ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1336-1369

 ตอนที่ 1336 แกล้งป่วย (6)


 


 


หงหลวนจองห้องไว้ในทุกเหลาของเมืองบูรพาแค่เพราะนางไม่ต้องการใช้ของที่คนอื่นเคยใช้มาก่อนเท่านั้นเอง!


 


 


เมื่ออาหารถูกนำมาวางก็บอกได้เลยว่าอาหารพวกนี้กลิ่นหอม ดูน่ากินและอร่อยมาก แต่หงหลวนเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ยอมขยับตะเกียบจึงเอ่ยปากถาม “เจ้าไม่ชอบอาหารที่นี่หรือ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงคีบอาหารเข้าปากแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก ข้าก็แค่อยากกินอาหารที่คนอื่นทำ”


 


 


ช่วงหลังจากที่แยกกับอวิ๋นเซียว นางก็ไม่ชินกับอาหารปกติข้างนอก แน่นอนว่าถ้าผู้ใดเคยกินอาหารที่อวิ๋นเซียวทำ ไม่แน่พวกเขาอาจจะกินอาหารอย่างอื่นไม่ได้เลย


 


 


ความแตกต่างของอาหารมันราวฟ้ากับเหว!


 


 


“ว่าแต่หูหลีหายไปไหนล่ะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงวางตะเกียบในมือลง “เขาอยู่ไม่ไกลจากข้า แล้วก็คงไม่ปรากฏตัวข้างข้าไปอีกสักพัก”


 


 


จนกว่านางจะยืนยันตัวตนของอู๋ได้ นางจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้นาง เช่นนั้นแล้ว นางจึงส่งหูหลีไปจับตาดูเขา


 


 


“เจ้าสงสัยตัวตนของเด็กคนนั้นแต่ก็ส่งหูหลีไปจับตาดูเขา เจ้าไม่กลัวหูหลีจะเจออันตรายหรือ” หงหลวนถามอย่างสงสัย


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ถ้าเด็กนั่นมีปัญหาปัญหาจริงๆ เป้าหมายเขาก็คือข้า ดังนั้นเขาคงไม่ยอมทำให้ศัตรูตื่นตัวด้วยการทำร้ายหูหลีหรอก”


 


 


นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงยอมให้หูหลีอยู่กับเขาตามลำพัง


 


 



 


 


หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนกลับจวนเจ้าเมืองฟ้าก็มืดแล้ว ทันทีที่พวกนางก้าวเท้าข้ามประตูก็มีร่างพุ่งเข้ามาจากด้านหลังนางอย่างรวดเร็ว


 


 


“หงหลวน!” น้ำเสียงของหลิงเฉินเดือดดาลมากขณะที่เขารีบวิ่งเข้ามาหาหงหลวน เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ


 


 


“เจ้าทำแบบนั้นไปทำไม ทำไมต้องลงโทษชูเอ๋อร์ด้วยวิธีนี้ นางก็แค่ไปหาเจ้าเพราะข้า แต่เจ้ากลับมีใจทำตัวหยาบช้าต่อสตรีจิตใจดีอย่างนาง”


 


 


หลิงเฉินโกรธจนตัวสั่น “ตอนนี้ข้าต้องการเจ้าไปขอร้องให้ชูเอ๋อร์ลุกขึ้น ตอนที่ข้าบังคับนาง นางขู่ข้าว่านางจะฆ่าตัวตายและไม่กล้าลุกขึ้นถ้าเจ้าไม่สั่ง! ตามข้าไปขอร้องนางให้ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!”


 


 


เขาไม่ได้ใช้คำว่า ‘สั่ง’ แต่ใช้คำว่า ‘ขอร้อง’


 


 


ขณะที่หลิงเฉินจับแขนหงหลวนแล้วใช้กำลังลากนางไป สีหน้าของหงลวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบแล้วสะบัดมือเขาออกอย่างแรง


 


 


“เฟิงเอ๋อร์บอกว่าถ้านางคุกเข่าอยู่ห้าวันห้าคืน เฟิงเอ๋อร์จะลองคิดเรื่องยกข้าให้เจ้า ข้าไม่ได้บังคับให้นางคุกเข่า นางเลือกของนางเอง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า”


 


 


ตอนนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงพูดแค่ว่าจะลองคิดดูแต่ไม่ได้บอกว่านางจะทำ! ถึงแม้เซี่ยชูจะนั่งคุกเข่าถึงห้าวันห้าคืนจริงๆ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่มีทางยกหงหลวนให้หลิงเฉิน!


 


 


หลิงเฉินเงื้อมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือบนใบหน้าหงหลวนอย่างแรง


 


 


แต่ก่อนที่ฝ่ามือเขาจะสัมผัสถูกใบหน้าหงหลวน นางก็ยกมือขึ้นคว้าข้อมือเขาแน่น


 


 


“หลิงเฉิน ความสัมพันธ์ของพวกเราขาดกันตรงนี้! ระหว่างเราไม่มีใครติดหนี้ใครทั้งนั้น!”


 


 


ทันใดนั้นหงหลวนก็ใช้แรงบังคับให้หลิงเฉินถอยออกไป เขาจับข้อมือที่กลายเป็นรอยช้ำแล้วมองสตรีชุดแดงค่อยๆ หายไปจากสายตาเขา เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเห็นท่าทีไร้หัวใจของหญิงสาว เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ…


 


 


แม้แต่ตัวหลิงเฉินเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน!


 


 


“คุณหนูใหญ่” อยู่ๆ ผู้คุ้มกันก็เดินออกมาประสานมือเคารพหงหลวนแล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านเจ้าเมืองเชิญท่านกับคุณชายอวิ๋นไปพบขอรับ”


 


 


“ท่านพ่ออยากพบข้างั้นหรือ” หงหลวนมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วถามว่า “ถ้าเจ้ายินดีตามข้าไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเลยเถอะ ถ้าเจ้าไม่อยากไปใครก็บังคับเจ้าไม่ได้!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1337 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (1)


 


 


“ไปด้วยกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ ในเมื่อเจ้าเมืองเชิญนางและหงหลวน จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นได้อย่างไร


 


 


หงหลวนไม่พูดอะไรอีกแต่นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถ้าบิดานางตั้งใจจะทำเรื่องยุ่งยากให้อวิ๋นลั่วเฟิงนางก็จะไม่สนใจอะไรนอกจากยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


นี่เป็นสิ่งที่นางสัญญากับอวิ๋นลั่วเฟิงเอาไว้!


 


 


นางต้องรักษาสัญญาและไม่ให้มีอะไรมาทำลายได้!


 


 



 


 


ชายวัยกลางคนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ทำให้บรรยากาศภายในห้องทำงานหนักอึ้ง


 


 


นี่เป็นครั้งที่สองที่อวิ๋นลั่วเฟิงเห็นเจ้าเมือง หงหลิง ผู้ควบคุมอำนาจทั้งหมดของเมืองบูรพาและอยู่เหนือบุรุษทุกคน


 


 


ดูเหมือนหงหลิงจะรับรู้ถึงการมาของพวกนาง เขาหันหลังกลับมาช้าๆ ตอนนี้ท่าทางเขาก็ไม่ได้ดูวางอำนาจเท่าก่อนหน้านี้ ขณะที่เขาแสดงสีหน้าหมดหนทางและถอนหายใจอย่างหนักหน่วง


 


 


“หลวนเอ๋อร์ เจ้าไม่เต็มใจจะแต่งงานกับหลิงเฉินจริงๆ ใช่หรือไม่”


 


 


ทันทีที่หงหลวนกลับเข้ามาในจวนเจ้าเมือง เขาก็โกรธจนไฟลุกโชน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะดุด่าว่านาง แต่ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว เพื่อจะได้ไม่เป็นการบังคับบุตรสาวตัวเองให้ออกไปอีก เขาทำได้แค่ข่มความโกรธและแสดงสีหน้าหมดหนทางขณะเอ่ยปากถามนาง


 


 


เมื่อได้ยินคำถาม หงหลวนก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับหลิงเฉิน”


 


 


“หลวนเอ๋อร์ ตั้งแต่นี้แคว้นเจ็ดเมืองกำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากเพียงแค่เจ้ายอมแต่งงานกับหลิงเฉินเท่านั้น มีแค่การร่วมมือกันระหว่างสองเมืองที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตรอดท่ามกลางเมืองทั้งเจ็ด!” สีหน้าของหงหลิงค่อยๆ เคร่งเครียดมากขึ้น “มิเช่นนั้นเมืองบูรพาก็คงถูกพวกเขาทำลาย”


 


 


หงหลวนยิ้มเยาะ “ท่านพ่อ ท่านส่งบุตรสาวไปแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เพียงเพื่อให้เมืองบูรพาอยู่รอดได้ในอนาคตเมื่อแคว้นเจ็ดเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่งั้นหรือเจ้าคะ หากเป็นคนอื่นก็คงไม่เป็นไร แต่ข้า หงหลวน จะไม่แต่งงานเพื่อแลกกับความสงบสุข!”


 


 


แคว้นเจ็ดเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่งั้นหรือ


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นลั่วเฟิงก็แอบเก็บข้อมูลขณะยืนอยู่ข้างๆ หงหลวนโดยไม่พูดอะไร


 


 


“หลวนเอ๋อร์!” หงหลิงแสดงสีหน้าโกรธจัด “เจ้าเป็นแค่สตรี ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าจะอาศัยความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงอย่างเดียวดูแลเมืองบูรพาทั้งเมืองได้อย่างไร ข้ามีเจ้าเป็นบุตรสาวคนเดียวแล้วถ้าเจ้าไม่แต่งงานกับหลิงเฉิน ข้าจะตายตาหลับได้อย่างไร”


 


 


หงหลวนไม่คิดว่าบิดาของตัวเองจะดื้อรั้นขนาดนี้ สีหน้าของนางเย็นชายิ่งขึ้น


 


 


“ข้าพูดไปแล้วว่าด้วยความแข็งแกร่งของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องรับการช่วยเหลือจากเมืองอุดร! ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าสามารถใช้กำลังตัวเองทำให้เมืองบูรพาอยู่บนจุดสูงสุดของแคว้นเจ็ดเมืองให้ได้ และข้าจะทำให้ชื่อถูกจารึกชื่อไว้ไม่มีลืม!”


 


 


“ลืมมันเสียเถอะ”


 


 


ยอดฝีมือผู้นี้เคยทำให้โลกต้องตะลึงมาแล้วแต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่อยู่ในช่วงต่อต้านอย่างอับจนหนทาง เขารู้จักอารมณ์ร้ายๆ ของบุตรสาวตัวเองดี นางไม่เคยหันหลังกลับเมื่อตัดสินใจไปแล้ว!


 


 


“หลวนเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่ได้ทนทุกข์กับความผิดหวัง เจ้าก็คงไม่หันหลังกลับ บิดาเจ้าก็หมดหนทางจะจัดการกับเจ้าแล้ว” หงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น


 


 


ถึงแม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับบุตรสาว แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวเขา แล้วเขาจะบังคับมัดตัวนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวได้อย่างไร


 


 


“ในอนาคตข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของความรักของเจ้าอีกแล้ว อีกอย่างเรื่องระหว่างเจ้ากับหลิงเฉิน เจ้าก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง อีกสองสามวันเจ้าเมืองอุดรคงมาที่นี่เพื่อยกเลิกการแต่งงานด้วยตัวเอง เจ้าคิดคำปฏิเสธดีๆ ไว้หรือยัง”


 


 


“คำปฏิเสธดีๆ งั้นหรือ เหตุใดข้าต้องทำเจ้าคะ” หงหลวนหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา “ข้าพูดว่าข้าไม่แต่งก็หมายความตามนั้น แม้จักรพรรดิจะมาด้วยตัวเอง ข้าก็จะปฏิเสธการแต่งงาน!”


 


 


หงหลิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วทำได้แค่ย้ายสายตาไปหาอวิ๋นลั่นเฟิง


 


 


ในตอนนั้น เพราะอวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกว่าการถกเถียงกันระหว่างบิดาและบุตรสาวน่าเบื่อ นางจึงดึงเก้าอี้ออกมานั่งอย่างเป็นธรรมชาติ นางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านขณะที่ดวงตาร้ายกาจของนางแสดงความคิดดูถูกโลกทั้งใบ

 

 

 


 

ตอนที่ 1338 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (2)


 


 


แต่ท่าทีหยิ่งทะนงของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้หงหลิงไม่ชอบใจและสีหน้าเขาก็มืดครึ้ม ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน อวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนไม่ได้อยู่นานนัก เขาเลยไม่มีโอกาสได้สำรวจอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างถี่ถ้วน มีแค่ตอนนี้ที่เขาสามารถสำรวจอวิ๋นลั่วเฟิงได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ทว่า….


 


 


เขาสะดุดตากับพู่หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของชายหนุ่ม อักษรจวินที่ถูกสลักอยู่บนพู่หยกทำให้เขาหรี่ตา


 


 


“เจ้าเป็นคนตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณงั้นหรือ”


 


 


ตระกูลแห่งเมืองวิญญาณ?


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมองอย่างงุนงง สายตาของนางค่อยๆ เลื่อนไปที่พู่หยกที่ห้อยอยู่ที่ชุดนางแล้วร่องรอยความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา


 


 


“ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญณหมายถึงอะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วถาม


 


 


“สกุลของเจ้าเมืองวิญญาณคือจวิน!” หงหลิงจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างระมัดระวัง “บอกข้ามา เจ้าได้พู่หยกนี้าจากไหน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงลูบพู่หยกเบาๆ แล้วยิ้มบาง “พู่หยกนี้ท่านแม่ข้ามีมันตั้งแต่ยังเด็ก มีปัญหาอะไรหรือไม่”


 


 


จวินเฟิ่งหลิงเป็นมารดาของอวิ๋นเซียว ดังนั้นนางก็เป็นมารดานางเหมือนกัน ด้วยลักษณะของนาง ตอนนี้นางบอกไม่ได้ว่าแม่สามีให้นางมา เช่นนั้นแล้วนางจึงเรียกจวินเฟิ่งหลิงว่าท่านแม่แทน


 


 


นัยน์ตาของหงหลิงหรี่ลงก่อนกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว


 


 


“ถ้าเจ้าอยากรู้ที่มาที่ไปของพู่หยก เจ้าสามารถเดินทางไปตระกูลจวินที่เมืองวิญญาณได้ คำตอบที่เจ้าต้องการอยู่ที่นั่น อีกอย่างตระกูลจวินสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย ข้าแนะนำว่าเจ้าควรเอาพู่หยกออกเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูพวกเขาพบเห็น”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาแล้วเงียบไปนาน


 


 


ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณงั้นหรือ


 


 


ดูเหมือนว่าหลังจากนางรู้ที่อยู่อวิ๋นเซียว นางควรเดินทางไปเมืองวิญญาณเพื่อหาคำตอบ!


 


 



 


 


หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงออกจากห้องทำงานไป หงหลวนก็สังเกตเห็นว่าบิดานางมีบางอย่างอยากพูดแต่ยอมไม่พูด “ท่านพ่อ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลจวินที่ท่านเพิ่งพูดเจ้าคะ”


 


 


หงหลวนถอนหายใจ “หลายสิบปีก่อน ผู้นำตระกูลจวินมีปัญหากับเจ้าเมืองวิญญาณคนก่อนและหนีการไล่ล่าของยอดฝีมือมากมาย ตอนนั้นภรรยาเขาถูกสังหารโดยเจ้าเมืองคนก่อนเพื่อปกป้องบุตรสาวที่เพิ่งคลอด ผู้นำตระกูลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกนางให้เพื่อนเก่า….


 


 


“หลังจากนั้นผู้นำตระกูลจวินก็กลับมาแก้แค้นเจ้าเมืองคนก่อนและทำลายล้างจวนเจ้าเมืองจนราบ ทำให้ผู้นำตระกูลถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองวิญญาณคนใหม่ แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งตระกูลจวิน ดังนั้นพอคนอื่นพูดถึงจวนเจ้าเมืองวิญญาณก็จะพูดว่าตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ! แต่เขาก็เป็นเจ้าเมืองที่ถูกต้องและเหมาะสมของเมืองวิญญาณ!


 


 


“หลายปีมานี้ผู้นำตระกูลก็ยังรำลึกถึงการสูญเสียภรรยาและก็ยังไม่แต่งงานใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ออกตามหาที่อยู่ของบุตรสาวมาตลอดหลายปี แต่ไม่ต้องพูดถึงบุตรสาว แม้แต่เพื่อนเก่าเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!


 


 


“ดังนั้นตระกูลจวินที่สูญเสียบุตรสาวไปก็กลายเป็นปัญหาที่ลึกลับที่สุด ตอนนี้พู่หยกตระกูลจวินมาปรากฏในมืออวิ๋นลั่วเฟิง หรือว่า…มารดาเขาจะเป็นบุตรสาวผู้นำตระกูลจวินกัน”


 


 


หงหลวนยังสับสนอยู่บ้าง ดูเหมือนนางจะไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะมีตัวตนแบบนี้ นางเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามต่อ “ท่านมั่นใจหรือว่ามารดาของอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลจวิน พู่หยกนั่นอาจมาจากคนอื่นในตระกูลจวินก็ได้”


 


 


หงหลิงส่ายหน้า “อักษรจวินบนพู่หยกถูกสลักด้วยวิธีการพิเศษ ดังนั้นพู่หยกจึงสามารถป้องกันการโจมตีสังหารจากยอดฝีมือได้หนึ่งครั้ง เจ้าคิดว่าคนธรรมดาในตระกูลจวินจะมีพู่หยกพิเศษแบบนี้หรือ”


 


 


หงหลวนกะพริบตา “ท่านพ่อ พวกเราควรแจ้งตระกูลจวินเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1339 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (3)


 


 


ตามจริงที่หงหลวนตั้งใจจะแจ้งตระกูลจวินไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยของอวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือนางนับถือผู้นำตระกูลจวิน


 


 


แม้ภรรยาของผู้นำตระกูลจะจากไปหลายปีแต่เขาก็ยังมั่นคงในความรู้สึกและไม่แต่งงานใหม่ หลังจากเขาแก้แค้นแล้ว ทั้งหัวใจเขาก็มีแค่การตามหาบุตรสาวเป็นสิบๆ ปี แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทิ้งความหวังเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน


 


 


นางจะไม่รู้สึกซึ้งกับความมุ่นมั่นของเขาได้อย่างไร


 


 


“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของพู่หยกอันนี้คือผู้นำตระกูลจวิน แต่มารดาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลจวินจริงหรือไม่ยังต้องหาข้อพิสูจน์ อีกอย่างผู้นำตระกูลจวินออกจากเมืองวิญญาณไปทันทีที่ยกตำแหน่งให้ศิษย์ของตัวเอง แม้แต่ตอนนี้เองก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน การพูดว่าจะหาเขานั้นง่ายกว่าทำมาก” หงหลิงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา


 


 


ผู้นำตระกูลจวินเดินทางไปยังเมืองต่างๆ มากมาย แม้แต่ตระกูลจวินเองก็ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด เขาพาบุตรสาวของศิษย์เขาไปด้วย แล้วการตามหาตัวเขาก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร


 


 


“ท่านพ่อ เหตุใดพวกเราไม่แจ้งตระกูลเจ้าคะ ข้ามั่นใจว่าเขามีวิธีหาตัวผู้นำตระกูล”


 


 


หงหลวนทำสีหน้ามุ่งมั่น ถ้าหากอวิ๋นลั่วเฟิงมีตระกูลจวินหนุนหลัง นางก็จะได้เดินทางไปทั่วแคว้นเจ็ดเมืองอย่างไร้กังวลว่าจะมีใครทำให้นางอับอาย


 


 


“ก็ได้!” หงหลิงค่อยๆ หรี่ตา “หงหลวน ช่วงนี้เจ้าควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอวิ๋นลั่วเฟิง หากเขาเป็นบุตรชายของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจวินจริง เจ้าจะแต่งงานกับเขาก็ดี” ยิ่งหงหลิงยิ่งพูดเขาก็ยิ่งตื่นเต้น


 


 


เมืองวิญญาณเป็นหนึ่งในเมืองอันดับต้นๆ ของแคว้นเจ็ดเมือง แล้วถ้าพวกเขาเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลจวินผ่านการแต่งงานได้ย่อมดีกว่าเมืองอุดรแน่นอน! แต่ว่าก่อนที่เขาจะสงบอารมณ์ได้ หงหลวนก็สาดน้ำเย็นใส่หน้าเขา


 


 


“ประการแรก ความสัมพันธ์ของข้ากับอวิ๋นลั่วเฟิงดีมากอยู่แล้ว!”


 


 


“ประการที่สอง ตระกูลจวินก็คือตระกูลจวิน อวิ๋นลั่วเฟิงก็คืออวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนตระกูลจวินจริงหรือไม่ เขาก็เป็นคนที่ข้ายอมรับแล้ว! ข้าต่างจากท่าน ท่านพ่อให้ความสำคัญกับอำนาจ แต่ในสายตาข้า อำนาจเทียบไม่ได้กับมิตรภาพ ถ้าคนผู้หนึ่งเอาแต่แสวงหาอำนาจแล้วพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้สักเท่าไรกัน”


 


 


เมื่อถูกบุตรสาวสั่งสอน ใบหน้าของหงหลิงก็ยิ่งซีดเผือด แล้วศีรษะเขาก็ลุกโชนไปด้วยโทสะ


 


 


“ท่านพ่อ พวกเราเป็นผู้ฝึกฌาน และแต่เดิมผู้ฝึกฌานก็ทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ถ้ามีความคิดที่ทำให้ไขว้เขวมากก็ยิ่งทำให้ไปถึงจุดหมายยากขึ้น! ถ้าท่านพ่อยืนกรานจะให้ข้าเป็นเหมือนท่าน ข้าก็จะไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าเมือง! ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเองว่าข้าสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของแคว้นนี้ได้เจ้าค่ะ!”


 


 


หงหลวนมักจะไม่เห็นด้วยกับการที่หงหลิงไขว่คว้าอำนาจและอิทธิพล ในความคิดนาง คนผู้หนึ่งควรทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นคนของตระกูลจวินหรือไม่ นางก็เป็นเพื่อนที่หงหลวนยอมรับในชีวิตนี้อยู่ดีไม่มีทางเปลี่ยน!


 


 


เหตุผลที่นางเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนสำคัญหลักๆ เป็นเพราะการต่อสู้ในเหลาวันนั้น การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้นางชื่นชอบอวิ๋นลั่วเฟิง แล้วหลังจากหลายวันมานี้พอยิ่งรู้จัก นางก็ข้าใจว่าพวกนางเป็นคนประเภทเดียวกัน อีกอย่างตอนที่ต่อสู้กันนางและอวิ๋นลั่วเฟิงก็สูสีกัน ดังนั้นความตั้งใจของนางคือสักวันหนึ่งนางจะเอาชนะอวิ๋นลั่วเฟิงให้!


 


 


“หลวนเอ๋อร์ เจ้า…” หงหลิงตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นขณะจ้องไปที่ดวงตานาง


 


 


หงหลวนยังคงไม่กะพริบตาและส่งยิ้มมาให้ “ท่านพ่อ ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนของตระกูลจวินจริง ข้าก็จะไม่ขอการสนับสนุนจากตระกูลจวินเพียงเพราะท่านต้องการให้ข้าทำ และถึงแม้เขาจะไม่ได้มาจากตระกูลจวิน เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ในชีวิตนี้ข้าเรียกว่าเพื่อน!”


 


 


คนที่รู้จักในอดีตทุกคนมาตีสนิทนางเพราะอิทธิพลของจวนเจ้าเมือง ดังนั้นจึงมีแค่อวิ๋นลั่วเฟิงที่เป็นเพื่อนแท้ของนาง!

 

 

 



ตอนที่ 1340 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (4)


 


 


หงหลิงโกรธจัด เขาตบโต๊ะอย่างแรงจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่หงหลวนก็หันหลังจากไปโดยไม่สนหงหลิงที่กำลังโกรธเลยสักนิดเดียว


 


 


“เด็กคนนี้จะก้าวร้าวเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าพูดกับบิดาแบบนี้แล้วยังสั่งสอนข้าอีก!” หงหลิงโกรธจนไฟลุก “ถ้าไม่มีอำนาจแล้วคนจะขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้อย่างไร คนคนหนึ่งจะใช้เพียงความแข็งแกร่งอย่างเดียวเพื่อขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะจวนเจ้าเมืองให้ทรัพยากรในการฝึกพลังฌานกับนาง แล้วนางจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”


 


 


ยิ่งคิด หงหลิงก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เคยเชื่อว่าคนที่มีฐานะต่ำต้อยที่อาศัยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เชื่อว่าคนคนหนึ่งจะมีอำนาจได้ถ้าปราศจากการเลี้ยงดูจากครอบครัว


 


 


เป็นไปไม่ได้ที่วิหคเพลิงจะปรากฏตัวออกจากป่ามาเฉยๆ แต่วิหคเพลิงจะปรากฏตัวได้ก็ต่อเมื่อใช้วัตถุดิบและสมบัติล้ำค่าจำนวนมหาศาลเท่านั้น!


 


 


“ลืมมันเสียเถอะ ในอนาคตข้าจะไม่ยื่นมือไปยุ่งเรื่องของเจ้าอีก เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ! ข้าพยายามใช้อำนาจทั้งหมดที่ข้ามี ทั้งต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองอุดรผ่านการแต่งงานรวมถึงการขอความช่วยเหลือจากตระกูลจวิน ทั้งหมดก็เพื่อเจ้ามิใช่หรือ แต่เจ้ากลับไม่แม้แต่จะรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ข้าทำให้ เจ้าก็ดื้อดึงเหมือนมารดาเจ้านั่นแหละ ชาติที่แล้วข้าคงติดหนี้พวกเจ้าไว้มาก!” หงหลิงถอนหายใจหนักแล้วนั่งลง


 


 


ตอนนี้ยอดฝีมือที่ทั้งเมืองเคารพนับถือก็เป็นแค่บิดาที่จนปัญญาจะต่อกรกับบุตรสาวในวัยต่อต้าน เขาทำได้แค่ปล่อยให้นางตัดสินใจชีวิตด้วยตัวเอง…


 


 



 


 


หลังจากที่หงหลวนออกจากห้องทำงานก็เห็นได้ชัดว่านางเหน็ดเหนื่อย ทันทีที่นางเปิดประตูเข้าไป นางก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวกำลังนั่งจิบชาอยู่ในห้อง


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง?” หงหลวนมองด้วยสายตาว่างเปล่า “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ในห้องข้า”


 


 


อวิ๋นลัวเฟิงวางถ้วยชาแล้วเงยหน้ามองหงหลวน “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแคว้นเจ็ดเมืองคืออะไร”


 


 


หงหลวนเดินมาเทน้ำชาให้ตัวเองเหมือนว่าไม่ได้สนใจ นางค่อยๆ จิบชาก่อนวางถ้วยชาลง


 


 


“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแคว้นเจ็ดเมืองเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว”


 


 


หงหลวนมองหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าคงรู้ว่าใต้พื้นดินแคว้นเจ็ดเมืองมีบางสิ่งที่น่าหวาดกลัวถูกฝังไว้อยู่ สิ่งมีชีวิตนี้จะตื่นขึ้นมาทุกหนึ่งพันปี และเมื่อมันตื่นขึ้น แคว้นเจ็ดเมืองก็จะเกิดหายนะ แต่ไม่มีใครรู้เวลาแน่นอนที่มันจะตื่น ท่านพ่อข้ากลัวว่าเมื่อตอนที่เขานอนรอความตาย ข้าจะไม่สามารถจัดการกับมันได้ เขาก็เลยคิดว่าถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองอุดรผ่านการแต่งงานได้ก็จะฝากความหวังไว้ได้ว่าอิทธิพลของพวกเขาจะช่วยพวกเราได้”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้


 


 


“อันที่จริง ข้าก็รู้ว่าเขาใส่ใจข้าที่สุด แต่ข้าไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา ข้าไม่เชื่อว่าตัวเองแกร่งไม่พอที่จะสู้เจ้าสิ่งมีชีวิตนั่น!” หงหลวนหัวเราะขณะอธิบาย


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ดูเหมือนไม่ใช่แค่ความคิดที่แตกต่างกันหรอกมั้งที่ทำให้เจ้ากับบิดาไม่ลงรอยกัน”


 


 


หงหลวนแปลกใจแต่ทำได้แค่พูดความจริงออกมา “เจ้าก็สังเกตหรือ เป็นเพราะว่าเขาทำให้ท่านแม่ข้าตาย ดังนั้นตั้งแต่เด็กข้าก็เลยไม่มีความรู้สึกดีๆ ให้เขา”


 


 


“มารดาเจ้างั้นหรือ”


 


 


“ใช่แล้ว ท่านแม่ข้ามีนิสัยกล้าหาญและซื่อตรง อีกทั้งอารมณ์นางยังรุนแรงกว่าข้าด้วย แล้วนางก็ยังแข็งแกร่งมาก ปีนั้นท่านพ่อกับท่านแม่ช่วยกันพิชิตเมืองบูรพาจนสำเร็จ! แต่เพื่อให้คนใต้บังคับบัญชาไม่มีใจออกห่างและทรยศท่านพ่อ เขาก็เลยรับบุตรสาวพวกเขาเข้ามาเป็นอนุ!”


 


 


“แล้วคนอย่างมารดาข้าจะยอมให้เขามีภรรยาสามอนุสี่ได้อย่างไร นางเลยทิ้งท่านพ่อไปด้วยความโกรธ และเพื่อพิสูจน์ว่าท่านพ่อไม่จำเป็นต้องใช้การแต่งงานเพื่อสร้างอำนาจให้มั่นคง นางก็เลยพยายามฝืนผ่านด่านจนทำให้วิญญาณนางระเบิดออกแล้วกระจัดกระจายไปทั่ว!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1341 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (5)


 


 


หากคนตาย พวกเขาก็ยังเกิดใหม่ได้ แต่ถ้าวิญญาณถูกทำลาย นั่นหมายความว่าพวกเขาได้หายไปจากโลกใบนี้แล้ว


 


 


หงหลวนยิ้มเยาะ “ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กไม่รู้ความ ทำให้ความทรงจำไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่นางก็ยังเป็นท่านแม่ของข้า แล้วข้าจะไม่เกลียดเขาได้อย่างไร บางครั้งข้าก็คิดว่าข้าไม่อยากมีเขาเป็นบิดาเลย!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจิบชาแล้วฟังหงหลวนเล่าเรื่องของตัวเองต่อ


 


 


“บางทีนี่อาจเป็นกรรม ทำให้หลายปีมานี้อนุมากมายของท่านพ่อไม่มีใครตั้งครรภ์สักคน” รอยยิ้มของหงหลวนดูเย็นชา “อวิ๋นลั่วเฟิง เหตุใดบุรุษถึงไร้ความปรานีขนาดนี้ พวกเขาพิชิตเมืองนี้ด้วยกัน แต่พริบตาเดียวหลังจากได้เมืองนี้ ท่านพ่อก็รับอนุ! สำหรับบุรุษแล้ว อำนาจและอิทธิพลสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ”


 


 


ทันใดนั้นภาพชายหนุ่มหล่อเหลาแต่ร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นในความคิดอวิ๋นลั่วเฟิง ทำให้นางเผยรอยยิ้มบาง


 


 


“ถ้าเขารักเจ้า เขาก็ยินดีจะสละโลกทั้งใบเพื่อเจ้า แต่ถ้าเขาไม่จริงใจ ในสายตาเขาเจ้าก็ไม่สำคัญเท่าโลกใบนี้”


 


 


ตอนที่นางเจออวิ๋นเซียวในปีนั้น นางเป็นแค่ขยะที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ทว่าเขาเป็นถึงจักรพรรดิปีศาจที่อยู่เหนือผู้คน!


 


 


แต่เพื่อนางแล้ว เขายินดีทิ้งตำแหน่งแล้วกลายเป็นบุรุษตามหลังนาง ถ้านางเอ่ยปากขอเขา ชายคนนั้นต้องนำโลกทั้งใบมอบให้นางแน่นอน ในชีวิตนี้นางยังจะปรารถนาอะไรอีกในเมื่อนางมีสามีที่ดีอย่างเขาแล้ว


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าบอกท่านพ่อว่าหากเขายังบังคับข้าอีก ข้าก็ยินดีไม่รับตำแหน่งเจ้าเมือง แต่ความจริงข้าก็แค่ขู่เขาไปอย่างนั้นเอง ข้าเป็นบุตรสาวคนเดียวของเขา ถ้าไม่ใช่ข้า ใครจะรับตำแหน่งต่อจากเขา ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับอำนาจ ข้าก็ต้องได้รับตำแหน่งเจ้าเมือง!” สายตาของหงหลวนมุ่งมั่น “เพราะว่าเมืองบูรพาเป็นสมบัติของท่านแม่ข้า ข้าไม่มีทางยอมให้คนอื่นได้ไปแน่นอน!”


 


 


น่าขำ! นางจะยอมยกเมืองบูรพาให้ง่ายๆ ได้อย่างไร เพื่อมารดาของนางแล้ว นางไม่มีทางยกเมืองบูรพาให้คนอื่นแน่!


 


 


“ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของเจ้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม ด้วยความสามารถของหงหลวน ในอนาคตนางต้องสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีบุรุษคนใดที่ทำให้หวั่นไหวได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ หลิงเฉินไม่ได้อยู่ในตัวเลือกนั้นแน่!


 


 


สาวใช้ผลักประตูเข้ามาแล้วรีบรายงานทันที “คุณหนู นายน้อยหลิงเฉินยังอยู่ด้านนอก เขาไม่ยอมจากไปเจ้าค่ะ”


 


 


“ไม่ต้องไปสนใจเขา” หงหลวนหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเขาอยากรอก็ปล่อยให้เขารอไป! ข้าอยากจะรู้ว่าเขาจะรอได้นานแค่ไหนกัน! ดูจากนิสัยของเขาแล้ว อีกหกชั่วโมงเขาคงจากไป!”


 


 


ดูเหมือนหงหลวนจะประเมินหลิงเฉินสูงเกินไป อย่าว่าแต่หกชั่วโมงเลย เขารอไม่ถึงสองชั่วโมงก็รีบออกไปโน้มน้าวเซี่ยชูที่เหลาแล้ว แต่เซี่ยชูก็ยืนยันว่านางจะไม่ยืนขึ้นจนกว่าจะครบห้าวัน


 


 


ด้วยเหตุนี้ หลิงเฉินจึงเกลียดหงหลวนมากขึ้น ความสงสารในใจเขาก่อนหน้านี้ก็หายไปนานแล้ว


 


 


“หงหลวน รอก่อนเถอะ เจ้ากล้าทำกับเซี่ยชูแบบนี้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้เป็นพันเท่า!” หลิงเฉินพูดอย่างเดือดดาล


 


 


ขณะที่หลิงเฉินกำลังโมโห เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นประกายชั่วร้ายในดวงตาของเซี่ยชู


 


 


หงหลวน นิสัยของเจ้านั่นเจ้ากี้เจ้าการและไร้เหตุผลมากเกินไป ไม่มีบุรุษคนใดจะชื่นชอบสตรีอย่างเจ้าหรอก! ตราบใดที่ข้าลงมือเพียงเล็กน้อย แม้แต่บุรุษสวมชุดขาวโดดเด่นที่อยู่ข้างเจ้าคนนั้นก็จะกลายเป็นของข้า!


 


 


ตอนนั้นภาพท่าทางยโสและเต็มไปด้วยความมั่นใจของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปรากฏในความคิดของเซี่ยชู ขณะที่ดวงตานางเต็มไปด้วยความหลงใหล นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมแบบเขา!

 


 

 

ตอนที่ 1344 ที่สุดของความไร้ยางอาย (2)


 


 


“หลิงเฉินไปหาหงหลวนงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วถาม


 


 


เซี่ยชูพยกหน้า “ตอนนี้พวกเขากำลังเดินจับมือคุยกันอยู่ ข้ารู้สึกไม่ดีก็เลยออกมาเจ้าค่ะ”


 


 


เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่บุรุษจะรู้สึกหึงหวงหากได้ยินว่าสตรีของตัวเองกำลังเดินจับมือกับบุรุษอื่น ทว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกลับยังคงหมุนถ้วยชาในมือเล่นอย่างสง่างาม แล้วรอยยิ้มเหม่อลอยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าไร้ที่ติของนาง


 


 


เซี่ยชูกะพริบตา อวิ๋นลั่วเฟิงมีท่าทีเฉยชาต่อหงหลวน นี่ก็หมายความว่าพวกเขาคงมีความสัมพันธ์กันแค่ผิวเผิน เช่นนั้นนางอาจจะยื่นเท้าเขาไปแทรกกลางได้!


 


 


หลังจากนั้นสักพักใหญ่อวิ๋นก็วางถ้วยชาลง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจ้าก็ออกไปได้”


 


 


“นายน้อยอวิ๋น”


 


 


ทันใดนั้นเซี่ยชูก็พุ่งตัวเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิง นางไม่ได้กระโดดเข้าสู่อ้อมอกเขาแต่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านเขาแทน


 


 


“นายน้อยอวิ๋น ตั้งแต่ที่เราพบกันครั้งแรก เซี่ยชูก็เพิ่งได้เข้าใจความหมายของคำว่าสิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์ ถึงแม้ว่าท่านจะใจร้ายกับชูเอ๋อร์ แต่หัวใจของชูเอ๋อร์ก็ยังคงเป็นของท่านอยู่ดีเจ้าค่ะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงก้มลงใช้นิ้วมือค่อยๆ ยกคางเซี่ยชูขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มบาง “เจ้าหมายความว่า…เจ้ากำลังยั่วยวนข้างั้นหรือ”


 


 


เซี่ยชูก้มหน้าด้วยความเขินอาย “ชูเอ๋อร์ไม่หัวแข็งและไร้เหตุผลเหมือนคุณหนูหง ถึงชูเอ๋อร์จะทำได้แค่รอนายน้อยในยามค่ำคืน แต่แค่นี้ก็พอแล้วใจแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


หงหลวนหัวแข็งและไร้เหตุผลงั้นหรือ


 


 


ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายชั่วร้ายขณะที่นางยกขาขึ้นเตะเซี่ยชูจนลอยไปกระแทกผนังดังปัง


 


 


เซี่ยกระแทกผนังจนล่วงลงมา แล้วนางก็เงยหน้าใช้สายตาสับสนมองไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ


 


 


เมื่อเผชิญหน้ากับสตรีที่อ่อนโยนบอบบางเช่นนาง เขากล้าโจมตีอย่างป่าเถื่อนใส่นางหรือ


 


 


เซี่ยชูคิดมาตั้งแต่แรกว่าอวิ๋นลั่วเฟิงอยากได้อำนาจของจวนเจ้าเมืองจึงปกป้องหงหลวนต่อหน้าสาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นจะมีใครชอบพอสตรีไร้เหตุผลอย่างหงหลวนบ้าง แต่นางไม่คาดคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะทำร้ายนางถึงแม้หงหลวนจะไม่อยู่!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อแล้วเช็ดนิ้วมือที่ใช้จับคางเซี่ยชูอย่างระมัดระวัง สีหน้าของนางแสดงออกเหมือนกับว่า…เซี่ยชูเป็นเชื้อโรคที่ทำให้นิ้วนางติดเชื้อได้!


 


 


“ในเมื่อเจ้าไม่ยินดีรับข้าไว้ ก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!”


 


 


เซี่ยชูกะพริบตาที่ประกายชั่วร้ายพาดผ่าน นางฉีกกระชากเสื้อผ้าของตนเองจนเกิดเสียงฉีกขาด เผยให้หน้าอกครึ่งหนึ่งจนดูล่อลวง หลังจากนั้นนางก็ขยี้ผมจนยุ่งแล้วพุ่งออกห้องพร้อมตะโกน “ช่วยด้วย! มีคนพยายามขืนใจข้า!”


 


 


เซี่ยชูร้องไห้คร่ำครวญอย่างเศร้าโศก สภาพยุ่งเหยิงของนางทำให้คนอื่นเชื่อว่าเรื่องที่นางพูดเป็นความจริง


 


 


คนแรกที่ปรากฏตัวคือผู้ติดตามของหลิงเฉินที่ถูกส่งมาปกป้องเซี่ยชู หลิงเฉินสั่งเขาว่าถ้าได้ยินเสียงเซี่ยชูร้องให้เขาปรากฏตัวต่อหน้านางทันที เมื่อเห็นสภาพไม่เรียบร้อยของเซี่ยชูเขาก็เดือดดาล “แม่นางเซี่ยชู โปรดวางใจขอรับ นายน้อยของข้าจะต้องทวงความยุติธรรมให้ท่านแน่!”


 


 


ขณะที่เขาพยายามปลอบนาง คนของจวนเจ้าเมืองที่ได้ยินเสียงเอะอะก็มาถึง คนที่นำมาคือเจ้าเมืองหงหลิงที่กำลังอยู่ระหว่างเดินทางพอดี ข้างหลังหงหลิงคือหงหลวนและหลิงเฉินที่รีบวิ่งมาต่อกัน


 


 


เมื่อเห็นหลิงเฉิน เซี่ยชูก็รีบพ่งเข้าไปในอ้อมกอดเขาแล้วเริ่มร้องไห้เสียงดัง


 


 


“ชูเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ไอ้ตัวบัดซบนั่นพยายามลวนลามเจ้าหรือ” เมื่อหลิงเฉินเห็นเซี่ยชูที่อยู่ในอ้อมกอด เขาก็กำหมัดแน่นดวงตาลุกเป็นไฟ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1345 ที่สุดของความไร้ยางอาย (3)


 


 


ชูเอ๋อร์ที่ตอนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิงและเหลือเสื้อผ้าปิดแค่ครึ่งอกก็ร้องไห้ ทำให้ทุกคนคาดเดาเหตุการณ์ที่นางเพิ่งเผชิญได้ไม่ยาก


 


 


“นายน้อย…” เซี่ยชูพยายามหยุดร้องไห้อย่างยากลำบากแล้วเหลือบตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาขึ้นมอง จนนางดูเป็นสตรีงดงามที่น่าสงสาร “ท่านต้องคืนความยุติธรรมให้ชูเอ๋อร์นะเจ้าคะ!”


 


 


คำพูดของนางเป็นการกล่าวหาว่าอวิ๋นลั่วเฟิงว่าตั้งใจย่ำยีนางทางอ้อม


 


 


“ดี ดีมาก!” หลิงเฉินขบฟันแน่นจนคนรอบข้างได้ยินเสียง “หงหลวน นี่คือบุรุษที่เจ้าชื่นชอบสินะ ช่างเป็นบุรุษที่มักมากยิ่งนัก! มิใช่แค่บ้าตัณหาเท่านั้น แต่ยังกล้าย่ำยีชูเอ๋อร์ บุรุษเช่นนี้ไม่คู่ควรกับนาง!”


 


 


หงหลวนยิ้มเยาะแล้วใช้นิ้วเล่นเส้นผมของตัวเอง “ระว่างข้ากับชูเอ๋อร์ใครงดงามกว่ากัน อวิ๋นลั่วเฟิงน่ะหรือจะแอบเหลือบตามองนาง ตลกน่า! นางเทียบกับนิ้วสักนิ้วของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำไป แล้วเจ้าคิดว่านางมีค่าพอให้เฟิงเอ๋อร์แอบมองหรือ”


 


 


ทุกคนในจวนเจ้าเมืองจ้องหน้าหลิงเฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ถ้าเจ้ากล้าพูดว่าความงามของคุณหนูของพวกเขาเทียบกับเซี่ยชูไม่ได้ พวกเขาจะพุ่งเข้ามาล้อมตีจนกว่าจะใกล้ตายเพื่อสั่งสอน!


 


 


ใครจะสนว่าเขาเป็นนายน้อยของเมืองอุดร ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำให้คุณหนูอับอาย!


 


 


หลิงเฉินตอบด้วยความเดือดดาล “ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะงดงามแต่เจ้าดื้อรั้นเกินไป ไร้เหตุผลและเอาแต่สร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น! แล้วเจ้าจะเทียบกับความอ่อนโยนของชูเอ๋อร์ได้อย่างไร อีกประการ บุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักพอ มีผู้ใดกล้าสาบานว่าตัวเองจะไม่มีภรรยาสามอนุสี่กันบ้าง”


 


 


พูดจบหลิงเฉินก็หันไปหาหงหลิงที่ยืนอย่างเงียบขรึมโดยไม่ได้เอ่ยอะไร “ท่านลุงหง ท่านควรให้คำอธิบายแก่ข้า!”


 


 


หงหลิงตวัดสายตาทรงอำนาจไปที่สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงเฉินแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ใครอนุญาตให้สตรีผู้นี้เข้ามาในจวนเจ้าเมือง”


 


 


เขาไม่ได้ตอบคำถามของหลิงเฉินแต่หันไปถามคนของตัวเอง


 


 


“เจ้าคิดว่าจวนเจ้าเมืองของข้าเป็นอะไร เป็นที่ที่สตรีน่าสงสัยแบบนี้จะเข้ามาได้หรือ” หงหลิงโกรธจนดวงตาลุกเป็นไฟน้ำเสียงของเขาทั้งเย่อหยิ่งและเผด็จการ “หลิงเฉิน ข้ายอมให้เจ้ามีอนุก็จริงแต่มิได้บอกว่าเจ้าสามารถเอาอนุมารังแกบุตรสาวข้าได้! ดังนั้นเจ้าควรเก็บคำเรียกว่าลุงหงเอาไว้ ข้าไม่มีญาติเช่นเจ้า!”


 


 


หลิงเฉินหน้าถอดสีจนซีดเผือดขณะที่กัดฟันพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าเมืองหง…หลิง ท่านตั้งใจจะปกป้องอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ”


 


 


“ฮึ่ม แค่ความข้างเดียวจากนาง เจ้าก็ตัดสินว่าอวิ๋นลั่วเฟิงย่ำยีนางแล้วงั้นหรือ กลับกัน ข้ากลับคิดว่าสตรีผู้นี้มีแรงจูงใจอะไรลับๆ ที่ไม่สามารถเห็นบุตรสาวข้ามีความสุขได้ ดังนั้นนางก็เลยมาที่นี่เพื่อทำลายการแต่งงานที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตา”


 


 


หงหลวนหันไปมองหงหลิงด้วยสายตาแปลกๆ


 


 


ตามนิสัยของบิดานาง เขาควรจะเข้าข้างหลิงเฉินในสถานการณ์แบบนี้เพราะถึงอย่างไรหลิงเฉินก็เป็นนายน้อยของเมืองอุดร บิดานางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น แล้วเขาจะกล้าตำหนิหลิงเฉินเพื่อนางได้อย่างไร


 


 


ต่อให้เป็นเพราะความสัมพันธ์กับตระกูลจวินก็ยังดูไม่ใช่อยู่ดี เพราะยังไม่มีการยืนยันว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุตรของคุณหนูใหญ่ตระกูลจวินจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาไม่มีทางตัดสินใจทำอะไรที่เขาไม่แน่ใจ


 


 


หรือว่า…ชายคนนี้เปลี่ยนนิสัยแล้ว


 


 


“นายน้อย” น้ำตาของเซี่ยชูไหลอาบแก้มเสียงของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจนทำให้คนต้องรู้สึกเสียใจไปกับนาง


 


 


“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ เป็นความผิดของข้าเอง ถ้าไม่ใช่เพื่อชูเอ๋อร์ ท่านก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ตอนแรกชูเอ๋อร์ตั้งใจจะมาพบอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความหวังดีเพราะอยากจะขอให้เขาอวยพรให้ท่านกับคณหนูหงหลวน แต่ใครจะคิดว่า…ใครจะคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นบุรุษบ้าตัณหา” เซี่ยชูกัดริมฝีปากแล้วเงยหน้ามองหลิงเฉิน “แต่อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นอนาคตเขยของจวนเจ้าเมือง ดังนั้นพวกเราควรไปกันดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการดึงนายน้อยเข้ามาเกี่ยว ชูเอ๋อร์จะอดทนกับความอยุติธรรมนี่เองเจ้าค่ะ”

 

 

 


 

ตอนที่ 1346 ที่สุดของความไร้ยางอาย (4)


 


 


ตอนแรกหลิงเฉินตั้งใจจะออกไปจากจวนเจ้าเมืองเพราะอยู่ที่นี่ไปพวกเขาก็เสียเปรียบ คงไม่เป็นการดีหากพวกเขาต้องปะทะกันที่นี่ แต่เมื่อได้ยินนำเสียงเศร้าโศกของเซี่ยชู หัวใจเขาก็ลุกโชนไปด้วยความโกรธอีกครา


 


 


เขาส่งสายตาไปมองสตรีที่เขารักและเทิดทูนอยู่ชั่วครู่ สตรีที่งดงาม จิตใจดีและให้ความสำคัญกับเขาแล้วตอนนี้เขาจะแสดงท่าทีอ่อนแอต่อหน้านางได้อย่างไร


 


 


ถ้าเขาไม่สามารถดูแลสตรีของเขาได้ เขาก็เป็นได้เแค่บุรุษไร้ค่ามิใช่หรือ


 


 


“ชูเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าแน่!” หลิงเฉินกัดฟัน และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็ตะโกนเข้าไปในห้อง “อวิ๋นลั่วเฟิง ออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”


 


 


หลังจากเขาพูดจบ ชายหนุ่มสวมอาภรณ์ขาวก็เดินออกมาจากห้อง ชุดคลุมสีขาวราวหิมะยิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาไร้ที่ติเหมือนกับเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ที่อยู่เหนือผู้คน


 


 


“ผู้ใดเห่าอยู่ข้างนอกกัน”


 


 


ผู้ใดเห่าอยู่ข้างนอกงั้นหรือ


 


 


เสียงของชายหนุ่มไม่ได้ดังแต่กลับแสดงความเฉยชา ทุกคนสัมผัสได้ถึงความยโสในน้ำเสียงเขา


 


 


เห่าหมายถึงอะไรงั้นหรือ มีแต่สุนัขเท่านั้นที่เห่า เจ้าคนเลวน่ารังเกียจนี่ด่าว่าเขาเป็นสุนัขงั้นหรือ


 


 


หลิงเฉินกำหมัดแน่น “อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ากล้าย่ำยีสตรีของข้าได้อย่างไร! กล้าดีเหลือเกิน วันนี้ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้ทั้งนั้น!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วส่งสายตาไปที่สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงเฉินด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ “เจ้าคิดว่าทุกคนจะมีรสนิยมสามัญเหมือนเจ้าหรือ”


 


 


“เจ้า…” หลิงเฉินโกรธจนตัวสั่น


 


 


ไอ้ระยำน่ารังเกียจนี่กล่าวว่ารสนิยมของเขาธรรมดาเกินไป และมันก็ไม่มีทางชื่นชอบสตรีแบบเซี่ยชูงั้นหรือ


 


 


“นายน้อยอวิ๋น” หงหลิงขมวดคิ้วแล้วหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “ท่านจะช่วยอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรือไม่


 


 


“ก่อนหน้านี้นางโผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญแล้วบอกข้าว่าหงหลวนเดินจับมือเล่นอยู่กับหลิงเฉิน อีกทั้งยังกล่าวว่านางต้องการใช้เวลาช่วงค่ำคืนกับข้า หลังจากนั้น…ข้าก็เตะนางออกไป แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงฉีกทิ้งเสื้อผ้าตัวเองแล้ววิ่งออกมา” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างเฉยชา


 


 


หงหลวนเบิกตากว้างแล้วตะโกนด่าอย่างเดือดดาล “ข้าไปเดินจับมือเล่นกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เจ้าโกหกอย่างหน้าไม่อาย!”


 


 


“ท่านพูดไร้สาระอะไร!” ตอนที่หงหลวนตะโกนด่านางอย่างโกรธเคือง เซี่ยชูก็เอ่ยปาก


 


 


ร่างของนางสั่นเทิ้มด้วยความโมโหแล้วจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างโกรธเคือง “เห็นชัดๆ ว่าเสื้อผ้าข้าถูกท่านกระชาก บุรุษมากตัณหาแบบท่านไม่เหมาะกับคุณหนูหงหลวน! นางต้องถูกท่านหลอกลวงให้ยอมรับท่านแน่!”


 


 


ต้องยอมรับว่าเซี่ยชูวางแผนมาดี นางรู้ดีว่านางต้องพูดอย่างไรให้จวนเจ้าเมืองอยู่ข้างนาง


 


 


อย่างเช่นคำพูดที่นางเพิ่งเอ่ยไปก็ไม่ได้ทำให้หงหลวนอับอายแม้แต่น้อย แต่กลับกล่าวหาว่าอวิ๋นลั่วเฟิงหลอกลวงหงหลวน ดังนั้นคนในจวนเจ้าเมืองต้องร่วมมือกับนางเพื่อจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงแน่นอน!


 


 


เป็นอย่างที่คาด ทุกคนในจวนยกเว้นหงหลิงและหงหลวนจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความโกรธเหมือนว่านางได้ลงมือทำเรื่องที่พระเจ้าโมโหและผู้คนไม่พอใจ


 


 


“พรืด!” หงหลวนไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะต่อไปได้และระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “หลิงเฉิน ก่อนหน้านี้สาวใช้ได้มาแจ้งข้าว่าเซี่ยชูแอบเข้ามาในห้องอวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงไม่หยุดนาง”


 


 


สายทุกคนย้ายไปที่หงหลวนด้วยความสับสนแม้แต่หงหลิงเองก็ด้วย เขารู้จักนิสัยของบุตรสาวตัวเองดีว่านางโมโหร้ายขนาดไหน ถ้านางรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าไม่ต้องรีบพุ่งไปแน่นอน หรือว่านางตั้งใจจะทดสอบอวิ๋นลั่วเฟิง แต่ดูจากสีหน้าของนางก็ดูไม่เหมือนแบบนั้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1347 ที่สุดของความไร้ยางอาย (5)


 


 


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” สีหน้าของหลิงเฉินเหมือนดูราวกับแข็งค้างไปขณะถาม


 


 


หงหลวนกดรอยยิ้มลึกขึ้น “นั่นเป็นเพราะว่าข้าอยากรู้ว่าเซี่ยชูตั้งใจจะทำอะไร! ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินนางสูงเกินไป ใครจะคิดเล่าว่านางจะเล่นบทเด็กเล่นเช่นนี้ นางเหมาะกับคำๆ นี้จริงๆ ช่างเป็นที่สุดของความไร้ยางอาย!”


 


 


“หงหลวน เจ้าไม่เห็นหรือว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนรังแกชูเอ๋อร์”


 


 


สีหน้าของหลิงเฉินยิ่งดูไม่ได้ เรื่องนี้เห็นกันชัดเจนว่าเซี่ยชูถูกเอาเปรียบ แต่หงหลวนก็ยังคงยืนหยัดเชื่อบุรุษผู้นี้งั้นหรือ


 


 


หงหลวนไม่สนใจหลิงเฉินแล้วเดินไปยืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิง นางพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “อวิ๋นลั่วเฟิงขอบคุณมากที่เจ้าช่วยข้า ตอนนี้ท่านพ่อข้าคงไม่บังคับให้ข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้ว พวกเราบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว”


 


 


นี่…นางหมายความว่าอย่างไร


 


 


ทุกคนกะพริบตาด้วยความตะลึง หงหลวนหมายความว่าอย่างไรที่ว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว


 


 


ตอนที่ทุกคนกำลังสับสน หงหลวนก็ยกมือขึ้นแล้วดึงสายรัดผมของอวิ๋นลั่วเฟิงออก


 


 


เส้นผมทั้งหมดของนางสยายออก บดบังความงดงามที่มีอำนาจทำลายล้างเอาไว้


 


 


จากนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็หยิบน้ำยาสมุนไพรขึ้นมาดื่มแล้วกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อจัดการลำคอของนาง ลูกกระเดือกของนางค่อยๆ หายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน…


 


 


บรรยากาศเงียบสนิทเหมือนไร้สิ่งมีชีวิต!


 


 


ไม่มีใครเอ่ยอะไรนอกจากเอาแต่จ้องอวิ๋นลัวเฟิงตาไม่กะพริบ


 


 


ลูกกระเดือกของนาง…หายไป?


 


 


ชายหนุ่มคนนี้แท้จริงแล้วเป็นสตรีงั้นหรือ


 


 


“หงหลวน งานของข้าเสร็จสิ้นแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็จัดการที่เหลือเองเถอะ” เสียงของนางไม่ได้ต่ำและแหบเหมือนก่อนหน้านี้แต่กลายเป็นน้ำเสียงไพเราะของสตรีแทน


 


 


หลิงเฉินพูดไม่ออก


 


 


สีหน้าของเซี่ยชูซีดเผือดแล้วเหงื่อเย็นๆ จากไหนไม่รู้ก็ผุดไหลเต็มหน้าผากนาง นางยืนอยู่หน้าหลิงเฉินขณะจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่สามารถฟื้นคืนสติได้แม้เวลาจะผ่านไปนาน…


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าเป็นสตรีงั้นหรือ” คนแรกที่ได้สติกลับมาคือหงหลิง


 


 


ในความวาดฝันของเขา เขาไม่เคยคิดว่าบุตรเขยของเขา แท้จริงแล้วจะเป็นอิสตรี!


 


 


“ท่านพ่อ ท่านพยายามบังคับให้ข้าแต่งงาน แต่ข้าไม่อยากแต่ง ดังนั้นข้าจึงขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงปลอมตัวเป็นบรุษเพื่อแสดงเป็นคนรักของข้า” หงหลวนเลิกคิ้วเล็กน้อย “โชคดีที่ท่านยอมให้ข้าตัดสินใจเรื่องการแต่งงานเอง ดังนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องปลอมตัวอีกต่อไป!”


 


 


หงหลิงสูดหายใจลึก สีหน้าของเขาดูกระอักกระอ่วน โชคดีที่เขายังไม่ได้แจ้งตระกูลจวิน ไม่เช่นนั้นผู้นำตระกูลจวินจะตามหาครอบครัวเขาเจอได้อย่างไรในเมื่อหลานชายของเขากลายเป็นหลานสาว


 


 


“เซี่ยชู” หงหลวนหันไปยิ้มให้เซี่ยชู “ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วว่าเหตุใดข้าถึงมิได้ขัดขวางเจ้าไม่ให้เข้าไปในห้องอวิ๋นลั่วเฟิง ข้าอยากจะรู้ยิ่งนักว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!”


 


 


“ชูเอ๋อร์!”


 


 


เมื่อหลิงเฉินได้ยินสิ่งที่นางพูดก็ตอบสนองด้วยการผลักเซี่ยชูออกจากอกแล้วถามนางด้วยใบหน้าซีดขาว “เจ้าอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่”


 


 


ริมฝีปากของเซี่ยชูสั่น แล้วใบหนานางก็ปรากฏความสิ้นหวัง ไม่ว่านางจะจินตนาการถึงฉากใดๆ ก็ไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นสตรี!


 


 


“หงหลวน” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหน้ามาหา “จวนเจ้าเมืองมีแพทย์สักคนหรือไม่”


 


 


หงหลวนเข้าใจความหมายของอวิ๋นลั่วเฟิงก็รีบถามหงหลิงทันที “ท่านพ่อ ได้โปรดหาแพทย์มาตรวจร่างกายเซี่ยชูหน่อยเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงเฉินเอ๋ย เจ้าคิดว่าเซี่ยชูทั้งอ่อนโยนและใจดีก็เลยรู้สึกผิดเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในอดีตเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าจะกระชากหน้ากากแสดงตัวตนที่แท้จริงของนางให้เจ้าเห็นกับตาเอง!

 

 

 


 

 

  

ตอนที่ 1348 ที่สุดของความไร้ยางอาย (6)


 


 


เจ้าโชคร้ายแล้วที่ข้าเป็นคนใจแคบ!


 


 


ถึงแม้ว่าหงหลิงจะไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนมีเป้าหมายอะไรแต่เขาก็ส่งคนไปเชิญแพทย์มา ไม่นานแพทย์ที่ทั้งศีรษะเปลี่ยนสีดอกเลาแล้วก็เดินเข้ามาหาหงหลิง


 


 


“ตรวจร่างกายนาง” หงหลิงโบกมือสั่ง


 


 


“ทราบแล้วขอรับ ท่านเจ้าเมือง” ชายชรากำหมัดแสดงความเคารพแล้วเดินไปหาเซี่ยชู


 


 


“ไม่ ข้าไม่ต้องการ!” เมื่อเห็นชายชราเดินเข้ามาหานางสีหน้าของเซี่ยชูก็เปลี่ยนไปอย่างแรงแล้วนางก็ก้าวถอยหลังทีละก้าว “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!”


 


 


หงหลวนมองเซี่ยชูแล้วเผยรอยยิ้มกว้าง “ข้าได้ยินว่าเจ้าแท้งจนทำให้ร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นข้าก็เลยเชิญแพทย์มาตรวจเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงต้องทำท่าทางแบบนี้ด้วยเล่า หรือว่าเจ้ามีความลับอะไรหรือเปล่า”


 


 


ตอนนั้นเองที่เซี่ยชูเข้าใจว่าทั้งชีวิตนี้นางไม่มีทางเป็นคู่แข่งกับหงหลวนได้! เมื่อเห็นชายชราเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นางก็ตื่นตระหนก เสื้อผ้าของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่สีหน้าของนางสิ้นหวัง


 


 


ไม่ว่าหลิงเฉินจะโง่ขนาดไหน ตอนนี้เขาก็สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาไม่มีร่องรอยความอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้ให้เห็นอีก


 


 


“เซี่ยชู ให้เขาตรวจร่างกายเจ้า!”


 


 


เซี่ยชูตัวสั่นสะท้าน


 


 


ตอนนั้นเองชายชราก็ยื่นมือมาจับข้อมือเซี่ยชู หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพูดว่า “เด็กสมัยนี้กล้ากินทุกอย่างแบบไม่ระมัดระวังเลย ถึงกับกล้ากินสมุนไพรอย่างดอกหลัวจั้งอย่างไม่รอบคอบขนาดนี้!”


 


 


“ดอกหลัวจั้ง?” ร่างกายของหลิงเฉินชะงัก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แพทย์แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อสมุนไพรดอกหลัวจั้งมาก่อน


 


 


ตามรายงานแล้ว สมุนไพรชนิดนี้มีผลเพียงอย่างเดียวคือทำให้คนที่สุขภาพแข็งแรงดูเหมือนคนป่วย! เพราะว่าสมุนไพรชนิดนี้ไม่มีผลประโยชน์ทางการรักษา ทำให้ร้านขายสมุนไพรไม่ค่อยมีสมุนไพรชนิดนี้ขาย เพียงแต่คนที่กินดอกหลัวจั้งบ่อยๆ ก็จะสร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่กับร่างกาย นั่นคือทำให้อ่อนแอและบอบบาง! เหมือนอย่างที่ชายชราบอก


 


 


“นายน้อยเจ้าคะ”


 


 


ใบหน้าของเซี่ยชูปรากฏร่องรอยความวิตกกังวล นางรีบดึงมือข้างหนึ่งของหลิงเฉินแล้วพูดว่า “นายน้อยเจ้าคะ ได้โปรดฟังข้าก่อน สิ่งที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อ…”


 


 


ปัง!


 


 


หลิงเฉินสะบัดมือเซี่ยชูออกอย่างแรงทำให้นางกระเด็นออกไปสองสามก้าวก่อนร่วงลงกับพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือดเหมืนเจอภูตผี


 


 


หลิงเฉินคำราม “เซี่ยชู เจ้าหลอกลวงขามาตลอดเลยหรือ ไม่แปลกใจที่โรคเก่าเจ้าจะกำเริบทุกครั้งที่ข้ามาหาหงหลวน เพราะรู้สึกผิด ข้าก็เลยกลับไปอยู่ข้างเจ้าเสมอทุกครั้ง สุดท้ายกลายเป็นว่าทั้งหมดเป็นแค่การแสดง!”


 


 


หัวใจของหลิงเฉินรู้สึกเหมือนโดนเข็มนับล้านทิ่มแทงจนเจ็บปวดอย่างที่สุด


 


 


คนที่เขารักหมดทั้งหัวใจเป็นแค่สตรีมากเล่ห์ที่ยอมทิ้งสุขภาพตัวเองเพื่อให้ได้ตัวเขา อีกอย่าง…นางยังพยายามยั่วยวนอวิ๋นลั่วเฟิงอีก ทว่าเมื่อถูกปฏิเสธก็พยายามจะใส่ร้ายนาง! ในใจของเขา สตรีแบบเซี่ยชูเป็นคนบริสุทธิ์และซื่อตรงได้อย่างไร


 


 


“นายน้อยเจ้าคะ”


 


 


น้ำเสียงของเซี่ยชูสั่นด้วยแรงอารมณ์ “ทุกอย่างที่ข้าทำไปก็เพราะรักท่านนะเจ้าคะ”


 


 


“เจ้าน่ะหรือรักข้า ฮ่าๆ!” หลิงเฉินระเบิดหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดูบ้าคลั่ง เขาเดินโซเซแล้วพูดด้วยท่าทีเจ็บปวดว่า “ข้าสงสัยจริงๆ ว่ามีความจริงอะไรอยู่ในสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าบ้าง! สองสามวันก่อนเจ้าพึ่งบอกว่าหัวใจของเจ้าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแม้ว่าเจ้าจะเจอคนที่ดีกว่า แต่เมื่อเจ้าเห็นใบหน้างดงามสูงส่งดุจเทพเซียนของอวิ๋นลั่วเฟิงเจ้าก็พยายามจะยั่วยวนนาง นี่น่ะหรือคือคำสัญญาที่เจ้าให้กับข้า”


 


 


“ข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้…” ดวงตาของเชี่ยชูเต็มไปด้วยน้ำตาขณะที่นางส่ายศีรษะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1349 ที่สุดของความไร้ยางอาย (7)


 


 


“เจ้าจะบอกว่าไม่เคยยั่วยวนนางหรือจะบอกเป็นต่างหากที่ยั่วยวนเจ้า หากอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่สตรี บางทีข้าอาจจะยอมเชื่อเจ้าก็ได้”


 


 


เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นสตรี นั่นจึงทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วเซี่ยชูเป็นสตรีที่น่ากลัวขนาดไหน!


 


 


เซี่ยชูเอามือปิดใบหน้าแล้วร้องไห้ นางเข้าใจว่าหลิงเฉินกำลังจะทิ้งนางแล้ว การที่จะได้แต่งเข้าเมืองอุดรก็กลายเป็นฝันที่ไม่มีทางเป็นจริงแล้ว!


 


 


“หลวนเอ๋อร์…” หลิงเฉินเงยหน้ามองหงหลวน เขาอึดอัดหายใจไม่ออกจากความรู้ผิดในใจเขาตอนนี้ “ข้ารู้ถึงความผิดตัวเองแล้ว เจ้าจะให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่”


 


 


“ไม่มีทาง!” หงหลวนปฏิเสธโดยไม่เหลือพื้นที่ให้เขาเอ่ยอะไร


 


 


“ไม่ เจ้าไม่ใช่คนที่ใจร้าย ข้ารู้ว่าการปฏิเสธของเจ้าก่อนหน้านี้ก็เพราะความผิดหวัง!” ในใจของหลิงเฉินปรากฏความหวังสุดท้าย “ไม่ใช่ว่าคนที่เคยกระดูกหักเมื่อหายแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นหรอกหรือ ในเมื่อข้ารู้ความผิดของตัวเองแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้โอกาสข้า”


 


 


หงหลวนกอดอกแล้วมองหลิงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตารูปหงส์ทรงอำนาจของนางเผยแววดูถูก


 


 


“เจ้ามีความสัมพันธ์กับเซี่ยชูแล้ว ร่างกายก็เต็มไปด้วยเชื้อโรค… เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าจะยอมรับเจ้า ขอโทษด้วยนะ แต่ข้า หงหลวน จะไม่มีทางยอมรับคนบาปเด็ดขาด! สำหรับข้า ความผิดที่เจ้าทำไปแล้วไม่มีทางลบล้างได้ ดังนั้นเจ้าไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”


 


 


คำพูดโหดร้ายของหญิงสาวทำให้หลิงเฉินตัวแข็งแล้วแสดงออกถึงความเสียใจ เขาไม่มีแรงที่จะทรงตัวอยู่ได้จนทรุดตัวลงที่พื้น


 


 


“ข้าเหนื่อยแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงบิดขี้เกียจ “ข้าจะไปพักผ่อนก่อน หากไม่มีอะไรสำคัญไม่ต้องรบกวนข้านะ” พูดจบนางก็ปิดประตูเสียงดังปัง ตอนนี้หงหลวนสามารถจัดการสถานการณ์นี้เองได้แล้วดังนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ


 


 


“ทุกคน เชิญหลิงเฉินออกไปจากจวนได้!” หงหลิงกัดฟันพูด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จวนเจ้าเมืองจะไม่ต้อนรับเขาอีกแล้ว! แล้วใครก็ตามที่วันนี้ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาต้องถูกจับกุมและลงโทษตามกฏ!”


 


 


เมื่อออกคำสั่งแล้ว หงหลิงก็หันมามองบุตรสาวตัวเองแล้วพูดว่า “ตามข้ามา ข้ามีบางอย่างจะบอกเจ้า”


 


 


หงหลวนขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ เดินตามหลังหงหลิงไป


 


 



 


 


ภายในห้อง ทั้งหงหลิงและหงหลวนไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ทำให้บรรยากาศดูเคร่งเครียดและกดดัน


 


 


“หลวนเอ๋อร์” สุดท้ายหงหลิงก็ทนต่อไปไหวแล้วพูดก่อน “ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าโทษข้าที่หยิ่งทะนงจนทำให้มารดาเจ้าตาย”


 


 


หงหลวนส่งเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ดีที่ท่านรับรู้”


 


 


เรื่องนี้เป็นหนามทิ่มต่ำหัวใจนางมาหลายปีแล้วก็ไม่ได้บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย


 


 


“แต่ว่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดถึงไม่มีทายาทคนอื่นในจวนเจ้าเมืองนอกจากเจ้า”


 


 


“เป็นเพราะกรรมตามสนองยังไงล่ะ!”


 


 


ถึงแม้ว่าตอนนี้หงหลิงจะไม่ได้อยู่ข้างหลิงเฉินแต่ก็ยังไม่สามารถลบล้างอคติที่นางมีต่อเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา มารดานางก็คงไม่พยายามฝืนผ่านด่านเพื่อพิสูจน์ตัวเองแล้วก็จิตวิญญาณก็คงไม่ระเบิดจนตาย


 


 


ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับอำนาจจนทำให้เขาแต่งอนุเข้ามา


 


 


หงหลิงไม่ได้โกรธแต่กลับส่ายหน้าแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น “นั่นเป็นเพราะว่าก่อนที่ข้าจะรับอนุ ข้าแอบให้พวกนางกินสมุนไพรที่ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ต่างหาก!”


 


 


หงหลวนเงยหน้ามองหงหลิงอย่างตะลึงด้วยสายตาเหลือเชื่อ


 


 


“ข้ารู้ว่าวิธีการของข้าโหดร้ายและป่าเถื่อนเกินไป แต่ข้าให้ชีวิตหรูหราและฐานะที่สูงส่งดังนั้นข้าไม่มีทางยอมให้พวกนางมีทายาท!” หงหลิงจับไหล่ทั้งสองข้างของหงหลวนแน่น


ตอนที่ 1350 ที่สุดของความไร้ยางอาย (8)


 


 


“ในโลกนี้มีแค่มารดาเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสมจะให้กำเนิดสายเลือดของข้า! ดังนั้นแล้วไม่มีใครมีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่งนอกจากเจ้า!”


 


 


“ถ้าท่านรักท่านแม่จริงๆ ทำไมท่านต้องรับอนุเข้ามามากมายเล่า แม้ท่านแม่จะจากไปแล้ว ท่านก็ไม่คิดจะให้ท่านจากไปอย่างสงบหรือ”


 


 


“หลวนเอ๋อร์ ยังมีเรื่องที่เจ้ายังไม่เข้าใจ” หงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “มารดาเจ้าเสียไปแล้ว และข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้ความพยายามของพวกเราสูญเปล่าไปได้ การรับอนุก็เป็นวิธีที่ทำให้เมืองบูรพามั่นคง หลวนเอ๋อร์ สิ่งที่พ่อทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจ้า!”


 


 


“เพื่อข้างั้นหรือ” หงหลวนหัวเราะ “ท่านพูดว่าการที่รับอนุเข้ามานั้นเพื่อเมืองบูรพาและข้างั้นหรือ ข้าไม่เชื่อถือในวิธีการผูกสัมพันธ์เพื่อสร้างอำนาจ! ข้าเชื่อแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้น ความแข็งแกร่งสามารถเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด! ถ้าพวกเขาทรยศพวกเราก็ไม่เป็นไรที่จะประหารพวกเขา วิธีการของท่านนั้นไม่จำเป็นเลย!”


 


 


“หลวนเอ๋อร์ เจ้าไม่เคยมาอยู่ในจุดเดียวกับพ่อ เจ้าไม่มีทางเข้าใจ! ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สืบทอดจวนเจ้าเมืองบูรพาแล้วอนุทั้งหมดที่ข้าพาเข้ามาก็จะช่วยเจ้า!”


 


 


ถ้าพวกนางมีบุตรเป็นของตัวเอง พวกเขาต้องคิดหาทางเปลี่ยนตำแหน่งหงหลวนแน่นอน แต่เมื่อไม่มีพวกนางก็ต้องปกป้องหงหลวน


 


 


มีแต่ต้องรักษาตัวตนของนางเอาไว้เท่านั้น เมืองบูรพาถึงจะไม่ถูกลืม!


 


 


ตามจริงแล้วเพื่อเมืองบูรพาและหงหลวน หงหลิงได้เสียสละและทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมาย แต่เขาไม่เคยรู้ว่าหงหลวนจะดูถูกสิ่งที่เขาทำมาตลอด


 


 


“ท่านพ่อ ข้ายังคงไม่ยอมรับวิธีการของท่านอยู่ดี ตอนนี้ท่านยังสามารถควบคุมจวนเจ้าเมืองได้อีกหลายปี ระหว่างนั้นข้าจะใช้ความแข็งแกร่งของข้าพิสูจน์ให้ท่านเห็นเอง!” หงหลวนหยุดก่อนพูดต่อ “ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าท่านแม่ไม่ได้ทำผิด!”


 


 


หงหลิงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็หงหลวนหันหลังจากไปโดยไม่ลังเล พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาเขา


 


 


หลังจากออกจากห้องทำงาน หงหลวนก็หันหลังกลับไปมองประตูที่เปิดอ้าอยู่ นางกำหมัดแน่นแล้วแสดงความมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง


 


 


“ท่านพ่อ ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นบิดาที่ดี แต่ท่านไม่ใช่บุรุษที่ดี! ดังนั้นข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าทุกอย่างที่ท่านทำมามันผิดทั้งหมด!” ไม่นานนางก็หันหลังเดินไปอีกทาง ทว่านางไม่ได้มุ่งหน้ากลับห้องของตัวเองแต่ตรงไปที่ห้องของอวิ๋นลั่วเฟิงแทน


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงราวกับล่วงรู้ว่านางจะมาจึงเตรียมถ้วยชาไว้ล่วงหน้าขณะนั่งรอนาง เมื่อหงหลวนมาถึง นางก็ถามอย่างเฉยชาว่า “เจ้ามาแล้วหรือ”


 


 


หงหลวนเงยหน้ามองสตรีตรงหน้านางด้วยสายตามุ่งมั่น


 


 


“เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” นางรู้ว่าหลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงได้ของที่ต้องการนางก็จะออกจากเมืองบูรพา


 


 


“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบด้วยคำคำเดียวแต่ก็ทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหงหลวน


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าพูดถูกแล้ว บุรุษที่รักเจ้าจริงจะนำโลกทั้งใบมาให้เจ้าและบุรุษที่ไม่ได้รักเจ้าจะให้ความสำคัญกับโลกมากกว่าเจ้า การออกเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแแกร่งขึ้น แต่ข้ายังหวังว่าตัวข้าจะเจอ…บุรุษที่ยินดีละทิ้งโลกทั้งใบเพื่อข้า!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจิบชาเล็กน้อยแล้วถามว่า “งานที่ให้เจ้าไปสืบเรื่องชายคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”


 


 


“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าเรื่องการค้นหา พวกเรารู้ที่อยู่จักรพรรดิปีศาจแล้ว แต่คนของข้ายังคงตามหาที่อยู่ที่แน่นอนของเขาอยู่ อีกไม่นานเราน่าจะได้ข่าวเพิ่มเติม!”


 


 


คนของเมืองบูรพาสามารถหาข่าวได้ทั่วแคว้นและด้วยอิทธิพลของจวนเจ้าเมืองก็ยิ่งง่ายที่จะตามหาใครสักคนมากกว่านางลงมือหาเอง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1351 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (1)


 


 


ภายในสวน ชายหนุ่มหล่อเหลายกจอกสุราขึ้นดื่มจนล้นออกมาจากมุมปาก เป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นรอยยิ้มขมขื่นบนหน้าเขา


 


 


“สตรีที่ข้ารักหลอกลวงข้ามาตลอด แล้วสตรีที่รักข้าก็ถูกข้าบังคับผลักไสออกไป! ฮ่าๆ!” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ทำให้สาวใช้ที่ยืนข้างเขาหมดความอดทน


 


 


ตั้งแต่นายน้อยกลับมาที่จวนเจ้าเมืองอุดร เขาก็เอาแต่ดื่มสุราจนเมาหัวราน้ำแล้วไม่สนใจว่าพวกเขาพยายามปลอบใจขนาดนั้น


 


 


“ท่านเจ้าเมือง…”


 


 


ทันใดนั้นดวงตาของสาวใช้ก็เป็นประกายเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ตอนที่นางกำลังจะรายงานการมาของเขา อีกฝ่ายก็หยุดนางเอาไว้ก่อน


 


 


“หลวนเอ๋อร์…” ชายหนุ่มหล่อเหลายังคงกระซิบเรียกชื่อนางเบาๆ โดยไม่เห็นว่ามีบุรุษเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ถ้าข้ายอมรับผิดเจ้าจะให้โอกาสข้าอีกครั้งหรือไม่”


 


 


ร่างสูงใหญ่มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าชายหนุ่ม บดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมาที่ศีรษะเขาจนทำให้หลิงเฉินต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัย หลังจากเห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่ด้านหน้า เขาก็ขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ


 


 


“ท่านพ่อ…เหตุใดท่านจึงมาอยูที่นี่ขอรับ”


 


 


สีหน้าของชายชราดูสง่างามและมีสายตาเข้มงวด “พ่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับหงหลวนแล้ว เฉินเอ๋อร์ ตามพ่อไปขอโทษเดี๋ยวนี้!”


 


 


“ขอโทษ?” หลิงเฉินหัวเราะอย่างขมขื่นด้วยท่าทางสับสน “นางไม่มีทางให้โอกาสลูกหรอกขอรับ” หงหลวนไม่ยอมพบหน้าเขาอีกแล้วในชีวิตนี้!


 


 


“พวกเจ้าไปนำน้ำแกงแก้อาการมึนเมามาให้นายน้อย!” ชายวัยกลางคนออกคำสั่งอย่างเคร่งเครียดแล้วย้ายสายตามาที่หลิงเฉิน สีหน้ายโสของเขาก็อ่อนลง “บางทีเจ้าอาจจะยังมีโอกาสถ้าตามข้าไปขอโทษ”


 


 


โอกาส?


 


 


คำนี้ทำให้สายตาของหลิงเฉินเป็นประกาย เขาก็เงยหน้ามองชายวัยกลางคน “ท่านพ่อ ลูกยังมีโอกาสอยู่หรือขอรับ”


 


 


“ถูกต้อง แต่พ่อจะนำเซี่ยชูไปให้หงหลวนลงโทษเพื่อแสดงความขอโทษ เจ้ายินยอมหรือไม่”


 


 


เมื่อได้ยินชื่อเซี่ยชู หลิงเฉินก็กัดฟันด้วยความโกรธ “สตรีนางนั้นหลอกลวงลูก! ข้าตัดขาดกับนางหมดสิ้นแล้ว ต่อให้ยกนางให้หลวนเอ๋อร์ ข้าก็ไม่สนใจ!”


 


 


นี่คือสิ่งที่บุรุษเป็น เมื่อพวกเขารักเจ้า พวกเขาก็ยินดีจะยกโลกทั้งใบให้เจ้า ทว่าเมื่อพวกเขาหมดรักแล้วเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาอีก


 


 


“ดีมาก!” ชายวัยกลางคนพูดอย่างเย็นชา “หลังจากดื่มน้ำแกงแก้อาการมึนเมาแล้วก็ตามข้ามา พวกเราจะออกเดินทางกัน!”


 


 


ประกายความหวังปรากฏขึ้นในดวงตาที่เคยเศร้าโศกของหลิงเฉิน ถึงแม้หงหลวนจะปฏิเสธเขาอีกครั้งนางก็ยังต้องไว้หน้าบิดาเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็อาจจะมีโอกาส…


 


 



 


 


เมืองบูรพา ณ จวนเจ้าเมือง


 


 


ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ในภาวะฝึกพลังฌานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นางเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ แล้วพูดว่า “เข้ามา”


 


 


ประตูถูกเปิดออก แล้วบุรุษที่สวมเสื้อจากไหมทองคำก๋เดินเข้ามา เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่บนเตียง หงหลิงก็แสดงท่าทีเขินอาย


 


 


“แค่กๆ” เขากระแอมแล้วพูดว่า “แม่นางอวิ๋น ข้าอยากรู้ว่าเจ้าพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่”


 


 


“มีอะไรหรือเจ้าคะ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง


 


 


“ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย” ชายวัยกลางคนมองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดต่อ “แน่นอนว่าข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วยเปล่าๆ ข้าได้ยินว่าแม่นางอวิ๋นเป็นแพทย์ ตราบใดที่แม่นางอวิ๋นยินดีช่วย เจ้าสามารถเอาสมุนไพรอะไรก็ได้ในจวนเจ้าเมืองไป”


ตอนที่ 1352 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (2)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมีความสามารถในการระบุอาการของเซี่ยชู นั่นก็หมายความว่านางเป็นแพทย์และของที่ทำให้แพทย์สนใจมากที่สุดก็คือสมุนไพร


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปสักพัก “ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไร”


 


 


“คือ…” หงหลิงแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน “ข้ารู้ว่าหลวนเอ๋อร์ตัดสินใจจะติดตามเจ้าออกไป! ข้าขอร้องให้เจ้าดูแลหลวนเอ๋อร์แทนข้าหน่อย เด็กคนนี้อารมณ์หุนหันพลันและไม่ยอมปิดตากับอะไรก็ตาม แล้วตอนนางออกไป ข้าจะไม่กังวลเรื่องนางได้อย่างไร”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องหน้าหงหลิงตาไม่กะพริบ ไม่นานนางก็พูดขึ้น “ข้าจะไม่เอาสมุนไพรของท่าน”


 


 


“แม่นางอวิ๋น!”


 


 


สีหน้าของหงหลิงเปลี่ยนไปและต้องการจะโน้มน้าวนางต่อ แต่หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจืดชืดเหมือนค้อนทุบลงในหัวใจของเขา


 


 


“ท่านต้องเชื่อในตัวหงหลวน ด้วยความแข็งแกร่งของนาง นางไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยเหลือ!”


 


 


ท่านต้องเชื่อในตัวหงหลวน…


 


 


ตอนนั้นเอง หงหลิงก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว จิตใจของเขาสงบและเจิดจ้า


 


 


“แม่นางอวิ๋น ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว หลวนเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของข้า ดังนั้นข้าต้องเชื่อในความสามารถของนาง” หงหลิงประสานหมัดเคารพ “ขอบคุณเจ้ามาก” พูดจบเขาก็หันหลังจากไป


 


 


หลังจากหงหลิงออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็กลับไปฝึกพลังฌานอีกครั้ง นางรู้สึกดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเส้นกั้นบางๆ ที่จะผ่านด่านอีกครั้ง นางรีบเข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนทันที


 


 


ตลอดเวลาที่ความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงเพิ่มขึ้น สมุนไพรในมิติคัมภีร์เซียนก็เติบโตขึ้นหลายครั้งขณะที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส


 


 


“ยินดีด้วยนายหญิง ท่านกำลังจะผ่านด่านเลื่อนระดับอีกครั้งแล้ว” เสี่ยวโม่มองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วยิ้มยินดีให้นางอย่างจริงใจ


 


 


“เสี่ยวโม่ ตอนนี้ข้ากำลังจะผ่านด่าน ป้องกันไม่ให้ใครรบกวนข้าด้วย!” พูดจบนางก็นั่งขัดสมาธิขณะที่พลังฌานล้อมรอบตัวนาง


 


 


ตูม!


 


 


แรงมหาศาลผลักดันที่กั้นบางๆ ในร่างกายนาง ถึงแม้ว่าที่กั้นนี้จะบางเหมือนกระดาษแต่มันก็ยากที่ทะลุไปได้ ทุกครั้งที่อวิ๋นลั่วเฟิงใช้พลังดันที่กั้นก็สั่นไหวเล็กน้อย


 


 


“พังลงซะ!” อวิ๋นลั่วเฟิงตะโกนอย่างเย็นชาแล้วพลังฌานในร่างก็เปลี่ยนเป็นพลังผลักดันชั้นกั้นบางๆ


 


 


พลังฌานหมุนวนไปทั่วท้องฟ้า บางทีเพราะการที่พลังฌานมากเกินไปทำให้พลังที่หมุนวนอยู่บนฟ้าดูน่าตื่นตาตื่นใจ โชคไม่ดีที่อวิ๋นลั่วเฟิงต้องผ่านด่านภายในมิติคัมภีร์เซียนดังนั้นนอกจากสัตว์อสูรวิญญาณแล้วก็ไม่สิ่งอื่นเห็นปรากฏการณ์นี้


 


 


ตูม!


 


 


ตูม ตูม ตูม!


 


 


เสียงฟ้าและอัสนีก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าทำให้เกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะฟาดลงมา


 


 


สีหน้าของเสี่ยวโม่ดูวิตก เขากำมือแน่นแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงตาไม่กะพริบอย่างเป็นกังวล “นายหญิงต้องสำเร็จแน่! นางไม่มีทางล้มเหลว!”


 


 


หั่วหั่วยืนอยู่ตรงข้ามเสี่ยวโม่ นางไม่ได้เอ่ยอะไรและดวงตาโตสดใสของนางก็จ้องอวิ๋นลั่วเฟิงโดยไม่กะพริบตา สีหน้าของนางแสดงความเชื่อใจเหมือนว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะทำไม่สำเร็จ


 


 


“คิกๆ” เสี่ยวซู่ยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ เขาโบกแขนไปมาด้วยตั้งใจจะไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


โชคดีที่หั่วหั่วดึงเขาไว้ทันแล้วพูดเบาๆ “อย่ารบกวนการผ่านด่านของนายหญิง”


 


 


เสี่ยวซู่ทำปากขมุบขมิบอย่างไม่พอใจ “หนูอยากให้แม่จ๋ากอด กอด” จากนั้น…


 


 


เสี่ยวซู่ดิ้นออกจากอ้อมกอดของหั่วหั่วแล้วเดินโซเซไปอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


เขาค่อยๆ อ้าปากแล้วทันใดนั้นพลังฌานที่หมุนวนอยู่ด้านบนศีรษะอวิ๋นลั่วเฟิงก็ถูกดูดเขาไปในปากเขา


 


 


ตูม!


 


 


ในที่สุดอวิ๋นลั่วเฟิงก็ผ่านด่านเลื่อนเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1353 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (3)


 


 


“ในที่สุดข้าก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ!”


 


 


เมื่อผ่านด่านเป็นขั้นราชันปราชญ์แล้วเท่านั้น นางถึงจะถูกจัดว่าก้าวเข้าสู่โลกของยอดฝีมืออย่างแท้จริง


 


 


“เสี่ยวซู่ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงสังเกตเห็นเด็กตัวอวบอ้วนยืนอยู่ข้างนาง นางมองเขาอย่างตกใจ “เจ้าดูเหมือนจะโตขึ้นเยอะเลยนะ”


 


 


เสี่ยวซู่ส่งเสียงเรอออกมาอย่างมีความสุขแล้วรีบพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาเผยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขา “ท่านแม่ ข้ากินอิ่มแล้ว ข้าปวดฉี่”


 


 


สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้ม “ให้เสี่ยวโม่พาเจ้าไปแล้วกัน”


 


 


พูดจบนางก็เงยหน้าขึ้นเห็นร่างของเสี่ยวโม่ถูกรัศมีบางอย่างบดบังขณะที่ร่างกายเขาค่อยๆ โตขึ้น


 


 


“เสี่ยวโม่” อวิ๋นลั่วเฟิงมองด้วยสายตาว่างเปล่า นางปล่อยเสี่ยวซู่จากอ้อมกอดแล้วเดินเข้าไปหาเสี่ยวโม่ช้าๆ


 


 


ทันใดนั้นรัศมีรอบตัวเสี่ยวโม่ก็หายไป แล้วร่างที่แต่เดิมเป็นเด็กชายวัยหกเจ็ดปีก็หายไปก่อนปรากฏเป็นร่างสูงของชายหนุ่มหล่อเหลาที่ดูเยาว์วัยและไร้ประสบการณ์ ชายหนุ่มเส้นผมดกดำเงางามแย้มยิ้มไร้เดียงสา เขาก้มมองนิ้วเรียวยาวของตัวเองด้วยสายตามีความสุข


 


 


“เจ้าคือเสี่ยวโม่งั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามอย่างงุนงงเหมือนไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าคือเด็กชายที่น่าเอ็นดูและคอยสร้างปัญหาให้นาง แต่กลิ่นอายของชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นของเสี่ยวโม่แน่ๆ


 


 


“นายหญิง” ชายหนุ่มมองอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าอธิบายเรื่องนี้ได้ ก่อนที่นายหญิงจะผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นราชันปราชญ์ ข้าใช้ได้เพียงแต่ร่างของเด็กเพื่อพบท่านเท่านั้นและไม่สามารถช่วยท่านต่อสู้ได้ ยิ่งกว่านั้นข้ายังไม่สามารถอยู่ในโลกภายนอกได้นาน”


 


 


“แต่ว่า…” เด็กหนุ่มหยุดก่อนพูดต่อ “เมื่อท่านผ่านด่านสู่ขั้นราชันเซียน ตัวข้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่ร่างกายที่เปลี่ยนไป แต่ที่สำคัญข้าสามารถอยู่ข้างท่านได้ตลอดไปแล้วยังร่วมต่อสู้กับท่านได้ด้วย!”


 


 


“โอ้…” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางแล้วเลิกคิ้วพร้อมยิ้มบาง “ทำไมข้าถึงคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าคือจะได้แต่งงานกับเสี่ยวไป๋เล่า”


 


 


“นายหญิง!” เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจเหมือนว่าโดยทารุณจากความอับอาย


 


 


“นายหญิง ดูนั่นเจ้าค่ะ!” ทันใดนั้นเสียงของหั่วหั่วก็ดังขึ้นทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าไปมอง


 


 


เด็กสาวน่ารักน่าเอ็นดูที่ตอนแรกนอนอยู่บนพื้นหญ้าข้างหน้าพวกตาตอนนี้เด็กสาวที่ควรจะหลับใหลไม่ได้สติกลับเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างงุนงงเหมือนแกะที่หลงทาง


 


 


“เสี่ยวโม่ เจ้าตื่นแล้วหรือ” สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงเปลี่ยนไปทันที สายตาของนางไม่ได้แสดงความดีใจเลยแม้แต่น้อย “เป็นไปไม่ได้ วิญญาณของเสี่ยวไป๋ยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์แล้วพวกเรายังไม่รู้ที่อยู่ของผลไม้วิญญาณเลย เหตุใดอนนี้นางถึงตื่นแล้ว เสี่ยวโม่อะไรที่ทำให้นางได้สติก่อนเวลา”


 


 


ก่อนหน้านี้อวิ๋นลั่วเฟิงฝังเข็มเพื่อผนึกจิตวิญญาณของเด็กสาวแล้วทำไมตอนนี้นางถึงได้สติกลับมา


 


 


สีหน้าของเสี่ยวโม่ดูไม่ได้เหมือนกัน “เหตุผลที่ตื่นก่อนเวลาคือ…ปัญหาที่ไม่สมบูรณ์!”


 


 


“อะไรที่ทำให้เกิดขึ้น”


 


 


“ข้าไม่แน่ใจ! แต่ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็นเพราะการผ่านด่านของท่านทำให้เกิดการรบกวนรุนแรง ส่งผลต่อสติของนาง ทำให้นางฟื้นขึ้นมา!”


 


 


พายุพลังฌานจากการผ่านด่านเลื่อนขั้นราชันเซียนรุนแรงเกินไป ขนาดเสี่ยวซู่ยังอดไม่ได้ที่จะซึมซับพลังฌานที่เกินมาเพื่อไม่ให้เสียเปล่า ดังนั้นการที่เสี่ยวไป๋จะได้รับผลกระทบก็ไม่แปลกอะไร


 


 


“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อน”


ตอนที่ 1354 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (4)  


 


 


“ข้าลืม…” เสี่ยวโม่ลืมจริงๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดมากเมื่อคิดว่าเขาลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไป! 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแล้วเดินไปหาเสี่ยวไป๋ นางย่อตัวลงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” 


 


 


เด็กสาวมองหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วถาม “ท่านเป็นใคร” 


 


 


ท่านเป็นใครงั้นหรือ 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นแล้วหันไปหาเสี่ยวโม่ “นางสูญเสียความทรงจำงั้นหรือ” 


 


 


“ตอนแรกข้าบอกแล้วว่าวิญญาณของนางยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ แล้วการตื่นก่อนเวลาก็ยิ่งทำให้สติปัญญาไม่สมบูรณ์ ก็เลย…ทำให้นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมด” เสี่ยวโม่ก้มหน้าด้วยความละอายใจ 


 


 


ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เสี่ยวไป๋ก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาก่อนเวลาอันสมควร 


 


 


“แล้วพวกเราจะแก้ไขได้อย่างไร” อวิ๋นลั่วเฟิงถามอย่างใจเย็น 


 


 


“ต้องได้ผลไม้วิญญาณลูกที่สามมา!” 


 


 


ผลไม้วิญญาณลูกที่สามงั้นหรือ ดูเหมือนว่า…นางต้องออกจากเมืองบูรพาก่อนกำหนดแล้ว! 


 


 


“เสี่ยวโม่ ในเมื่อเสี่ยวไป๋ฟื้นแล้ว มิติคัมภีร์ก็คงไม่ยอมให้นางอยู่ที่นี่อีก ดังนั้นข้ามอบหมายให้เจ้าออกไปดูแลเสี่ยวไป๋ด้วย” 


 


 


“อะไรนะ” เสี่ยวโม่ตะโกนอย่างวิตก “ท่าานต้องการให้ข้าดูแลเด็กปีศาจนี่หรือ” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลื่อนสายตามาหาเขา ทำให้เสี่ยวโม่ตกใจจนตัวแข็ง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นเยียบแล้วจำใจพูดอย่างไม่พอใจ “ก็ได้ ข้าจะดูแลนางเอง…เป็นความผิดข้าเองที่ทำให้นางได้สติก่อนเวลา ดังนั้นข้าจะดูแลเป็นการชดเชย” 


 


 


เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินคำพูดเขา นางก็ก้มหน้ามองเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้านาง “เสี่ยวไป๋ เจ้าต้องจำข้าให้ได้ ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า!” 


 


 


“อาจารย์?” เด็กสาวเบิกตากวางแล้วกะพริบตาปริบๆ “ท่านเป็นอาจรย์ของข้า แล้วข้าก็ชื่อเสี่ยวไป๋งั้นหรือ” 


 


 


“ถูกต้อง เจ้าชื่อหลินรั่วไป๋!” 


 


 


หลินรั่วไป๋… 


 


 


เด็กสาวพึมพำเรียกชื่อชื่อตัวเองเบาๆ แล้วก็เผยรอยยิ้มสดใสกว่าแสงดวงอาทิตย์ ทำให้นางดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา 


 


 


“เข้าใจแล้ว ข้ามีชื่อว่า…หลินรั่วไป๋” 


 


 


เสี่ยวโม่ไม่รู้ว่าทำไมแต่รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ 


 


 


นางแตกต่างจากหลินรั่วไป๋ที่ดุร้ายและขี้แกล้งก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางดู ไร้เดียงสาและน่าเอ็นดูเหลือเกิน! นางดูเหมือนน้องสาวข้างบ้านที่ทำให้อยากแสดงความอ่อนโยนให้นางเห็น เมื่อเสี่ยวโม่คิดถึงตรงนี้เขาก็ส่ายหน้าเพื่อสะบัดความคิดออกไป 


 


 


ยังไงหลินรั่วไป๋ก็ยังเป็นหลินรั่วไป๋ ถึงแม้สติปัญญานางจะยังไม่สมบูรณ์ เขาก็ไม่มีทางตกหลุมรักสตรีคนนี้แน่! 


 


 


“อาจารย์” 


 


 


หลินรั่วไป๋ยืนขึ้นแล้วเกี่ยวแขนอวิ๋นลั่วเฟิง เหลือบตากลมโตสดใสขึ้นมองนางแล้วพูดอย่างอ่อนหวานนุ่มนวลว่า “เสี่ยวไป๋หิวแล้วเจ้าค่ะ…” 


 


 


“หน้าไม่อาย!” เสี่ยวโม่ส่งเสียงขึ้นจมูก เขาเกลียดการที่หลินรั่วไป๋ทำตัวตัวน่ารักเพื่อรบกวนอวิ๋นลั่วเฟิง ตรงกันข้ามเขารู้สึกว่าหลินรั่วไป๋ที่ขี้แกล้งยังน่าชื่นชอบมากกว่า… 


 


 


“เสี่ยวไป๋หมดสติไปนาน นางต้องหิวอยู่แล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบศีรษะหลินรั่วไป๋แล้วเผยสายตาผ่อนคลาย “ไปกันเถอะ พวกเราจะพานางออกไปอะไรกินกัน” 


 


 


“นายหญิง ข้าก็อยากไปด้วยเหมือนกัน” หั่วหั่วทำปากยื่นแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแง่งอน 


 


 


ถึงแม้ว่าเสี่ยวซู่จะไม่ชอบกินอาหารของมนุษย์แต่เขาก็ไม่อยากอยู่ในมิติคัมภีร์เซียนคนเดียว ดังนั้นเขาเลยใช้แขนขาเกาะอวิ๋นลั่วเฟิงแน่นไม่ยอมให้นางไป 


 


 


“ก็ได้ พวกเราไปกันหมดเลยก็แล้วกัน” 


 


 


ต่อหน้าคนของนาง อวิ๋นลั่วเฟิงไม่เคยใจร้ายนางเลยไม่ปฏิเสธคำขอของทุกคน 


 


 


… 


 


 


ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงพทุกคนออกไปหาอะไรกินดิ่มเพื่อเฉลิมฉลอง เจ้าเมืองอุดร หลิงลี่ ก็นำกลุ่มคนมาที่จวนเจ้ามืองบูรพา 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1355 การตื่นขึ้นของเสี่ยวไป๋ (5)  


 


 


หงหลิงคาดเดาได้ว่ายังไงเหตุการณ์นี้ก็ต้องเกิดขึ้น เขาจึงส่งคนไปเรียกหงหลวนแล้วนั่งรอในห้องโถงรับรอง 


 


 


สักพักชายวัยกลางคนก็เดินก้าวเร็วๆ นำเข้ามาในห้องโถงแล้วมาปรากฏตัวข้างหน้าหงหลิง 


 


 


หงหลิงหัวเราะอย่างจริงใจ “เจ้าเมืองหลิง ในที่สุดท่านก็มาถึง ท่านมาได้เหมาะเจาะจริงๆ ข้ามีเรื่องจะบอกท่านพอดี” หงหลิงไม่รอให้หลิงลี่ได้พูดเขาก็พูดตรงเข้าประเด็น “ข้าอยากยกเลิกสัญญาการแต่งงานระหว่างทั้งสองเมือง” 


 


 


“ยกเลิกตอนนี้งั้นหรือ” หลิงลี่หลุบตาต่ำแล้วรีบถาม “เจ้าเมืองหง ท่านหมายความว่าอย่างไร” 


 


 


“เรื่องนี้ท่านควรถามนายน้อยของจวนท่านนะ” หงหลิงย้ายสายตาไปที่หลิงเฉินที่ก้มหน้าอยู่ “ข้าเชื่อว่าเขาจะให้คำอธิบายให้ท่านได้แน่” 


 


 


เมื่อเห็นบุตรชายตัวเองมีสีหน้าเศร้าสร้อย หลิงลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “เจ้าเมืองหง ข้าเจอหลวนเอ๋อร์” 


 


 


หงหลิงยิ้ม “ข้าให้คนไปตามนางแล้ว” 


 


 


ไม่นานร่างที่สวมชุดแดงก็เดินเข้ามา สตรีผู้นี้มีรูปร่างไร้ที่ติ ทั้งดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์ คิ้วคมและริมฝีปากสีแดงทำให้นางมีเสน่ห์อย่างยากจะอธิบาย 


 


 


ตั้งแต่ที่หงหลวนก้าวเข้ามาในห้อง สายตาของหลิงเฉินก็จับจ้องไปที่นางโดยไม่ละสายตา เขามองนางด้วยสายตาสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลา 


 


 


“ท่านเจ้าเมืองหลิง ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ” หงหลวนหยุดแล้วหันไปหาหลิงลี่ “ท่านมาที่นี่เพื่อยกเลิกการแต่งงานใช่หรือไม่เจ้าคะ” 


 


 


เมื่อได้ยินวิธีที่หงหลวนเรียกตัวเอง หลิงลี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “หลวนเอ๋อร์ ปกติหลานเรียกลุงว่าท่านลุง เหตุใดวันนี้จึงเรียกห่างเหินนัก ลุงรู้ว่าบุตรชายลุงทำผิดต่อหลาน ลุงก็เลยพาเขามาขอโทษหลานโดยเฉพาะ! แล้วยังนำสตรีคนนั้น เซี่ยชูมาด้วย ตราบใดที่ทำให้หลานหายโกรธได้ นางจะถูกลงโทษตามเท่าที่หลานต้องการ!” 


 


 


หงหลวนยิ้มเยาะ “ท่านเจ้าเมืองหลิงเจ้าคะ ครั้งหนึ่งหลิงเฉินและเซี่ยชูเคยมีบุตรด้วยกัน เหตุใดท่านยังคิดว่าข้าจะยอมรับเขาอีก” 


 


 


สีหน้าเคร่งเครียดของหลิงลี่ดูไม่ได้ “เฉินเอ๋อร์เป็นบุรุษ ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเคยมีสตรีข้างกาย อีกอย่างลุงก็สัญญากับหลานแล้วว่าในอนาคต จวนเจ้าเมืองอุดรจะไม่ยอมให้มีสตรีคนใดปรากฏตัว หลานสบายใจได้” 


 


 


เพื่อการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองบูรพา ครั้งนี้หลิงลี่จึงเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาโดยที่หลิงเฉินไม่ได้พูดอะไร หลังจากสิ่งที่เขาพบเจอจากเซี่ยชู เขาก็ตัดสินใจทำตามที่บิดาบอก 


 


 


“ต้องขออภัยด้วย” หงหลวนเลิกคิ้ว “ข้ามีคติของตัวเองว่าจะไม่รับบุรุษที่ผ่านสตรีคนอื่นมาก่อน!” 


 


 


“หงหลวน!” หลิงลี่ต่อว่าอย่งโกรธเคือง แต่ทันทีที่เขาตะโกนออกไป หงหลิงก็วางมือบนโต๊ะ ดวงตาฉายแววยโสและดุร้าย 


 


 


“เจ้าเมืองหลิง เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไร บุตรสาวข้าใช่คนที่เจ้าจะมาตะคอกใส่ได้หรือ!” 


 


 


หลิงลี่ได้ยินคำพูดเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดอารมณ์ขุ่นเคืองในใจเอาไว้ก่อนพูดต่อ “หลวนเอ๋อร์ ลุงหวังว่าหลานจะคิดให้ดี มีบุรุษไม่กี่คนที่ยอมมีสตรีเพียงคนเดียวทั้งชีวิต ไม่สิ ไม่มีเลยต่างหาก! แล้วหลิงเฉินก็ยอมไม่มีอนุสักคน ในอนาคตเขาก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นเหมือนกัน” 


 


 


หลังจากหลิงลี่พูดจบ เขาก็ส่งสายตาแฝงความนัยให้หลิงเฉิน 


 


 


หลิงเฉินเห็นสัญญาณก็ตอบสนองทันทีแล้วรีบพูด “ข้าสาบานว่าตราบใดที่หลวนเอ๋อร์ยินดีแต่งงานกับข้า ข้าจะไม่ยอมให้สตรีคนใดเข้ามาในจวนเด็ดขาด!” 


 


 


เขากล่าวว่าเขาจะไม่ยอมให้สตรีคนใดเข้าจวนในขณะที่คำพูดของหลิงลี่ก่อนหน้านี้บอกว่าหลิงเฉินจะไม่รับอนุคนใดเข้ามา 


 


 


ทั้งคู่ไม่มีใครมั่นใจว่าในอนาคตหลิงเฉินจะไม่หาสตรีคนอื่นเพิ่ม 


 


 


บุรุษทั่วไปจะไม่มีความปรารถนาใดๆ ตอนเขาอยู่ห่างจากภรรยาได้อย่างไร ตราบใดที่หลิงเฉินไม่รับอนุ ก็ไม่เป็นไรที่เขาจะหาสตรีคนอื่นมาดับความปรารถนาในใจเขา… 


ตอนที่ 1356 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (1)


 


 


หงหลวนจะไม่รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของพวกเขาได้อย่างไร นางหัวเราะเยาะแล้วกวา ดสายตามองหลิงลี่และหลิงเฉินด้วยสายตาดูถูก


 


 


“หลิงเฉิน ข้าเคยพูดให้เจ้าฟังไปแล้ว ข้า หงหลวนต้องการแค่คนที่มีข้าเพียงคนเดียวทั้งชีวิต” หงหลวนเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างดูถูกขณะพูด “คนที่ใช้ความปรารถนาของร่างกายควบคุมมันสมองของตัวเองแบบเจ้าจะมีคุณสมบัติมาแต่งงานกับข้าได้อย่างไร”


 


 


หลิงลี่ขมวดคิ้ว เมื่อก่อนเขาประทับใจหงหลวนที่ฉลาดเฉียบแหลม แต่ตอนนี้นางกลับไร้หัวคิดเหมือนวัว เฉินเอ๋อร์ก็สัญญาแล้วว่าเขาจะไม่รับอนุ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ


 


 


“หลวนเอ๋อร์ ข้าจับคู่ให้เจ้ากับเฉินเอ๋อร์ก็เพื่อตัวเจ้าเอง! ทุกวันนี้บุรุษคนใดบ้างไม่มีภรรยาสามอนุสี่ บุรุษที่ยินดีแต่งงานกับสตรีเพียงคนเดียวนั้นไม่มีหรอก! บุรุษมีความปรารถนาทางร่างกายที่ใครก็ควบคุมไม่ได้!”


 


 


หงหลวนยิ้มเยาะ “ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าทุกคนมีความปรารถนาทางร่างกายใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นสตรีที่ต้องจากบ้านมาเองก็สามารถมีความปรารถนาได้เช่นกัน”


 


 


“หงหลวน!” หลิงลี่โกรธจัดน้ำเสียงของเขาไม่สุภาพเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “” เจ้าพ่นอะไรไร้สาระออกมา สตรีจะเทียบกับบุรุษได้อย่างไร สตรีต้องซื่อสัตย์ไปตลอดชีวิต แล้วสตรีที่มีชู้รักก็สมควรถูกแยกร่างออกเป็นพันๆ ชิ้น!


 


 


สาเหตุที่หลิงลี่โกรธจัดก็เพราะคำพูดของหงหลวนทำลายศักดิ์ศรีของเขา ปีนั้นอนุของเขาไม่สามารถทนความเหงาได้แล้วไปมีความสัมพันธ์กับบุรุษอื่น เขาสังหารชายชู้คนนั้นด้วยความเดือดดาล! ในความคิดของเขา สตรีที่ไม่ซื่อสัตย์สมควรตาย!


 


 


“หลิงลี่!”


 


 


สายตาหงหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ที่นี่คือเมืองบูรพาและหลวนเอ๋อร์ก็เป็นบุตรสาวข้า ข้าหวังว่าท่านจะสุภาพกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษว่าข้าทำเกินขอบเขต!”


 


 


“หงหลิง เจ้ากล้าตำหนิข้างั้นหรือ ข้าต่างหากที่อยากจะถามเจ้าว่าเจ้าได้สั่งสอนบุตรสาวตัวเองบ้างหรือไม่ถึงได้กล้าพูดอะไรไม่เหมาะสมขนาดนี้ออกมา ในฐานะสตรี นางรู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าความน่าอับอายขายหน้า”


 


 


นางถึงกลับกล้าบอกว่าสตรีสามารถออกไปหาความสำราญเพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกายได้ ถ้านางไม่ใช่บุตรสาวคนโตของเมืองบูรพา บางทีนางคงถูกสังหารโดยพวกผู้ฝึกฌานที่รักความถูกต้องของแคว้นนี้ไปแล้ว!


 


 


“จริงๆ ข้าเป็นคนสั่งสอนบุตรสาวด้วยตัวเอง ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสอดมือเข้ามาสั่งสอนแทน!” หงหลิงพูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้านิ่งเฉย


 


 


“พวกเจ้า เชิญแขกออกไป ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจวนเจ้าเมืองบูรพาของข้าไปต้อนรับคนจากเมืองอุดร!” น้ำเสียงของเขาทั้งเย็นเยียบและดุร้ายโดยไม่สนใจความสัมพันธ์กับเมืองอุดรที่เขาสร้างมาตลอดหลายปีแม้แต่น้อย


 


 


อีกอย่างนี่เป็นความผิดของหลิงเฉิน แล้วคนพวกนี้ก็มาที่นี่เพื่อขอโทษแต่พวกเขากับพยายามบังคับให้บุตรสาวเขาแต่งงานด้วยซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วเขาจะทำตัวสุภาพกับคนพวกนี้ไปทำไม ยี่สิบปีที่แล้วเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องคนที่เขารักแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางยอมให้บุตรสาวเขาถูกรังแก!


 


 


“หงหลิง!” สีหน้าของหลิงลี่มืดครึ้มแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามั่นใจใช่หรือไม่”


 


 


“ใช่!” หงหลิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ได้โปรดออกไป”


 


 


“ดี ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้!” หลิงลี่ส่งสายตาเย็นเยียบแล้วเงยหน้ามองหงหลวน “หงหลวน หลังจากเจ้าปล่อยบุรุษแบบเฉินเอ๋อร์ถ้าเจ้าไม่แต่งงานไปทั้งชีวิต สามีเจ้าก็ต้องมีภรรยาสามอนุสี่แน่นอน! เป็นไปไม่ได้ที่จะมีบุรุษที่ยินดีอยู่กับเจ้าคนเดียวไปตลอดทั้งชีวิต!”


 


 


หลังจากโยนคำพูดใส่นางเสร็จ หลิงลี่ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วรีบจากไปพร้อมผู้ติดตาม


 


 


เซี่ยชูดูเหมือนว่าะถูกพวกเขาลืมทิ้งไว้ในห้องโถง นางกวาดสายตาผ่านทุกคนในห้องโถงด้วยความกลัว


 


 


“หลวนเอ๋อร์ เจ้าจะลงโทษสตรีผู้นี้อย่างไร” หงหลิงมองหงหลวนแล้วเอ่ยถาม


 


 


หงหลวนเงียบไปชั่วครู่ “ทุกอย่างที่นางทำไปไม่เกี่ยวกับข้า ความผิดพลาดของนางให้อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนตัดสินเถอะ!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1357 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (2)


 


 


หงหลวนหันไปมองหงหลิงแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ถ่ายทอดคำสั่งออกไปไม่ให้ใครก็ตามช่วยนาง ข้าอยากให้นางปกป้องตัวเอง!”


 


 


สุดท้ายหงหลวนก็แสดงความเมตตา เซี่ยชูไม่เคยทำร้ายนางเพื่อครอบครองหลิงเฉิน ทุกอย่างที่นางทำกับเซี่ยชูไม่ใช่เพื่อตัวนางเอง แต่เพื่ออวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“ไม่นะ!”


 


 


เมื่อเซี่ยชูต้องพบกับบทลงโทษ นางก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “คุณหนูหงหลวน ข้าขอร้อง ได้โปรดละเว้นข้าด้วย!”


 


 


ถ้าจวนเจ้าเมืองบูรพาประกาศสั่งห้ามนาง ไม่ใช่แค่ครอบครัวจะขับไล่นาง การที่นางจะหาสามีที่ร่ำรวยก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับว่าชีวิตนางทั้งชีวิตถูกทำลายหมดแล้ว!


 


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซี่ยชูก็คลานไปหาหงหลวนแล้วคุกเข่าคำนับนาง


 


 


นางใช้ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงไม่นานหน้าผากนางก็ย้อมไปด้วยเลือดแล้วค่อยๆ ไหลลงพื้น


 


 


“คุณหนูหงหลวน ข้ารู้ความผิดผลาดของตัวเองแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอร้องได้โปรดละเว้นข้า ได้โปรด…”


 


 


หงหลวนเลิกคิ้ว “ข้าพูดไปแล้ว นี่เป็นราคาที่เจ้าต้องจ่ายเมื่อใส่ร้ายอวิ๋นลั่วเฟิง!” นางไม่ได้กำจัดเซี่ยชูด้วยตัวเองแต่เมื่อคำสั่งออกไปจากจวนเมืองบูรพา ชีวิตนางในแคว้นนี้ก็ยากลำบากมาก แล้วนางก็อาจจะอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่!


 


 


หลังจากนั้นหงหลวนก็ตะโกนอย่างจริงจัง “ไสหัวไป!” ทันใดนั้นผู้คุ้มกันสองคนก็เข้ามายกแขนทั้งสองข้างของเซี่ยชูขึ้นแล้วโยนนางออกไปทันที


 


 


พลั่ก


 


 


ร่างของเซี่ยชูกลิ้งไปสองสามครั้งบนพื้นทำให้แผ่นหลังของนางรวดร้าว ตอนนี้ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลอาบเต็มใบหน้า นางรู้ว่านางไม่มีโอกาสได้ยกฐานะตัวเองอีกต่อไปแล้ว! ใบหน้าบอบบางน่าสงสารของนางอาจจะมีผลกับบุรุษ แต่ในสายตาของหงหลวน นี่ยิ่งทำให้นางรังเกียจเซี่ยชูมากขึ้น


 


 



 


 


ภายในห้องโถงเงียบสนิท


 


 


หงหลวนหันหน้าไปใช้ดวงตาอัลมอนด์มองชายวัยกลางวันที่นั่งอยู่บนที่งสูงแล้วขยับปากเล็กน้อย “ขอบคุณเจ้าค่ะ”


 


 


หัวใจของหงหลิงสั่นไหว


 


 


หลายปีที่ผ่านมา ในใจหลวนเอ๋อร์ไม่พอใจเขามาตลอด แล้วไม่ว่าเขาจะทำอะไรให้นาง เขาก็ไม่เคยได้ยินสองคำนี้เลย


 


 


“อย่าเข้าใจผิด” เมื่อเห็นดวงตาของหงหลิงสั่นไหวเล็กน้อย หงหลวนก็พูดต่อ “ข้าขอบคุณเพราะเมื่อสักครู่ท่านปกป้องข้า ข้าเกรงว่าทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่มีทางยกโทษให้เรื่องที่ท่านเคยทำได้!”


 


 


ความเจ็บปวดทรมานที่มารดานางจากไปจะยกโทษให้ง่ายๆ ได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่ามารดานางโยนชีวิตทิ้งไปเสียเปล่าหรอกหรือ


 


 


“พ่อรู้” หงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “ถึงแม้เจ้าจะไม่ยกโทษให้พ่อ พ่อก็จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อเจ้า”


 


 


หงหลวนที่ตอนแรกตั้งใจพูดต่อแต่คำพูดกลับไม่ยอมหลุดออกมาจากปาก นางมองหงหลิงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหันหลังเดินจากไป ที่ด้านหลังของนางดวงตของหงหลิงมองตามแผ่นหลังของนางจนลับสายตา


 


 


“คุณหนู” เมื่อหงหลวนเดินออกมา ก็มีร่างคนคนหนึ่งยืนขว้างทางแล้วประสานมือพูดกับนางอย่างเคารพ “ข้าทราบที่อยู่ของคนที่ท่านให้ข้าไปสืบแล้วขอรับ!”


 


 


“อะไรนะ” หงหลวนตื่นเต้น “จักรพรรดิปีศาจอยู่ที่ไหน”


 


 


“ที่เมืองหลวง เขตคูหลงขอรับ!”


 


 


“ดีมาก ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงเดี๋ยวนี้แล้วบอกข่าวดีนี้กับนาง!”


 


 



 


 


ขณะเดียวกัน ภายในเหลาอาหารเซิ่งเทียนที่ตอนแรกอึกทึกวุ่นวายก็เงียบสนิท


 


 


ลูกค้าที่กำลังกินอาหารกำลังมองดูเด็กสาวที่น่าเอ็นดูที่กำลังเขมือบอาหารบนโต๊ะอย่างกับพายุจนจานทุกใบสะอาดเหมือนผ่านการล้าง สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความตะลึงจนพูดไม่ออก


ตอนที่ 1358 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (3)  


 


 


เหตุใดเด็กสาวน่ารักแบบนี้ถึงได้เขมือบอาหารเข้าไปมากขนาดนั้นได้ กระเพาะเล็กๆ ของนางจะจุอาหารปริมาณขนาดนี้ได้อย่างไร 


 


 


“กินช้าๆ ระวังจะสำลัก” เสี่ยวโม่ขมวดคิ้วไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนหลินรั่วไป๋ 


 


 


หลังอาหารทุกจานบนโต๊ะถูกจัดการจนเกลี้ยงหลินรั่วไป๋ก็ยังไม่อิ่ม นางลูบท้องตัวเองแล้วหันไปส่งสายตาน่าสงสารให้อวิ๋นลั่วเฟิง 


 


 


“อาจารย์ ข้ายังไม่อิ่มเลยเจ้าค่ะ” 


 


 


เสี่ยวโม่ขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นแล้วมองหลินรั่วไป๋ด้วยสายตาไม่เชื่อ “ยังไม่พออีกหรือ เงินของนายหญิงไม่ได้มีไว้ให้เจ้ามาใช้อย่างเปล่าประโยชน์แบบนี้!” 


 


 


ถ้าเป็นตอนก่อนหน้านี้ที่หลิวรั่วไป๋ยังมีความทรงจำอยู่ นางต้องโต้ตอบเขากลับมาทันทีที่เขาพูดจบแต่ตอนนี้นางทำแค่ยื่นปากอย่างไม่พอใจขณะที่ส่งสายตาขอร้องอย่างน่าสงสารทำให้คนอื่นรู้สึกผิดต่อเท่านั้น 


 


 


ที่โต๊ะหนึ่งในเหลามีผู้คุ้มกันสองสามคนนั่งอยู่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหลินรั่วไป๋ก็อดไมได้ที่จะหันไปมองนาง 


 


 


“เด็กสาวคนนี้ดูดีใช้ได้เลยนะ ถ้าพวกเราพาตัวนางกลับไปให้นายน้อย ไม่แน่เขาอาจจะเลื่อนขั้นให้พวกเราก็ได้” 


 


 


ช่วงนี้หลิงเฉินซึมเศร้าแล้วปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่ามานานแล้ว ตอนนี้พวกเขาเห็นเด็กสาวน่ารักคนนี้พวกเขาจะไม่สนใจนางได้อย่างไร ที่สำคัญนายน้อยของพวกเขาชอบเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ที่สุด 


 


 


นั่นเพราะว่าเซี่ยชูก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ 


 


 


“แต่ว่าข้าคิดว่าสตรีชุดขาวงดงามกว่า หายากนะที่จะเจอสตรีหน้าตางดงามไร้ที่ติแบบนาง” 


 


 


“ไม่ใช่แค่หายาก แต่ข้าคิดว่าน่าจะไม่มีสตรีคนใดมีความงามดังสวรรค์ขนาดนี้! โชคร้ายที่นางอุ้มเด็กน้อยไว้ที่อก ดูเหมือนว่าจะเป็นบุตรนางด้วย หากนางมีบุตรก็คงไม่บริสุทธิ์แล้ว สตรีแบบนี้ไม่เหมาะสมกับนายน้อย!” 


 


 


ผู้คุ้มกันอีกคนถอนหายใจอย่างเสียใจ “ข้าสงสัยว่าใครกันมีบุญขนาดได้แต่งงานกับสาวงามขนาดนี้! จะดีสักแค่ไหนถ้าเรานำสาวงามคนนี้ไปให้นายน้อยได้ จะมีบุรุษคนใดที่เทียบกับนายน้อยของเราได้เล่า” 


 


 


ผู้คุ้มกันเมืองอุดรกลุ่มนี้ไม่ได้ตามหลิงเฉินไปที่จวนเจ้าเมืองบูรพาเพราะตำแหน่งพวกเขาก็ค่อนข้างต่ำรวมถึงไม่ตามหลิงลี่มาที่จวนเจ้าเมืองหลังจากหลิงลี่มาถึงเมืองบูรพาดังนั้นพวกเขาก็มาจบที่การทำบางอย่างพวกเขาจะเสียใจไปทั้งชีวิต 


 


 


“อาจารย์” หลินรั่วไป๋พูดอย่างเขินอาย “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเดินผ่านถนน ข้าได้กลิ่นน่าอร่อยมาก ให้ข้า…” 


 


 


“ไม่!” เสี่ยวโม่ไม่รอให้หลินรั่วไป๋พูดจบก็พูดแทรกขึ้นมาแทนอวิ๋นลั่วเฟิง 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองเสี่ยวโม่ “เจ้าควรตามนางไป ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ” 


 


 


“ก็ได้” เสี่ยวโม่ทำได้แค่ก้มหน้าด้วยสีหน้าท้อแท้ใจอย่างหมดหนทาง 


 


 


“หั่วหั่ว ไปกันเถอะ” เมื่อนางออกคำสั่งเสร็จอวิ๋นลั่วเฟิงก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากเหลา 


 


 


นางไม่ได้เจอหูหลีมานานแล้ว ไม่รู้สถานการณ์ของเขากับอู่เลย นางต้องการใช้โอกาสนี้ตรวจสอบเขาสักหน่อย… 


 


 


“นี่!” เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินออกไป เสี่ยวโม่ก็หันไปหาหลินรั่วไป๋แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เจ้าอยากจะไปที่ไหน ข้าไปกับเจ้าเอง” 


 


 


หลินรั่วไป๋กะพริบตาแล้วกวาดตามองเด็กหนุ่มข้างนางขึ้นลงด้วยสายตาสงสัยก่อนยิ้มกว้างแล้วยื่นมือออกไปจับใบหน้าเสี่ยวโม่ นางฉวยโอกาสที่เขาตะลึงยื่นหน้าเขาไปหอมแก้มเขา 


 


 


“พี่ชาย ท่านหล่อมาก ข้าชอบท่าน” 


 


 


ตูม!  


 


 


เสี่ยวโม่เหมือนโดนฟ้าผ่าจนร่างแข็งทื่อ เขาแทบไม่เชื่อว่าหญิงบ้าอย่างหลินรั่วไป๋จะกล้าจูบเขา… 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1359 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (4)  


 


 


พระเจ้า เขาเสียจูบแรกไปแล้ว! แต่ว่าหลังจากที่เขาได้สติคืนอย่างยากลำบาก เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาหายไปแล้ว… 


 


 


หลินรั่วไป๋เดินผ่านถนนที่วุ่นวายไปได้แค่สองซอย นางก็ถูกผู้คุ้มกันสองสามคนขวางทางเอาไว้ นางกะพริบตาปริบๆ แล้วมองคนข้างหน้านางด้วยความสับสน 


 


 


“เจ้ามาขวางทางข้าทำไม” 


 


 


“ฮ่าๆ” ผู้คุ้มกันที่อาวุโสสุดหัวเราะเล็กน้อยแล้วกดยิ้มลึก “คุณหนู พวกเราคิดว่าเจ้าน่ารักมากเลยต้องการเลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะไปกับพวกเราหรือเปล่า” 


 


 


ดวงตาของหลินรั่วไป๋เป็นประกายแล้วเผยรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าจนฟันเขี้ยวของนางสะท้อนแสงอาทิตย์ยิ่งทำให้นางยิ่งน่าเอ็นดู 


 


 


“แน่นอน!” 


 


 


ผู้คุ้มกันสองสามคนมองหน้ากัน คนตะกละอย่างหลินรั่วไป๋ล่อลวงง่ายมาก 


 


 


“พวกเราไปกันเถอะคุณหนูน้อย ตราบใดที่เจ้ารับใช้นายน้อยดี เจ้าอยากจะกินอะไรก็ได้ ไม่เหมือนนายหญิงที่ยากจนของเจ้าที่ไม่ยอมให้เจ้ากินอิ่ม” 


 


 


อยู่ๆ หลินรั่วไป๋ก็หยุดแล้วพองแก้มด้วยความโกรธขณะที่จ้องหน้าผู้คุ้มกันที่ว่าร้ายอวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าไม่ได้บอนุญาตให้ปากเสียใส่อาจารย์ของข้า! ขอโทษเดี๋ยวนี้!” 


 


 


ผู้คุ้มกันชะงัก “เจ้าขอให้ข้าขอโทษงั้นหรือ” 


 


 


“ถูกต้อง! เจ้าว่าร้ายอาจารย์ข้า ดังนั้นเจ้าต้องขอโทษ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ตามเจ้าไป!” 


 


 


อาหารอร่อยๆ จะสำคัญกว่าอาจารย์ของนางได้อย่างไร เพื่ออาจารย์แล้ว นางจะยอมไม่กินก็ได้ 


 


 


“ตอนนี้เจ้าควรขอโทษ” ผู้คุ้มกันอาวุโสแทงแขนใส่เขาแล้วพูด “เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหา” 


 


 


ที่สำคัญที่นี่คือเมืองบูรพาแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถใช้กำลังลากตัวคุณหนูคนนี้ไปได้ ถ้านางไม่ยอมตามพวกเขาไปเองพวกเขาก็พาตัวนางไปไม่ได้ 


 


 


ผู้คุ้มกันที่ว่าร้ายอวิ๋นลั่วเฟิงก็กลั้นความโกรธแล้วพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ขอโทษ!” 


 


 


หลังจากที่ไปจวนเจ้าเมืองอุดรแล้วเขาค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย! 


 


 


“คุณหนู พวกเราไปกันได้หรือยัง อ้อ ใช่ ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย” 


 


 


“อาจารย์บอกว่าข้าชื่อหลินรั่วไป๋” 


 


 


“โอ้? แล้วอาจารย์เจ้าชื่ออะไร” 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิง? 


 


 


ผู้คุ้มกันมองหน้ากันเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นๆ ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน… 


 


 


… 


 


 


ตอนนั้นเอง ไกลออกไปเมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงก็สังเกตเห็นหูหลีและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเหม่ออยู่แถวประตูหน้าบ้านไม้หลังเล็กๆ ดวงตานางก็เป็นประกายบางอย่าง 


 


 


ทันใดนั้นหูหลีก็เงยหน้าขึ้น เห็นอวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวข้างหน้าเขา ดวงตาเขาก็เป็นประกายแล้วรีบลุกขึ้นเดินมาหานาง แต่ตอนที่เขากำลังจะยื่นแขนออกไปเพื่อกอดนาง เสี่ยวซู่ก็เงยหน้ามองเขาแล้วหัวเราะคิกคัก ทันทีที่เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมา เถาวัลย์จำนวนมากก็งอกขึ้นพันตัวหูหลีเอาไว้ 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าคิดถึงเจ้ามาก เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่เจ้าไม่อยู่ข้าเบื่อแค่ไหนที่ต้องเจอหน้าเด็กคนนี้ทุกวัน” สีหน้าของหูหลีเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเหมือนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงได้ทำเรื่องเลวร้ายที่ทำให้สวรรค์โกรธเคือง! 


 


 


“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าพวกเราอยู่ที่นี่อีกสองวันก็จะออกจากเมืองบูรพาแล้ว” 


 


 


“เจ้าพูดจริงหรือ” ดวงตาของหูหลีเป็นประกาย “เยี่ยมไปเลย! หลายวันที่อยู่ที่เมืองบูรพา ข้ากลัวมาก ข้ากลัวว่าข้าจะกลายเป็นกระสอบทรายให้สตรีบ้าคลั่งอย่างหงหลวน! เจ้ารู้ไหมว่าในสำนักศึกษามีคนมากแค่ไหนที่ถูกนางทำร้าย เพราะแบบนี้ศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาเลยกลัวที่จะพบเจอนาง” 


ตอนที่ 1360 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (5)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินคำพูดจริงจังของหูหลีก็พยักหน้า “ให้ข้าบอกข่าวร้ายเจ้าสักเรื่อง หงหลวนจะไปกับพวกเราด้วย”


 


 


เพล้ง!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินเสียงหัวใจแตกละเอียด… รอยยิ้มบนใบหน้าหูหลีหายไปแล้วเปลี่ยนเป็นแข็งค้างทันที


 


 


เขาถามอย่างไม่เชื่อหู “เจ้าล้อข้าเล่นใช่หรือไม่ เจ้าพาสตรีบ้าคลั่งคนนั้นมาด้วยงั้นหรือ”


 


 


“เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วตอบคำถามเขาด้วยคำถาม


 


 


ทันใดนั้นสีหน้าของหูหลีก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ชีวิตข้าจบแล้ว การเดินทางกับหญิงคลั่งก็เท่ากับว่าเจ้าเรียกความตายให้ข้าแล้ว!”


 


 


“เจ้าขายตัวเองให้ข้าสิบปี ตอนนี้ก็สายไปแล้วที่เจ้าจะเสียใจทีหลัง” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะ นางชอบเห็นสีหน้าสิ้นหวังของหูหลี


 


 


“นายหญิง!” ตอนนั้นเอง เสียงของเสี่ยวโม่ก็ดังขึ้นข้างหลังอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


นางขมวดคิ้วแล้วหันหลัง นางชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นเสี่ยวโม่มาคนเดียว “เจ้าอยู่คนเดียวงั้นหรือ แล้วเสี่ยวไป๋อยู่ที่ใด”


 


 


“นายหญิง เสี่ยวไป๋หายตัวไป…” เมื่อเสี่ยวโม่นึกถึงจูบของเสี่ยวไป๋ เสียงของเขาก็ดูเขินอายเล็กน้อย


 


 


เพราะเป็นจูบแรกของเขา ดังนั้นกว่าเขาจะได้สติจากความตกใจ เสี่ยวไป๋ก็หายตัวไปแล้ว…


 


 


“ถึงแม้ว่าสติปัญญาของเสี่ยวไป๋จะไม่สมบูรณ์แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำร้ายนาง ข้ากังวลอย่างเดียวว่าคนอื่นจะหลอกนาง”


 


 


“นายหญิง ท่านสบายใจได้ ข้าสอนเสี่ยวไป๋แล้วว่าถ้ามีใครขอให้นางแก้ผ้า นั่นหมายความว่าพวกเขาเป็นคนชั่ว นางต้องปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเอง” เสี่ยวโม่มองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างมีความสุขแล้วหวังว่าจะได้คำชม


 


 


ด้วยสติปัญญาของเสี่ยวไป๋ตอนนี้ นางไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เขาจึงเตือนนางเรื่องนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวไป๋ถูกหลอกลวง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองเสี่ยวโม่ “เจ้าได้สอนนางไม่ให้ตามคนแปลกหน้าไปหรือเปล่า”


 


 


สีหน้าของเสี่ยวโม่แข็งค้างแล้วเขาก็ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ข้าลืม”


 


 


“ไปกันเถอะ พวกเราจะกลับมาคุยเรื่องนี้กันหลังเจอเสี่ยวไป๋”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงใช้สายตาร้ายกาจของนางมองใบหน้าหล่อเหลาของเสี่ยวโม่ “ข้าจะกลับมาจัดการกับเจ้าทีหลัง!”


 


 


เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงจากไป เสี่ยวโม่ก็รีบตามไปพร้อมพูดไปด้วย “นายหญิง ทำไมเสี่ยวไป๋ถึงไม่เชื่อฟังขนาดนี้ ข้าไขว้เขวไปครู่เดียวนางก็หายไปแล้ว นี่ไม่ถูกต้อง ถ้านางกลับมา ข้าจะสอนนางไม่ให้โดนลักพาตัวแล้วถูกขาย!”


 


 



 


 


ภายในสวนด้านหลังผู้คุ้มกันสองสามคนก็แอบเดินเข้ามาพร้อมเด็กสาวน่ารักคนหนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีใครยืนตรวจตราอยู่ด้านนอกก็รีบเดินเข้าไปในห้องเก็บของ


 


 


ผู้คุ้มกันคนที่ว่าร้ายอวิ๋นลั่วเฟิงมองพรรคพวกของเขาแล้วกระแอม “เฝ้าประตูให้ข้า ข้าจะสอนเด็กคนนี้ให้เข้าใจถึงวิธีปรนนิบัตินายน้อยอย่างไร”


 


 


ปรนนิบัติ?


 


 


หลินรั่วไป๋กะพริบตา “ข้าไม่อยากเป็นสาวใช้” ได้ยินเสียงอ่อนแรงของนางผู้คุ้มกันก็มองหน้ากัน


 


 


“สบายใจได้ เจ้าไม่ได้จะไปเป็นสาวใช้ แต่ชีวิตเจ้าจะหรูหราสุขสบาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งลากแขนหลินรั่วไป๋เข้าไปในห้องเก็บของ


 


 


เมื่อเดินเข้าไปแล้วสิ่งที่ปรากฏต่อหน้านางก็คือห้องรกรุกรัง ดวงตากลมโตสดใสของนางเต็มไปด้วยความสับสนแล้วนางก็หันมาหาผู้คุ้มกัน


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1361 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (6)


 


 


“อาหารอยู่ที่ไหน”


 


 


“ฮ่าๆ!” ผู้คุ้มกันหัวเราะเบาๆ อย่างชั่วร้าย “สาวน้อย ถ้าเจ้าอยากลิ้มรสอาหารราคาแพงก็ต้องจ่ายด้วยร่างกายเจ้านะ แต่สบายใจได้ นายน้อยของข้าอ่อนโยนมาก แล้วถ้าเจ้าได้รับความโปรดปรานจากเขาก็จะมีอาหารละลานตารอเจ้าอยู่”


 


 


เมื่อได้ยินคำว่าอาหารอร่อย ดวงตาของหลินรั่วไป๋ของเป็นประกาย “จริงหรือ แล้วข้าต้องทำอย่างไรถึงจะได้กินอาหารอร่อยๆ”


 


 


“ถอดเสื้อผ้าออก ข้าจะตรวจดูว่าเจ้ายังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่หรือไม่”


 


 


หลินรั่วไป๋ไม่รู้ว่าอะไรคือสาวพรหมจรรย์ แต่นางเข้าใจว่าผู้คุ้มกันคนนี้ต้องการให้นางแก้ผ้า!


 


 


“ไม่ พี่ชายข้าบอกว่าข้าห้ามให้คนอื่นถอดเสื้อผ้าข้า คนที่ต้องการทำแบบนั้นเป็นคนเลว!” หลินรั่วไป๋กัดปากแล้วก้าวถอยหลัง


 


 


“สาวน้อย เจ้าไม่ต้องกลัว นายน้อยข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี” รอยยิ้มของผู้คุ้มกันยิ่งดูชั่วร้ายเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าหาหลินรั่วไป๋


 


 


ตอนนั้นผู้คุ้มกันที่กำลังตื่นเต้นไม่สังเกตเห็นประกายสีแดงเรืองรองในนัยน์ตาของหลินรั่วไป๋


 


 


“สวะ!” หลินรั่วไป๋ตะโกนแล้วใช้ฝ่ามือโจมตีผู้คุ้มกัน


 


 


พลั่ก!


 


 


เมื่อโดนโจมตีเข้าไป ศีรษะของผู้คุ้มกันของหมุนเหมือนลูกข่าง


 


 


ฉูด!


 


 


สุดท้ายคอก็ไม่สามารถรับน้ำหนักศีรษะได้อีกต่อแล้วก็ร่วงลงพื้นจนทำให้เลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่วห้อง


 


 


“เขา…ตายแล้วหรือ” หลินรั่วไป๋หวาดกลัวมาก นางมองมือทั้งคู่ของตัวเองด้วยสายตาเศร้าสร้อย “ข้า…ไม่ได้ตั้งใจ เขาตายเพราะอ่อนแอเอง ข้าไม่ผิด”


 


 


“อีกประการหนึ่ง พี่ข้าบอกไว้ว่าใครก็ตามที่ตั้งใจจะลวนลามข้า ข้าต้องสังหารเขา! ดังนั้นข้าไม่ผิด” ถึงแม้ว่านางจะพูดออกมาแบบนั้นแต่ดวงตานางก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ใบหน้าอ่อนหวานของนางซีดเผือด


 


 


นางใช้สายตาหวาดกลัวมองไปที่ศพไร้ศีรษะที่อยู่หน้าแล้วนั่งขดตัวอยู่มุมห้องร่างของนางสั่นสะท้าน


 


 



 


 


ผู้คุ้มกันสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกรู้สึกแปลกๆ ปกติแล้วห้องเก็บของไม่ควรเงียบอย่างนี้แต่ตอนนี้กลับเงียบสนิท


 


 


“พวกเราควรเข้าไปดูไหม” ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกผิดปกติ แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปก็มีเสียงดังขึ้นจนพื้นสั่นสะเทือน


 


 


เด็กสาวชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา ดวงตาร้ายกาจของนางกวาดไปรอบๆ ขณะพูดอย่างเย็นชาว่า “เอาตัวหลิงเฉินออกมา!”


 


 


หลิงลี่และบุตรชายเพิ่งมาถึงท่ามกลางความวุ่นวาย เมื่อหลิงเฉินเห็นสตรีชุดขาวยืนอยู่หน้าประตู ความโกรธก็เดือดพล่าน


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ากำลังทำอะไร”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปมองหลิงเฉิน “ข้าได้ยินว่าผู้คุ้มกันของเจ้าเมืองอุดรลักพาตัวศิษย์ข้าไป!”


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าอย่าได้มากล่าวหากัน!” หลิงเฉินที่กำลังเดือดจัดก็หน้าซีด “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศิษย์เจ้าเป็นใครแล้วจะส่งคนไปลักพาตัวนางมาได้อย่างไร ตั้งแต่นี้ข้าจะไม่ไปยุ่งกับหงหลวน เจ้ายังต้องการอะไรอีก เจ้าจำเป็นต้องหาใส่ร้ายอย่างน่ารังเกียจเพื่อแก้แค้นด้วยหรือ”


 


 


หลิงลี่ขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของบุตรชายก็เข้าใจได้ทันทีว่าสตรีเบื้องหน้าเขาคือคนที่ปลอมตัวเป็นคนรักของหงหลวน!


 


 


ดวงตาของหญิงสาวดูดุร้ายและส่งสายตาเย็นเยียบไปให้หลิงเฉินขณะพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเดียว คืนศิษย์ข้ามา ไม่อย่างนั้นแม้วิญญาณข้าจะแตกสลาย ข้าก็จะลากเมืองอุดรลงไปนรกกับข้าด้วย!”


 


 


“เหอะๆ” หลิงลี่หัวเราะเยาะแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างดูถูก “ข้าเป็นเจ้าเมืองอุดร แล้วเจ้าก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ ข้าสงสัยจริงว่าเจ้ามีค่าพอจะพูดกับข้าหรือ”


ตอนที่ 1362 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (7)  


 


 


ตามจริงอวิ๋นลั่วเฟิงที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นราชันปราชญ์เทียบกับหลิงลี่ที่เป็นที่รู้จักทั่วแคว้นไม่ได้อยู่แล้ว 


 


 


แต่ว่า…เพื่อช่วยเสี่ยวไป๋ นางก็ไม่เคยกลัวแม้จะต้องสละชีพ! 


 


 


“ท่านพ่อ” หลิงเฉินกดความโกรธในใจแล้วพูดว่า “นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหงหลวน ถ้าพวกเราแตะต้องนาง จวนเจ้าเมืองบูรพาต้องอยู่ข้างนางแน่ ดังนั้นปล่อยให้ข้าจัดการเองขอรับ” 


 


 


พูดจบหลิงเฉินก็เดินเข้ามาแล้วพูดอย่างใจกว้าง “อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าบอกเลยว่าข้าไม่เคยลักพาตัวศิษย์เจ้า เจ้ามาหาผิดที่แล้ว! ข้ายอมให้เจ้าหาทั่วจวนข้า หากเจ้าหานางไม่เจอ เจ้าต้องขอโทษข้า แต่ถ้าเจ้าหานางเจอคนของเมืองอุดรจะถูกลงโทษตามที่เจ้าต้องการ!” 


 


 


เมื่อหลิงเฉินพูดจบ ผู้คุ้มกันสองคนก็เดินเข้ามาถึงเหตุการณ์พอดี เมื่อพวกเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงยืนอยู่หน้าหลิงเฉิน เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลเต็มหน้าผาก พวกเขาเพิ่งลักพาตัวหลินรั่วไป๋มาไม่นาน แล้วนายหญิงของนางตามหาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร โชคดีที่ถึงแม้นางจะรู้ตัวพวกเขา แต่ด้วยอิทธิพลของเมืองอุดร จะจัดการกับนางไม่ได้ได้อย่างไร 


 


 


“นายหญิง” 


 


 


อยู่ๆ เสี่ยวโม่ก็พูดขึ้นว่า “ข้าจำผู้คุ้มกันสองคนนี้ได้ ตอนที่อยู่ที่เหลา พวกเขามองเสี่ยวไป๋อยู่ตลอดแล้วแอบกระซิบกระซาบกัน เพราะพวกเขาอยู่ไกลและภายในเหลาเสียงดัง ข้าจึงไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นคนของจวนเจ้าเมืองอุดร พวกเขาต้องเกี่ยวข้องกับการที่เสี่ยวไป๋หายตัวไปแน่!” 


 


 


ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองผู้คุ้มกันทั้งสอง 


 


 


สายตาของหลิงลี่เป็นประกายเคร่งเครียดแล้วพูดอย่างเย็นเยียบว่า “เรื่องเป็นอย่างไร” 


 


 


“เรียนท่านเจ้าเมือง” ผู้คุ้มกันอาวุโสปาดเหงื่อแล้วพูดว่า “คือ…คือว่าเรื่องเป็นแบบนี้ พวกเราเห็นว่าช่วงนี้นายน้อยซึมเศร้าจึงพาสตรีกลับมาเพื่อปรนนิบัตินายน้อย ที่สำคัญนางก็เต็มใจมาเอง!” 


 


 


ในเมื่อหลินรั่วไป๋ยินดีมากับพวกเขาก็หมายความว่านางยินดีใช้ร่างกายตัวเองแลกอาหาร! 


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผู้คุ้มกันอาวุโสก็เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “แม่นาง เป็นเพราะท่านดูแลศิษย์ไม่ดี ไม่ยอมให้นางกินอิ่ม พวกเรารู้สึกว่านางสงสารจึงพานางกลับมา พวกเราไมได้บังคับนางแม้แต่น้อย นางเต็มใจมาเอง!” 


 


 


“เจ้าพล่ามอะไรออกมา!” เสี่ยวโม่โมโหทันทีแล้วตั้งใจพุ่งเข้าไปจะสอนบทเรียนให้ผู้คุ้มกันพวกนี้สักหน่อย แต่อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเขาไว้ก่อน 


 


 


“นางอยู่ที่ไหน” เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงเบามากแต่ก็สามารถจับเจตนาสังหารในน้ำเสียงนางได้ “เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหน” 


 


 


ตอนนั้นเองเสี่ยวโม่ก็นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ครอบครัวของเสี่ยวไป๋ลักพาตัวนางเพื่อจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงจนทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงเดือดจัดจนทำลายทั้งจวน 


 


 


ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าจวนเจ้าเมืองอุดรคงอยู่ได้อีกไม่นาน… 


 


 


เมื่อเข้าใจสถานการณ์ หลิงเฉินก็พูดอย่างเสียดสี “ศิษย์ของเจ้าเป็นพวกมักมากเองยังกล้ามาโทษข้า สตรีมากมายไล่ตามข้าเพียงแค่โบกมือแม้แต่ศิษย์เจ้ายังมาหาข้าแต่ข้าไม่เคยชอบนาง!” 


 


 


ตูม!  


 


 


กลิ่นอายสังหารพุ่งออกจากร่างอวิ๋นลั่วเฟิง นางตะโกนอย่างเย็นเยียบ “เสี่ยวโม่!” 


 


 


พริบตาเดียว ร่างของเสี่ยวโม่ก็พุ่งเข้าไปหาหลิงเฉินประหนึ่งปีศาจ เขาเคลื่อนไหวเร็วมากจนไม่มีใครตอบสนองได้ทัน 


 


 


จากนั้นเขาก็ใช้มือตบหน้าหลิงเฉินจนร่างเขาลอยออกไป 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1363 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (8)  


 


 


“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหน” กลิ่นอายสังหารพุ่งออกจากร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมพานางออกมาก็ไสหัวไป ข้าจะตามหานางด้วยตัวเอง!” 


 


 


หลิงลี่หน้าซีดแล้วกำหมัดที่ถูกหุ้มด้วยพลังหนาแน่น เขาตะโกนแล้วตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิง 


 


 


ตอนนั้นเองก็มีเสียงเผด็จการดังผ่านอากาศ “หลิงลี่ ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายเพื่อนข้าละก็ เมืองบูรพาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” 


 


 


หงหลวนในอาภรณ์สีแดงปรากฏตัวหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง เสียงแข็งกระด้างของนางทำให้หลิงลี่หยุดการโจมตี 


 


 


“หงหลวน เจ้าเข้าข้างนางแล้วต่อต้านข้างั้นหรือ” หลิงลี่หรี่ตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ 


 


 


หงหลวนวางมือบนไหล่อวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นเพื่อนของข้าแล้วเจ้าเป็นใคร เจ้าคิดว่าข้าควรจะเข้าข้างเจ้ามากกว่านางงั้นหรือ” 


 


 


เมื่อมองสตรีชุดแดงข้างๆ นาง ความอบอุ่นก็แทรกผ่านหัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิง ตอนที่นางมาหาหลิงเฉินนางก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้ว่านางจะเอาชนะหลิงเฉินไม่ได้ แต่นางก็มั่นใจถึงห้าในสิบว่านางจะช่วยเสี่ยวไป๋แล้วหนีออกไปได้ 


 


 


แต่ว่า…หงหลวนกลับมาที่นี่! 


 


 


เพื่อนางแล้ว หงหลวนถึงกับยอมแตกหักกับจวนเจ้าเมืองอุดร! แล้วนางจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง!” หลิงลี่สูดหายใจลึกแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าได้ออกจากเมืองบูรพาไม่อย่างนั้นข้าจะสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้นแน่!” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะ “นั่นอยู่ที่ว่าเจ้ามีโอกาสหรือไม่!” 


 


 


“ฮึ่ม!” หลิงลี่ส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วหันไปหาผู้คุ้มกันสองคนที่ตัวสั่นอยู่ “พานางไปหาศิษย์!” 


 


 


สีหน้าของผู้คุ้มกันทั้งสองเต็มไปด้วยความกลัวเพราะตอนนั้นเองพวกเขาพึ่งนึกได้ว่าเหตุใดชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงถึงคุ้นนัก… 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่ชื่อของคนรักของหงหลวนหรอกหรือ แต่ว่าทำไมพวกเขาถึงบอกว่านางเป็นสตรีล่ะ 


 


 


“หงหลวน เจ้าเข้าข้างคนผิดแล้ว” หลิงเฉินหลุบตาพูด “ศิษย์ของอวิ๋นลั่วเฟิงต้องการอำนาจและต้องการยั่วยวนข้า แต่อวิ๋นลั่วเฟิงกลับกล้าสั่งให้คืนตัวนางไป! เจ้ายังจะปกป้องนางอีกหรือ” 


 


 


หงหลวนที่ได้ยินเสียงแหบตลกๆ ของหลิงเฉินก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและเดินตามอวิ๋นลั่วเฟิงไป 


 


 


ปัง!  


 


 


ประตูห้องเก็บของถูกเตะให้เปิดออก หลิงเฉินและคนอื่นที่ตอนแรกทำสีหน้าพึงพอใจก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นเหตุการณ์ภายในห้อง 


 


 


ผู้คุ้มกันสองคนที่ลักพาตัวหลินรั่วไป๋มาเกือบจะเป็นลมจากความตกใจ ในใจพวกเขาแอบรู้สึกสึกดีใจที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เปิดประตูเข้ามา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอพวกเขาอยู่… 


 


 


“อาจารย์ พี่ชาย!” 


 


 


หลินรั่วไป๋เงยหน้าก็เห็าทุกคนยืนอยู่ที่ประตู นางกระโจนเข้าหาเสี่ยวโม่แล้วร้องไห้คร่ำครวญ 


 


 


ปัง!  


 


 


เสี่ยวโม่เกือบจะล้มแต่ก็รีบทรงตัวก่อนปลอบหลินรั่วไป๋อย่างอ่อนโยน 


 


 


“ไม่เป็นไร นายหญิงกับข้ามาช่วยแล้ว…” 


 


 


“ฮือๆ ข้าสังหารคนไปแล้วแต่ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอขนาดนี้ ข้าแค่ตีเขาเบาๆ แล้วเขาก็ตายเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสังหารเขาจริงๆ นะเจ้าคะ” 


 


 


ตีเบาๆ … ทำให้ศีรษะของผู้คุ้มกันปลิวไปเลยงั้นหรือ 


 


 


หลิงลี่ทำสีหน้าดูไม่ได้ สาวน้อยผู้นี้กำลังดูถูกผู้คุ้มกันของจวนเจ้าเมืองอุดรอยู่ใช่หรือไม่ นางถึงกลับกล้าพูดว่าผู้คุ้มกันของเขาอ่อนแอ 


 


 


“ไม่ต้องกลัว เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด” เสี่ยวโม่อดไม่ได้ที่จะลูบหลังเสี่ยวไป๋ขณะส่งสายตาไปให้อวิ๋นลั่วเฟิง



ตอนที่ 1364 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (9)  


 


 


เขาไม่รู้ว่าจะปลอบหลินรั่วไป๋อย่างไรดี… 


 


 


“เสี่ยวไป๋” อวิ๋นลั่วเฟิงเดินไปหาหลินรั่วไป๋แล้วใช้มือลูบศีรษะนางเบาๆ ก่อนพูดอย่างอ่อนโยนว่า “โลกนี้เป็นโลกที่คนอ่อนแอเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่ง ถ้าเจ้าไม่ฆ่า เจ้าก็จะถูกฆ่า ดังนั้นในอนาคตถ้ามีคนมารังแกเจ้าเจ้าก็สามารถสังหารเขาได้ตามที่เจ้าต้องการ แล้วข้าจะจัดการที่เหลือเอง” 


 


 


“จริงหรือเจ้าคะ” หลินรั่วไป๋เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา “อาจารย์พูดถูกแล้ว! ถ้าใครรังแกข้า ข้าก็จะสังหารเขา” 


 


 


เด็กดีต้องเชื่อฟังอาจารย์ ในเมื่ออาจารย์บอกว่าการสังหารเป็นสิ่งที่ถูกต้องถ้านางฆ่าพวกเขาก็คงไม่เป็นอะไร 


 


 


“อาจารย์ พวกเขาก็หลอกข้าด้วยเหมือนกัน” หลินรั่วไป๋ชี้นิ้วไปที่ผู้คุ้มกันที่ยืนตัวสั่นอยู่ “พวกเขาหลอกพาข้ามาที่นี่แล้วพยายามจะถอดเสื้อผ้าข้า ข้าสังหารพวกเขาได้หรือไม่” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “ได้สิ” 


 


 


“ถ้าอย่างนั้น…ข้าจะฆ่าพวกเขา” หลินรั่วไป๋ยิ้ม รอยยิ้มของนางดูเจิดจ้า ใสซื่อและไร้เดียงสา 


 


 


ไม่มีใครคิดว่าคำพูดโหดร้ายพวกนี้จะออกมาจากของเด็กน้อยหน้าตาใสซื่อแบบนี้ 


 


 


“หยุด!” หลิงลี่โมโหขึ้นมาทันที เขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะกล้าสังหารคนของเขาต่อหน้าต่อตาแบบนี้! เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ก็รีบพุ่งเข้าไปหาหลินรั่วไป๋พร้อมทั้งปล่อยกลิ่นอายคลุมร่างกายจนเกิดเสียงดังสะนั่น 


 


 


ปัง!  


 


 


ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ขยับมาขวางหน้าหลินรั่วไป๋แล้วยกมือขึ้นรับการโจมตีของหลิงลี่ 


 


 


แล้วพลังฌานจำนวนมากก็ไหลแทรกซึมเข้าร่างนาง ทำให่นางถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา แต่นางก็ฝืนกลืนเลือดลงไป 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” หงหลวนตะโกน 


 


 


“นายหญิง!” สีหน้าของเสี่ยวโม่และหั่วหั่วเปลี่ยนไปโดยไม่ตั้งใจ 


 


 


การโจมตีของหลิงลี่รวดเร็วมากและอวิ๋นลั่วเฟิงเองก็ว่องไวเหมือนกันจนทำให้คนที่เหลือตอบสนองไม่ทัน 


 


 


เมื่อเทียบกับความกังวลที่คนอื่นมีแล้ว สายตาของหลิงลี่ฉายแววตกใจ “เป็นไปไม่ได้ นางเป็นแค่ผู้ฝึกณานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำ นางควรจะตายทันทีที่โดนข้าโจมตี แต่ทำไมนางถึงแค่ถอยหลังไปสองสามก้าวเท่านั้น เป็นไปไม่ได้!” 


 


 


ตอนนั้นเองหลังจากที่หลินรั่วไป๋หดกำปั้นที่ย้อมไปด้วยเลือดกลับมาอย่างไม่รีบร้อน แล้วก็มีรูปปรากฏขึ้นที่หน้าอกของผู้คุ้มกัน นางแลบลิ้นเล็กๆ ออกมาเลียเลือดที่มือ ทำให้รูปลักษณ์ของนางดูชั่วร้ายมาก ไม่เหลือร่องรอยความไร้เดียงสาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว 


 


 


“อาจารย์?” ทันทีที่หลินรั่วไป๋หันหลังกลับมาก็เห็นใบหน้าซีดเซียวของอวิ๋นลั่วเฟิง สายตานางว่างเปล่าไปชั่วครู่นางก็รีบเดินมายืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิง “อาจารย์ ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ” 


 


 


“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย 


 


 


ดวงตาสีดำของหลินรั่วไป๋ค่อยๆ ถูกย้อมไปสีแดงสดดั่งเลือด นางกำมือเล็กๆ ของแน่นขณะที่มองหลิงลี่อย่างเย็นเยียบ 


 


 


“เจ้าทำร้ายอาจารย์ของข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไป!” 


 


 


“เสี่ยวไป๋!” เมื่อเสี่ยวโม่เห็นท่าทางของเสี่ยวไป๋ เขาก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วรีบพุ่งเข้ามากอดร่างนางไว้แน่น 


 


 


“วิญญาณเจ้ายังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ เจ้าไม่สามารถใช้พลังเกินขอบเขตได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกปีศาจร้ายควบคุม!” 


 


 


“ปล่อยข้านะ!” 


 


 


ตูม!  


 


 


หลินรั่วไป๋ระเบิดพลังออกจากร่างจนทำให้เสี่ยวโม่ถอยหลังไปไกล อาจเป็นเพราะเสี่ยวโม่ไม่คิดว่าหลินรั่วไป๋จะทรงพลังขนาดนี้จนทำให้เขามองนางอย่างสับสน 


 


 


“พลังจากสายเลือดนาง…แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ โชคดีที่นางเป็นศิษย์ของนายหญิง ไม่อย่างนั้นนางต้องกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวแน่นอน” เสี่ยวโม่รู้สึกดีที่อวิ๋นลั่วเฟิงรับหลินรั่วไป๋เป็นศิษย์ 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1365 ที่อยู่ของอวิ๋นเซียว (10)  


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแล้วออกคำสั่ง “เสี่ยวไป๋ ถอยออกมา” นางรู้ว่าถ้าหลินรั่วไป๋ฝืนใช้พลัง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร 


 


 


หลินรั่วไป๋ชะงักแล้วรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง “อาจารย์…” 


 


 


“เสี่ยวไป๋ วิญญาณของเจ้ายังไม่สมบูรณ์ จำคำของข้าไว้ว่าในอนาคตเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พลังเกินขีดจำกัด” 


 


 


เสี่ยวไป๋เป็นเด็กที่เชื่อฟัง โดยเฉพาะคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ถึงแม้ว่านางจะยังโมโหและต้องการสังหารคนพวกนี้อยู่ นางก็จำต้องดึงพลังกลับมาแล้วกลับมายืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความเสียใจ 


 


 


“หลิงลี่ วันนี้เจ้าทำร้ายสหายของข้า วันหนึ่งข้าจะกลับชำระหนี้แค้นครั้งนี้!” หงหลวนจ้องหลิงลี่ด้วยสายตาเย็นเยียบ นางเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพยุงนางขึ้น “อีกอย่าง ข้าจะบอกท่านพ่อให้จัดการชำระหนี้กับเจ้าเร็วๆ นี้! อวิ๋นลั่วเฟิง ให้ข้าช่วยพาเจ้ากลับไปรักษา” 


 


 


ถ้าเป็นเมื่อก่อนหงหลวนคงพุ่งเข้าไปแก้แค้นหลิงลี่ด้วยความเดือดาลแล้ว แต่ตอนนี้นางใจเย็นขึ้นมาก นางรู้ว่าทั้งนางและอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงลี่ เพราะฉะนั้นอยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์ เป็นเรื่องดีกว่าถ้านางกลับไปขอความช่วยเหลือจากบิดา! 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรแล้วปล่อยให้หงหลวนพยุงนางจากไป หลังจากนางเดินออกมาจากสวนแล้วก็ออกคำสั่ง “หั่วหั่ว เจ้ากลับไปพร้อมเสี่ยวซู่และเสี่ยวไป๋ก่อน” 


 


 


“เจ้าค่ะ” หั่วหั่วพยักหน้าแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิง จากนั้นนางก็อุ้มเสี่ยวซู่แล้วดึงมือหลินรั่วไป๋ก่อนจะถีบร่างตัวเองพุ่งขึ้นฟ้า 


 


 


ตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นดวงตาดำมืดที่ลุกเป็นไฟของเสี่ยวซู่ สีหน้าของเขาเหมือนผู้ใหญ่มากกว่าเด็กตัวเล็กๆ อย่างที่ตัวเองเป็น 


 


 


“นายหญิง ท่านใช้พลังของมิติคัมภีร์เซียนอีกครั้งแล้ว” เสี่ยวโม่ทำปากยื่นแล้วพูดขึ้น 


 


 


พลังนี้แตกต่างจากพลังที่อวิ๋นลั่วเฟิงใช้ช่วยอวิ๋นเซียว ตอนนั้นนางฝืนผ่านด่านเพื่อช่วยอวิ๋นเซียวทำให้ผลกระทบร้ายแรง ครั้งนี้ถึงแม้นางใช้เพื่อเพิ่มพลังตัวเองเหมือนกันแต่ไม่ได้ใช้เพื่อผ่านด่าน ทำให้วิญญาณของนางอยู่ในภาวะอ่อนแอไปอีกสิบวันถึงครึ่งเดือน 


 


 


“พรูด!” เลือดที่อวิ๋นลั่วเฟิงฟื้นกลืนลงคอก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไปจนนางกระอักเลือดออกมา 


 


 


นางยิ้มบาง “นี่เป็นพลังของเจ้าเมืองแต่ละเมืองงั้นหรือ สักวันหนึ่งข้าจะอยู่เหนือพวกเขา!” 


 


 


“นายหญิง!” เสี่ยวโม่ตะโกนอย่างโกรธเคือง 


 


 


“เสี่ยวโม่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง” อวิ๋นลั่วเฟิงเลื่อนสายตาไปที่เด็กหนุ่ม “แต่ข้าไม่เสียใจในสิ่งที่ข้าทำไปแล้ว! ตราบใดที่เสี่ยวไป๋มีความสุข ข้าก็ไม่เสียใจ!” 


 


 


ถ้านางไม่ใช้พลังของคัมภีร์เซียน นางก็ไม่มีทางป้องกันการโจมตีของหลิงลี่ได้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะรอดพ้นความตายมาได้เพราะโชคช่วย นางต้องบาดเจ็บสาหัสมาก! 


 


 


“เสี่ยวโม่ อย่าบอกเรื่องนี้ใเสี่ยวไป๋รู้ ถึงแม้ว่านางจะยังไม่บรรลุภาวะ นางก็ไม่ได้โง่ ข้าไม่อยากให้นางกังวลมากเกินไป” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ที่สำคัญ อย่าลืมว่าข้าเป็นแพทย์คนหนึ่ง อีกไม่นานภาวะอ่อนแอนี้ก็จะหาย” 


 


 


บทสนทนานี้เกิดขึ้นผ่านจิตวิญญาณของพวกเขาสองคน ดังนั้นหงหลวนที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงไม่รู้เรื่องที่พวกเขาคุยกัน 


 


 


“ใช่แล้ว” หงหลวนนึกอะไรขึ้นมาได้ “ข้าไม่เจอเรื่องอะไรเกี่ยวกับเด็กที่อยู่กับหูหลีเลย ดังนั้นเขาไม่น่าจะใช่คนเมืองบูรพา ส่วนเรื่องจักรพรรดิปีศาจ…ข้าเจอที่อยู่เขาแล้ว” 


 


 


ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงว่างเปล่าแล้วหยุดเดิน นางหันมาหงหลวน “เขาอยู่ที่ไหน” 


 


 


“มณฑลคูหลงในเมืองหลวง!” 


 


 


“มณฑลคูหลงในเมืองหลวงงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปชั่วครู่ “เมื่อกลับไปแล้ว พวกเราจะเก็บของแล้วออกเดินทางพรุ่งนี้” 


 


 


“ไม่ได้” หงหลวนขมวดคิ้ว “เจ้าบาดเจ็บไม่หายพวกเราออกเดินทางพรุ่งนี้ไม่ได้!” 




ตอนที่ 1366 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (1)  


 


 


“อาการบาดเจ็บของข้าไม่ร้ายแรง ไม่ส่งผลต่อการเดินทาง” อวิ๋นลั่วเฟิงชำเลืองมองดวงตาเป็นประกาย “อวิ๋นเซียวต้องกำลังรอข้าอยูที่เมืองหลวง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็ต้องไปอยู่ข้างเขา” 


 


 


เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของนาง หงหลวนก็ไม่พูดอะไรอีก นางเดินตามอวิ๋นลั่วเฟิงไปเงียบขณะเผยรออยิ้มบนใบหน้างดงามของนาง 


 


 


… 


 


 


ภายในจวนเจ้าเมือง เมื่อหงหลิงรู้ว่าบุตรสาวตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่หลิงลี่ เขาก็โกรธจัดแล้วรีบยกคนไปทวงหนี้คืนจากหลิงลี่กับบุตรชาย 


 


 


ถึงแม้เสี่ยวโม่จะลงมือสังหารผู้คุ้มกันสามคนของเมืองอุดร แต่เพราะพวกเขาเป็นคนผิด เมื่อต้องเผชิญกับความเดือดจัดของหงหลิง หลิงลี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้สักคำเดียวแล้วยอมให้หงหลิงได้รับค่าชดใช้ไป 


 


 


ที่สำคัญนี่เป็นเขตเมืองบูรพาและคนของเขาก็ไม่อยู่ ถ้าเขาไม่ยอมก้มหัวให้หงหลิงก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งใหญ่ หากเป็นแบบนั้นแล้วทั้งสองฝ่ายต้องพบความสูญเสียอย่างมาก 


 


 


ในทางตรงกันข้ามกับหลิงลี่ที่พยายามยับยั้งอารมณ์ ความเดือดดาลของหลิงเฉินนั้นกลับลุกโชนขณะที่เขาจ้องหงหลิงตาไม่กะพริบ 


 


 


เขากำหมัดแน่นแล้วแสดงสีหนามาดร้าย วันหนึ่งเขาจะต้องเอาชนะเมืองบูรพาแล้วทำให้หงหลิงกับบุตรสาวขอร้องให้เขายกโทษให้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางปลดปล่อยความโกรธในใจนี้ได้ 


 


 


หงหลิงลงมืออย่างรุนแรงอยู่นานก่อนจะปล่อยหลิงลี่และบุตรชายไป เขาสะบัดแขนเสื้อเดินนำคนกลับจวนเจ้าเมืองบูรพา 


 


 


หลิงเฉินกัดฟันจนเกิดเสียงดังขณะที่จ้องเขม็งไปที่ทิศทางที่หงหลิงจากไป 


 


 


“ท่านพ่อ พวกเราจะปล่อยให้เขาดูถูกโดยที่ไม่ต่อต้านอะไรหรือขอรับ อีกอย่างพวกเรายังต้องชดเชยให้กับความสะเทือนใจที่หงหลวนได้รับอีกงั้นหรือ” 


 


 


หลิงเฉินรู้สึกรับไม่ได้สุดๆ บิดาเขาก็เป็นเจ้าเมืองอุรเหมือนกันแต่หงหลิงกลับไม่เห็นหัวพวกเขาเลยสักนิด 


 


 


“ครั้งนี้เป็นเราที่ทำผิดก่อนและที่นี่ก็คือเมืองบูรพา คงไม่ดีถ้าพวกเรามีปัญหากับหงหลิง!” หลิงลี่หรี่ตา ประกายอันตรายพาดผ่านดวงตา “ลูกเอ๋ย จำไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เมืองอุดรและเมืองบูรพาอยู่ด้วยกันไม่ได้! ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ข้าไม่ปล่อยหงหลวนไปแน่!” 


 


 


ต้องมีคนชดใช้อย่างเจ็บปวดกับการทำให้เขาอับอาย! 


 


 


“ท่านพ่อ ข้าต้องหารให้หงหลวนคลานอยู่ใต้เท้าข้าแล้วร้องขอให้ข้าให้อภัยนาง รวมถึงสตรีผู้นั้น อวิ๋นลั่วเฟิงด้วย พวกนางต้องตายอย่างอนาถ!” 


 


 


ตอนนั้นเองความรู้สึกผิดและเสียใจที่หลิงเฉินมีต่อหงหลวนก็หายไปทันที มันถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างไร้ที่สิ้นสุด 


 


 


หลิงลี่ตบบ่าหลิงเฉินแล้วพูดว่า “พวกเราจะออกจากที่นี่ทันทีแล้วกลับเมืองอุดรกัน หลังจากกลับจวนแล้วพ่อจะส่งเจ้าไปฝึกในเขตต้องห้ามเมื่อกลับมาความแข็งแกร่งของเจ้าจะเพิ่มขึ้น!” 


 


 


“ท่านพ่อพวกเราต้องปล่อยหงหลวนกับอวิ๋นลั่วเฟิงไปหรือขอรับ” หลิงเฉินมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าชั่วครู่ “ไม่ใช่ว่าท่านพูดว่าเมื่อพวกเราออกจากเมืองบูรพา ท่านจะสังหารพวกนางไม่ใช่เหรอขอรับ” 


 


 


หลิงลี่ส่ายหน้า “เทียบกับพวกนางแล้ว การเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้าสำคัญกว่า หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครสามารถหยุดการแก้แค้นของเจ้าได้! อีกอย่าง ข้าจะทิ้งคนไว้ที่เมืองบูรพา ถ้าหงหลวนกับอวิ๋นลั่วเฟิงออกจากเมืองเมื่อไหร่ พวกเขาจะลงมือทันที ส่วนเจ้า…ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่” 


 


 


“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ!” หลิงเฉินพยักหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “เจ้าดูถูกข้าเพราะข้าอ่อนแอกว่านางใช่หรือไม่ เมื่อไหร่ที่ข้าออกมาจากเขตต้องห้าม ข้าจะลากหงหลวนลงมาอยู่แทบเท้าแล้วทำให้นางเข้าใจว่านางสูญเสียไปขนาดไหนที่ปฏิเสธข้า!” 


 


 


ถึงแม้ว่าเขาจะมีเซี่ยชู หงหลวนก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขา จะมีบุรุษคนไหนที่มั่นใจว่าจะมีสตรีคนเดียวไปทั้งชีวิต นางมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกเขา 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1367 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (2)  


 


 


กลางดึกที่ดวงจันทร์กระจ่างใสดังพื้นน้ำ 


 


 


เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากนอกห้อง ทำให้หลิงเฉินที่กำลังงีบหลับลืมตาขึ้นมาทันที สายตาคมของเขามองออกไปด้านนอกแล้วตะโกนเสียงเข้มออกไป “นั่นใคร” 


 


 


ภายใต้บรรยากาศพร่ามัวในตอนกลางคืน ร่างเล็กๆ ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลเหมือนว่าเขาเพิ่งจะอยู่ในวัยหัดเดิน แต่เสียงหัวเราะชั่วร้ายเหมือนกับผีหิวโหยที่ปีนขึ้นมาจากนรกของเขาทำให้หลิงเฉินตัวสั่น 


 


 


ตอนที่หลิงเฉินกำลังจะไปดูว่าเป็นใคร เถาวัลย์จำนวนมหาศาลก็ล้อมรอบห้องเอาไว้แล้วจับหลิงเฉินขึงไว้บนกำแพง 


 


 


“หยุด…” 


 


 


ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร เถาวัลย์หนามเส้นหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากด้านข้างแล้วแทงเข้าไปในปากเขาทันที 


 


 


เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากทำให้หลิงเฉินเจ็บปวดแสนสาหัส ปากของเขาเกือบถูกฉีกขาด เขาต้องการร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ทำได้แค่ส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ในลำคอ 


 


 


เพียะ!  


 


 


เพียะ เพียะ เพียะ!  


 


 


เถาวัลย์ทั้งหมดฟาดหลิงเฉินอย่างโหดร้าย เพราะหลิงเฉินถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผิวหนังของเขาทั้งนุ่มทั้งบาง ไม่นานผิวของเขาแตกจนเลือดเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว 


 


 


ก่อนหน้าเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้ เด็กน้อยตัวอวบอ้วนคนหนึ่งตบมือแล้วหัวเราะคิกคักเหมือนกับว่าภาพที่เกิดขึ้นในห้องนั้นสนุกสนานมาก รอยยิ้มใสซื่อปรากฏบนใบหน้าน่าเอ็นดูของเขา 


 


 


“เสี่ยวซู่” 


 


 


ร่างเงาสีแดงร่อนจากต้นไม้ลงมายืนข้างเด็กน้อยตัวอวบอ้วน “พวกเราควรไปได้แล้วก่อนที่นายหญิงจะรู้ว่าพวกเราหายไป” 


 


 


เด็กน้อยทำปากยื่นเพราะเขายังสนุกไม่เต็มที่เลย แต่เขาก็เชื่อฟังยอมให้หั่วหั่วดึงมือเล็กๆ ของเขาค่อยๆ เดินออกจากสวน 


 


 


หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว เกราะป้องกันที่ถูกสร้างครอบคลุมพื้นที่ก็หายไป สาวใช้สองคนที่เดินผ่านก็ได้ยินเสียงฟาดดังออกมาจากในห้องทำให้พวกนางหน้าแดงด้วยความเขินอาย 


 


 


“นายน้อยแรงเยอะจริงๆ หลังจากที่แม่นางเซี่ยชูถูกขับไล่ นายน้อยก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับสตรีคนไหนอีกเลย ข้าสงสัยจริงๆ ว่าสตรีโชคดีในคืนนี้เป็นใคร” 


 


 


“พวกเราอย่ากวนนายน้อยดีกว่า เกรงว่าพวกเราอาจจะทำลายอารมณ์ของเขาได้” 


 


 


เมื่อเสียงของพวกนางค่อยๆ ห่างไป หลิงเฉินก็อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เขาต้องการหยุดสาวใช้สองคนนั้น แต่คอของเขาทำได้แค่ส่งเสียงคร่ำครวญ… 


 


 


ความจริงแล้วมีเหตุผลที่ทำให้สาวใช้ทั้งสองตอบสนองแบบนี้ 


 


 


ก่อนหน้านี้ที่เซี่ยชูยังอยู่ กิจกรรมยามค่ำคืนของพวกเขาเสียงดังมากราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขามีพลังงานล้นเหลือ 


 


 


ตอนแรกสาวใช้คิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบเข้ามาในห้องแต่กลับมาเห็นฉากน่าอายแทน หลังจากนั้นไม่ว่าเสียงกิจกรรมภายในห้องหลิงเฉินจะดังแค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าก้าวเท้าเข้าไปสักก้าวเดียว… 


 


 


ยิ่งสาวใช้ทั้งสองไม่มีประสบการณ์ในเรื่องกิจกรรมยามค่ำคืนจึงไม่รู้ความแตกต่างของเสียงที่ดังออกมาจากห้อง ถ้าเปลี่ยนเป็นสตรีที่สามีแล้วผ่านมา พวกนางจะรู้ว่ามีเพียงเสียงฟาดภายในห้องหลิงเฉินเท่านั้นแต่ไม่มีเสียงครางของสตรี ดังนั้นจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นคนในจวนเจ้าเมืองอุดรถึงเห็นนายน้อยของพวกเขานอนอยู่บนพืนในสภาพใกล้สิ้นใจ ผิวหนังของเขาแตกจากการถูกลงโทษจนเลือดไหลนองพื้น 


 


 


เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในจวนเจ้าเมืองอุดรนี้ หลิงลี่จึงส่งยอดฝีมือทุกคนไปหาตัวคนผิดเพื่อระบายความโกรธ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพาหลิงเฉินรีบออกจากเมืองบูรพาโดยไม่สนใจจะจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงอีก 




ตอนที่ 1368 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (3)  


 


 


ส่วนเหตุผลที่หลิงลี่ไม่คิดว่าคนผิดเป็นคนของจวนเจ้าเมืองบูรพาก็เพราะว่า…เมื่อคืนบุตรชายเขาโดยทำร้ายจนอาการสาหัสแต่เขากับไม่รู้เรื่องเลย คนที่ทำแบบนี้ได้ ในแคว้นมีจำนวนเพียงหยิบมือ และด้วยความแข็งแกร่งของหงหลวนก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ถูกหลิงลี่พบ ดังนั้นหลิงลี่จึงตัดพวกเขาออกจากผู้ต้องสงสัย… 


 


 


ขณะเดียวกันภายในจวนเจ้าเมืองบูรพา อวิ๋นลั่วเฟิงก็ได้รับข่าวเรื่องของหลิงเฉิน นางขมวดคิ้วแล้วมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง 


 


 


“พวกเจ้าไม่อธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือว่าเมื่อคืนพวกเจ้าทั้งคู่หายไปไหนมา” 


 


 


หั่วหั่วก้มหน้าไม่กล้าสบตาอวิ๋นลั่วเฟิง นางกำเสื้ออย่างกังวลแล้วแสดงท่าทียอมรับความผิด 


 


 


“ท่านแม่” เสี่ยวซู่ยื่นมือเล็กๆ ของเขาออกมาแล้วจับใบหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงเบาๆ ดวงตาของกระจ่างและสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ยามบ่าย 


 


 


“พวกเขารังแกท่าน…คนที่รังแกท่านเป็นคนไม่ดี!” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยื่นแขนไปกอดเด็กร่างอวบอ้วนแล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา “หั่วหั่ว เสี่ยวซู่ ในอนาคตอย่าลงมือทำอะไรโดยที่ข้าไม่ได้สั่ง เมืองอุดรต้องมีไพ่ตายในมือถึงมีอิทธิพลได้อย่างทุกวันนี้ ถ้าพวกเจ้าตกอยู่ในกำมือพวกเขา ไม่ใช่ข้าต้องเป็นคนไปช่วยหรือ” 


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ดวงตาของหั่วหั่วก็เป็นประกาย “นายหญิงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ตอนที่เสี่ยวซู่กับข้าลงมือ เสี่ยวโม่ก็ได้วางเกราะป้องกันพวกเราเอาไว้ ทำให้หลิงลี่ตรวจจับพวกเราไม่ได้!” 


 


 


สีหน้าของเสี่ยวโม่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหั่วหั่ว ตอนแรกเขายังมีความสุขในความโชคร้ายของพวกเขา แต่ตอนนี้ก็สายไปแล้วที่จะห้ามหั่วหั่วไม่ให้ขายเขาออกไปจนหมด 


 


 


“อ้อ?” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วส่งยิ้มจอมปลอมให้เสี่ยวโม่ “เจ้าเป็นคนที่รายงานเรื่องนี้ให้ข้า ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าเองก็มีส่วนเหมือนกัน” 


 


 


“อะไรนะ” หั่วหั่วลุกขึ้นยืนเท้าเอวอย่างโมโหแล้วมองเสี่ยวโม่อย่างโกรธเคือง “เจ้าบอกเรื่องข้ากับเสี่ยวซู่ให้นายหญิงทราบหรือ” 


 


 


“ข้าอธิบายได้…” เสี่ยวโม่ปาดเหงื่อ เขาต้องการอธิบาย แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ เสี่ยวซู่ก็โจมตีเขาโดยห้อยเขาไว้กลางอากาศแล้วตีเขา 


 


 


ถึงแม้ว่าเสี่ยวซู่จะเกิดมาได้ปีเดียว แต่ความฉลาดของเขาก็เลยเด็กวัยเตาะแตะอายุราวห้าหกปีแล้วเพราะเขาไม่ใช่มนุษย์ เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวโม่ขายพวกเขา ใบหน้าเล็กๆ ของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธจนลืมไปว่าใครเป็นคนเลี้ยงเขามา 


 


 


เสี่ยวโม่รู้สึกเสียใจ เป็นเพราะเมื่อคืนนี้อวิ๋นลั่วเฟิงถามเขาว่าหั่วหั่วไปไหน เขาเลยเผลอหลุดปาก ทำให้เขาต้องมารับผลตอบแทนตอนนี้ ถ้าเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคืนเขาคงปิดปากสนิทไม่ยอมพูดอะไรออกมา 


 


 


… 


 


 


หลังจากหงหลวนมาถึง นางก็เห็นเสียวโม่ถูกเถาวัลย์ของเสี่ยวซู่ห้อยไว้ในอากาศแล้วถูกตีไปด้วย นางอ้าปากค้างด้วยความตกใจจนคางแทบหลุด 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เขาเป็นบุตรชายเจ้าหรือ” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนพูดว่า “ไม่ใช่ แต่เขาเรียกข้าว่าแม่” 


 


 


“เมื่อกี้ข้าคิดว่าเขาเป็นบุตรชายเจ้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก” หงหลวนลูบคางแล้วองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยรอยยิ้มกว้าง “อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าเคยคิดว่าถ้าพวกเราออกไปช่วงนี้ต้องโดนยอดฝีมือของเมืองอุดรไล่ล่าแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขากำลังวุ่นวายกับการบาดเจ็บของหลิงเฉิน ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่สนใจพวกเราแล้ว ดังนั้นพวกเราควรฉวยโอกาสนี้ออกเดินทางกันเลย” 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1369 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (4)  


 


 


นางหยุดไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “อย่างไรก็ดี อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” 


 


 


“ไม่มีปัญหา” อวิ๋นลั่วเฟิงบิดขี้เกียจแล้วยืนขึ้น “หงหลวนไปบอกลาบิดาเจ้า แล้วหลังจากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทางกัน” 


 


 


หงหลวนชะงักก่อนจะหลุบตาลงต่ำแล้วเผยรอยยิ้มจนปัญญา 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะดูแลข้าดี แต่ข้าก็ไม่เคยลืมว่าท่านแม่ตายได้อย่างไร นอกจากท่านแม่ข้าจะฟื้นขึ้นมา ข้าก็คงไม่มีทางยกโทษให้เขาด้วยใจจริงได้…” 


 


 


ที่จริงการเปลี่ยนแปลงช่วงนี้ของหงหลิงทำให้หงหลวนหวั่นไหว ทว่าสิ่งเดียวที่นางยกโทษให้เขาไม่ได้คือการตายของมารดา! การที่มารดานางเสียชีวิตเป็นสิ่งที่นางลืมไม่ได้ แล้วถ้านางย้อนกลับไปไม่ได้ก็ยากที่นางจะยกโทษให้เขา! 


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าว่าโลกหลังความตายมีจริงหรือไม่” หงหลวนเงยหน้า สายตาของนางมองตรงไปที่หญิงสาว “ถ้าโลกหลังความตายมีจริง ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อพาท่านแม่ออกมา!” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบไหล่หงหลวนเพื่อปลอบนางโดยไม่เอ่ยอะไร 


 


 


เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ นางก็พูดขึ้นช้าๆ “ข้าจะรอเจ้าชั่วโมงหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเราค่อยออกเดินทาง” 


 


 


“ตกลง” นางไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่านางจะกลับมา นางควรจะไปบอกลาบิดาสักหน่อย 


 


 


ภายในห้อง บุรุษผู้หนึ่งยืนเอามือไพล่หลังแล้วหันหลังให้ประตู อาจเพราะสัมผัสได้ว่าหงหลวนกำลังจะจากไป เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจทั้งวัน ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกโดยมือขาวเนียนข้างหนึ่ง สตรีงดงามสวมชุดแดงเดินเข้ามาด้านใน 


 


 


“ท่านพ่อ…” นางเรียกเบาๆ นางมีคำพูดนับไม่ถ้วนที่อยากจะเอ่ย 


 


 


ชายวัยกลางคนชะงักแล้วหันมาช้าๆ ภาพลักษณ์สง่างามของเขาก็อ่อนลงทันทีที่เห็นบุตรสาว 


 


 


“หลวนเอ๋อร์ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ รอดูเจ้าพิสูจน์ว่าเจ้าถูกแต่ข้าผิด” 


 


 


หงหลวนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าข้าไม่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ก็สามารถยิ่งใหญ่ได้!” 


 


 


“ฮ่าๆ” หงหลิงหัวเราะอย่างมีความสุข “นี่สิถึงจะเป็นบุตรสาวข้า เจ้าไม่เคยทำให้พ่อเจ้าผิดหวัง เอาล่ะเจ้าควรไปกับอวิ๋นลั่วเฟิงได้แล้ว นางไม่ใช่สตรีธรรมดา ไม่แน่ว่าถ้าเจ้าติดตามนาง พวกเจ้าทั้งคู่อาจจะเดินทางไปทั่วโลกแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้” 


 


 


การแยกกันระหว่างบิดาและบุตรสาว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องละเอียดอ่อนทางความรู้สึก หงหลวนมองชายวัยกลางคนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหันหลังจากไป 


 


 


หลังจากนางไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าชายวัยกลางคนก็หายไป ตอนนั้นเองเขาก็ดูเหมือนจะอายุมากขึ้นเป็นสิบปี แผ่นหลังที่ตั้งตรงของเขาค่อยๆ ค้อมลง… 


 


 


“บางทีหลายปีมานี้ข้าคงทำผิดไปมากจริงๆ แต่ข้าคิดว่าสิ่งเดียวที่ข้าทำถูกคือการทำให้บุตรสาวข้าเกิดมา! หลวนเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะเกลียดหรือโทษพ่ออย่างไร พ่อก็จะยกเมืองบูรพาให้เจ้าในช่วงที่เหมาะสมที่สุด…” 


 


 


ภายในห้องทำงาน สิ่งที่ตอบเขามีแต่ความเงียบงัน 


 


 


ตอนที่กำลังเดินออกจากห้องทำงาน น้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของหงหลวน นางปาดน้ำตาแล้วมองประตูที่ปิดสนิทขณะที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นแน่วแน่อย่างช้าๆ 


 


 


“ท่านพ่อ หลังจากที่ข้ายิ่งใหญ่แล้วข้าจะต้องกลับมาฉลองชัยชนะแน่นอน!” 


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมารอหงหลวนที่ประตูแล้ว หลังจากหงหลวนปรากฏตัว นางก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “เมื่อเจ้าบอกลาเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องออกเดินทาง” 


 


 


หงหลวนกัดริมฝีปากก่อนคลี่ยิ้มบาง “ตกลง” 


 


 


… 


 


 


ณ เมืองวิญญาณ ภายในตระกูลจวิน 


 


 


ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานขณะมองไปที่หนังสือในมือด้วยความปวดหัว เขานวดขมับแล้วถอนหายใจ “นายท่านกับหลิงเอ๋อร์หายไปไหนกันนะ แน่นอนว่าทั้งคู่ต้องรู้สึกเป็นอิสระแล้วออกไปปลดปล่อยโดยโยนตระกูลจวินอันใหญ่หลวงไว้ให้ข้าจัดการ” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม