เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 139-145
ตอนที่ 139: แย่ง
โดย
Ink Stone_Romance
“ดูจบแล้ว? เข้ามาวางแผนเรื่องงานแต่งของฉันได้ เธอสะใจมากใช่ไหม? ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันแต่งงานออกไปไม่ดีหรือไง? ฉันแต่งงานไปจะได้ไม่มีคนมายุ่งเรื่องเธอกับอวี๋เหวยหมิน ทำไมเธอต้องเข้ามายุ่งด้วย?”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจถามเฉินเวย
“ทำไม? เฉินเยี่ยน เธอว่าทำไมล่ะ? ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้กับฉัน ถ้าเธอหาเงินได้แล้วให้ฉัน ฉันจะทำแบบนี้ไหม? ทุกวันเธออยู่ที่นี่ได้กินปลากินเนื้อ แต่กลับให้ฉันอยู่ตรงนั้นลำบากทุกข์ทรมาน เธอได้ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ กระโปรงตัวใหม่แต่งตัวสวยทุกวัน กลับไม่ยอมซื้อผ้าให้ฉันสักชิ้น กางเกงที่ฉันใส่เป็นรูหมดแล้ว แม้แต่กางเกงฉันยังไม่มีสักตัวเลย อาศัยอะไร! ฉันหน้าตาสวยไม่แพ้เธอเลย แต่เธอกลับไม่ยอมให้อะไรฉันเลย เดิมทีแม่ดีกับฉันที่สุด แล้วดูตอนนี้สิ? เธอบังคับฉันเอง เธอไม่ให้ฉันได้ดี ฉันก็จะไม่ให้เธอได้ดีเหมือนกัน!
เฉินเวยโกรธแค้น
“เธอจากเป็นลูกสะใภ้คนงาน เธอฝันสวยเกินไปหรือเปล่า! เฉินเยี่ยน บอกเธอไว้เลยนะ เรื่องอื่นฉันชนะเธอไม่ได้ แต่เรื่องผู้ชายฉันเก่งกว่าเธอเป็นหมื่นเท่า ฉันพูดแค่ไม่กี่ประโยค เวยหลายชุนนั่นก็รังเกียจเธอ ไม่ต้องการเธอแล้ว เธอจะขอร้องให้เขาต้องการเธอ อย่าฝันไปหน่อยเลย! ต่อไปฉันจะไปขอร้องเขาแทนเธอ ขอให้เขาให้อภัยเธอ แต่ว่า เขาจะให้หรือไม่ให้อภัยเธอนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว”
สายตาเฉินเวยดูบ้าคลั่งมาก เธอไม่กลัวที่จะบอกแผนการของเธอให้เฉินเยี่ยนฟัง
“เธอไม่ได้จะไปขอร้องเขาแทนฉันหรอก เธออยากจะได้เขาล่ะสิ? ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็นคนงาน มีเงินเดือน เขายังทำงานในสหกรณ์ด้วย ถ้าเธอได้คบกับเขา ชอบอะไรอยากจะซื้ออะไรก็สะดวก ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอก็ไม่ได้ชอบอะไรเขาจริงจังหรอก เพียงแค่จะหลอกใช้เขา พอเขาซื้อนี่ ซื้อนั่นให้เธอ เธอก็จะหาข้ออ้างว่ายังเด็กอยู่ ไม่คุยเรื่องแต่งงานกับเขา รอเขาไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เฉินเวย เธอก็จะถีบหัวเขาส่ง ไม่ผิดใช่ไหม?
เฉินเยี่ยนนิ่งมาก ไม่ได้ลงมือกับเฉินเวยและไม่ได้ด่าเฉินเวย แต่พูดความคิดของเฉินเวยออกมา
“โอ้ย พี่สาวของฉันฉลาดขึ้นมาแล้ว รู้แม้กระทั่งความคิดของฉัน”
เฉินเวยพูดจบก็ตบหน้าอก ทำท่ากลัว แต่ปากกลับพูดว่า “รู้แล้วจะทำไม เฉินเยี่ยน ถึงแม้เธอจะบอกเวยหลายชุนเขาก็ไม่เชื่อเธอหรอก เธอเปลี่ยนอะไรไม่ได้!”
เห็นท่าทางเฉินเวยแบบนี้แล้วเฉินเยี่ยนอยากจะอ้วก ทำไมเธอถึงได้น่ารังเกียจขนาดนี้
เฉินเวยฉันจะไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จ ฉันชอบเวยหลายชุน เขาจะต้องเปลี่ยนใจ”
เฉินเยี่ยนพูดก็กัดริมฝีปาก สายตาแน่วแน่ แสดงความไม่พอใจ เหมือนว่าถ้าไม่แย่งเวยหลายชุนกลับมาเธอจะไม่พอใจ
“มีฉันอยู่ เธออย่าคิดเลย! เฉินเยี่ยน อยากจะมาแย่งผู้ชายกับฉัน เธอคู่ควรหรือ! คอยดู ฉันจะทำให้เธอแพ้อย่างราบคาบ”
เฉินเวยเชิดหน้าขึ้น สายตามีแสงแห่งความสะใจ เธอมั่นใจตัวเองมาก
“ฉันจะไม่ยอมแพ้ เวยหลายชุนต้องเป็นของฉัน!”
เฉินเยี่ยนพูดประโยคนี้ทิ้งท้าย จ้องมองเฉินเวยอย่างโมโห แล้วเธอก็ออกจากโถงบ้านกลับมาที่ห้องตัวเอง ปิดประตูเสียงดัง
เฉินเวยหัวเราะ หัวเราะร่าเลย เฉินเยี่ยนนะเฉินเยี่ยน เธอก็มีวันนี้เหมือนกัน สบายใจได้ ฉันจะจับเวยหลายชุนให้มาอยู่ในกำมือ ถึงเวลานั้นจะให้เธอดูว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นของใครกันแน่!
ฝั่งเฉินเยี่ยนกลับมาห้องก็โบกมือให้หวางจวนที่เข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง นอนลงบนเตียงถอนหายใจยาวออกมาก สีหน้าแสดงความผ่อนคลาย
เฉินเยี่ยนก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน เมื่อกี้เธอจงใจ แกล้งทำแบบนั้น เธอจะให้เฉินเวยใจจดจ่ออยู่ที่เวยหลายชุน ทำแบบนี้เฉินเวยจะได้ไม่สังเกตคนอื่น มีอวี๋เหวยหมินเข้ามาอีก เฉินเวยก็จะไม่ทันสังเกตเห็นซินห้าว เธอจะได้ลดความยุ่งยากลงไปได้มากเลย
ให้เฉินเวยไปทุ่มเทยั่วเวยหลายชุน ตัวเองจะได้วางใจได้ ยังไงเธอก็เตือนเวยหลายชุนแล้ว ถ้าเขายังโดนหลอกอีก ก็โทษเธอไม่ได้แล้ว
คิดถึงซินห้าว เฉินเวยก็คิดถึงจูบของเขาที่สวนผลไม้ขึ้นมา เธออดไม่ได้หน้าร้อนผ่าว
“พี่ พี่อย่าเสียใจไปเลย พวกเราไม่เสียดายคนแซ่เวยนั่นหรอก อีกหน่อยจะต้องมีคนที่ดีกว่านี้”
หวางจวนเห็นเฉินเยี่ยนนอนอยู่บนเตียงใช้มือปิดหน้า ไหล่สั่นไม่หยุดคิดว่าเฉินเยี่ยนกำลังร้องไห้เสียใจอยู่ เธอนั่งลงบนเตียงปลอบใจ เธอไม่เช้าใจ ทำไมผู้หญิงดีๆ อย่างพี่เฉินเยี่ยนถึงได้ไม่มีโชคเรื่องแต่งงานนะ
“แน่นอน พี่จะต้องมีคนที่ดี พวกเราจะต้องมี”
เฉินเยี่ยนโอบไหล่หวางจวน พูดอย่างแน่วแน่ ต้องมีคนที่ดีแน่นอน ก็ซินห้าวสารภาพรักกับเธอแล้ว”
“พี่ พี่ไม่ได้ร้องไห้นี่”
เห็นสีหน้ามีความสุขของเฉินเยี่ยน ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีน้ำตาสักหยดเลย
“ชู่วว”
เฉินเยี่ยนทำเสียงชู่ววใส่หวางจวน ให้เธอพูดเสียงเบา
“เขาจะต้องเป็นของฉัน ใครก็แย่งไปไม่ได้!”
เฉินเยี่ยนกลับพูดเสียงดังขึ้นมา เฉินเวยที่แอบฟังอยู่หน้าประตูเบะริมฝีปากขึ้นมา ฝันไปเถอะ
ต่อมาเป็นเสียงหวางจวนปลอบเฉินเยี่ยน และไม่ฟังออกว่าอะไรแล้ว เฉินเวยก็ออกไปจากประตูห้อง เธอคิดแผนไว้แล้ว รอพ่อแม่กลับมาจากไร่ เธอจะบอกพ่อแม่ว่าเธอจะไปขอร้องเวยหลายชุน ขอร้องแทนพี่สาวให้ความสัมพันธ์นี้กลับมา พ่อแม่จะต้องซาบซึ้งเธอ และยิ่งรักเธอ
ถึงเวลานั้นเธอจะปลอบเวยหลายชุน ถึงแม่ที่บ้านจะรู้แล้ว เธอก็บอกได้ว่าไปขอร้องแทนพี่สาว ปรากฏว่าเวยหลายชุนต้องคิดว่าเธอดี ต้องการเธอ เธอไม่ได้คิดไปเอง รอเวยหลายชุนหมดประโยชน์แล้ว เธอค่อยออกโรงเพื่อพี่สาวอีกครั้ง สละบทของตัวเอง ตัดความสัมพันธ์กับเวยหลายชุน พ่อแม่ก็โทษเธอไม่ได้ ต้องคิดว่าเธอทำเพื่อพี่สาวโดยไม่สนใจตัวเอง ต้องคิดว่าเธอเป็นคนน่าสงสาร จะทำดีกับเธอ เธอจะได้มีหน้ามีตาแล้ว
ส่วนชื่อเสียง ยังไงชื่อเสียงเธอก็ไม่ดีเท่าเฉินเยี่ยน อีกอย่าง ตอนที่ยังไม่มีผู้ชายที่ดีกว่านี้ออกมา เธอยังมีอวี๋เหวยหมินเป็นตัวสำรองอยู่ อวี๋เหวยหมินอยู่ในมือเธอ ไม่มีตอนไหนที่เธอไม่มีคนต้องการ ดังนั้นเธอเลยไม่กังวล แน่นอน ถ้ามีคนที่ดีทุกด้าน ก็อย่าโทษว่าเธอแล้งน้ำใจ เธอย่อมต้องเลือกคนที่ดีกว่า
เฉินจง หวางนิวและเฉินกุ้ยกลับมาจากไร่ เฉินเยี่ยนและหวางจวนทำอาหารเสร็จแล้ว ตอนที่กินข้าวเฉินเวยบอกว่าเธอจะไปขอร้องเวยหลายชุนแทนพี่สาว ขอร้องเขากลับมา เฉินจงขมวดคิ้ว หวางนิวกลับจับมือลูกสาว รู้สึกว่าลูกสาวคนเล็กเป็นห่วงเป็นใย มีไมตรีจิตระหว่างที่สาวน้องสาว
“ช่างเถอะ ลูกเป็นผู้หญิงไปขอร้องผู้ชายมันดูไม่งาม อีกอย่างคนเขาก็ไม่ยินดี ถึงแม้ขอร้องแล้ว อีกหน่อยก็อยู่กันไม่ได้ เรื่องเยี่ยนจื่อรอให้ผ่านไปสักพักค่อยว่ากันใหม่ ต่อไปก็หาภรรยาให้กุ้ยเอ๋อร์แล้วหัน จัดการเรื่องกุ้ยเอ๋อร์ก่อนค่อยว่ากัน”
เฉินจงพูดขึ้นมา หนึ่ง เฉินเยี่ยนบอกแล้วว่าเธอไม่ดูตัวแล้ว สอง เฉินเวยไปขอร้อง ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ถูก อีกอย่างเขาไม่พอใจไปพูดแล้ว ฝืนไปก็ไม่มีอะไรดี แล้วยังทำให้ครอบครัวตัวเองดูตกต่ำลงไปอีก ลูกสาวเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
“เสี่ยวเวยก็จิตใจดี เห็นกว่าเฉินเยี่ยนจะหาคนที่ดีได้ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ คงเสียใจ เยี่ยนจื่อก็ใช่ คำพูดเพราะๆ ก็พูดไม่เป็น เดิมทีฐานะบ้านพวกเราก็เทียบเขาไม่ได้อยู่แล้ว ลูกสาวคนนี้ถ้ายังหัวแข็งอยู่อีก คนอื่นก็จะไม่ชอบเอา ที่บ้านยังไงผู้ชายก็เป็นใหญ่ แต่ว่า เวยเอ๋อร์ ลูกไม่ได้ต้องไปหรอก เชื่อพ่อ พี่สาวลูกรู้ว่าลูกมีใจก็พอแล้ว”
—————
ตอนที่ 140: เฉินกุ้ยและหวางจวน?
โดย
Ink Stone_Romance
หวางนิวพูดจบก็ว่าเฉินเยี่ยน “เยี่ยนจื่อ แม่รู้ว่าลูกเสียใจ แต่เรื่องนี้ลูกโทษเสี่ยวเวยไม่ได้ เรื่องเมื่อก่อน ใช่ เสี่ยวเวยอาจมีเรื่องที่ไม่ถูก แต่ก็ผ่านไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้เสี่ยวเวยอยากจะช่วยลูก ลูกยังไปตบเธอ เธอไม่ได้พูดอะไรเลย ตอนที่ลูกออกไป เธอเอาแต่ร้องได้ บอกว่าทำผิดกับลูก เธออยากจะช่วยลูก อีกหน่อยก็อย่าโทษเสี่ยวเวยเลย พวกลูกเป็นพี่น้องกันแท้ๆ อีกหน่อยแม่หวังว่าจะเห็นลูกสองคนช่วยเหลือซึ่งและกันอีกนะ”
เฉินเยี่ยนรู้ว่านี่คือความในใจของหวางนิว เธอหวังจะให้ลูกๆได้ดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่แม่ต้องผิดหวังเสียแล้ว เธอและเฉินเวยไม่สามารถช่วยเหลือกันได้
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เหมือนกำลังไม่พอใจ หวางนิวถอนหายใจ แววตาเฉินเวยดูมุ่งมั่น แต่ในใจกลับหัวเราะ เฉินเยี่ยน เธอลำบากจนพูดไม่ออกล่ะสิ
“เขาก็ไม่ได้มีดีอะไร ไม่ชอบพี่สาวผม พี่สาวผมไม่ชอบเขาต่างหาก พี่ แบบนั้นพวกเราไม่ต้องการ ซิน… ยังไงคนที่ดีกว่าเขามีตั้งเยอะ อีกหน่อยผมจะคนที่ดีกว่านี้ให้พี่”
เฉินหู่กลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของหวางนิว พูดอย่างอาจหาญ เขาเกือบพูดคำว่าซินห้าวออกมาแล้ว แต่เขานึกถึงครั้งหนึ่งพี่สาวเคยกำชับเขา ห้ามพูดชื่อซินห้าวต่อหน้าพี่สาวคนรอง ห้ามพูดว่าซินห้าวหล่อ เขาเลยกลืนคำพูดลงไป
เฉินเยี่ยนลูบหัวเฉินหู่ เธอรู้ว่าเฉินหู่คิดแบบนี้จริงๆ ในใจเขา พี่สาวตัวเองคนนี้ดีที่สุด
“เป็นเด็กเป็นเล็กจะรู้เรื่องอะไร! ต้าชุนนั่นเป็นถึงคนงาน ได้อยู่ดีกินดี ทั้งชีวิตไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากท้อง ถ้าพี่สาวลูกได้แต่งงานกับเขา นั่นถือว่าโชคดีมาก ลูกจะไปหาคนที่ดีกว่า จะไปหาคนที่ดีกว่ามาให้พี่สาวจากที่ไหน ถ้าพี่สาวลูกไม่ได้แต่งงานลูกจะเลี้ยงพี่ไหม? อีกหน่อยภรรยาลูกจะไม่ไล่พี่สาวลูกออกไปข้างนอกหรอกหรือ”
หวางนิวหยิบตะเกียบมาเคาะหัวเฉินหู่
“กินดีอยู่ดีมีอะไร พี่สาวผมก็หาเงินได้ ไม่แต่งกับเขาก็มีความสุขเหมือนกัน พี่สาวต้องหาได้ดีกว่าแน่นอน ถึงแม้จะหาไม่ได้ ผมจะเลี้ยงพี่เอง อีกหน่อยถ้าภรรยาผมกล้าไล่พี่ ผมก็จะให้เธอกลับบ้านไป ไม่เอาเธอแล้ว”
เฉินหู่เถียงคอแข็ง ถึงแม้ว่าคำพูดฟังดูเด็ก แต่เฉินเยี่ยนก็รู้สึกซาบซึ้งมาก
“พูดจาน่าฟัง ภรรยาในอนาคตจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลย เมื่อก่อนพี่ชายลูกก็พูดแบบนี้ แต่เขายังแต่งกับช่างเหลียนเลย ยังไงมีภรรยาก็ลืมแม่ ใครจะรู้อีกหน่อยจะหวังพึ่งพวกลูกได้ไหม”
หวางนิวพูดจบเห็นลูกชายคนโตก้มหน้าลง เธอรู้สึกเสียใจ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงช่างเหลียน
“พอได้แล้ว รีบกินข้าวแล้วไปพักผ่อน”
เฉินจงก็รู้ว่าภรรยาไม่ได้ตั้งใจ แต่พูดถึงช่างเหลียนขึ้นมาบรรยากาศในบ้านเฉินไม่ดีเลยจริงๆ
เฉินเยี่ยนก็รู้ เฉินกุ้ยและช่างเหลียนหย่ากันได้ครึ่งปีแล้ว ตอนนี้เฉินกุ้ยยังไม่ได้หาภรรยา แต่ช่างเหลียนได้แต่งงานแล้ว
พูดขึ้นมาแล้วพวกเขารู้ข่าวช่างเหลียนแต่งงานมาจากเวยหลายชุนนี่แหละ ส่วนเวยหลายชุนก็ได้ยินมาจากเอ้อเฟิ่ง
เอ้อเฟิ่งแต่งเข้ามาอยู่ในอำเภอ พูดไปก็เป็นเรื่องบังเอิญ บ้านสามีเธอกับบ้านซุ่ยหมิงเกี่ยวข้องกันอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเธอไปฟังว่าช่างเหลียนเคยเป็นพี่สะใภ้ของเฉินเยี่ยนมาได้ยังไง เธอเลยไปสืบเรื่องบ้านช่างมาอย่างละเอียด แล้วเอามาเป็นเรื่องตลกเล่าต่อในสหกรณ์
เดิมทีเธอจะหัวเราะเยาะเวยหลายชุน บอกว่าเขาเลือกไปเลือกมาก็ไปเลือกคนแบบบ้านเฉิน บ้านเฉินสู่ขอช่างเหลียนมาก่อน เฉินกุ้ยไปเก็บเอาของเสียมาเป็นของมีค่า สุดท้ายก็หย่ากัน แต่หย่าแล้วเฉินกุ้ยก็ยังหาภรรยาไม่ได้ แสดงว่าบ้านเฉินก็ไม่เท่าไร ส่วนช่างเหลียน เธอกลับได้แต่งงานแล้ว อีกทั้งยังหย่าได้ไม่ถึงสองเดือนก็แต่งแล้ว ถึงแม้ว่าบ้านที่เธอแต่งด้วยจะไม่ดีอะไร ฝ่ายชายอายุยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดยังไม่มีภรรยา แต่รู้มาว่าฐานะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่งช่างเหลียนไป ทุกวันที่บ้านอยู่กันอย่างตกอกตกใจ แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอก็แต่งไปแล้ว เธอจะบอกเวยหลายชุนว่า ผู้หญิง ไม่ว่าจะยังไงก็ได้แต่งงาน ฝ่ายชายกลับไม่ได้หาภรรยาง่ายๆ เวยหลายชุนไม่ชอบน้องสาวตัวเอง เวยหลายชุนแหละที่เป็นฝ่ายเสีย
เวยหลายชุนเอาเรื่องนี้มาบอกบ้านเฉิน ช่วงนั้นเฉินกุ้ยอารมณ์ไม่ค่อยดี ทุกวันเอาแต่ทำงานไม่พูดอะไรเลย ช่วงหลังค่อยดีขึ้นมาหน่อย ถึงแม้จะพูดถึงช่างเหลียนขึ้นมาเฉินกุ้ยจะยังเสียใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่คัดค้านที่จะหาภรรยาให้เขาแล้ว
ครั้งนี้ต้องหาคนดีให้พี่ชายให้ได้ ตอนกลางคืน เฉินเยี่ยนคิดในใจ
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่หวางนิวดึงเฉินเยี่ยนมา แล้วกระซิบเสียงเบาพูดกับเฉินเยี่ยน
หวางนิวพูดอ้ำอึ้งอยู่ตั้งนานกว่าเฉินเยี่ยนจะเข้าใจ ที่แท้หวางนิวมีความคิดให้เธอมาลองถามความเห็นหวางจวน ดูว่าหวางจวนมีใจให้พี่ชายหรือไม่ ถ้ามีใจ เธอแต่งหวางจวนเข้าบ้านก็ไม่เลวเลย
ตอนแรกหวางนิวไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ เป็นคนในหมู่บ้านนินทากัน บอกว่าหวางจวนอยู่บ้านเฉิน อาจจะเป็นภรรยาที่บ้านเฉินหาให้เฉินกุ้ยก็ได้ บอกว่าถึงแม้หวางจวนจะโดนทำร้ายมา แต่เฉินกุ้ยก็แต่งงานมาก่อน ถ้าจะหาแม่หม้าย สู้แต่งกับหวางจวนดีกว่า อย่างน้อยหวางจวนก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อน
หวางนิวถึงค่อยนึกได้ เธอพูดกับเฉินเยี่ยน ถึงแม่ว่าหวางจวนจะไม่บริสุทธิ์แล้ว แต่เฉินกุ้ยก็แต่งงานมาก่อน คิดแล้วไม่น่าจะรังเกียจ อีกอย่างพวกเขาก็รู้จักนิสัยหวางจวนแล้ว เธอเก่ง ซื่อตรง ภรรยาที่ไม่เรื่องมากแบบนี้แต่งเข้ามาจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ทำร้ายคนในบ้าน ส่วนหวางจวนมีอดีตแบบนั้น อีกทั้งตอนนั้นก็ถือว่าบ้านเฉินช่วยเหลือเธอ เธอเป็นคนกตัญญู อีกหน่อยเฉินจงและหวางนิวแก่ตัวไป หวางจวนจะดูแล จะต้องปรนนิบัติพวกเขาอย่างเต็มที่
คิดแบบนี้แล้ว หวางนิวรู้สึกว่าถ้าแต่งหวางจวนมาเป็นลูกสะใภ้ก็ไม่แย่เลย เหมือนคนอื่นว่า ดีกว่าแต่งกับแม่หม้ายอีก
“แม่ เรื่องนี้ไม่ได้ หนูรู้ความคิดของจวนเอ๋อร์ เธอไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชาย แม่อย่าพูดเรื่องพวกนี้กับจวนเอ๋อร์เลย ไม่อย่างนั้นเธออยู่บ้านเราจะรู้สึกไม่ดีแล้ว”
เฉินเยี่ยนปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย ถ้าหวางจวนมีใจให้พี่ชาย เธอก็จะสนับสนุน แต่หวางจวนไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าคำพูดนี้แพร่ออกไป ก็จะรู้สึกอึดอัดแล้ว
ส่วนหวางจวน ความคิดของหวางจวนเธอพอจะรู้บ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องรออีกหน่อย
“แม่ก็แค่มาคุยกับลูกก่อนเอง เมื่อคืนแม่คุยกับพ่อแล้ว พ่อลูกก็บอกว่าจวนเอ๋อร์เป็นเด็กดี ถ้าเธอแต่งเข้ามาบ้านเรา แม่กับพ่อไม่ใช่พ่อแม่สามีที่ไม่มีเหตุผล จะทำดีกับเธอ อีกอย่างเธอก็พ่อบุหรี่เป็นด้วย มีฝีมือ เธอกับพี่ชายลูกก็จะอยู่กันได้ดี แม่ว่าเป็นเรื่องดีถึงมาบอกลูก ถ้าเธอไม่มีใจก็ไม่เป็นไร พวกเราไม่บังคับใจใคร”
หวางนิวพูดช้าๆ เดิมทีคิดว่าเป็นเรื่องดี เมื่อวานกลางดึกเธอยังบอกกับเฉินจงอยู่เลย เฉินจงกลับไม่คัดค้น เพียงแต่บอกให้เธอไม่ต้องเร่งรีบ อย่าไปป่าวร้องไปทั่ว ให้ถามเยี่ยนจื่อก่อนค่อยว่ากัน เธอคิดว่าเยี่ยนจื่อต้องดีใจ ไม่ได้คิดเลยว่าลูกสาวจะไม่ยินดี
“พี่ใหญ่มีโชคชะตาของพี่ใหญ่ จวนเอ๋อร์ก็มีโชคชะตาของจวนเอ๋อร์ แม่ ไม่ต้องกังวล วางใจได้ พี่ชายจะต้องหาคนที่เหมาะสมได้แน่ แม่ได้อุ้มหลานแน่นอน”
เฉินเยี่ยนปลอบหวางนิว น่าเสียดายจิตใจพ่อแม่ยังไงก็เป็นห่วงลูกอยู่วันยังค่ำ เธอไม่ได้หมายความว่าหวางนิวผิด เพียงแต่เรื่องนี้ไม่เหมาะสม
หวางนิวพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก แต่อารมณ์ไม่ได้ดีมาก
——————
ตอนที่ 141: สร้างบ้านใหม่
โดย
Ink Stone_Romance
เรื่องของเฉินกุ้ยและหวางจวนสิ้นสุดลงเท่านี้ กินข้าวเสร็จแล้ว เดิมทีจะไปไร่ถอนหญ้า แต่ฝนดันตกลงมา ไม่นานฝนก็เทกระหน่ำลงมา ตกจนท้องฟ้ามืดไปหมด ดูไม่เหมือนตอนกลางวัน เหมือนตอนพลบค่ำ
“ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่รู้ว่าต้นอ่อนจะหักหรือเปล่า”
หวางนิวมองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มข้างนอก ได้ยินเสียงฝนแล้วเป็นกังวล
กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงแม้จะกังวล ก็ต้องรอให้ฟ้าใสก่อนแล้วค่อยออกไปดู ฟ้าข้างนอกมืดขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงในบ้านเลย เฉินเยี่ยนกับหวางจวนไม่สามารถห่อบุหรี่ได้ ได้แต่นอนคุยเล่นกันบนเตียง
“พี่ พี่ ตื่นเร็ว หลังคารั่วแล้ว คุณลุงบอกว่าจะขึ้นไปซ่อมบนหลังคา คุณป้าไม่ให้เขาขึ้นไป บอกว่าฝนตกหนักขนาดนี้เดี๋ยวเป็นอะไรไป พี่รีบไปบอก อย่าให้คุณลุงขึ้นไปซ่อมเลย ถ้าลื่นตกลงมา จะทำยังไง”
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่างีบหลับไปตั้งแต่เมื่อไร โดนหวางจวนปลุกตื่น เธอนั่งทิ้งตัวลงมา ดูสับสนงุนงง รอจนฟังคำพูดหวางจวนเข้าใจแล้ว เธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โถงบ้าน
ห้องเธออยู่ใกล้โถงบ้านมาก ห่างกันแค่นี้ยังเปียกไปหมดทั้งตัวเลย ฝนตกหนักมากจริงๆ เห็นเฉินจงใส่ชุดกันฝน สวมหมวกฟาง สวมรองเท้าบู้ทยาง มือถือผ้าสักหลาด เฉินเยี่ยนรู้ว่าเขาน่าจะปีนขึ้นไปบนหลังคาอุดรูรั่ว
แต่ฝนตกหนัก บ้านเฉินก็อายุเก่าแก่หลายปีแล้ว เฉินเยี่ยนวางแผนว่าหาเงินอีกหน่อยแล้วจะสร้างบ้านใหม่ ดังนั้นเลยยังไม่ได้ซ่อม ฝนตกหนักขนาดนี้ให้เฉินจงปีนขึ้นไป ถ้าลื่นแล้วตกลงมา นั่นไม่ใช่เรื่องตลกเลย
“พ่อ อย่าให้แม่กับพวกเราเป็นห่วง ฝนรั่วลงมาพวกเรารองไว้ก็ได้แล้ว ถึงแม้บ้านจะเปียก ก็ไม่เป็นไร รอฝนหยุดแล้วค่อยเช็ดก็ได้ พ่อมั่นใจปีนขึ้นไปข้างบน ไม่เป็นอะไรก็ดี แต่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
เฉินเยี่ยนเดินไปรับผ้าสักหลาดจากมือเฉินจง แสดงจุดยืน ไม่ให้ขึ้นไปข้างบน
เฉินหู่เห็นพี่สาวเอาผ้าสักหลาดในมือพ่อไป เขารีบเข้าไปอุ้มไว้ แล้วหันหลังเข้าไปวางไว้ในห้อง เขาไม่กล้าแย่งจากมือพ่อ แต่เขายังพอซ่อนไว้ได้
เฉินจงทำอะไรไม่ได้ เขาอยากจะขึ้นไปอุดรอยรั่วไว้ คิดไม่ถึงว่าภรรยาไม่ให้ ลูกสาว ลูกชายก็ไม่ให้เหมือนกัน เขารู้ พวกเขากลัว ช่างเถอะ อย่าทำให้พวกเขาเป็นห่วงก็พอ
เห็นเฉินจงไม่ไปแล้ว หวางนิวค่อยสบายใจ ถอนหายใจออกมา ยังดีที่คำพูดลูกสาวได้ผล แล้วรีบวิ่งไป ผ่านไปไม่นานถังที่ใส่น้ำรั่วก็เต็มแล้ว
หวางนิวหยิบอ่างมา ยังไม่ทันที่เฉินจงจะเอาถังไปเทในสนาม น้ำก็เต็มอ่างนั้นแล้ว เห็นเลยว่าฝนตกหนักขนาดไหน
คนในบ้านเฉินรองน้ำกันไม่หยุด ผลัดกันไปเทน้ำข้างนอก หลายชั่วโมงผ่านไปฝนหยุดแล้ว แต่ละคนเหนื่อยจนขยับตัวไม่ไหว
“พรุ่งนี้เราสร้างบ้านกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องสร้างบ้านใหม่!”
เฉินเยี่ยนล้มลงนอนแล้วพูดออกมาเป็นคำแรก เธอไม่อยากเป็นแบบนี้รอบที่สองแล้ว
แน่นอนวันรุ่งขึ้นยังไม่สามารถสร้างบ้านได้ แต่เฉินเยี่ยนยืนยัน อีกทั้งบ้านฝั่งนี้ก็ผุพังมากแล้ว เฉินจงและหวางนิวไปดูที่ไร่ หลังจากไปซ่อมต้นอ่อนข้าวโพดที่โดนฝนตกจนหักแล้วก็เริ่มหาคน ซื้ออุปกรณ์ เตรียมจะสร้างบ้าน
บ้านที่บ้านเฉินจะสร้าง เฉินกุ้ยก็จะมาช่วยด้วย เขาเสนอให้เฉินจง หวางนิว เฉินเยี่ยนและคนอื่นๆ ย้ายมาอยู่ฝั่งโน้น รอจนสร้างเสร็จแล้วค่อยย้ายไป
เฉินจงถามทุกคน ทุกคนไม่ว่าอะไร ถ้าไม่ย้ายไป ทุกคนต้องมาอัดกันอยู่ในห้องเดียว ไม่สะดวก ย้ายไปยังมีที่อยู่ เฉินเยี่ยนและหวางจวนก็ยังห่อบุหรี่ต่อและสร้างบ้านต่อไปได้ ไม่เสียเวลา
ฝั่งนั้นไม่มีช่างเหลียน และไม่มีคนนินทา เฉินเยี่ยนก็ไม่ติดอะไร
ส่วนเฉินเวย หลายวันนี้เฉินเวยยุ่งไม่เจอเธอเลย เฉินเยี่ยนรู้ ช่วงนี้เฉินเวยไปอำเภอบ่อยๆ เธอไปทำอะไร ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
ฝั่งเฉินเยี่ยนก็นับถือเฉินเวยเหมือนกัน เธอไปหาเวยหลายชุน แล้วยังปลอบให้อวี๋เหวยหมินไม่ว่าอะไรด้วย หลังเฉินเยี่ยนย้ายมา มีวันหนึ่งออกไปข้างนอกบังเอิญเจออวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินยังมาแขวะเธอ บอกว่าแม้แต่ผู้ชายเธอยังรั้งไว้ไม่อยู่ คนอื่นไม่ชอบเธอ เธอก็ไม่กลัวขายขี้หน้าคนอื่น ยังกล้าออกมาข้างนอก แล้วยังบอกว่าเฉินเยี่ยนทนไม่ไหวออกมาหาผู้ชาย ใจง่าย หลายใจ หัวเราะเยาะใส่เฉินเยี่ยนเป็นชุด
เฉินเยี่ยนไม่รู้จะว่าเขายังไง อวี๋เหวยหมินไม่โกรธที่เฉินเวยไปหาเวยหลายชุน แต่กลับคิดว่าเธอใจง่าย หลายใจ สมองอวี๋เหวยหมินนี่ไปโดนประตูหนีบมาหรือไง! แต่นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเฉินเวย ถ้าเป็นตัวเฉินเยี่ยนเธอทำไม่ได้
ทุกวันไม่เจอเฉินเวยก็ดีเหมือนกัน จะไม่ได้ต้องมานั่งมองเบื่อขี้หน้าใส่กัน ย้ายมาเธอกับหวางจวนก็ยังอยู่ห้องเดียวกัน เฉินเวยก็ย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมที่เธอเคยอยู่ เฉินเวยไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอแสดงตัวว่าผิดต่อเฉินเยี่ยนต่อหน้าหวางนิวเป็นประจำล่ะ พอเฉินเยี่ยนมา เธอก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่าจะยกห้องให้ เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไรตอบตกลงทันที เฉินเวยอยากจะกลับคำก็ไม่ทันแล้ว
ทุกวันเฉินเวยออกไปข้างนอก หวางนิวยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจเธอ ยุ่งงานบ้านทุกวัน เธอยังต้องทำกับข้าวให้คนที่มาช่วยสร้างบ้านอีกด้วย อาหารสำหรับคนสิบกว่าคน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
เหล่าคนที่มาช่วยงานก็ไม่ได้มีค่าแรงอะไร มาช่วยเพราะเห็นแก่หน้าบ้านเฉิน แน่นอน ถ้าบ้านใครมีเรื่องอะไร บ้านเฉินก็จะไปช่วย
ไม่ให้ค่าแรง แต่ต้องดูแลเรื่องอาหาร บ้านเฉินใจกว้าง ในอาหารมีเนื้อชิ้นใหญ่ทุกวัน หมั่นโถวก็มีพอกิน คนที่มาช่วยต่างยินดีกันมาก บอกว่ามีอาหารแบบนี้ พวกเขายอมมาช่วยทุกวันเลย
เฉินเยี่ยนเห็นหวางนิวยุ่งอยู่แต่ในครัวทุกวัน เดิมทีจะช่วย แต่หวางนิวไม่ให้ บอกว่าสร้างบ้านต้องใช้เงิน รอสร้างบ้านเสร็จ เงินที่บ้านก็น่าจะใช้หมดแล้ว ให้เฉินเยี่ยนแหละหวางจวนตั้งใจห่อบุหรี่ก็พอแล้ว แบบนี้สร้างบ้านเสร็จที่บ้านก็ยังมีกินอยู่
ตอนที่เฉินเยี่ยนว่างก็จะไปดูความคืบหน้าการสร้างบ้าน ถ้าสร้างแบบเดิมก็จะเร็วมาก แต่ครั้งนี้เฉินเยี่ยนให้เฉินจงหาคนมาสร้างไม่เหมือนแบบเดิม เป็นบ้านหลังคามุงกระเบื้องเจ็ดห้อง
ยุคนี้บ้านหลังคามุงกระเบื้องเป็นบ้านคนชนชั้นสูง แต่ในยุคหลังกลายเป็นบ้านที่เลี้ยงแกะอยู่ด้วยกัน หมู่บ้านเกษตรกรไม่มีบ้านหลังคามุงกระเบื้องหรอก
จะสร้างบ้านหลังคามุงกระเบื้อง เฉินเยี่ยนก็ต้องลงเงินเหมือนกัน โชคดีที่หมู่บ้านข้างเขามีเตาเผา หาคนที่รู้จักมาก่ออิฐ แบบนี้ค่อยสะดวก ไม่อย่างนั้นไปซื้ออิฐก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยุคนี้ถนนไม่ดี ถ้าจะไปที่ไกลๆ ลากอิฐกลับมา จะต้องสิ้นเปลืองแรงงานมาก
เพราะว่าบ้านหลังใหญ่ แล้วยังเป็นบ้านมุงหลังคากระเบื้องด้วย แบบนี้ต้องใช้แรงเงินแรงงานมากมาย
แต่เฉินเยี่ยนไม่รีบ ออกแรงสร้างบ้านถึงจะแน่นหนา บ้านหลังคามุงกระเบื้องนี้สร้างเสร็จแล้วใช้เวลานานหน่อย แต่อยู่ได้นาน ดังนั้นเสียเงินนิดออกแรงหน่อยก็ยังคุ้ม
คิดว่าได้อยู่บ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังใหญ่เฉินเยี่ยนก็ดีใจแล้ว บ้านสร้างเสร็จ เธอจะได้อยู่กันคนละห้องกับจวน เฉินหู่ก็มีห้องของตัวเอง ไม่ต้องไปแออัดอยู่ด้วยกันแล้ว ครัวก็ใหญ่มาก สว่างขึ้นมาก ตอนทำอาหารหลายคนก็ได้เดินไปมาได้
ใช้เงินแบบนี้ เอามาสร้างบ้าน ปรับปรุงคุณภาพชีวิตที่บ้านนี่ดีจริงๆ เธอภาคภูมิใจ รู้สึกว่าชีวิตมีความหวัง อยู่อย่างมีรสชาติ
ดูความคืบหน้าการสร้างบ้านเสร็จ เฉินเยี่ยนก็กลับบ้าน เพิ่งมาถึงหน้าบ้านก็เจอเฉินเวย
————–
ตอนที่ 142: โอ้อวด
โดย
Ink Stone_Romance
ในมือเฉินเวยหิ้วอาหารกระป๋องสองกระป๋อง แล้วยังอุ้มถุงผ้าอีกถุง สีหน้ายิ้มอย่างไม่ใส่ใจเฉินเยี่ยนที่สุด
นี่สำเร็จแล้ว?
แต่ก็ควรจะสำเร็จอยู่หรอก ตั้งแต่ฝนตกใหญ่ครั้งนั้นก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าเฉินเวยไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับเวยหลายชุนหน่อยเลย เฉินเยี่ยนจะว่าแปลก
เฉินเยี่ยนไม่สนใจเฉินเวย เธอกลับเข้าห้อง ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู
เป็นเฉินเวย เฉินเยี่ยนไม่ต้องคิดก็รู้ จะมาโอ้อวดกับตัวเองล่ะสิ เฉินเยี่ยนลุกขึ้นไปเปิดประตู
“พี่สาว เป็นยังไงบ้าง? สวยไหม? ไม่แย่กว่าชุดที่พี่ใส่หรอกนะ?”
เฉินเวยหมุนตัวหน้าเฉินเยี่ยน เธอสวมกระโปรง เสื้อที่ใส่เป็นผ้าอย่างดี ด้านล่างเป็นกระโปรงขาวลายดอก เหมือนกับชุดที่เฉินเยี่ยนใส่จะไปบ้านเวยหลายชุนวันนั้นมาก
ถึงแม้ว่าเฉินเยี่ยนจะเกลียดเฉินเวยแต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าเฉินเวยสวย งดงาม เดิมทีเธออ่อนแอ สวมกระโปรงขาวแล้วยิ่งแลดูบริสุทธิ์ ส่วนเฉินเยี่ยนยิ่งดูนุ่มนวล เหมือนดอกไม้เล็กๆ สีขาว มองดูแล้วเป็นความสวยงามแบบน่าสงสาร ทำให้คนอดไม่ได้อยากจูงมือเธอมาปกป้อง กลัวว่าไม่ทันระวังจะทำเธอบาดเจ็บ
“เขาซื้อให้เธอหรือ?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกขำ เฉินเวยอยากจะใส่กระโปรงทำไมต้องเลือกชุดที่ใกล้เคียงกับตัวเอง นี่กำลังเลียนแบบตัวเองอยู่หรือ? สวยก็สวยอยู่หรอก แต่ใส่ชุดเลียนแบบคนอื่น ยังไงก็ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง
“แน่นอนสิ ฉันบอกว่าไม่เอา แต่เขาจะซื้อให้ได้ บอกว่าฉันใส่กระโปรงต้องสวยแน่นอน แล้วยังชี้ผ้าในสหกรณ์ให้ฉันเลือกได้ตามใจชอบเลย ฉันเลยเลือกชุดนี้ พี่ ฉันไม่ได้เลียนแบบพี่นะ เพียงแต่เขาบอกว่าฉันใส่จะต้องสวยกว่าพี่แน่นอน บอกว่าฉันใส่แล้วดูสะอาด พี่ใส่แล้วดูปลอม ใช่แล้ว เขายังบอกว่าฉันโง่เกินไป อยู่ที่บ้านทนลำบากไม่ดี ยืนยันเอาอาหารกระป๋องให้ฉัน ฉันไม่เอาก็ไม่ได้ พี่ พี่ว่าเขาทำแบบนี้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ พี่ไม่โกรธใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉันแบ่งให้กระป๋องหนึ่งดีไหม ฉันไม่เหมือนพี่ ที่ชอบเก็บไว้กินคนเดียว”
เฉินเวยทำหน้าทำตาโอหัง ไม่ผิด เธอมาเยาะเย้ยเฉินเยี่ยน เธอมาดูเฉินเยี่ยนเสียใจ เธอมาทำให้เฉินเยี่ยนรู้ว่า ผู้ชายที่ไม่ต้องการเฉินเยี่ยนเห็นเธอมีค่า ทำให้เฉินเยี่ยนโกรธจัด
เฉินเยี่ยนไปสร้างบ้านอยู่ฝั่งนั้น ไม่ต้องพูดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน เธอเลยยิ่งตั้งใจไปแย่งเวยหลายชุนมา ตอนแรกเธอไปขอร้องเวยหลายชุนอย่าเลิกกับพี่สาว อย่าไม่ต้องการพี่สาว ถึงแม้เวยหลายชุนจะไม่ได้ได้ไล่เธอไป แต่ก็ไม่ได้ทำดีกับเธอ วันนั้นเธอตัดสินใจอยู่ด้านนอกสหกรณ์รอเวยหลายชุน รอจนเวยหลายชุนเลิกงาน
เธอเข้าไปหา เวยหลายชุนขี่จักรยานไปไม่สนใจเธอ เธอเสียใจคุกเข่าอยู่ข้างถนน เธอไม่กล้าร้องไห้ แต่ทำหน้าทุกข์ใจ เธอพนัน พนันว่าเวยหลายชุนจะต้องกลับมา เธอพนันถูก เวยหลายชุนกลับมาจริงๆ เห็นเธอแล้วถอนหายใจ บอกว่าเธอโง่
เธอจำได้ว่าเธอเงยหน้ายิ้มให้เวยหลายชุน รอยยิ้มที่มีน้ำตานั้นทำให้เวยหลายชุนหวั่นไหว สีหน้าเวยหลายชุนแสดงถึงความเห็นใจเธอ แล้วเวยหลายชุนก็มาส่งเธอที่บ้าน
นานไปเวยหลายชุนไม่ปฏิเสธเธอแล้ว แต่ทุกครั้งเธอเสนอเวยหลายชุนไปหาพี่สาว อภัยให้พี่สาว เวยหลายชุนบอกว่าเธอโง่ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย เธอรู้ เวยหลายชุนหวั่นไหวแล้ว แต่เธอยังไม่กล้าเริ่มก่อน เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมแสดงให้เห็นว่าอิจฉาพี่สาว แสดงออกว่าชื่นชมเวยหลายชุน แต่ไม่เคยพูดอะไรที่เกินเลย เธอควบคุมขอบเขตได้อย่างดี
นานไปเวยหลายชุนเริ่มรู้สึกดีกับเธอ เขาคิดว่าเฉินเวยดีกว่าเฉินเยี่ยนเยอะเลย เฉินเวยดูอ่อนแอ แต่มีความหัวแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินเวยจิตใจดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่เหมือนเฉินเยี่ยนที่หยิ่งแบบนั้น อีกทั้งเขาหวั่นไหวเพราะสายตาเฉินเวยที่มองเขาด้วยความชื่นชม ไม่เหมือนเฉินเยี่ยน คนที่เฉินเยี่ยนชอบไม่ใช่เขา แต่ใจเฉินเวยกลับอยู่ที่เขาหมด ความชอบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง นี่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ เขาคิดว่าเขาเป็นวีรบุรุษในใจเฉินเวย
ถึงแม้ว่าเวยหลายชุนจะไม่ได้พูดอะไรเกินเลยกับเฉินเวย แต่เขาเป็นห่วงเฉินเวย จะเลี้ยงเฉินเวยกินข้าว ตอนที่เฉินเวยอยู่ในสหกรณ์รอเขา เธอถูกใจอะไร ถ้าเป็นของที่ไม่ได้แพงมากเขาก็จะซื้อให้เฉินเวย
เขาคิดว่าเฉินเวยควรค่า คนบ้านเฉินทำไม่ดีกับเฉินเวยไม่ใช่หรือ? เฉินเยี่ยนไม่ให้เฉินเวยไม่ใช่หรือ? ตัวเองซื้อให้เฉินเวย เฉินเวยควรจะได้รับความเอ็นดู
ทุกครั้งเฉินเวยผลักไส แต่เขาต้องการให้เฉินเวย เฉินเวยไม่ต้องการ คิดแทนเขา เขายิ่งรู้สึกว่าเฉินเวยดี ยิ่งคิดจะให้อะไรเฉินเวย คิดถึงเฉินเยี่ยนมีกระโปรงตัวสวย เฉินเวยกลับใส่เสื้อผ้าที่ขาดเป็นรู เขาก็โมโห ดังนั้นเขาเลยเอาตั๋วผ้าและเงินให้เฉินเวยไปซื้อกระโปรง เฉินเวยเลือกชิ้นที่ใกล้เคียงกับเฉินเยี่ยน แล้วยังแอบมองสีหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกว่าเฉินเวยน่าสงสาร ในใจเธอต้องอิจฉาเฉินเยี่ยนแน่ ดังนั้นเวยหลายชุนไม่พูดอะไรซื้อให้เลย เขาคิดว่าเฉินเวยใส่แล้วสวยกว่าเฉินเยี่ยน เพราะเฉินเวยจิตใจงาม
เฉินเยี่ยนคิดก็คิดเรื่องพวกนี้ได้ ดูเหมือนเวยหลายชุนจะติดกับแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ผู้ชายน้อยคนที่จะปฏิเสธเฉินเวยได้ ได้แต่หวังว่าอีกหน่อยเขาจะไม่เสียใจแล้วกัน
“พี่ พี่ว่าถ้าพี่ต้าชุนมาสู่ขอ ฉันควรจะตกลงดีไหม?”
เฉินเวยเห็นเฉินเยี่ยนไม่สนใจเธอ เลยพูดขึ้นมาอีกประโยค
“แล้วแต่เธอสิ ถ้าอวี๋เหวยหมินไม่มาหาเรื่องเธอ เธอก็ตกลงไปสิ”
เฉินเยี่ยนแสดงออกว่าโกรธ แล้วก็ทำท่าไม่ใส่ใจ
“เรื่องนี้พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจัดการเรื่องอวี๋เหวยหมินไว้แต่แรกแล้ว เขาจะไม่โกรธ ฉันไม่เหมือนพี่หรอกแม้แต่ผู้ชายยังเอาไม่อยู่”
เฉินเวยทำสีหน้าของคนที่เชื่อมั่นว่าชนะ
“อวดเสร็จแล้วเธอออกไปได้แล้ว”
เฉินเยี่ยนชี้ไปที่ประตู เหมือนกำลังกดความโกรธไว้อยู่
“พี่อย่าโกรธเลย เพื่อไม่ให้พี่ไม่สบายใจ ฉันจะบอกพี่ต้าชุนว่ารออีกหน่อย ยังไงฉันก็ยังเด็ก ไม่รีบร้อน พี่ว่าไหม”
เฉินเวยพูดจาทิ่มแทงเฉินเยี่ยนต่อ เธอไม่แต่งงานกับเวยหลายชุนหรอก ก็แค่คนงานคนหนึ่ง เธอแค่ใช้ประโยชน์ตอนนี้เท่านั้น
“ออกไป!”
เฉินเยี่ยนตะคอกใส่เฉินเวย เหมือนถ้าเฉินเวยไม่ไปเธอจะระเบิดใส่เฉินเวยแล้ว
เฉินเวยเดินเชิดหน้าออกไป เฉินเยี่ยนนั่งลง เฉินเวย ไปหาเวยหลายชุนของเธอเถอะ ทางที่ดีมุ่งไปที่เวยหลายชุนให้หมดเลย เธอจะอยู่ทางนี้หาเงิน รอสร้างบ้านเสร็จแล้ว เธอจะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ รอซินห้าวจัดการเรื่องเสร็จมาสู่ขอ เวลานั้นถึงจะเป็นเวลาที่เฉินเวยตกตะลึง ยังไม่ถึงเวลานั้น เธอจะไม่ให้เฉินเวยมาสร้างปัญหา
การพัฒนาขั้นต่อไปเฉินเยี่ยนเดาไว้ไม่ผิด เฉินเวยออกจากบ้านทุกๆ สองวัน ไปครั้งหนึ่งทั้งวัน ตอนกลับมาถ้าไม่หิ้วอันนี้มา ก็หิ้วอันนั้นมา ทุกครั้งจะเอามาอวดกับเฉินเยี่ยน บอกว่าเวยหลายชุนทำดีกับเธอยังไง เฉินเยี่ยนเห็นเธอเป็นอากาศ ฟัง แล้วก็ไล่เธอออกไป เฉินเวยกลับมีความสุข ทุกครั้งถ้าไม่ได้โอ้อวด ไม่ได้พูดแขวะเฉินเยี่ยนคำสองคำ เธอจะอึดอัด
หวางนิวรู้สึกไม่ชอบมาพากล วันนี้เธอให้เฉินเวยอยู่บ้านไม่ให้ออกไปไหน ให้เฉินเวยช่วยเธอทำอาหาร
————–
ตอนที่ 143: ถูกใจบ้านใหม่ของครอบครัวเฉิน
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเวยโดนหวางนิวขังอยู่ในบ้าน เธอร้อนใจ วันนี้เธอนัดกับเวยหลายชุนไว้แล้ว เวยหลายชุนช่วยเธอซื้อเสื้อผ้าใหม่อีกชุด เธอรอที่จะเอากลับมาโอ้อวดเฉินเยี่ยน ถึงแม้จะไม่ได้อวดต่อหน้าเฉินเยี่ยน เธอก็อยากได้เสื้อผ้าใหม่ หญิงสาวรักสวยรักงามกัน คนอื่นไม่ให้เธอ มาเจอเวยหลายชุนให้เธอ ทำไมเธอจะไม่เอา!
คิดถึงเมื่อวานตอนที่เธอกับอวี๋เหวยหมินเจอหน้ากัน อวี๋เหวยหมินยังบอกเธอ ให้เธออย่าลืมจุดประสงค์ของเธอ เพื่อต้องการแก้แค้นเฉินเยี่ยน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง อย่าให้เธอคิดถือเป็นเรื่องจริง
เธอรู้ว่าอวี๋เหวยหมินหึง เลยปลอบอวี๋เหวยหมินอยู่นาน สุดท้ายเลยโดนอวี่เหวยหมินกดลงไปบนเตียงระดมจูบ ร่างกายก็โดนเขาลูบคลำไปทั้งตัว อวี๋เหวยหมินแทบจะกลืนกินเธอไปแล้ว ถ้าเธอไม่ขัดขืนรุนแรง เกรงว่าคงมีอะไรกับอวี๋เหวยหมินไปนานแล้ว
ถึงแม้ว่าชาติที่แล้วเธอจะมีอะไรกับอวี๋เหวยหมินบนเตียงมาก่อนหน้านี้ แล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย เธอก็รู้ว่าร่างกายเธอทำให้อวี๋เหวยหมินหลงใหล แต่ชาตินี้เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ ครั้งแรกของเธอไม่สามารถให้เขาได้ง่ายๆ ถ้าในอนาคตมีคนที่ดีกว่านี้ ตัวเธอยังบริสุทธิ์อยู่ ถึงจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกดีกับเธอ ถึงจะมีน้ำหนักในการพูด ไม่อย่างนั้นผู้ชายจะรังเกียจเธอ
ยังไงเธอก็ทำให้อวี๋เหวยหมินอยู่ในกำมือแล้ว ถึงแม้จะไม่พลีกายให้เขา อวี๋เหวยหมินก็ทำอะไรไม่ได้ เธอถืออ้างว่าร่างกายตัวเองยังเด็กอยู่ รับไม่ไหว รอพวกเขาแต่งงานกันแล้วค่อยให้ความทรงจำที่ดีกับเขา กว่าจะพูดโน้มน้าวอวี๋เหวยหมินได้
ถึงแม้ว่าอวี๋เหวยหมินจะเป็นผู้ชายปกติ อักทั้งในยุคปัจจุบันเธอและอวี่เหวยหมินมีเรื่องอย่างว่ากันหลายครั้ง อวี๋เหวยหมินมีความต้องการ สุดท้ายเฉินเวยทำอะไรไม่ได้เลยใช้ปากช่วยเขาแทน
คิดมาถึงตอนนี้ในปากยังมีกลิ่นคาวนั่นอยู่เลย เฉินเวยสะอิดสะเอียน แต่เธอคิดว่าคุ้ม ขอแค่ยังรักษาร่างกายให้บริสุทธิ์อยู่ ไม่แน่อีกหน่อยเธออาจจะได้สามีฐานะสูงส่ง อีกอย่าง อวี๋เหวยหมินไม่ได้ตัวเธอ ก็ต้องเชื่อฟังเธอ เธอไปมาหาสู่อวี่เหวยหมินตลอด อวี๋เหวยหมินทำได้แค่ยิ่งหลงรักเธอ
คิดเรื่องอวี๋เหวยหมินเสร็จเธอก็คิดถึงเวยหลายชุน รับมือเวยหลายชุนนั้นง่ายกว่าอวี๋เหวยหมินเยอะ อย่างน้อยถึงตอนนี้เวยหลายชุนเสียเงินให้เธอไปไม่น้อย แม้แต่มือเธอยังได้จับแค่ครั้งเดียว กอดยังไม่เคยกอดเธอเลย ช่างใสซื่อจริงๆ จนเธอเริ่มรู้สึกละอายใจแล้ว
เธอคิดอยู่ ถ้าเธอจะทิ้งเวยหลายชุน เธอไม่สามารถมีอะไรกับเวยหลายชุนได้ แต่เพื่อเป็นการตอบแทน เธอจะยอมให้เวยหลายชุนกอดเธอได้ เธอสามารถใช้มือช่วยเวยหลายชุน ให้เวยหลายชุนแตะต้องตัวเธอ ให้เวยหลายชุนลืมเธอไม่ได้ ถึงแม้เธอจะไม่ต้องการเวยหลายชุน เวยหลายชุนก็ต้องหลงเธอ แล้วเกลียดเฉินเยี่ยน ไม่โทษตัวเธอเอง
คิดเรื่องพวกนี้เฉินเวยก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก พูดตามตรงแล้วเธอชอบความรู้สึกที่ผู้ชายหลงใหลในร่างกายเธอ เธอชอบที่ผู้ชายเห็นเธอเป็นจิ้งจอก หลงใหลเธอ นี่คือความสามารถของเธอ เธอภูมิใจ แต่ตอนนี้เธอต้องรักษาความบริสุทธิ์ ไม่ให้ผู้ชาย บางครั้งเธอก็ทุกข์ทรมานเหมือนกัน
แล้วยังมีแม่ที่น่ารำคาญคนนี้อีก มายุ่งเรื่องตัวเองทำไม? ตัวเองจะออกไปหาเวยหลายชุนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ตอนแรกเป็นคนสนับสนุนให้เฉินเยี่ยนไปหาเวยหลายชุน ทำไมพอเป็นตัวเอง เธอถึงต้องมาเจ้ากี้เจ้าการ ทำตัวน่ารำคาญ
แต่เฉินเวยไม่ได้พูดอะไร เธอจะทำลายภาพลักษณ์ตัวเองต่อหน้าหวางนิวไม่ได้
หวางนิวจำกัดบริเวณเฉินเวยหลายวันต่อกัน เฉินเวยทนไหว เป็นเด็กดีอยู่บ้าน หวางนิวพอใจมาก คิดว่าลูกสาวคนเล็กยังเชื่อฟังอยู่ เป็นเพราะคนพวกนั้นทำลูกสาวเสียคน ลูกสาวอยู่กับตัวเองเชื่อฟังดีมาก จนมีสองครอบครัวมาเป็นแม่สื่อให้เฉินกุ้ย เธอก็ยุ่งกับเรื่องดูตัว เลยละเลยเฉินเวย
สองครอบครัวที่มาติดต่อเป็นคนในหมู่บ้าน คุณป้าคนหนึ่งแนะนำแม่หม้ายคนหนึ่ง ปีนี้อายุยี่สิบสามปี แต่งงานได้สามปีสามีก็เสียชีวิต ไม่มีลูก เป็นหม้ายมาสองปีแล้ว สองปีนี้ความประพฤติเธอไม่แย่เลย ทั้งกตัญญูต่อพ่อแม่สามี พ่อแม่สามีเห็นเธออายุยังน้อย แล้วพวกเขาก็มีลูกชาย ลูกสะใภ้คนอื่น สามารถเลี้ยงพวกเขาได้ เลยให้เธอหาครอบครัวใหม่
คุณป้าอีกคนแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหลัวเหมย อยู่ในหมู่บ้านหลัวห่างจากหมู่บ้านเขา 2.5 กิโลเมตร ปีนี้อายุสิบแปด หน้าตาถือว่าสะสวย แล้วยังเก่งด้วย ฐานะที่บ้านก็ถือว่าใช้ได้ แม่เธออยากจะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเดียวกับแม่เธอ แต่ลูกชายบ้านนั้นก้าวหน้ามาก ปีที่แล้วได้เป็นคนงานในเมือง เลยหาภรรยาที่เป็นคนงานในเมืองแต่งงานด้วย
แม่หลัวเหมยโกรธมาก เธอดูตัวลูกชายบ้านนั้นเรียบร้อยมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังพูดคุยกับครอบครัวนั้นแล้วด้วย แต่สุดท้ายเขากลับคำพูด ลูกชายโตแล้วไม่เชื่อฟังแม่ ลูกชายจะไปหาภรรยาในเมือง มีหน้ามีตา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ให้แม่หลัวเหมยรีบหาคนใหม่ให้เธอ จะได้ไม่เสียเวลา พูดง่ายๆ ก็คือลูกชายฉันมีหน้ามีตาแล้ว มีปัญญาหาภรรยาในเมือง เธอไม่ต้องมายุ่งแล้ว รีบหาคนใหม่ให้ลูกสาวเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ได้แต่งงาน
แม่หลัวเหมยโกรธมากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เลือกให้ลูกสาว เลือกไปเลือกมา เธอไม่ชอบเลยสักคน ไม่มีใครที่ดีเท่าคนก่อนหน้าเลย
ดูจากเงื่อนไขของทั้งสองบ้านนี้แล้ว หวางนิวและเฉินเยี่ยนปรึกษากัน เธอโอนเอียงไปทางหลัวเหมย แต่ก็ไม่ได้รังเกียจแม่หม้ายคนนั้น ที่สำคัญคือแต่งงานมาสามปียังไม่มีลูก ไม่รู้ว่าจะมีลูกได้หรือเปล่า เธออยากจะอุ้มหลานแล้ว อีกอย่างมีคนที่ดีกว่า สำหรับแม่หม้ายแล้ว ในใจเธอยังถืออยู่
ส่วนหลัวเหมย ผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ทำไมถึงยอมดูตัวกับบ้านเธอ เพราะเฉินกุ้ยแก่กว่าเธอหลายปี แล้วยังเป็นการแต่งงานครั้งที่สองด้วย อายุของผู้หญิงก็ยังไม่มากขนาดที่แต่งไม่ออก ยังหาคนที่ดีกว่านี้ได้ เฉินกุ้ยไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเธอก็กังวลใจว่าหลัวเหมยคนนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า
เฉินเยี่ยนรู้ความคิดหวางนิว ในหมู่บ้านเกษตรกร มีลูกถือเป็นเรื่องใหญ่ ความคิดของหวางนิวก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ความเห็นเธอคือไม่ต้องรีบตอบ ดูสองฝั่งว่าเป็นยังไงก่อน ถึงเวลาค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย
บ้านเฉินนอกจากสร้างบ้านแล้ว ก็เริ่มหาลูกสะใภ้กันแล้ว
ที่จริงแล้วแม่หม้ายคนนั้นก็ไม่ได้แย่เลย แต่เธอดูอ่อนแอมาก เอวบางขนาดที่ลูกสาวคนเล็กยังเทียบไม่ได้ หวางนิวดูแล้วก็ส่ายหน้า กลัวว่าเธอจะมีลูกไม่ได้
หลัวเหมยกลับต่างจากที่บ้านเฉินคิดไว้ เธอหน้าตาไม่เลวเลย ไม่มีที่ติอะไร และไม่ได้มีชื่อเสียงไม่ดีด้วย ถือว่าหายากมาก เป็นเพราะแม่เธอเอาแต่หาคนที่ดีให้ ดังนั้นเธอเลยไม่ได้ไปดูตัวที่บ้านอื่น ส่วนทำไมพวกเขาถึงชอบบ้านเฉิน พวกเขาก็ไม่รู้ แต่ชอบแล้วก็ถือเป็นเรื่องดี อีกอย่างเฉินกุ้ยก็ถูกใจหลัวเหมยมาก บ้านเฉินเลยเริ่มปรึกษาหารือกับแม่สื่อแล้ว
ไปมาแบบนี้อยู่สองครั้ง บ้านหลัวเสนอสินสอดจำนวนปกติ พวกเขาไม่ได้ต้องการมาก พวกเขาคิดว่าคนบ้านเฉินเป็นคนจริงใจ จะไม่ทำให้ลูกสาวเขาลำบาก ส่วนพวกเขา ไม่รังเกียจที่เฉินกุ้ยแต่งงานรอบที่สอง ยอมให้ลูกสาวแต่งงาน แต่เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวก็คือ เฉินกุ้ยแต่งงานกับหลัวเหมย จะต้องแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังใหม่ที่กำลังสร้างอยู่
—————-
ตอนที่ 144: ยุยง
โดย
Ink Stone_Romance
รอจนบ้านหลัวเสนอเงื่อนไขมา บ้านเฉินถึงค่อยเข้าใจว่าทำไมบ้านหลัวถึงชอบเฉินกุ้ย มาหาเฉินกุ้ยที่แต่งงานรอบสอง เป็นเพราะว่าบ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังใหม่ที่กำลังสร้างอยู่
บ้านเฉินบอกแม่สื่อ บ้านหลังนั้นลูกสาวเป็นคนออกเงินสร้าง คุยกันแล้วว่าจะให้เป็นบ้านเฉินหู่กับภรรยา บ้านเฉินกุ้ยอยู่ฝั่งตะวันตก แต่งงานเข้าบ้านใหม่ไม่ได้
บ้านหลัวตอบกลับมา บอกว่าเฉินหู่อายุเท่าไรเอง จะแต่งงานยังเร็วไป อีกหลายปีพ่อแม่บ้านเฉินค่อยสร้างบ้านใหม่ก็ได้ ถึงตอนนั้นลูกสาวบ้านเขาจะไม่แย่งกับเฉินหู่ แล้วยังจะช่วยเฉินหู่ด้วย พวกเขาบอกว่าเดิมทีเฉินกุ้ยแต่งงานรอบสอง ถ้าไม่มีบ้านหลังใหม่ ใครจะยอมแต่งด้วย? ลูกสาวเขาหลัวเหมยเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ แต่งเข้าบ้านเฉิน ถ้าไม่ให้เธออยู่บ้านใหม่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร? นี่ก็หมายความว่าบ้านเฉินไม่ให้ความสำคัญกับลูกชายคนโต ลูกสาวเธอไม่จำเป็นต้องแต่งงานมาลำบาก
บ้านหลัวยังบอกอีกว่า ถ้าบ้านเฉินเห็นด้วย หลังแต่งงาน พ่อแม่เฉินสามารถตามไปอยู่บ้านใหม่ได้ แต่เฉินเยี่ยน เฉินเวยและเฉินหู่ไม่สามารถตามไปอยู่บ้านหลังใหม่ได้ ยังไงก็แยกบ้านกันแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันก็ไม่มีเหตุผล แต่ให้พี่น้องบ้านเฉินวางใจได้ เฉินเยี่ยน เฉินเวยแต่งงานออกไป เฉินหู่แต่งงาน เฉินกุ้ยและหลัวเหมยต้องช่วยเหลือรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถแน่
บ้าไปแล้ว! หลังเฉินเยี่ยนได้ยินก็แอบด่า นี่หมายความว่ายังไง เธอเสนอให้สร้างบ้านใหม่ เธอออกเงิน ยังสร้างไม่ทันเสร็จเลย บ้านหลัวก็มาเล็งไว้แล้ว คิดจะชุบมือเปิบ โลกนี้มีเรื่องดีงามอย่างนี้ที่ไหน! พูดอะไรยอมให้พ่อแม่อยู่ได้ ฝั่งเฉินเยี่ยน เฉินเวยไม่ได้แต่งงาน เฉินหู่ไม่มีภรรยา พ่อแม่ไม่สนใจไม่ได้ จุดประสงค์ของบ้านหลัวชัดเจนมาก คืออยากจะให้เฉินกุ้ยและหลัวเหมยอยู่กันตามลำพัง เอาบ้านใหม่ให้พวกเขา คิดว่าคนพวกนี้โง่หรือไง!
แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เธออยากได้ยินว่าพ่อแม่และพี่ชายจะว่ายังไง เธอรู้ว่าเฉินกุ้ยพี่ชายเธอไปดูตัวหลัวเหมยมาแล้ว เจอกับหลัวเหมยสองครั้ง แล้วยังชอบหลัวเหมยมากด้วย เธออยากจะดูว่าเฉินกุ้ยจะเอ่ยปากขอบ้านหรือไม่
เฉินเวยไม่สนใจ ยังไงบ้านที่สร้างใหม่ฝั่งนั้นเฉินเยี่ยนก็ไม่ให้เธอไปอยู่อยู่แล้ว เธอไม่เกี่ยวข้อง ก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน ก็แค่ว่างๆ มาดูเรื่องน่าขำ เธอจะดูว่าเฉินเยี่ยนจะทำยังไง ถ้าเฉินเยี่ยนไม่ยอม เฉินกุ้ยก็จะโทษเฉินเยี่ยน พ่อแม่ต้องคิดในใจ ยังไงเฉินเยี่ยนก็เป็นลูกสาว จะไปเทียบกับลูกชายได้ยังไง
คู่ดีขนาดนี้ต้องจับให้มั่น เฉินเวยคิดว่าพ่อแม่กับพี่ชายต้องบังคับให้เฉินเยี่ยนยอม ที่บ้านมีละครสนุกกำลังฉายให้ดูแล้ว
ถ้าทะเลาะกันไปเลยยิ่งดี ให้คนในบ้านรู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่เห็นความสำคัญอย่างอื่นนอกจากเงิน ให้ชื่อเสียงเฉินเยี่ยนยิ่งแย่เข้าไปอีก ทางที่ดีไล่เฉินเยี่ยนออกไปเลย ให้เฉินเยี่ยนไม่มีที่อยู่ ให้คนในหมู่บ้านรังเกียจเฉินเยี่ยน ให้เฉินเยี่ยนไม่มีอะไรเหลือ เธอถึงจะมีความสุข
“พ่อ แม่ เรื่องนี้ตอบบ้านหลัวไปเถอะ ถึงแม้บ้านผมจะเป็นพี่คนโตในบ้าน แต่บ้านใหม่นี่ไม่ใช่ของผม ผมไม่ต้องการ ถ้าที่บ้านหลัวชอบคือบ้าน อย่างนั้นก็ช่างเถอะ พวกเราก็อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย”
สิ่งที่ทำให้เฉินเวยคิดไม่ถึงคือเฉินกุ้ยพูดคำนี้ออกมา
ไม่ได้เรื่อง! ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ตัวเองเป็นคนยอมแพ้เลย ทำไมไร้ประโยชน์ขนาดนี้ มิน่าถึงไม่มีภรรยาสินะ! พี่นี่ไม่รู้จักโวยวายบ้างเลยหรือไง โวยวายต้องการบ้าน ถ้าไม่ยอมให้เขาจะเอาจอบมาฟันให้รู้แล้วรู้รอด คนบ้านเฉินจะทำอะไรเขาได้? แย่จริงๆ ไม่ได้เรื่อง!
เฉินเวยแอบด่าในใจ
เฉินเยี่ยนกลับคิดว่าสิ่งที่เฉินกุ้ยพูดไม่ต่างจากที่เธอคิดเท่าไร
“กุ้ยเอ๋อร์ พ่อแม่รู้ว่าลูกหาภรรยาไม่ง่าย พวกเราก็อยากจะให้ลูกหาคนที่ดี ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ลำเอียง ตอนแรกที่แยกบ้านกันก็คุยกันแล้ว เงินบ้านฝั่งตะวันออกเยี่ยนจื่อเป็นคนออกหมด เธอบอกว่าจะสร้างให้หู่จื่อ ถ้าเอาให้ลูก เยี่ยนจื่อ หู่จื่อก็อยู่ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ แต่ถ้าไม่ให้ เขาก็ไม่ยอม เฮ้อ ลูกว่ามาสิทำไมมันยากขนาดนี้นะ”
หวางนิวรู้สึกลำบากใจจริงๆ
“แม่ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงจะเอาบ้านหลังโน่นให้ผม ผมก็เอาไม่ได้ ตอนแรกที่แยกบ้านกันแบบนั้นเดิมทีผมก็ผิด เยี่ยนจื่อกับทุกคนลำบากหาเงินมาสร้างบ้าน ถ้าผมเอาไปสู่ขอภรรยา ไม่ให้พ่อแม่อยู่ งั้นผมก็ไม่ใช่คนแล้ว! ใช่ ผมไม่มีความสามารถ ไม่ได้เรื่อง แต่ผมทำเรื่องที่ไม่ใช่คนแบบนั้นไม่ได้ ถ้าลูกสาวเขายอมที่จะอยู่กับผม ผมก็จะทำดีกับเขา อีกหน่อยอาศัยความสามารถของผมสร้างบ้านเอง ถ้าไม่ยอม ก็ไม่ต้องไปขอร้องเขาแล้ว ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาลำบากกับผม”
เฉินกุ้ยพูดอย่างแน่วแน่มาก ถึงแม้ว่าเขาจะเสียใจ แต่พื้นฐานเหตุผลเขายังพอเข้าใจ ตอนนี้น้องสาวให้เขาส่งผัก ส่งบุหรี่ ที่วันหนี่งเขาหาเงินได้ ก็เท่ากับน้องสาวกำลังช่วยเขาอยู่ ถ้าเขายังทำให้ที่บ้านลำบากเพราะเรื่องบ้านอีก งั้นเขาก็ไม่ใช่คนแล้ว
อีกอย่างตอนนี้เขาก็หาเงินได้แล้ว ต้องมีสักวันที่เขาจะสร้างบ้านได้ ถ้าฝ่ายหญิงไม่แต่งเพราะเรื่องนี้ ก็หมายความว่าเธอไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาจริงๆ งั้นเขาก็ไม่แต่งเหมือนกัน จะได้ไม่แต่งคนที่เหมือนช่างเหลียนมาอีกคน ที่บ้านจะอยู่ไม่สงบ
“ได้ งั้นก็ว่ากันตามนี้”
เฉินจงปลื้มใจ ลูกชายรู้เรื่องแล้ว คิดได้แบบนี้ เขารู้สึกดีใจ และเขาก็เชื่อว่าเฉินกุ้ยก็สามารถสร้างบ้านได้เหมือนกัน และสามารถมีชีวิตที่ดี เพราะลูกชายขยันกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
“พี่ ไม่งั้นพี่ก็ยกบ้านให้พี่ชายสิ? ไม่ช้าเร็วยังไงพวกเราก็ต้องแต่งงาน หู่จื่อยังเด็ก หว่าพี่ใหญ่จะหาคนดีๆ ได้ไม่ง่ายเลย พี่ยกให้พี่ชาย ก็ยังหาเงินได้อยู่ไม่ใช่หรือ? ถึงเวลานั้นค่อยสร้างบ้านใหม่ฝั่งตะวันตกให้หู่จื่ออีกก็ได้ พี่ใหญ่จะจดจำความดีของพี่ชั่วชีวิต ไม่อย่างนั้นถ้าเพราะเรื่องนี้พี่ชายจะขอภรรยาไม่สำเร็จ พี่ไม่รู้สึกเสียใจบ้างหรือ? หู่จื่อว่าไง เธอยอมยกบ้านให้พี่ชาย ให้พี่ชายสู่ขอภรรยาได้หรือเปล่า?”
เฉินเวยพูดกับเฉินเยี่ยนก่อน ประโยคสุดท้ายมาถามเฉินหู่
เฉินหู่เงียบไป อันที่จริงเขาคิดว่ายกบ้านให้พี่ชายไม่มีปัญหา กว่าเขาจะแต่งงานก็ยังอีกนาน รอเขาโต เขาสามารถหาเงินสร้างบ้านแต่งงานได้ แต่บ้านหลังนี้เป็นของพี่สาว จวนเอ่อร์ พ่อแม่ลำบากหาเงินมาสร้าง บ้านหลัวกลับไม่ยอมให้พวกเขาอยู่ โดยเฉพาะไม่ใช่พี่สาวอยู่ เขามีความคิดเห็น เขาคิดว่าบ้านหลัวทำแบบนี้ไม่ถูก ดังนั้นเขาเลยไม่ได้พูด แต่ตอนนี้พี่รองถามเขา เขาจะตอบยังไงดี?
เฉินเยี่ยนรู้ว่าเฉินเวยต้องการหาเรื่อง ยังไงบ้านหลังใหม่ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินเวย เธอเลยทำให้ในบ้านแตกคอ ให้เฉินกุ้ยและเธอขัดแย้งกัน ดีที่สุดคือแตกหักกันไปเลย แต่ยังไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะพูด ฝั่งเฉินกุ้ยชิงพูดก่อน “เสี่ยวเวย ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงแม้พ่อแม่ เยี่ยนจื่อกับหู่จื่อจะตกลงข้าก็ไม่ต้องการ บ้านหลัวฝั่งนั้นไม่ต้องการให้พวกเจ้าอยู่ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ถูกต้องแล้ว ครั้งที่แล้วตอนแยกบ้านข้าก็ผิดไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่อยากจะทำผิดอีก”
เฉินกุ้ยพูดชัดเจน ผิดไปครั้งที่แล้ว ถ้าครั้งนี้จะเอาบ้านอีก งั้นในจิตใจของน้องๆ ก็คงคิดว่าเขาเป็นคนไร้น้ำใจ เขาไม่อยากทะเลาะแตกแยกกับน้องเพราะเรื่องนี้
“ได้ พี่ใหญ่พูดแบบนี้ งั้นก็ว่ากันตามนี้”
ครั้งนี้เฉินเยี่ยนชื่นชมเฉินกุ้ยมาก ผ่านเรื่องครั้งนั้นมาเฉินกุ้ยก็เปลี่ยนไป มีความคิดขึ้น นี่เป็นเรื่องดี
“พี่ พี่ทนได้เหรอ?”
เฉินเวยกลับไม่ยอมหยุด เธอจะทำให้เฉินเยี่ยนดูไม่เป็นคน
—————-
ตอนที่ 145: ความหลงใหลของบ้านหลัว
โดย
Ink Stone_Romance
“ฉันทนได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของฉัน พี่ใหญ่พูดแล้ว เธอจะทำแบบนี้ทำไมอีก? อีกอย่าง อีกหน่อยคำถามแบบนี้ไม่ต้องถามหู่จื่อ เธอทำให้ความรู้สึกของพี่ใหญ่กับหู่จื่อแตกกัน อีกหน่อยพวกเราต้องแต่งงานออกเรือน พี่ใหญ่กับหู่จื่อยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ถ้าพวกเขาไม่สามัคคีกัน พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน”
เฉินเยี่ยนหันมามองเฉินเวย สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ฉันเปล่า… ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่รู้สึกว่า…”
เฉินเวยรีบอธิบาย
“เธอรู้สึกว่าอะไร? เธอจะต้องรู้สึกอะไร! เธอถามหู่จื่อแบบนั้น เธอจะให้หู่จื่อตอบยังไง? บอกว่าไม่ยอม พูดออกไปหู่จื่อก็จะกลายเป็นไม่รักพี่น้อง ในใจพี่ใหญ่จะไม่โกรธหู่จื่อหรือไง? บอกว่ายอม แล้วบ้านที่บอกแต่แรกว่าจะให้หู่จื่อ เธอบังคับให้เขาออกมา ถ้าเธอไม่บังคับเขาแล้วอะไร เดิมทีบ้านหลัวชอบบ้าน พี่ชายก็รู้แล้ว เธอกลับมาพูดมากอะไรตรงนี้ เธอคิดจะให้ทุกคนทะเลาะกันหรือไง?”
