ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1402-1409
ตอนที่ 1402 นักบุญหญิง (7)
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มอย่างเฉยชา “ข้าพูดว่าพวกเจ้าไปได้ แต่…ข้าได้พูดหรือว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป”
นางพูดว่าพวกเขาไปได้ แต่ไม่ได้พูดว่านางจะปล่อยพวกเขาไป!
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนพวกนี้ก็หน้าบึ้งตึงแล้วจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง
“หน้าไม่อาย!”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “เจ้าอ่อนแอเกินไปที่จะหนี เป็นความผิดข้าหรือ”
ตอนนั้นพวกเขาก็รู้ตัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปตั้งแต่แรก
“เจ้าไม่กลัวหุบเขาผู้ใช้เวทเลยหรือ”
จนตอนนี้พวกเขาก็ยังพยายามขู่นางด้วยหุบเขาผู้ใช้เวท พวกเขาไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงรู้ว่าพวกเขามาจากหุบเขาผู้ใช้เวทตั้งแต่แรก ถ้านางกลัวหุบเขาผู้ใช้เวทจริง นางก็ไม่สู้กับพวกเขาตั้งแต่แรก!
ถึงแม้ว่าหุบเขาผู้ใช้เวทจะแข็งแกร่ง แต่นางก็มีชะตาเป็นศัตรูกับพวกเขาอยู่แล้ว!
“หุบเขาผู้ใช้เวทของเจ้าต้องการสังหารข้า ถึงแม้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป หุบเขาผู้ใช้เวทก็คงส่งคนที่แข็งแกร่งกว่ามาสังหารข้าอยู่ดี แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปทำไม” อวิ๋นลั่วเฟิงส่งยิ้มร้ายหาจไปให้พวกเขา
“สังหารนางกัน!” หนึ่งในนั้นกัดฟันแล้วนำคนกระโจนเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิง
ทว่าจู่ๆ เถาวัลย์มากมายก็ปรากฏขึ้นมาจากพื้นดิน พวกมันขยับราวกับมีชีวิตแล้วไล่ล่าคนจากหุบเขาผู้ใช้เวทก่อนแทงเข้าที่อกพวกเขา…
อวิ๋นลั่วเฟิงลูบเถาวัลย์พวกนี้แล้วใบหน้านางก็เป็นประกายจากรอยยิ้มชั่วร้าย “อาวุธของเสี่ยวซู่เยี่ยมมากจริงๆ”
คนพวกนี้ไม่ได้ทำให้นางบาดเจ็บ แต่นางก็ไม่สามารถสังหารพวกเขาด้วยเวลาอันรวดเร็วได้ เมื่อกี้นางสังหารหนึ่งในนั้นได้ง่ายเพราะชายคนนั้นไม่ระวังตัวแล้วโดนนางลอบโจมตี ส่วนคนที่เหลือนางก็ใช้อาวุธของเสี่ยวซู่สังหารพวกเขาอย่างไร้ร่องรอย!
“ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองหวงอิงอิงถึงตะลึงแล้วยักไหล่
ถ้าหวงอิงอิงยังเป็นคุณหนูที่โดนตามใจอย่ในจวน นางก็คงหวาดกลัว แต่ประสบการณ์ที่นางพบเจอเป็นปีทำให้นางรู้ว่านี่คือโลกที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด การแสดงความปรานีต่อศัตรูก็เหมือนทำร้ายตัวเอง! หากใครก็ตามต้องการสังหารเจ้า เจ้าก็ต้องสังหารพวกเขาก่อนเพื่อให้ได้เปรียบ ดังนั้นหวงอิงอิงจึงแค่ตะลึงในความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้น…
“เจ้าช้าเกินไปแล้ว” จีจิ่วเทียนพูดแล้วค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ยาวพร้อมยกยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้าเย้ายวนนั่น “ในที่สุดเจ้าก็จัดการพวกมันได้ ข้าเกือบหมดความอดทนแล้ว”
อวิ๋นลั่วเฟิงชำเลืองมองเขา “เจ้าแค่นอนดูการต่อสู้!”
จีจิ่วเทียนยิ้ม “นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าบอกไม่ให้ข้ายุ่ง”
“แต่ข้าไม่ได้บอกให้เจ้างอมืองอเท้าดูอย่างเดียว!”
จีจิ่วเทียนเลิกคิ้ว เขาโบกมือเพื่อนำของกลับเข้าไปในธำมรงค์มิติแล้วสาวเท้าเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง
“เจ้าอยากให้ข้าจัดการคนของหุบเขาผู้ใช้เวทให้เจ้าใช่หรือไม่” รอยยิ้มเย้ายวนบนใบหน้าของจีจิ่วเทียนกว้างขึ้น “ถ้าเจ้าอยากให้ข้าช่วย ก็จูบข้าก่อน ตกลงไหม”
“ก็ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงกระดิกนิ้วเรียกจีจิ่วเทียน “มานี่”
จีจิ่วเทียนตะลึงงัน เขาจำได้ว่าเสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ซื่อสัตย์กับจักรพรรดิปีศาจมาก ทำไมนางจึงยอมทำตามคำขอบ้าบอของเขาง่ายๆ แต่ว่า…
เมื่อมองริมฝีปากแดงสดยั่วยวนนั่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปหาแล้วจากนั้น…
ตอนที่จีจิ่วเทียนกำลังตกอยู่ในภวังค์ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกขาแล้วใช้เข่ากระแทกหว่างขาเขาเข้าอย่างแรง
ตอนที่ 1403 นักบุญหญิง (8)
จีจิ่วเทียนหน้าเขียวทันทีแล้วเหงื่อเย็นๆ ก็ไหลเพราะความเจ็บปวด
“ขาข้าจูบกับส่วนนั้นของเจ้าแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง” อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าซีดเผือดของจีจิ่วเทียนแล้วยิ้มเยาะ “ข้าสามารถทำให้เจ้าพอใจได้อีกถ้าเจ้าต้องการ”
จีจิ่วเทียนพยายามระงับความโกรธเขาขบฟัน “อวิ๋นลั่วเฟิง! เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไรถ้าข้าไร้สมรรถภาพทางเพศ”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ตอบ เพียงแค่จ้องหน้าเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบโดนผู้อื่นเกี้ยว ข้าชอบเป็นฝ่ายเริ่มก่อน!”
จีจิ่วเทียนอดทนต่อความเจ็บแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิง “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่คิดมากถ้าเจ้าจะเกี้ยวข้า”
ได้ยินแบบนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้ม “ขอโทษด้วย ถ้าข้าอยากจะเกี้ยวใครสักคน คนคนนั้นก็ต้องเป็นอวิ๋นเซียว!”
ในชีวิต อวิ๋นเซียวเป็นคนรักเพียงคนเดียวของนาง!
นางไม่มีทางรักบุรุษอื่นนอกจากเขา!
จีจิ่วเทียนขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้รู้สึกแปลกในใจแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร…
“เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ ทำตัวดีกับข้าหน่อย” จีจิ่วเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้ตาเรียวมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างจริงจัง “ถึงอย่างไรข้าก็มีประโยชน์ อย่างน้อยข้าก็สู้เคียงข้างเจ้าได้ ถ้าเจ้าทำตัวดีกับข้า ข้าก็จะช่วยเจ้ามากกว่านี้”
อวิ๋นลั่วเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าเจ้าคงสืบพันธุ์ไม่ได้แล้วจริงๆ”
ถึงแม้ว่าจีจิ่วเทียนจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เขาก็เหมือนกับบุรุษทั่วไป บางส่วนในร่างกายเขาก็ยังบอบบาง แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของจีจิ่วเทียน ถ้าคนที่โจมตีเขาไม่ใช่อวิ๋นลั่วเฟิงเขาก็ไม่มีทางบาดเจ็บเพราะ…ก่อนที่คนเหล่านั้นจะเข้าถึงตัวเขาก็คงโดนสังหารไปก่อนแล้ว!
“เอาล่ะ ข้าควรจะขอบคุณที่เจ้าเมตตาสินะ” จีจิ่วเทียนยิ้มเยาะ “ไม่อย่างนั้นข้าคงสืบพันธุ์ต่อไม่ได้แล้ว”
อวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้ว “เจ้าเป็นเพื่อนเก่าของเจวี๋ยเชียนใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง” จีจิ่วเทียนไม่คิดจะปิดบังตัวตน เขาเลยยอมรับโดยไม่ลังเล
“ทายาทตระกูลจีไม่ใช่บุตรเจ้าหรือ”
“ข้าไม่มีสตรีคนใดอยู่เคียงข้างแล้วข้าจะเอาบุตรมาจากไหน คนพวกนั้นเป็นบุตรของพี่ๆ น้องๆ ข้า”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บริสุทธิ์มาเป็นพันปีแล้วสิ แล้วเจ้าจะต้องการสืบพันธุ์ไปทำไม”
จีจิ่วเทียนชะงัก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองคิดว่า…อวิ๋นลั่วเฟิงเองก็พูดมีเหตุผล! เขาไม่เคยเป็นบิดาให้เด็กคนไหน แล้วเขาจะมีส่วนสืบพันธุ์ไปทำไม
“จีจิ่วเทียน ข้ามีคำถาม ข้อแรก เจ้ามีชีวิตอยู่เป็นพันปี แล้วตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน”
เมื่อได้ยินคำถาม ใบหน้าของจีจิ่วเทียนก็แข็งค้างไป เขาหันหน้าหนีด้วยความอายแล้วพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องรู้เรื่องนี้หรอก ถึงแม้ข้าจะบอกเจ้า ข้าก็เกรงว่าเจ้าก็จะไม่เข้าใจอยู่ดี”
“แล้วเป็นเรื่องจริงหรือที่เจ้าไม่เคยแตะต้องสตรีคนใดเลยตลอดพันปี”
“ฮึ่ม สตรีหยาบคายพวกนั้นน่ะหรือ! ข้าจะสนใจสตรีที่ตะลึงทุกครั้งที่เห็นหน้าข้าไปทำไม”
จีจิ่วเทียนค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง แล้วสตรีหยาบคายน่าเบื่อพวกนั้นจะเหมาะสมกับเขาได้อย่างไร ที่สำคัญจีจิ่วเทียนชินกับความงามของตัวเองแล้ว เขาจะยอมรับสตรีที่หน้าตาแย่กว่าเขาได้อย่างไร
ส่วนเรื่องความรู้สึกทางเพศนั้น…
เขาเคยพยายามลองมีอะไรกับสตรี แต่ทันทีที่เขาเห็นสตรีพวกนั้น ความปรารถนาในร่างเขาก็หายไปทันทีดังนั้นเขาก็เลยแก้ปัญหาด้วยใช้มือข้างขวาของตัวเองแทน
ตอนที่ 1404 นักบุญหญิง (9)
“นายหญิง ถึงเวลาต้องไปแล้ว” เสี่ยวโม่ยกยิ้มในฐานะผู้สนับสนุนที่ภักดีกับอวิ๋นเซียว เขาไม่อยากให้นายหญิงกับจีจิ่วเทียนคุยกันเยอะนัก
“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่แล้วหันหลัง
….
ภายในเผ่าผู้ใช้เวท
หัวหน้าเผ่ากำลังสั่งการอะไรบางอย่างอยู่ และในตอนนั้นเอง โอวหย่าก็รีบมาหาเขาอีกครั้ง ทันทีที่นางเข้ามา นางก็เอ่ยปากถามทันที “หัวหน้าเผ่า เจ้าทำเรื่องที่ข้าสั่งแล้วหรือยัง”
หัวหน้าเผ่ารู้ว่าโอวหย่าพูดถึงเรื่องอะไรจึงพยักหน้า “ข้าส่งผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์หลายคนไปแดนลับแลแล้วขอรับ”
“อะไรนะ” โอวหย่าได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างตกใจ “เจ้าส่งแค่ผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไปหรือ ทำไมไม่ส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไป”
ผู้นำเผ่าที่แต่เดิมก็รู้สึกไม่พอใจโอวหย่ามากอยู่แล้วหน้าบึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินนางพูด “ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไม่สามารถส่งออกไปนอกเผ่าเฉยๆ ได้ แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนลับแลก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นปราชญ์ เช่นนั้นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ก็เพียงพอกับการต่อกรพวกเขาแล้ว”
“หัวหน้าเผ่า เจ้าไม่เข้าใจ” โอวหย่าพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล “อวิ๋นลั่วเฟิงมีพรสวรรค์สูงมาก แล้วข้าก็ไม่ได้เจอนางมานานระหว่างนี้นางต้องพัฒนาไปมาก ผูฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไม่เพียงพอที่จะจับนางหรอก”
หัวหน้าเผ่าพูดอย่างไม่พอใจ “ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไม่สามารถออกจากหุบเขาผู้ใช้เวทได้ตามใจ ถ้าผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไม่พอ ข้าจะส่งคนไปเพิ่ม”
สีหน้าของโอวหย่ามืดครึ้ม นางยังต้องการโน้มน้าวเขาแต่เสียงของหัวหน้าเผ่าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าแต่ท่านนักบุญหญิง เมื่อไหร่ท่านจะทำพิธีสืบทอด”
ในเผ่าผู้ใช้เวท พวกเขามีพิธีสืบทอดสำหรับนักบุญหญิงโดยเฉพาะ พูดอีกอย่างก็คือพิธีการสืบทอดเป็นการทดสอบสายเลือดของนักบุญหญิง หากคนผู้นั้นไม่มีสายเลือดที่แท้จริงของนักบุญหญิงก็จะตายทันที
แต่ถ้านักบุญหญิงทำพิธีสืบทอดสำเร็จ นางก็จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่
“ท่านหัวหน้าเผ่า เหตุใดถึงรีบนัก” นักบุญหญิงหยุดก่อนพูดต่อ “ข้ายังไม่เข้าพิธีตอนนี้”
“ท่านยังไม่อยากทำพิธีตอนนี้งั้นหรือ แต่เผ่าผู้ใช้เวทกำลังจะหมดเวลาแล้ว มีแค่การทำพิธีสืบทอดเท่านั้นที่จะทำให้ท่านนักบุญหญิงแข็งงแกร่งพอจะปกป้องเผ่าผู้ใช้เวท ข้าหวังว่าท่านจะทำพิธีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้ว
โอกาสดีที่นางจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านนักบุญหญิงถึงเอาแต่ปฏิเสธ
โอวหย่าลูบหน้าผากตัวเอง “ท่านหัวหน้าเผ่า ช่วยไม่ได้ เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงทำร้ายข้า ร่างกายข้าจึงมีโรคร้ายแรงแฝงอยู่ ถ้าข้าทำพิธีสืบทอดด้วยสุขภาพตอนนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะไม่มีแรงพอจนทำพิธีจนเสร็จ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เผ่าผู้ใช้เวทจะได้รับผลกระทบไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวหน้าเผ่าก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “เผ่าผู้ใช้เวทของเราเชี่ยวชาญการใช้ปรสิตแต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยาเลย อีกอย่างพวกเราติดต่อเขาคนภายนอกน้อยมากดังนั้นพวกเราคงหาแพทย์มารักษาท่านไม่ได้”
“หัวหน้าเผ่าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าศึกษาวิชาแพทย์ ดังนั้นข้าสามารถรักษาโรคร้ายแรงที่แฝงอยู่ได้ แต่…” โอวหย่าหยุดพูดก่อนยกยิ้ม “ถ้าท่านพาตัวอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่แล้วให้นางรักษาข้า ข้าจะหายเร็วขึ้น”
หัวหน้าเผ่าเงียบ
ปกติแล้วคนในเผ่าที่อยู่สูงกว่าขั้นเซียนปราชญ์จะไม่ออกไปนอกเผ่า แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอนาคตของเผ่าผู้ใช้เวททั้งหมด เขาควรส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไปที่นั่น
“ก็ได้ ข้าจะส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไปที่นั่นแล้วพาอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่”
โอวหย่าหลุบตาต่ำด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนริมฝีปาก “หัวหน้าเผ่า อวิ๋นลั่วเฟิงและข้าเป็นศัตรูกัน ข้าไม่คิดว่านางจะยอมรักษาข้า และนอกจากจะไม่รักษาข้าแล้ว นางอาจจะใส่ร้ายข้าแล้วบอกว่าร่างกายข้าไม่มีปัญหา ข้าหวังว่าท่านจะไม่เชื่อสิ่งที่นางว่า”
“ท่านไปนอนเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” ผู้นำเผ่าครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดกับโอวหย่า
ตอนที่ 1405 นักบุญหญิง (10)
โอวหย่าก็ไม่พูดอะไรอีก นางหันหลังแล้วเดินจากไป
ทันทีที่นางหันหลังไปนั้น รอยยิ้มมีชัยของนางก็กว้างขึ้น นางคิดในใจว่าเผ่าผู้ใช้เวทนี่หลอกง่ายจริงๆ! แค่เห็นปิ่นอัญมณีและรอยสักจันทร์เสี้ยวก็เชื่อแล้วว่านางเป็นนักบุญหญิง ส่วนเรื่องพิธีสืบทอด นางก็แค่หาข้ออ้างไปเรื่อยๆ แต่เขาก็เชื่อนาง
ถ้าเป็นคนอื่น บางทีโอวหย่าอาจจะหลอกพวกเขาไม่ได้ แต่คนในเผ่าผู้ใช้เวทติดต่อกับโลกภายนอกน้อยมากเลยไม่มีประสบการณ์ถูกหลอกมากนัก ดังนั้นพวกเขาเลยเป็นคนสบายๆ และหลอกง่าย! นางสร้างข้ออ้างแบบนี้เพราะนางรู้ว่าไม่มีแพทย์อยู่ในเผ่าผู้ใช้วิญญาณ
อย่างไรก็ตาม…ถ้าเข้ารับพิธีสืบทอด ตัวตนของนางก็จะถูกเปิดเผยทันที
โชคร้ายที่หวงอิงอิงตายแล้ว ไม่อย่างนั้นนางก็จะเปลี่ยนเลือดนางด้วยวิชาลับของครอบครัวนาง ทำให้สามารถเข้าพิธีสืบทอดได้…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โอวหย่าก็อารมณ์เสีย ดูเหมือนว่านางต้องหาทางอื่นเพื่อผ่านเรื่องนี้ไป
…
ตอนนั้นเอง อวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็มาถึงยอดเขาผู้ใช้เวท ประตูสีทองแดงปรากฏต่อสายตาพวกนาง
“ที่นี่คือหุบเขาผู้ใช้เวท” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดคิดอยู่สักพัก ดวงตานางปรากฏประกายที่ยากคาดเดา “พวกเราไปกันเถอะ”
นางต้องเข้าไปในหุบเขาผู้ใช้เวทไม่ว่าจะเพื่อช่วยหงหลวนหรือจัดการโอวหย่า…
มีชายสองคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูหุบเขาผู้ใช้เวท พวกเขาแปลกใจเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ
“พวกเจ้าเป็นใคร มาที่หุบเขาใช้เวทของพวกเราทำไม”
ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะพูด จีจิ่วเทียนก็เดินมาด้านหน้า อาภรณ์สีแดงของเขาสะบัดไปตามลม ทำให้เขาดูไร้ระเบียบและร้ายกาจยิ่ง
“ไปบอกหัวหน้าเผ่าเจ้าว่าจีจิ่วเทียนจากสำนักศึกษาเมืองประจิมมาเยี่ยมเขา”
ชื่อของจีจิ่วเทียนไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในเมืองประจิมเท่านั้นแต่ยังเป็นที่รู้จักในอีกหลายเมือง ผู้คุ้มทั้งสองแปลกใจที่ชายที่เป็นที่รู้จักของผู้คนในแคว้นนี้มานานจะดู…อ่อนเยาว์ขนาดนี้!
หลังพูดจบ จีจิ่วเทียนก็หันมาหาสตรีใบหน้างดงามแล้วหัวเราะเบาๆ “ปกติข้าไม่ชอบต่อสู้”
แต่ว่าเมื่อไรที่เขาสู้ เขาก็จะ…ทำลายศัตรูเขาทั้งตระกูล!
“เกิดอะไรขึ้น”
ในตอนนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านใน และไม่นานสตรีที่ใส่ชุดคลุมสีขาวที่ถูกล้อมรอบด้วยสาวใช้มากมายก็เดินออกมานอกประตู เมื่อสตรีผู้นี้เห็นกลุ่มคนตรงหน้า สีหน้านางก็เปลี่ยนไป
“อวิ๋นลั่วเฟิง! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วเจ้า… หวงอิงอิง เจ้ายังม่ชีวิตอยู่หรือ!”
โอวหย่าไม่รู้จักจีจิ่วเทียน ดังนั้นนางถึงไม่รู้ว่าชายชุดแดงตรงหน้าโหดร้ายขนาดไหน
ทันทีที่หวงอิงอิงเห็นโอวหย่า ดวงตานางก็แดงก่ำ นางจ้องหน้าโอวหย่าโดยไม่กะพริบตา ถ้าไม่คอยบอกตัวเองว่าตอนนี้นางไม่สามารถเอาชนะโอวหย่าได้ นางคงพุ่งเข้าไปฉีกผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ แล้ว!
“โอวหย่า เจ้าสังหารพ่อแม่ข้า สังหารครอบครัวข้า ตอนนี้ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นเจ้า!”
“แก้แค้นงั้นหรือ” โอวหย่าหัวเราะอย่างดูถูก “เจ้าต้องการแก้แค้นข้างั้นหรือ ข้าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท แล้วเจ้าเป็นใคร เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำธรรมดา อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถแก้แค้นข้าได้ แต่ก็ขอบคุณที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
โอวหย่าดูเหมือนจะไม่มีความละอายที่ขโมยตัวตนของหวงอิงอิงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำเหมือนนางได้มาโดยชอบธรรม นางทำตัวเหมือนนางเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทจริงๆ …
ตอนที่ 1406 เทพแห่งโรคระบาด (1)
หวงอิงอิงกำหมัดแน่นจนสั่นไปทั้งตัว นางใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองจ้องหน้าที่กำลังแสดงการเยาะเย้ยของโอวหย่า
“โอวหย่า ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้ครอบครัวและเอาของดูต่างหน้าท่านแม่คืน เอาปิ่นอัญมณีบนหัวเจ้าคืนมา!”
ดวงตาโอวหย่าฉายแววปั่นป่วนแต่ไม่นานนางก็สงบได้แล้วส่งยิ้มเหยียดหยามให้หวงอิงอิง “หวงอิงอิงปิ่นอัญมณีเป็นของข้าต่างหาก เจ้าพยายามจะขโมยมันแต่ผลาด เจ้ากล้าพูดว่าปิ่นอัญมณีนี่เป็นของที่ได้จากแม่เจ้าได้อย่างไร”
“เจ้า…” หวงอิงอิงโกรธจนหน้าแดง ความเกลียดชังในดวงตานางยิ่งเข้มขึ้น
“ผู้คุ้มกัน จับหัวขโมยพวกนี้!” โอวหย่าสะบัดแขนเสื้อแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา
ผู้คุ้มกันมองหน้ากันแต่ไม่ยอมทำตามคำสั่งนาง
โอวหย่าหน้าบึ้ง “เจ้าหูหนวกหรือ จับพวกมัน เดี๋ยวนี้!”
“เอ่อ…” หนึ่งในผู้คุ้มกันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยรายงานนาง “บุรุษผู้นี้คือเจ้าสำนักจีจิ่วเทียนจากสำนักศึกษาเมืองประจิม”
จีจิ่วเทียนเป็นบุรุษที่เคยทำเมืองประจิมทั้งเมืองสั่นสะเทือน เขาคนเดียวก็สังหารยอดฝีมือเกือบทั้งเมืองประจิมแล้ว หลังจากนั้นความแข็งแกร่งของเมืองประจิมก็ค่อยๆ ลดลง แล้วสุดท้ายก็ตามหลังเมืองอื่นๆ อยู่หลายปี
ใครจะกล้ามีเรื่องกับคนน่ากลัวขนาดนี้เล่า
“สำนักศึกษามืองประจิมงั้นหรือ” โอวหย่าหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม “เขาพูดกันว่าเมืองประจิมอ่อนแอที่สุดในบรรดาเมืองทั้งเจ็ด แล้วพวกเราเผ่าผู้ใช้เวทจะกลัวอำนาจจากเมืองประจิมไปทำไม”
หลังโอวหย่ามาที่แคว้นเจ็ดเมือง นางก็เรียนรู้เรื่องขั้วอำนาจภายใน ดังนั้นนางจึงรู้ว่าเมืองประจิมอ่อนแอที่สุดในแคว้นเจ็ดเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเมืองที่อ่อนแอแบบนี้จะเทียบกับเมืองอื่นๆ ได้อย่างไร นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่สนใจจีจิ่วเทียน
“เจ้าน่ารำคาญจริงๆ”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าทรงเสน่ห์ของจีจิ่วเทียน เขาโบกมือ และก่อนที่โอวหย่าจะได้ทันตั้งตัว พลังก็พุ่งมากระแทกนางจนทำให้ร่างนางลอยไปไกลก่อนจะร่วงลงพื้นจนเกิดเสียงดัง
โอวหย่าเบิกตากว้างด้วยความตะลึง นางไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะกล้าโจมตีนางภายในเผ่าผู้ใช้เวท
“ข้าเกลียดสตรีน่ารำคาญ หากเจ้าไม่ใช่นักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท ข้าคงตัดลิ้นเจ้าออกมาแล้ว”
ชายหนุ่มดูสง่างามสูงส่งแต่กลับพูดเรื่องโหดร้ายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ทันใดนั้นโอวหย่าก็รู้สึกเหมือนหัวใจนางถูกปกคลุมด้วยหมอกจากนรก
“ใครกล้าโจมตีนักบุญหญิงของพวกเราที่นี่” ตอนนั้นเองเสียงเย็นเยียบก็ดังไปทั่วฟ้าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเสียงจากอีกโลกหนึ่ง
เมื่อโอวหย่าได้ยินเสียงนี้ ดวงตานางก็เป็นประกายดีใจก่อนนางจะรีบตะโกน “หัวหน้าเผ่า ช่วยข้าด้วย!”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวค่อยๆ ร่อนลงมาจากฟ้า บุรุษผู้นี้ดูสง่างามเหมือนเทพเซียน เส้นผมสีดำสนิทปลิวไปตามลมสองมือไพล่ไว้ด้านหลัง เขาส่งสายตาเย็นชาไปที่คนที่อยู่นอกประตู
โอวหย่าลุกขึ้นจากพื้น ถึงแม้ว่าจีจิ่วเทียนจะแทบไม่ได้ออกแรง นางก็ยังรู้สึกว่าภายในนางได้รับการกระทบกระเทือนเหมือนมีกระแสพลังวิ่งผ่านร่าง
“หัวหน้าเผ่า ผู้หญิงคนนั้นคืออวิ๋นลั่วเฟิงที่ข้าเคยพูดถึง ข้าไม่คาดว่านางจะกล้ามาที่นี่”
โอวหย่ากัดฟัน “ผู้หญิงที่อยู่ข้างนางคือหวงอิงอิง ข้าเคยเป็นคู่หมั้นพี่ชายนาง! แต่นางเป็นโจรแล้วพยายามขโมยปิ่นอัญมณีของข้า ถึงแม้ว่าข้าจะจับได้แต่ตระกูลหวงก็ปกป้องนาง ข้าโกรธมากก็เลยถอนหมั้น”
ตอนที่ 1407 เทพแห่งโรคระบาด (2)
“เจ้าพูดบ้าอะไร!” หวงอิงอิงตะโกนอย่างเดือดดาล “ข้าได้รับปิ่นอัญมณีมาจากท่านแม่ข้า เจ้าขโมยไปจากข้า แต่ตอนนี้มาเรียกข้าว่าขโมยงั้นหรือ” นางไม่เคยคิดว่าโอวหย่าจะไม่ได้เป็นแค่ขโมย แต่ยังเป็นนางสารเลวหน้าไม่อายด้วย!
โอวหย่าเอาอะไรมากล่าวหาว่าข้าเป็นขโมย ท่านพ่อท่านแม่ต้องตาบอดแน่ที่เลือกคนแบบนี้มาเป็นคู่หมั้นท่านพี่
“ฮึ่ม!” หัวหน้าเผ่าส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “สาวน้อย ข้าแปลกใจจริงๆ ที่เจ้าอายุเพียงเท่านี้ก็ชั่วร้ายได้ขนาดนี้! เจ้ากล้าขโมยของศักดิ์สิทธิ์จากนักบุญหญิงของพวกเราได้อย่างไร ปิ่นอัญมณีนี้เป็นสัญลักษณ์ของนักบุญหญิงของพวกเรา ทำไมเจ้าถึงพยายามจะขโมยมัน หรือว่าเจ้าอยากจะปลอมตัวเป็นนักบุญหญิง”
โอวหย่าเชิดคางขึ้นอย่างเหนือกว่าแล้วมองหวงอิงอิงอย่างดูถูก นางเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท ไม่มีใครเปลี่ยนมันได้ ส่วนหวงอิงอิง…
นางไม่ควรทำท่าทางคุกคามใส่ข้า!
“ท่านแม่ให้ปิ่นอัญมณีกับข้า” หวงอิงอิงกัดปากน้ำตาจวนเจียนจะไหล “มันไม่ใช่สัญลักษณ์ของนักบุญหญิงแต่เป็นของดูต่างหน้าท่านแม่ข้า”
“ไร้สาระ!” หัวหน้าเผ่าหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเจ้าบอกว่าปิ่นอัญมณีเป็นของเจ้า แล้วเจ้ามีรอยสักจันทร์ครึ่งเสี้ยวอยู่ที่อกหรือไม่ล่ะ”
โอวหย่าคิดไว้แล้วว่าหัวหน้าเผ่าจะถามคำถามนี้ นางเลยเตรียมข้อแก้ตัวไว้แล้ว นางก็แค่บอกหัวหน้าเผ่าว่าหวงอิงอิงบังเอิญเห็นรอยสักจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนตัวนางแล้วเห็นว่าสวยดี ดังนั้นเลยไปทำแบบเดียวกันบนหน้าอกของตัวเอง
แน่นอนว่ายังมีอีกวิธีที่พิสูจน์ความเป็นนักบุญหญิง นั่นก็คือพิธีสืบทอด!
แต่หัวหน้าเผ่าไม่มีทางยอมให้หวงอิงอิงเข้าพิธีสืบทอดจนกว่าเขาจะมั่นใจว่าหวงอิงอิงเป็นนักบุญหญิงตัวจริง ดังนั้นก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น นางก็มีวิธีเป็นพันที่จะใช้วิชาเปลี่ยนเลือดกับหวงอิงอิง
“ท่าน…ท่านรู้ได้อย่างไร” หวงอิงอิงหยุดแล้วมองหน้าผู้นำเผ่าด้วยความงุนงง “ข้ามีรอยสักอยู่บนอกจริงๆ แต่ไม่นานมานี้ข้าโดนสัตว์อสูรวิญญาณโจมตีแล้วกรงเล็บของมันก็เฉือนเนื้อบนอกข้าออกไปจนเห็นกระดูก ตอนนี้แผลข้ายังไม่หาย ดังนั้นรอยสักจึงมองไม่เห็น”
หัวหน้าเผ่าตะลึง เขาไม่คิดว่าหวงอิงอิงจะมีรอยสักจันทร์เสี้ยวอยู่บนอกเหมือนกัน!
ตอนที่เขากำลังคิดอยู่ เสียงเยาะเย้ยของโอวหย่าก็ดังขึ้น “หวงอิงอิง เจ้ารู้ว่าข้าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทแล้วก็รู้ด้วยว่าปิ่นอัญมณีและรอยสักจันทร์เสี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญหญิง เจ้าก็เลยพยายามขโมยปิ่นอัญมณีแล้วสร้างเรื่องโกหกเพราะฝันอยากจะแทนที่ข้าสินะ! โชคร้ายที่เจ้าดูถูกเผ่าผู้ใช้เวทเกินไป หัวหน้าเผ่าของพวกเราไม่ใช่คนโง่! เขาไม่ถูกเจ้าหลอกหรอก”
เผ่าผู้ใช้เวทติดต่อกับคนด้านนอกน้อยมาก ทำให้พวกเขามีความคิดง่ายๆ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดใส่ไฟของโอวหย่า ผู้นำเผ่าก็เดือดดาล
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะหลอกข้าได้หรือ ทำไมเจ้าถึงโดนโจมตีที่หน้าอก แล้วทำไมต้องโดนต้องรอยสักจันทร์เสี้ยวพอดี เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้หรือ ล้อข้าเล่นแล้ว!”
ถ้าหวงอิงอิงมาหาหัวหน้าเผ่าพร้อมปิ่นอัญมณีก่อนหน้าโอวหย่า ผู้นำเผ่าก็คงเชื่อนางแม้รอยสักจันทร์เสี้ยวบนอกจะถูกทำลาย แต่ว่าเขามีอคติที่แรงกล้ามาก โอวหย่ามาหาเขาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อคำพูดของหวงอิงอิง
เมื่อไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าปิ่นอัญมณีและรอยสักจันทร์เสี้ยวบนอกเป็นของนาง หวงอิงอิงก็เงียบแล้วจ้องโอวหย่าด้วยความโกรธและเกลียดชัง ถ้าสายตาสามารถสังหารคนได้โอวหย่าคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว
“ดูเหมือนว่าจะที่นี่จะมีเรื่องน่าสนใจนะ” ดวงตาเรียวของจีจิ่วเทียนเป็นประกายยากคาดเดา เขายกยิ้มมีเลศนัยแล้วก้มหน้าไปกระซิบกับอวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าอยากดูการแสดงดีๆ หรือไม่”
ตอนที่ 1408 เทพแห่งโรคระบาด (3)
หวงอิงอิงคิดไม่ทันแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนรู้บางอย่างจากบทสนทนานี้ ปิ่นอัญมณีที่ถูกโอวหย่าขโมยไปเป็นของเผ่าผู้ใช้เวท นั่นหมายความว่า…นักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทจริงๆ แล้วเป็นหวงอิงอิง
“ทำไมเจ้าถึงสนใจเรื่องนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงชำเลืองมองจีจิ่วเทียนแล้วถาม
“ก็นะ…” จีจิ่วเทียนเผยรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าทรงสเน่ห์แล้วลูบคาง “เพราะข้ารู้วิธีแก้ปัญหาโดยไม่ต้องสู้ได้แล้วอย่างไรล่ะ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนสุภาพอ่อนโยนไม่ชอบการฆ่าฟัน ข้าคิดว่าคงดีกว่าถ้าพวกเราใช้เหตุผลโต้แย้งพวกเขา”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
จีจิ่วเทียนยิ้ม “ก็ได้ ข้าชอบซ้ำเติมผู้อื่น”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบางแล้วเสียงทุ้มต่ำร้ายกาจก็ดังขึ้นที่ด้านหลังนางอีกครั้ง
“อีกประการหนึ่ง ถ้าเจ้าเปิดโปงโอวหย่าและทำให้หวงอิงอิงเป็นนักบุญหญิงได้ เผ่าผู้ใช้เวทก็จะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมเฉินอวี้ชิงถึงอยากให้ข้าช่วยหวงอิงอิง”
“เฉินอวี้ชิง?” จีจิ่วเทียนหน้าบึ้ง “บุรุษผู้นี้เป็นใครอีกล่ะ เสี่ยวฟิงเอ๋อร์ เจ้าช่างมีเสน่ห์จริงๆ ตอนแรกก็จักรพรรดิปีศาจ ตอนนี้ก็เฉินอวี้ชิง ในเมื่อเจ้ามีผู้ชายเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่ให้โอกาสข้าบ้าง”
อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาร้ายกาจไปที่ชายหนุ่มหล่อเหลาชวนตะลึงข้างๆ นาง “ข้าไม่สนใจบุรุษที่เหมือนสตรี!”
บุรุษที่เหมือนสตรี?
จีจิ่วเทียนหน้ามืดครึ้มจนมืดไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาก็เหมือนบุรุษมิใช่หรือ
“หัวหน้าเผ่า”
ตอนที่จีจิ่วเทียนกำลังคิดว่าจะโต้แย้งอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างไรดี เสียงโมโหของโอวหย่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าสั่งให้ท่านพาอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่เพราะนางรักษาข้าได้ แต่ตอนนี้ข้ามีวิธีรักษาโรคร้ายแรงภายในที่ดีกว่าแล้ว นั่นก็คือใช้หวงอิงอิง!” นางเชิดคางขึ้นอย่างเหนือกว่า “ส่งนางมาให้ข้า ไม่นานข้าก็จะสามารถเข้าพิธีสืบทอดแล้วพัฒนาเผ่าผู้ใช้เวทได้”
เป็นอย่างที่คิด คำพูดของนางส่งผลต่อหัวหน้าเผ่า เขาอดทนกับผู้หญิงมานานก็เพื่อเผ่าผู้ใช้เวท! ตราบใดที่ทำให้เผ่าผู้ใช้เวทเจริญก้าวหน้าได้ เขาก็ยินดีทำทุกอย่าง!
“อะแฮ่ม” หัวหน้าเผ่ากระแอมแล้วหันไปหาหวงอิงอิง “แม่นาง เจ้า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีเสียงหัวเราะคิกคักที่เต็มไปด้วยความดูถูกดังแทรกขึ้นมา “เป็นการแสดงที่ดีมาก! ตอนนี้เผ่าผู้ใช้เวทกำลังจะรังแกเด็กสาวบริสุทธิ์อยู่งั้นหรือ”
หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วแล้วหันไปหาชายหนุ่มที่หน้าตางดงามจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์
“นี่เป็นเรื่องของเผ่าผู้ใช้เวท เจ้าเอาเวลาไปสนใจเรื่องตัวเองดีกว่า”
“ท่านหัวหน้าเผ่าขอรับ” เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าเผ่า ผู้คุ้มกันสองคนก็ปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากแล้วรายงานเขาอย่างระมัดระวัง “เขาคือจีจิ่วเทียนขอรับ”
“ข้าไม่สนว่าเขาเป็นใคร ใครก็หยุดข้าทำ…” ทันใดนั้นหัวหน้าเผ่าก็เข้าใจสิ่งที่ผู้คุ้มกันบอกแล้วเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ เจ้าว่าเขาคือจีจิ่วเทียนงั้นหรือ จีจิ่วเทียนจากสำนักศึกษาเมืองประจิมน่ะหรือ”
ไม่นะ! เขาหน้าซีดปากสั่นดวงตาเต็มไปด้วยความตะลึง
โอวหย่าชะงัก นางไม่เข้าใจว่าทำไมชื่อนี้ถึงทรงพลังมากแม้แต่หัวหน้าเผ่ายังหวาดกลัว สำนักศึกษาเมืองประจิม…มีอำนาจมากขนาดนี้เลยหรือ
ตอนที่ 1409 เทพแห่งโรคระบาด (4)
“ท่าน…ท่านคือจีจิ่วเทียน เจ้าสำนักจีงั้นหรือ” เหงื่อเย็นๆ ไหลตามหน้าผากของหัวหน้าเผ่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทพแห่งโรคระบาดถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ก็จริงอยู่ที่เมืองประจิมไม่มีค่าให้พูดถึงเพราะหลายปีก่อนยอดฝีมือทุกคนในเมืองประจิมถูกสังหาร
แล้วคนที่สังหารพวกเขาก็คือจีจิ่วเทียน!
