่รับผิดชอบบริเวณบ่อน้ำพุร้อนมาที่นี่!”


 


 


เฮ่อหว่านหนิงเดินหน้าเข้มเข้ามา กล่าวกับหนิงเหยี่ยนว่า “หนิงเหยี่ยน ทีมงานทุกคนที่นี่ในวันนี้ คุณพามาจากชิงเฉิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คุณต้องมีคำอธิบายให้ผม”


 


 


หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้วมองหน้าเฮ่อหว่านหนิงและพยักหน้า “นายวางใจได้ ไม่เคยมีใครกล้าสร้างความวุ่นวายในกองถ่ายของฉัน แต่วันนี้เซียวโหรวได้รับบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้เองอย่างแน่นอน และจะหาคำอธิบายให้นายให้ได้!”


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น เซียวโหรวยังมีพรสวรรค์มาก หากศักยภาพของเธอได้รับการผลักดันอย่างเต็มที่ เขามั่นใจว่าเธอจะได้รับรางวัลทางการแสดงมากมายภายในช่วงเวลาสามสิบปีจากนี้ไป!


 


 


ห้านาทีต่อมา ทีมงานทุกคนก็มารวมตัวกัน หนิงเหยี่ยนหันหน้าไปมองพวกเขา สายตาดุดันปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่เขาชูเศษแก้วในมือขึ้น พร้อมกับกวาดสายตาเย็นเยียบไปตามใบหน้าทีมงาน และถามอย่างเยือกเย็นว่า “ใครเอาเศษแก้วนี้ไปใส่ในบ่อน้ำพุร้อน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!”


 


 


ทีมงานมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครออกมายอมรับ


 


 


ขณะมองไปตามใบหน้าพวกเขา หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้ว “คิดว่าฉันจะไม่สามารถตรวจสอบได้หรือ จะยอมรับไหม” สีหน้าเขาเยือกเย็น “ใครรับผิดชอบตรวจตราความเรียบร้อยบ่อน้ำพุร้อน ออกมา!”


 


 


ทีมงานหญิงสองคนและชายหนึ่งคนก้าวออกมา หนิงเหยี่ยนมองหน้าพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเธอตรวจตราบ่อน้ำพุร้อนดีแล้วจริงๆ หรือ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม