พระชายาปีศาจพันหน้า 131.1-139.2
ตอนที่ 131.1
โหลว ชิงอู๋ ออกจากหอน้ำชามา ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะของนางก็กำลังทำร้ายดวงตาของนางเล็กน้อย
นางยกมือขึ้นเพื่อป้องกันดวงตาของนางและในขณะที่นางกำลังจะวางมือลง จู่ๆ ก็มีร่างๆหนึ่งกระแทกเข้าใส่นาง
นางค่อยๆหรี่ตาลงและช่วยคนผู้นั้นขึ้น
“ขอบคุณ แม่นาง” เสียงที่เย็นและชัดเจน แต่นุ่มน่าหูดังเข้ามาที่หูของนางมันเป็นเสียงที่รื่นรมย์มาก
เมื่อได้ยินแบบนี้นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างคุ้นเคย
โหลง ชิงอู๋ ปล่อยมือและใบหน้าที่งดงามก็เข้ามาสู่ดวงตาของนาง
แต่เมื่อนางเห็นหน้านั้นชัดเจน โหลว ชิงอู๋ก็ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “นางสาวชั่งกวน “
ชั่งกวน อี้ยวิน แข็งค้างไปครู่หนึ่งเมื่อนางเห็นหน้าของโหลว ชิงอู๋ชัดเจนขึ้นพร้อมกับตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงบางสิ่งบางอย่างนางก็รู้สึกไม่สบายใจมองก่อนจะมองลงไปด้านล่างแทน “แม่นาง แม่นางโหลวช่างบังเอิญเสียจริง … “
“คุณหนูพวกเราควรจะกลับได้แล้วนะเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังชั่งกวน อี้ยวิน พูดขึ้น
นางไม่รู้จักโหลว ชิงอู๋ นางคิดว่านางเป็นเพียงบุตรสาวของเจ้าหน้าที่สามัญทั่วไป
“อืม” ชั่งกวน อี้ยวิน ตกลงและยิ้มอย่างอ่อนโยนไปที่โหลว ชิงอู๋ ก่อนที่จะจากไป
แต่ในเวลานี้เซี่ยโฮ่ว รุ่ย และเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนก็ไล่ตามมาทันพอดี
“แม่นางโหลว!”
“คุณหนู!”
หลานป๋ายตัวพองขึ้นทันทีในขณะที่นางวิ่งหน้าโหลว ชิงอู๋
นางมองไปที่นางอย่างไม่พอใจ
นางและเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน อยู่ในห้องข้างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ให้ได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เจ้านายของนางก็ออกมาไม่นานหลังจากนั้น
แล้วองค์ชายรองก็เริ่มไล่ตามนางมา ดังนั้นนางและองค์ชายเจ็ดจึงวิ่งตามมาด้วย
อย่างไรก็ตามพวกเขาเห็นเจ้านายของนางกำลังคุยอยู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงช่วยไม่ได้ที่จะมองนางอีกรอบ
เมื่อนางเห็นชัดๆ ว่านางคือชั่งกวน อี้ยวิน ดวงตาของนางเปิดกว้างขึ้น
มันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้น ใช่ไหม?
เซี่ยโฮ่ว รุ่ย ยังคงไม่เห็นชั่งกวน อี้ยวิน เพราะเขายังคงคิดถึงสิ่งที่โหลว ชิงอู๋ พูดกับเขาในห้องนั้น เขารู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งที่นางพูด
เขาไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนางกับราชบัลลังก์ เขาสามารถมีทั้งสองได้
ทำไมนางต้องถามเขา …
แต่ก่อนที่เขาจะสามารถไปหานางและถาม เขาก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลดังขึ้น “องค์ชาย องค์ชายรอง?”
หัวคิ้วของเซี่ยโฮ่ว รุ่ยขมวดขึ้น ก่อนจะหันไปด้านข้างเพื่อมองไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน
แต่เมื่อเขามองไปที่นางเป็นเวลานาง เขาก็ยังจำไม่ได้ว่านางเป็นใคร “เจ้า … “
เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนรู้สึกกลัวมากจนเกือบจะร้องเสียงแหลมขึ้น
เมื่อเซี่ยโฮ่ว รุ่ย พูดขึ้นเขาจึงรีบดึงแขนเสื้อของเขา ก่อนจะพูดขึ้น “พี่รอง นี่คือพี่สะใภ้รองในอนาคต!”
แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นความคิดไปเองของเขาหรือไม่ แต่เขารู้สึกเหมือนเมื่อพี่สะใภ้รองมองไปที่พี่รองของเขา นางดูไม่สบายใจเล็กน้อยและตื่นตระหนกเล็กน้อย
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซี่ยโฮ่ว รุ่ยแข็งทื่อขึ้น ในขณะที่กัดริมฝีปากของเขาเข้าหากัน
ทางด้านหลังของชั่งกวน อี้ยวิน สาวใช้ของนางก็เต็มไปด้วยความตกใจและรีบไปทักทายเขาขึ้นทันที “องค์ชายรอง!”
แต่สายตาของนางยิ่งดูหวาดกลัวมากกว่าของชั่งกวน อี้ยวินเสียอีก
โหลว ชิงอู๋ มองดูการแสดงออกของพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะหรี่ตาของนางลงเล็กน้อย
นางกวาดสายตาของนางไปที่ชั้นสองของหอน้ำชาและเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอยู่บนนั้น
“ดูเหมือนว่าแม่นางชั่งกวน จะตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะเมื่อมาหาองค์ชายรอง เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน “
หลังจากพูดจบ นางก้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังจะจากไป
หลานไป๋ รีบวิ่งตามไป แต่ก็ยังรู้สึกราวกับว่าการแสดงออกของชั่งกวน อี้ยวิน นั้นไม่ปกติ
เมื่อพวกเขามีระยะห่างที่มากพอ โหลว ชิงอู๋ก็ชะลอเท้าของนางลง
ด้านหลังนาง หลานป๋าย รีบไล่ตามมาอีกสองสามก้าวก่อนจะตามทันในที่สุด
“นายท่าน ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนใบหน้าของแม่นางชั่งกวน ซีดลงเมื่อนางเห็นองค์ชายรอง?”
“เพราะนางไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบองค์ชายรอง”
“อ่า? ทำไมละเจ้าค่ะ? แล้วนางมาที่นี่เพื่อพบใคร? “หลานป๋าย ไม่เข้าใจ
ถ้านางไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบองค์ชายรอง แล้วทำไมแม่นางชั่งกวน ถึงมาที่หอน้ำชา ที่ที่วุ่นวายเช่นนี้?
แม้ว่าจะมีคุณหนูอีกหลายคนที่จะมาที่นี่ แต่ไม่ใช่ว่านางกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายรองหรอกหรือ
ในฐานะอนาคตพระชายาขององค์ชายรอง นางไม่ควรที่จะใช้เวลาในการเตรียมตัวและรอคอยการแต่งงานหรือ?
“…. ” โหลว ชิงอู๋ไม่ได้ตอบคำถามของหลานป๋าย
แน่นอนว่านางรู้ว่าชั่งกวน อี้ยวิน มาพบใคร
ตอนที่ 131.2
ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้เซี่ยโฮ่ว รุ่ย ได้ถูกส่งไปสถานที่ที่กันดานอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดเรื่องของฮองเฮาขึ้น
นอกเหนือจากเรื่องของฮองเฮาแล้ว ยังมีบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
นั่นคือในตอนนั้น เมื่อพระชายารองชั่งกวน อี้ยวิน แอบมีชู้และหนีไปด้วยกัน
ในเวลานั้นเซี่ยโฮ่ว รุ่ย กลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะไปทั่วเมืองหลวง
สิ่งนี้ทำให้เขากระตือรือร้นที่จะออกจากเมืองหลวงและต่อจากนั้น เขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
เหตุผลที่ว่าทำไมพระสนมอิง ถึงได้ปล่อยให้ฮองเฮาเลือกพระชายาให้กับเซี่ยโฮ่ว รุ่ย เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยว่าพระราชารองจะเป็น …ชั่งกวน อี้ยวิน
นางกลัวว่าพวกเขาจะรู้เรื่องราวของชั่งกวน อี้ยวิน แล้ว นั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขามั่นใจในตนเอง
“เมืองหลวง … กำลังจะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง”
นางยกศีรษะขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์เหนือนาง
ดวงอาทิตย์ทำให้ดวงตาของนางแทบมืดบอด แต่นางก็เงยหน้าขึ้นมองจนกระทั่งดวงตาของนางเริ่มเจ็บ
จากนั้นนางก็ค่อยๆมองลงล่าง เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง จะปล่อยให้เซี่ยโฮ่ว รุ่ย กลายเป็นองค์รัชทายาทง่ายๆ ได้อย่างไร?
นางกลัวว่าเขากำลังจะเดินหน้าในเร็ว ๆ นี้
เช่นนั้นนางก็ควรเตรียมของขวัญให้กับเขาด้วยเช่นกัน
เมื่อค่ำมือมาถึง โหลว ชิงอู๋ ก็กลับมาที่เรือนลมเอียงของนาง
นางบอกหลานป๋าย ให้ไปพักผ่อนในขณะที่นางผลักประตูห้องของนางให้เปิดออก
แต่ในขณะที่นางก้าวเข้าไปได้เพียงก้าวเดียว ความรู้สึกที่ว่องไว้ของนางก็บอกให้นางรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องของนาง
กลิ่นที่ชัดเจนของเหล้าและกลิ่นอายที่ดำมืดมันเป็นกลิ่นที่พิเศษมาก
หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ ขยับเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปปิดประตูลงเงียบ ๆ
นางเดินทีละก้าวๆ ไปยังที่เตียงของนางและเมื่อเข่าของนางกำลังจะตกลงไปที่ขอบเตียง ร่างในเงามืดก็กดนางลง
โหลว ชิงอู๋หันไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่มือที่เย็นจัดของใครอีกคนก็คว้าข้อมือนางไว้ ในขณะที่กดนางลงไปบนเตียง
ลมหายใจของพวกเขาผสมเข้าไปด้วยใน ก่อนที่ลมหายใจของอีกฝ่ายจะปะทะลงมาที่ลำคอโหลว ชิงอู๋
กลิ่นที่ดำมืดปะทะเข้ามาที่จมูกของนางพร้อมกลิ่นเหล้าที่รุ่นแรงมากขึ้น
นางพยายามเล็กน้อย ก่อนที่มือที่จับอยู่ที่ข้อมือของนางจะแน่นขึ้นเล็กน้อย
เมื่อดวงตาของนางเริ่มคุ้นเคยกับความมืด นางก็เงยศีรษะขึ้นและเผชิญหน้ากับดวงตาหงส์ของอีกฝ่าย
“ศิษย์พี่ ลุกขึ้น … “
นางยกมือที่นุ่มนวลของนางไปที่คอของเฟิง เหย่เก้อร์ แต่ในตอนท้ายนางก็ไม่สามารถทบที่จะลงมือทำร้ายเขาได้
“อืม … ” อยู่ใกล้ๆ ลำคอของนาง ศีรษะของใครบางคนยังพึมพำตกลง แต่กลับยังคงตั้งใจที่จะกดทับลงมาที่ร่างของนางไม้เว้นแม้แต่นิ้วเดียว
เสียงที่เบาเต็มไปด้วยความมึนงง ไม่ชัดเจนทำให้ฟังดูเหมือนว่าเขาจะเมามาก
“เฟิง เหย่เก้อร์ ลุกขึ้น ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้เมา “โหลว ชิงอู๋ รู้สึกอายและรู้สึกราวกับถูกดูหมิ่นเล็กน้อย ในขณะที่นางจ้องมองเขา
“ไม่ ข้าเมา” เขาพึมพำด้วยเสียงที่ต่ำอยู่ข้างๆ หูของนาง มีน้ำเสียงที่มึนเมาส่วนใหญ่และชัดเจนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โหลว ชิงอู่ รู้สึกช่วยไม่ได้ ดวงตาที่งดงามของนางปิดลงเล็กน้อยราวกับดาวบนท้องฟ้ายามค่ำ
“ศิษย์ที่ใหญ่ คนที่เมาไม่เคยพูดว่าพวกเขาเมา”
“…. ” คนที่นอนอยู่ด้านบนของนางไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนแม้แต่น้อย
เขาเพียงแค่ใช้ใบหน้าของเขาถูไปที่หัวของนางเหมือนแมวตัวใหญ่ แต่ไม่ได้ขยับส่วนที่เหลือของร่างกายของเขา
โหลว ชิงอู๋ ยังคงจ้องมองเขา
มันจะไม่มีประโยชน์อะไรแม้ว่าเขาจะแกล้งทำเป็นตาย
“ข้าจะนับถึงสามและถ้าท่านยังไม่ลุกขึ้น ข้าจะโกรธมาก ศิษย์พี่ควรรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อข้าโกรธ”
นางหรี่ดวงตาลง ในขณะที่มองไปที่ฝ่ายตรงกันข้าม
ในความมืดนางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเฟิง เหย่เก้อร์ได้อย่างชัดเจน แต่นางสามารถมองเห็นคู่ของดวงตาหงส์ซึ่งทำให้หัวใจของนางอ่อนลงอีกครั้งและอีกครั้ง
แต่เพราะหัวใจนางอ่อนลง นั่นหมายความว่านางจะต้องปฏิบัติกับเขาอย่างไม่เป็นธรรม
ดวงตาของนางดำมืดลง เมื่อเสียงของนางกลายเป็นแหบแห้งขึ้น “สาม”
เฟิง เหย่เก้อร์ “……”
“สอง”
เฟิง เหย่เก้อร์ “……”
ตอนที่ 132.1
“หนึ่ง ….”
ในขณะที่คำว่า ‘หนึ่ง‘ สิ้นสุดลง น้ำหนักบนร่างของนางก็หายไป
เฟิง เหย่เก้อร์ พลิกตัวกลับไปนอนข้างๆ โหลว ชิงอู๋ ก่อนจะถอนหายใจ ขึ้นเบาๆ “ศิษย์น้อง เจ้าช่วยทำเป็นไม่ฉลาดสักครั้งไม่ได้หรือ?”
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางที่ถูกมองออกได้อย่างง่ายดาย
“แต่ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ฉลาดหรือไม่ก็ตาม ศิษย์ก็ควรรู้ว่าเมื่อข้าตัดสินใจอะไรลงไปแล้วข้าจะไม่เปลี่ยนใจ” นางพลิกตัวลุกขึ้นนั่งและลุกขึ้นจากเตียง
โหลว ชิงอู๋ จุดเทียนทำให้ห้องสว่างขึ้นทันที
ข้างนอกเสียงของหลานป๋ายก็ดังขึ้น
“นายท่าน ทำไมท่านยังไม่เข้านอกอีกเจ้าค่ะ?”
“อีกสักพักข้าถึงจะเข้านอน เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ”
การเคลื่อนไหวด้านนอกหยุดลง ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ หันมา ดวงตาที่งดงามของนางมองไปทางเฟิง เหย่เก้อร์
ที่ได้ลุกขึ้นนั่งสักพักแล้ว หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาที่มองไม่อาจเปรียบเทียบได้และดวงตาหงส์ของเขาก็ทำให้โหลว ชิงอู๋ต้องมองลงล่าง
“ศิษย์พี่ … ” มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องทำเช่นนี้?
“มันต้องเป็นเขาหรือ? เจ้าก็ได้ตรวจสอบการกระทำของเขาก่อนหน้านี้แล้ว เขาไม่จริงใจต่อเจ้า “
ในตอนแรก เขาจะไม่ได้คิดที่จะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาดัง ๆ แต่หลังจากที่ได้พบกับนาง ดูเหมือนว่าหลักการก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาได้ถูกทำลายลง
โหลว ชิงอู๋ ยังคงเงียบ
แสงเทียนข้างหูของนางทำให้มีเสียงเบา ๆ ขึ้น ก่อนที่เสียงที่ว่างเปล่าของนางดังออกมา
“…. ใช่”
“แต่ถ้าเจ้าชอบเขา ทำไมไม่ทำให้เขาเป็นฮ่องเต้?” นิ้วมือสิบนิ้วของเขาจับกันแน่นขึ้น ดวงตาของเฟิง เหย่เก้อร์ กำลังตั้งคำถาม
“…. วังหลังของฮ่องเต้ต่างก็เต็มไปด้วยหญิงงามถึงสามพันคน เช่นนั้นยอมไม่ดี” หลังจากที่เงียบไป โหลว ชิงอู๋ก็พบเหตุผลที่เหมาะสม
“ศิษย์พี่ของเจ้าจะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น”
ศิษย์น้อง ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้?
“ศิษย์พี่ก็คือศิษย์พี่ คนรักก็คือคนรัก ศิษย์เป็นเช่นนี้มันทำให้รู้สึกยากลำบาก”นางลดดงตาลงเพื่อซ่อนอารมณ์ในหัวใจของนางเอาไว้
นางยังคงไม่เต็มใจที่จะลากเขาลงไปกับนาง
ทำไมเขาถึงต้องดื้อรั้นเช่นนี้?
“แต่ถ้าข้าให้เจ้าแต่งงานกับคนอื่น เจ้าจะยิ่งทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับศิษย์คนนี้”
“….”
“มันต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ?”
“…. ใช่”
เฟิง เหย่เก้อร์เงียบเป็นเวลานานและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
ในอากาศที่ว่างเปล่า กลิ่นของไฟดูเหมือนจะห้อมล้อมไปทั่วหัวใจโหลว ชิงอู๋ เหมือนปีศาจที่พันไปรอบๆ หัวใจของนาง
มันเป็นราวกับความกระหายเลือดและคว้าไปที่หัวใจนาง
หลังจากผ่านไปสิบนาที เฟิง เหย่เก้อร์ก็ยกศีรษะขึ้น
พวกเราเพียงแค่อยู่คนละด้านของห้อง เขาเฝ้ามองนางอยู่ห่าง ๆ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอยู่ระหว่างพวกเขา แต่มีบางอย่างที่ปิดกั้นความรู้สึกของความรักและความเกลียดชังเหล่านั้นเป็นพัน ๆชั้น
นางไม่สามารถออกไปและเขาก็ไม่สามารถก้าวเข้ามาได้
…. ขอโทษ
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว “เฟิง เหย่เก้อร์ยิ้ม แต่กลับเต็มไปด้วยความขมขื่น
เขาลุกขึ้นยืนจากที่นอน ดวงตาของเขาลดลง ในขณะที่เขาก้าวออกไปข้างนอก
เมื่อเขาเดินผ่านโหลว ชิงอู๋ ไปเขาก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น
“สิบวันต่อจากนี้ ข้าจะออกจากเมืองหลวง ถ้าก่อนหน้านั้น เจ้าเปลี่ยนความคิดของเจ้า ข้าก็จะอยู่ในเมืองหลวง … ข้าจะรอคำตอบของเจ้า “
มือโหลว ชิงอู๋ จับเข้ากันอย่างแน่นหนา ในขณะที่นางได้ยินประตูเปิดและปิดลง
ทั้งโลกกลับคืนสู้ความเงียบเหมือนก่อนหน้านี้ได้อย่างรวดเร็ด
แต่นางดูเหมือนจะเป็นคนเดียวในโลกที่โดดเดี่ยว
เมื่อหลายป๋าย เปิดประตูเข้ามาในวันต่อมา นางก็พบโหลว ชิงอู๋ นั่งอยู่บนม้านั่งยาวราวกับคนที่อยู่ในความสับสน
นางแข็งค้างไปครู่หนึ่ง “นานท่าน ท่านตื่นเช้าหรือท่านไม่นอนเลยทั้งคืน?”
มิเช่นนั้นแล้วทำไมผ้าห่มที่อยู่บนเตียงยังคงเรียบร้อยอยู่เช่นเดิม?
“หลายป๋าย” โหลว ชิงอู๋ ไม่ได้ตอบนาง
ตรงกันข้าม นางค่อยๆเงยหน้าขึ้น และสายตาของนางก็ให้คำตอบแก่หลานป๋ายแทน
“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนแบบไหน?”
ตอนที่ 132.2
“อืม? นายท่าน ทำไมท่านถึงได้ถามข้าเช่นนี้? ถ้าให้ข้าต้องพูดว่าท่านเป็นคนประเภทไหนในสายตาของข้า แน่นอนว่าท่านเป็นราวกับพระเจ้า ถ้าไม่มีนายท่านก็จะไม่มีหลานป๋ายในวันนี้ ”
หลานป๋าย พูดขึ้นอย่างจริงจังเพราะนั่นคือสิ่งที่นางคิด
ถ้าไม่มีนายท่าน นางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะถูกขายไปที่ไหน
แต่ไม่ว่านางจะถูกขายไปที่ไหนก็ตาม ก็จะมีเพียงจุดจบรออยู่เท่านั้น
แต่นางได้พบกับเจ้านายของนางและไม่เพียงแต่นางยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระ นางยังได้พบกับคนดี ๆ อีกมากมายด้วย
ในชีวิตนี้มันถือว่าเป็นโชคดีของนางที่จะได้พบกับเจ้านายของนาง
“เจ้าคิดว่าข้าไร้หัวใจหรือไม่?” การแสดงออกของโหลว ชิงอู๋ ดูเหมือนจะผิดปกติ
หลานป๋าย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินไปทางโหลว ชิงอู๋ และ นั่งคุกเข่าลงไปต่อหน้านาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่โหลว ชิงอู๋
“แล้วเช่นนั้นนายท่าน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ภายในหัวใจของท่าน? ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็ตาม ตราบใดที่ท่านทำตามหัวใจของท่าน ทุกอย่างก็จะไม่เป็นไร “
“ตามหัวใจของข้าหรือ? แต่ถ้าหัวใจข้าตายไปเล่า? ”
“…. ” ถ้าหัวใจคนตายไปแล้ว พวกเขาจะไม่มีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
“นายท่าน ท่านกำลังคิดเกี่ยวกับท่านอ๋องรัตติกาลหรือ?”
“… ใช่” นางช่วยไม่ได้ที่จะลูกหัวของหลานป๋าย และช่วยนางลุกขึ้น
นางลังเลและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดคืน
ในท้ายที่สุดนางก็ตระหนักว่านางไม่ได้ไร้ความรู้สึกต่อเฟิง เหย่เก้อร์ แต่หัวใจนางมีหมุดนับพันๆ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถจะมีที่ให้ใครอยู่ได้
นางไม่สามารถตัดสินใจได้ว่านางมีความรู้สึกอย่างไรที่ต่อเฟิง เหย่เก้อร์ และแทนที่จะคิดถึงและตั้งคำถามที่ไม่เกิดประโยชน์เช่นนี้ บางทีนางควรจะไปกับไหลไปกับมัน
เช้าตรู่หลานป๋าย กลับมาอีกครั้งและบอกนางว่าองค์ชายสามเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มา
นางตกลงกับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ว่าพวกเขาจะไปที่ค่ายทหารเพื่อไปขี่ม้าและโหลว ชิงอู๋ก็ไม่ได้คิดมากอะไร
หลานป๋ายหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้และค่อยๆถามว่านางยังต้องการที่จะไปอยู่หรือไม่
“นายท่าน ถ้าท่านและองค์ชายสามไปที่ค่ายทหารอาจจะมีข่าวลือแพร่กระจายออกไปรอบ ๆ อีกครั้ง”
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาพูดในสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าของนางและรวบผมของนางในแบบหางม้า
ชุดขี่ร่างกายรัดร่างของนางแน่นและเผยให้เห็นถึงความงามที่มีสัดส่วนที่งดงามของนาง
ดวงตาของนางลึกและนิ่งสงบ ร่างกายของนางเกือบจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่จริดจ้า
ตาของของหลานป๋าย เปิดกว้างและจู่ๆ นางก็รู้สึกเสียดายที่นางไม่สามารถไปได้
“วันนี้ พันหน้าจะส่งหนอนวูดูมา รออยู่ที่นี่และไม่ต้องตามไปที่ค่ายทหาร”
การไปที่ค่ายทหารเพื่อไปขี่ม้านะหรือ?
ข้ออ้างเช่นนี้และโอกาสอันสูงส่งดังกล่าวเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ด้วยบุคลิกของเขา เขาจะพลาดได้อย่างไร?
ด้านหลังบริเวณค่ายทหารมีพื้นที่ล่าสัตว์อยู่และถ้าพวกเขาไปที่นั่น พวกเขาจะไม่ไปล่าสัตว์ได้อย่างไร?
และการล่าสัตว์เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง แน่นอนจะต้องมีทหารที่จะคอยเสียสละอยู่ที่นั่นและเนื่องจากเป้าหมายของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง คือนาง นางจะไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
แต่หลายไป๋แตกต่างกัน
นางจะไม่ยอมปล่อยให้มีโอกาสที่นางจะได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
“… เจ้าค่ะ” เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าของหลานป๋าย โหลว ชิงอู๋ ก็หัวเราะและบีบหน้าของนางขึ้นทันที
“หนอนวูดูเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นช่วยปกป้องมันแทนข้าด้วย”
ไม่นาน หยวนเฉิน จะได้รู้ว่าความหมายของการได้รับรสชาติของยาของนางเองเป็นอย่างไร!
เมื่อโหลว ชิงอู๋ เดินออกไปนอกจวน เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อเขาเห็นโหลว ชิงอู๋ ดวงตาของเขาสว่างไสวขึ้นไม่ได้ซ่อนความงดงามที่น่าทึ่งที่เขาได้รับจากนางไว้แม้แต่น้อย
เขากระโดดลงมาจากม้าของเขาและเดินไปหานาง
“ชิงอู๋ เจ้าดูงดงามมากในชุดเหล่านี้”
“องค์ชายสามอย่าล่อชิงอู่เล่นมากนัก แล้วพี่สาวเหย่ล่ะเจ้าค่ะ”โหลว ชิงอู๋ ลดสายตาลง และไม่ได้มองหน้าของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
มิฉะนั้นนางก็กลัวว่านางจะบังเอิญเปิดเผยความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อเขาออกมา
“นางนะหรือ ไปหาพี่ชายเหย่ของนางแล้วฮ่าๆ ข้าไม่รู้ว่าท่านอ๋องรัตติกาลจะมาในวันนี้ด้วยหรือไม่? ”
“จริงหรือเจ้าค่ะ?” โหลว ชิงอู๋กำหมัดของนางเอาไว้แน่น
ตอนที่ 133.1
“พี่ชาย น้องชิงอู๋!” เสียงของเหย่ จี้ ดังขึ้นจากด้านหลัง
โหลว ชิงอู๋ หันไปทางด้านข้างและเห็นรถม้ากำลังหยุดลงช้าๆ
ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเหย่ จี้ ยื่นออกจากหน้าต่าง ในขณะที่นางยกผ้าม่านที่มีอัญมณีสีฟ้าห้อยลงมาขึ้น
สีฟ้าจากอัญมณีส่องกระทบสีผิวของนาง ทำให้มันดูงดงามและเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น
นางโบกมือ ในขณะที่นางถอดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นความงดงามที่ดูแปลกตาและมีชีวิตชีวา
เมื่อนางมาถึงตรงที่โหลว ชิงอู๋และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง อยู่นางก็กระโดดลงจากรถม้าและในเวลาเดียวกันก็ยกม่านที่อยู่ด้านหลังของนางขึ้นด้วย
“น้องชิงอู๋ พี่ชายเหย่ก็มาด้วยเช่นกัน”
ผ้าม่านเปิดกว้างขึ้นและเผยให้เห็นเฟิ่ง เหย่เก้อที่อยู่ในชุดสีดำปักทองของเขา
หน้าตาหล่อเหลาและเย็นชาของเขาเหมือนน้ำแข็งในขณะที่เขายกหัวคิ้วขึ้น
ด้วยเหตุผลบางอย่างมันยากที่จะมองออกไปจากใบหน้าของเขาได้
เมื่อเขาเห็น โหลว ชิงอู๋ และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาก็โค้งขึ้น
“แม่นางโหลว”
จากนั้นดวงตาของเขาก็ขยับช้าๆไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งแข็งค้างไปชั่วครู่ ก่อนที่จะยิ้มขึ้น “ท่านอ๋องรัตติกาล”
“…. ท่านอ๋องรัตติกาล” จู่ ๆโหลว ชิงอู๋ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิธีการที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันกำลังจู่โจมด้วยอะไรบางอย่าง
นางลดสายตาลง แต่ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง แต่ระลอกคลื่นในหัวใจของนางกำลังถูกนางพยายามระงับเอาไว้
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง การแสดงออกของนางก็อบอุ่นและน่าหลงใหล บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ
ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อ หรี่ลงเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“น้องชิงอู๋ ขึ้นมาเร็วเข้า ไปล่าสัตว์และขี่ม้าด้วยกัน ข้าได้ยินมาว่าบริเวณล่าสัตว์เพิ่งจะมีกลุ่มกวางตัวใหญ่ผ่านมา “
“ไม่จำเป็น” โหลว ชิงอู๋ ปฏิเสธนางขึ้นทันที
เหย่ จี้ถึงกับมองกระพริบตาขึ้น ก่อนจะมองนางอย่างตกตะลึง
“แล้วเช่นนั้น น้องชิงอู๋ อยากจะนั่งกับพี่ชายบนม้าตัวเดียวกันอย่างนั้นหรือ” ใครจะรู้ว่าสาว ๆ จากเมืองหลวงจะกล้าหาญและกล้าได้กล้าเสียเช่นนี้
ดวงตาหงส์ของเฟิ่ง เหย่เก้อเป็นประกายเยือกเย็นขึ้นทันที
“แม่นางเหย่คงจะกำลังล้อข้าเล่น แน่นอนว่ามันไม่ใช่” หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวดขึ้น ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านหลิวและพยักหน้าให้เขา
คนใช้ของจวนตระกูลโหลว จึงได้รีบพาม้าออกทันทีพร้อมกับความผิดหวังของเหย่ จี้
นางมุ่งหน้าไปทางรถม้าที่อยู่ข้างหลังของนางและเนื่องจากการเคลื่อนไหวของนางกระดิ่งก็ดังขึ้น
โหลว ชิงอู๋ ไม่สนใจนาง ในขณะที่นางคว้าบังเหียนมาและกระโดดขึ้นไปบนหลังม้าด้วยการเคลื่อนไหวที่งดงาม
ความชื่นชมของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่งที่มีต่อนางเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่เขามอง โหลว ชิงอู๋ ด้วยดวงตาที่ลึกซึ้งมากขึ้น
เหย่ จี้ เองก็รู้สึกทึ่ง ก่อนจะหันไปมองเฟิ่ง เหย่เก้อ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เคยเฝ้าดูโหลว ชิงอู๋ มุมปากของนางโค้งขึ้น ไปด้านข้าง ก่อนจะพูดขึ้น “น้องชิงอู๋มีฝีมือไม่น้อย ข้ารู้สึกอิจฉาเจ้าเพราะข้าขี่ม้าไม่เป็น”
โหลว ชิงอู๋ ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
อยู่ไม่ไกลจากตระกูลเหย่ไป๋ มีชนเผ่าหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ด้วยการค้าพันธุ์ม้ามานับรุ่นต่อรุ่น
แล้วนางจะไม่รู้ว่าวิธีที่จะขี่ม้าได้อย่างไร?
ขาของนางกดลงไปกับท้องของม้า ในขณะที่นางเอนไปข้างหน้าเพื่อขี่ม้าของนางออกไป
ดวงอาทิตย์ที่สดใสอยู่สูงเหนือศีรษะ แต่ความว่างเปล่าในหัวใจของนางกลับกระจายไปทั่วทั้งแขนและขา
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้าและตามนางไป
เหย่ จี้ ไม่ได้สนใจ ในขณะที่นางขึ้นไปบนรถม้าและเข้าไปด้านในเพื่อยั่วยวนเฟิ่ง เหย่เก้อต่อ
“พี่ชายเหย่ เมื่อพวกเราไปถึงค่ายทหาร ท่านต้องสอนวิธีขี่ม้าให้กับข้ารู้ไหม”
“….. “เฟิ่ง เหย่เก้อเพียงแค่พลิกหน้าหนังสือที่เขาอ่าน ไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหัว
“อา! เช่นนั้นข้าจะถือว่าพี่ชายเหย่ตกลง! ฮาฮ่าๆ พี่ชายเหย่ใจดีที่สุด! “
“…..”
จากทางด้านหลัง พวกเขาสามารถได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ารักและมีเสน่ห์ของเหย่ จี้ จากในรถม้า
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หันมากลับไปมองและช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “เด็กคนนั้นเมื่ออยู่กับท่านอ๋องรัตติกาลก็กลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต้ เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจ “
“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ก็ยังคงมองไปทางด้านหน้าพวกเขา ทั้งสองคนไม่ได้ขี่ม้าเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป
“จริงๆแล้วข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าไปฝึกขี่ม้ามาตั้งเเต่เมื่อชิงอู๋?”
ตอนที่ 133.2
“ไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ข้าได้ถูกส่งไปยังชนบทและนั่นคือที่ที่ข้าได้เรียนรู้วิธีที่จะขี่ม้า”
“เช่นนั้นหรือ”เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง รู้สึกเสียใจที่ได้ถามคำถามนี้
เมื่อเหตุผลที่ทำให้นางถูกส่งไปยังชนบทได้ถูกพูดถึง การสนทนาก็เริ่มอึดอัดขึ้น
ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด โหลว ชิงอู๋ ก็ดึงบังเหียนของนางและเตะลงไปที่ด้านข้างของม้าอย่างหนัก ทำให้ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายสาม ลองแข่งขันกันดูว่าใครจะไปถึงค่ายทหารได้ก่อน!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งมองไปที่ร่างผอมบางที่หายไปอย่างช้าๆต่อหน้าเขาในขณะที่ดวงตาของเขาสว่างขึ้น
เขาเองก็ดึงบังเหียนของเขาและตีแส้ไปที่ม้าของเขาเพื่อแข่งกับนาง
“ดี!”
ร่างของสองคนหายไปอย่างรวดเร็ว ภายในรถม้าเฟิ่ง เหย่เก้อลดสายตาที่ดำมืดของเขาลงพร้อมกับแสงในดวงตาที่มีร่องรอยของความเจ็บปวด
เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณค่ายทหาร พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ล่าสัตว์ต่อทันที
พวกเขาได้ทำการแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วสำหรับพื้นที่ในการล่าสัตว์ดังนั้นมันจึงว่างเปล่าและมีแค่พวกเขาเท่านั้น
เฟิ่ง เหย่เก้อ กระโดดลงจากรถม้า ตามมาด้วยเหย่ จี้ ก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับเขา
“พี่ชายเหย่ ท่านช่วยสอนวิธีขี่ม้าให้ข้าได้หรือไม่ ข้าไม่รู้วิธีที่จะขี่มัน”
“เช่นนั้นก็เพียงแค่ดูพวกเราล่า”
“พี่ชายเหย่ … ท่านช่างใจร้ายจริงๆ”เหย่ จี้กระพริบตาที่งดงามของนางอย่างน่าสงสารพร้อมกับลดศีรษะลง ในขณะที่นางจับแขนเสื้ิอของเขา
เฟิ่ง เหย่เก้อสะบัดแขนเสื้อของเขาออก
“มันไม่ใช่เพราะข้าใจร้าย ชายและหญิงไม่ควรใกล้ชิด มันไม่เหมาะสม”
โหลว ชิงอู๋ เพิ่งผ่านไปโดยบังเอิญและได้ยินเรื่องนี้เข้าพอดี
จู่ๆ นางก็โงนเงนขึ้นเล็กน้อย ทำให้เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งรีบเข้ามาช่วยพยุงนางไว้ทันที
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
“ข้าสบายดี” โหลว ชิงอู๋ ส่ายหัวและเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกต่อไป
ด้วยการแสดงออกที่เฉื่อยชาของเฟิ่ง เหย่เก้อ เขาเหลือบไปมองนาง และด้วยเหตุผลบางอย่างริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ก่อนจะมีคนกอดแขนของเขาอีกครั้ง
“พี่ชายเหย่ ข้าไม่ถือ!”
“แต่ข้าถือ” การแสดงออกที่เงียบสงบของเขาคือการที่จะปฏิเสธไห้ผู้คนอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ แต่กลับทำให้หัวใจเหย่ จี้ เต้นเร็วขึ้น
นี้คือผู้ชายที่นางเลือก
“เอาล่ะๆ เช่นนั้นข้าจะให้คนจูงม้าของข้าไปเอง”
เหย่ จี้ ถูกบังคับให้ตรงไปหาเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และขอคำแนะนำจากเขาแทน
เนื่องจากนางกำลังแกล้งทำเป็นไม่รู้วิธีที่จะขี่ม้า ดังนั้นนางจึงต้องทำเป็นไม่รู้ต่อไป
มิฉะนั้นตามบุคลิกของพี่ชายเหย่ เขาคงจะรู้สึกแย่กับนางมากเท่านั้น
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาหาคนจูงม้าให้นางทันที
เฟิ่ง เหย่เก้อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่โหลว ชิงอู๋ และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ก่อนจะรีบขึ้นม้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาส่องประกายไปด้วยแสงแดดอันสดใส
ชุดขี่ม้าสีดำของเขาทำให้เขาดูหล่อเหลามากขึ้นและทำให้หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
เหย่ จี้เตะทางด้านข้างของม้าเพื่อให้มันเดินไปข้างหน้า ไม่ไกลเกินไปและไม่ใกล้เกินไปจากเฟิ่ง เหย่เก้อ
สายตาของนางมองตามสายตาของเขาไปยังเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และโหลว ชิงอู๋
ดวงตาที่งดงามของนางโค้งขึ้น ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะอันน่าหลงใหลออกมา พร้อกับพูดขึ้น “พี่ชาย มันจะน่าเบื่อเกินไป ทำไมเราทั้งสี่คนไม่มาแข่งกัน? ข้าและพี่ชายเหย่ จะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านและน้องชิงอู๋ ก็อยู่อีกฝ่ายและดูว่าใครจะล่าได้มากที่สุด? ”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับนางพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้น “ข้าเห็นด้วย แล้วท่านล่ะท่านอ๋องรัตติกาล?”
“อืม”
เหย่ จี้ ยิ่งมีความสุขมาก ก่อนจะสั่งให้คนจูงม้าของนางไปยังที่ซึ่งเฟิ่ง เหย่เก้อ กำลังหยุดอยู่
“เช่นนั้น ข้าและพี่ชายเหย่จะไปทางทิศตะวันออก พวกท่านไปทางทิศตะวันตก ตามนั้นดีหรือไม่! “หลังจากที่นางพูดจบ นางก็สั่งให้คนจูงม้าพานางออกไปอย่างรวดเร็ว
บางครั้งนางจะหันไปมองทางเฟิ่ง เหย่เก้อ แต่สายตาของเขาลดลงไปขณะที่เขาดึงบังเหียนม้าและค่อยๆเดินออกไปข้างหน้า
ตอนที่ 134.1
“ไปกันเถอะ”เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มองออกไปจากคนทั้งสองไปที่โหลว ชิงอู๋ ด้วยท่าทางอันอ่อนโยน
การแสดงออกของเขาดูดีมาก มันอธิบายถึงอันตรายที่อาจจะพบได้ในบริเวณลานล่าสัตว์ รวมถึงสิ่งที่ต้องทำถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
โหลว ชิงอู๋ อดทนฟังเขาบางครั้งก็ตอบเขากลับ
แต่หัวใจของนางอยู่ตรงไหนก็ไม่มีใครรู้
ทั้งสองคนได้พบกวางตัวแรกของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งยกคันธนูขึ้นและยิงไปที่เป้าหมาย
เขารีบขี่ม้าไปและคว้าไปที่กวาง ก่อนที่จะโยนมันไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เขายกคันธนูไว้ในมือของเขาไปต่อหน้าโหลว ชิงอู๋ ร่างทั้งร่างของเขาอาบด้วยแสงแดด ทำให้เขาดูหล่อเหลามาก
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแค่ของปลอม
สายตาของโหลว ชิงอู๋ ลึกขึ้นและเมื่อถึงจุดนี้พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหย่ จี้ดังขึ้นไม่ไกลเกินไป
“อ่า —-”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งและโหลว ชิงอู๋ สบสายตากัน ในขณะที่พวกมันกระพริบขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงบังเหียนของพวกเขาและวิ่งไปยังแหล่งที่มาของเสียง
เมื่อพวกเขามาถึงจุดนั้น พวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนที่อยู่ชุดสีดำกำลังล้อมเฟิ่ง เหย่เก้อและเหย่ จี้เอาไว้เป็นวงกรม
เฟิ่ง เหย่เก้อ มีดาบอยู่ในมือ ในขณะที่เหย่ จี้ เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา
ไม่ไกลออกไป มีลูกศรที่ร่วงลงอยู่รอบๆ เหมือนม้าของคนทั้งสองคนที่ตายไปแล้วเนื่องจากลูกธนูนอนอยู่
ทหารนอนอยู่ที่ด้านข้างพร้อมกับแขนของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่เขาดูเหมือนจะหมดสติไปแล้ว
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งตกใจ ก่อนที่จะรีบสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตามคนมาช่วย
เขารีบกระโดดลงจากม้าและใช้วิชาตัวเบา กระโดดไปจนกระทั่งถึงจุดที่คนชุดดำอยู่และเข้าร่วมการต่อสู้
คนชุดดำเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงมือสังหารรับจ้างเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาแต่ละครั้งเต็มไปด้วยไอสังหารที่ร้ายแรง
หลังจากกลุ่มหนึ่งเสียชีวิตก็จะมีอีกกลุ่มเข้ามา
การแสดงออกของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง แย่ลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อก็เยือกเย็นมากขึ้น
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากขึ้น ในขณะที่การแสดงออกที่ไม่ใส่ใจก่อนหน้านี้ก็หายไป
แต่เมื่อดวงตาของเขาตกลงไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ผู้ที่มาใหม่ หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้น ในขณะที่ดาบของเขาก็จบชีวิตหนึ่งไปเรื่อยๆ
แล้วเสียงลึก ๆ ของเขาก็ดังขึ้น “ไปปกป้องชิงอู๋!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มึนงง ก่อนที่จะนึกถึงโหลว ชิงอู๋ ที่ยังอยู่นอกเขตการต่อสู้
เขาหันกลับไปมอง ก่อนที่จะเห็นคนชุดดำสองสามคนกำลังมุ่งหน้าไปหานาง
ดาบในมือของเขาตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาเปิดเส้นทางของเขาไปทางนาง
“ชิงอู๋!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ตะโกน ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ รีบเงยหน้าขึ้น แต่ในวินาทีต่อมาดวงตาของนางก็ดำดิ่งลง
นางเห็นเฟิ่ง เหย่เก้อลอยตัวมาทางนางพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ ก่อนจะแทงดาบทะลุคอของคนชุดดำไม่กี่คนที่อยู่ข้างหน้านาง
แต่ทางด้านหลังของเขา ใครบางคนได้ใช้โอกาสนี้ที่จะฟันมาที่คอของเขา
เฟิ่ง เหย่เก้อ สะบัดมือไปด้านหลังเพื่อสกัดกั้นมัน แต่เลือดก็ไหลออกจากร่างกายของเขา
และเนื่องจากเขาสวมชุดดำทั้งตัว จึงไม่ง่ายที่จะสังเหตุเห็นเลือด แต่เหย่ จี้ ที่อยู่ใกล้กับเขาได้กลิ่นเหม็นของเลือดที่รุนแรงจนทำให้นางกลัวและเกือบจะเป็นลม
นางกรีดร้องขึ้นทันที “พี่ชายเหย่!”
ดวงตาสีดำของเฟิ่ง เหย่เก้อ ดำมืดลง ในขณะที่เขาเตะคนชุดดำออกไปและใช้มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยกดาบของเขาขึ้น
ดาบสะท้อนกับแสงแดด ในขณะมันทำให้คนแทบจะตาบอดและในกระพริบตา คนชุดดำก็ร่วงลงมาอยู่รอบๆ ตัวพวกเขา
ครึ่งที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนของพวกเขา ต่างก็ถูกล้อมรอบอย่างรวดเร็วโดยทหาร
เมื่อพวกเขาตระหนักว่าพวกเขากำลังจะถูกจับ พวกเขาก็พยายามหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
โหลว ชิงอู๋นั่งบนม้าของนางและขี่มันไปอย่างช้าๆ ตามเส้นทางเลือดที่แขนที่ได้รับบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ ทิ้งเอาไว้
หยดแต่ละหยดที่ตกลงไปบนพื้น ทำให้หัวคิ้วของนางขมวดลึกขึ้นเรื่อยๆ
นางเร่งม้าของนางให้เร็วขึ้น ในขณะที่นางกระโดดลงและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาเฟิ่ง เหย่เก้อ
นางฉีกเสื้อผ้าของนางและด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว นางรีบเข้าไปช่วยพันแผลให้เฟิ่ง เหย่เก้อทันที
ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อ ลดลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนบางอย่างเอาไว้ แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธนาง
จนกระทั่งบาดแผลได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น นางถึงได้ปล่อยลมหายใจที่โล่งอกออกมาเล็กน้อย
เหย่ จี้ในจุดนี้ก็กำลังร้องไห้อย่างหนัก “พี่ชายเหย่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตอนที่ 134.2
เฟิ่ง เหย่เก้อ ส่ายศีรษะ แต่ดวงตาของเขายังอยู่บนแขนและปมง่ายๆที่ผูกเอาไว้
เมื่อดวงตาของเขาตกลงบนปมง่าย ๆ ความผิดหวังก็กระพริบขึ้นในดวงตาหงส์ของเขา
เขายกศีรษะขึ้นมองโหลว ชิงอู๋ ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ก่อนจะกัดริมฝีปากของเขาและไม่สนใจคำถามของเหย่ จี้อีก
หลังจากนั้นสักครู่เขาถึงได้ส่ายหัว
เหย่ จี้ ยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดจังหวะโดยเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องย้อนกลับไปเร็วกว่าที่เราวางแผนเอาไว้ ท่านอ๋องรัตติกาลควรจะรีบกลับไปและทำแผลอย่างถูกต้อง ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาวางยาพิษไว้บนดาบของพวกเขาหรือไม่และข้าจะสืบสวนเรื่องนี้อย่างรวดเร็วว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารเหล่านี้มา เพื่อที่จะสามารถให้เหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้แก่ท่านอ๋องรัตติกาลได้”
“อืม” เฟิ่ง เหย่เก้อ พยักหน้า ดวงตาของเขาตกลงไปที่โหลว ชิงอู๋ คนที่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
โหลว ชิงอู๋ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่นางก็รู้สึกถึงสายตาของเฟิ่ง เหย่เก้อที่กำลังมองมาที่นาง
“ข้าจะไปกับท่านอ๋องรัตติกลายและแม่นางเหย่ ด้วยวิธีนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ข้าก็จะสามารถดูแลได้”
“ได้”
ทั้งสามคนถูกส่งกลับไปด้วยกันในรถม้าคันเดียวกัน ซึ่งได้รับการคุ้มครองในระหว่างเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง
ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ มองไปที่เฟิ่ง เหย่เก้อ ในขณะที่นางจับชีพจรของเขา
เมื่อนางยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษ ในที่สุดนางก็ปล่อยลมหายใจที่โล่งออกอย่างแท้จริงออกมา
บรรยากาศในรถม้าดูหนักอึ้งมาก เพราะเหย่ จี้ เป็นกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ มากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
จนกระทั่งพวกเขามาไปถึงจวนของท่านอ๋องรัตติกาล และอาการบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ ได้รับการรักษาอย่างดีแล้วเท่านั้น เหย่ จี้ถึงได้ร้องไห้และพูดขึ้นอีกครั้ง
“พี่ชายเหย่ เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ข้าขอให้ท่านไปที่ลานล่าสัตว์ ท่านก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ! ฮืมๆ ๆๆ ทุบตีข้าหรือไม่ก็ตะโกนใส่ข้าได้เลย! ด้วยวิธีนี้หัวใจของข้าจะรู้สึกดีขึ้น! “
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”
เฟิ่ง เหย่เก้อ เห็นว่านางรู้สึกผิดอย่างแท้จริงและร้องไห้จริงๆ ดังนั้นทัศนคติของเขาจึงอ่อนโยนขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าก็ควรจะกลับไปพักผ่อนก่อน”
“แต่ข้า…”
“เจ้าไม่ได้เป็นหมอ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เมื่อข้าดีขึ้น พรุ่งนี้เจ้าค่อยกลับมาใหม่ “
“ได้”
เหย่ จี้ เริ่มมีความสุขขึ้นอีกครั้งและพยักหน้าทันที
แต่ในตอนท้าย นางก็ไม่เต็มใจที่จะออกไปจากจวนของท่านอ๋องรัตติกาลอยู่ดี
แต่ในขณะที่นางออกไป การแสดงออกของนางที่เต็มไปด้วยน้ำตาก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโกรธทันที
นางกระโดดขึ้นไปบนรถม้า และตะโกนใส่คนขับรถ้าอย่างเคร่งขรึมขึ้น”ไปที่ตำหนักองค์ชายสาม!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่เพิ่งกลับมาก็ได้ยินเสียงประตูที่อยู่ข้างหลังของเขาถูกเตะออก
เขาหันกลับไปก่อนจะเห็น เหย่ จี้ แล้วหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น
“จะต้องให้บอกสักกี่ครั้งว่าเจ้าไม่ควรจะเข้าห้องอักษรของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า?”
“เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง! ทำไมท่านถึงส่งมือสังหารเพื่อไปทำร้ายพี่ชายเหย่! “ดวงตาที่สวยงามของเหย่ จี้ กำลังจะระเบิดไฟแห่งความโกรธออกมา
นางตรงเข้าไป ในขณะที่มือของนางกระแทกไปที่โต๊ะพร้อมกับจ้องมองอย่างไม่โหดเหี้ยมไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
พวกเขาได้ตกลงกันแล้วที่จะหามือสังหาร เพื่อให้ไปพยายามทำร้ายและสร้างสถานการณ์ให้เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง กลายเป็นวีรบุรุษและช่วยโหลว ชิงอู๋เอาไว้
ด้วยวิธีนี้โหลว ชิงอู๋ จะรู้สึกขอบคุณเขาที่ได้ช่วยชีวิตนางและหาก เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โหลว ชิงอู๋ ก็จะรู้สึกผิดและจะมาดูแลเขา
และหลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทำไมคนที่ได้รับบาดเจ็บ ในท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นเฟิ่ง เหย่เก้อ?
และอีกอย่าง ….
“มือสังหารแบบไหนกันที่ท่านหามา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการชีวิตของเขาทุกการเคลื่อนไหว?”
การแสดงออกของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง แย่ยิ่งกว่าของเหย่ จี้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็พูดขึ้น “คนเหล่านั้น ไม่ใช่คนที่ข้าจ้างวาน”
“อะไรนะ?” การแสดงออกของเหย่ จี้ ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที
“พวกเขาจะไม่ใช่คนที่ท่านจ้างวานได้อย่างไร? แล้วพวกเขาเป็นใคร? ”
“… ข้าเองก็กำลังสืบสวนอยู่” แต่คนที่เขาจับได้ก็ใช้พิษเพื่อฆ่าตัวตายในระหว่างทาง
ตอนที่ 135.1
“ท่านค้นพบอะไรบ้าง” หัวคิ้วของเหย่ จี้ขมวดขึ้นและสงสัยว่าใครอยากจะฆ่าพี่ชายเหย่ของนาง?
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่พี่ชายเหย่เท่านั้น
คนเหล่านั้นดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่โหลว ชิงอู๋ด้วย
แต่ถ้าไม่ใช่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่ส่งมือสังหารเหล่านั้นไป ใครในเมืองหลวงที่ต้องการจะฆ่าพวกเขาและมีความสามารถในการส่งมือสังหารระดับสูงเช่นนั้นไปได้?
“ข้ายังไม่สามารถหาอะไรได้ คนที่ข้าส่งไปไม่สามารถหาอะไรได้ก่อนที่พวกเขาจะฆ่าตัวตาย พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีการวางแผนที่ดี ก่อนลงมือลอบสังหาร หลบหนีและแม้แต่ฆ่าตัวตายหากถูกจับได้ ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกวางแผนมาทุกขั้นตอนและดำเดินการอย่างระมัดระวัง แม้ฆ่าตัวตายก็ไม่มีที่ติ”
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็นห่วงมากที่สุด
ยังมีกลุ่มอำนาจอีกกลุ่ม ที่เขาไม่รู้จักอยู่หรือ?
แต่ถ้าเขาไม่สามารถตรวจสอบและไม่ทำลายพวกเขา มันอาจจะเป็นอันตรายต่อที่ซ่อนอยู่ในอนาคตได้
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไร” เหย่ จี้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
การเดินทางไปล่าสัตว์ที่ดีเช่นนั้น มันกลับถูกทำลายลงทั้งหมด!
“ก่อนอื่นให้คนไปตรวจสอบ เจ้าคิดว่าข้าไม่เป็นกังวลเช่นเจ้าหรือ? วันนี้ในช่วงเช้าในท้องพระโรง ซู่ เก้อเหล่า กล่าวว่าเขาต้องการสนับสนุนให้พี่รองเป็นองครัชทายาทต่อหน้าเสด็จพ่ออีกครั้ง เสด็จพ่อดูเหมือนว่าพระองค์กำลังเริ่มไขว้เขว เจ้ารู้ว่าควรจะทำอย่างไรใช่ไหม? ”
“ข้ารู้ ตราบใดที่เขาได้รับเรื่องอื้อฉาวที่น่ารังเกียจ เซี่ยโฮ่ว รุ่ย จะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงให้ผู้คนหัวเราะและฮ่องเต้ก็จะลืมเกี่ยวกับการทำให้เขาเป็นองค์รัชทายาท” แม้ว่าเขาอาจจะไม่ลืมเรื่องนี้ อย่างน้อยเขาก็จะชะลอการตัดสินใจออกไป
ตราบใดที่เขายังไม่ได้เลือกองค์รัชทายาทชั่วคราว นางก็มีวิธีที่จะทำให้เขาเลือก
“เหย่ จี้ พวกเราอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้วตอนนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง “เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เดินไปข้างหน้าของเหย่ จี้ นิ้วมือของเขากำลังจะจับไปที่แก้มของนาง
เหย่ จี้ หันไปทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงมัน
“แน่นอนข้ารู้ แต่ท่านก็รู้ว่าข้าต้องการอะไรใช่ไหม?”
“รอให้ข้ากลายเป็นองค์รัชทายาทก่อน แล้วข้าจะทำให้โหลว ชิงอู๋กลายเป็นสนมของข้า แล้วในเวลานั้นจะเป็นธรรมชาติที่จะไม่มีใครแข่งขันกับเจ้าในเรื่องของท่านอ๋องรัตติกาล”
“ฮึ่ม! ดี! มันควรจะเป็นเช่นนั้น ข้าจะไปเตรียมทุกอย่าง ท่านสามารถพักผ่อนและรอข่าวดีจากข้าได้เลย”
“เช่นนั้นข้าจะรอเจ้า”
เมื่อเหย่ จี้ ออกจากตำหนักขององค์ชายสาม นางก็รีบเข้าไปยังทางเดินแคบ ๆ
นางเดินตามตรอกซอกซอยจนกระทั่งนางหายตัวเข้าไปหลังร้านของครอบครัวของนาง
ไม่นานหลังจากนั้น พ่อบ้านของร้านโลงศพก็ได้รับข่าวและรีบวิ่งออกมา
เมื่อเขาเห็นเหย่ จี้ เขาก็รีบทรุดลงไปที่หัวเข่าทันที “องค์หญิง”
“อืม” เหย่ จี้ตอบขึ้นอย่างเฉื่อยชา จากนั้นนางก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งออกจากแขนเสื้อของนาง ก่อนที่จะส่งให้พ่อบ้านของร้าน
“บอกเฟย เหย่ สร้างโอกาสให้กับชั่งกวน อี้ยวิน และอาจารย์สอนพิณของนางเพื่อให้มาพบปะพูดคุยอีกครั้งและเพิ่ม ‘ยา‘ ลงไปด้วย เจ้าเข้าใจไหม?”
“ขอรับ! บ่าวจะรีบไปทันที “
“อย่าทิ้งร่องรอยใดๆ มิฉะนั้น … ” เหย่ จี้ หรี่ตาลงอย่างเป็นอันตราย ดวงตาที่งดงามของนางกลายเป็นโหดร้ายและน่ากลัว
ความไร้เดียงสาและความใสสะอาดจากก่อนหน้านี้หายไปอย่างสมบูรณ์
“บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ! บ่าวจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง! “
พ่อบ้านเช็ดใบหน้าของเขา เกลียดอยู่อย่างเดียวที่เขาไม่สามารถสาบานด้วยพิษเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจของเขาในการทำภารกิจให้สำเร็จได้
เหย่ จี้ พอใจก่อนจะจากไป
เมื่อนางเดินกลับไปยังถนนสายหลัก ในที่สุดนางก็เดินผ่านหอน้ำชาแล้วมุมปากของนางโค้งเป็นรอยยิ้มที่หนาวเย็นขึ้น
นางกลับไปที่ตำหนักขององค์ชายสามอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน ในจวนของท่านเจ้ากรมก็มีนกพิราบกำลังบินเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่ง
หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดสาวใช่จู่ๆ ก็มองไปรอบ ๆ และหลังจากพบว่าไม่มีใคร นางก็รีบกระโดนขึ้นและจับนกพิราบมา
นกพิราบเข้ามาอยู่ในฝ่ามือของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หญิงสาวจะหยิบจดหมายออกมาจากขาของนกพิราบ
นางรีบเหลือบมองไปที่มัน ก่อนที่จะกลืนจดหมายลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่นางกลืนเสร็จแล้ว นางก็โยนนกพิราบขึ้นไปอีกครั้ง
ตอนที่ 135.2
จนกระทั่งนกพิราบหายตัวไปในขอบฟ้าแล้ว นางจึงได้จัดการตกแต่งหน้าของนางและวางจดหมายอีกฉบับที่นางเตรียมไว้ก่อนหน้านี้เอาไว้ในมือ
ก่อนจะเคาะประตูห้อง
“เข้ามา” จากภายในห้องมีเสียงอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณหนู นายท่านโจวส่งข้อความาเจ้าค่ะ” หญิงสาวคนนั้นผลักให้ประตูเปิดออก ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จนกระทั่งนางมาถึงหญิงสาวอีกคนหนึ่ง นางก็ส่งข้อความให้นาง
ชั่งกวน อี้ยวิน แข็งค้างไปครู่หนึ่งก่อนที่ใบที่งดงามหน้าของนางจะแดงขึ้นและตอบกลับด้วยเสียงต่ำ ๆ
“เฟย เหย่ เจ้าออกไปได้”
“เจ้าค่ะ!” สาวน้อยสดสายตาลงและเมื่อนางยืนยันว่าชั่งกวน อี้ยวิน ได้อ่านจดหมายแล้ว นางก็หันหลังและจากไปอย่างสุภาพ
แต่เมื่อนางปิดประตู นางก็ส่งเสียงเยาะเย้นออกมา ก่อนที่จะรีบจากไป
จวนอ๋องรัตติกาล
โหลว ชิงอู๋ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าใบหน้าของนางไร้ความรู้สึก
ข้างหลังนางมีเสียงดังขึ้นอย่างฉับพลันทำให้โหลว ชิงอู๋ หันต้องกลับไปมองทันที
ดวงตาของนางตกลงไปบนม้วนหนังสือที่เปิดอยู่บนพื้น
จากนั้น ดวงตาของนางก็หันไปหาคนที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำกลับพยายามที่จะก้มลงไปเก็บม้วนหนังสือขึ้น
แต่เขาใช้มือที่ได้รับบาดเจ็บของเขา
โหลว ชิงอู๋ช่วยไม่ได้ที่จะถูหน้าผากของนางได้ เขาจะแสร้งทำเป็นว่าได้รับความทุกข์ยากมากกว่านี้ได้อีกไหม?
นางรีบเดินไปหาเขาและหยิบหนังสือม้วนนั้นขึ้นมาจากพื้นแทนเฟิ่ง เหย่เก้อ และส่งมันให้เขา
แต่เขาไม่ได้รับมันไปจากนาง กลับนอนลงบนโซฟาและยกมือที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นและยื่นมันมาทางนาง
จากนั้นเขาก็มองนางด้วยดวงตาหงส์ของเขา
“แผลมันเปิดแล้ว”
“ท่านอ๋องรัตติกาลเองก็เป็นหมอ ท่านพันผ้าพันแผลด้วยตัวเองไม่ได้หรือ” หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวด ในขณะมองดูแผลที่มีเลือดออกอีกครั้งของเขา
ในใจของนาง มีความโกรธที่ผ่านมาชั่วครู่และผ่านไปอย่าง
เขาต้องทรมานตัวเองอย่างนี้จริงๆ หรือ?
“…. มือ เจ็บ ไม่สามารถพันแผลได้”
“…….”
โหลว ชิงอู๋ เหลือบมองเขา
เขามองกลับมาที่นางอย่างสงบ ราวกับว่าถ้าเจ้าไม่พันผ้าพันแผลให้กับข้า ข้าก็จะปล่อยให้มันอยู่เช่นนี้ตลอดไปและก็ปล่อยให้มันมีเลือดไหลต่อไป
ในที่สุด หัวใจของโหลว ชิงอู๋ ก็อ่อนลง ในขณะที่นางเดินไปหากล่องยาอย่างเงียบๆ
นางเปิดแผลที่ได้รับบาดเจ็บที่มีเลือดไหลออกมาอีกครั้งและเริ่มเปลี่ยนยาและพันผ้าพันแผลให้เขาอีกครั้ง
เมื่อนางมองไปที่พวกมัน นางดูสุภาพและอ่อนโยน
เฟิ่ง เหย่เก้อ เฝ้าดูนางอย่างมึนงง
เขารู้สึกราวกับว่ามีความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกจากหัวใจไปจนถึงแขนขาที่เหลืออยู่ของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาก็รู้สึกเหงาอยู่ลึก ๆ
โหลว ชิงอู๋ ผูกผ้าพันแผลก่อนที่จะปล่อยมันไปและมองขึ้นไปที่เฟิ่ง เหย่เก้อ
เฟิ่ง เหย่เก้อยังไม่ได้ดึงมือของเขากลับไป
ริมฝีปากที่บางของเขากดลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดวลีที่เกือบจะทำให้โหลว ชิงอู๋โกรธแทบตาย
“มันดูน่าเกลียด ผูกมันอีกครั้ง.”
โหลว ชิงอู๋ มองไปที่เขาอย่างเย็นชา
แต่สายตาของนางก็ยังแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอที่หาได้ยาก
โหลว ชิงอู๋ ถอยหายใจออกมาอย่างเงียบๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะพันผ้าพันแผลให้เขาใหม่
แต่เฟิ่ง เหย่เก้อ ก็ยังไม่ได้ดึงมือของเขากลับ
หัวของโหลว ชิงอู๋ เริ่มที่จะปวดขึ้น
นางถูหน้าผากของนาง ก่อนที่จะเปลี่ยนวิธีการผูกปมผ้าพันแผลของเขาอีกครั้ง
ในที่สุดเฟิ่ง เหย่เก้อก็พอใจ ในขณะที่เขาดึงมือกลับไป
แล้วเขาก็ยื่มมือออกมา
“หนังสือ”
“ข้าจะส่งมันให้กับท่าน!” นางหยิบหนังสือม้วนนั้นขึ้นมาและขว้างมันไปที่มือของเฟิ่ง เหย่เก้อ
นางยืนขึ้นและเมื่อนางมองไปที่ปมผีเสื้อที่ขัดแย้งกับร่างของเขา นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้น”ราวกับเด็ก”
เฟิ่ง เหย่เก้อ ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ลืมตาขึ้นและดวงตาหงส์ของเขาก็ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้น
ริมฝีปากบางๆ ของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ”ข้าชอบมัน”
“ถ้าท่านชอบมัน ท่านก็สามารถเปลี่ยนยาของท่านด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้มาอีกครั้ง”
“ไม่!” นางหยิบกล่องยาขึ้นมาและเมื่อเห็นว่ามันกำลังเย็นแล้ว นางจึงกล่าวคำอำลาและกำลังจะจากไป
เฟิ่ง เหย่เก้อ ไม่ได้บอกให้นางอยู่ต่อ แต่เมื่อมือของนางคว้าไปที่ประตูเขาก็พูดขึ้น
“อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว ถ้าในสิบหรือสิบสี่วันแขนไม่ได้รับการเปลี่ยนยาก็มันก็อาจจะติดเชื้อได้ “
“…. ” มือที่เอื้อมไปหาลูกบิดประตูก็ค่อยๆกำเป็นกำปั้นแน่นขึ้น
โหลว ชิงอู๋ ถูหน้าผากของนางอย่างหนัก ในขณะที่นางไหล่ตกลงอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าจะมาในวันพรุ่งนี้”
ประตูเปิดและปิดลง และมุมปากของเฟิ่ง เหย่เก้อก็โค้งขึ้น
ตอนที่ 136.1
จนกระทั่งเสียงฝีเท้าหายไปแล้ว เฟิ่ง เหย่เก้อ จึงลดศีรษะลงและเปิดหน้าหนังสืออย่างเฉื่อยชา
“ออกมา”
แล้วจู่ๆ ก็มีรูปร่างปรากฏในทันที ในชุดสีดำปักทอง
ดวงตาดอกท้อของเขาเปิดกว้างเป็นประกายสดใสขึ้น “เจ้า การรับรู้ของเจ้าสูงมาก เจ้าถึงขนาดรู้ถึงการมีตัวตนของข้า แต่เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร? ”
น้ำเสียงล้อเลียนของเขาได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วโดยการเหลือบมองจากเฟิ่ง เหย่เก้อ
หลี่ หยวน รีบหุบปากและแกล้งทำเป็นไอขึ้น “อย่าเย็นชานัก ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นข้าจึงหยุดธุระของข้าและมาดูเจ้าในทันที เมื่อข้าเห็นว่าเจ้าสบายดี ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งมาก “
“เจ้ามาที่นี่เพื่อดูว่าข้าตายหรือยังใช่ไหม?”
“….. เจ้าต้องพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้เลยหรือ?” หลี่ หยวนถึงกับสำลัก
เขาถูจมูกของเขาด้วยความรู้สึกอาย ๆ ก่อนจะนั่งลงไปบนม้านั่งยาวที่อยู่ใกล้ ๆ
ดวงตาดอกของเขาเหลือบมองไปและตกลงไปบนผ้าพันแผลที่มีปมผีเสื้อบนแขนของเฟิ่ง เหย่เก้อ
จู่ๆ เขาก็ตัวสั่นขึ้น
“เจ้าช่างมีรสนิยมที่ผิดเพี้ยน มันทำให้แผ่นหลังของข้าเต็มไปด้วยความเย็นจากหวาดกลัว”
“ทำไมถึงเย็นและทำไมต้องหวาดกลัว? “เฟิ่ง เหย่เก้อค่อยๆปิดหนังสือของเขาลง ดวงตาที่เยือกเย็นของเขาหันไปหาหลี่หยวนซึ่งทำให้เขาสั่นขึ้นอีกครั้ง
“เอาล่ะๆ! ข้าผิดไปแล้ว? ตกลงไหม แต่ใครเป็นคนที่พยายามจะฆ่าเจ้า ช่างกล้าหาญจริงๆ”
“เขาไม่ต้องการที่จะฆ่าข้า เขาแค่อยากจะเข้าไปถึงชิงอู๋ เขาก็แค่อยากจะเตือนข้า” ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อ ดูเยือกเย็นและไร้ความปราณี
“มัน …. เป็นเขาหรือ?” หลี่หยวนพูดออกมาทันที “แต่เขา รู้ได้อย่างไรว่าเจ้า … “
“ในแคว้นตงอวี้ทั้งแคว้นนี้มีอะไรบ้างที่เขาไม่รู้?”
“แล้วเช่นนั้น เจ้ากำลังเตรียมพร้อมอยู่หรือไม่?” การแสดงออกของเฟิ่ง เหย่เก้อเยือกเย็นเกินไป จู่ๆ หลี่ หยวนก็รู้สึกไม่ดีขึ้น
“ตัดหัวขององครักษ์เงาที่มาที่นี่และส่งพวกมันกลับไปให้เขา”
“นี่จะไม่ทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีกหรือ?”
“โกรธหรือ?” ดวงตาของเฟิ่ง เหย่เก้อ หรี่ลงเล็กน้อยและมีแสงที่เยือกเย็นกระพริบอยู่ข้างใน “ถ้าเขาจะมีเวลามาโกรธนะ”
เขากล้าที่จะพยายามเข้าหาคนของเขาและต้องการจะหลบหลีออกไปอย่างสบายตัวอย่างนั้นหรือ?
เช่นนั้นเขาก็คงกำลังฝันไปแน่นอน
เมื่อโหลว ชิงอู๋ กลับมาที่เรือนลมเอนเอียงแล้ว หลานป๋ายและพันหน้าก็เข้ามาทักทายนางทันที
“นายท่าน ข้าได้ยินคนจากที่จวนบอกว่าท่านรวมถึงท่านอ๋องรัตติกาลได้พบกับการมือลอบสังหาร ในขณะที่พวกท่านกำลังล่าสัตว์ แล้วท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ? “หลานป๋ายถามขึ้นอย่างกังวล นางเกือบจะวิ่งไปที่จวนของท่านอ๋องรัตติกาล ทันทีที่นางได้รับข่าว
โชคดีที่พันหน้าหยุดนางเอาไว้
มิฉะนั้นถ้านางผลีผลามวิ่งออกไป นางอาจจะทำให้เจ้านายของนางประสบปัญหามากขึ้นเท่านั้น
“ข้าสบายดี แต่ท่านอ๋องรัตติกาลได้รับบาดเจ็บ “
“อ่า? พวกเขารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำเจ้าค่ะ? “หลานป๋ายถึงกับตกตะลึง ใครมีความกล้าถึงขนาดส่งมือสังหารมาลอบสังหารท่านอ๋องรัตติกาล?
“ข้ายังไม่รู้ แต่” ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ค่อยๆหรี่ลงอย่างอันตราย “ไม่ใช่คนของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง พันหน้าไปตรวจสอบและดูว่าเจ้าสามารถหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังมันได้หรือไม่”
“ผู้ใต้บัญชาจะรีบไปทันทีขอรับ”
“อืม แล้วหนอนวูดูอยู่ที่ไหน?” ด้วยฝีมือระดับสูงที่นักฆ่าแสดงออก พวกเขาไม่สามารถเป็นคนของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ได้
แม้ว่าคนที่เขาฝึกจะไม่ได้อ่อนแอ แต่อย่างใดก็ตาม พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่จะทำร้ายเฟิ่ง เหย่เก้อได้
คนที่มาตอนกลางวันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
นางกังวลว่าแม้ว่าพันหน้าจะสืบสวนเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถหาอะไรได้
พันหน้าหยิบโถเครื่องปั้นดินเผาสีดำเข้มที่ดูน่ากลัวออกมา
มันหนักมากที่จะถือเอาไว้และบางครั้งมีเสียงบางอย่างชนไปที่โถ
มันทำให้เสียงขึ้นเล็กน้อยและเสียงก็ทำให้คนรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
โหลว ชิงอู๋ เอาโถมาและสังเกตเห็นตราประทับที่อยู่ด้านบน
ด้านบนมีหมึกสีแดงเลือดที่เขียนด้วยภาษาสันสกฤตเอาไว้ : หนอนวูดูไม่สามารถรักษาได้
คำสามสุดท้ายทำให้โหลว ชิงอู๋ ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะและมองออกไปทางอื่น
“นายท่าน พวกเราจะทำอย่างไรกับหนอนวูดูพวกนี้?”
“แยกหนอนลูกและหนอนแม่ออกจากกัน จนกว่าเราจะรู้ว่าหยวนเฉิน ใสหนอนตัวไหนไว้ในร่างของนางฮูหยินเก้า จากนั้นเราจะสับเปลี่ยนมัน “
ตอนที่ 136.2
หนอนวูดูพันวันมึนเมาเป็นพิษและเป็นประเภทที่ทำให้ใครบางคนตกอยู่ในอาการหมดสติ และในที่สุดก็จะเสียชีวิตไปในการหลับของพวกเขา
แต่ตราบเท่าที่หนอนแม่ยังดีอยู่ มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา
หรืออย่างน้อย พวกเขาก็สามารถที่จะสับเปลี่ยนหมอนแม่ได้อย่างราบรื่นและถึงแม้ว่าหยวนเฉิน จะต้องการจะใช้มันเพื่อทำอะไรบางอย่างกับฮูหยินเก้า แต่ก็จะไม่ทำร้ายนาง
ดวงตาของพันหน้าสว่างขึ้น “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะรีบไปตรวจสอบทันที”
“แต่เราจะทำอย่างไรกับหนอนที่เหลือเจ้าค่ะ?”
หลายป๋ายยังคงกังวลใจและกลัวหนอนวูดูอยู่บ้าง
แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากนาง แต่นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“ทำอะไรนะหรือ”โหลว ชิงอู๋ หัวเราะอย่างมีความหมายขึ้น
นิ้วมือเรียวของนางจับไปที่โถของหนอนวูดู ก่อนจะพูดขึ้น “เราจะให้นางได้ลองรสชาติของยาของนางเอง เราจะหาโอกาสในการใส่หนอนหนึ่งตัวเข้าไปในร่างของหยวนเฉิน ถ้านางไม่มีเจตนาที่ไม่ดี นางก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข แต่ช่วงเวลาที่นางตัดสินใจว่านางต้องการทำอะไรบางอย่าง นางก็จะจบชีวิตของนางเอง “
ถ้าสวรรค์มีคำว่าบาปกรรม มันก็เป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่
แต่ถ้ามันเป็นบาปกรรมของเจ้า … เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้!
นางให้โอกาสนางแล้ว แต่ถ้านางจะไม่รักษาพวกมันเอาไว้ แล้วเช่นนั้นก็ไม่มีใครจะสามารถช่วยนางได้
และมันก็เกือบจะถึงเวลาแล้วที่คนผู้นั้นจะมาที่จวนตระกูลโหลวด้วยเช่นกัน
วันรุ่งขึ้นหลังจากอาหารเช้า หลานป๋ายก็มาพร้อมกับข้อความ
“นายท่าน ผู้นำตระกูลหยวนมาขอพบท่าน เขารออยู่ในห้องโถงใหญ่แล้วในตอนนี้พร้อมกับนายท่านใหญ่เจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปจัดการกับเขา” กำหนดเส้นตายสำหรับการแลกเปลี่ยนอยู่ใกล้แล้ว ดังนั้นหยวน ซิวเหรินน่าจะเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นแล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาพบนาง
“เจ้านาย ข้ากลัวผู้นำตระกูลหยวนจะ… “
“อย่ากังวล ข้าจะไม่เสี่ยงชีวิตของข้าเนื่องจากความประมาท” ดวงตาของโหลว ชิงอู๋หรี่ลงเล็กน้อย
นางได้มาเกิดใหม่ และไม่มีใครที่ไหนที่จะรักชีวิตของนางมากกว่านางเอง
นางค่อยๆเดินช้าๆผ่านลานดอกไม้ไปจนถึงทางเข้าของประตูทางเข้าของห้องโถงใหญ่
ภายในหยวน ซิวเหริน และโหลว ชุยเฟิ่ง กำลังคุยกันอย่างมีความสุขราวกับว่าผู้เขาเกลียดอยู่อย่างเดียวที่พวกเขาไม่สามารถดื่มได้เป็นสามวันเพื่อแสดงความสนิทสนมของพวกเขา
แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแสดง
“ท่านพ่อ ท่านผู้นำหยวน”
โหลว ชิงอู๋ เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก่อนจะทำความเคารพพวกเขา
การแสดงออกของนางอบอุ่นและอ่อนโยน มีน้ำใจและเป็นมิตร
“ชิงอู๋เจ้ามาแล้ว มาๆ มานั่งนี่ ลุงหยวนเพิ่งกล่าวถึงเจ้าและบอกว่าเจ้ากำลังจะถึงวัยที่สมควรแก่การออกเรือนแล้ว และพูดถึงของขวัญที่จะมอบให้เจ้า “โหลว ชุยเฟิ่ง ลูบคางในขณะที่เขายิ้มเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของบิดา
มันสมบูรณ์แบบมากจนไม่มีใครสามารถที่จะหาข้อบกพร่องได้
“ท่านกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” โหลว ชิงอู๋ นั่งลงไปที่ที่โหลว ชุนเฟิ่ง ชี้และลดศีรษะของนางลงและรอฟังพวกเขา
บางครั้งนางก็พูดเพื่อตอบคำถามเหล่านั้น
หยวน ซิวเหรินเห็นว่ามันเกือบจะได้เวลาแล้ว ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อ “ตัวข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะมีบางอย่างที่ข้าต้องการให้หลานชิงอู๋ ช่วยเหลือ ข้าหวังว่าน้องชายโหลว จะอนุญาต”
“ข้าจะไม่ได้อย่างไร?” โหลว ชุ่ยเฟิ่ง ยิ้มขึ้นราวกับสุนัขจิ้งจอก
เขาลุกขึ้นยืน “บังเอิญว่าข้ามีบางอย่างที่จะต้องไปทำ เช่นกันพี่ชายหยวยและชิงอู๋ ก็สามารถสนทนากันไปก่อนได้ แต่ท่านต้องอยู่รับมื้อกลางวันก่อนนะท่านพี่หยวน “
“แน่นอนๆ”
หยวน ซิวเหริน ก็ลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติเขา
เขาสูงกว่าโหลว ชุยเฟิ่งและกลิ่นอายของเขาก็กดขี่โหลว ชุยเฟิ่งไปจนหมด
โหลว ชิงอู๋ ฟังพวกเขาอย่างเงียบๆและดวงตาของนางก็เผยให้เห็นการแสดงออกของความเยือกเย็นอยู่ข้างใน
“อ่า ชิงอู๋” เมื่อพวกเขาอยู่กันเพียงสองคนภายในห้องโถงใหญ่ หยวน ซิวเหรินก็ไอขึ้นเบา ๆ และพูดขึ้น “ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชีวิตเจ้าในเขตชนบทอยู่ดีหรือไม่? ตอนนี้เจ้าคุ้นเคยกับการอยู่ในเมืองหลวงแล้วหรือยัง? ”
“ข้าสบายดีเจ้าค่ะ คนที่รับข้าไปเป็นคนที่จิตใจดีมีน้ำใจ ข้าจึงไม่ได้รับความทุกข์ทรมานใดๆ เมื่อข้ากลับมาที่เมืองหลวงทุกอย่างก็ราบรื่นดีเจ้าค่ะ “โหลว ชิงอู๋ตอบขึ้นอย่างสุภาพและระมัดระวัง
หยวน ซิวเหรินมองหน้านางและเห็นว่านางมีความเหมือนกันกับฮูหยินเก้าของเขามากแค่ไหน
เขาถอนหายใจในหัวใจของเขา
เพียงแค่ชั่วพริบตา หลายปีก็ได้ผ่านไปแล้ว
ตอนที่ 137.1
“ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือให้บอกลุงของเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ลุงหยวน จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเจ้า”
“ชิงอู๋ขอขอบคุณท่านผู้นำหยวนสำหรับความห่วงใยของท่านเจ้าค่ะ” นางกลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น “ข้าไม่ทราบว่าความช่วยเหลือประเภทไหนที่ท่านผู้นำหยวนกำลังมองหาอยู่เจ้าค่ะ?”
“เรื่องนั้น …”
หยวน ซิวเหรินไม่คิดว่าโหลว ชิงอู๋ จะเป็นคนแรกที่จะพูดมันขึ้นมาก่อน
ในตอนแรก เขาอยากจะพูดถึงแม่ของนาง เพื่อนำไปสู่การระลึกถึงแม่ของนางก่อนกล่าวถึงฮูหยินเก้า
แต่การที่โหลว ชิงอู๋ พูดขึ้นก่อน ทำให้แผนการเดิมของเขายุ่งเหยิงขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะพูดต่อขึ้นอย่างราบรื่น“ ชิงอู๋ เจ้ามีอะไรที่จะต้องทำในวันนี้หรือไม่”
“ไม่มีอะไรในตอนนี้เจ้าค่ะ” โหลว ชิงอู๋ดูสงบและนิ่ง พร้อมทั้งยังดูเชื่อฟังเป็นพิเศษ
“ดี ดีมาก ถ้าเช่นนั้นลุงหยวน จะพาเจ้าไปพบกับใครคนหนึ่ง?” ในที่สุด หยวน ซิวเหรินก็ผ่อนคลายยามความระมัดระวังของเขาลง
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวนาง แต่นี่ก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ยังไม่โตเต็มที่เท่านั้น
ตราบใดที่หนิงเอ้อร์ สามารถใช้อารมณ์ของนางเล่นกับนางเพียงเล็กน้อย โดยใช้ความรักและความห่วงใยจากคนในครอบครัวของนาง ในการทำให้นางซาบซึ้ง มันคงไม่ยากสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตัวนี้ที่จะชักชูงได้ง่ายขึ้น
ตราบใดที่พันวันมึนเมาของหนิงเอ้อร์ ได้รับการรักษา เขาจะไม่ต้องทนกับภัยคุกคามของหยวนเฉิน อีกต่อไป
หลังจากนั้น ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็สว่างขึ้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับความสงบก่อนหน้านี้ ในขณะที่รอการตอบสนองของโหลว ชิงอู๋ อย่างเงียบ ๆ
ดวงตาที่งดงามของโหลว ชิงอู๋ ลดลงและเต็มไปด้วยความเยือกเย็นในขณะที่นางพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ได้เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นโหลว ชิงอู๋ ก็ได้ตามหยวน ซิวเหริน ไปที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
หยวน ซิวเหริน พานางขึ้นไปบนชั้นสองและหยุดที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
หยวน ซิวเหรินไม่ได้เข้าไปข้างใน เขายืนอยู่ที่ทางเข้า ในขณะที่ใบหน้าที่เย็นชาและแข็งทื่อของเขาฝืนยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา“ ชิงอู๋ เจ้าสามารถเข้าไปได้ด้วยตัวเอง คนที่อยากพบเจ้ารออยู่ข้างในแล้ว”
โหลว ชิงอู๋ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาของนางมองไปรอบๆในขณะที่ข้อมือเรียวขาวของนางยกขึ้นและผลักประตูเบา ๆ
หยวน ซิวเหริน หันหลังกลับไปและเข้าไปในห้องข้างเคียง
ดวงตาเหยี่ยวของเขาดูลึกและไม่สามารถอ่านได้
เมื่อโหลว ชิงอู๋ ก้าวเข้ามาในห้อง นางก็ปิดประตูลง
นางก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ก่อนจะยกม่านมุกขึ้น
ที่นั่น นางได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังให้กับนาง
เอวของนางเรียวพร้อมกับมีปิ่นหยกอันเดียวที่ยกผมของนางขึ้น
เมื่อนางได้ยินเสียง นางก็หันกลับมาพร้อมด้วยดวงตาที่เป็นประกายและใบหน้าที่งดงาม
ดวงตาที่เปียกน้ำตาของนางตกลงมาในขณะที่เห็นโหลว ชิงอู๋ และโดยไม่มีคำพูดอะไรสักคำ น้ำตาหยดแรกก็ตกลงไปบนมือที่เหมือนหยกของนาง“ ชิงอู๋….”
เสียงของนางยังคงพึมพำ ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ แข็งค้างไปทันที
นางมองไปที่ผู้หญิงมีอายุที่ยังคงดงามอย่างงงงวยที่อยู่ต่อหน้านาง
มันเหมือนกับว่ามีกลองเล็ก ๆ เต้นอย่างแรงอยู่ในหัวใจของนาง
แต่เมื่อมันทุบตีและพังทลายทุกอย่างลง นางก็ยังสามารถบังคับตัวเองให้กำจัดความมืดดำในหัวใจของนางออกไปและดึงการแสดงออกที่เป็นปกติออกมา ก่อนจะถามอย่างว่างเปล่าว่า “ท่านแม่หรือ?”
น้ำตาของฮูหยินเก้าก็ยิ่งมากขึ้น ในขณะที่นางบิดผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือ
นางลุกขึ้นยืน กำลังจะจะเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อกอดโหลว ชิงอู๋แต่กลัวว่านางจะทำให้นางตกใจกลัว จึงได้แค่ยืนอยู่นิ่งๆ เท่านั้น
บางครั้งนางก็จะก้มลงและใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาของนาง“ ชิงอู๋ แม่ไม่สมควรเป็นแม่ของเจ้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันเป็นแม่คนนี้ที่ไม่สมควรเป็นแม่ของเจ้า ข้าได้เปลี่ยนไปแล้วและตอนนี้ข้าก็เป็นฮูหยินเก้าของตระกูลหยวน”
โหลว ชิงอู๋กำกำปั้นเอาไว้แน่น
หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็ถูกปล่อยออกอย่างช้าๆ
เมื่อนางเดินไปที่ด้านหน้าของฮูหยินเก้า นางก็ลูบไหล่ของนางเบา ๆ แล้วดึงนางลงไปนั่งที่ของนาง “ท่านสบายดีหรือไม่ในหลายปีที่ผ่านมาที่จวนตระกูลหยวน?”
“ดีมาก ผู้นำตระกูลหยวนปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี เมื่อก่อนบิดาของเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยการบังคับ เขาบังคับให้ข้าทำสิ่งนี้ ข้าถูกบังคับ”
“ข้ารู้” แล้วความเจ็บปวดของนางก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ว่านางจะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะช่วยชีวิตนาง แต่การมาถึงของนางก็ยังคงสร้างบาดแผลอีกแห่งหนึ่งในหัวใจที่เต็มไปด้วยเลือดของนาง
มันเจ็บหรือเปล่านะหรือ? มันด้านชาไปแล้ว
“ชิงอู๋ แม่มาคราวนี้เพื่อขออะไรบางอย่างจากเจ้า”
ตอนที่ 137.1
“ถ้ามีอะไรที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือให้บอกลุงของเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ ลุงหยวน จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเจ้า”
“ชิงอู๋ขอขอบคุณท่านผู้นำหยวนสำหรับความห่วงใยของท่านเจ้าค่ะ” นางกลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น “ข้าไม่ทราบว่าความช่วยเหลือประเภทไหนที่ท่านผู้นำหยวนกำลังมองหาอยู่เจ้าค่ะ?”
“เรื่องนั้น …”
หยวน ซิวเหรินไม่คิดว่าโหลว ชิงอู๋ จะเป็นคนแรกที่จะพูดมันขึ้นมาก่อน
ในตอนแรก เขาอยากจะพูดถึงแม่ของนาง เพื่อนำไปสู่การระลึกถึงแม่ของนางก่อนกล่าวถึงฮูหยินเก้า
แต่การที่โหลว ชิงอู๋ พูดขึ้นก่อน ทำให้แผนการเดิมของเขายุ่งเหยิงขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะพูดต่อขึ้นอย่างราบรื่น“ ชิงอู๋ เจ้ามีอะไรที่จะต้องทำในวันนี้หรือไม่”
“ไม่มีอะไรในตอนนี้เจ้าค่ะ” โหลว ชิงอู๋ดูสงบและนิ่ง พร้อมทั้งยังดูเชื่อฟังเป็นพิเศษ
“ดี ดีมาก ถ้าเช่นนั้นลุงหยวน จะพาเจ้าไปพบกับใครคนหนึ่ง?” ในที่สุด หยวน ซิวเหรินก็ผ่อนคลายยามความระมัดระวังของเขาลง
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวนาง แต่นี่ก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ยังไม่โตเต็มที่เท่านั้น
ตราบใดที่หนิงเอ้อร์ สามารถใช้อารมณ์ของนางเล่นกับนางเพียงเล็กน้อย โดยใช้ความรักและความห่วงใยจากคนในครอบครัวของนาง ในการทำให้นางซาบซึ้ง มันคงไม่ยากสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตัวนี้ที่จะชักชูงได้ง่ายขึ้น
ตราบใดที่พันวันมึนเมาของหนิงเอ้อร์ ได้รับการรักษา เขาจะไม่ต้องทนกับภัยคุกคามของหยวนเฉิน อีกต่อไป
หลังจากนั้น ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็สว่างขึ้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับความสงบก่อนหน้านี้ ในขณะที่รอการตอบสนองของโหลว ชิงอู๋ อย่างเงียบ ๆ
ดวงตาที่งดงามของโหลว ชิงอู๋ ลดลงและเต็มไปด้วยความเยือกเย็นในขณะที่นางพยักหน้าอย่างช้า ๆ “ได้เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นโหลว ชิงอู๋ ก็ได้ตามหยวน ซิวเหริน ไปที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง
หยวน ซิวเหริน พานางขึ้นไปบนชั้นสองและหยุดที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
หยวน ซิวเหรินไม่ได้เข้าไปข้างใน เขายืนอยู่ที่ทางเข้า ในขณะที่ใบหน้าที่เย็นชาและแข็งทื่อของเขาฝืนยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา“ ชิงอู๋ เจ้าสามารถเข้าไปได้ด้วยตัวเอง คนที่อยากพบเจ้ารออยู่ข้างในแล้ว”
โหลว ชิงอู๋ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาของนางมองไปรอบๆในขณะที่ข้อมือเรียวขาวของนางยกขึ้นและผลักประตูเบา ๆ
หยวน ซิวเหริน หันหลังกลับไปและเข้าไปในห้องข้างเคียง
ดวงตาเหยี่ยวของเขาดูลึกและไม่สามารถอ่านได้
เมื่อโหลว ชิงอู๋ ก้าวเข้ามาในห้อง นางก็ปิดประตูลง
นางก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ก่อนจะยกม่านมุกขึ้น
ที่นั่น นางได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังให้กับนาง
เอวของนางเรียวพร้อมกับมีปิ่นหยกอันเดียวที่ยกผมของนางขึ้น
เมื่อนางได้ยินเสียง นางก็หันกลับมาพร้อมด้วยดวงตาที่เป็นประกายและใบหน้าที่งดงาม
ดวงตาที่เปียกน้ำตาของนางตกลงมาในขณะที่เห็นโหลว ชิงอู๋ และโดยไม่มีคำพูดอะไรสักคำ น้ำตาหยดแรกก็ตกลงไปบนมือที่เหมือนหยกของนาง“ ชิงอู๋….”
เสียงของนางยังคงพึมพำ ในขณะที่โหลว ชิงอู๋ แข็งค้างไปทันที
นางมองไปที่ผู้หญิงมีอายุที่ยังคงดงามอย่างงงงวยที่อยู่ต่อหน้านาง
มันเหมือนกับว่ามีกลองเล็ก ๆ เต้นอย่างแรงอยู่ในหัวใจของนาง
แต่เมื่อมันทุบตีและพังทลายทุกอย่างลง นางก็ยังสามารถบังคับตัวเองให้กำจัดความมืดดำในหัวใจของนางออกไปและดึงการแสดงออกที่เป็นปกติออกมา ก่อนจะถามอย่างว่างเปล่าว่า “ท่านแม่หรือ?”
น้ำตาของฮูหยินเก้าก็ยิ่งมากขึ้น ในขณะที่นางบิดผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือ
นางลุกขึ้นยืน กำลังจะจะเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อกอดโหลว ชิงอู๋แต่กลัวว่านางจะทำให้นางตกใจกลัว จึงได้แค่ยืนอยู่นิ่งๆ เท่านั้น
บางครั้งนางก็จะก้มลงและใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาของนาง“ ชิงอู๋ แม่ไม่สมควรเป็นแม่ของเจ้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันเป็นแม่คนนี้ที่ไม่สมควรเป็นแม่ของเจ้า ข้าได้เปลี่ยนไปแล้วและตอนนี้ข้าก็เป็นฮูหยินเก้าของตระกูลหยวน”
โหลว ชิงอู๋กำกำปั้นเอาไว้แน่น
หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็ถูกปล่อยออกอย่างช้าๆ
เมื่อนางเดินไปที่ด้านหน้าของฮูหยินเก้า นางก็ลูบไหล่ของนางเบา ๆ แล้วดึงนางลงไปนั่งที่ของนาง “ท่านสบายดีหรือไม่ในหลายปีที่ผ่านมาที่จวนตระกูลหยวน?”
“ดีมาก ผู้นำตระกูลหยวนปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี เมื่อก่อนบิดาของเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยการบังคับ เขาบังคับให้ข้าทำสิ่งนี้ ข้าถูกบังคับ”
“ข้ารู้” แล้วความเจ็บปวดของนางก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ว่านางจะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะช่วยชีวิตนาง แต่การมาถึงของนางก็ยังคงสร้างบาดแผลอีกแห่งหนึ่งในหัวใจที่เต็มไปด้วยเลือดของนาง
มันเจ็บหรือเปล่านะหรือ? มันด้านชาไปแล้ว
“ชิงอู๋ แม่มาคราวนี้เพื่อขออะไรบางอย่างจากเจ้า”
ตอนที่ 137.2
“ โอ้ แล้วมันคืออะไร?” นางลดสายตาของนางลง ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ข้อมือบางของฮูหยินเก้า
ในที่สุดหัวใจของนางก็อ่อนลง
“ แม่ของเจ้าไม่สบาย ข้าต้องขอยืมเลือดของเจ้าสักเล็กน้อย เจ้าจะเห็นด้วยไหมไม่?” ฮูหยินเก้ารู้สึกไม่สบายใจ
มือของนางจับไปที่แขนของโหลว ชิงอู๋ อย่างแน่นหนา ดวงตาที่งดงามของนางดูเป็นกังวลและเต็มไปด้วยน้ำ
โหลว ชิงอู๋ เงยหน้าขึ้นมองตรงเข้าไปในดวงตาของนาง
นางกลัวว่านางจะไม่เห็นด้วยหรือ?
นางจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?
นางหัวเราะขึ้นเบาๆ “ข้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร? ”
“ดีจริงๆ…” ฮูหยินเก้าปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การแสดงออกของนางยังละเอียดอ่อนและสง่างาม
“ แต่” โหลว ชิงอู๋ เฝ้าดูนางอย่างลึกซึ้ง “ท่านแม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจากการนำเลือดของข้าไปจะเป็นอย่างไร?”
“ข้ารู้” ปากของฮูหยินเก้าโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม วิธีที่นางยิ้มนั้นเหมือนกับโหลว ชิงอู๋มาก
นางมีรอยบุ๋มขนาดใหญ่ข้างมุมปากของนาง ทำให้นางดูอ่อนหวานเป็นพิเศษ
นางไม่ได้ดูตรงกับอายุของนาง นางดูเหมือนเด็กผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆ
วิธีที่นางพูดนั้นจริงใจ ไม่ได้มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย “ข้าแค่ขอยืมเลือดเล็กน้อย ผู้นำตระกูลหยวนบอกว่าไม่มีอันตราย”
“ …. เช่นนั้นหรือ?” รอยยิ้มของโหลว ชิงอู๋ ลึกขึ้น แล้วนางก็ค่อย ๆ จับมือของฮูหยินเก้า ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านแม่ ข้าจะช่วยท่าน”
จนกระทั่งโหลว ชิงอู๋ จากไปแล้วเท่านั้น ฮูหยินเก้าถึงได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง หูของนางดูเหมือนจะสะท้อนวลีสุดท้ายของโหลว ชิงอู๋อยู่
“ช่วยหรือ?”
ฮูหนินเก้าจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า จนกระทั่งนางเห็นหยวน ซิวเหริน
นางก็วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
“ซิวเหริน ท่านซ่อนอะไรบางอย่างจากข้าหรือไม่ ทำไมนางถึงบอกว่านางจะช่วยข้า ท่านไม่ได้บอกว่ามันเป็นเพียงแค่การยืมเลือดเท่านั้นหรอกหรือ?”
“หนิงเออร์ผู้โง่เขลา เจ้าคิดมากเกินไป เราไม่ได้บอกนางว่าทำไมเราต้องขอยืมเลือดของนาง ดังนั้นนางจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะใช้มันเพื่ออะไร ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเจ้าที่กังวลมากเกินไป” หยวน ซิวเหริน โอบกอดฮูหยินเก้าไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่น
คิ้วของเขาขมวดเข้าด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าเขาคิดมากเกินไปหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าวลีที่โหลว ชิงอู๋ พูดดูเหมือนจะแปลกไปไหม?
ฮูหยินเก้ายังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่คิ้วที่สง่างามของนางก็มีรอยย่นขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน “ซิวเหริน นางเป็นลูกสาวของจ้าจริงๆหรือ แต่ทำไมข้าถึงไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้กับนางเลย?”
“ ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกข้าไปแล้วหรือ? เจ้าเคยเจ็บป่วยอย่างหนักมาก่อน ดังนั้นเจ้าจึงลืมทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตไปจนหมด “
“ แต่…การทำเช่นนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อนางจริงๆใช่ไหม”
“ หนิงเออร์ผู้โง่เขลา” หยวน ซิวเหริน คลายอ้อมแขนของเขาออกเล็กน้อย
นิ้วของเขาลูบไล้ไปบนใบหน้าของนางเบา ๆ “ นางเป็นลูกสาวของเจ้า ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร กับสายเลือดของเจ้า? ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร หนิงเออร์ ไม่ต้องกังวล มันเป็นเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันจะไม่เป็นไร? หรือว่าเจ้าไม่เชื่อข้าแล้ว?”
“ เชื่อ ข้าจะไม่เชื่อท่านได้อย่างไร ซิวเหริน ไม่มีความทรงจำช่างเป็นเรื่องที่น่าสงสารจริงๆ แม้ว่าข้าจะคิดถึงมัน แต่ร่างกายของข้าก็เต็มไปด้วยความเย็นชา มันเป็นสิ่งที่ดีที่ข้าได้พบท่าน … ”
“ ตอนนี้เจ้ามีข้าแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป” หยวน ซิวเหริน โอบกอดนางอีกครั้ง ดวงตาเหยี่ยวของเขาคมชัดขึ้น ก่อนที่จะมองไปที่ฮูหยินเก้าและเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นอีกครั้ง
ตราบใดที่เขาสามารถช่วยชีวิตนางได้ เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว!
โหลว ชิงอู๋ ออกจากร้านอาหารไป ในขณะที่รถม้าที่หลานป๋าย ส่งมามาถึงพอดี
นางขึ้นรถม้าแล้วยกม่านขึ้น ในขณะที่นางมองไปที่ชั้นสอง ก่อนที่จะปล่อยมันลงอย่างช้าๆ และซ่อนแสงแห่งความไม่แยแสเอาไว้ในสายตาของนาง
“ ไปได้” โหลว ชิงอู๋ ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ไม่สามารถอธิบายได้ว่านางรู้สึกอย่างไร
นางหลับตาลงและปล่อยให้หัวใจได้แยกแยะความยุ่งเหยิงของตัวมันเอง
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆและเมื่อผ่านโรงน้ำชาก็มีรถม้าอีกคันหนึ่งผ่านมา
เมื่อรถม้าผ่านไป มันก็หยุดอยู่หน้าหอน้ำชา ก่อนที่สาวใช้จะยกม่านขึ้นและร่างที่บอบบางของใครบางคนก็เดินออกมา
จากข้างในมีหญิงสาวที่เรียวบางและสง่างามพร้อมด้วยท่าทางที่อ่อนโยนของนางกำลังเดินออกมา
มันเป็นว่าที่พระราชารอง ชั่งกวน อี้ยวิน
ตอนที่ 138.1
ชั่งกวน อี้ยวิน สวมชุดสีม่วงประกายอ่อนปักด้วยเส้นลายเมฆ ใบหน้าของนางปิดบังด้วยผ้าคลุมสีคล้ายกัน
ในขณะที่นางเดิน ชุดก็กระเพื่อมไปกับนางในทุกย่างก้าว
นางเดินตรงเข้าไปในหอน้ำชาที่ชั้นสอง ในขณะที่เฟย เหย่เดินตามหลังนางไป
ในสถานที่ที่ชั่งกวน อี้ยวิน มองไม่เห็น นางใช้มือเป็นสัญลักษณ์บอกคนที่ยืนอยู่ในมุม ก่อนจะเดินต่อไป
ชั่งกวน อี้ยวิน ดูราวกับว่านางร้องไห้มา ดวงตาของนางยังเป็นสีแดงและบวมเล็กน้อย
เมื่อนางไปถึงห้อง นางก็เคาะประตูขึ้น
จากข้างในห้อง เสียงผู้ชายก็เปล่งออกมา “ เข้ามา”
นางหันกลับมาและพูดกับเฟย เหย่เบา ๆ “ ดูข้างนอกไว้ อย่าให้ใครเข้าไป”
“เจ้าค่ะ!” เฟย เหย่พยักหน้า สายตาของนางลดลง ในขณะที่นางยืนด้วยความเคารพ
ชั่งกวน อี้ยวิน จึงผลักประตูให้เปิดออก และปิดลงตามหลังนาง
เมื่อผู้ชายในห้องได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็ยืนขึ้น
เขาสวมชุดธรรมดา ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลา ในขณะที่เขามองไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน ด้วยความเจ็บปวดในสายตาของเขา“ยวินเอ้อร์”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของชั่งกวน อี้ยวิน แล้วนางก็พูดขึ้น “ท่านพี่โจว… .. ”
หลังจากพูดจบแล้ว นางก็วิ่งไปข้างหน้าและเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
โจวถังแข็งค้างอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมือของเขาดี
ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถทนความคิดถึงที่มีต่อนางเอาไว้ได้และกอดไปที่ไหล่ของนาง “ ยวินเอ้อร์ ขอโทษ ข้ามันไร้ประโยชน์”
“ ไม่ มันไม่ใช่ความผิดของท่าน มันเป็นฮูหยินใหญ่ที่ต้องการให้ข้าแต่งงานออกไป” แต่นางก็ไม่ต้องการที่จะเป็นพระชายารองอะไรนั่น
นางแค่อยากจะมีชีวิตอยู่กับท่านพี่โจวของนาง
“แต่บิดามารดาของเจ้าก็ได้มีคำพูดสุดท้ายในชีวิตแต่งงานของเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าต้อง … ” โจวถัง หลับตาสีแดงของเขาลง
ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
แต่เขาก็ทนไม่ได้ที่จะพาคุณหนูผู้สูงสงไปกับครูสอนพิณธรรมดาอย่างเขา จะต้องเดินทางไปทั่วและจะทนทุกข์อยู่กับเขา
ดังนั้นเขาควรปล่อยนางไป!
“ข้าได้ยินว่าองค์ชายรองเป็นคนดี มีคุณธรรมและมีน้ำใจ เขาจะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเลวร้าย … “
“ ท่านพี่โจว?” ชั่งกวน อี้ยวิน เงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา“ แม้แต่ท่านก็ไม่ต้องการข้าหรือ?”
โจวถังเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาของนางอย่างเจ็บปวด “มันไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้า แต่ข้าไม่สามารถที่จะต้องการเจ้าได้ ท่านเจ้ากรมกลาโหม บิดาของเจ้า ได้ใส่ชื่อของข้าลงไปในรายชื่อต้องห้ามแล้ว และยังบอกว่าข้าได้ทำผิดต่อจวนตระกูลชั่งกวน ข้าไม่สามารถพาเจ้าออกไปจากเมืองหลวงได้แบบนี้เจ้ายังจะต้องการอยู่กับข้าอีกหรือ?”
“ ท่านพี่โจว ข้ายอมที่จะตายดีกว่าต้องแต่งงานกับองค์ชายรอง!”
“ ยวินเอ้อร์ … เจ้า ทำไมเจ้าต้องทนทุกข์เช่นนี้!”
“ ท่านพี่โจว พาข้าหนีไป ข้าขอร้องท่าน พาข้าหนีไป…ถ้าข้าไม่สามารถอยู่กับท่านได้ ข้าก็ยอมตาย!”
“ ยวินเอ้อร์ ทำไมข้าถึงจะไม่อยากพาเจ้าหนีไป แต่มันไม่ใช่งานแต่งงานธรรมดา ถ้าข้าพาเจ้าหลบหนีไปในตอนนี้ เมืองหลวงทั้งเมืองจะเกิดความวุ่นวาย”เขาได้ยินมาว่าองค์ชายรองเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะได้สำหรับองค์รัชทายาท
หากอนาคตพระชายารองตัดสินใจที่จะหนีตามเขาไป สิ่งนี้อาจทำลายโอกาสของเขาได้
แต่ในอีกแง่หนึ่ง จะมีผู้ชายคนไหนที่จะทนเห็นคนรักของเขาแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้?
ในขณะที่เขาลังเล เขาก็ได้รับจดหมายของยวินเอ้อร์ บอกว่าอยากจะพบเขาอีกครั้ง ก่อนที่นางจะสิ้นสุดความสัมพันธ์กับเขา
“ท่านพี่โจว? ข้าไม่เข้าใจเรื่องของคนในวัง ข้าเพียงแค่รู้ว่าถ้าไม่มีท่าน ข้าคงจะต้องได้ล้างหน้าด้วยน้ำตาทุกวัน ท่านสามารถทนได้ที่จะเห็นข้าหัวใจแตกลสายและมีชีวิตอยู่อย่างน่าสงสารอย่างนั้นหรือ?” ความลังเลใจของโจวถังทำให้หัวใจของชั่งกวน อี้ยวิน เจ็บปวด
“ยวินเอ้อร์ ขอคิดสักเล็กน้อย”
โจวถังเช็ดน้ำตาของนางออก ความคิดของเขายุ่งเหยิงมาก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในวันนี้
“ท่านพี่โจว วันนี้ท่านขอให้ข้าออกมาพบท่าน ไม่ใช่ว่าท่านได้วางแผนที่จะพาข้าหนีไปหรอกหรือ”
“ อืม?” โจวถังแข็งค้างไปชั่วครู่ “ข้าขอให้เจ้ามาหรือ ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหรือที่ให้เฟย เหย่มาส่งจดหมายให้ข้าออกมาพบเจ้าที่นี่?”
ชั่งกวน อี้ยวิน ก็แข็งค้างไปเช่นกัน “ไม่ ข้าไม่ได้ทำ เป็นเฟย เหย่ที่ส่งจดหมายให้ข้าและบอกข้าว่า…”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“ เปิดประตู เปิดประตู!”
ตอนที่ 138.2
“ เปิดประตู เปิดประตู!”
ชั่งกวน อี้ยวินยังพูดไม่ทันจบประโยคของนาง ก่อนที่ประตูจะถูกเคาะจากใครบางคนข้างนอก
น้ำเสียงที่เมาเล็กน้อยของผู้ชายดังขึ้นจากข้างนอก “เปิดประตู เปิดประตู ข้ามาที่นี่เพื่อสาวน้อยคนงานของข้า เร็วเข้า รีบพาสาวน้อยคนงามมาให้ข้า ! ข้าเห็นกับตาว่านางอยู่ที่นี่ อย่าโกหกข้า เร็วเข้า เปิดประตู ข้าเห็นสาวงามเดินเข้ามาในนี่ สาวน้อยของข้า ออกมาพบข้า . . . . . . . “
” ท่านพี่ ท่านพี่โจว ? ” ใบหน้าของชั่งกวน อี้ยวินขาวซีดลง คนประเภทไหนกันที่อยู่ข้างนอก
ถ้าคนอื่นรู้ว่านางและครูสอนพิณของจวนตระกูลชั่งกวน แอบมาพบกันข้างนอก นางไม่สามารถแม้แต่ที่จะคิดถึงที่นางจะต้องเจอ
ถังโจวกอดชั่งกวน อี้ยวินเอาไว้แน่น พร้อมกับมองไปที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่มีเสียงเคาะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ซีดลงเช่นกัน
ด้านนอก คนเมาใส่ชุดหรูหราและกำลังเต็มไปด้วยความโกรธที่ประตูไม่เปิดไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน
เขาใช้ก้าวถอยหลังกลับไปสองก้าว ก่อนยกกำปั้นขึ้น “เปิด เปิดประตู พังมันลงให้ข้า “
“ขอรับ!”
ลูกน้องของเขาได้ยินและพวกเขาก็ม้วนแขนเสื้อของพวกเขาขึ้นและพังประตูลงทันที
เจ้าของร้านน้ำชาวิ่งมาและพยายามที่จะหยุดพวกเขา ” คุณชาย อย่าเพิ่งโมโหไปเลยนะขอรับ แขกที่นี่ต่างก็เป็นคนสำคัญทั้งนั้น ไม่มีหญิงสาวเช่นนั้นอยู่ที่นี่ อย่าทำให้มันยากสำหรับข้าน้อยเลยนะขอรับ ข้าน้อยข้อร้องๆ . . . . . . “
“ฮึม! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน กล้าที่จะขัดขวางข้าหรือ ตีมัน! เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? เสนาบดีคือลุงของข้า พังประตู ! ใครกล้าขัดขวางข้าก็จะจบลงเหมือนเขา ! “
ภายใต้คำสั่งผู้ชายคนนั้น เจ้าของการก็ถูกพวกเขาไล่ไปด้านข้าง
ลูกน้องคนอื่นๆ ยังคงพยายามที่จะพังประตูต่อไป
ร้านน้ำชาจึงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
แขนคนอื่นๆ ของร้านน้ำชามาชุมนุมกันอยู่ที่ชั้นสอง ทั้งชี้ และแสดงความคิดเห็นในความโกลาหลที่เกิดขึ้น
คนที่ตั้งใจจะหยุดเขาก่อนหน้านี้ต่างก็หยุดความคิดนี้ลง เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นหลานชายของเสนาบดี
แล้วพวกเขาทั้งหมดต่างก็ได้แต่เฝ้าดู
หลานชายของเสนาบดีหรือ เมื่อเห็นว่าเขามีความหยิ่งและยโสแค่ไหน เขาจะเป็นใครได้ นอกจากหลานชายของเสนาบดีฝ่ายขวา บุตรชายของฟั่น หลี่ ฟั่น อี้
แล้วประตูก็ถูกพังลง เผยให้เห็นคนสองคนที่อยู่ภายในห้องขึ้นต่อหน้าทุกคน
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่กันตามลำพังในห้อง แล้วยังกอดกันแน่นอีก
ไม่ว่าเจ้าจะมองมันอย่างไร มันก็ยิ่งคลุมเครือและง่ายสำหรับคนอื่น ๆที่จะเข้าใจผิด
ฟั่น อี้ ที่เมาชี้ไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างมีความสุข “ไอหยา มันกลายเป็นว่ามีสาวน้อยอยู่ที่นี่จริงๆ แอบมาพบกับผู้ชายเสียด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำไมเจ้าไม่ตามข้าไปแทน . . . . . . . “
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เซไปข้างหน้าแล้วดึงแขนของชั่งกวน อี้ยวินอย่างแรง ” ให้ข้าดูหน่อยว่าสาวน้อยคนนี้งดงามแค่ไหน ? ”
ใบหน้าของชั่งกวน อี้ยวินกลายเป็นขาวซีด ในขณะที่นางปฏิเสธฟั่น อี้และพยายามที่จะผลักเขาออกไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรคนผู้นั้นก็เป็นผู้ชาย และแข็งแกร่งกว่านาง
เขาดึงนางแรงมากขึ้น จนผ้าคลุมหน้าของนางลอยขึ้นไปในอากาศ
ผ้าคลุมหน้าของชั่งกวน อี้ยวินตกลงไปบนพื้นดินในทันทีและเผยให้เห็นใบหน้าที่มีเสน่ห์และงดงามของนาง
การแสดงออกของนางไม่มั่นคง ทั้งหวาดกลัวและมีน้ำตา
ในเวลานี้ ใครบางคนจากฝูงชนก็ตะโกนขึ้น “นี่มันคุณหนูชั่งกวน? ”
ทุกคนชะงักไป “แล้วคุณหนูชั่งกวนเป็นใครกัน? ”
” บุตรสาวของท่านเจ้ากรมกลาโหม พระชายาในอนาคตขององค์ชายรอง ! “
หลังจากที่พวกเขาพูดขึ้น ฝูงชนต่างก็ส่งเสียงดังมากขึ้น
คนรอบข้างของพวกเขาดูตกใจ แต่ก็ดูตื่นเต้น เหมือนได้ดูละครฉากใหญ่ ในขณะที่พวกเขาสำรวจไปรอบ ๆพวกเขา
เมื่อสายตาของพวกเขาตกไปที่ชั่งกวน อี้ยวินและฟั่น อี้ รวมทั้งผู้ชายที่หันหลังให้กับพวกเขา จิตใจของพวกเขาก็สร้างสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาหัวเราะเสียงสูงขึ้นทันที
เดิมทีความสงสารในสายตาของพวกเขาที่พวกเขามองไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นแปลกๆ
นางยังไม่ได้แต่งงานกับองค์ชายรอง แต่นางก็คิดจะนอกใจเขาแล้ว ?
หัวขององค์ชายรองมีมวกเขียวเรียบร้อยแล้ว
ฟั่น อี้ ดูเหมือนจะไม่ได้ยินผู้คนที่อยู่เบื้องหลังเขาพูด ในขณะที่เขาหัวเราะและมองไปที่นาง ” นี่ มันคือความงามอย่างแท้จริง มา มาให้ข้าหอมเจ้าซะดีๆ และติดตามข้าจากนี้ต่อไป ข้าจะให้เข้าเป็นอนุคนที่สิบสามของข้า . . . . . . . . “
ทุกคนในฝูงชนต่างก็สูดเอาลมหายใจที่เยือกเย็นเข้าไปแทน
ตอนที่ 139.1
แม้ว่าชั่งกวน อี้ยวิน ในตอนนี้จะอยู่ตามลำพังกับชายที่ไม่รู้จักในห้องด้วยกัน แต่นางก็ยังคงเป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายรองในอนาคต
ดังนั้นวิธีที่ฟั่น อี้ แสดงนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เคารพต่อองค์ชายรองรวมถึงราชวงศ์
แต่เมื่อคิดถึงว่าชั่งกวน อี้ยวิน พร้อมที่จะสวมหมวกให้กับองค์ชายรองอย่างไร พวกเขาต่างก็เป็นเหมือนกัน
พวกเขาทั้งสองจะไม่จบลงด้วยดี
แต่แล้วมือของฟั่น อี้ ที่กำลงจะยื่นไปถึงชั่งกวน อี้ยวิน ก็ถูกข้อมือที่เรียวบางหยุดเอาไว้ก่อน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นจับเพียงเล็กน้อย แต่ฟั่น อี้ ก็ไม่สามารถขยับนิ้วได้
“เจ้า!”
ฟั่น อี้โกรธพร้อมด้วยความอายเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปและดูว่าใครกำลังจับขอมือเขาอยู่ ก่อนจะแข็งค้างไป
คนอื่นต่างก็ตกตะลึงและไม่สามารถขยับได้
เดิมทีพวกเขาคิดว่า คนที่หันหลังให้กับพวกเขาน่าจะเป็นคนที่จับข้อมือของฟั่น อี้ เอาไว้
แต่เมื่อพวกเขามองไปที่ใบหน้าของเขา มันก็เป็นสีขาวและเหมือนหยกที่มีเสน่ห์งดงามในขณะที่มันถูกเปิดเผย
มันเกือบจะดูดวิญญาณพวกเขาเนื่องจากความมีเสน่ห์ของมัน ผมสีดำยาว “ของเขา” ตกลงมาเหมือนน้ำ ในขณะที่แสงอาทิตย์สีทองส่องหน้าของเขา
ในช่วงเวลานั้น มันเหมือนราวกับว่าพวกเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของพวกเขาไปเมื่อพวกเขามองดู “เขา”
ผู้ชายคนนี้ก็คือคุณหนูเหย่ จี้ แห่งเฉิน เก้อหลาน
“อา! มันคือคุณหนูเหย่ จี้! คุณหนูเหย่ จี้!” ไม่มีใครรู้ว่าใครตะโกนก่อน แต่มันก็ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมา
ในเวลาไม่นาน หอน้ำชาก็ราวกับระเบิดลง
เฉิน เก้อหลาน มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว โฉมงานทั้งสี่ที่มีชื่อเสียงและยังมีฝีมือในการเล่นพิณเป็นเลิศ
และในบรรดาที่โด่งดังที่สุดในเรื่องความงามและทักษะในการเล่นพิณและทักษะในการเต้นรำก็คือคุณหนูเหย่ จี้
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการผู้สูงศักดิ์ สุภาพบุรุษหรือคุณหนู พวกเขาต่างก็ไปที่เฉิน เก้อหลาน โดยหวังว่าจะได้พบคุณหนูเหย่ จี้
ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะได้พบนางด้วยตาของตนเองในวันนี้
ดวงตาของฟั่น อี้ ที่แต่เดิมติดกาวอยู่ที่ชั่งกวน อี้ยวิน ตอนนี้หันมาจ้องมองไปที่เหย่ จี้ทันที
เหย่ จี้โค้งมุมปากของนางขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา
ขนตายาวๆ ของนางซ่อนความเย็นชาเอาไว้ ในขณะที่นางยกมือขึ้นแล้วหันไปมองรอบๆ
ผู้คนรอบตัวนางรู้สึกเหมือนหัวใจของพวกเขากำลังจะกระโดดออกมา ในขณะที่พวกเขากลั้นลมหายใจเอาไว้
จากนั้นเหย่ จี้ก็รู้สึกพึงพอใจก่อนจะมีรอยยิ้มขึ้น และเปล่งเสียงที่ราวกับว่ามันมาจากสวรรค์ของนางขึ้น“ ทุกคนดูเหมือนจะ…เข้าใจผิดอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่”
ทุกคน:“ ….. ”
เข้าใจผิดหรือ?
มันเป็นความเข้าใจผิดหรือ!
ไม่ว่าเหย่ จี้จะพูดอะไรมันก็ถูกเสมอ!
“แม่นางชั่งกวน มาหาข้า แต่เดิมเพราะนางได้ยินว่าองค์ชายรอบชอบเสียงพิณของข้า ดังนั้นนางจึงมาเรียนรู้มันจากข้าเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าจะมีใครบางคนที่คิดว่าพวกเขาเป็นคนชั้นสูงและสูงส่งอย่างไม่น่าเชื่อคิดที่จะมาต่อแยกับว่าที่พระชายาขององค์ชายรอง อาญานี้…จะเรียกว่าเล็กหรือใหญ่ดี?”
ข้อมือที่เหมือนหยกของนางเผยให้เห็นผิวขาวของนาง ราวกับผีเสื้อสีทองที่มันกำลังจะบินออกไป ทำให้ดวงตาของฟั่น อี้เต็มไปด้วยความมึนงง
เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป ในขณะที่ดวงตาของเขาเปิดกว้างและมองไปที่มือหยกที่อยู่ตรงหน้าอกของเขา
จิตใจของเขาว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เพราะหัวใจของเขารู้สึกเหมือนกำลังมีลูกแมวกำลังเกาอยู่ เขารู้สึกเหมือนกำลังจะละลาย
“ สมควรที่จะถูกลงโทษ, ถูกลงโทษ…”
เขาพึมพำราวกับคนมึนเมา ก่อนได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน
เหย่ จี้ปิดปากของนางขณะที่นางหัวเราะ“ ในเมื่อคุณชายฟั่นเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของเหย่ จี้ เช่นนั้น…ทุกคนโปรดเป็นพยาน ก่อนที่คุณชายฟั่นจะเดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม”
จากนั้นฟั่น อี้ ก็ตะลึงงัน
แต่เขาก็พูดไปแล้วก่อนที่จะมีสติ
เขาได้ต่อแยกับว่าที่พระราชาขององค์ชายรองจริงๆ
เมื่อเขาไปถึงกระทรวงยุติธรรมและอาญาที่เขาต่อแยว่าที่พระราชาขององค์ชายรองก็ตกอยู่กับเขาและยังมีพยานอีกด้วย
เจ้าหน้าที่โจวของกระทรวงยุติธรรมวางทบลงโทษฟั่น อี้ ทันทีและสั่งให้เขารอรับการลงโทษ
เมื่อเหย่ จี้และชั่งกวน อี้ยวิน ออกมาจากกระทรวงยุติธรรม มันก็สี่ชั่วยามต่อมาแล้ว
ตอนที่ 139.2
เมื่อเหย่ จี้และชั่งกวน อี้ยวิน ออกมาจากกระทรวงยุติธรรม มันก็สี่ชั่วยามต่อมาแล้ว
คนสองขึ้นไปบนรถม้าที่กำลังจอดรอพวกเขาอยู่ด้านนอก
ชั่งกวน อี้ยวิน ก้าวเข้ามาข้างในก่อน แต่เมื่อนางเห็นคนสองคนที่อยู่ในรถม้าแล้วนางก็ตัวแข็งทันที
“ ท่านโจวพี่ แม่นาง…โหลว?”
เหย่ จี้ก็ขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถม้าออกเดินทางไปบนเส้นทางของพวกเขาได้
ดวงตาที่สวยงามของนางมองไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน อย่างเย้ยหยัน“ แม่นางชั่งกวน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูโหลวในวันนี้ ข้าเกรงว่าท่านจะไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่กับคุณชายโจวและพูดคุยกันอย่างสบายใจเช่นนี้”
แน่นอนว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของชั่งกวน อี้ยวิน นั้นซีด นางรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผลที่จะตามมา
ตอนนี้ นางรู้สึกเหมือนถูกปกคลุมด้วยเหงื่อเย็น
เมื่อเหย่ จี้ เตะประตูให้เปิดออก นางก็กลัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
โจวถังเป็นเพียงครูสอนดีดพิณ ดังนั้นเขาจึงทำกลัวและตกใจเช่นกัน
แต่ในเวลานั้น จู่ๆ หน้าต่างจากด้านนอกก็เปิดออกและมีร่างสองร่างปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
หนึ่งในนั้นคือแม่นางเหย่ จี้ และอีกคนเป็นผู้ชายที่นางจำไม่ได้ แต่ระดับการต่อสู้ของเขานั้นสูงมาก เพราะเขาคว้าตัวโจวตัวแล้วพาเขากระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
นี่คือวิธีที่พวกเขาสามารถหลบหนีจากภัยพิบัตินั้นได้
ชั่งกวน อี้ยวิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะคำนับโหลว ชิงอู๋อย่างจริงใจ“ความช่วยเหลือในวันนี้จะเป็นสิ่งที่ข้าจะจดจำไว้แม้กระทั่งเมื่อข้าแก่ชรา”
แล้วโหลว ชิงอู๋ ก็มองไปที่นาง ดวงตาของนางตกลงไปที่ชั่งกวน อี้ยวิน และโจวถัง“พวกเจ้าคิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือ?”
“อืมมม?”
ชั่งกวน อี้ยวิน แข็งค้างไปทันที“ถ้ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ…แล้วเช่นนั้น หรือมีคนวางแผน?”
โหลว ชิงอู๋ ยกคิ้วขึ้นแล้วพยักหน้า
“และชาในห้องของพวกเจ้าก็มีบางอย่างเพิ่มเข้าไป คุณชายโจวเดินไปมาตามท้องถนนเป็นประจำ ท่านควรจะรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าของโจวถังเปลี่ยนเป็นสีขาวในทันใด“ยาปลุดกำหนัดหรือ?”
รอยยิ้มของโหลว ชิงอู๋ ลึกมากขึ้น “แต่ก็ดีที่พวกเจ้าไม่ได้ดื่มมัน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการจัดการที่น่ารำคาญมากนี้ แม้ว่าฟั่น อี้ จะสร้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะใครบางคนยั่วยุเขา เขาจะก้าวเข้ามาในหอน้ำชาโดยบังเอิญได้อย่างไร และบังเอิญวิ่งเข้าไปในห้องของพวกเจ้าหรือ? ชั่งกวน อี้ยวิน เจ้ามีสาวใช้คนหนึ่งชื่อเฟยเหย่อยู่ข้างกายเจ้าหรือไม่?”
ใบหน้าของชั่งกวน อี้ยวิน ซีดลงด้วยความตกใจ“ ใช่ นางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้าเอง”
“แต่เมื่อฟั่น อี้ ปรากฏตัว นางก็หายตัวไป ทำไมเจ้าไม่ลองคิดอีกครั้งเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เจ้ามาที่นี่”
ชั่งกวน อี้ยวิน และโจวถังมองหน้ากันและจำได้ทันทีว่าพวกเขาพูดอะไรกันก่อนที่ฟั่น อี้ จะขัดจังหวะพวกเขา …
“ มันคือ…เฟยเหย่?”
โหลว ชิงอู๋ ส่ายหน้า “ไม่ใช่ มีคนที่อยู่ข้างหลังนางอีก”
“ใครกัน?”
โหลว ชิงอู๋ หัวเราะ“ มันจะดีที่สุด ถ้าพวกเจ้าไม่รู้”
ใบหน้าของทั้งสองของคนนั้นซีดมากกว่าเดิม
โจวถังหันกลับมาเผชิญหน้ากับโหลว ชิงอู๋“คุณหนูโหลว ได้โปรดช่วยยวินเอ้อร์ ข้าสามารถไม่พบ…นางอีกครั้งได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับนางไม่ได้!”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง แต่ท่านจะสามารถปล่อยนางไปได้จริงๆและปล่อยให้นางแต่งงานกับคนอื่นได้หรือ?”
โจวถังทำไม่ได้ เขาเป็นครูสอนดีดพิณของนางมาเป็นเวลาสามปี
อารมณ์ความรู้สึกในสามปีไม่สามารถถูกวางลงได้ เพียงเพราะเจ้าต้องการที่จะวางมันลง
แต่เขาก็เป็นเพียงครูสอนดีดพิณ แล้วเขาจะไปคู่ควรกับคุณหนูอย่างนางได้อย่างไร?
หากทำได้ เขายินดีที่จะลองพยายามดู
แต่โอกาสที่อ่อนแอที่เกิดขึ้น ก็เกือบจะทำร้ายนาง
เขาหลับตาลงด้วยความโกรธ ก่อนที่จะผงกหัวของเขาอย่างรุนแรง“ได้ข้าทำได้!”
“ แต่ข้าทำไม่ได้! ท่านพี่โจว ท่านกำลังบังคับให้ข้าตายหรือ?”
น้ำตาของชั่งกวน อี้ยวิน เริ่มร่วงหล่นลงมา ใขณะที่นางมองไปที่โจวถัง
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง“ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับองค์ชายรองแม้แต่น้อย ถ้าท่านยังทำเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าท่านจะบังคับให้ข้าตาย!”
“ยวินเอ้อร์ ….”
โจวถังคลุมศีรษะด้วยมือของเขา แต่เขาจะทำอะไรได้?
เขาไม่สามารถแม้แต่จะออกจากเมืองหลวงไปได้ แล้วเขาจะพานางไปได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น