เฉินเยี่ยนคิดว่านี่เฉินเวยเป็นคนเริ่มให้เธอว่าก่อนเอง ไม่ว่าเธอ เธอรู้สึกไม่ดี
“ฉัน ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่คิดว่าพี่ใหญ่ลำบาก ฉันก็แค่อยากจะให้พี่ใหญ่มีภรรยา”
เฉินเวยตาแดงแล้ว เดิมทีเธออยากจะทำเป็นคนดี ทำให้เกิดการขัดแย้ง ให้เฉินเยี่ยนดูแย่ คิดไม่ถึงว่าไม่ได้กระทบเฉินเยี่ยนเลย แล้วยังทำให้เธอดูแย่ด้วย”
“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก บ้านใหม่สร้างเสร็จเป็นของหู่จื่อ พ่อแม่ แล้วยังมีเยี่ยนจื่อ จวนเอ๋อร์อยู่ที่นั่น เสี่ยวเวยก็อยู่กับพี่ใหญ่ที่ฝั่งนี้ ส่วนเรื่องแต่งงานของกุ้ยเอ๋อร์ ว่ากันแบบนี้ก่อน แล้วพ่อกับแม่จะมาดูอีกที”
เฉินจงพูดแล้ว คำพูดนี้เขาตรึกตรองมาก่อน เดิมทีเขาคิดจะรอให้บ้านใหม่สร้างเสร็จแล้วจะเรียกเฉินเวยมาอยู่ด้วย ยังไงก็พออยู่ อีกอย่างภรรยาก็รักลูกสาวคนเล็ก เขาก็อยากจะให้เฉินเวยมาอยู่ข้างๆ คอยสั่งสอน ดูว่าจะสอนให้ได้ดีไหม แต่วันนี้เขามองออกแล้ว ลูกสาวคนโตกับลูกสาวคนเล็กไม่มีใครยอมใคร หลายวันก่อนเขาให้หวางนิวจำกัดบริเวณควบคุมลูกสาวคนเล็ก แต่ไม่ได้ผล เขามองออกว่าในสายตาของลูกสาวคนเล็กนั้นไม่พอใจ เขามองออกว่าลูกสาวคนเล็กนั้นเสแสร้ง เขาผิดหวังมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสั่งสอนมาก่อน แต่ลูกสาวคนเล็กต่อหน้าเป็นอย่างนั้น แต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง เขาไม่รู้ว่าลูกสาวคนเล็กเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่เขารู้ว่าเขาคุมไม่ไหวแล้ว เหมือนลูกสาวคนโตพูด ลูกสาวคนเล็กแค่กลัวว่าที่บ้านจะไม่วุ่นวาย อีกทั้งเธอมีแผนการมากมาย
ในเมื่อคุมไม่อยู่แล้ว ก็แยกกันอยู่ เห็นหน้ากันน้อยหน่อย ถ้าเธอต้องการจะทำจริงๆ ก็ให้เธอทำไป คนเราต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ เหมือนตอนแรกที่เฉินกุ้ยยอมแยกบ้านเพื่อปกป้องช่างเหลียน สุดท้ายผ่านเรื่องพวกนั้นมาก็พูดได้ว่าเป็นทางเลือกของเฉินกุ้ยเอง เขาไม่เลือกทางเดินให้ลูกๆ เพราะสิ่งที่เลือกให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่คิดว่าดี งั้นก็ให้พวกเขาเลือกกันเอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง พวกเขาเลือกกันเอง โทษคนอื่นไม่ได้
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว แม่รู้ว่าลูกเจตนาดี สงสารพี่ชาย แต่พี่ชายลูกพูดแล้ว บ้านหลัวนั่นแค่ชอบบ้านหลังนั้น ไม่แต่งก็ไม่แต่ง พี่ชายลูกไม่ใช่ว่าจะหาภรรยาไม่ได้ พี่สาวว่าลูกไม่กี่คำเอง เขาเป็นพี่ลูก อย่าเสียใจไปเลย”
หวางนิวปลอบเฉินเวย ในใจเฉินเวยยิ่งโกรธ ไม่ได้เป็นคนดี แล้วยังกลายเป็นโดนด่าอีก ลำบากทำไมนะ
ครั้งนี้เฉินเยี่ยนจับตามองหวางนิว แม่คนนี้ยังถือว่ามีเหตุผล ไม่ได้อยากได้ลูกสะใภ้จนไม่สนใจอะไรเลย ถ้าเธอบีบให้พวกเขาเอาบ้านให้พี่ชาย เธอกับเฉินหู่ต้องเสียใจแน่ ครั้งนี้พี่ชายก็ทำได้ดี ถ้าไม่มีเฉินเวย ครอบครัวนี้ก็ถือว่าสามัคคีกันมากอยู่
ถึงแม้หวางนิวจะเสียใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไปหาแม่สื่อ ตอบกลับบ้านหลัว
แม่สื่อคิดไม่ถึง เธอคิดว่าบ้านเฉินจะต้องตกลง คู่ดีขนาดนี้จะไปหาที่ไหน แต่คิดไม่ถึงว่าบ้านเฉินเสียดายไม่ยอมยกบ้านใหม่ให้ลูกชาย ลำเอียงจิงๆ
แม่สื่อส่ายหัวจากไป
แม่สื่อมาบอกต่อบ้านหลัว พอบ้านหลังได้ยินว่าบ้านเฉินไม่ยอม พวกเขาย่อมไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานอยู่แล้ว ตอนแรกที่แม่สื่อมาคุยเรื่องนี้ พวกเขารังเกียจที่เฉินกุ้ยอายุมาก เคยแต่งงานมาแล้ว แต่ได้ยินว่าบ้านเฉินสร้างบ้านกระเบื้องมุงหลังคาเจ็ดห้อง พวกเขาถึงสนใจ
ยุคนี้คนที่สามารถสร้างบ้านกระเบื้องมุงหลังคาแบบนี้ได้ต้องเป็นครอบครัวที่มีเงิน ได้มีบ้านหลังใหญ่ ถึงแม้อีกฝ่ายจะแต่งงานมาก่อน ก็ไม่ถืออะไรหรอก อีกอย่างไม่ได้มีลูกกับภรรยาคนก่อนหน้าด้วย ลูกสาวแต่งไปก็ไม่ต้องเป็นแม่เลี้ยง แต่งไปแล้วได้อยู่บ้านหลังใหญ่ พ่อแม่สามีก็ยังอายุน้อยทำงานได้ มีเงินมีตั๋ว ยังสามารถช่วยเหลือที่บ้านได้ นี่เป็นเรื่องดี แต่คิดไม่ถึงว่าบ้านเฉินจะไม่ยอม
ถ้าไม่ยอม ทำไมพวกเขาจะต้องส่งลูกสาวไปแต่งให้ลำบาก? เห็นอยู่ว่าสามารถหาคนที่ดีกว่าได้ ดังนั้นแม่หลัวเลยว่าบ้านเฉินเป็นชุด แล้วส่งแม่สื่อกลับ เธออยากจะดูตัวให้ลูกสาวต่อ
หลังหลัวเหมยรู้ก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง เธอไม่เคยมีปากมีเสียงพูดเรื่องแต่งงานเลย ตอนแรกคนที่แม่ดูให้ เธอไม่ชอบที่ฝ่ายตรงข้ามดูเย่อหยิ่ง แต่แม่เธอตอบตกลงแล้ว บอกว่าบ้านนี้ฐานะดี อีกหน่อยลูกชายจะมีหน้ามีตา ใช่ เขามีหน้ามีตาแล้ว น่าเสียดายที่พอเข้ามีหน้ามีตาก็ไปหาคนอื่น
แม่เธอด่าบ้านอีกฝ่ายชุดใหญ่ แต่เธอกลับรู้สึกโล่งใจ เธอคิดว่าถ้าเธอแต่งไปจริงๆ ไม่แน่ว่าเธอจะอยู่สบาย บ้านตัวเองกับบ้านเขาฐานะห่างกัน เขาดูถูกเธอ ถึงเธอจะนอบน้อมถ่อมตนก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการยอมรับ จะไปลำบากทำไมนะ
ช่วงนี้ที่บ้านดูตัวให้เธอเยอะมาก พ่อแม่ไม่เคยถามเธอเลยว่ายินดีหรือไม่ ดูแค่ฐานะฝ่ายตรงข้าม ในใจคิดจะหาคนที่ดีให้เธอ
แต่ฐานะดี จะนิสัยดีด้วยหรือ? เธอแค่อยากจะหาคนที่จริงใจพึ่งพาได้ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ทำดีกับเธอ ดูแลเป็นอย่างดี แต่พ่อแม่ไม่ได้คิดแบบนี้
เธอเห็นเฉินกุ้ยมาก่อน อีกฝ่ายอายุมากกว่าเธอ แต่ดูซื่อๆ ที่บ้านก็ไปสืบมา มีหลายคนพูดเรื่องเกี่ยวกับเฉินกุ้ยและช่างเหลียน บางคนบอกว่าบ้านเฉินฐานะดีแล้ว เลยไม่ต้องการช่างเหลียน บางคนบอกว่าบ้านเฉินเลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วมีอะไรกับเฉินกุ้ย เลยไม่ต้องการช่างเหลียนแล้ว แล้วยังมีคนบอกว่าช่างเหลียนแท้งตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานกับเฉินกุ้ย เฉินกุ้ยรู้ แล้วรู้ว่าช่างเหลียนคลอดลูกไม่ได้ เลยเลิกกัน
แต่พวกเขาก็สืบมาอีก ช่างเหลียนนั้นนิสัยไม่ดี ขี้เกียจอยู่ไปวันๆ คนในหมู่บ้านต่างรู้กันหมด แล้วยังทะเลาะจนแยกบ้านกันด้วย
หลังรู้เรื่องเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เจอกันสองครั้งเธอกับเฉินกุ้ยไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่เธอดูออกว่าเฉินกุ้ยไม่ใช่คนที่จิตใจไม่ดี
ส่วนเรื่องงานแต่งนี้เดิมทีเธอไม่ได้คิดอะไร ตามใจพ่อแม่จัดการให้ แต่คิดไม่ถึงว่าบ้านเฉินไม่ยอม พอรู้เหตุผล เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอคิดว่าที่พ่อแม่ทำนั้นไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะแม่ของเธอ กลับมาพูดกับเธอว่า ตอนแรกที่ยอมดูตัวเพราะว่าเฉินเยี่ยนสร้างบ้านหลังใหญ่ ไม่อย่างนั้นแบบคนเฉินกุ้ยไม่มีทางอยู่ในสายตาเธอ
เธอแต่งงานนี่ไม่ต้องดูการใช้ชีวิตหรือ? มีบ้านใหญ่ก็จะมีความสุขหรือ? เธอก็ได้ยินมาว่า ตอนนั้นที่เฉินกุ้ยทะเลาะกันเรื่องแยกบ้าน ต่อมาน้องสาวเฉินกุ้ยห่อบุหรี่หาเงินได้ เลยสร้างบ้านหลังใหญ่ เดิมทีบ้านก็ไม่ได้มีส่วนของเฉินกุ้ยอยู่แล้ว ถ้าเฉินกุ้ยทะเลาะกับคนบ้านเฉินเพราะบ้านหลังนี้ เธอกลับจะรู้สึกว่าเฉินกุ้ยพึ่งพาไม่ได้ แม้แต่พี่น้องเขายังไม่มีใจให้ อีกหน่อยจะมีใจกับตัวเองได้ยังไง?
แต่เฉินกุ้ยเปล่าเลย เฉินกุ้ยบอกว่าวันข้างหน้าเขาจะอาศัยฝีมือตัวเองหาเงินสร้างบ้าน เขาบอกว่าเขาจะทำดีกับภรรยา แต่จะไม่เอาบ้านจากพี่น้อง ครั้งนี้ เธอกลับรู้สึกดีกับเฉินกุ้ยขึ้นมา สนใจความรู้สึกของพี่น้อง รู้จักเอาใจใส่ภรรยา แล้วยังมีความตั้งใจ คนนี้ถือว่าไม่แย่เลย
แต่เธอมีสิทธิ์เรื่องแต่งงานหรือ? แม่ปฏิเสธเขาไปแล้ว ถ้าเธอไปพูด จะโดนด่าไหม?
หลัวเหมยไม่รู้ เธอรู้สึกสับสน
——————–
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น