ดังนั้นชื่อนี้จึงเหมือนฝันร้าย ไม่ใช่แค่กับเมืองประจิมเท่านั้น แต่กับเมืองอื่นก็เหมือนกัน! เขาถูกคนทั้งแคว้นขึ้นบัญชีดำ และบางคนยังยืนยันว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใกล้คนจากตระกูลจีหรือต้นไม้ดอกไม้ใดๆ ที่จีจิ่วเทียนสัมผัส!
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล ครั้งหนึ่งเคยมียอดฝีมือคนหนึ่งบังเอิญเหยียบดอกไม้ที่จีจิ่วเทียนปลูก จากนั้นเขาก็ถูกจีจิ่วเทียนฉีกออกเป็นชิ้นๆ! ไม่มีใครลืมฉากนองเลือดนั่นได้เลย
ไม่ใช่ว่าจีจิ่วเทียนหายตัวไปหรือ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่
“เจ้าสำนักจี” หัวหน้าเผ่าฝืนยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านเลยทำตัวเสียมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสจีได้โปรดให้อภัยด้วยขอรับ”
จีจิ่วเทียนหรี่ดวงตาเรียวงามของเขา “ข้าดูแก่งั้นหรือ”
“เอ่อ…” หัวหน้าเผ่าชะงักไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่ปล่อยออกมาจากจีจิ่วเทียนเลยรีบส่ายหน้าหัวแทบหลุด “ไม่ๆ ท่านเจ้าสำนักจี ท่านยังดูอ่อนเยาว์ดี ไม่ได้ดูชราแม้แต่น้อยขอรับ”
จีจิ่วเทียนไม่ชอบถูกเรียกว่าสตรีก็จริง แต่เขาเกลียดการถูกเรียกว่าแก่มากกว่า! เขาดูอ่อนเยาว์มากนะ! ทำไมชายคนนี้ถึงเรียกเขาว่า ‘ผู้อาวุโส’ เล่า
“ข้ากับศิษย์มาเดินเล่นแล้วบังเอิญไปเจอสตรีบ้าคลั่งที่วิ่งไล่โจมตีทุกคนที่นางเห็น!” จีจิ่วเทียนกวาดสายตาไปที่โอวหย่าแล้วปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาอีกครั้ง “ดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากเห็นสตรีเสียสติผู้นี้อีก”
หัวหน้าเผ่าตัวแข็ง จีจิ่วเทียนหมายถึงอะไร เขาจะพำนักที่นี่งั้นหรือ อีกอย่างเขาบอกว่ามาเดินเล่นที่หุบเขาผู้ใช้เวทใช่หรือไม่ เขาโกหกเก่งจริงๆ!
“ท่านเจ้าสำนักจี” หัวหน้าเผ่าหัวเราะแห้งๆ “ที่นี่เล็กเกินไปสำหรับท่าน ข้าเกรงว่าท่านคงอยู่ที่นี่คงไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นะขอรับ”
“ไม่เป็นไร ศิษย์ข้าชอบอยู่ที่แบบนี้เพื่อที่นางจะได้ชมทิวทัศน์งดงามขณะทรมานคนที่นางไม่ชอบไปด้วยตอนที่นางว่าง” จีจิ่วเทียนยิ้มแล้วหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “อาจารย์พูดถูกหรือไม่ เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์”
จีจิ่วเทียนกำลังบอกหัวหน้าเผ่าว่าเขามาสร้างปัญหาที่นี่ ดังนั้นเขาควรระวังหน่อย
“ถ้าอย่างนั้น เชิญท่านเจ้าสำนักจีทางนี้” หัวหน้าเผ่าพูดอย่างนอบน้อม ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะขัดแย้งกับเทพแห่งโรคระบาดที่นี่ เขาสงบจิตใจตัวเองแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา “สาวใช้ ไปเตรียมห้อง!”
“เจ้าค่ะ หัวหน้าเผ่า”
บางคนก็รีบเข้ามาต้อนรับจีจิ่วเทียนและอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างนอบน้อมด้วยกลัวว่าเทพแห่งโรคระบาดผู้นี้จะอารมณ์ไม่ดี
โอวหย่ามองดูพวกนางเดินจากไปด้วยความขมขื่น “หัวหน้าเผ่า ชายผู้นั้นเป็นใคร เขาเป็นแค่เจ้าสำนักเล็กๆ ในเมืองประจิมเองนี่ ทำไมท่านต้องกลัวเขาด้วย”
“เจ้าสำนักเล็กๆ งั้นหรือ ฮ่าๆ” หัวหน้าเผ่าหัวเราะเยาะแล้วมองนางอย่างดูถูก “ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมเมืองประจิมถึงล้าหลังกว่าเมืองอื่นทั้งทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ต่างกัน”
“เป็นเพราะจีจิ่วเทียน!” หัวหน้าเผ่าสูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านไม่รู้ว่าชายคนนี้น่ากลัวขนาดไหน! บนแผ่นดินนี้ ข้าบอกได้เลยว่ามีคนเพียงหยิบมือที่กล้ามีเรื่องกับเขา! ถูกต้อง เผ่าผู้ใช้เวทของพวกเรามีอำนาจมาก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่กล้ามีปัญหากับเขา!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น