ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1301-1335

 1301 ชดใช้หนี้ (1)


 


 


หูหลีมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างลังเลแล้วสุดท้ายก็หยิบสมุนไพรแล้วหันไปหาชายชรา “ท่านพ่อ รอสักครู่ข้าจะไปต้มยาให้ท่าน”


 


 


จากนั้นเขาก็เดินจากไป


 


 


“คุณชายและแม่นางอวิ๋น” ชายชราพูดแล้วทิ้งสายตาไปที่ทั้งคู่ “ถ้าพวกท่านไม่คิดมาก คืนนี้ก็พักที่บ้านข้าเถอะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าน้อยๆ สำหรับผู้ฝึกฌานแล้ว แม้ต้องนั่งอยู่นั่งคืนก็ไม่เป็นปัญหา…


 


 



 


 


เช้าวันต่อมา


 


 


เสียงดังมาจากนอกห้องผุพังภายในพื้นที่เสื่อมโทรม


 


 


ชายหนุ่มตะโกนอย่างโอหัง “หูเหวินอู่ หูหลี เจ้าเตรียมเงินไว้หรือยัง ถ้าเจ้าใช้หนี้ข้าไม่ได้ เจ้ก็าต้องเอาชีวิตมาให้ข้า!”


 


 


เอี๊ยด!


 


 


ประตูไม้พุพังถูกผลักให้เปิดออกโดยมือมีอายุคู่หนึ่ง แล้วชายชราก็โซเซออกมาโดยมีบุตรชายเขาช่วยพยุง เสียงไม้เท้าเขากระทบพื้นเหมือนค้อนกำลังตีเข้าหัวใจของผู้คน


 


 


“หูโย่วอู่ เจ้ารู้ดีว่าตัวเองทำอะไร!” ชายชราจ้องหน้าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา เสียงเขาแหบแห้งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


หูโย่วอู่หัวเราะ “ข้าทำอะไรงั้นหรือ เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อน แล้วเจ้าล่ะ คนทั้งเมืองลั่วฮวาต่างก็รู้กันว่าคนไข้ตายเพราะการรักษาของเจ้า ชื่อเสียงของเจ้าถูกทำลายแล้ว ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”


 


 


ตอนนั้นหูโย่วอู่ก็ยกมือที่มือกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นซึ่งมีรอยนิ้วมือสีแดงอยู่บนนั้นชัดเจน


 


 


“เจ้ายืมเงินข้าไปสิบล้านตำลึง เจ้าจะคืนเงินให้ข้าเมื่อไหร่” รอยยิ้มเสียดสีปรากฏบนใบหน้าเขาเขามองหูเหวินอู่อย่างยั่วโมโห


 


 


หูเหวินอู่ตอนที่เจ้าถูกไล่ออกจากตระกูลหู เจ้าก็ควรเก็บไม้เก็บมือออกจากวงการแพทย์และหลบอยู่ในมุมมืดไปทั้งชีวิต แต่เจ้ากลับไม่ยอมทิ้งชื่อเสียงแล้วรักษาคนไข้ต่อ


 


 


เจ้ายั่วยุข้าเพราะทำแบบนี้!


 


 


ตอนนี้เจ้าก็แค่ต้องทุกข์ทรมานจากการกระทำของตัวเอง แล้วเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตเจ้าก็โทษใครไม่ได้!


 


 


ชายชราชี้หน้าน้องชายเขา และร่างชราของเขาก็สั่นอย่างแค้นเคือง หลังจากที่เมื่อวานนี้เขารู้ความจริง พอเขาเห็นใบหน้าไม่อายของหูโย่วอู่เขาก็อยากเดินเข้าไปตบหน้าจริงๆ


 


 


หวืด!


 


 


ตอนนั้นเองก็มีลมแรงพัดผ่านพวกเขา หูโย่วอู่ไม่ได้จับกระดาษไว้แน่นนัก ทำให้กระดาษปลิวหลุดมือไป หูโย่วอู่ตกใจแล้วรีบกระโดดไปจับใบสัญญากู้ยืม แต่ทันใดนั้นใบสัญญากู้ยืมก็ปลิวไปตกบนมือใหญ่เข้าเสียก่อน


 


 


เจ้าของมือคือชายหนุ่มสวมชุดสีดำท่าทางเย็นชา ดวงตาสีนิลของเขาดูลึกลับจนคนยากที่จะรับรู้อารมณ์ในใจเขาได้ ชายหนุ่มจับใบสัญญากู้ยืมแล้วยื่นให้เด็กสาวชุดขาวที่ยืนอยู่ข้างเขา แล้วจากนั้น…


 


 


เด็กสาวยกก็มือขึ้ นแล้วใบสัญญากู้ยืมก็ขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษกระดาษปลิวว่อนไปทั่ว


 


 


นางเลิกคิ้วแล้วจ้องหน้าที่ซีดเผือดของหูโย่วอู่ก่อนพูดอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อเจ้าพูดว่าหูเหวินอู่ติดหนี้เจ้า เจ้าก็ควรเอาใบสัญญากู้ยืมออกมา ถ้าเจ้าไม่มีใบสัญญากู้ยืมแล้วจะมาทวงหนี้คนอื่นได้อย่างไร”


 


 


ตอนนั้นทั้งถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมาก็ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ใบสัญญากู้ยืมงั้นหรือ


 


 


ไม่ใช่ว่านางเพิ่งฉีกมันทิ้งหรอกหรือ


 


 


แล้วนางยังกล้าขอใบสัญญากู้ยืมอีกหรือ


 


 


นางหน้าไม่อายขนาดนี้ได้อย่างไร


 


 


หูโย่วอู่กัดฟัน “แม่นาง เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรหูเหวินอู่ไม่ได้หากถ้าไม่มีใบสัญญากู้ยืมหรือ ตลกน่า! ข้าแค่เก็บเศษกระดาษกลับมารวมกันใหม่แล้วจากนั้น…”


1302 ชดใช้หนี้ (2)


 


 


“โอ้?” เด็กสาวเลิกคิ้วแล้วยิ้มกว้าง “จริงหรือ ถ้าแบบนี้ล่ะ”


 


 


พรึบ!


 


 


เศษกระดาษที่ปลิวอยู่ในอากาศก็ติดไฟแล้วไม่นานก็กลายเป็นเถ้าถ่าน หูโย่วอู่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกทุบแล้วเขาก็เดือดดาล เขาจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร


 


 


“แม่นาง เจ้าไม่ควรมายุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าใจร้าย!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงพิงชายหนุ่มด้านข้างอย่างเกียจคร้านแล้วส่งยิ้มงดงามแต่ยั่วโมโหไปให้เขา


 


 


“ข้าเสียใจด้วย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของข้าแล้ว!”


 


 


“หูเหวินอู่ติดหนี้ข้า คนทั้งเมืองลั่วฮวาเป็นพยานได้!” ดวงตาของหูโย่วอู่มืดครึ้มแล้วพูดอย่างเย็นเยียบ “เขาปฏิเสธมิได้หรอก!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยกยิ้มบาง “ข้าขอถามว่าเหตุใดเขาต้องยืมเงินท่าน”


 


 


“ฮึ่ม อย่างที่ทุกคนรู้ว่าคนไข้คนนั้นตายจากการรักษาของเขา แล้วครอบครัวของคนตายก็ขอให้เขาชดใช้ โชคร้ายที่เขาทำได้แค่หันมายืมเงินข้า และเพราะความเป็นพี่น้อง ข้าจึงให้เขายืมเงินสิบล้านตำลึงเงิน!” หูโย่วอู่ส่งเสียงขึ้นจมูก “เขาไม่ควรไม่ใช้หนี้คืน!”


 


 


“ถ้าหากว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา “คนไข้ไม่ได้ตายล่ะ”


 


 


คนไข้ไม่ได้ตายงั้นหรือ


 


 


ฝูงชนส่งเสียงฮือฮาแล้วมองไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนมองคนโง่ แม้แต่ตัวหูเหวินอู่ยังยอมรับเองว่าบุตรของโอวหยางเชียนหรานตายจริงแล้วเขาจะไม่ตายได้อย่างไร


 


 


แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นประกายบางอย่างในดวงตาหูโย่วอู่เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาพยายามสงบใจแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไร้สาระ เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร คนไข้ตาย หูเหวินอู่ยอมรับด้วยตัวเอง! เจ้ากำลังจะบอกว่าตระกูลโอวหยางขู่เขางั้นหรือ”


 


 


เมื่อเขาพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเขาไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ความจริงจะถูกเปิดเผยไป มันก็เป็นเพียงความผิดของโอวหยางเชียนหราน ไม่เกี่ยวกับเขา!


 


 


“เวลาใกล้หมดแล้ว…” อวิ๋นลั่วเฟิงมองไปยังทิศทางหนึ่ง “เขาควรกลับมาได้แล้ว”


 


 


เช้าตรู่วันนี้ ไหน่ฉารายงานนางผ่านจิตว่าพบเด็กชายแล้ว กำลังกลับมาที่เมืองลั่วฮวา…


 


 


“หูหลี” อวิ๋นลั่วเฟิงหันมาหาหูหลี “เอาตัวโอวหยางเชียนหรานมานี่! ตอนนี้ข้ากำลังจะเปิดการแสดงดีๆ ให้พวกเจ้าดู!”


 


 


หูหลีรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจจะทำอะไร เขาจึงพยักหน้าแล้วมุ่งหน้าไปที่ถนนบูรพาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมลากโอวหยางเชียนหรานมาด้วย


 


 


“หูหลี เจ้าเด็กเลวทราม! บิดาเจ้าฆ่าบุตรชายข้าแล้วเจ้ายังมีหน้ามาทำร้ายข้าอีกหรือ ไปลงนรกซะ!”


 


 


“หุบปาก!”


 


 


หูหลีต่อยเข้าที่เบ้าตาของโอวหยางเชียนหรานจนตาข้างหนึ่งเป็นสีดำ เขาจ้องหน้าหูหลีอย่างเดือดดาลเหมือนต้องการฉีกหูหลีออกเป็นชิ้นๆ!


 


 


เมื่อเขามาถึงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง หูหลีก็โยนชายคนนี้ไปที่พื้นดวงตาเรียวเป็นประกายเย็นเยียบสีหน้าของเขาเฉยชา


 


 


“โอวหยางเชียนหรานใช่หรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงยืดตัวลูบคางแล้วก้มมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะเปิดการแสดงชั้นยอดให้ดูแล้ว”


 


 


โอวหยางเชียนหรานลุกขึ้นจากพื้นอย่างโมโห “เจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าพูดกับข้าอย่างนี้ได้อย่างไร”


 


 


ดวงตาหูหลีเย็นเยียบ ตอนที่เขากำลังจะตีโอวหยางเชียนหรานอีกครั้ง ร่างสีดำก็พุ่งเขามาเหมือนสายลมแรง ชายหนุ่มยกขาขึ้นเตะโอวหยางเชียนหรานออกไป



ตอนที่ 1303 ชดใช้หนี้ (3)


 


 


ภายใต้สายตาของชาวเมือง ร่างของโอวหยางเชียนหรานลอยออกไปหลายเมตรก่อนตกพื้นอย่างแรง ฝูงชนชะงัก…


 


 


เมื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มหล่อเหลาเย็นชาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้


 


 


ถึงแม้ตระกูลโอวหยางจะไม่มีอำนาจเท่าตระกูลหูแต่ความแข็งแกร่งของโอวหยางเชียนหรานก็ไม่ได้แย่ แล้วชายหนุ่มคนนี้สามารถเตะเขาออกไปไกลขนาดนั้นโดยไม่ออกแรงได้อย่างไร ที่สำคัญโอวหยางเชียนหรานถูกเขาเตะจนบาดเจ็บสาหัส เขากระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่องจนแทบจะเอาเครื่องในออกมาด้วย


 


 


“พวกเขาเกือบมาถึงแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดพร้อมยิ้มบาง ดวงตาร้ายกาจของนางเป็นประกาย “โอวหยางเชียนหราน เจ้าอยากเห็นหน้าบุตรชายหรือไม่”


 


 


โอวหยางเชียนหรานหน้าซีดตัวสั่น


 


 


“เจ้าหมายถึงอะไร ข้าไม่เข้าใจ!”


 


 


“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”


 


 


ตอนที่โอวหยางเชียนหรานกำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ก็มีเสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง “นายหญิง ข้าพาเด็กชายที่ท่านให้ตามหามาแล้วขอรับ”


 


 


เมื่อทุกคนได้ยินเสียง ชายหนุ่มก็หันไปหาที่มาของเสียงและเห็นชายหนุ่มบอบบางผู้หนึ่ง เขาสวมชุดสีขาวทับร่างผอมบาง ใบหน้าหล่อเหลา ผิวพรรณเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์ แล้วรอยยิ้มของเขาก็สดใสเหมือนดวงอาทิตย์ แต่ว่า…


 


 


สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนคือเด็กผู้ชายตัวอวบอ้วนในมือเขา เด็กอวบอ้วนคนนี้มีน้ำลายไหลย้อยอยู่มุมปากดูโง่เขลา เมื่อเห็นโอวหยางเชียนหรานนอนอยู่ที่พื้น เขาก็ร้องไห้เสียงดัง


 


 


“ท่านพ่อ!”


 


 


ใบหน้าของโอวหยางเชียนหรานซีดเผือดจนน่ากลัว นัยน์ตาเขาระคนปนเปกันระหว่างความกลัวและตกใจ ร่างเขาสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ เสียงร้องของเด็กชายร่างท้วมเหมือนหินที่ตกลงไปในน้ำแล้วสร้างความปั่นป่วน


 


 


“นี่…นี่ไม่ใช่บุตรชายที่ตายไปของโอวหยางเชียนหรานหรอกหรือ เหตุใดเขายังมีชีวิตอยู่”


 


 


“ข้าคิดว่าเขาดูโง่นิดหน่อยนะ ดูไม่ฉลาดเหมือนที่เคยเป็น!”


 


 


“โอวหยางเชียนหรานขอค่าชดเชยจากหูเหวินอู่และหักขาเขาเพราะหูเหวินอู่รักษาบุตรชายเขาจนตาย! แต่…เด็กชายคนนี้… ใครก็ได้บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น!”


 


 


ความสิ้นหวังแทนที่ความหวาดกลัวในดวงตาโอวหยางเชียนหราน เขาสงสัยว่าเหตุใดบุตรชายเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เขาซ่อนบุตรชายเขาไว้อย่างดีแล้วมิใช่หรือ


 


 


หูโย่วอู่เองก็ดูวิตกกังวลเหมือนกัน เขามองโอวหยางเชียนหรานอย่างเกลียดชัง พลันความโมโหปรากฏขึ้นในนัยน์ตา เขาบอกแล้วว่าให้กำจัดเด็กชายไปเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตแต่โอวหยางเชียนหรานไม่กล้าทำ ถ้าเขาเด็ดเดี่ยวมากกว่านี้เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น


 


 


ดังนั้น ‘การแสดงดีๆ’ ที่สตรีชุดขาวพูดคงหมายถึงสิ่งนี้สินะ


 


 


“ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทุกคนคงเห็นแล้ว” หูหลีออกตัวก่อนแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “บุตรชายของโอวหยางเชียนหรานยังไม่ตาย เขาใส่ร้ายท่านพ่อข้า! เขาต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเมื่อใช้วิธีการเลวทรามแบบนี้!”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเขา ฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงเอะอะพูดคุยกัน ความตะลึงในดวงตาพวกเขาเปลี่ยนเป็นความดูถูก คำพูดสาปแช่งว่าร้ายพุ่งเข้าใส่โอวหยางเชียนหรานจากทุกสารทิศ


 


 


“โอวหยางเชียนหรานชั่วร้ายจริงๆ บุตรชายเขายังมีชีวิตอยู่แต่กลับบอกว่าตายแล้ว! อีกทั้งยังข่มขู่แพทย์หูอีกด้วย”


1304 ชดใช้หนี้ (4)


 


 


“ข้ารู้อยู่แล้ว! ทักษะทางการแพทย์ของแพทย์หูดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่คนไข้จะตายจากการรักษาของเขา! กลายเป็นว่าทุกอย่างเป็นการถูกใส่ความ ตอนนี้ทั้งพยานและหลักฐานก็พร้อมแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเขาจะแก้ตัวอย่างไร!”


 


 


“เดี๋ยวก่อน ถ้าบุตรชายโอวหยางเชียนหรานยังไม่ตายแล้วเหตุใดเขาถึงหยุดหายใจ”


 


 


ท่ามกลางคำสาปแช่งอย่างโกรธแค้นต่อโอวหยางเชียนหรานก็ยังบางคนที่มีสติอยู่ คำถามของเขาทำให้ผู้คนเงียบลง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงฉีกยิ้ม “มียาเม็ดชนิดหนึ่งที่ทำให้มนุษย์มีสภาพเหมือนตาย แต่ก็มีผลข้างเคียงร้ายแรงอยู่เช่นกัน นั่นคือ…หลังจากที่กินยานั่นเข้าแล้วไปแล้ว คนผู้นั้นจะกลายเป็นคนโง่!”


 


 


“ไร้สาระ!” โอวหยางเชียนหรานกระโดดขึ้นมาแล้วจ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง “บุตรชายข้าเป็นไข้ต่างหาก ยาไม่ใช่สิ่งที่ทำลายสมองเขา!”


 


 


หัวใจโอวหยางเชียนหรานเต้นแรง เขาใช้ประโยชน์จากไข้ของบุตรชายเพื่อใส่ร้ายหูเหวินอู่ แต่เพราะรักษาช้าเกินไปสมองเขาเลยบาดเจ็บ


 


 


แต่ว่า…


 


 


ในขณะนั้น เมื่อพบว่าตัวเองถูกเปิดโปงแล้ว โอวหยางเชียนหรานแล้วก็ยอมรับทุกอย่าง! ใช่ เขาเกลียดคนตระกูลหู มีอะไรผิดเล่า ใช่ว่าการตายของบุตรสาวเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเสียหน่อย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดที่พยายามแก้แค้นพวกเขา!


 


 


“ในยานั่นมีสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘หญ้าสิ้นใจ’ เป็นส่วนผสม! แพทย์ทุกคนรู้ผลข้างเคียงของมันดี!” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบางแล้วเลิกคิ้วมองโอวหยางเชียนหราน


 


 


หญ้าสิ้นใจ?


 


 


โอวหยางเชียนหรานส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีหญ้าสิ้นใจอะไรอยู่ในยาทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่มีทางเชื่อ!”


 


 


“นายหญิงขอรับ”


 


 


ไหน่ฉาเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วแบมือออก “ข้าพบสิ่งนี้ในห้องของเด็กตระกูลโอหยางขอรับ”


 


 


เขาวางยาลงบนฝ่ามือของอวิ๋นลั่วเฟิง อวิ๋นลั่วเฟิงเกือบจะได้ยามาแล้วแต่อวิ๋นเซียวกับจับมือนางไว้ก่อน เขาฉีกแขนเสื้อออกมายื่นให้นางแล้วพูดว่า “อย่าให้มือเจ้าเปื้อน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วใช้ผ้าจับเม็ดยา


 


 


“คนที่กินยานี่เพื่อแสร้งตายจะสามารถกลับมามีสติอีกครั้งก็ต่อเมื่อใช้พลังฌานขับมันออกมาจากร่างแต่บุตรชายเจ้าคิดว่ามันเป็นของสำคัญเลยเก็บเอาไว้”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยื่นเม็ดยาให้หูเหวินอู่


 


 


“หญ้าสิ้นใจ!”


 


 


หูเหวินอู่หยุดแล้วหยิบเม็ดยาขึ้นมาจ่อที่ปลายจมูก เมื่อดมแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป “ยานี้มีส่วนผสมของหญ้าสิ้นใจจริงๆ!”


 


 


ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนพูด โอวหยางเชียนหรานก็คงไม่เชื่อ แต่เมื่อคนที่ได้รับการยกย่องอย่างหูเหวินอู่เป็นคนพูด! ถึงแม้เขาจะเกลียดคนตระกูลหู แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าหูเหวินอู่ไม่เคยโกหก ชายตรงหน้าหยิ่งทะนงเกินกว่าจะโกหก! ในเมื่อเขาบอกว่าเม็ดยามีส่วนผสมของหญ้าสิ้นใจก็แสดงว่ามีจริงๆ!


 


 


โอวหยางเชียนหรานใจสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความคิดเขาว่างเปล่า


 


 


บุตรชายเขากลายเป็นคนปัญญาอ่อน…ก็เพราะตัวเขาเองงั้นหรือ


 


 


ไม่!


 


 


เป็นความผิดของหูโย่วอู่!


 


 


“หู…”


 


 


โอวหยางเชียนหรานกำหมัดกัดฟันแล้วพ่นคำพูดออกมา


 


 


แต่ก่อนเขาจะพูดจบก็มีมีดบินมาแทงคอเขาดังฉึก เขาตัวสั่นขณะดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ


1305 ชดใช้หนี้ (5)


 


 


“ไอ้คนชั่ว!”


 


 


หูโย่วอู่พุ่งเข้ามาเตะโอวหยางเชียนหรานแล้วหยิบมีดบินออกมาแทงคอเขา


 


 


“เจ้ากล้าใส่ร้ายพี่ชายได้อย่างไร ข้าไม่ยกโทษให้เจ้า! วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเพื่อแก้แค้นให้พี่ชาย”


 


 


“หยุดนะ!”


 


 


สีหน้าหูหลีเปลี่ยนไปอย่างมาก โอวหยางเชียนหรานผู้เป็นคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ความผิดของหูโย่วอู่ได้กำลังจะถูกสังหารต่อหน้าต่อตาเขา


 


 


“หูโย่วอู่ หยุด!” หูหลีพุ่งเข้าไปหาหูโย่วอู่แล้วยื่นมือออกไปเพื่อคว้าตัวโอวหยางเชียนหรานในตอนที่หูโย่วอู่กำลังจะลงมือ


 


 


แต่โชคร้ายยิ่งนัก โอวหยางเชียนหรานตายเสียแล้ว


 


 


“หูโย่วอู่ เจ้าคิดจะทำอะไร” หูหลีจ้องหน้าหูโย่วอู่ ตอนนี้ความโกรธครอบคลุมความคิดเขาไปหมดแล้ว


 


 


หูโย่วอู่หัวเราะ “แน่นอนว่าข้ากำลังแก้แค้นให้เจ้า! ไอ้ชั่วนี่กล้าใส่ร้ายเจ้าก็เท่ากับมีปัญหากับตระกูลหูของพวกเรา! แล้วข้าจะยอมให้ไอ้เลวนี่ทำได้อย่างไร”


 


 


หูหลีเยาะเย้ย “ข้าคิดว่าเจ้าตั้งใจจะปิดปากเขา!”


 


 


ประกายเย็นเยียบพาดผ่านดวงตาหูโย่วอู่ เขาพูดยิ้มๆ “เจ้าพูดอะไร! ข้าเป็นอารองเจ้า ข้ากำลังแก้แค้นให้เจ้า ไม่อย่างนั้นข้าจะให้บิดาเจ้ายืมเงินไปทำไมตอนที่โอวหยางเชียนหรานมาขอค่าชดเชย! ข้าเป็นคนจิตใจดีมาเสมอ อย่าเข้าใจข้าผิด!”


 


 


หูหลีกำหมัดจนได้ยินเสียงข้อนิ้วเคลื่อน สีหน้าเขามืดครึ้มและจิตสังหารรอบตัวเขาก็หนาแน่นขึ้น


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยังเงียบอยู่ นางช่วยหูหลีมามากแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง


 


 


“หูโย่วอู่ ข้าจะหาหลักฐานมาให้ได้!” หูหลีส่งเสียงขึ้นจมูก “ออกไปจากที่นี่ซะ!”


 


 


“อย่าทำผิดกับคนจิตใจดี!” หูโย่วอู่เยาะเย้ยแล้วโบกมือ “พวกเรา กลับ!”


 


 


เขาเดินวางท่านำกลุ่มคนออกไปปล่อยให้หูหลียืนตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่ตรงนั้น


 


 


ตามจริงอวิ๋นลั้วเฟิงแและอวิ๋นเซียวทั้งคู่สามารถหยุดหูโย่วอู่ไม่ให้สังหารโอวหยางเชียนหรานได้ แต่พวกนางก็ไม่ได้หยุด เพราะถึงแม้พวกนางจะทำเช่นนั้น แล้วอย่างไรต่อเล่า ตราบใดที่หูโย่วอู่ไม่ยอมรับก็ไม่มีหลักฐานว่าโอวหยางเชียนหรานร่วมมือกับเขา ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงกับอวิ๋นเซียวจึงไม่ได้ลงมือ…


 


 


แน่นอนว่ายังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่าง ดูเหมือนว่าหูโย่วอู่จะมีกลิ่นที่คุ้นเคยติดตัวอยู่…


 


 


“อวิ๋นเซียว เจ้ารู้สึกถึงหรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงถามดวงตานางดำมืดขึ้นเล็กน้อย


 


 


ใบหน้าอวิ๋นเซียวเย็นชาแล้วพูดตอบด้วยเสียงทุ้มเบาๆ “ไป๋ซู่!”


 


 


ใช่! มีกลิ่นของไป๋ซู่บนตัวเขา นั่นหมายความว่าไป๋ซู่อาศัยอยู่กับเขา!


 


 


“เมื่อวานนี้ตอนเสี่ยวโม่อยู่จวนตระกูลหูก็หาไป๋ซู่ไม่เจอ แล้ววันนี้เราก็ได้กลิ่นเขาจากตัวหูโย่วอู่ นี่ย่อมหมายความว่าพวกเขาเพิ่งเจอกันเมื่อคืน!”


 


 


เมื่อความแข็งแกร่งมากขึ้น เขาก็จะยิ่งมีประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นมากขึ้น ยอดฝีมือสามารถจดจำคนจากกลิ่น ไม่ใช่ตามอง นี่คือเหตุผลที่วิชาปลอมแปลงถึงหลอกยอดฝีมือไม่ได้!


 


 


“ดูเหมือนว่าเราอาจจะต้องอยู่ที่นี่นานขึ้นอีกหน่อย” อวิ๋นเซียวพูดแล้วจับแขนอวิ๋นลั่วเฟิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วแย้มยิ้ม “เจ้าต้องการรอให้ไป๋ซู่ปรากฏตัวออกมางั้นหรือ”


 


 


“ใช่แล้ว เขาอันตรายไป ถ้าข้าไม่จัดการเขาตอนนี้ ข้าก็จะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าตลอดเวลา!”


1306 ไป๋ซู่ (1)


 


 


จวนตระกูลหู


 


 


หูโย่วอู่อับอายมาก เขาพุ่งเข้าไปในเรือนแล้วหยิบถ้วยชาที่คนรับใช้เอามาให้ขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้วเขวี้ยงลงพื้น! ดวงตาเป็นประกายเดือดดาล เขาพูดอย่างดุดันว่า “นังนั่นกล้าทำลายแผนข้าได้อย่างไร ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!”


 


 


ตอนนั้นเองเสียงร้ายกาจก็ดังขึ้นจากคานทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไป “ข้าบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าแผนเจ้าจะพัง!”


 


 


ความหยิ่งยโสอยู่ในเสียงของชายหนุ่ม แล้วรอยยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของเขา บุรุษผู้นั้นกระโดดจากคานลงมาอยู่ตรงหน้าหูโย่วอู่


 


 


“ถ้าเจ้าทำตามคำสั่งข้า ข้าก็ช่วยเจ้าได้!”


 


 


ดวงตาของหูโย่วอู่ดำมืด เขามองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วถามแล้วกัดฟัน “ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร แล้วเหตุใดท่านถึงต้องการช่วยข้า”


 


 


เขาไม่เคยเชื่อว่ายอดฝีมือแบบนี้จะช่วยเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน! ชายคนนี้ไม่ใช่แค่เพียงแข็งแกร่ง แต่เขายังน่าดึงดูดจนคนตะลึง ไม่มีสตรีคนใดในโลกต้านทานเสน่ห์เขาได้! แต่กลิ่นอายชายคนนี้น่ากลัวยิ่งทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เขา


 


 


“จุดประสงค์ของข้านั้นง่ายมาก” ชายหนุ่มพูดจบก็หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่เผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ข้าต้องการอวิ๋นลั่วเฟิง!”


 


 


หลายปีมานี้จักรพรรดิปีศาจตามล่าเขาอย่างไม่ย่อท้อ เขาสาบานว่าจะแย่งเอาอวิ๋นลั่วเฟิงมาให้ได้และสอนให้เขาเรียนรู้ความเจ็บปวด!


 


 


“อีกอย่าง…” ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายเย็นชา “ข้าได้ยินว่าสมบัติของตระกูลหูสามารถปกปิดกลิ่นของคนได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะนำมันมาให้ข้าหลังจากข้าช่วยเจ้าแล้ว!”


 


 


หูโย่วอู่หยุด “เรื่องสมบัติไม่ใช่ปัญหาแต่…เหตุใดท่านไม่ปรากฏตัวในเมื่อต้องการตัวนาง”


 


 


ชายหนุ่มย้ายสายตาไปที่หูโย่วอู่ สายตาที่เขาจ้องมาเกือบทำให้หูโย่วอู่หายใจไม่ออก แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมือบีบอยู่ มันเจ็บมากจนเกือบหยุดหายใจ


 


 


“เจ้าแค่ต้องทำในสิ่งที่ข้าบอก! ไม่อย่างนั้นชีวิตเจ้าก็จะทิ้งไว้ที่นี่ตอนนี้!”


 


 


หูโย่วอู่กัดฟัน “ข้าจะระดมกำลังคนตระกูลหูเพื่อต่อสู้กับคนพวกนั้น!” พูดจบหูโย่วอู่ก็รีบออกจากห้องโถงไม่กล้าจะหันหลังกลับมามองชายร้ายกาจคนนี้


 


 


“นายท่านเจ้าคะ” อยู่ๆ สตรีงดงามผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวข้างไป๋ซู่ นางก้มหน้าแล้วพูดว่า “ตระกูลหูต่อต้านอวิ๋นเซียวไม่ได้”


 


 


“ข้ารู้” ไป๋ซู่พูดแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าก็ไม่ได้หวังให้คนพวกนี้สู้กับอวิ๋นเซียว ข้าแค่ต้องการให้พวกเขาวุ่นวาย! อีกอย่าง ข้ามาที่ตระกูลหูเพื่อสมบัติชิ้นนั้นเท่านั้น ชีวิตของพวกเขาไม่เกี่ยวกับข้า”


 


 


ที่สำคัญที่สุดคือทันทีที่เขาก้าวขาเข้ามาในตระกูลหู เขาก็สัมผัสได้ถึงอวิ๋นเซียว! ถ้าตอนนี้เขาออกจากเมืองลั่วฮวา อวิ๋นเซียวต้องตามหาเขาเจอทันที ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หูโย่วอู่ไปสร้างความวุ่นวายให้พวกเขา บางทีนั่นอาจจะทำให้เขามีโอกาสหลบหนี


 


 


“เจ้าเจอสิ่งนั้นหรือไม่” ไป๋ซู่ขมวดคิ้วถาม


 


 


สตรีงดงามพยักหน้า “นายท่าน นี่คือพู่ห้อยหยกที่ท่านต้องการ”


 


 


ไป๋ซู่เลิกคิ้วแล้วหันมามองพู่ห้อยหยกในมือนางก่อนหยิบมา ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังปัง ร่างของเขาหดลง แล้วชุดคลุมสีเงินหลวมๆ ก็ห่มทับร่างเล็กๆ ของเขาเอาไว้ เกิดภาพที่น่าขันเล็กน้อย


1307 ไป๋ซู่ (2)


 


 


ไป๋ซู่กลายเป็นเด็กชายอายุราวห้าหกปี ผิวพรรณเรียบเนียนทำให้เด็กชายดูน่าทะนุถนอมแต่ดวงตากลมโตของเขาส่องประกายชั่วร้าย และรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าอวบก็แสดงความน่าสะพรึงกลัวด้วยกลิ่นอายสังหาร


 


 


“ข้าบาดเจ็บเพราะอวิ๋นเซียวจนเสียพลังทั้งหมดไป ดังนั้นข้าจึงจะเป็นต้องเปลี่ยนร่างเป็นเด็กเพื่อฟื้นฟูพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่ตอนนี้เอง…ข้าก็ยังเก็บพลังไว้ได้มากที่สุดแค่ครึ่งชั่วโมง”


 


 


หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงเขาก็จะกลายเป็นเด็กอีกครั้ง


 


 


“นายท่าน อีกไม่นานบาดแผลของท่านจะต้องหายแน่นอนเจ้าค่ะ” สตรีงดงามเดินมาหาไป๋ซู่ ดวงตานางฉายแววเทิดทูนเขา


 


 


นางยินดีเสียสละชีวิตนางเพื่อชายคนนี้


 


 


นางยินดียกทุกอย่างให้เขา


 


 


“ไปกันเถอะ”


 


 


เมื่อได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว ไป๋ซู่ก็เดินออกจากห้องโถงแล้วหายไปโดยไม่หันกลับมามอง…


 


 


ความเงียบในเมืองลั่วฮวาถูกทำลายโดยเสียงเอะอะจากคนตระกูลหู หูโย่วอู่นำยอดฝีมือทั้งหมดในตระกูลหูเข้าโจมตีพื้นที่เสื่อมโทรมจนดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมาอย่างมาก ทันทีที่เข้าถึงหน้าบ้านหูเหวินอู่ เขาก็เตะประตูให้เปิดออกดังปัง


 


 


“หูเหวินอู่ โผล่หัวออกมา!” หูโย่วอู่ตะโกนเสียงดังด้วยท่าทีเดือดดาล เขามีกลุ่มผู้เฒ่าตามหลังที่ดูออกว่าเป็นผู้อาวุโสในตระกูลหู


 


 


เมื่อเห็นหูเหวินอู่เดินออกจากประตูมาด้วยไม้เท้า หูโย่วอู่ก็หัวเราะเยาะ “หูเหวินอู่ถูกตระกูลหูละทิ้งแล้ว เช่นนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ฝึกวิชาแพทย์อีก แต่เจ้ากลับทำผิดกฎ! ในเมื่อตอนนี้ผู้อาวุโสของตระกูลมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะทวงคืนความถูกต้อง!”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเขา หูหลีก็โมโห นัยน์ตาลุกโชนไปด้วยความโกรธเคือง “หูโย่วอู่ ท่านพ่อข้าถูกละทิ้งจากตระกูลหูตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถูกคนจิตใจคับแคบอย่างเจ้าไล่ออกมาต่างหาก อีกอย่าง ตระกูลหูไม่เคยห้ามให้ท่านพ่อช่วยชีวิตคน!”


 


 


“ข้าเป็นผู้นำตระกูลหู ในเมื่อข้าบอกว่ามันเป็นกฎ มันก็คือกฎ! บิดาเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกวิชาแพทย์ต่อตั้งแต่เขาออกจากตระกูล แต่ตอนนี้เขาแหกกฎ ซึ่งก็แน่นอนว่าข้ามีสิทธิ์ประหารเขา!”


 


 


หูหลีกำหมัดจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารและกลิ่นอายรอบตัวเขาก็รุนแรงมากขึ้น


 


 


“หูโย่วอู่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งประหารท่านพ่อข้า” หูหลินยก้าวออกมาแล้วถามอย่างโมโห


 


 


หูโย่วอู่พูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่แค่บิดาเจ้า แต่เจ้าและน้องชายเจ้าก็ต้องตายด้วยกันวันนี้ มาเอาตัวพวกมันไป!”


 


 


สีหน้าของหูหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบร้องออกมา “น้องชายข้าเป็นศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาเมืองประจิม!”


 


 


ผู้อาวุโสของตระกูลหูไม่ได้อ่อนแอ ถึงแม้น้องชายเขาจะมีพรสวรรค์ แต่เขาจะสู้กับผู้อาวุโสหลายคนพร้อมกันได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงพยายามขู่พวกเขาด้วยชื่อของสำนักศึกษาเมืองประจิม


 


 


“ศิษย์ระดับสวรรค์งั้นหรือ” ผู้อาวุโสตระกูลหูเยาะเย้ยอย่างดูแคลน “ถ้าเจ้าพูดจริงก็หมายความว่าการเป็นศิษย์ระดับสวรรค์นั่นไม่ใช่เรื่องยากน่ะสิ หากเขามีความสามารถจริงๆ บิดาเขาก็ควรจะป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้กันทั่วแล้ว จะต้องมาทนโดนย่ำยีรังแกไปไยกัน หูหลิน เจ้าคิดว่าพวกเราโง่งั้นหรือ ไม่มีใครเชื่อเรื่องไร้สาระของเจ้าหรอก!”


 


 


หูหลินหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาจ้องหน้าทุกคนที่ล้อมพวกเขาอยู่


 


 


“หูหลี”


 


 


ตอนนั้นเองก็มีเสียงร้ายกาจดังขึ้นมาจากด้านหลัง


 


 


หูหลีหันไปก็เจอเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเอามือกอดอกแล้วยืนพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน นางส่งยิ้มมาให้หูหลี


 


 


“ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกข้า”


1308 ไป๋ซู่ (3)


 


 


หูหลีระเบิดหัวเราะ “ข้าสามารถจัดการคนพวกนี้เองได้! อีกอย่าง นายท่านอวิ๋นเซียวไปไหนหรือ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดแล้วตอบ “เขามีเรื่องเร่งด่วนบางอย่างต้องไปทำ หูหลี จัดการพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!”


 


 


“ได้”


 


 


หูหลีจ้องหน้าศัตรูเบื้องหน้าเขาแล้วค่อยๆ ทำใจให้เย็นลง ความเดือดดาลในดวงตาจะถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจ


 


 


“หูหลี เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าเจ้าจะยังปากดีอยู่หรือไม่” หูโย่วอู่หัวเราะแล้วสั่งให้ผู้ติดตามเขาทั้งหมดโจมตีหูหลี…


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ดูการต่อสู้แต่มองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้าด้านบน ดวงตาสีนิลของนางเต็มไปด้วยความกังวล


 


 


อวิ๋นเซียว เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!


 


 



 


 


หน้าประตูเมือง


 


 


ไป๋ซู่มองประตูเมืองตรงหน้าเขาแล้วดวงตาร้ายกาจขอองเขาก็เป็นประกายบางอย่าง “จิ่นอวี้ ตอนนี้พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ!”


 


 


หูหลีคนเดียวอาจไม่พอต่อกรกับตระกูลหู ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงต้องอยู่ด้านหลังคอยช่วยเขา เท่าที่เขารู้จักอวิ๋นเซียว เขาไม่มีทางทิ้งอวิ๋นลั่วเฟิงไว้คนเดียว ดังนั้นเขาต้องคอยอยู่เคียงข้างนางแน่


 


 


สิ่งที่ไป๋ซู่บอกหูโย่วอู่ถูกเพียงส่วนเดียว เขารู้ว่าตระกูลหูไม่สามารถเอาชนะอวิ๋นเซียวได้ เช่นนั้นเขาจึงไม่อยู่ในเมืองลั่วฮวานาน เพราะหากชายคนนั้นหาเขาเจอ…


 


 


เขายังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นเขาต้องซ่อนตัวจากอวิ๋นเซียว! เมื่อใดที่เขาได้พลังกลับคืนมา เขาจะมาสู้ศึกตัดสินกับอวิ๋นเซียว!


 


 


ทว่า…ในตอนที่ไป๋ซู่กำลังจะก้าวเท้าออกจากประตู ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีดำก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา ชุดคลุมสีดำของเขาสะบัดไปตามแรงลม ใบหน้าเย็นชายังคงตึงเครียด ดวงตาสีนิลของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน


 


 


ไป๋ซู่ชะงักลง


 


 


พวกเขามองหน้ากันแล้วกลิ่นอายทรงพลังก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างทั้งคู่ ทันใดนั้นสายลมแรงก็พุ่งขึ้นแล้วเมฆฝุ่นก็ลอยขึ้นไปในอากาศ


 


 


“อวิ๋นเซียว” ดวงตาของไป๋ซู่ส่องประกายชั่วร้ายเขาจ้องชายหนุ่มเบื้องหน้าเขาอย่างเย็นชา “เหตุใดเจ้าไม่อยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิง”


 


 


เสียงของชายหนุ่มยังคงเย็นชาและแหบเหมือนเดิมแต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวหญิงสาว


 


 


“คนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!”


 


 


เขาเชื่อในตัวอวิ๋นลั่วเฟิง!


 


 


ถึงแม้อวิ๋นลั่วเฟิงจะยังไม่ผ่านด่านระดับราชันปราชญ์ เขาก็คิดว่าคนพวกนั้นทำอะไรนางไม่ได้


 


 


ไป๋ซู่หัวเราะ “อวิ๋นเซียว ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้ามากเกินไป แต่ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะหยุดข้าได้! ถ้าข้าต้องการไปก็ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดข้าได้!”


 


 


อวิ๋นเซียวมองไป๋ซู่อย่างเฉยชา “เจ้ายังคิดว่าสตรีที่อยู่ข้างเจ้าจะพาเจ้าหนีไปได้อยู่อีกหรือ”


 


 


หลายปีมานี้ไป๋ซู่หนีไปได้หลายครั้งก็เพราะสตรีข้างตัวเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงสามารถสังหารไป๋ซู่ได้ตั้งนานแล้ว!


 


 


“นายท่านเจ้าคะ” สีหน้าของจิ่นอวี้มืดครึ้ม นางมองอวิ๋นเซียวอย่างระมัดระวัง “ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านออกไปให้ได้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!”


 


 


พรึบ!


 


 


ตอนนั้นเองชายหนุ่มก็ลงมือ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวหน้าจิ่นอวี้เหมือนสายลม


 


 


ตูม!


 


 


ก่อนที่จิ่นอวี้จะทันได้ตั้งตัว นางก็ถูกโจมตี ร่างของนางปลิวออกไปอย่างรวดเร็วแล้วตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง เลือดพุ่งออกมาจากปาก


 


 


“นายท่าน รีบไปเจ้าค่ะ!” จิ่นอวี้ร้องอย่างกังวลดวงตางดงามของนางเต็มไปด้วยความร้อนรน


 


 


“อวิ๋นเซียว” ไป๋ซู่เยาะเย้ย “เจ้ากล้าโจมตีสตรีได้อย่างไร เจ้าไม่คิดว่าตัวเองหยาบช้าเกินไปหน่อยหรือ”


1309 ไป๋ซู่ (4)


 


 


อวิ๋นเซียวลดมือลง ใบหน้าเขาเฉยชา ดวงตาเย็นชาและพูดด้วยเสียงแหบทุ้ม “ถ้าข้าปล่อยเจ้าหนีไปอีกเจ้าก็จะทำร้ายเฟิงเอ๋อร์ แล้วใครก็ตามที่จะทำร้ายเฟิงเอ๋อร์ย่อมเป็นศัตรูของข้า!”


 


 


หยาบช้าแล้วอย่างไร ทั้งชีวิตเขาสนใจแค่อวิ๋นลั่วเฟิงเพียงผู้เดียว!


 


 


ทันใดนั้นกลิ่นอายทรงพลังก็หลั่งไหลออกจากร่างอวิ๋นเซียวและโจมตีสตรีงดงามที่นอนอยู่ที่พื้นอีกครั้ง เมื่อถูกกดทับด้วยรังสีทรงพลังนี้ จิ่นอวี้ก็ขยับไปไหนไม่ได้ ดวงตางามของนางเต็มไปด้วยความตระหนกและใบหน้านางก็ซีดขาว


 


 


ปัง!


 


 


ตอนนั้นเองก็มีร่างสีขาวพุ่งเข้ามาบังการโจมตีนี้ให้จิ่นอวี้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา เมื่อถูกฟาดด้วยการโจมตีนี้ ไป๋ซู่ก็ถอยหลังไปสองก้าว เลือดไหลซึมออกจากปาก เขาเงยหน้ามองอวิ๋นเซียว


 


 


ชุดคลุมหลวมสีเงินของเขาปลิวอยู่เบื้องหน้าจิ่นอวี้ ทำให้ใจของนางเต้นแรง นาเป็นแค่สาวใช้ของนายท่าน เป็นเกียรติแล้วที่นางได้สังเวยชีวิตเพื่อนายท่าน แต่ว่า…นายท่านกลับปกป้องนางด้วยร่างกายตัวเอง!


 


 


“นายท่านไม่ต้องสนใจข้าเจ้าค่ะ ด้วยพลังตอนนี้ท่านไม่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิปีศาจได้ หนีไปเถอะเจ้าค่ะ!”


 


 


“หุบปาก!” ไป๋ซู่มองหน้าจักรพรรดิปีศาจอีกครั้ง เขาหลุบตาลงแล้วส่งเสียงแหบต่ำอย่างฉุนเฉียวก่อนจะเงยหน้ามองอวิ๋นเซียวอีกครั้งแล้วเยาะเย้ย “จักรพรรดิปีศาจ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงแม้จะต้องเสียพลังชีวิตนับพันปี!”


 


 


อวิ๋นเซียวสบตาไป๋ซู่แล้วเดินอย่างเฉยชาเข้าไปหาเขา กลิ่นอายรอบตัวเขาจะเปลี่ยนเป็นจิตสังหาร


 


 


ไป๋ซู่กัดนิ้วอย่างแรง แล้วโลหิตสีแดงฉานก็ไหลออกมา เขาแย้มยิ้มชั่วร้าย ถือดีและโอหัง


 


 


“อวิ๋นเซียว เจ้าตามล่าข้ามาหลายปี เจ้าก็ควรรู้ได้แล้วว่าข้าเป็นคนอย่างไร!” เขาจ้องหน้าอวิ๋นเซียวที่เดินมาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนพูดต่อ “ความจริงข้าไม่ใช่นายน้อยตระกูล แต่เป็น…ผู้ก่อตั้งตระกูลต่างหาก”


 


 


อย่างที่ทุกคนในแผ่นดินหลงเซี่ยวรู้ว่านายน้อยตระกูลไป๋มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในตระกูล! แม้แต่ผู้นำตระกูลไป๋ยังต้องเชื่อฟังเขา แต่ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะเขามีพรสวรรค์สูงส่ง ทำให้ทุกคนใสตระกูลเชื่อฟัง ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือแท้ที่จริงแล้วนายน้อยตระกูลนั้นเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลไป๋


 


 


อวิ๋นเซียวหยุดลง ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องนี้มานานแล้วแต่เขาก็ยังประหลาดใจที่ได้ยินจากปากของไป๋ซู่


 


 


“ข้าใช้ชีวิตมานานจนตัวเองก็จำไม่ได้ว่าอยู่มาแล้วกี่ปี! ข้าไม่ได้มาจากแผ่นดินหลงเซี่ยวแต่พลัดหลงไปที่นั่นโดยอุบัติเหตุ หลังเหตุการณ์นั้น ความแข็งแกร่งข้าก็ลดลงอย่างมาก เพื่อจะอยู่รอดปลอดภัยในแผ่นดินหลงเซี่ยว ข้าจึงก่อตั้งตระกูลไป๋ขึ้นมา!”


 


 


นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนายน้อยทุกคนของตระกูลไป๋ก่อนหน้านี้จึงลึกลับและมีนามว่าไป๋ซู่


 


 


“ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ห่างจากอวิ๋นลั่วเฟิงตลอดไปด้วยการใช้พลังชีวิตหนึ่งพันปี!”


 


 


ชีวิตของไป๋ซู่ยาวนานมากจนเขาจำไม่ได้ว่าเขาอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยตาย! การเสียพลังชีวิตหนึ่งพันปีเป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้เหมือนกัน


 


 


เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวใจของจิ่นอวี้ก็สั่นสะท้าน นางพูดอย่างเป็นกังวลว่า “นายท่านเจ้าคะ ท่านห้ามใช้วิชานั้น ไม่อย่างนั้น…”


 


 


เหมือนว่าไป๋ซู่ไม่ได้ยินคำพูดของจิ่นอวี้ เขาร่ายคาถาเบาๆ จากนั้นแก่นเลือดหนึ่งหยดก็หยดออกมาจากปลายนิ้วเขาก่อนพุ่งไปหาอวิ๋นเซียว


 

 

 


ตอนที่ 1310-1311

 

ตอนที่ 1310 ไป๋ซู่ (5)


 


 


อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วแล้วเบี่ยงตัวจากหยดแก่นเลือด ทว่าแก่นเลือดถูกห่อหุ้มด้วยพลังจึงลอยมาแล้วพุ่งเข้าสู่หัวใจอวิ๋นเซียวดังฉึก…


 


 


“อวิ๋นเซียว เจ้าหลบมันไม่ได้หรอก ฮ่าๆ! แก่นเลือดของข้าจะตามติดเจ้าจนกว่าจะเข้าร่างเจ้าได้” ไป๋ซู่ยิ้มร้ายแล้วส่งสายตาดูถูกให้อวิ๋นเซียว


 


 


“ตราบใดที่แก่นเลือดของข้ายังอยู่ในร่างเจ้า เจ้าไม่มีทางแตะต้องตัวอวิ๋นลั่วเฟิงได้อีกแล้ว! แน่นอนว่ามีหนทางกำจัด.. ซึ่งวิธีนั้นก็คือการที่เจ้าต้องหาสตรีอื่นมาร่วมหลับนอนด้วย! แต่นั่นก็จะทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่มีวันยอมรับเจ้าอีก!”


 


 


นี่เป็นเรื่องจริง


 


 


ไป๋ซู่รู้จักอวิ๋นลั่วเฟิงดีว่าถ้าอวิ๋นเซียวนอกใจนาง นางไม่มีทางมองหน้าเขาอีก!


 


 


ใบหน้าของอวิ๋นเซียวเย็นเยียบ แล้วจิตสังหารในตาเขาก็รุนแรงขึ้น เขาปล่อยพลังโจมตีกระแทกหน้าอกไป๋ซู่จนเกิดเสียงดังตูม


 


 


พรวด!


 


 


ไป๋ซู่อาเจียนออกมาเป็นเลือดแต่ก็ยังจ้องอวิ๋นเซียวอย่างดูแคลน “อวิ๋นเซียว จากนี้ไปเจ้าไม่มีทางได้แตะต้องอวิ๋นลั่วเฟิงอีก ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส! แต่ข้าสามารถให้คำแนะนำเจ้าได้ หาสตรีมาหลับนอนด้วยซะ แล้วเจ้าก็จะทำลายคำสาปเลือดของข้าได้ ตราบใดที่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ นางก็จะไม่จากเจ้าไป”


 


 


ตูม!


 


 


อวิ๋นเซียวยกมือขึ้นปล่อยการโจมตีใส่ไป๋ซู่อีกครั้ง เมื่อไป๋ซู่โดนเขาโจมตีก็รู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างแตกละเอียด ถ้าเขาฟื้นความแข็งแกร่งเดิมของตัวเองกลับมาได้ เขาก็คงไม่สนการโจมตีของอวิ๋นเซียว แต่โชคร้ายที่เขาฟื้นตัวช้าเกินกว่าจะทำร้ายอวิ๋นเซียวได้!


 


 


“เรื่องที่เจ้าต้องการ…” อวิ๋นเซียวเหลือบตามองแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีทางเกิดขึ้น! ข้าไม่มีวันนอกใจนาง!”


 


 


ไป๋ซู่เยาะเย้ย “แม้ว่าเจ้าจะไม่มีวันได้แตะต้องนางอีกน่ะหรือ ตราบใดที่คำสาปเลือดนี้ยังอยู่ ทุกครั้งที่เจ้าสัมผัสนาง เจ้าก็จะทรมานจากความเจ็บปวดเหมือนเครื่องในถูกบิด! เจ้าทนการทรมานนี้ได้หรือ”


 


 


“เพื่อนางแล้วข้าไม่กลัวที่จะตกไปยังจุดใต้สุดของนรก แล้วจะกังวลอันใดกับแค่คำสาปเลือดนี่น่ะหรือ!”


 


 


สีหน้าหน้าของอวิ๋นเซียวเย็นชาขึ้น และกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ แต่ตอนที่เขากำลังจะโจมตีไป๋ซู่อีกครั้ง หัวใจเขาก็กระตุกจนเขาต้องเอามือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด


 


 


“เจ้ารู้สึกหรือไม่” ไป๋ซู่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น “เพียงแค่นางคิดถึงเจ้า หัวใจเจ้าก็จะเจ็บปวด!”


 


 


ได้ยินแบบนั้นอวิ๋นเซียวก็ยกยิ้มบาง


 


 


“ก็ไม่แย่นะ”


 


 


ไป๋ซู่ตะลึงและมองอวิ๋นเซียวอย่างแปลกใจ


 


 


อวิ๋นเซียวเผยรอยยิ้มอ่อนโยนแม้จะใช้มือกุมหน้าอกอยู่ “แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ข้างนางแต่ข้าสามารถ…รู้สึกถึงนางได้”


 


 


นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากหรอกหรือ


 


 


“อวิ๋นเซียว เจ้าจะไม่หาสตรีอื่นมาเพื่อทำลายคำสาปเลือดจริงหรือ” ใบหน้าของไป๋ซู่มืดลงอย่างชัดเจน


 


 


อวิ๋นเซียวเงยหน้าแล้วรอยยิ้มบนหน้าก็หายไป เขาพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าจะไม่แตะต้องหญิงอื่นนอกจากนาง!”


 


 


ไป๋ซู่มองอวิ๋นเซียวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนยกตัวจิ่นอวี้ขึ้นแล้วก้มหน้าพูดว่า “ไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาก็รีบหันหลังแล้ววิ่งหนีผ่านประตูเมืองออกไป


 


 


ดวงตาของอวิ๋นเซียวดำมืด เขาปลดปล่อยพลังไล่ตามทั้งคู่ที่พยายามหลบหนี…


 


 


ตูม!


 


 


พลังของเขาโจมตีถูกไป๋ซู่จนสะดุดแล้วเกือบร่วงลงมาจากฟ้า อาจเพราะการโจมตีของอวิ๋นเซียวรุนแรงเกินไป แผ่นหลังของไป๋ซู๋จึงเว้าโหว่เป็นรู แล้วเลือดก็ไหลทะลักออกมาจนย้อมชุดสีเงินของเขากลายเป็นสีแดง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1311 ไป๋ซู่ (6)


 


 


ไป๋ซู่ไม่กล้าหยุด ทำได้แค่อดทนต่อความเจ็บปวดแล้วพุ่งตัวไปข้างหน้า เมื่ออวิ๋นเซียวกำลังจะไล่ตามต่อ ความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่หัวใจเขาทำให้ต้องหยุดชะงักไป


 


 


“นายท่าน!” ร่างสีเทาร่วงลงมาจากฟ้ามา หยุดอยู่ที่ข้างอวิ๋นเซียว “ให้ข้าไล่ตามพวกเขาไปหรือไม่”


 


 


“ไม่ต้อง” อวิ๋นเซียวขมวดคิ้ว “ถึงแม้ไป๋ซู่จะบาดเจ็บสาหัส เจ้าก็สู้เขาไม่ได้อยู่ดี”


 


 


อวิ๋นเซียวเอามือกุมหน้าอกแน่น คำสาปเลือดที่กินพลังชีวิตหนึ่งพันปีงั้นหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสาปเลือด วันนี้คงเป็นวันตายของไป๋ซู่แล้ว! อวิ๋นเซียวครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนออกคำสั่ง “อย่าให้เฟิงเอ๋อร์รู้เรื่องนี้เด็ดขาด”


 


 


หลินฉงหยุดแล้วเสนอความคิดอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ข้าคิดว่าท่านควรหาสตรีอื่นมาอย่างที่ไป๋ซู่บอกนะขอรับ แค่อย่าให้นายหญิงรู้…”


 


 


อวิ๋นเซียวมองหลินฉงอย่างเย็นชา สายตาเย็นเยียบของเขาทิ่มแทงเข้าไปถึงกระดูกหลินฉง เขารู้สึกเหมือนตกลงไปในห้องเก็บน้ำแข็งจนตัวสั่นสะท้าน


 


 


“กลับไปรับโทษซะ” เสียงของชายหนุ่มเย็นชาและเลือดเย็น บางทีนอกจากอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว เขาก็ไม่เคยปรานีใคร…


 


 


หลินฉงก้มทำความเคารพเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด “ขอรับ นายท่าน!”


 


 


พูดจบอวิ๋นเซียวก็หันกลับไปใช้มือกดหน้าอกอย่างแรง


 


 


เพียะ!


 


 


หลินฉงตบหน้าตัวเอง ข้าคิดอะไรอยู่ นายท่านรำคาญข้าอีกแล้ว! เมื่อสองสามปีก่อนข้าก็ถูกลงโทษเพราะให้หนังสือชุนกงถู [ 1 ] เหมือนว่าเขาพึ่งออกมาเองแล้วตอนนี้เขาก็ต้องกลับไปถูกขังในคุกมืดอีกครั้งเพราะปากไม่รักดี!


 


 


นายท่านรักนายหญิงมาก เขาไม่มีทางทรยศนายหญิงแม้จะต้องสละชีวิตตัวเอง!


 


 



 


 


บริเวณพื้นที่เสื่อมโทรม


 


 


บนถนนที่แน่นเนืองไปด้วยผู้คน พวกเขาชี้นิ้วไปที่การต่อสู้แล้วกระซิบกระซาบกัน


 


 


หูหลีโดนโจมตีก็ถอยหลังไปสองก้าว เขาเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วเงยหน้าผู้คนเบื้องหน้าเขา


 


 


“ผู้ฝึกฌานระดับราชันปราชญ์!”


 


 


คนเหล่านี้ตะลึงเมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งของหูหลี ไม่มีใครคาดคิดว่าหูหลีจะเป็นผู้ฝึกฌานระดับราชันปราชญ์ โชคร้ายที่แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกฌานระดับราชันปราชญ์ แต่เขาเพียงคนเดียวก็สู้คนจำนวนมากไม่ได้ เขาถูกกดดันโดยจำนวนที่แตกต่างกันมากจนไม่มีทางชนะ เมื่อคิดได้แบบนี้ ผู้อาวุโสก็ปล่อยการโจมตีใส่หูหลีอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” หูหลินกังวล เขามองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วขอร้อง “เจ้าไปช่วยน้องชายข้าหน่อยได้หรือไม่”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว


 


 


ก่อนที่นางจะตอบเขา เสียงของหูหลีก็ดังขึ้น “ไม่ ข้าจัดการคนพวกนี้เองได้!” เขาจ้องคนตระกูลหูอย่างเย็นเยียบแล้วเผยรอยยิ้มเย็นชา


 


 



 


 


“เหมือนว่าช่วงนี้เมืองลั่วฮวาจะค่อนข้างวุ่นวายนะ เกิดอะไรขึ้นที่นี่” ทันใดนั้นก็มีเสียงคนสูงอายุดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน


 


 


“ข้าก็ไม่รู้ พวกเราควรหาหูหลีและเฟิงเอ๋อร์ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเจ้าคนบ้าคลั่งนั่นจะหาเฟิงเอ๋อร์เจอก่อน” แล้วก็มีเสียงของสตรีที่ค่อนข้างมีเสน่ห์และดึงดูดความสนใจอย่างมาก


 


 


“ได้ ข้าขอไปถามก่อนว่าบ้านของหูหลีอยู่ที่ไหน” หลิงไห่ยิ้มแล้วสุ่มเรียกคนสัญจรมาถาม “มีคนที่ชื่อหูหลีในเมืองลั่วฮวาหรือไม่ เขาอาศัยอยู่ที่ใดกัน”


 


 


“หูหลีงั้นหรือ” ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่แล้วชี้ไปด้านหน้า “เขากำลังสู้กับใครบางคนอยู่…”


 


 


“อะไรนะ” สีหน้าของหลิงไห่เปลี่ยนไปเป็นเดือดดาล “หูหลีกำลังสู้กับใครบางคนอยู่งั้นหรือ หมายความว่าอีกฝ่ายสร้างปัญหาให้เฟิงเอ๋อร์สินะ มันเป็นใคร ใครกล้าสร้างปัญหาให้ศิษย์ข้า”


 


 


 


 


——


 


 


[ 1 ] หนังสือชุนกงถู (春宫图 Chūngongtú) หนังสือปกขาวหรือหนังสือลามก

 

 

 


ตอนที่ 1312-1313

 

ตอนที่ 1312 ไป๋ซู่ (7)


 


 


พูดจบ หลิงไห่ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เสวี่ยอิ๋งอดส่ายหน้าไม่ได้ก่อนตามเขาไป


 


 



 


 


บริเวณพื้นที่การต่อสู้


 


 


หูหลีกำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้อาวุโสอย่างไม่เกรงกลัว เขายังคงรักษาสีหน้าเฉยชาไว้แต่ทันใดนั้นเอง…


 


 


เสียงเกรี้ยวกราดก็ดังผ่านอากาศแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน


 


 


“หยุดเดี๋ยวนี้!”


 


 


ดูเหมือนในน้ำเสียงจะมีพลังฌานแทรกมาด้วย ทำให้ทุกคนที่ได้ยินสั่นสะท้านเหมือนถูกค้อนทุบ


 


 


หูโย่วอู่เงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ แล้วเขาก็เห็นคนสองคนยืนอยู่บนอากาศ คนหนึ่งเป็นชายชราที่กำลังโกรธจนหน้าเขียวและอีกคนเป็นสตรีวัยกลางคนที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ราวก้บกาลเวลาทำอะไรใบหน้านางไม่ได้ เห็นได้ชัดว่านางดูแลตัวเองเป็นอย่างดี


 


 


“ท่าน…ท่านคือ…” หูโย่วอู่หยุดใช้ความคิดแล้วขมวดคิ้ว “ข้าจำท่านได้แล้ว ท่าน…คือผู้อาวุโสของสำนักศึกษาเมืองประจิม”


 


 


ผู้อาวุโสสำนักศึกษาเมืองประจิมงั้นหรือ


 


 


ทุกคนชะงัก เหตุใดผู้อาวุโสสำนักศึกษาเมืองประจิมถึงมาอยู่ที่นี่


 


 


หูโย่วอู่เคยเจอหลิงไห่โดยบังเอิญ ตอนเขายังเด็ก เขาเคยติดตามบิดาเดินทางไปหลายที่แล้วบังเอิญพบหลิงไห่ที่ตอนนั้นเป็นที่เคารพนับถือเหมือนกับดวงดาว ดังนั้นเขาจึงจดจำหลิงไห่ไว้ในใจได้ แต่หลิงไห่ไม่รู้จักหูโย่วอู่ เขาทิ้งตัวลงมาจากอากาศแล้วรีบเดินเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยใบหน้าวิตกกังวล


 


 


“ศิษย์ข้า เจ้าบาดเจ็บหรือไม่”


 


 


ศิษย์?


 


 


หูหลีรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าจนตัวแข็งทื่อ


 


 


เด็กสาวคนนั้นเป็นศิษย์ของหลิงไห่งั้นหรือ


 


 


เป็นไปไม่ได้!


 


 


เหตุใดศิษย์ของผู้อาวุโสหลิงไห่ถึงอยู่กับหูหลี


 


 


“ศิษย์สบายดี” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “คนที่มีมีปัญหาคือหูหลี ไม่ใช่ศิษย์”


 


 


ได้ยินแบบนั้น หลิงไห่ก็หันไปหาหูหลีแล้วตะโกน “หูหลี เกิดอะไรขึ้น”


 


 


หูหลีมองหูโย่วอู่แล้วอธิบาย “ชายผู้นี้และคนอื่นๆ ใส่ความบิดาข้า! ข้าแค่กำลังทำให้เขาชดใช้ขอรับ!”


 


 


“ไร้สาระ!” หูโย่วอู่มองหน้าเขากลับ “โอวหยางเชียนหรานต่างหากที่ใส่ร้ายบิดาเจ้า ไม่ใช่ข้า! ผู้อาวุโสหลิงไห่อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่เขาพูดนะขอรับ! ข้าเป็นอาของเขา แล้วเหตุใดต้องใส่ร้ายพี่ชายตัวเอง”


 


 


หลิงไห่ส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อศิษย์ในสำนักหรือเจ้ากันล่ะ”


 


 


เขาก็หันไปหาหูหลีอีกครั้งก่อนจะเริ่มบ่น “หูหลี อย่างไรเจ้าก็เป็นถึงศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาเรา เหตุใดเจ้าถึงจัดการคนพวกนี้ยากนัก ถ้าเกิดว่าพวกเขาทำให้ศิษย์ตัวน้อยของข้าบาดเจ็บขึ้นมาเล่า”


 


 


ดูเหมือนว่าตอนนี้หลิงไห่จะลืมไปแล้วว่าอวิ๋นลั่วเฟิงแข็งแกร่งกว่าหูหลี แล้วคนพวกนี้จะทำร้ายนางได้อย่างไร แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เพราะทุกคนกำลังตะลึงสิ่งที่หลิงไห่พึ่งพูด…


 


 


ศิษย์ระดับสวรรค์งั้นหรือ แสดงว่าหูหลีก็เป็นศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาจริงๆ นะสิ


 


 


หูโย่วอู่ตัวสั่นแล้วเดินโซเซไปหลายก้าวก่อนจะล้มลงพื้นดังปัง ใบหน้าเขาซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ หูโย่วอู่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหูหลีจะเป็นศิษย์ระดับสวรรค์จริงๆ!


 


 


“ไม่ ข้ายังมีนายท่านไป๋ซู่คอยช่วยอยู่!” ความสิ้นหวังในดวงตาหูโย่วอู่ถูกแทนที่ด้วยความหวัง


 


 


เขาลืมนายท่านไป๋ซู่ไปได้อย่างไร ด้วยพลังของเขา เขาต้องเอาชนะคนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย ตอนนั้นเอง หูโย่วอู่ไม่ได้คิดถึงความจริงที่ว่าถ้าไป๋ซู่สามารถเอาชนะอวิ๋นลั่วเฟิงและพวกของนางได้ แล้วเขาจำเป็นต้องหลบอยู่หลังเขาไปทำไม


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1313 ไป๋ซู่ (8)


 


 


“อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้ามองอวิ๋นเซียวที่กำลังเดินเข้ามาหานาง นางส่งยิ้มให้เขาแล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


หัวใจของอวิ๋นเซียวกระตุกเมื่อเห็นรอยยิ้มงดงามบนใบหน้านาง เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือกุมหน้าอก แต่นาทีต่อมาเขาก็เอามือลงเพราะนึกได้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังดูเขาอยู่


 


 


“ข้าสังหารไป๋ซู่ไม่ได้ เขาหนีไปอีกแล้ว!”


 


 


ไป๋ซู่หนีไปงั้นหรือ คำพูดไร้เหตุผลไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ใจ ได้ยินแบบนั้นสีหน้าหูโย่วอู่ก็เปหลียนไปทันที นายท่านไป๋ซู่หนีไปจริงหรือ หมายความว่านายท่านทิ้งเขาไปแล้วงั้นหรือ


 


 


“ไม่!” หูโย่วอู่ส่งเสียงโหยหวนดังไปทั่วท้องฟ้า น้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลเอ่อดวงตาและใบหน้าก็ซีดไร้ชีวิต


 


 


“อวิ๋นเซียว ไปกันเถอะ ปล่อยให้หูหลีจัดการเอง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจับมืออวิ๋นเซียวและหันหลังเดินเข้าจวน หัวใจอวิ๋นเซียวกระตุกอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สะบัดมือนางออกแล้วปล่อยให้นางลากเขาเข้าจวน


 


 


“เฟิงเอ๋อร์” อวิ๋นเซียวสบตาอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้า…ต้องห่างจากเจ้าสักพัก”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดแล้วหันมาหาอวิ๋นเซียวก่อนถามว่า “เจ้ากำลังจะทิ้งข้าหรือ”


 


 


“ถึงแม้ไป๋ซู่จะอ่อนแอกว่า ข้าก็…สังหารเขาไม่ได้!”


 


 


เหมือนที่ไป๋ซู่เคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่าอวิ๋นเซียวไม่สามารถสังหารเขาได้!


 


 


“เพราะอะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วถาม


 


 


“ไป๋ซู่มีร่างกายที่พิเศษ ไม่ใช่แค่ทำให้เขามีชีวิตยืนยาวแต่ยังทำให้เขามีพลังป้องกันสูงมาก” แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะคำสาปเลือด ไป๋ซู่คงถูกเขาสังหารไปแล้ว…


 


 


“ดังนั้นข้าจะออกไปหาโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจับแขนอวิ๋นเซียวแล้วพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”


 


 


“ไม่ ที่ที่ข้าจะไปอันตรายมาก เจ้า…”


 


 


“ข้าไม่กลัวตราบใดที่เจ้าอยู่กับข้า”


 


 


เสียงของนางเหมือนมีมนต์สะกด และอวิ๋นเซียวก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองถูกฉีกกระชากออกไปอีกครั้ง เหงื่อเย็นๆ ไหลลงจากใบหน้าหล่อเหลาของเขา


 


 


“อวิ๋นเซียว เจ้าบาดเจ็บหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงวิตกกังวลแล้วรีบตรวจร่างกายอวิ๋นเซียว


 


 


อวิ๋นเซียวก้มมองเด็กสาวที่กำลังกังวลแล้วยิ้มบาง “ไม่ต้องกังวล ข้าสบายดี เฟิงเอ๋อร์ เชื่อใจข้า อีกไม่นานข้าจะกลับมา”


 


 


เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินอย่างนั้นนางก็ปล่อยมือออกจากแขนอวิ๋นเซียวช้าๆ หลังจากผ่านไปสักพักนางก็มองหน้าเขาอีกครั้งแล้วเผยรอยยิ้มมั่นใจ


 


 


“ตกลง ข้าจะรอเจ้ากลับมา”


 


 


อวิ๋นเซียวยิ้มแล้วจับมืออวิ๋นลั่วเฟิงวางบนอก “ข้าจะรู้สึกได้เมื่อเจ้าคิดถึงข้าแม้ข้าจะไม่ได้อยู่ข้างเจ้า”


 


 


เขาพูดเรื่องจริงทุกครั้งที่อวิ๋นลั่วเฟิงคิดถึงเขา เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเครื่องในถูกดึงออกอย่างแรง!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเขย่งเท้าเพื่อจูบอวิ๋นเซียวแต่เมื่อริมฝีปากพวกเขาสัมผัสกันนางของรู้สึกได้ชัดเจนว่าร่างของเขาสั่น


 


 


“อวิ๋นเซียว?” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดจูบแล้วมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเขาอย่างแปลกใจ “เจ้า…เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”


 


 


เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าอวิ๋นเซียวมีอะไรผิดปกติ


 


 


“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นเซียวส่ายหน้าแล้วพยายามกดความเจ็บปวดในใจเขาไว้ “เฟิงเอ๋อร์เจ้าต้องรอข้านะ”


 


 


ก่อนที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะตอบอะไรเขา ชายหนุ่มก็เดินออกจากจวนแล้วหายไปจากสายตานาง…


 


 



 


 


นอกประตูเมือง


 


 


ภายในป่ารกทึบ อวิ๋นเซียวยืนพิงต้นไม้ มือกุมหน้าอกแน่น เขาขมวดคิ้วเมื่อโดนทรมานจากความเจ็บปวดราวเครื่องในถูกฉีกกระชาก

 

 

 


ตอนที่ 1314-1315

 

ตอนที่ 1314 ไป๋ซู่ (9)


 


 


ตอนอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ข้างเขา เขาก็ไม่กล้าแสดงอาการเจ็บปวดออกไปไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน เด็กสาวมีการรับรู้ที่ไวมาก แค่สัญญาณเพียงเล็กน้อย นางก็สังเกตเห็น


 


 


“นายท่าน” ทันใดนั้นชายชุดน้ำเงินก็ร่วงลงมาจากฟ้าและหยุดอยู่ตรงหน้า เขาก้มคำนับอย่างเคารพ “หลินฉงกลับไปรับการลงโทษแล้ว นายท่านมีคำสั่งอื่นอีกหรือไม่”


 


 


อวิ๋นเซียวยืดตัวขึ้นมือเขากุมหน้าอกแน่นดวงตาเป็นประกายเย็นชา


 


 


“เมืองหลวง!”


 


 


เมืองหลวง? ชายหนุ่มชุดน้ำเงินหยุด นายท่านกำลังจะไปเมืองหลวงงั้นหรือ ที่นั่นมียอดฝีมือมากมายรวมตัวกัน


 


 


“หัวใจแห่งมันตาพบได้แค่ในเมืองหลวงเท่านั้น”


 


 


หัวใจแห่งมันตา? ชายชุดน้ำเงินถามอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ข้าขอเรียนถาม แก่นแท้แห่งปัญญาคือสิ่งใดขอรับ”


 


 


“หัวใจแห่งมันตาจะทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้สามวัน!”


 


 


เสียงของชายหนุ่มทั้งเยือกเย็นและลึกซึ้งทำให้ชายชุดน้ำเงินชะงัก ทำให้นายท่านมีชีวิตอยู่ได้สามวันงั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร


 


 


“ในเมื่อเขาฝังคำสาปเลือดไว้ในหัวใจข้า ข้าจึงวางแผนจะควักหัวใจแล้วเอาแก่นเลือดเขาออกมาซะ” เสียงทรงอำนาจของเขาดังก้องไปทั่วทั้งผืนป่าเป็นเวลานาน…


 


 


ชายชุดนำเงินงุนงง


 


 


หรือนายท่านหมายความว่าหัวใจแห่งมันตาจะทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้สามวันไม่ว่าจะบาดเจ็บร้ายแรงแค่ไหน แม้เขาจะควักหัวใจออกมาเขาก็จะไม่ตายงั้นหรือ


 


 


แต่นั่นมันหัวใจเขานะ!


 


 


นายท่านถึงกลับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาสัญญากับนายหญิง!


 


 


ชายชุดน้ำเงินรู้สึกเห็นใจหลินฉง


 


 


นายท่านรักนายหญิงมากแต่หลินฉงกลับโง่เสนอให้นายท่านหาสตรีอื่นมาเพื่อแก้คำสาปเลือด! ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายท่านจะโมโหจนสั่งให้เขากลับไปรับโทษ!


 


 


ถ้าฉินหยวนอยู่ที่นั่น เขาคงไม่พูดอะไรขัดแย้งกับความตั้งในของนายท่าน กลับกัน หลินฉงฉลาดน้อยจริงๆ!


 


 


อวิ๋นเซียวกุมหน้าอกแน่นแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามเหนือศีรษะ


 


 


เฟิงเอ๋อร์ รอข้าก่อน ข้าจะกลับมาพบเจ้าอีกครั้งเมื่อข้าถอนคำสาปเลือดแล้ว!


 


 



 


 


เมื่อหูหลีเข้ามาในห้องก็เห็าอวิ๋นลั่วเฟิงนั่งอยู่ในห้องคนเดียวแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทางเศร้าซึม เขาก็กระแอมแล้วพูดว่า “ข้าแก้ปัญหาตระกูลหูเสร็จแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็เริ่มออกเดินทางได้”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงถอนสายตาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “พวกเราจะออกจากที่นี่พรุ่งนี้ คืนนี้เจ้าก็บอกลาบิดาและพี่ชายเจ้าก่อนได้”


 


 


“ตกลง ว่าแต่อวิ๋นลั่วเฟิง สามีเจ้า…” หูหลีตั้งใจจะถามเรื่องอวิ๋นเซียวแต่ถูกอวิ๋นลั่วเฟิงขัดขึ้นเสียก่อน


 


 


“เขามีบางอย่างต้องไปทำ พวกเราไม่จำเป็นต้องรอเขา”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหลุบตา อะไรบางอย่างทำให้นางระแคะระคายใจว่าอวิ๋นเซียวเหมือนจะมีอะไรบางอย่างปิดบังนาง


 


 


“นายหญิง” ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิดถึงอวิ๋นเซียว เสียงของเสี่ยวโม่ก็ดังขึ้นในจิตนาง “อวิ๋นเซียวทำทุกอย่างเพื่อท่าน! ดังนั้นสิ่งที่ท่านทำได้มีแต่ต้องเชื่อใจเขาเท่านั้น”


 


 


ถูกต้อง! สิ่งนางต้องทำมีแค่เชื่อใจเขา!


 


 


“เสี่ยวโม่ข้าไม่ต้องการรอเขาอยู่ที่นี่ ข้าจะลองพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองแล้วต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา!”


 


 


นางต้องหาเขาเจอไม่ว่าพวกเขาจะห่างกันแค่ไหนก็ตาม!


 


 



 


 


ตอนนั้นเองภายในหุบผา จิ่นอวี้ที่แบกไป๋ซู่อยู่ก็หยุดพักข้างก้อนหิน นางวางไป๋ซู่ลงบนแผ่นหินเรียบ ดวงตางดงามของนางฉายแววเป็นห่วงและกังวล


 


 


“นายท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”


 


 


ไป๋ซู่ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา โลหิตยังคงหลั่งรินออกจากรูโหว่บนแผ่นหลังเขาจนย้อมก้อนหินเป็นสีแดง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1315 ไป๋ซู่ (10)


 


 


“ถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านสร้างร่างกายใหม่จนแตกต่างจากคนธรรมดา การโจมตีสุดท้ายของอวิ๋นเซียวก็คงสังหารนายท่านไปแล้ว!” จิ่นอวี้กัดปาก “แต่แม้นายท่านจะมีชีวิตรอดมาได้ เขาก็ยังต้องจากไปอยู่ดีถ้ารักษาไม่ทัน อีกอย่าง เขาเพิ่งใช้วิชาคำสาปเลือดที่ใช้พลังชีวิตถึงหนึ่งพันปี!”


 


 


เปลือกตาของไป๋ซู่ขยับมือเขาห้อยอยู่ที่พื้นอย่างอ่อนแรว ใบหน้าเขาอาบไปด้วยเลือดจนนางไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน


 


 


แต่…


 


 


เมื่อกี้เมื่อต่อต้านอวิ๋นเซียว ไป๋ซู่จึงใช้แรงบังคับให้คืนร่างเดิม ดังนั้นนางจึงใช้แรงอย่างมากเพื่อแบกเขามาจนหน้าผากนางจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ


 


 


“นายท่าน ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าปกป้องท่านไม่ได้ ทำได้แค่มองท่านโดนโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส!” สีหน้าของจิ่นอวี้อ่อนลง นางส่งสายตารักใคร่ไปให้ไป๋ซู่ก่อนลูบใบหน้าเขาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้มีทางเดียวที่จะช่วยท่านได้และ…ช่วยท่านฟื้นพลังบางส่วน ถึงแม้ว่าท่านจะเกลียดข้า ถ้าข้าก็จะทำ ข้าต้องช่วยท่าน!”


 


 


นางก้มหน้าลงแล้วจูบริมฝีปากเปื้อนเลือดของไป๋ซู่อย่างอ่อนโยน จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นแล้วปลดเสื้อผ้าออก


 


 


“นายท่านช่วยข้าจากข้างถนนเพราะข้ามีร่างกายพิเศษ ถ้าร่างกายข้าได้รับการบำรุงจากสมุนไพรจะกลายเป็นสื่อกลางให้ท่านฟื้นพลัง แต่จนถึงตอนนี้ร่างกายข้าก็ยังไม่ดีพอจะช่วยท่านให้ฟื้นพลังทั้งหมด…”


 


 


“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำสิ่งนี้เพื่อช่วยท่าน!”


 


 


ไป๋ซู่ขมวดคิ้วแล้วพยายามต่อต้าน แต่เขาไม่เหลือแรงพอที่จะยกมือด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากดูนางใช้มือเล็กลูบไล้ร่างกายเขา…


 


 


ภายในป่าลึก ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเสพสังวาสกันบนหินก้อนใหญ่ เพราะเป็นครั้งแรกของนาง จิ่นอวี้จึงเผลอทำตัวเองเจ็บจนใบหน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด…


 


 


พอเวลาผ่านไป อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมา เขาก็ตีจิ่นอวี้อย่างแรง ร่างเปลือยเปล่าของนางลอยไปตกลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ


 


 


“นายท่านเป็นอะไรหรือไม่” จิ่นอวี้ยืนขึ้นอย่างลำบากแล้วมองไป๋ซู่ด้วยความดีใจและแปลกใจ


 


 


ไป๋ซู่ไอและอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากเขาเต้นตุบๆ “จิ่นอวี้ เจ้ากล้าดีอย่างไร! ใครบอกให้เจ้าทำแบบนี้”


 


 


อาจเป็นเพราะบาดแผลเขายังไม่หายดี ไป๋ซู่จึงพูดอย่างอ่อนแรง แล้วใบหน้าหล่อเหลาร้ายกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธ


 


 


“นายท่าน” จิ่นอวี้กัดปาก “นายท่านลืมแล้วหรือเจ้าคะว่าท่านเก็บข้ามาจากข้างถนนทำไม ข้าแค่…ต้องการช่วยท่าน”


 


 


ไป๋ซู่เยาะเย้ย “ช่วยข้า? อย่ามาตลก! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า! ไปเดี๋ยวนี้! ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก!”


 


 


“นายท่าน?” จิ่นอวี้ชะงัก นางรู้ว่านายท่านจะโกรธแต่นางไม่คิดว่าเขาจะไล่นางออกไป


 


 


“นายท่านข้า…”


 


 


“ไสหัวไป! อย่าให้ข้าต้องลงมือสังหารเจ้า!” ดวงตาไป๋ซู่เป็นประกายสังหาร เขาไม่สามารถซ่อนอารมณ์ไว้ได้ น้ำเสียงของเขาเดือดดาลมาก!


 


 


“นายท่านเจ้าคะ” จิ่นอวี้ยิ้ม รอยยิ้มของนางมีเสน่ห์แต่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดวงตานางเป็นประกายแน่วแน่ “ท่านช่วยข้าจากข้างถนนแล้วบำรุงร่างกายข้าด้วยสมุนไพรก็เพราะท่านต้องการใช้ร่งกายข้าฟื้นพลัง! แต่ตอนนี้ก็ผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่ท่านให้ข้าอาบน้ำสมุนไพร…”

 

 

 


ตอนที่ 1316-1317

 

ตอนที่ 1316 ไป๋ซู่ (11)


 


 


นัยน์ตาของไป๋ซู่ยิ่งเย็นชาและหนาวเหน็บอย่างน่ากลัว เมื่อสบตากับดวงตาเย็นเยียบของชายหนุ่ม จิ่นอวี้ก็อดตัวสั่นไม่ได้ นางกัดปากไร้สีเลือดแล้วไม่พูดอะไรอีก


 


 


“สวมเสื้อผ้าแล้วไสหัวไป” ไป๋ซู่ไม่ได้ตะคอกจิ่นอวี้แล้ว เขาลุกขึ้นจากหินแล้วพิงต้นไม้ด้านหลังเขาอย่างอ่อนแรง


 


 


แต่ว่า…


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าเฉยชาของเขา จิ่นอวี้ก็ยิ่งปั่นป่วน นางทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างแรงแล้วพูดอย่างกังวลว่า “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าไล่ข้าเลยเจ้าค่ะ”


 


 


“จิ่นอวี้ ข้าจะพูดอีกครั้ง อย่าให้ข้าต้องลงมือสังหารเจ้า!” ไป๋ซู่สูดหายใจเข้าลึกแล้วปิดตา เขากำหมัดแน่นจนได้ยินเสียง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธจัด


 


 


จิ่นอวี้ยืนขึ้นจากพื้นช้าๆ แล้วหัวเราะเยาะตัวเอง “นายท่าน ท่านไม่แตะต้องข้า…ก็เพราะอวิ๋นลั่วเฟิงหรือเจ้าคะ”


 


 


ไป๋ซู่ลืมตาแล้วส่งสายตาคมกริบดั่งกระบี่ไปให้จิ่นอวี้พลางขบฟัน “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”


 


 


“นายท่าน ท่านรู้ว่าข้าพูดเรื่องจริงใช่หรือไม่!” จิ่นอวี้ยิ่งดูซีดเผือด “แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่แค่สง่างามแต่ยังมีพรสวรรค์และเก่งกาจ ท่านจะไม่รักนางได้อย่างไร ตอนแรกท่านอาจต้องการหาประโยชน์จากนาง แต่เมื่อท่านรู้จักนางมากขึ้น ท่านก็ยิ่งหมกมุ่นกับนางมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าค่ะ”


 


 


“หุบปาก!” ไป๋ซู่ตะโกนอย่างโกรธเคือง “ข้าแค่ต้องการใช้นาง! ถ้าเจ้ากล้าพูดไร้สาระอีกครั้ง อย่าโทษข้าที่สังหารเจ้าตอนนี้!”


 


 


จิ่นอวี้ยิ้มบาง รอยยิ้มของนางดูงดงามแต่ก็เศร้านัก


 


 


“หากนายท่านต้องการชีวิตข้า ข้าก็ไม่เสียดายที่จะยกให้ท่าน! ชีวิตข้าถูกท่านช่วยเอาไว้! หลายปีมานี้ข้าติดตามท่านและไม่เคยร้องขออะไรเลย ถึงแม้ท่านจะต้องการสตรีอื่น ข้าก็จะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยท่านเอานางมา! ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้ท่านบาดเจ็บสาหัส ข้าก็คงไม่ทำสิ่งนี้กับท่าน ดังนั้น…ข้าไม่เสียใจ!”


 


 


หวืด!


 


 


สายลมแรงพัดผ่านจิ่นอวี้ ทันใดนั้นไป๋ซู่ก็บีบคอนาง ประกายเย็นเยือกพาดผ่านดวงตาร้ายกาจของเขา


 


 


จิ่นอวี้ตัวสั่นแล้วหลับตาลง เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น ถ้านางต้องตายด้วยมือของนายท่าน… นางก็จะตายอย่างไม่เสียดาย!


 


 


ไป๋ซู่ลงแรงที่มือมาก ขอเพียงแค่ออกแรงอีกแค่นิดเดียว เด็กสาวก็จะสิ้นใจที่นี่ ทว่า…สุดท้ายเขาก็ปล่อยนางไป เขาสะบัดแขนเสื้อส่งพลังโจมตีจิ่นอวี้ และทันใดนั้นนางก็ลอยออกไปตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง


 


 


“ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าเจ้าอีก!” พูดจบ ร่างเขาพุ่งหายไปจากสายตาของจิ่นอวี้อย่างรวดเร็ว…


 


 


แต่ไม่นานเขาก็หยุดในอีกร้อยเมตรต่อมาและต่อยเข้าที่ต้นไม้เก่าแก่ใกล้ๆ เขา


 


 


“ข้าน่ะหรือชอบอวิ๋นลั่วเฟิง จะเป็นไปได้อย่างไร” ไป๋ซู่หัวเราะเยาะเผยรอยยิ้มดูถูกบนใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของเขา “ไม่มีใครล่อใจข้าได้มาเป็นพันปีแล้ว แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงก็ด้วย! แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่าอวิ๋นลั่วเฟิงนั้นดีกว่ามารดาของนางมาก”


 


 


ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาแค่ต้องการใช้อวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


แล้วในอนาคตก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง!


 


 


ตกหลุมรักนางงั้นหรือ ไม่มีทาง!


 


 


เมื่อคิดได้ดังนั้น ไป๋ซู่ก็หันไปมองด้านหลังเพื่อให้มั่นใจว่าจิ่นอวี้ไม่ได้ตามเขามา จากนั้นเขาก็รีบหายตัวเข้าไปป่าทันที…


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1317 เมืองบูรพา (1)


 


 


พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างสดใส แสงไฟพุ่งผ่านท้องฟ้าเหมือนเปลวไฟและฉาบท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉาน


 


 


พรึบ! พรึบ! พรึบ!


 


 


ทันใดนั้นร่างหลายร่างก็ร่วงลงมาจากฟ้าแล้วหยุดตรงพื้นเบื้องหน้าสตรีสวมอาภรณ์แดง หญิงสาวขมวดคิ้ว นางกวาดสายตาทรงอำนาจไปที่บุรุษที่ยืนขวางทางนาง “ถอยไป!”


 


 


“คุณหนู ในที่สุดพวกเราก็หาท่านเจอ ท่านเจ้าเมืองต้องการให้ท่านกลับไป” พวกเขาไม่ฟังคำสั่งนางและยังยืนขวางทางอยู่แต่ตอบนางอย่างให้เกียรติ


 


 


“หลีกทางไป!” สตรีอาภรณ์แดงต่อว่าอย่างเย็นชา เช่นเดียวกับสีแดงของเสื้อผ้านาง อารมณ์โกรธของนางก็ร้อนรุ่มดั่งดินปืนที่ถูกจุดไฟ


 


 


“คุณหนู” เสียงคนสูงอายุดังมาจากด้านหลังกลุ่มคน จากนั้นชายชราสวมชุดสีน้ำเงินก็เดินออกมาช้าๆ ด้วยรอยยิ้มใจดี “คุณหนู ท่านออกจากบ้านมาหลายปีแล้ว ได้โปรด ท่านกลับเมืองบูรพากับพวกเราเถิด”


 


 


สตรีชุดแดงตะคอกแล้วจ้องหน้าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง “แม้แต่เจ้าก็มาเอง ดูเหมือนเขาจะต้องการบังคับให้ข้ากลับไปจริงๆ!”


 


 


“คุณหนู ท่านเจ้าเมืองทำสิ่งนี้ก็เพื่อท่าน…”


 


 


“พอ!” เมื่อเห็นชายชรากำลังจะพูดต่อสตรีชุดแดงก็หยุดเขา “ข้าจะกลับไปเมืองบูรพาก็ได้ แต่ข้าไม่ต้องการให้ใครก็ตามจำกัดอิสระข้า!”


 


 


สตรีในอาภรณ์แดงสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้างดงามของนางแสดงความเย็นชาและดวงตานางก็เย็นเยียบ


 


 


ชายชราอดส่ายหน้าไม่ได้


 


 


เพื่อหนีการแต่งงาน คุณหนูจึงทำทุกวิถีทางเพื่อออกจากเมืองบูรพาไปเมืองประจิมและซ่อนตัวอยู่ที่สำนักศึกษาเมืองประจิม! พวกเขาคงไม่รู้ว่านางหลบอยู่ที่นั่นถ้าไม่บังเอิญเห็นนางเสียก่อน…


 


 


ที่จริงแล้วด้วยพรสวรรค์ของนาง นางไม่ควรเลือกอยู่ในสถานที่อย่างสำนักศึกษาเมืองประจิม แต่มีแค่อยู่ที่นั่นเท่านั้นที่นางสามารถหลบซ่อนจากพวกเขา!


 


 


ชายชรากลอกตาแล้วถาม “อย่างไรก็ดี คุณหนู ข้าได้ยินว่าท่านกำลังตามหาใครบางคนอยู่ ใช่หรือไม่ขอรับ”


 


 


สตรีชุดแดงเลื่อนสายตาคมกริบไปที่เขา “นี่เป็นเรื่องของข้า เจ้าอย่าเข้ามายุ่ง!”


 


 


ถ้าคนพวกนี้รู้ว่าคนที่นางตามหาคือใคร พวกเขาคงทำทุกอย่างเพื่อหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วบังคับให้นางมาที่จวนเจ้าเมือง…


 


 


แล้วนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ


 


 



 


 


เมืองประจิม


 


 


พื้นที่ชายแดนเหมือนกันสนามรบสมัยโบราณ ทั้งแห้งแล้งและไม่มีร่องรอยมนุษย์อาศัยอยู่ มีเพียงแค่แสงไฟนำทางเท่านั้น


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง อีกด้านหนึ่งของที่นี่ก็คือเมืองบูรพา เจ้าอยากไปที่นั่นจริงหรือ” หูหลีลังเลแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างระมัดระวัง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “มีอะไรไม่ดีที่เมืองบูรพางั้นหรือ”


 


 


“อันที่จริง…” หูหลีสายหน้าแล้วยิ้มแหย “ผู้อาวุโสบอกกับข้าก่อนกลับว่ามีใครบางคนจากเมืองบูรพามาตามหาศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่ง ดังนั้นข้าเดาว่าไม่แน่นางอาจจะมาจากเมืองบูรพาแล้วพวกเราอาจจะบังเอิญเจอนางถ้าพวกเราเดินทางไปเมืองบูรพา”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา “เมืองบูรพาใหญ่มาก พวกเราน่าจะไม่เจอนาง”


 


 


คำพูดของนางมีเหตุผล หูหลีจึงไม่ได้หยุดอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ ในพื้นทรายข้างหน้าเขา เขาชะงักแล้วรีบเข้าไปใช้มือขุดทรายจนเห็นร่างเล็กๆ ใต้พื้นทราย


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง มีเด็กอยู่ที่นี่”


 


 


เด็ก? ความระแวงปรากฏขึ้นในดวงตานาง แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินไปหาหูหลี


 


 


เด็กชายตัวน้อยอยู่ในสภาพบาดเจ็บ ชุดคลุมของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดแผ่ท่ามกลางฝุ่นทราย เขาขมวดคิ้วเหมือนว่ากำลังทรมานจากการบาดเจ็บและสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวก็ปรากฏบนใบหน้าเล็กๆ ของเขา

 

 

 


ตอนที่ 1318-1319

 

ตอนที่ 1318 เมืองบูรพา (2)


 


 


“นายหญิง เด็กคนนี้…มีกลิ่นของผลไม้วิญญาณ!”


 


 


ผลไม้วิญญาณ? อวิ๋นลั่วเฟิงชะงักแล้วมองเด็กชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


“ไม่มีการไหลเวียนของพลังฌานภายในร่างเด็กคนนี้เลย เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมบนตัวเขาถึงมีกลิ่นผลไม้วิญญาณกัน”


 


 


หูหลีดึงเด็กชายขึ้นมาจากทรายแล้วรีบเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“เด็กคนดูเหมือนจะบาดเจ็บหนักมาก อวิ๋นลั่วเฟิง ในเมื่อวิชาแพทย์เจ้าดีมาก เจ้าคงมีหนทางช่วยเขาใช่หรือไม่”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิดสักพักแล้วพยักหน้า “แผลของเขารักษาได้ ข้าจะให้หญ้าวิญญาณกับเขา หูหลี เจ้าไปหาโรงเตี๊ยมแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา”


 


 


นางต้องการผลไม้วิญญาณมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นนางไม่มีทางละเลยเบาะแสเกี่ยวกับมัน! โชคดีที่โรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุดอยู่ไม่ห่างจากชายแดนทั้งสองเมืองมากนัก แถวนี้มีโรงเตี๊ยมเปิดทำการอยู่มากเพราะหลายคนมักจะมาที่นี่เพื่อล่าสัตว์อสูร


 


 


ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังนั่งจิบชาอย่างเกียจคร้านอยู่ในโรงเตี๊ยมก็มีมือคู่หนึ่งผลักประตูให้เปิดออก แล้วหูหลีก็เดินเข้ามาพร้อมเด็กชายตัวน้อย


 


 


เมื่อเด็กชายตัวน้อยล้างหน้าและสวมเสื้อคลุมสีเงินสะอาดสะอ้านแล้ว เขาก็ดูเหมือนเด็กชายน่ารักไร้เดียงสา ใบหน้าไร้รอยตำหนิของเขาดูขี้ขลาด เขามองอวิ๋นลั่วเฟิงที่นั่งอยู่ในห้องอย่างหวาดกลัว


 


 


“ข้าอาบน้ำให้เขาแล้ว” หูหลียิ้มขณะขยี้ผมเด็กชายแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงวางถ้วยชาลงแล้วก้มมองเด็กชาย “ชื่ออะไร”


 


 


เด็กชายส่งสายตาเปราะบางมาให้นางแล้วพูดเสียงเบาจนคล้ายกระซิบ “ข้า…ข้าจำไม่ได้”


 


 


“เจ้าจำไม่ได้งั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามแล้วเลิกคิ้วขึ้น


 


 


เด็กชายพยักหน้าแล้วมองนางด้วยสายตาอ่อนแอน่าสงสาร “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ท่านเอาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่สร้างปัญหาให้ท่าน”


 


 


เขากัดริมฝีปากน้ำตาคลอเหมือนว่าเขากำลังโดนรังแก


 


 


“ใครทำร้ายเจ้า” อวิ๋นลั่วเฟิงถามต่อ


 


 


เด็กชายตัวน้อยดูเหมือนกำลังนึกถึงอะไรที่น่าหวาดกลัว ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาเอามือกุมศีรษะแน่นมากนั่งขดตัวอย่างเจ็บปวด


 


 


“โจร! พวกมันต้องการเอาข้าไปเป็นทาสบำเรอ ข้าไม่ยอม พวกเขาเลยทำร้ายข้า!”


 


 


เด็กชายผิวพรรณไร้ตำหนิและหน้าตาน่าเอ็นดูซึ่งเป็นลักษณะที่ดึงดูดพวกกามวิตถาร แต่ว่า…


 


 


ด้วยเหตุผลบางประการ อวิ๋นลั่วเฟิงระแคะระคายว่าการปรากฏตัวของเขามันบังเอิญเกินไป อวิ๋นลั่วเฟิงบิดขึ้เกียจแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “กลับห้องเจ้าไปพักก่อนเถอะ”


 


 


“ก็ได้” เด็กชายพยักหน้าอย่างเชื่อฟังมองอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังไป


 


 


ปัง!


 


 


หลังจากเขาออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็โบกมือเพื่อปิดประตู


 


 


“หูหลี จับตาดูเขา” เสียงของนางเย็นชา “แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ต้องหยุดเขา! ข้าอยากรู้ว่าเขามีเป้าหมายอะไร!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ไล่เขาไปก็เพราะมีกลิ่นผลไม้วิญญาณอยู่บนตัวเขาและนางก็ต้องการผลไม้วิญญาณจากตัวเขา!


 


 


“เจ้าหมายความว่าเด็กชายคนนี้มีปัญหางั้นหรือ” หูหลีมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างตกใจ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1319 เมืองบูรพา (3)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่ได้บอกว่าเขามีปัญหา ข้าแค่คาดเดาเฉยๆ แล้วก็หวังว่าข้าจะเดาผิด! อย่างไรก็ดี หูหลี จับตามองดูเขาไว้ด้วย!”


 


 


มีคนไม่มากบนโลกนี้ที่นางจะเชื่อใจ นางไม่มีทางเชื่อใจคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


 


 


“เข้าใจแล้ว” หูหลีพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าจะจับตาดูเขาไว้เอง ถ้ามีอะไรผิดปกติข้าจะบอกเจ้าทันที”


 


 


“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงวางมือไว้หลังศีรษะแล้วปิดตา หูหลีไม่พูดอะไรอีก เขาเดินออกจากห้องไป


 


 


ทันทีที่เขาออกไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็ลืมตา ดวงตานางก็เป็นประกายยากจะคาดเดา “เสี่ยวโม่ เจ้าเจออะไรผิดปกติเกี่ยวกับเด็กคนนั้นหรือไม่”


 


 


เสี่ยวโม่ส่ายหน้า “ไม่เจอ”


 


 


เสี่ยวโม่มีสัมผัสไวมาก แม้แต่เขาก็ยังไม่เจออะไรแปลก หรือว่านาง…จะเข้าใจเด็กคนนั้นผิดจริงๆ


 


 


“ข้าขอให้หูหลีจับตาดูเขาไว้แล้ว ถ้าเขามีอะไรผิดปกติ หูหลีจะรู้ทันที ถ้ามีหลักฐานว่าเขาเข้าหาพวกเราด้วยเจตนาชั่วร้าย… ข้าไม่มีทางปล่อยเขาแน่!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่เตียง


 


 


“ถ้าข้าหาผลไม้วิญญาณเจอเร็วๆ นี้ก็จะได้ฟื้นฟูเสี่ยวไป๋แล้วออกตามหาอวิ๋นเซียว!”


 


 


นางรู้สึกได้ว่าอวิ๋นเซียวกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับนาง ดังนั้นนางจึงออกตามหาเขา ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้าด้วยกัน!


 


 



 


 


ยามค่ำคืนที่อากาศเย็นสบายดังสายน้ำและเงียบสงบแต่ให้ความรู้สึกดี


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกได้ว่าประตูห้องถูกเปิด นางขมวดคิ้วแล้วไม่ส่งเสียง


 


 


ฝ่ามือยกมุมผ้าห่มของนางขึ้นแล้วค่อยๆ สอดตัวเข้ามา อวิ๋นลั่วเฟิงไม่อาจทำตัวเงียบอยู่ได้จึงยื่นมือออกไปจับมือเล็กๆ นางลืมตาแล้วส่งสายตาคมกริบจ้องไปที่เด็กชายที่อยู่ข้างเตียง น้ำเสียงนางเย็นเยียบ “เจ้าต้องการอะไร”


 


 


เด็กชายตัวน้อยชะงักแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างน่าสงสาร น้ำตาคลอเจียนจะไหล “ข้า…ข้าแค่อยากนอนกับท่าน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา “ขอโทษด้วย แต่มีแค่สามีข้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์นอนกับข้า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตแม้จะเป็นแค่เด็กก็ตาม!”


 


 


เด็กชายก้มหน้า เขาดูท่าทางสิ้นหวังเหมือนทำเรื่องผิดผลาดใหญ่หลวงลงไป “ท่านเหมือนท่านแม่ข้าจริงๆ ข้าคิดถึงนางมากก็เลย…”


 


 


ดวงตาอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายอันตราย “ไม่ใช่ว่าเจ้าความจำเสื่อมหรอกหรือ”


 


 


เด็กชายเอาแต่ก้มหน้า ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าใบหน้าเล็กๆ อันแสนน่ารักของเขาแสดงอารมณ์อะไรอยู่


 


 


“ข้าจำอดีตไม่ได้แต่ข้ามีรูปเหมือนของท่านแม่ ข้าขอโทษจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”


 


 


แอด


 


 


ตอนนั้นเองประตูก็เปิดออกอีกครั้ง หูหลีแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรแล้วเดินเข้ามาข้างใน เขาดูงัวเงียและอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในห้องอวิ๋นลั่วเฟิงล่ะ ไปกันเถอะ กลับไปนอนกัน”


 


 


เด็กชายถูกหูหลีดึงตัวไปแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ทว่าตอนที่เขากำลังจะเดินออกประตูไป เขาก็หันกลับมามองอวิ๋นลั่วเฟิงอีกครั้ง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความผูกพันและเศร้าสร้อย…


 


 


ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นสตรีทั่วไปก็คงเกิดสัญชาตญาณความเป็นแม่กับเด็กชายตัวน้อยคนนี้ไปแล้ว โชคไม่ดีที่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่สตรีธรรมดา…


 


 


เด็กชายคนนี้ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกนางเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

 

 

 


ตอนที่ 1320-1321

 

ตอนที่ 1320 เมืองบูรพา (4)


 


 


หลังจากที่หูหลีพาเด็กออกไป ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง


 


 


“เมื่อกี้ข้ารู้สึกได้ว่าเขาแอบออกมา ข้าจึงลอบตามเขามาแล้วรู้ว่าเขาตรงมาที่ห้องของเจ้า ข้ารู้ความแข็งแกร่งของเจ้าเลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากรอดูว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร” หูหลีมองอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงมาช้า


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ดี จับตาดูเขาต่อไป”


 


 


หูหลีลังเลอยู่ชั่วครู่ “อวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ใช่ว่าเจ้าเลี้ยงหนูอยู่หรือ ข้าคิดว่ามันคงทำหน้าที่ได้ดีกว่าข้า ทำไมเจ้าไม่…”


 


 


“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าไหน่ฉาตามดูเขาจะไม่ปลอดภัย” พูดจบอวิ๋นลั่วเฟิงก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


 


 


หูหลีก้มหน้า “ตามจริงข้าคิดว่าเขาเข้ามาในห้องเจ้าก็เพราะเขาแค่คิดถึงมารดา เด็กคนนี้ดูไม่มีพิษภัยอะไร ข้าไม่คิดว่าเขาอันตรายนะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วค่อยๆ ยืนขึ้น “หูหลี อย่าตัดสินคนที่ภายนอก! ยิ่งเขาดูไร้พิษภัยเท่าไหร่ บางทีเขาอาจจจะยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น! ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะข้าไม่เคยเชื่อใจใคร!”


 


 


ตอนที่นางยังอยู่หวาเซี่ย ครอบครัวนางถูกฆ่าตายและลุงของนางที่ดีกับนางมาตลอดก็รับนางไปเลี้ยง แต่เมื่อเขาได้มรดกจากบิดามารดานาง เขาก็เปลี่ยนไป นางถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ที่เด็กดูอ่อนโยนและใจดีกลับชอบทรมานคนอื่น


 


 


นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่เคยเชื่อใจใคร! แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ไร้พิษสง


 


 


หูหลีเงียบแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ข้าจะจับตาดูเขาเองและจะไม่ให้เขามีโอกาสได้ทำร้ายพวกเรา”


 


 


“ไปนอนเถอะ วันพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางต่อ” อวิ๋นลั่วเฟิงโบกมือแล้วเดินกลับไปที่เตียง


 


 


หูหลีกระจ่างเพราะคำพูดนาง เขาส่งสายตาของคุณไปให้อวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเดินออกประตูไป ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดอวิ๋นลั่วเฟิงถึงได้ระมัดระวังตลอดเวลา ในแผ่นดินนี้เจ้าควรตื่นตัวตลอดเวลาไม่อย่างนั้นชีวิตเจ้าอาจหายไปเมื่อไรก็ได้!


 


 



 


 


เช้าวันต่อมา


 


 


หูหลีและเด็กชายรออยู่หน้าประตูห้องอวิ๋นลั่วเฟิง เมื่อเด็กชายเห็นประตูเปิด ดวงตาสีนิลของเขาก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ทว่าเมื่อเขาคิดถึงท่าทีของอวิ๋นลั่วเฟิงที่มีต่อเขาเมื่อคืนนี้ เขาก็ดูไม่กล้าและเกรงกลัว


 


 


สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงย้ายจากหูหลีไปที่เด็กชาย นางพินิจใบหน้าไร้พิษภัยของเขา


 


 


“เจ้าบอกว่าเจ้าความจำเสื่อมสินะ ข้าเดาว่าเจ้าคงลืมชื่อตัวเองด้วย เช่นนั้นแล้วตั้งแต่นี้ไปพวกเราจะเรียกเจ้าว่า ‘อู๋’ [ 1 ] ”


 


 


อู๋? ดวงตาเด็กชายประกายวูบหนึ่ง เขากำลังสงสัยว่าชื่อนี้หมายความว่าอย่างไร


 


 


ดูเหมือนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะไม่ต้องการอธิบายอะไรให้เขา นางยกยิ้มร้าย “หูหลี เขาดูน่ารักดี ไว้ตอนเราขาดแคลนเงินตรา เราค่อยขายเขาให้หอนางโลม”


 


 


ในจิตวิญญาณนาง เสี่ยวโม่ที่กำลังกล่อมให้เสี่ยวซู่สงบ แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ความไม่พอใจก็ปรากฏบนหน้าเขา


 


 


“นายหญิง เหตุใดท่านจึงเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับหอนางโลม”


 


 


ครั้งแรกที่นางเห็นอวิ๋นเซียว นางก็ต้องการขายเขาให้หอนางโลมเหมือนกัน…


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” หูหลีอ้าปากค้าง มุมปากเขากระตุก “เอ่อ…ข้ากลัวว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1321 เมืองบูรพา (5)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองเขา “ทุกคนต้องทำงาน ถ้าเขาอยากติดตามข้า เขาก็ต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้นข้าจะขายเขาให้หอนางโลมตอนนี้เลย”


 


 


ได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง เด็กชายตัวน้อยก็วิตกกังวล ดวงตาสุกสว่างของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแล้วใบหน้าน่าสงสารของเขาก็พลันปรากฏแววเสียใจ


 


 


“ข้าซักผ้าได้ ทำอาหารได้ ข้ายังดูแลสัตว์เลี้ยงได้ด้วย ได้โปรด…อย่าขายข้าให้หอนางโลมเลยนะ ได้หรือไม่”


 


 


เขาอยากเดินเข้าไปกอดขาอวิ๋นลั่วเฟิงแต่ก็หยุดไว้เมื่อคิดถึงท่าทีเย็นชาที่นางมีต่อเขาเมื่อคืนนี้ เขามองนางด้วยดวงตาน่าสงสารเหมือนว่ากำลังขอร้องให้นางอย่าขายเขาให้หอนางโลม


 


 


หูหลีรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงล้อเล่น ถ้านางไม่อยากให้เด็กชายไปด้วย นางก็คงไม่ปล่อยให้เด็กชายอยู่กับพวกเขาแล้ว และคงไม่ขอให้เขาจับตาดูเด็กคนนี้ไว้ด้วย


 


 


เป็นโชคร้ายของอวิ๋นลั่วเฟิงที่ไม่ว่านางจะไปที่ใดก็จะมีคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่เสมอ…


 


 


“ข้าไม่เคยเจอคนโหดร้ายขนาดนี้มาก่อน! เจ้ามีใจจะขายเด็กน่ารักอย่างนี้ได้อย่างไร” เสียงขุ่นเคืองของชายหนุ่มดังมาจากอีกด้าน “สาวน้อย เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษหรือ”


 


 


หูหลีหันหน้าไปมองไปชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาพวกเขาช้าๆ อย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเข้มขึ้นเมื่อเขานึกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร “หวังจวิ้นเฟย เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่”


 


 


“อี๋ ดูสิว่าข้าเจอใคร! เจ้าขยะสำนักศึกษาเมืองประจิมนี่เอง ฮ่าๆๆ!” หวังจวิ้นเฟยหัวเราะ “ข้าเคยสงสัยว่าใครกันที่โหดร้ายได้ขนาดนี้ กลายเป็นว่าเป็นพวกชั้นต่ำจากสำนักศึกษาเมืองประจิมนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลย! นอกจากศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมแบบพวกเจ้า ใครจะยากไร้ขนาดขายเด็กกินกัน”


 


 


ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็เหลือบมองหูหลี “เจ้ารู้จักเขา?”


 


 


หูหลีส่งเสียงขึ้นจมูก “เขาเป็นศิษย์จากสำนักเมืองบูรพา พวกเราเคยสู้กันครั้งหนึ่งแต่เขาแพ้ข้า ดังนั้นเขาเลยไม่พอใจแล้วหาเรื่องข้าตลอด”


 


 


หวังจวิ้นเฟยหัวเราะเยาะ “ข้านะหรือหาเรื่องเจ้า อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น ศิษย์ของสำนักศึกษาเมืองบูรพาทุกคนเป็นผู้มีพรสวรรค์จากตระกูลมีอำนาจทั้งหลาย ไม่เหมือนศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมของพวกเจ้า ที่ที่แม้แต่คนชั้นต่ำอย่างเจ้ายังเข้าได้”


 


 


สำนักศึกษาเมืองบูรพาเป็นสำนักศึกษาระดับสูงจึงมีการเรียกเก็บค่าเข้าสำนักศึกษาแพงหูฉี่จนธรรมดาหวั่นใจ แต่สำนักศึกษาเมืองประจิมต่างออกไป ตราบใดที่ความแข็งแกร่งถึงเกณฑ์ก็สามารถเข้าศึกษาได้!


 


 


“อย่าขวางทางพวกเรา! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าซะ!” หูหลีกัดฟัน ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ “ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้น…ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอีกครั้ง!”


 


 


ดวงตาของหวังจวิ้นเฟยมืดลงแล้วพูดพร้อมยิ้มเยาะ “หูหลี ข้าสู้เจ้าไม่ได้แล้วอย่างไร ข้าไม่เหมือนเจ้า ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาคนเดียว แต่พาผู้คุ้มกันจำนวนมากมาด้วย เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ ตลกน่า! พวกเจ้า ไป! จัดการคนพวกนี้ให้ข้า!”


 


 


เมื่อเห็นชายวัยกลางคนสองคนพุ่งเข้ามาหาพวกเขา หูหลีก็หน้าบึ้งตึง เขาไม่สนใจหวังจวิ้นเฟยมากนักแต่ยอดฝีมือของตระกูลหวังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


 


 


ทันใดนั้นก็มีมือแตะลงบนบ่าของหวังจวิ้นเฟย เด็กสาวเดินมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้างดงามของนาง “เจ้ากำลังจะทำร้ายสหายข้างั้นหรือ”


 


 


หวังจวิ้นเฟยหรี่ตา “เจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร ข้ากำลังมาจัดการคนกับพวกค้ามนุษย์แบบเจ้าทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องตีไอ้ขยะชั้นต่ำจากสำนักศึกษาเมืองประจิมก่อน!”


 


 


 


 


——


 


 


[ 1 ] อู๋ (无 Wú) แปลว่า ไม่มี

 

 

 


ตอนที่ 1322-1323

 

ตอนที่ 1322 เมืองบูรพา (6)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง “ข้าขอโทษด้วยแต่ข้าเองก็มาจากสำนักศึกษาเมืองประจิมเหมือนกัน ดังนั้น…ข้าก็มีสิทธิ์สู้กับเจ้าได้เหมือนกันใช่หรือไม่”


 


 


หวังจวิ้นเฟยส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วโบกมือ “พวกเจ้ารออะไรอยู่ จัดการพวกมัน!”


 


 


ในสายตาของหวังจวิ้นเฟย อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มีค่าอะไรนอกจากสตรียากไร้ที่ยั่วยวนหูหลี น่าเสียดายที่สาวงามไร้ที่ติอย่างนางเลือกยาจกอย่างหูหลี!


 


 


ถูกต้อง ในความคิดเขาหูหลีเป็นยาจก! ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอันดับสิบของศิษย์ระดับสวรรค์สำนักศึกษาเมืองประจิมและได้รับความสำคัญมากในสำนัก แต่เขาก็ยังไม่เทียบไม่ได้กับตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลหวัง! ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหวัง การทำให้เขาหายไปก็เป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียว!


 


 


ทันทีที่หวงจวิ้นเฟยพูดจบ วินาทีนั้นเด็กสาวก็หายตัวไปก่อนที่เขาจะรู้ตัวนางก็มาปรากฏข้างหน้าเขาแล้ว…


 


 


ปัง!


 


 


หวังจวิ้นเฟยที่ยืนอยู่ระหว่างชายสองคนถูกเตะกลิ้งตกบันไดลงไป ยอดฝีมือทุกคนของตระกูลหวังชะงักก่อนพวกเขาจะพุ่งเข้าไปล้อมอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


หูหลียืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงและร่วมเผชิญหน้าอีกฝ่ายไปพร้อมนาง


 


 


“ฆ่ามัน ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!” เขาไม่สนในเรื่องที่ทั้งคู่เป็นศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิม หวังจวิ้นเฟยเด้งตัวขึ้นมาแล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาแดงก่ำอย่างดุร้าย


 


 


ชายร่างใหญ่ทั้งสองลงมือทันที พวกเขารวบรวมกำลังฌานไว้ที่หมัดแล้วพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิงและหูหลีเหมือนพายุ…


 


 


อู๋จ้องอวิ๋นลั่วเฟิงและหูหลีอย่างงุนงง เขากัดริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา


 


 


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่”


 


 


ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ลอดผ่านประตูออกมา เมื่อได้ยินเสียง หวังจวิ้นเฟยที่กำลังอารมณ์เสียก็ยิ่งโมโห “ออกมา! อย่าทำให้ข้าโกรธ!”


 


 


เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าหวังจวิ้นเฟย แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงขุ่นเคืองของคนสูงอายุ


 


 


“เจ้ากำลังพูดกับข้างั้นหรือ”


 


 


หวังจวิ้นเฟยขมวดคิ้ว ทันทีที่เขากำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชายชราไร้สติปัญญาคนนี้ให้รู้สำนึก เขาก็เห็นผู้คุ้มกันข้างชายชราหยิบตราออกมาโบกตรงหน้าเขา สีหน้าของหวังจวิ้นเฟยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นคำสามคำบนตราสะท้อนเขาดวงตา ‘จวนเจ้าเมือง’


 


 


“ท่าน…ท่านมาจากจวนเจ้าเมืองงั้นหรือ”


 


 


เขากลืนน้ำลาย ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัว เขาโชคร้ายจริงๆ! เขาเพิ่งท้าทายคนจากจวนเจ้าเมือง! ชายชราพูดอย่างเย็นเยียบ “ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”


 


 


“เรื่องเป็นอย่างนี้ขอรับ” หวังจวิ้นเฟยพยายามข่มความกลัวแล้วพูด “สองคนนี้เป็นศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิม พวกเขายั่วยุพวกเราชาวเมืองบูรพาว่าเมืองบูรพาแย่กว่าเมืองประจิม ที่สำคัญพวกเขายังกล้าว่าร้ายจวนเจ้าเมืองของเมืองบูรพาด้วย!”


 


 


ยิ่งหวังจวิ้นเฟยพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพูดได้คล่องมากขึ้นเท่านั้น แล้วยังโยนความผิดให้อวิ๋นลั่วเฟิงอีกด้วย


 


 


“อย่างไรก็ดี ผู้ชายคนนี้ชื่อหูหลี เป็นศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาเมืองประจิม ศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบคนเป็นพวกชั้นต่ำทั้งหมด! ข้าได้ยินว่าพวกเขาต้องการทำลายสำนักศึกษาเมืองบูรพาแล้วล้างบางจวนเจ้าเมืองด้วยกัน!”


 


 


“โอ้?” ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลังกลุ่มคน


 


 


หวังจวิ้นเฟยเงยหน้ามองก็เห็นสตรีชุดแดงเดินเข้ามา นางเลิกคิ้วแล้วถามอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมพูดเช่นนั้น”


 


 


หวังจวิ้นเฟยคิดถึงตัวตนของสตรีผู้นี้ ในเมื่อนางมากับคนของจวนเจ้าเมือง นางก็ต้องมาจากที่นั่นเหมือนกัน


 


 


“คุณหนูของพวกเรากำลังถามเจ้า! ตอบคำถามนางเดี๋ยวนี้!” ชายชราตะโกนอย่างเย็นชาเมื่อเห็นว่าหวังจวิ้นเฟยไม่ตอบนาง


 


 


คุณหนู?


 


 


หวังจวิ้นเฟยชะงัก หรือว่าสตรีงดงามผู้นี้เป็นทายาทของจวนเจ้าเมือง


 


 


เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังจวิ้นเฟยก็รีบตอบ “ถูกต้องขอรับ ข้าพูดจริง คุณหนู ท่านต้องให้คนของท่านทำลายสำนักศึกษาเมืองประจิมที่ชอบอวดดีนี้นะขอรับ!”


 


 


สำนักศึกษาเมืองประจิมไม่ควรมีอยู่ หลังจากคุณหนูได้ยินคนพวกนี้ดูถูกจวนเจ้าเมือง นางน่าจะสังหารศิษย์ทระดับสวรรค์ทั้งสิบ หากไม่มีศิษย์พวกนั้น สำนักศึกษาเมืองประจิมก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!


 


 


นี่เป็นเหตุผลที่หวังจวิ้นเฟยใส่ร้ายศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบคน เขาสามารถใส่ร้ายหูหลีเพียงคนเดียวก็ได้ แต่เพื่อทำลายสำนักศึกษาเมืองประจิม เขาจึงบอกว่าคำพูดพวกนี้เป็นของศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบ!


 


 


โชคร้ายที่หวังจวิ้นเฟยไม่รู้ตัวว่าเขาได้ทำเรื่องผิดผลาดมหันต์ลงไปแล้ว


 


 


สตรีอาภรณ์แดงยิ้ม น้ำเสียงของนางร้ายกาจเหมือนปีศาจจนทำให้หัวใจของหวังจวิ้นเฟยสั่นสะท้าน


 


 


“โทษทีนะ แต่ข้าเองก็มาจากสำนักศึกษาเมืองประจิมเหมือนกัน และ…ข้ายังเป็นศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่งด้วย!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1323 อัจฉริยะหงหลวน (1)


 


 


หวังจวิ้นเฟยชะงัก เขาตกใจจนหน้าซีดเผือดแล้วจ้องสตรีอาภรณ์แดงอย่างหวาดกลัว


 


 


นางพูดว่าอะไรนะ


 


 


หูของเขามีปัญหาใช่หรือไม่


 


 


สตรีชุดแดงเยาะเย้ยแล้วไม่สนใจหวังจวิ้นเฟยอีก นางเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงที่ยืนอยู่บนทางเดิน


 


 


เป็นเรื่องยากที่หูหลีจะถอยหลังหนีศัตรูตรงหน้า แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ เขาก็กลัวจนตัวสั่นไปทั้งร่าง มือแทบจะถือกระบี่ไว้ไม่อยู่


 


 


“เหตุ…เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เขาดูกลัวมากและโอดครวญในใจ เขาคิดว่าเขาไม่มีทางได้เจอคนบ้าคลั่งนี้แน่ ในเมื่อเมืองบูรพาใหญ่โตมาก ทว่า…เขากลับมาเจอนางที่นี่อย่างรวดเร็ว!


 


 


ตั้งแต่แรกเริ่ม สายตาของสตรีชุดแดงก็ไม่ได้ตกอยู่บนตัวหูหลีแต่จับจ้องไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงเพียงอย่างเดียว นางยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าคืออวิ๋นลั่วเฟิงสินะ”


 


 


อวิ๋นลั้วเฟิงเองก็หยุดแล้วมองนาง “อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาเมืองประจิม หงหลวนใช่หรือไม่”


 


 


หงหลวนฉีกยิ้มกว้างขึ้น “อัจฉริยะอันดับหนึ่งงั้นหรือ ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ข้าก็คงยอมรับฉายานี้แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้ามากกว่า! อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานแล้วก็ต้องการประลองกับเจ้า! เจ้าจะให้โอกาสข้าหรือไม่”


 


 


การประลองบางครั้งก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!


 


 


“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้ารับคำท้าเจ้า!”


 


 


หวืด!


 


 


สตรีชุดแดงยกมือขึ้น แล้วกระบี่ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือนาง นางไม่เคยดูถูกความสามารถของอวิ๋นลั่วเฟิง ดังนั้นนางจึงไม่อ่อนข้อและเริ่มโจมตีก่อน เมื่อโดนผลกระทบจากพลังทรงอำนาจของกระบี่นาง ประตูของโรงเตี๊ยมก็พังทลาย


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงตั้งรับการโจมตีโดนไม่ลังเล…


 


 


“โอ้ สวรรค์ โรงเตี๊ยมข้า!”


 


 


เมื่อทั้งคู่ต่อสู้กัน ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมก็ร้องไห้เหมือนบุพการีเสียต่อหน้าต่อตาเขา ชายชราขมวดคิ้วแล้วส่งสายตาเย็นเย็บให้ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมก่อนยิ้ม หยิบตั๋วเงินออกจากแขนเสื้อแล้วโยนมันให้เขา


 


 


“พวกเราซื้อโรงเตี๊ยมนี้แล้ว คุณหนูของเราจะทำอะไรก็ได้ที่นี่! ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่!”


 


 


ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมร้องไห้อย่างขมขื่นที่โรงเตี๊ยมเขาถูกทำลายแล้วก็แปลกใจที่คนจากจวนเจ้าเมืองใจกว้างขนาดให้ตั๋วเงินที่มีค่าถึงหมื่นตำลึง! เขารีบเก็บตั๋วเงินแล้วออกเต็มใจออกไปพร้อมกล่าวขอบคุณเป็นพันครั้ง


 


 


หวังจวิ้นเฟยกลอกตาแล้วพยายามจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแอบหลบออกไป แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวออกไปอย่างลำบากก็มีมือยื่นมาจากด้านหลังแล้วจับตัวเขาไว้


 


 


“เจ้ายังไปไม่ได้”


 


 


หวังจวิ้นเฟยกลืนน้ำลายแล้วฝืนยิ้ม “นายท่าน เมื่อพูดออกไปแล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรนอกจากรู้สึกผิด ข้าน้อยไม่รู้ว่าคุณหนูมาจากสำนักศึกษาเมืองประจิม ดังนั้น…”


 


 


ชายชราส่งสายตาเย็นเยียบให้เขา เจตนาสังหารในตาเขาทำให้หวังจวิ้นเฟยใจกระตุก เขารีบหุบปากและยืนอยู่กับที่ไม่กล้าก้าวขาสักครึ่งก้าว


 


 


ตูม!


 


 


พื้นทางเดินทรุดแล้วร่างทั้งคู่ก็กระโดดลงมาที่ห้องโถง ด้วยแสงสะท้อนเย็นเยือกจากการปะทะกันของกระบี่ทั้งคู่ ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ก็ถูกพัดหายไปและทั้งห้องโถงก็เละเทะอย่างมาก


 


 


สตรีชุดแดงถอยหลังไปสองก้าวแล้วหยุดยืนอยู่ที่ห้องโถงที่ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว นางหรี่ตาเรียวมีเสน่ห์ของนางแแล้วรอยยิ้มทรงอำนาจก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีแดงสดน่าหลงใหล


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ายังไม่ได้สู้เต็มที่เลย!”


ตอนที่ 1324 อัจฉริยะหงหลวน (2)


 


 


นางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองสตรีสง่างามตรงข้ามนาง “ข้าท้าประลองเจ้าเพราะต้องการรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมองสตรีชุดแดงแล้ววางกระบี่ในมือนางลง


 


 


“เจ้าแน่ใจหรือ”


 


 


“ใช่ ข้าแน่ใจ!”


 


 


น้ำเสียงของสตรีชุดแดงทั้งมั่นใจและหยิ่งทะนง “ข้ามั่นใจว่าข้าเอาชนะเจ้าได้!”


 


 


ตูม!


 


 


ทันใดนั้นเถาวัลย์จำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นรอบตัวอวิ๋นลั่วเฟิงประหนึ่งเหมือนพวกมันมีชีวิต เถาวัลย์ทั้งหมดพุ่งเขาโจมตีหงหลวนโดยไม่ต้องออกคำสั่ง ดวงตาหงหลวนเป็นประกายตื่นเต้น นี่แหละคือสิ่งที่นางอยากเห็น! เยี่ยมยอด!


 


 


นางคงหมดความอยากต่อสู้ทันที คู่ต่อสู้ของนางอ่อนเกินไป…


 


 


ตูม!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเร็วมากเหมือนสายลม นางพุ่งผ่านเถาวัลย์เข้ามาข้างหน้าหงหลวน หมัดของนางถูกหุ้มด้วยพลังมหาศาลแล้วปะทะเข้ากับอกของหงหลวนอย่างแรง


 


 


เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงลดอาวุธ หงหลวนเองก็โยนกระบี่ของนางลงพื้นแล้วระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุขจนดังก้องไปทั่วโรงเตี้ยม


 


 


“ฮ่าๆ อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าตัดสินใจถูกแล้วที่กลับมาเมืองบูรพา!”


 


 


ปัง!


 


 


หมัดของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศแล้วระเบิดปล่อยพายุรุนแรงออกมา เส้นผมยาวสีดำของพวกนางปลิวไปตามสายลมแรงทำให้พวกนางดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล


 


 


หูหลีชะงักแล้วจ้องเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงข้ามหงหลวนดวงตาเขาเต็มไปด้วยความงุนงง เขาจำได้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นผู้ฝึกฌานขั้นปราชญ์ระดับสูงในขณะที่หงหลวนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางแล้ว…


 


 


แต่นางสามารถรับการโจมตีของหงหลวนได้งั้นหรือ!


 


 


สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเถาวัลย์พวกนี้คอยเบี่ยงเบนความสนใจของหงหลวน ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงมีโอกาสลอบโจมตี อีกอย่าง อวิ๋นลั่วเฟิงเข้าไปอยู่ฝึกฝนในกระจกแห่งความว่างเปล่าถึงสามเดือน ทำให้นางแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฌานระดับเดียวกัน อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหงหลวนถ้าพวกนางสู้กันด้วยอาวุธ แต่หงหลวนเลือกสู้ด้วยมือเปล่า ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงมีโอกาสตอบโต้นาง


 


 


ถึงแม้พวกนางจะไม่ได้ต่อสู้กันนานในสายตาของผู้อื่น แต่พวกนางก็เริ่มเหนื่อยแล้ว


 


 


ด้วยสมุนไพรจำนวนมากของนาง อวิ๋นลั่วเฟิงสามารถฟื้นพลังได้อย่างง่ายดายแต่นางไม่ต้องการโกงการประลอง ดังนั้นทั้งคู่จึงทรุดลงพื้นอย่างหมดแรงในเวลาเดียวกัน


 


 


เหงื่อไหลเต็มหน้าผากหงหลวน แต่นางก็ยังยกยิ้มมีเสน่ห์แล้วหันมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง “อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด! ข้าไม่ได้สนุกกับการประลองดีๆ แบบนี้มานานมากแล้ว ถ้าข้าฟื้นพลังเสร็จแล้วพวกเรามาสู้กันอีกเถอะ!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงส่งยิ้มบางให้นาง “ตกลง”


 


 


“ฮ่าๆ!” หงหงวนอดที่จะระเบิดหัวเราะออกมาไม่ได้ ดวงตานางโค้งเป็นรูปพระจันทร์แล้วเต็มไปด้วยความสุข


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบโสมเลือดออกมาสองชิ้นแล้วเอาใส่ปากตัวเองหนึ่งชิ้น อีกชิ้นหนึ่งยื่นให้หงหลวน หงหลวนหยุด แต่ไม่นานก็หยิบมันใส่ปาก ทันทีที่นางหยิบมันใส่ปาก นางก็รู้สึกได้ว่าพลังของนางค่อยๆ ฟื้นฟู


 


 


“ขอบคุณ”


 


 


นางกระเด้งขึ้นจากพื้นแล้วยื่นมือไปให้อวิ๋นลั่วเฟิง “ให้ข้าได้แนะนำตัว ข้ามีนามว่าหงหลวน เจ้าเมืองบูรพาคือบิดาข้า ข้าเข้าสำนักศึกษาเมืองประจิมก็เพื่อหนีการแต่งงานที่ท่านพ่อข้าจัดให้ แต่คนพวกนี้ก็ยังตามหาข้าจนเจอ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วมองไปที่กลุ่มคนที่เข้าใกล้หงหลวนเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นนางก็ฉีกรอยยิ้มกว้างขึ้น


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” ดวงตาหงเหลียนเป็นประกาย “เจ้าช่วยปลอมเป็นคนรักของข้าที”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1325 อัจฉริยะหงหลวน (3)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหน้ามืดครึ้ม คนจากจวนเจ้าเมืองเองก็ตะลึงแล้วจ้องหน้าหงหลวนอย่างงุนงง


 


 


“ไม่ได้!” หูหลีกระโดดออกตัวก่อน “อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นสตรี นางจะปลอมเป็นคนรักเจ้าได้อย่างไร”


 


 


หงหลวนส่งสายตาเหยียดหยามไปให้เขา “นางปลอมตัวเองเป็นบุรุษได้ ข้าไม่ต้องการแต่งงานกันคนที่ท่านพ่อข้าเลือก”


 


 


“คุณหนู!”


 


 


คนของจวนเจ้าเมืองตะลึงแล้วพยายามหยุดหงหลวน


 


 


หงหลวนมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าไม่อนุญาตให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาด หากข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำ…ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่! อย่าลืมว่าเมื่อท่านพ่อข้าชราเมื่อไหร่ คนที่จะรับตำแหน่งเจ้าเมืองคนต่อไปก็คือข้า”


 


 


เสียงทรงพลังของนางดังไปทั่วห้องโถง แล้วนางก็กวาดสายตาเย็นเยียบไปหาทุกคนขณะออกคำสั่ง


 


 


ใบหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงมืดลงกว่าเดิม “ข้ายังไม่ได้ตกลง”


 


 


เมื่อหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิง สายตาของนางก็ไม่ได้วางอำนาจเหมือนที่มองคนของจวนเจ้าเมือง ใบหน้านางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเป็นสหายกันแล้ว ตอนนี้สหายของเจ้ากำลังลำบาก เจ้าจะไม่ช่วยข้าหรือ”


 


 


“เจ้าไปขอให้หูหลีช่วยก็ได้”


 


 


“ไม่มีทาง! ข้าต้องการแค่เจ้า!”


 


 


ถ้าเป็นคนอื่น อวิ๋นลั่วเฟิงคงเดินหนีโดยไม่พูดอะไรแล้วแต่ว่า…


 


 


นางประทับใจหงหลวนมากและรู้สึกผูกพันกับนาง


 


 


“ก็ได้! ข้ายอมทำ!” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “แต่เจ้าต้องช่วยข้าอย่างหนึ่ง”


 


 


“ให้ช่วยอะไร ขอแค่เจ้าบอกมา ข้ายินดีช่วยเจ้าเต็มที่”


 


 


“ข้ากำลังตามหาใครคนหนึ่ง เขาชื่อว่าอวิ๋นเซียวและคนอื่นเรียกเขาว่าจักรพรรดิปีศาจ!”


 


 


คนของจวนเจ้าเมืองคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงต้องปฏิเสธคำขอไร้สาระของคุณหนูแน่ๆ แต่พวกเขาต้องแปลกใจที่นางตกลง…


 


 


หัวใจของพวกเขาสั่นยิ่งขึ้นเมื่อคิดว่าคุณหนูกลับไปพร้อมสตรีผู้นี้ พวกเขาได้แต่ภาวนาว่าท่านเจ้าเมืองจะไม่รู้เรื่องนี้ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกัน!


 


 


“เจ้าได้ยินหรือยัง” หงหลวนเลิกคิ้วแล้วหันไปหากลุ่มคนด้านหลังนาง “หาคนคนนั้น ห้ามกลับมาจนกว่าจะหาเขาเจอ”


 


 


“คุณหนู ท่าน…” ชายชราขมวดคิ้วถาม


 


 


“ข้ากลับด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องห่วงข้า!”


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าเยือกเย็นและเย่อหยิ่งของนาง ชายชราก็ได้แต่ยิ้มแหยแล้วสุดท้ายก็ออกไปกับคนจากจวนเจ้าเมือง


 


 


เมื่อพวกเขาจากไป หงหลวนก็สังเกตเห็นว่าหวังจวิ้นเฟยกำลังแอบหลบหนี…


 


 


“เจ้าคิดว่าตัวเองจะหนีไปได้หลังจากดูถูกสำนักศึกเมืองประจิมงั้นหรือ” หงหลวนเยาะเย้ย “เจ้าหวังลมๆ แล้งๆ อันใดกัน หูหลี จัดการเขา! ทำให้เขาจำได้ว่าข้าอยู่เบื้องหลังสำนักศึกษาเมืองประจิม!”


 


 


หูหลีเหมือนจะกลัวหงหลวนมากจึงไม่กล้าขัดคำสั่งนาง อีกอย่างเขาเองก็อดทนกับหวังจวิ้นเฟยมานานดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าไปจัดการหวังจวิ้นเฟยทันที เมื่อโดนตีจนหน้าดำหน้าเขียว หวังจวิ้นเฟยก็ส่งเสียงร้องโหยหวน…


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองหวังจวิ้นเฟยที่ร้องไห้ออกมาเสียงดังภายใต้กำปั้นของหูหลีแล้วหันมาหาหงหลวน


 


 


“เจ้าจะเริ่มเมื่อไหร่”


 


 


หงหลวนลูบคาง “ไปกันเถอะ ข้าจะไปหาชุดบุรุษมาให้เจ้า หลังจากนั้นพวกเราก็ไปจวนเจ้าเมืองกัน!”


 


 



 


 


บนถนนที่ผู้คนแออัดเสียงดัง


 


 


ภายในร้านเสื้อผ้า หงหลวนกำลังรอคอยอย่างกังวลอยู่หน้าประตู ไม่นานชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง แล้วดวงตานางก็ทอประกาย


 


 


ชายหนุ่มหล่อเหลาจนชวนตะลึง เมื่อรวมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก็ทำให้เขาก็ดูผ่อนคลายและร้ายกาจแต่ก็มีเสน่ห์เหลือเกิน


ตอนที่ 1326 อัจฉริยะหงหลวน (4)


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าในชุดบุรุษจะดูสมบูรณ์แบบขนาดนี้ โอ้ ถ้าเจ้าเป็นบุรุษ ข้าคงตกหลุมรักเจ้าแล้ว” หงหลวนเดินวนรอบอวิ๋นลั่วเฟิง ยิ่งมองมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น เหมือนที่นางพูดเมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ไม่มีสตรีคนไหนละสายตาจากนางได้


 


 


หูหลีเองก็ชะงักไปเหมือนกัน เขาไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงในชุดบุรุษจะหล่อเหลามีเสน่ห์ขนาดนี้ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลยที่ให้ทั้งใบหน้าสมบูรณ์แบบและพรสวรรค์ขนาดนี้แก่นาง! ช่างเป็นคนที่เป็นที่รักของดวงชะตาและพระเจ้าจริงๆ


 


 


เมื่อเห็นหงหลวนชะงักเพราะหน้าตาของนาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกยิ้มร้ายแล้วใช้นิ้วเชิดคางนางอย่างยั่วยวน “อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้านะหงหลวน”


 


 


หงหลวนพลันได้สติแล้วปัดมืออวิ๋นลั่วเฟิงออกก่อนมองนางตาขวาง “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นบุรุษจริงๆ หรือ เจ้ากล้าลวนลามข้าได้อย่างไร! ข้าได้ยินว่าเจ้าแต่งงานแล้วและสามีเจ้าก็ขึ้หึงเหลือเกิน ข้าไม่อยากทำให้ตัวเองลำบากจากการลวมลามภรรยาเขา”


 


 


พูดจบหงหลวนก็รีบหันไปแล้วตบแก้มร้อนของนางก่อนถอนหายใจอย่างแรง ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุรุษจริงๆ นางคงหลงไหลอวิ๋นลั่วเฟิงไปแล้ว แน่นอนว่าตราบใดที่นางลืมคนในใจนางได้…


 


 


“ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดแล้วบิดขี้เกียจ “ไม่ใช่ว่าเจ้ารีบไปจวนเจ้าเมืองหรอกหรือ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”


 


 


หงหลวนพยักหน้า “จวนเจ้าเมืองอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พวกเราสามารถไปถึงได้ภายในหนึ่งวัน อวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”


 


 


นี่คือคำสัญญาของนาง!


 


 


นางจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อรักษาสัญญานี้เอาไว้!


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิง” หูหลีเดินขึ้นมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง “ตอนที่เจ้ายังสวมชุดบุรุษอยู่ ข้าคิดว่าเจ้าไม่ยิ้มให้สตรีคนไหนเลยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นนายน้อยอวิ๋นเซียวคงต้องต่อสู้กับทั้งบุรุษและสตรี ข้าไม่คิดว่าเขาจะรับมือไหวนะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหงหลวนเป็นคนจิตแข็งไม่พองั้นหรือ”


 


 


ถ้าหงหลวนจิตไม่แข็งพอ นางไม่มีทางมาถึงจุดที่อยู่ตอนนี้ได้…


 


 


หูหลีพยักหน้าแล้วรีบตามอวิ๋นลั่วเฟิงไปยังจุดหมายปลายทาง


 


 



 


 


เมืองบูรพา


 


 


ภายในจวนเจ้าเมือง ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ดวงตาเขาเย็นชาและสีหน้ามืดครึ้ม “หลวนเอ๋อร์ยังไม่กลับมาอีกหรือ”


 


 


“เรียนท่านเจ้าเมือง คุณหนูกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับมาขอรับ นางจะมาถึงเร็วๆ นี้”


 


 


ทันทีที่เขาพูดจบก็มีร่างรีบเข้ามาในห้องโถงแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ “เรียนท่านเจ้าเมือง คุณหนู…กลับมาแล้วขอรับ”


 


 


“อะไรนะ”


 


 


เจ้าเมืองที่ตอนแรกสีหน้ามืดครึ้มก็รีบยืนขึ้นเมื่อได้ยิน ดวงตาเขาก็เป็นประกายดีใจเล็กน้อย แต่นาทีต่อมาก็กลับทำสีหน้าจริงจังอีกครั้ง


 


 


“ฮึ่ม ข้าจะถามนางว่าตลอดหลายปีนางไปอยู่ไหนมา นางลืมแล้วหรืออย่างไรว่าตัวเองมีบ้านให้กลับ”


 


 


ตอนนั้นเจ้าเมืองก็เตรียมตัวจะเดินตามคนออกจากห้องโถงแต่ก่อนที่เขาจะได้ยกเท้าขึ้นร่างสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา…


 


 


“ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หงหลวนพูดช้าๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าเมือง


 


 


เจ้าเมืองที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของนางเขาก็หน้าซีด…


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1327 สวะ (1)


 


 


“ท่านพ่อข้ากลับมาเพื่อบอกบางอย่าง” หงหลวนพูดจบก็จับมือชายหนุ่มที่ยืนข้างนางแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “นี่คือคนรักของข้า อวิ๋นลั่วเฟิง!”


 


 


ตอนแรกสายตาของเจ้าเมืองหยุดอยู่ที่บุตรสาวที่รักของเขา แต่เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันใบหน้าซีดเผือดไปมองชายหนุ่มที่ยืนข้างหงหลวน


 


 


ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวมีใบหน้าหล่อเหลาไร้ตำหนิ ดวงตาสีนิลลึกลับมีร่องรอยของยิ้มร้ายกาจอยู่ในนั้น เมื่อสบตากับเขา เจ้าเมืองก็จะรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไป


 


 


อันตราย! แน่นอนที่สุด!


 


 


ในสายตาของเจ้าเมือง อวิ๋นลั่วเฟิงหล่อเหลาแต่อันตราย ความร้ายกาจในตัวเขาไม่สามารถปิดบังได้และรอยยิ้มบนหน้าเขาก็ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม


 


 


ใบหน้าเจ้าเมืองมืดครึ้ม “หลวนเอ๋อร์ หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว! ข้าเลือกคู่หมั้นให้เจ้าแล้ว เจ้าต้องแต่งงานกับเขาไม่ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่”


 


 


“ท่านพ่อ” หงหลวนเยาะ “เหตุใดท่านจึงต้องการให้ข้าแต่งงานกับเขา เป็นเพราะเขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองอุดรหรือเจ้าคะ ท่านเคยคิดว่าข้าจะมีความสุขหรือไม่ถ้าข้าแต่งงานกับเขา”


 


 


เจ้าเมืองขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างหมดหนทาง “หลวนเอ๋อร์ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะมีความสุขหลังจากแต่งงานกับเขา อีกอย่าง ตอนเด็กๆ พวกเจ้าก็เข้ากันได้ดี แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าถึงต่อต้านไม่ยอมเป็นภรรยาเขา”


 


 


“ท่านพ่อพอเถอะ นอกจากอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วข้าไม่ต้องการแต่งงานกับบุรุษคนไหน!” หงหลวนพูดประโยคนี้จบก็จับมืออวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจจะออกไป


 


 


เจ้าเมืองโมโห “หลวนเอ๋อร์หยุดเดี๋ยวนี้!”


 


 


หงหลวนหยุด นางก้มหน้าเพื่อปกปิดความแน่วแน่เย็นชาในดวงตานาง


 


 


“นายน้อยอวิ๋น” เจ้าเมืองมองหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หลวนเอ๋อร์เป็นทายาทของจวนเจ้าเมืองและนางก็ถูกกำหนดให้แต่งงานกับคนที่มีสถานะเท่าเทียมกันกับนาง! ด้วยใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าคงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้สตรีตกหลุมรัก เช่นนั้นแล้วเหตุใดเจ้าต้องมายุ่งกับบุตรสาวข้า”


 


 


เขาจะสื่อว่าอวิ๋นลั่วเฟิงใช้หน้าตาทำให้หงหลวนสับสน


 


 


ดวงตาของหงหลวนลุกโชนด้วยความโกรธ แต่ในตอนที่นางกำลังจะปฏิเสธ ชายหหนุ่มข้างตัวนางก็จับมือนางแล้วลูบแขนนางอย่างอ่อนโยน


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงใช้ดวงตาสีนิลร้ายกาจของนางหันกลับไปมองเจ้าเมืองที่หน้ากลายเป็นสีน้ำเงินจากความโกรธ “ไม่มีใครบังคับให้หงหลวนแต่งงานกับคนที่นางไม่ได้รักได้ทั้งนั้น!” เสียงของชายหนุ่มทั้งทรงพลังและวางอำนาจ พูดจบนางก็จับแขนหงหลวนแล้วเดินออกจากห้องโถงไปช้าๆ ท่ามกลางสายตาแปลกใจของทุกคน


 


 


จวนเจ้าเมืองมีทิวทัศน์ที่งดงาม อวิ๋นลั่วเฟิงจับแขนหงหลวนแล้วเดินไม่หยุดจนกระทั่งมาถึงทางเดินสวนหลังจวน


 


 


หงหลวนชื่นชมความสมบูรณ์แบบของอวิ๋นลั่วเฟิง นางพูดจากจริงใจว่า “อวิ๋นลั่วเฟิง ขอบคุณ ถ้าเจ้าป็นบุรุษจริงๆ ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าแน่นอน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ถึงแม้ข้าจะเป็นบุรุษ ผู้ที่ข้าจะแต่งงานด้วยก็คืออวิ๋นเซียว!”


 


 


ในตอนนี้ที่นางเป็นสตรี นางแต่งงานกับอวิ๋นเซียว หรือต่อให้เป็นบุรุษ นางก็ยังจะแต่งงานกับอวิ๋นเซียว!


 


 


ชั่วชีวิตนาง นางจะแต่งงานกับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คืออวิ๋นเซียว!


 


 


“คิกๆ!” หงหลวนอดหัวเราะไม่ได้ ดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์ “ข้าอิจฉาเจ้ากับสามีจริงๆ สิ่งที่ข้าต้องการมีแค่การมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวแล้วใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นนอกจากข้าและสามี ข้ายอมไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต”


 


 


นางไม่เคยทิ้งหลักการนี้เพื่อใคร!


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของหงหลวน อวิ๋นลั่วเฟิงก็ตั้งใจจะพูดบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็มีเสียงร่าเริงก็ดังมาจากข้างหน้า


ตอนที่ 1328 สวะ (2)


 


 


“หลวนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ”


 


 


ทันใดนั้นหงหลวนก็ตัวแข็งทื่อ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจับแขนอวิ๋นลั่วเฟิง นางแย้มยิ้มเต็มใบหน้าแล้วมองบุรุษที่เดินเข้ามาหานาง


 


 


“ไม่ได้เจอกันนานนะหลิงเฉิน”


 


 


เสียงนั้นมาจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวสะอาดสะอ้านผู้หนึ่ง เขามีกลิ่นอายของชนชั้นสูง ในมือของเขาถือพัดไว้ ช่างเป็นบุรุษที่มีความงามเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจริงๆ


 


 


“หงหลวน เขาคือ…” หลิงเฉินหันมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่พอใจชัดเจน


 


 


หงหลวนยิ้ม ทว่ารอยยิ้มของนางกลับไร้อารมณ์ อวิ๋นลั่วเฟิงสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่มือของหงหลวน


 


 


“คนรักของข้า อวิ๋นลั่วเฟิง”


 


 


ได้ยินคำพูดของหงหลวน ใบหน้าหล่อเหลาของหลิงเฉินก็มืดลง “หลวนเอ๋อร์ อย่าลืมว่าข้าคือคู่หมั้นของเจ้า!”


 


 


“คู่หมั้น?” หงหลวนยิ้มเยาะ “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีสตรีที่รักอยู่แล้วหรอกหรือ ในเมื่อเจ้ารักนางมาก เจ้าก็ควรรับผิดชอบนาง เหตุใดยังต้องการแต่งงานกับข้า”


 


 


หลิงเฉินหน้าบึ้ง เขาดูเหมือนกำลังคิดถึงสตรีที่ตนลุ่มหลงอยู่ แล้วประกายหมดหนทางก็พาดผ่านดวงตาเขา


 


 


“หลวนเอ๋อร์ การแต่งงานของเราเป็นการตัดสินใจของท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ากับข้าซึ่งยกเลิกไม่ได้ แต่ท่านพ่อข้าสัญญาว่าจะยอมให้ชูเอ๋อร์เป็นอนุ ส่วนเจ้าก็เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของข้า! หลวนเอ๋อร์ ข้าขอโทษ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจข้า”


 


 


หงหลวนเยาะเย้ย “เจ้าไม่คิดว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้จะทำให้สตรีที่เจ้ารักเจ็บปวดหรือ”


 


 


“ไม่ หลวนเอ๋อร์ เจ้าไม่เข้าใจชูเอ๋อร์ นางเป็นเด็กสาวที่ดีและนางยอมให้ข้าแต่งงานกับเจ้าเพื่อไม่ให้ข้าเกิดปัญหา ข้าแต่งนางเป็นอนุก่อนแต่งงานกับเจ้าเพราะรู้สึกเห็นใจนาง ข้ามาขอแต่งงานกับเจ้าก็เพราะนางให้อภัยข้าแล้ว”


 


 


คุณชายหลิงเฉินรีบอธิบายเพราะกลัวว่าหงหลวนจะปฏิเสธ


 


 


ถ้านางปฎิเสธ…


 


 


บิดาเขาไม่มีทางยอมให้เขาแต่งงานกับชูเอ๋อร์!


 


 


ดวงตาของหงหลวนยิ่งเย็นชามากขึ้น “เจ้าเห็นใจเซี่ยชูแล้วไม่เห็นใจข้าบ้างหรือ”


 


 


“ทำไมล่ะ หลวนเอ๋อร์ เจ้าจะเป็นภรรยาข้า ส่วนนางเป็นแค่อนุ ตำแหน่งนางอยู่ต่ำกว่าเจ้า ดังนั้นข้าเลยเห็นใจนาง ส่วนเจ้า ข้าก็มอบตำแหน่งที่สำคัญที่สุดให้แล้ว ข้าไม่คิดว่าตัวเองติดค้างอะไรเจ้า!”


 


 


“ไสหัวไป!”


 


 


หัวใจนางเต็มไปด้วยความเดือดดาล “ออกไปจากที่นี่! ข้าไม่มีทางแต่งงานกับสวะอย่างเจ้า!”


 


 


“หลวนเอ๋อร์!”


 


 


หลิงเฉินห่อเ**่ยว เขาตั้งใจจะเดินมาจับหงหลวน แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอย่างนั้นเขาก็ถูกขวางไว้โดยร่างสีขาวราวหิมะ


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจับมือหลิงเฉินแน่น แล้วดวงตาร้ายกาจของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชา “หงหลวนเป็นคนรักของข้า ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนาง ข้าจะกระชากแขนเจ้าให้หลุดในคราเดียว!”


 


 


หลิงเฉินหน้าตึง “นี่ หลวนเอ๋อร์ไม่ใช่สตรีที่เจ้าสมควรได้ ถ้าเจ้าไม่อยากตาย…”


 


 


ปัง!


 


 


ก่อนที่เขาจะพูดจบ หงหลวนก็พุงเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวแล้วเตะเข้าที่อกเขาอย่างแรงจนเขาลอยออกไป


 


 


“หลิงเฉิน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก! ข้าหวังว่าตัวเองจะไม่เคยรู้จักเจ้า ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้า!” หงหลวนจ้องหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “อีกอย่าง ถ้าเจ้ากล้าดูถูกอวิ๋นลั่วเฟิงอีกครั้ง ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!


 


 


หลิงเฉินยืนนิ่งอย่างแปลกใจ เขารู้จักหงหลวนมาหลายปี และนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางโจมตีเขาเพื่อปกป้องคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…


 


 


หงหลวนเรียกไอ้แมงดานี้ว่าคนรัก!


 


 


นางนอกใจเขา!


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1329 สวะ (3)


 


 


“หลวนเอ๋อร์” หลิงเฉินกระเด้งตัวขึ้นมายืนแล้วถามหงหลวนพร้อมชี้นิ้วไปที่อวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าเย็นชาใส่ข้าเพราะไอ้แมงดานี่งั้นหรือ เจ้าไม่เคยทำกับข้าแบบนี้มาก่อน! สิบปีก่อนเจ้าบอกว่าเจ้าจะแต่งงานกับข้า!”


 


 


แมงดา?


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา ประกายอันตรายพาดผ่านดวงตานาง


 


 


“หลิงเฉิน” ใบหน้าหงหลวนเย็นชาขึ้น นางจ้องใบหน้าหล่อเหลาของแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ใช่ ข้าต้องการแต่งงานกับเจ้า แต่นั่นมันก็เมื่อสิบปีที่แล้ว! เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้าเพราะอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ ไม่ เป็นเจ้าต่างหาก ที่จริงแล้วเจ้าทรยศข้า!”


 


 


ความโกรธพุ่งขึ้นในตัวหลิงเฉิน “หลวนเอ๋อร์ ข้าเป็นบุรุษ! ไม่มีบุรุษคนไหนมีสตรีเพียงคนเดียว! แต่สตรีต่างออกไป สตรีต้องซื่อสัตย์ต่อสามีจนกว่าจะตาย เจ้าไม่เข้าใจหรือ”


 


 


“เหตุใดบุรุษถึงมีสตรีมากกว่าหนึ่งคนได้ขณะที่สตรีต้องซื่อสัตย์ต่อบุรุษเพียงคนเดียว ข้า หงหลวน จะไม่อ่อนข้อให้กับหลักการของตัวเอง ถ้าสามีไม่สามารถซื่อสัตย์กับข้าเพียงผู้เดียวได้ ข้าจะไม่แต่งงานกับเขา!”


 


 


ถูกต้อง! แม้ครั้งหนึ่งนางจะเคยรักหลิงเฉิน แต่หลังจากเขาตกหลุมรักสตรีอื่น นางก็หลบซ่อนความรักไว้ในใจไว้ลึกมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเลือกทางที่ฉลาด ตอนที่นางยังเด็ก นางไม่เคยรู้ว่าหลิงเฉินเป็นเศษสวะน่ารังเกียจขนาดนี้!


 


 


“ไม่มีบุรุษคนไหนมีสตรีเพียงคนเดียวงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยกยิ้มร้าย “นั่นก็เป็นแค่ข้ออ้างของบุรุษต่อตัณหาของตัวเองเท่านั้น บุรุษที่ควบคุมความต้องการทางเพศของตัวเองไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร หงหลวน บุรุษแบบนี้ไม่เหมาะสมกับเจ้าหรอก”


 


 


หงหลวนส่งสายตาเย็นเยียบไปให้หลิงเฉิน “อย่ามายุ่งกับข้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้า!”


 


 


“หลวนเอ๋อร์!”


 


 


เมื่อเห็นว่าหงหลวนและอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะหันหลังจากไป หลิงเฉินก็ร้องออกมาอย่างหวาดวิตก ตั้งแต่ตอนยังเด็ก เขาก็ไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าหงหลวน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าหาเรื่องนาง อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย


 


 


ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กดความโมโหเอาไว้ในใจแล้วมองร่างของพวกนางที่กำลังหายไปอย่างกังวล…


 


 


ตอนนั้นเอง เขาก็คิดถึงวันเก่าๆ ที่เขาใช้ร่วมกับหงหลวน ขณะเดียวกันรอยยิ้มงดงามของสตรีที่เขารักก็โผล่ขึ้นมาในความคิด ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขามองไปที่แผ่นหลังของหงหลวนที่ห่างออกไป หัวใจเขาก็เจ็บปวด…


 


 


“นายน้อย” คนรับใช้รีบเข้ามาหา


 


 


หลิงเฉินขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”


 


 


“แม่นางเซี่ยอาการกำเริบขอรับ”


 


 


“อะไรนะ”


 


 


สีหน้าของหลิงเฉินเปลี่ยนไปทันทีเขาลืมเรื่องของหงหลวนไปทันทีดวงตาเขาแสดงความวิตกกังวล “พวกเรารีบกลับไปที่จวนกันเถอะ!”


 


 


หลายปีที่ผ่านมา เจ้าเมืองบูรพาและเมืองอุดรมีแนวโน้มจะเกี่ยวดองกันจากการแต่งงาน ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างจวนภายในเมืองบูรพาเพื่อกระชับความสัมพันธ์กัน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงเฉินจะหลงรักชาวบ้านธรรมดาและหงหลวนจะโกรธที่โดนเขาทรยศของจนปฏิเสธการแต่งงานแล้วหนีออกจากบ้าน


 


 


ตอนนั้นเองทันทีที่หลิงเฉินเข้ามาในจวนเขาก็ได้ยินเสียงไอ เสียงนี้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดเขารีบเปิดประตูเข้าไป “ชูเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


“แค่ก!”


 


 


เมื่อได้ยินเสียงเขา สตรีบนเตียงก็เงยหน้าแล้วเผยยิ้มอ่อนแรงบนใบหน้าบอบบางและงดงามของนาง “นายน้อยหลิง ท่านกลับมาทำไมเจ้าคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่านต้องไปหาคุณหนูหงหลวนแล้วปรับความเข้าใจกัน ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้าเจ้าค่ะ”


 


 


สตรีผู้นี้เทียบเรื่องความสง่างามกับหงหลวนไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับความทรงอำนาจและเอาแต่ใจของหงหลวน สตรีบอบบางแบบนางเป็นสตรีที่บุรุษส่วนใหญ่ตกหลุมรัก


ตอนที่ 1330 สวะ (4)


 


 


ไม่แปลกที่หงหลวนจะหลงใหลนาง


 


 


“เจ้าสำคัญกว่าหงหลวน” หลิงเฉินรีบเข้าไปหาเซี่ยชูแล้วจับไหล่บอบบางของนาง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพ่อบอกว่าข้าจะแต่งกับเจ้าไม่ได้ถ้าข้าไม่แต่งงานกับหงหลวน ข้าไม่มีทางแต่งงานกับนาง นางเป็นสตรีอารมณ์ร้าย ไม่มีอะไรเทียบได้กับคนที่มอบความรักความเอาใจใส่ให้คนอื่นแบบเจ้า”


 


 


เซี่ยชูฝังศีรษะไว้ในแขนของหลิงเฉิน ใบหน้านางทั้งบอบบางซีดขาว “นายน้อยหลิง เป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้า ท่านกับคุณหนูหงหลวนก็คงแต่งงานกันไปแล้ว หากคุณหนูหงหลวนไม่ต้องการให้ข้าอยู่ ข้าก็ยินดีจากไป ตราบใดที่ท่านสบายดี ข้ายินดีทำทุกอย่างเจ้าค่ะ”


 


 


หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า น้ำเสียงของนางอ่อนโยนและนุ่มนวลจนทำให้ไม่มีบุรุษคนไหนต้านท่านเสน่ห์ของนางได้


 


 


“เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้า ข้าแค่รู้สึกเสียใจที่เจ้าเป็นได้แค่อนุเท่านั้น!” หลิงเฉินโอบกอดไหล่ของเซี่ยชู “ในชีวิตข้า เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ข้าเห็นใจ”


 


 


เซี่ยชูส่ายหน้า “ไม่ คนที่ท่านต้องรู้สึกเห็นใจคือคุณหนูหงหลวนนะเจ้าคะ”


 


 


“นาง?” หลิงเฉินเยาะเย้ย “แค่นางได้เป็นภรรยาข้าก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ ข้ายังต้องมีนางเป็นคนรักเพียงคนเดียวอีกหรือ น่าขำ! แล้วนางก็ได้แมงดากลับมาด้วยหลังจากหนีออกจากบ้าน!”


 


 


“อะไรนะเจ้าคะ” เซี่ยชูยกมือปิดปากด้วยความตกใจ “คุณหนูหงหลวนทรยศท่านหรือเจ้าคะ นาง…นางกล้าทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้อย่างไร สตรีควรซื่อสัตย์กับสามีและไม่ควรทรยศเขาจนกว่าจะตาย!”


 


 


พูดจบเซี่ยชูก็กล่าวคำสาบาน “นายน้อยเฉินเจ้าคะ ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางนอกใจท่านเด็ดขาด! โชคไม่ดีที่ครอบครัวไม่มีอำนาจพอ ดังนั้นข้าเลยเป็นภรรยาท่านไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะเติมเต็มหน้าที่ของภรรยาและดูแลครอบครัวอย่างดีและจะเลือกอนุที่เหมาะสมให้ท่านด้วย!”


 


 


นางต้องการจะสื่อว่าหงหลวนไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาได้เพราะไม่ยอมให้หลิงเฉินรับอนุ ในฐานะภรรยา ไม่ใช่ว่านางควรช่วยสามีเลือกอนุและดูแลจัดการครอบครัวให้ดีหรอกหรือ


 


 


ถึงแม้หงหลานจะเป็นทายาทของจวนเจ้าเมือง แม้นางจะไม่ได้ไปเมืองอุดรแต่ต้องอยู่สืบทอดเมืองบูรพาหลังจากแต่งงานกับหลิงเฉิน… นางก็ไม่มีสิทธิ์หยุดไม่ให้หลิงเฉินรับอนุ!


 


 


ภรรยาต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดี ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นภรรยา!


 


 


“ถ้าหงหลวนเข้าใจได้อย่างเจ้า ข้าก็คงไม่ต้องกังวลขนาดนี้” หลิงเฉินถอนหายใจอย่างหมดหนทาง


 


 


“นายน้อยหลิงเจ้าคะ คุณหนูหงหลวนต้องกลัวว่าข้าจะแย่งตำแหน่งมาจากนาง ดังนั้นนางเลยทำตัวแบบนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับนางแล้วอธิบายทุกอย่างเอง ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ” เซี่ยชูพูดอย่างนุ่มนวลขณะจับมือหลิงเฉิน


 


 


หลิงเฉินหยุด “ชูเอ๋อร์ เจ้ายังไม่หายดี เจ้าไม่ควร…”


 


 


“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ชีวิตข้าถูกท่านช่วยเอาไว้ ดังนั้นหน้าที่ข้าคือไปอธิบายเรื่องนี้แม้ข้าจะยังป่วยอยู่ก็ตาม!” เซี่ยชูมองหลิงเฉินอย่างรักใคร่ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดของนาง


 


 


บุรุษทุกคนล้วนรู้สึกดีกับสตรีที่เข้าใจและหลงใหลรักใคร่ตัวเองเหมือนอย่างเซี่ยชู


 


 


หลิงเฉินรู้สึกลึกซึ้ง “ชูเอ๋อร์ เจ้าทำเพื่อข้ามากมายเหลือเกิน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”


 


 


“สัญญาเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้วเจ้าค่ะ” เซี่ยชูยกมือขึ้นโอบคอหลิงเฉินแล้วยื่นริมฝีปากนุ่มและอุ่นลงบนริมฝีปากเขา…


 


 


ภายในห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศมัวเมาและร่างของทั้งคู่ก็รวมเป็นหนึ่ง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1331 แกล้งป่วย (1)


 


 


ภายในเหลา


 


 


ทันทีที่หงหลวนเข้ามาเสี่ยวเอ้อร์ [1] ก็ออกมาต้อนรับอย่างเคารพทันที “คุณหนูหงหลวน ยินดีต้อนรับขอรับ!”


 


 


“ตอนข้าไม่อยู่ มีใครใช้ห้องข้าหรือไม่” หงหลวนเหลือบมองเสี่ยวเอ้อร์แล้วถาม


 


 


“เอ่อ…” เสี่ยวเอ้อร์ปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วมองหงหลวนอย่างระมัดระวัง “คุณหนูหงหลวน ตอนที่ท่านไม่อยู่ มีครั้งหนึ่งนายน้อยหลิงเฉินมาที่นี่พร้อมเด็กสาวคนหนึ่งขอรับ ข้าน้อยไม่กล้าหยุดนายน้อยหลิงเฉินก็เลย…”


 


 


หลิงเฉิน?


 


 


กับเด็กสาวคนหนึ่งงั้นหรือ


 


 


ประกายเย็นเยือกrาดผ่านดวงตาหงหลวน นางพูดอย่างวางอำนาจว่า “ข้าไม่ต้องการให้ใครแตะต้องของของข้า! โยนโต๊ะกับเก้าอี้ในห้องนั้นทิ้งไปเดี๋ยวนี้แล้วเปลี่ยนชุดใหม่เข้ามาแทน ข้าให้เวลาเจ้าแค่หนึ่งเค่อ [2] อย่าให้สหายข้าต้องรอนาน!”


 


 


เสี่ยวเอ้อร์รีบพยักหน้า เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวเดินตามหงหลวนมาอย่างใกล้ชิด เขาก็ตะลึงในความหล่อเหลาของชายหนุ่ม หลายปีมานี้เขาเคยเจอผู้คนมามากแต่เขาไม่เคยเจอชายหนุ่มที่ดูดีขนาดนี้ เขางดงามยิ่งกว่าสตรีเสียอีก


 


 


“ถ้าเจ้ามองเขาอีกครั้งเดียว ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา!” เมื่อหงหลวนเห็นเสี่ยวเอ้อร์จ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง นางก็ตะคอกเสียงดัง “อีกอย่างในเมื่อข้าจองห้องในเหลาอย่างถาวร ถึงแม้ข้าจะไม่อยู่ ใครก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ห้องของข้า ถ้าเจ้ายังกล้าปล่อยให้ใครมาใช้อีก ข้าจะปิดเหลาเจ้า! อวิ๋นลั่วเฟิงไปกันเถอะ”


 


 


หงหลวนจับมืออวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเดินนำขึ้นไปยังชั้นสอง อวิ๋นลั่วเฟิงยกยิ้มร้าย นางไม่ได้สะบัดมือของหงหลวนออกแต่ยอมให้นางดึงตัวเองขึ้นห้องไป


 


 


ปัง!


 


 


หงหลวนใช้เท้าถีบประตูห้องให้เปิด กวาดสายตามองห้องสะอาดและหรูหรา แล้วนางก็ขมวดคิ้ว ดวงตาลุกเป็นไฟ


 


 


“ดูเหมือนว่าข้าจะรอให้คนของเหลามาทำความสะอาดห้องไม่ได้ ข้าทนเห็นโต๊ะเก้าอี้พวกนี้ไม่ได้อีกต่อไป!”


 


 


ตูม!


 


 


หงหลวนปล่อยพลังมหาศาลจากแขนเสื้อเพื่อทำลายโต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมด นางตบมือแล้วหันไปยิ้มเสี่ยวเอ้อร์ที่รีบวิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงดัง “จำไว้ ตั้งแต่ข้าให้เงินเจ้าเพื่อจองห้องนี้ ห้องนี้ก็เป็นของข้า ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”


 


 


เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินคำพูดนางก็กลัวจนตัวสั่น ไม่นานกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก็รีบเข้ามาเอาโต๊ะและเก้าอี้ออกไปก่อนเปลี่ยนตัวใหม่เข้ามาห้อง


 


 


หงหลวนนั่งแล้วรินชาให้อวิ๋นลั่วเฟิง จากนั้นนางก็เลิกคิ้วมองอวิ๋นลั่วเฟิง “อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าคิดว่าข้าเผด็จการเกินไปหรือไม่”


 


 


“อวิ๋นลั่วเฟิงจิบชาแล้วค่อยๆ วางถ้วยชาลง “เผด็จการไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าคนบางคนไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของเจ้าก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาไม่ได้รักเจ้า! อีกอย่างเจ้าไมได้ทำอะไรผิด ในเมื่อเจ้าจ่ายเงินค่าห้องนี้ให้เขาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์อนุญาตให้คนอื่นใช้มัน เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด!”


 


 


หงหลวนหัวเราะ ดวงตามีแต่ความสุข “อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าคิดว่า…พวกเราน่าจะเป็นสหายที่ไว้วางใจกันได้นะ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา “ข้าก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตาม หงหลวนเจ้าช่วยข้าอีกอย่างได้หรือไม่”


 


 


“บอกมาก่อน ถ้าข้าช่วยได้ข้าก็จะช่วย”


 


 


“ผลไม้วิญญาณ! เจ้าช่วยข้าหาผลไม้วิญญาณแล้วก็…หาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่ติดตามข้ามา”


 


 


คนของหงหลวนจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่านาง


 


 


 


 


——


 


 


[1] เสี่ยวเอ้อร์ (小二 xiăo’ èr) บริกรในร้านอาหาร


 


 


[2] หนึ่งเค่อ ประมาณสิบห้านาที


ตอนที่ 1332 แกล้งป่วย (2)


 


 


เช่นนั้นแล้ว นางจึงเชื่อใจให้หงหลวนจัดการเรื่องนี้


 


 


หงหลวนกะพริบตา “นั่นไม่ใช่แค่เรื่องเดียวแต่เป็นสองเรื่อง ถ้าข้าช่วยเจ้าจัดการกับสองเรื่องนี้ ข้าจะได้อะไรตอบแทน


 


 


“ข้าจัดการเรื่องหลิงเฉินให้เจ้าเอง แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากมีปัญหากับเมืองอุดร ดังนั้นข้าจะขอให้เจ้าจัดการเเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”


 


 


นางช่วยหงหลวนจัดการหลิงเฉินได้ แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นนายน้อยจวนเจ้าเมืองอุดรอยู่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องหลังจากนี้หงหลวนต้องจัดการด้วยตัวเอง


 


 


“ตกลง!” หงหลวนใช้มือทุบโต๊ะอย่างแรง แต่นางไม่ได้ควบคุมกำลังตัวเองให้ดี โต๊ะตัวใหม่จึงถูกแบ่งครึ่งอีกครั้ง


 


 


สีหน้าของหงหลวนดูกระอักกระอ่วน “เอ่อ…ข้าบังเอิญใช้แรงเยอะไปหน่อย ข้าจะให้คนเอาโต๊ะมาใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน ที่สำคัญเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าเมืองอุดรจะสร้างปัญหาให้เจ้า! ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้า หงหลวน ว่าที่เจ้าเมืองบูรพาในอนาคต ถึงแม้พวกเขาจะมีความกล้ามากพอแต่ก็ไม่กล้าแตะต้องคนที่ข้าปกป้องหรอก”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ที่บิดาเจ้าต้องการให้เจ้าแต่งกับหลิงเฉินไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าเมืองบูรพาจะตกอยู่ในมือเมืองอุดรหรือ”


 


 


“มิใช่” หงหลวนส่ายหน้า “การแต่งงานกับหลิงเฉินก็เป็นแค่พิธีเท่านั้น ถึงแม้ข้าจะแต่งออกไป อนาคตข้าก็ไม่ยอมตามเขาไปที่เมืองอุดรอยู่ดี! แต่สถานการณ์ของแผ่นดิตอนนี้ไม่ค่อยมั่นคง ท่านพ่อจึงสร้างสัญญาแต่งงานให้ข้าเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้นมั่นคง”


 


 


หนึ่งคนคืออนาคตเจ้าเมืองบูรพา ส่วนอีกคนเป็นทายาทเจ้าเมืองอุดร เมื่อพวกเขามีสายสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานก็จะทำให้ทั้งสองเมืองผูกพันกันแน่นแฟ้นมากขึ้น


 


 


หลังจากหงหลวนอธิบายเสร็จ นางก็ส่งเสียงขึ้นจมูกอีกครั้ง “ท่านพ่อข้ายิ่งอายุมากก็ยิ่งความคิดไม่ดี แล้วยังคิดว่าการแต่งงานจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ข้าไม่ต้องพึ่งการแต่งงานเพื่อมีตัวช่วย แค่ความแข็งแกร่งของข้าก็สามารถทำให้เมืองบูรพาอยู่ยืนยงถึงพันปี!


 


 


ตอนที่หญิงสาวพูด บริเวณหว่างคิ้วของนางก็แสดงให้เห็นความเกรี้ยวกราดที่ปล่อยออกมาได้ชัดเจนแล้วเสียงจากใจนางก็ดังก้องไปทั่วห้องอย่างยาวนาน!


 


 


“คุณหนูหงหลวน”


 


 


เสี่ยวเอ้อร์เดินผ่านประตูแล้วพูดอย่างเคารพว่า “สตรีที่มาที่เหลากับนายน้อยหลิงเฉินแจ้งว่าต้องการพบท่านขอรับ”


 


 


หงหลวนมองด้วยสายตาว่างเปล่า “เซี่ยชู? นางมาทำไม ให้นางเข้ามา”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจิบชาแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่านางเป็นคนอย่างไร”


 


 


“ข้าไม่แน่ใจ” หงหลวนส่ายหน้า “ข้าเคยเจอนางแค่ไม่กี่ครั้ง แล้วข้าก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเซี่ยชู ความผิดทั้งหมดเป็นของคนไร้ค่าอย่างหลิงเฉิน! นางเป็นแค่เหยื่อเท่านั้น!”


 


 


คนที่นางเกลียดชังมีแค่คนเดียวคือหลิงเฉิน!


 


 


แม้เซี่ยชูจะได้หัวใจของหลิงเฉิน หงหลวนก็ไม่ได้เกลียดนางเพราะว่าหงหลวนเชื่อว่านางเป็นคนที่น่าสงสารมาตั้งแต่แรก! ผ่านไปสักพัก เสี่ยวเอ้อร์ก็เดินนำหญิงสาวเข้ามา


 


 


หญิงสาวสวมชุดสีเขียวมีสายคาดสีม่วงพันอยู่ตรงบริเวณเอว เส้นผมสีดำของนางปลิวไปตามลมขณะก้าวเดินท่าทางของดูสง่างาม หลังจากก้าวเข้ามาในห้อง นางก็เงยหน้า ตอนนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็เห็นหน้าตานางได้ชัดเจน


 


 


ถึงแม้ว่านางจะดูงดงามแต่นางก็เทียบไม่ได้กับลักษณะสง่างามน่าดึงดูดของหงหลวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความนุ่มนวลและงดงามของนางสามารถทำให้บุรุษมากมายหลงใหล ดวงตางามของนางมีน้ำตาคลอและสีหน้าอ่อนโยนของนางก็ดีซีดเซียว สีหน้าน่าสงสารของนางยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเห็นใจนางมากขึ้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1333 แกล้งป่วย (3)


 


 


แต่อวิ๋นลั่วเฟิงเคยเจอสตรีที่ทำให้คนอื่นเพิ่มความเห็นใจให้ตัวเองมามาก เทียบกับสตรีแบบนี้แล้ว นางสนใจสตรีเผด็จการแบบหงหลวนมากกว่า อย่างน้อยหงหลวนก็เป็นตัวของตัวเองและไม่เคยใช้ท่าทางน่าสงสารเพื่อดึงดูดความสนใจของคนอื่น


 


 


ตุบ!


 


 


เซี่ยชูไม่มีพูดพร่ำทำเพลงใดๆ นางคุกเข่าตรงหน้าหงหลวน ดวงตามีน้ำตาคลอขณะที่เอ่ยอ้อนวอน “คุณหนูหงหลวน ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ ข้าไม่ควรแย่งนายน้อยหลิงเฉินมาจากท่าน ที่จริงแล้วคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยก็คือท่าน ดังนั้นช่วยให้โอกาสเขาสักครั้ง ข้าข้อร้องนะเจ้าคะ!”


 


 


ขณะนั้นก็มีลูกค้าเดินไปเดินมาบริเวณเหลา หลังจากพวกเขาได้ยินคำพูดของเซี่ยชู พวกเขาก็อดหยุดสอดส่องสายตามาดูฉากที่เกิดขึ้นไม่ได้


 


 


สีหน้าของหงหลวนค่อยๆ เปลี่ยนเย็นชา “พูดก็พูดเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าเคยสงสารเจ้าเพราะเจ้าก็เป็นแค่เหยื่อของหลิงเฉิน เขาไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้… แต่ตอนนี้ข้าคงไม่สงสารเจ้าอีกแล้ว เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าคนน่าสงสารจะต้องมีบางอย่างที่ทำให้คนอื่นดูถูกหรอกหรือ!”


 


 


เซี่ยชูมองอย่างไร้จุดหมาย นางกัดริมฝีปากแแน่น “คุณหนูหงเหลียนเจ้าคะ ในใจของนายน้อยหลิงเฉินยังมีท่านอยู่ หากท่านไม่ต้องการเห็นข้า ข้าก็จะหายไปและไม่มาให้นายน้อยหลิงเฉินเห็นหน้าอีก ข้าขอร้องให้ท่านแค่ให้โอกาสเขา…”


 


 


หงหลวนหรี่ตาดวงตางดงามของนางที่ค่อยๆ ลุกโชนด้วยความเพลิงโทสะ แต่ตอนที่นางกำลังจะปลดปล่อยความเกรี้ยวกราด จู่ๆ ก็มีมือวางบนแผ่นหลัง และเสียงทรงเสน่ห์ก็ดังขึ้นข้างใบหูนาง


 


 


“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะจัดการคนทั้งคู่ให้เจ้า!”


 


 


หงหลวนสับสน แต่เมื่อมองหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง นางก็ตัดสินใจยอมถอย


 


 


เซี่ยชูเงยหน้าขึ้น สายตาค่อยๆ เพ่งไปที่ชายหนุ่มใบหล่อเหลา ทันใดนั้นหัวใจนางก็เริ่มเต้นอย่างรวดเร็ว แก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก


 


 


ไม่แปลกใจเลยที่หงหลวนจะดูถูกและทำตัวรังเกียจหลิงเฉิน กลายเป็นว่านางยั่วยวนชายหนุ่มที่หล่อเหลาเอาการมากๆ คนนี้แทน น่าเสียเดียที่ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้เลือกเคียงอยู่ข้างจิ้งจอกอย่างหงหลวน…


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ แล้วยกยิ้มเสแสร้งขณะมองไปที่เซี่ยชูที่ยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น “การที่เจ้ามาขอให้หงหลวนแต่งงานกับหลิงเฉินเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวหรือเพื่อหลิงเฉินจริงๆ”


 


 


สายตาของเซี่ยชูทั้งจริงจังและจริงใจ “ทุกอย่างที่ข้าทำก็เพื่อนายน้อยหลิงเฉินเจ้าค่ะ ตราบใดที่คุณหนูหงหลวนยินดีแต่งงานกับเขา ข้าจะไปจากที่นี่โดยไม่ขออะไรและในอนาคตก็จะไม่มาเจอเขาอีก!”


 


 


“ตกลง เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไปจากที่นี่ซะและในอนาคตก็ห้ามมาพบเขาอีก” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าและพูดทั้งหมดอย่างจริงจัง


 


 


สีหน้าของเซี่ยชูเปลี่ยนไปทันที นางกำมือแน่นเพื่ออดกลั้นความโกรธภายในใจจากความอยุติธรรมนี้


 


 


นี่เป็นเรื่องปกติหรือ?


 


 


เพียงเพราะว่าพื้นเพนางเทียบไม่ได้กับหงหลวน นางก็เลยต้องทนทุกข์กับเสียใจแบบนี้งั้นหรือ หงหลวนก็แค่เกิดมาโชคดี ถ้าเซี่ยชูเป็นคุณหนูของจวนเจ้าเมืองบ้าง หงหลวนก็คงด้อยกว่านางทุกทาง!


 


 


“คุณชายเจ้าคะ ข้าต้องการไปจากนายน้อยหลิงเฉิน แต่ว่า…” เซี่ยชูคลายหมัดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตา “นายน้อยหลิงเฉินไม่ต้องการปล่อยข้าไป”


 


 


รอยยิ้มบนใบหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงยิ่งดูชั่วร้าย นางกวาดสายตามองทุกคนที่นี่ตอนนี้ “ทุกท่าน อย่างที่ทุกท่านได้ยินกัน นางเอาแต่พูดว่าหงหลวนไม่ยอมให้โอกาสหลิงเฉิน แต่ตอนนี้หงหลวนให้โอกาสแล้วทว่านางกลับปฏิเสธ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จะโทษว่าเป็นความผิดของหงหลวนไม่ได้”


 


 


เซี่ยชูก้มหน้าใบหน้าแสดงออกถึงความเกลียดชัง ที่ก่อนหน้านี้นางพูดแบบนั้นก็เพราะนางรู้ว่าหงหลวนเกลียดที่หลิงเฉินไม่บริสุทธิ์และต้องปฏิเสธคำขอของนางแน่ ตอนที่มาที่นี่ นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะขอร้องให้หงหลวนยอมรับหลิงเฉิน


 


 


นางแค่ต้องการให้หลิงเฉินรู้ความมุ่งมั่นของนาง ทีนี้หลิงเฉินก็จะแต่งงานกับนางโดยไม่ลังเลแม้เจ้าเมืองจะคัดค้านก็ตาม


ตอนที่ 1334 แกล้งป่วย (4)


 


 


แต่นางไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะยอมรับภายใต้นามของหงหลวน!


 


 


ฝูงชนรอบข้างมีปฏิกิริยากับคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วหันไปที่เซี่ยชูอย่างพร้อมเพรียงโดยทันที


 


 


“แม่นาง ด้วยพื้นเพเจ้า เจ้าไม่คู่ควรกับนายน้อยหลิงเฉินหรอก เหตุใดเจ้าไม่ถอยไปล่ะ”


 


 


“นั่นสิ สิ่งที่คุณชายน้อยน้อยท่านนี้พูดก็ถูกแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเองว่าเจ้าตั้งใจจะจากนายน้อยหลิงเฉินไป พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้เจ้าก็ได้โอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่เต็มใจไป”


 


 


“ชิชะ ก็เห็นอยู่ชัดๆ เจ้าจะถามทำไม แต่แรกนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะจากไป ก็แค่อยากสร้างเรื่องขึ้นมา สตรีแบบนี้จะเทียบกัวคุณหนูหงหลวนได้อย่างไร”


 


 


ถ้าที่นี่เป็นที่อื่น บางทีหลายคนอาจจะคิดว่าเซี่ยชูน่าสงสารแล้วยืนอยู่ข้างนาง แต่ที่นี่คือเมืองบูรพา!


 


 


ถึงแม้หงหลวนจะเป็นคนวางอำนาจไปหน่อยแต่นางก็เป็นคนที่ปกป้องพวกพ้องอย่างถึงที่สุด! ตราบใดที่พวกเขาเป็นชาวเมืองบูรพา นางก็ยินดีหยิบยื่นความช่วยเหลือเมื่อใครสักคนลำบาก! เพราะเหตุนี้นางถึงได้รับความรักและเคารพจากชาวเมืองทั่วไปในเมืองบูรพา


 


 


ดังนั้นการที่เซี่ยชูอยากชักนำความคิดของคนรอบข้างก็เป็นการเดินหมากที่ดี แต่นางทำผิดที่ไปหน่อย


 


 


“ทำไมล่ะ” เซี่ยชูยืนขึ้น สองขาโอนเอนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “แค่เพราะพื้นเพข้าแข็งแกร่งไม่พอ ข้าก็เลยต้องรับทนรับการวิจารณ์จากพวกเจ้าแล้วไม่มีสิทธิ์อยู่ร่วมกับคนรักงั้นหรือ อย่าบอกข้านะว่าการตกหลุมรักใครสักคนเป็นเรื่องผิด”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกอดอกแล้วชำเลืองมองเซี่ยชูด้วยหางตา “ประการแรก เจ้าเป็นคนบอกเองว่าเจ้าต้องการไปเอง ไม่มีใครบังคับเจ้าทั้งนั้น!”


 


 


“ประการที่สอง… ในเมื่อเจ้ากับหลิงเฉินรักกันลึกซึ้งขนาดนั้น เจ้าก็แค่อยู่กับเขา แต่ตอนนี้เจ้ากลับมารบกวนหงหลวน ไม่ใช่ว่าเจ้าทำตัวเองหรือ”


 


 


เซี่ยชูตัวสั่น “ข้า…ข้าแค่ต้องการช่วยนายน้อยหลิงเฉิน”


 


 


“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า ถ้าเจ้าสามารถนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ห้าวันห้าคืนบางทีข้าอาจจะลองคิดยกหงหลวนให้เขา!” อวิ๋นลั่วเฟิงดึงมือของหงหลวนแล้วเดินออกไป “ไปกันเถอะ บรรยากาศถูกใครบางคนทำลายไปแล้ว ข้าไม่มีอารมณ์จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว”


 


 


ตอนที่นางเดินผ่านเซี่ยชู นางก็หยุดฝีเท้าแล้วพูดเสียงต่ำ “ข้าจะไม่ยอมให้ใครก็ตามทำร้ายหงหลวน ดังนั้น…ถ้าเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็ไม่เกี่ยงที่จะสังหารเจ้า!”


 


 


หลังจากทิ้งคำพูดไว้ ชายหนุ่มชุดขาวก็เดินตัดผ่านฝูงชนและหายไปจากสายตาของเซี่ยชู


 


 



 


 


บนถนนพลุกพล่าน หงหลวนดิ้นหลุดออกจากมือของอวิ๋นลั่วเฟิง นางหยุดเดินแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “เรื่องเมื่อกี้…ขอบคุณมาก”


 


 


ถ้าเป็นตัวนาง หลังจากโดนเซี่ยชูยั่วยุ นางต้องลงไม้ลงมือแน่ แต่อวิ๋นลั่วเฟิงทำต่างออกไป! ถึงแม้นางจะไม่ได้ลงมือแต่นางก็ลบล้างคำพูดของเซี่ยชูได้และยังทำให้เซี่ยชูที่ตอนแรกอยู่ในจุดที่ได้ประโยชน์มากกว่าตกเป็นคนเสียประโยชน์ทันที!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหันมามองหญิงสาวชุดแดง “หงหลวน เพื่อที่ตัวเองจะได้ไปอยู่ในจวนเจ้าเมือง เซี่ยชูต้องนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นห้าวันห้าคือแน่นอน พอถึงตอนนั้นส่งคนไปจับตาดูนางเพื่อที่จะเตรียมตัวรอรับคำตำหนิจากหลิงเฉิน”


 


 


หงหลวนยิ้ม “ในอดีตข้าตกหลุมรักหลิงเฉิน แต่หลังจากนั้นก็รู้ว่าตัวเองเคยตาบอด คำพูดจากคนชั่วช้านั่นทำอะไรข้าไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่าง…”


 


 


นางหยุดไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “เจ้าทำถูกแล้ว! หลิงเฉินรักเซี่ยชูมาก แล้วถ้าข้าบังคับให้เซี่ยชูนั่งคุกเข่าอยู่ห้าวันห้าคืน เขาต้องรีบบินมาหาข้าอย่าเกรี้ยดกราดแน่นอน! และในอนาคตข้าก็จะได้หลุดพ้นจากการรังควานของเขาเสียที” หงหลวนถอนหายใจน้ำเสียงของนางดูอ่อนไหว


 


 


ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก พวกเขามาจบมาแตกหักกันถึงจุดนี้ได้อย่างไร


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1335 แกล้งป่วย (5)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนพูดว่า “หงหลวน วันนี้หลิงเฉินมาหาเจ้าแต่ก็รีบออกไปอย่างเร่งด่วน ข้าสอบถามและได้ยินข่าวลืมมาว่าโรคเก่าของเซี่ยชูกำเริบ ดังนั้นเขาก็เลยรีบออกไป แต่ข้าตรวจร่างกายของเซี่ยชูแล้ว สุขภาพนางอ่อนแอเพราะนางกินสมุนไพรชื่อดอกลัวฉัง”


 


 


“ดอกลัวฉัง?” หงหลวนงุนงง “ดอกลัวฉังคืออะไร”


 


 


“เป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง! หมายความว่านางตั้งใจกินดอกลัวฉังแล้วแกล้งป่วยเพื่อหลอกให้หลิงเฉินกลับไป! นอกจากสิ่งนี้ ร่างกายนางก็ปกติดีทุกอย่าง ข้าขอถามเจ้าว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่เจ้ากับหลิงเฉินพบกัน หลิงเฉินมักหาข้ออ้างเพื่อกลับหรือไม่”


 


 


หงหลวนเงียบไปนานก่อนพยักหน้า “อันที่จริงเมื่อสองสามปีก่อน หลิงเฉินบังเอิญช่วยเซี่ยชูไว้แล้วทั้งคู่ก็แอบพัฒนาความสัมพันธ์กัน จากนั้นเซี่ยชูก็ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน ตอนแรกหลิงเฉินตั้งใจจะรับนางเข้าเป็นอนุแต่เจ้าเมืองไม่อนุญาตจนเคยจับเขาขังไว้ในจวน ทำให้เซี่ยชูเศร้าเสียใจจนแท้ง ตั้งแต่นั้นมานางก็มีอาการอ่อนแรงเพราะเรื่องนี้ หลิงเฉินรู้สึกผิดต่อนางแล้วเชื่อมาตลอดว่าเขาเป็นคนทำร้ายนางเอง”


 


 


หลังจากพูดจบนางก็เงยหน้าสบตากับอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างจริงจัง “แต่ว่าเจ้าบอกว่าร่างกายนางไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้าพูดจริงหรือ”


 


 


“ข้ามั่นใจว่าร่างกายนางไม่มีอะไรผิดปกติเลย!”


 


 


คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้ใจของหงหลวนสั่นสะท้าน ความสงสารที่เคยมีให้เซี่ยชูเปลี่ยนไปสงสารหลิงเฉินแทนแล้ว


 


 


“กลายเป็นว่าหลิงเฉินเป็นแค่คนโง่ที่ถูกผู้หญิงคนนั้นหลอก! ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ เพราะรู้ว่าหลังจากที่ตัวเองเสียบุตรไปก็ไม่มีทางเข้าจวนเจ้าเมืองอุดรได้อีก นางเลยแกล้งป่วยเพื่อให้หลิงเฉินรู้สึกผิดต่อนาง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคาง “หงหลวน ดอกลัวฉังไม่ใช่สมุนไพรหายากอะไร ไม่มีแพทย์คนไหนในจวนเจ้าเมืองตรวจนางบ้างหรือ”


 


 


หงหลวนส่ายหน้า “ตอนนั้นหลิงเฉินรู้สึกผิดมากและต้องการให้แพทย์ของจวนเจ้าเมืองไปตรวจร่างกายนางแต่นางปฏิเสธ นางน่าจะบอกว่าตัวเองมีฐานะต่ำต้อย ไม่สมควรให้แพทย์ชั้นสูงเหล่านั้นมาตรวจร่างกายตัวเอง แล้วถ้านางพึ่งพาอิทธิพลของจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองต้องต่อต้านนางไม่ให้เข้าตระกูลแน่! สุดท้ายหลิงเฉินก็รู้สึกอ่อนไหวและอยากจะโอบกอดความรักที่เซี่ยชูมอบให้เขาอย่างแนบแน่น”


 


 


“ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทำไมหลิงเฉินถึงไม่เลือกเจ้า” อวิ๋นลั่วเฟิงกระพริบตา “เพราะเจ้าไม่เคยทำตัวน่าสงสารเหมือนเซี่ยชูและไม่เคยเลือกใช้คำพูดที่คนอื่นอยากฟัง แต่วันหนึ่งต้องมีใครสักคนรักนิสัยเปิดเผยจริงใจของเจ้าปรากฏตัวขึ้นแน่”


 


 


เพราะนิสัยเปิดเผยจริงใจของนางทำให้นางเสียเปรียบเมื่อเทียบกับเซี่ยชู แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกชอบนิสัยของนางและรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่ข้างๆ!


 


 


“เจ้าพูดถูกแล้ว” หงหลวนเลิกคิ้วแล้วส่งยิ้มให้ “ข้า หงหลวน จะหาบุรุษโดดเด่นไม่ได้ได้อย่างไร หลิงเฉินคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ข้าจะรู้สึกผิดเพราะเขาไปทำไม ในเมื่อเขาชอบผู้หญิงหลอกลวงอย่างเซี่ยชู ข้าก็จะอวยพรให้เขาสุดหัวใจ! อวิ๋นลั่วเฟิงไปกันเถอะ มีคนที่ข้าไม่ชอบอยู่ในเหลาแห่งนี้ พวกเราไปหาเหลาอื่นกันเถอะ”


 


 


หงหลวนแย้มยิ้มสดใสดุจดอกกุหลาบบานสะพรั่งแล้วดึงมืออวิ๋นลั่วเฟิงให้เดินก้าวยาวๆ ไปหาเหลาอาหารอื่นด้วยกัน


 


 


หลังจากถึงเหลาแล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงก็ได้เข้าใจว่าการเป็นเศรษฐีนั้นเป็นอย่างไร!


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม