เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 125-128

ตอนที่ 125 โม่ฮุ่ยหลิงถูกไล่ออกไป

 

อวี๋หมินหมิ่นหันไปมองผู้ช่วยของตัวเอง “พอเลย หยุดพูดไร้สาระได้แล้วน่า”


 


 


จากนั้นเธอก็หันกลับมาหาหลินเช่อ “ฉันก็พอจะมีทักษะการเอาตัวรอดอยู่บ้างหรอก แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น อันนี้ว่ากันตรงๆ นะ”


 


 


แต่คนเป็นผู้ช่วยยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ “ยังไงซะฉันก็รู้จักพี่อวี๋มานานแล้ว เขาเป็นตำนานเลยนะ ฉันรู้จักพี่เขามาตั้งแต่ตอนที่พี่เขาเริ่มมาทำอาชีพนี้ใหม่ๆ ฉันอยากเป็นให้ได้อย่างพี่เขา ที่ไม่ว่าใครต่อใครที่ได้รู้จักต่างก็พากันยกนิ้วให้”


 


 


“เอาน่า ถ้าเธอปั้นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ได้ละก็ ใครๆ ก็จะพากันคิดว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าฉันจะเก่งสักแค่ไหน ฉันก็มีชื่ออยู่แค่ในงานด้านนี้เท่านั้น ขยันๆ ทำงานเข้าเถอะ ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน นี่มันเป็นแค่ช่วงเวลาของการเริ่มต้นเท่านั้นเอง”


 


 


หลินเช่อคิดว่าอวี๋หมินหมิ่นเป็นนักสู้โดยแท้ เมื่อได้ยินผู้จัดการของตัวเองพูดแบบนั้น ตัวเธอก็เริ่มจะมีไฟในการทำงานลุกโชนขึ้นมาบ้างแล้ว


 


 


ในขณะเดียวกัน


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงกำลังนั่งดูข่าวของหลินเช่ออยู่ที่บ้าน


 


 


[บุคลิกแบบสาวหัวช้าแต่น่ารักของหลินเช่อกำลังเป็นที่ชื่นชอบของคนดู เมื่อไม่นานมานี้ หลินเช่อได้เข้าร่วมรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งพร้อมด้วยเพื่อนสาวของเธอ ฉินหวานหว่าน และถูกทีมงานบุกเข้ามาแอบถ่ายแบบไม่ทันได้ตั้งตัวถึงในห้อง เธอถูกถ่ายภาพในหน้าสดและรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอปรากฏตัวในสภาพยับเยินต่อหน้าทุกคน จนดาราสาวคิดว่าอาชีพการแสดงของเธอคงจบสิ้นลงแล้ว]


 


 


“แสดง…นังนั่นกำลังแสดงชัดๆ” โม่ฮุ่ยหลิงปารีโมตทีวีอย่างหัวเสีย


 


 


นังหลินเช่อนั่นต้องเสแสร้งแบบนี้ต่อหน้ากู้จิ้งเจ๋อด้วยแน่ๆ จากที่เขาไม่ชอบหน้าหล่อนก็เลยกลายเป็นว่าเขาหันมาปฏิบัติกับหล่อนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้


 


 


แล้วอยู่ๆ ก็มีใครบ้างคนก้าวเข้ามาจากด้านนอกและร้องบอกว่า “คุณคะ ที่ดินผืนนี้ถูกเรียกเก็บภาษีค่ะ นายท่านบอกว่าถ้าคุณไม่ย้ายกลับบ้านไปละก็ คุณจบเห่แน่ค่ะ”


 


 


“ฉะ…ฉันไม่ย้าย ฉันไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น ใครกันที่อยากมาเก็บภาษีที่ตรงนี้ งั้นก็เก็บฉันไปด้วยเลยสิ” หญิงสาวตะเบ็งเสียงด้วยความเกรี้ยวกราด ปฏิเสธที่จะออกจากบ้าน


 


 


เธอต้องการอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูกู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อ จะได้คอยป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ของคนคู่นั้นมีโอกาสพัฒนาไปมากกว่านี้


 


 


ยิ่งคิดโม่ฮุ่ยหลิงก็ยิ่งโกรธ การที่เธอถูกไล่ที่แบบนี้มันจะต้องไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ทำไมอยู่ๆ บ้านหลังนี้ถึงจะถูกเรียกเก็บภาษีขึ้นมาได้นะ นี่มันไปกีดขวางการทำถนนสายสำคัญเข้าหรือยังไง เป็นไปไม่ได้น่า


 


 


นี่ต้องเป็นการเล่นตลกของนังหลินเช่อแน่ เป็นแผนชั่วของนังนั่นน่ะแหละที่พยายามขับไล่เธอออกไป


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงได้ยินเสียงสาวใช้ด้านนอกพยายามที่จะคัดค้าน หญิงสาวจึงลุกพรวดพราดออกไปและเดินตรงดิ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ในทันที


 


 


สาวใช้ในบ้านโม่ฮุ่ยหลิงอยากรีบวิ่งตามออกไปแต่ก็ไม่กล้า พวกเธอได้แต่มองดูนายจ้างของตัวเองตรงดิ่งไปจนถึงประตูคฤหาสน์กู้ ก่อนจะถูกขัดขวางเอาไว้


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงอาละวาดเสียงดัง “นี่พวกแกกล้าห้ามฉันเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฉันต้องการพบจิ้งเจ๋อ ฉันต้องการเจอเขา นี่ต้องเป็นฝีมือนังหลินเช่อแน่ มันอยากไล่ฉันไปให้พ้นๆ จากที่นี่!”


 


 


แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูก็ยังคงปฏิเสธที่จะให้เธอเข้าไปข้างใน


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงขึ้นเสียงดังขึ้นไปอีก “จิ้งเจ๋อ นี่คุณมองไม่ออกหรือไงว่าตัวจริงของนังหลินเช่อมันเป็นยังไงน่ะ นังนั่นมันเป็นนางแพศยา นังจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ มันสะกดจิตคุณ แล้วก็หลอกล่อให้คุณต้องเลิกกับฉัน ทำไมคุณถึงไม่รู้ตัวนะว่ากำลังโดนหลอก!”


 


 


 


 


ในห้องทำงาน


 


 


คนข้างล่างขึ้นไปรายงานกับกู้จิ้งเจ๋อเรื่องที่โม่ฮุ่ยหลิงกำลังมาอาละวาดอยู่ที่ประตูทางเข้า


 


 


ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ก็ต้องหยุดและยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย


 


 


“ไล่เธอไปซะ วันนี้ฉันไม่อยากเจอ”


 


 


การพบหน้าโม่ฮุ่ยหลิงตอนนี้มีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก เขาพยายามที่จะช่วยรักษาหน้าเธอแล้ว แต่ดูเหมือนนับวันเธอจะยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นทุกที เพราะฉะนั้นครั้งนี้เขาต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นโม่ฮุ่ยหลิงก็จะยิ่งกลายเป็นตัวตลกและเสื่อมเสียชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก


 


 


ในวงสังคมแบบนี้ ชื่อเสียงของผู้หญิงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ


 


 


เมื่อได้รับคำสั่ง คนของเขาก็จัดแจงส่งเธอกลับไปอย่างรวดเร็ว


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงแม้จะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองไม่พอใจ แต่เธอก็ยอมล่าถอยไปแต่โดยดี


 


 


ทางบ้านตระกูลโม่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอดี พวกเขาจึงจับเธอล็อกประตูขังเอาไว้


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงกรีดร้องอย่างโกรธจัด “นี่ทุกคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ ไม่อยากให้หนูแต่งงานเข้าบ้านตระกูลกู้หรือไง หนูจะแต่งงานกับกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไงล่ะถ้าพ่อกับแม่ทำกับหนูแบบนี้”


 


 


บิดาของเธอได้แต่ส่ายหน้าและมองดูลูกสาว “ยิ่งทำตัวเป็นของง่ายๆ เท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งไม่สนใจเท่านั้น ลูกจะไปไล่ตามผู้ชายแบบนั้นไม่ได้ ไม่รู้หรือไง โง่จริงเชียว แล้วนี่ยังบุกไปก่อเรื่องถึงบ้านเขาอีกต่างหาก นั่งทบทวนตัวเองให้ดีก่อน พ่อถึงจะยอมปล่อยลูกออกไป สิ่งที่ลูกทำไปถือเป็นการรบกวนแล้วก็ล่วงเกินคนตระกูลกู้ ไม่คิดบ้างหรือไงว่าครอบครัวเราจะอยู่กันต่อไปยังไงถ้าลูกยังทำตัวแบบนี้ พ่อจะไม่ยอมให้ตระกูลของเราต้องมาจบสิ้นเพราะลูกหรอกนะ!”


 


 


 


 


ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้


 


 


คนงานที่อยู่ด้านล่างรีบขึ้นไปรายงานเรื่องโม่ฮุ่ยหลิงอย่างรวดเร็ว


 


 


เมื่อรู้ว่าหญิงสาวถูกส่งกลับไปยังบ้านตระกูลโม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็โล่งอก


 


 


ช่วงนี้หลินเช่อกำลังยุ่งกับงานมากเสียจนไม่มีเวลาสนใจเขาเท่าไหร่ นี่ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย


 


 


และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงเธอกลับมาถึงบ้าน กู้จิ้งเจ๋อรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง เขาเห็นหลินเช่อเดินเข้ามา เธอเหลือบมองเขาแล้วเอ่ยทักทาย จากนั้นก็เดินเลยเข้าห้องนอนไป


 


 


เขาถามด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจว่า “หลินเช่อ ทำไมต้องรีบหนีด้วยล่ะ ฉันอยากคุยกับเธอนะ”


 


 


เมื่อได้ยิน เธอก็หันกลับมา “มีอะไรเหรอคะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อไม่ทันได้เตรียมตัวว่าจะพูดอะไร จึงถามออกไปว่า “ช่วงนี้เธอยุ่งหรือเปล่า”


 


 


“ยุ่งค่ะ”


 


 


เขานิ่วหน้า “เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันหลังจากแต่งงาน แต่ตอนนี้เธอกลับเอาแต่สนใจเรื่องงาน ทำอย่างกับเธอลืมเรื่องข้อตกลงการแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นแหละ”


 


 


หลินเช่อทำหน้าสงสัย “ทำไมดหรอคะ คุณต้องการให้คุณผู้หญิงตระกูลกู้ทำอะไรเหรอ”


 


 


“ก็ใช่น่ะสิ! เรากำลังจะมีงานเลี้ยงมื้อค่ำของครอบครัวในโอกาสเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ถ้าเธอไม่เป็นคนเตรียมงาน แล้วเธอจะให้ฉันเป็นคนทำหรือยังไง”


 


 


“หา? กินอาหารค่ำของครอบครัวเนี่ยนะคะ อาหารค่ำอะไรกัน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิด”


 


 


“เราจะไปเที่ยวเกาะภูเก็ตกัน เธอควรเตรียมตัวเอาไว้นะ”


 


 


“ว้าว ไกลจังเลยค่ะ ขอโทษทีนะ ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ยังไงฉันจะรีบเตรียมตัวนะคะ!”


 


 


เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ากระตือรือร้นด้วยความจริงใจ เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ


 


 


เมื่อหลินเช่อเข้าห้องไปแล้ว คนดูแลบ้านก็เอ่ยถามชายหนุ่มขึ้นด้วยความงุนงงว่า “คือว่า ท่านครับ เรามีงานเลี้ยงมื้อค่ำเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงด้วยเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหันขวับมา จ้องหน้าคนรับใช้ปากสว่างด้วยสายตาราวกับจะกินเนื้อ


 


 


เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็รีบหุบปากฉับไว


 


 


เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาครอบครัว


 


 


“แม่ครับ งานเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้ามาแล้วนะ ได้เตรียมแผนการอะไรเอาไว้รึเปล่าครับ”


 


 


มู่หว่านฉิงตอบว่า [อ้อ แม่กลัวว่าลูกจะงานยุ่งเกินไป ส่วนพี่ชายของลูกน่ะยุ่งอยู่ตลอดอยู่แล้ว ส่วนน้องชายลูกนั่น แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาออกไปไหนอยู่ได้ทุกวัน เพราะงั้นแม่ก็เลยไม่ได้เตรียมแผนการอะไรเอาไว้เลยจ้ะ]


 


 


“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับแม่ ครอบครัวเราจะต้องรักษาความสัมพันธ์กันไว้นะครับ ไม่อย่างนั้นก็ห่างเหินไม่ได้เจอหน้ากันเลย”


 


 


[ถ้างั้น…เราควรทำยังไงกันดีล่ะจ๊ะ]


 


 


“ผมดูสภาพอากาศที่ภูเก็ตช่วงนี้ไม่เลวเลย ทำไมเราไม่ไปพักร้อนกันสักหน่อยล่ะครับ”


 


 


[หืม แบบนั้นก็ดีนะ งั้นก็ไปเตรียมการเถอะจ้ะ]


 


 


กู้จิ้งเจ๋อวางโทรศัพท์ลงพลางนึกถึงเกาะภูเก็ต เขานึกถึงภาพชายหาดเมืองร้อน ก่อนที่ความคิดจะล่องลอยไปถึงรูปร่างของหลินเช่อ เธอคงจะน่าดูไม่น้อยทีเดียวในชุดบิกินี่ 

 

 


ตอนที่ 126 ฉันอยากให้เธอใส่ชุดนี้เพื่...

 

ชายหนุ่มสั่งคนให้ตระเตรียมข้าวของสำหรับภรรยาและจัดการเรื่องทริปเดินทางไปยังเกาะภูเก็ต


 


 


หลินเช่อเล่าให้อวี๋หมินหมิ่นเรื่องที่เธอกำลังจะเดินทางไปท่องเที่ยวกับครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อ ซึ่งผู้จัดการของหญิงสาวก็รับรู้และถามว่าจะไปเที่ยวกันที่ไหน


 


 


หลินเช่อตอบ “กู้จิ้งเจ๋อบอกว่ามันเป็นการรวมญาติกันในเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงน่ะค่ะ เราจะไปเที่ยวเกาะภูเก็ตกัน”


 


 


อวี๋หมินหมิ่นได้ยินก็ตอบว่า “เห็นครอบครัวอื่นก็ไปจัดงานรวมญาติกันที่ภูเก็ตเหมือนกันนะ”


 


 


หลินเช่อร้องบอก “นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยค่ะ ฉันไม่เคยไปภูเก็ตมาก่อนเลย”


 


 


อวี๋หมินหมิ่นตอบ “โอเค ไปสนุกเถอะ ช่วงนี้เธอทำงานหนักมาตลอด ไปพักผ่อนซะบ้าง”


 


 


หลินเช่อลองหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับเกาะภูเก็ตดู เมื่อเห็นภาพทิวทัศน์อันงดงาม เจ้าตัวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่สวยๆ เช่นนี้ จากนั้นเธอก็ไปเตรียมตัว


 


 


ภายในห้อง หลินเช่อวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้าสารพัดชุดรวมถึงชุดว่ายน้ำ หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าเหล่านั้นมาวางเรียงรายไว้บนเตียงนอน


 


 


กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาพอดี เขาเห็นเธอเลยเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย “นี่เธอจะย้ายบ้านหรือไงน่ะ ทำไมถึงได้รื้อของออกมาเต็มไปหมดแบบนี้ล่ะ”


 


 


หลินเช่อเงยหน้า “ฉันกำลังเลือกชุดอยู่ค่ะ คุณว่าชุดไหนดี”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อถาม “สำหรับไปเที่ยวน่ะเหรอ”


 


 


“ใช่ค่ะ ใช่”


 


 


“เอาไปแค่สองสามชุดก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดเยอะหรอกน่า”


 


 


“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ไปภูเก็ตเลยนะคะ ครั้งแรก! ฉันไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศมาก่อนเลย ตอนนี้ฉันตื่นเต้นไปหมดแล้ว”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อพูดเบาๆ ว่า “อันที่จริงเกาะภูเก็ตน่ะอยู่ใกล้มาก แล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายหรอก ยังมีเกาะอื่นที่สวยกว่านี้เยอะ”


 


 


แต่เมื่อได้เห็นท่าทีดีใจจนเนื้อเต้นของหญิงสาว เขาก็เริ่มนึกเสียใจที่ตัดสินใจเลือกสถานที่ด้วยความใจเร็วด่วนได้ไปหน่อย ถ้ารู้อย่างนี้ เขาน่าจะวางแผนพาเธอไปเที่ยวที่อื่นที่สวยกว่านี้


 


 


หลินเช่อตอบว่า “ที่ว่าไม่มีอะไรพิเศษน่ะแค่กับคุณน่ะสิคะ แต่กับฉันน่ะ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว”


 


 


หลินเช่อกวาดตามองเสื้อผ้าที่วางแผ่เต็มเตียง “เมื่อก่อนตอนที่โรงเรียนพาไปทัศนศึกษาฤดูใบไม้ผลิที่ประเทศไทย ฉันไม่กล้าบอกพ่อเพราะรู้ว่ายังไงพ่อก็คงไม่สน กับแม่เลี้ยงฉันก็ไม่กล้าบอกอีกเหมือนกัน เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ฉันมีโอกาสได้ไปมาก็น่าจะเป็นเมือง S ละมั้งคะ…”


 


 


ชายหนุ่มมองหน้าเธออยู่เป็นครู่ก่อนพูดว่า “ถ้าคราวหน้ามีโอกาส ฉันจะพาเธอไปเที่ยวเอง”


 


 


หลินเช่อเงยหน้าขึ้นมอง “คุณเองคงไปมาทั่วโลกแล้วสินะคะ”


 


 


เขาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ก็ไปมาหลายที่ แต่ก็ไม่เคยได้เที่ยวจริงๆ จังๆ หรอก”


 


 


“อ้อ มีแต่ไปทำงานเหรอคะ”


 


 


“ใช่”


 


 


หลินเช่อร้อง “น่าเสียดายเป็นบ้า คุณน่ะรวยมากเสียจนสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าคุณก็ต้องทำงานหนักมากเหมือนกันสินะคะเนี่ย”


 


 


ชายหนุ่มตอบ “เรื่องธรรมดาน่ะ” เขาเสมองไปนอกหน้าต่างแล้วอมยิ้ม แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็หันกลับมาพูดเรียบๆ ว่า “รางวัลกับความพยายามมันเป็นของคู่กันน่ะ ฉันสนุกกับชีวิตมาก แต่ฉันก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ฉันมีพนักงานนับพันๆ คนที่ต้องดูแล พวกเขาต้องพึ่งพาฉันในการดำรงชีวิต ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตของพวกเขา ครอบครัวของพวกเขา แล้วฉันก็ยังต้องรับผิดชอบตระกูลกู้ทั้งหมดด้วย”


 


 


การต้องแบกรับทุกอย่างในครอบครัวเอาไว้แบบนี้… หลินเช่อคิด คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ


 


 


นอกจากนี้กู้จิ้งเจ๋อยังโดดเดี่ยวอีกต่างหาก เขาไม่มีใครเลย แต่กลับต้องแบกรับภาระมากมายเอาไว้เต็มสองบ่า


 


 


แต่แล้วชายหนุ่มก็หันกลับมาสนใจโลกแห่งความเป็นจริงตรงหน้า เขากวาดตามองชุดว่ายน้ำที่วางเรียงรายอยู่บนเตียง


 


 


มีชุดว่ายน้ำสารพัดแบบ สีสันสดใสสะดุดตา


 


 


เขาสนใจชุดว่ายน้ำที่มีสายเล็กๆ ไขว้ไปมา จึงหยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ


 


 


เมื่อหลินเช่อเห็นเขากำลังพิจารณาชุดว่ายน้ำตัวจิ๋ว ก็พลอยหน้าแดง เธอรีบคว้ากลับมาและบอกว่า “นี่เอาไว้ว่ายน้ำในสระค่ะ”


 


 


คนตัวใหญ่ยิ้มแล้วแย่งชุดกลับไป “สวยดีออก เอาชุดนี้ไปสิ”


 


 


หลินเช่อว่า “ไม่ละค่ะ ฉันไม่ใส่หรอก”


 


 


ชายหนุ่มสงสัย “ทำไมล่ะ ดูดีออก”


 


 


หลินเช่อบอก “อา ฉันกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่นะ นี่คุณจะเข้ามายุ่งทำไมเนี่ย ไปๆๆ ออกไปค่ะ”


 


 


เธอผลักไสเขาออกไป


 


 


แต่กู้จิ้งเจ๋อคว้าข้อมือเธอไว้แล้วหันไปมองบิกินี่ตัวน้อยอีกครั้ง “ก็ฉันอยากช่วยเลือกนี่” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้หูเธอแล้วกระซิบว่า “ถึงยังไงเธอก็จะใส่ให้ฉันดูไม่ใช่เหรอ ฉันก็อยากจะเลือกตัวที่ฉันคิดว่าใส่แล้วดูดีน่ะสิ”


 


 


หน้าของหลินเช่อยิ่งแดงก่ำหนักขึ้นไปอีก


 


 


แม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่กันเพียงลำพังในห้อง และไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องกระซิบ แต่กู้จิ้งเจ๋อก็จงใจเข้ามาจนใกล้และกระซิบใส่หูเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้


 


 


นี่เหมือนการได้ฟังเสียงดนตรีอันแสนละมุน ทั้งรื่นรมย์และแฝงด้วยความอบอุ่นไปพร้อมกัน


 


 


เธอรีบผลักเขาออกห่าง “คุณนี่น่ารำคาญจริงเชียว ใครเขาอยากใส่ให้คุณดูกันคะ”


 


 


ชายหนุ่มทำหน้าตาย “งั้นเธอจะใส่ให้ใครดูไม่ทราบ”


 


 


“ฉะ…ฉันก็ใส่ให้ตัวเองดูน่ะสิ ไม่ได้หรือไงกัน”


 


 


เขาหัวเราะลั่น แล้วสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “ตัวนั้นก็สวยนะ เหมาะกับเธอมากทีเดียว เอาไปด้วยล่ะ ได้ยินมั้ย”


 


 


“ฉันไม่เอาไปหรอก! ไม่เอาไป!” แล้วก็รีบผลักไสชายหนุ่มให้ออกจากห้อง เขายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยอมล่าถอยไปอย่างไม่มีทางเลือก


 


 


ในห้อง หลินเช่อค่อยๆ ตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าที่เธอจะนำติดไปด้วย และแล้วสายตาของเธอก็เลื่อนไปจับอยู่ที่ชุดบิกินี่ชุดนั้น


 


 


เสียงของกู้จิ้งเจ๋อยังคงก้องอยู่ในหู


 


 


เหมาะกับเธอมากทีเดียว…


 


 


ราวกับต้องมนต์ หลินเช่อคว้าชุดนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเอาแต่จ้องมันอยู่อย่างนั้น


 


 


นี่เขาคิดจริงๆ เหรอว่าเธอจะใส่แล้วสวยน่ะ


 


 


แค่คิดหน้าก็ร้อนไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจโยนมันใส่ไว้ในกองสัมภาระที่จะจัดลงกระเป๋าด้วยอยู่ดี


 


 


 


 


วันต่อมา ครอบครัวกู้มาพร้อมหน้ากันที่สนามบิน ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องรับรองส่วนตัวระดับวีไอพี


 


 


กู้จิ้งเจ๋อมาถึงพร้อมหลินเช่อ ส่วนมู่หว่านฉิงนั้นมาถึงพร้อมญาติๆ คนอื่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเห็นทั้งสองก้าวเข้ามา เธอก็รีบเดินมาต้อนรับอย่างยินดี


 


 


หลังกระเป๋าสัมภาระของทั้งคู่ถูกรับไปจัดการเรียบร้อย มู่หว่านฉิงจึงเดินเข้ามาดึงแขนหลินเช่อ “อา นี่ยังผอมแห้งอยู่เลยนะจ๊ะ นี่ใจคอจะไม่ยอมมีเนื้อมีหนังขึ้นบ้างเลยหรือไง”


 


 


หลินเช่อรีบตอบ “รูปร่างฉันคงเป็นแบบนี้เองน่ะค่ะ ฉันกินเยอะแล้วนะคะเนี่ย”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “จริงครับแม่ เธอกินมากกว่าผมเสียอีก น่าเสียดายที่กินเข้าไปเท่าไหร่ก็เปล่าประโยชน์”


 


 


หลินเช่อรีบย้อน “ไอ้ที่ฉันกินไปน่ะถูกเอาไปใช้งานหมดต่างหากล่ะ ไม่เหมือนคุณหรอกที่กินอะไรเข้าไปก็กลายเป็นไขมันหมดน่ะ เฮอะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อประท้วง “หา นี่เธอคิดว่าฉันอ้วนงั้นเรอะ”


 


 


“ก็คุณพูดก่อนนี่”


 


 


เมื่อมู่หว่านฉิงได้เห็นท่าทีสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้นของทั้งสองคน เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้


 


 


ไม่ช้าก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง สมาชิกในครอบครัวพากันเดินเรียงแถวขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลกู้ และอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงถัดมา พวกเขาก็เดินทางมาถึงเกาะภูเก็ต


 


 


เกาะภูเก็ตเตรียมการต้อนรับตระกูลกู้ไว้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับแขกวีไอพีคนอื่นๆ


 


 


เมื่อหลินเช่อก้าวขาลงจากเครื่อง เธอก็เห็นทีมพนักงานต้อนรับที่ด้านนอก ที่ทำให้หญิงสาวต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง


 


 


แต่ก็อีกนั่นแหละ ตระกูลกู้เป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศซีนี่นะ การจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่พอจะคาดเดาได้อยู่


 


 


หลินเช่อที่ยืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “นี่เราไม่ได้มาเจริญสัมพันธ์ทางการทูตหรืออะไรใช่มั้ยคะ ทำไมเขาจะต้องต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้ด้วยล่ะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ฉันไม่ได้แจ้งเขาด้วยซ้ำ บางทีพวกเขาอาจจะบังเอิญรู้มาก็ได้ ไปกันเถอะ เดี๋ยวพอไปถึงรีสอร์ตก็ไม่มีใครคอยตามเรามาแล้วล่ะ” 

 

 


ตอนที่ 127 พวกเธอควรจะรีบมีลูกกันได้แ...

 

หลินเช่อได้รับมอบดอกไม้สด เธอยกมันขึ้นดูอย่างขัดเขิน พนักงานรีบออกมาต้อนรับกู้จิ้งเจ๋อ พวกเขาสนทนากันด้วยภาษาที่หลินเช่อไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินเขาพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างน้ำไหลไฟดับเช่นนี้ เธอก็เริ่มรู้สึกชื่นชมชายหนุ่มขึ้นขึ้นมาทีละน้อย แม้ว่าเธอจะฟังไม่เข้าใจ แต่หลินเช่อก็คิดว่าเขาพูดได้ดีทีเดียว


 


 


เมื่อทุกคนขึ้นรถที่จะขับตรงไปยังรีสอร์ต หลินเช่อก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ตอนที่คุณกับพนักงานพวกนั้นคุยกันเมื่อกี้น่ะค่ะ พวกคุณพูดภาษาอะไรกันคะ ท่าทางคุณพูดได้คล่องมากทีเดียว”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ฉันแค่อยากขอบคุณพวกเขาที่มาต้อนรับอะไรทำนองนั้นน่ะ ฉันพูดภาษาฝรั่งเศส ทำไมเหรอ”


 


 


“ทำไมคุณพูดฝรั่งเศสได้ละคะ”


 


 


“ฉันก็เรียนมาตอนที่อยู่ฝรั่งเศสน่ะสิ”


 


 


“แล้วคุณพูดอังกฤษได้รึเปล่า”


 


 


“แน่นอนสิ มันเป็นภาษาสากลนี่นา”


 


 


“แล้วคุณยังรู้ภาษาอื่นอีกรึเปล่าคะ” หลินเช่อถาม จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาสนอกสนใจเต็มที่


 


 


ส่วนชายหนุ่มก็จาระไนให้ฟังว่า” ก็มีอิตาเลียน ญี่ปุ่น รัสเซีย แล้วก็เยอรมัน พวกนี้ฉันพูดได้นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าต้องพูดคุยกันเรื่องธุรกิจ ฉันก็ยังต้องใช้ล่ามมืออาชีพอยู่ดี”


 


 


“แล้วทำไมคุณถึงเรียนหลายภาษาจังละคะ คุณเอาเวลาที่ไหนไปเรียนน่ะ”


 


 


เขายกมือแตะแก้มเธออย่างขบขัน “ไอคิวระดับเธอก็คงไม่เข้าใจหรอก เพราะเธอใช้เวลาหมดไปกับการคิดเรื่องกิน ดูทีวี แล้วก็ทำโน่นทำนี่ แต่ฉันใช้มันกับการเรียน”


 


 


หลินเช่อทำปากยื่น “น่าเบื่อเป็นบ้า!”


 


 


เขาย้อน “ใข่ สำหรับคนไอคิวระดับเธอมันก็น่าเบื่อแหละ”


 


 


“ไปให้พ้นเลยนะ!”


 


 


แต่เขากลับหัวเราะออกมาเสียงดัง


 


 


หลินเช่อยังมีคำถามอีก “ว่าแต่ที่พวกเขาต้อนรับเสียใหญ่โตขนาดนี้เวลาที่ครอบครัวของคุณมาที่นี่ มันเป็นเพราะว่าพี่ชายของคุณเป็นประธานาธิบดีหรือเปล่าคะ”


 


 


เขาตอบว่า “เธอก็คิดแบบนี้น่ะสิ…ตอนที่พี่ชายไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ตระกูลกู้เราก็ช่วยสนับสนุนทางด้านการเงินให้กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกครั้ง จะบอกว่าตระกูลเรามีอิทธิพลในเรื่องนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดออกมาโต้งๆ ก็เถอะ แต่ทุกคนก็รู้กันดีเป็นการภายใน”


 


 


“ถ้างั้นก็หมายความว่าตระกูลกู้เป็น…คนกำหนดว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีของประเทศ C อย่างนั้นสินะคะ”


 


 


“เห็นมั้ย เธอก็ไม่ได้โง่สักหน่อย ก็ยังเข้าใจได้นี่”


 


 


“ก็แน่สิคะ” หลินเช่อแหว “ฉันอาจจะดูโง่ แต่ที่จริงแล้วฉันหัวไวออกจะตาย”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะพลางมองหน้าเธอและส่ายหัวอย่างระอาใจ


 


 


ไอคิวระดับนี้ยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าฉลาดอีกเหรอเนี่ย


 


 


ไม่ช้า รถก็หยุดลงตรงด้านนอกของรีสอร์ต


 


 


รีสอร์ตนั้นใหญ่โตโอ่อ่า สามารถมองเห็นทะเลสีฟ้าและท้องฟ้าสีครามได้แต่ไกล วิลล่านั้นอยู่ติดทะเลชนิดที่สามารถมองเห็นทะเลได้ทันทีที่ก้าวออกจากที่พักเลยทีเดียว


 


 


มู่หว่านฉิงหันมองสองหนุ่มสาวแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนจะบอกว่า “พวกเธอพักกันหลังนี้ก็ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวเราไปอยู่อีกหลังทางด้านหลังเอง ไม่มารบกวนพวกเธอสองคนหรอกจ้ะ”


 


 


หลินเช่อรีบบอก “คุณแม่ไม่ได้รบกวนเลยสักนิดค่ะ ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ คุณแม่”


 


 


มู่หว่านฉิงตอบ “ไม่เป็นไรจ้ะ กู้จิ้งเจ๋อคงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ อันที่จริงคราวนี้พวกเราไม่น่ามาด้วยเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกเธอจะมาพักผ่อนกัน พวกเธอน่าจะถือโอกาสฮันนีมูนกันซะนะจ๊ะ เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา พวกเธอก็ยังไม่ได้ไปฮันนีมูนเลย แถมยังไม่ได้จัดพิธีแต่งงานอีกต่างหาก ทั้งหมดนี่เพราะจิ้งเจ๋อนั่นแหละที่เอาแต่บอกว่างานยุ่งอยู่ตลอดเลย”


 


 


มู่หว่านฉิงหันไปทำตาเขียวใส่บุตรชาย


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหันมามองโดยไม่อาจตอบโต้ได้ หลินเช่อรีบแทรกขึ้นว่า “ฮันนีมูนกับงานแต่งงานน่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ฉันเองก็งานยุ่งมากเหมือนกัน”


 


 


เธอกับเขาตกลงกันแล้วว่าจะไม่จัดงานแต่งสำหรับการแต่งงานจอมปลอมครั้งนี้เพื่อตัดปัญหาซะ


 


 


มู่หว่านฉิงหันมองทั้งสองคน “เอาเถอะน่า ถึงแม้ว่านี่จะเป็นงานรวมญาติ แต่พวกเธอก็สามารถอยู่กันตามลำพังได้จ้ะ เราไม่รบกวนหรอก”


 


 


“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกค่ะ…” หลินเช่อเหลือบมองกู้จิ้งเจ๋อแล้วรีบพูดกับมู่หว่านฉิง


 


 


เธออยากให้กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนพูดขึ้นบ้างว่าจะร่วมกิจกรรมต่างๆ กับครอบครัว ไม่ได้ต้องการจะอยู่กันตามลำพัง


 


 


แต่เขากลับยืนนิ่งเป็นท่อนไม้และไม่ยอมพูดอะไรสักคำเดียว


 


 


มู่หว่านฉิงรีบไล่ทั้งคู่ไป “เอาล่ะ รีบๆ เข้าห้องไปได้แล้วจ้ะ อย่ามาวุ่นวายกับเราเลย”


 


 


มู่หว่านฉิงปรายตามองไปทางลูกชายของตัวเองก่อนจะรีบไล่ทั้งสองไป


 


 


หลินเช่อไม่อาจห้ามแม่สามีของเธอได้ และทำได้เพียงมองเธอปลีกตัวเดินแยกออกไป เธอหันขวับมาหากู้จิ้งเจ๋ออย่างโกรธๆ แล้วถามว่า “แล้วนี่ทำไมคุณถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยละคะ”


 


 


ชายหนุ่มตอบเพียงเรียบๆ ว่า “ดีแล้วล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบไปวุ่นวายกับใครเหมือนกันเวลาออกมาข้างนอก พวกเขารู้นิสัยฉันดีอยู่แล้ว”


 


 


แต่หลินเช่อก็ยังคิดว่ามันไม่ถูกต้องอยู่ดีนั่นเอง “แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานรวมญาตินะคะ เราจะแยกตัวกันออกมาอยู่ตามลำพังแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่”


 


 


เขายกแขนขึ้นโอบไหล่เธอ กู้จิ้งเจ๋อนั้นตัวสูงมากเสียจนถ้าหากว่าหลินเช่อย่อตัวลงเสียหน่อยละก็ เธอจะเข้าไปอยู่ใต้รักแร้ของเขาเลยทีเดียว ภาพที่เห็นทำให้ทั้งคู่ดูใกล้ชิดกันอย่างมาก


 


 


กู้จิ้งเจ๋อว่า “สบายใจเถอะน่า แม่ฉันไม่โกรธหรอก พวกเขาอยากให้เราอยู่ด้วยกันให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้และพูดว่า “เราจะได้มีหลานอ้วนๆ ให้พวกเขาสักทีไงล่ะ”


 


 


“อีตาบ้า” หลินเช่อกระทุ้งเอวเขา


 


 


ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังสนั่น


 


 


หลินเช่อยังคงดิ้นรน “ปล่อยนะ นี่ไม่ต้องมากอดได้มั้ย”


 


 


“อย่าดิ้นสิ แม่ฉันยืนดูเราอยู่ข้างหลัง สามีภรรยาเขาก็ต้องทำแบบนี้กันไม่ใช่หรือไง แล้วเธอจะดิ้นหนีฉันทำไมล่ะ” เขายังคงโอบเธอไว้ท่าเดิมไม่ยอมปล่อย


 


 


หลินเช่อรู้สึกว่าอ้อมแขนเขานั้นร้อนผ่าวเสียเหลือเกิน อีกอย่างการยืนโอบกันแบบนี้มันจะไม่ดูใกล้ชิดกันเกินไปหรือไงนะ


 


 


แต่เมื่อได้ยินกู้จิ้งเจ๋อพูดแบบนั้น เธอก็หยุดดิ้น และปล่อยให้เขาโอบไว้อย่างนั้นจนกระทั่งเดินเข้าไปด้านในวิลล่า


 


 


ในช่วงบ่าย อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าและน้ำทะเลเป็นสีฟ้ากระจ่างตา


 


 


แดดแผดแรง มีนักท่องเที่ยวกำลังเล่นกันอยู่ไกลๆ บนหาดทราย แต่ไม่ใช่ใครที่อยู่ในบริเวณใกล้กันกับพวกเขา เพราะทันทีที่ตระกูลกู้เดินทางมาถึง พื้นที่ชายหาดส่วนนี้ก็ถูกกั้นไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้ได้


 


 


บนชายหาด มู่หว่านฉิงเห็นกู้จิ้งเจ๋อยืนอยู่ตามลำพัง เธอจึงคว้าตัวลูกชายมาถาม “นี่ลูกกับหลินเช่อเข้ากันได้ดีหรือยัง”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อรู้อยู่แล้วว่าผู้เป็นมารดาจะต้องถามเรื่องนี้ “ก็ดีอยู่ครับ”


 


 


“ถ้าอย่างงั้นทำไมไม่ถือโอกาสนี้มีหลานให้แม่เสียเลยล่ะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อบอก “แม่ครับ มันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ แม่จะอยากมีหลานเมื่อไหร่ก็มีได้นะครับ เราจะค่อยๆ พยายามจัดการเรื่องนี้กันไป”


 


 


มู่หว่านฉิงว่า “ทำไมล่ะ แล้วนี่กำลังพยายามอยู่จริงๆ น่ะเหรอ ไม่ได้หลอกแม่ใช่หรือเปล่า”


 


 


ชายหนุ่มมองตรงไปข้างหน้า “แน่นอนว่าเรากำลังพยายามกันอยู่ครับ ถ้าแม่ยังไม่เชื่ออีก ผมก็ช่วยไม่ได้ จะให้แม่มาช่วยเป็นประจักษ์พยานเรื่องการทำลูกได้ยังไงล่ะ จริงไหมครับ”


 


 


“เด็กบ้า ชอบทำตัวต่อต้านแม่แบบนี้อยู่เรื่อง แม่ไม่เชื่อที่เราบอกหรอก แต่ก็ควรจะรีบๆ มีลูกกันเสียทีนะ พอมาถึงรุ่นของพวกลูกแล้วเนี่ย ดูเหมือนจะไม่มีใครพยายามมีหลานให้แม่กันเลย ดูอย่างแม่กับพ่อของลูกสิ ตอนอายุเท่านี้เราก็มีลูกกันตั้งกี่คนแล้ว แต่ดูเหมือนลูกสามคนจะไม่มีใครสนใจเรื่องนี้กันเอาเสียเลย”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจ “ก็ได้ ก็ได้ครับ แม่ ไม่ต้องเซ้าซี้อีกแล้วเถอะนะครับ ได้โปรด ผมจะรีบกลับไปจัดการเรื่องนี้ตลอดทั้งสามวันสามคืนเลย ดีมั้ยครับ”


 


 


มู่หว่านฉิงว่า “ถ้าได้ก็ดี”


 


 


แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนร้องขึ้นทางด้านหลัง


 


 


เมื่อหมุนตัวไปดู เขาก็ได้เห็นหลินเช่อที่กำลังก้าวออกมาจากวิลล่าในชุดว่ายน้ำ


 


 


ผิวขาวใสของเธออยู่ในชุดบิกินี่สีมะกอก มีสายเล็กๆ พาดพันอยู่รอบเรือนร่าง หน้าท้องแบนราบและอกอิ่มเต็ม เธอดูมีเสน่ห์เย้ายวนเป็นที่สุด แต่ก็สวยสดใสและน่ารักน่าใคร่ไปพร้อมกันด้วย


 


 


มันคือชุดบิกินี่ที่เขาเลือกวันนั้น

 

 

 


ตอนที่ 128 อาการป่วยของฉันมีเพียงเธอเ...

 

กู้จิ้งเจ๋อตกตะลึง


 


 


เขารู้อยู่แล้วว่ารูปร่างของเธอต้องดูดีในชุดบิกินี่ชุดนี้


 


 


ไม่ต้องแปลกใจเลยที่เธอจะดูสวยง่ทราวกับนางเงือก รูปร่างไร้ที่ตินั้นทำให้ใครต่อใครพากันมองไม่วางตา


 


 


เสียงร้องอุทานดังขึ้นจากนักท่องเที่ยวคนอื่นที่พากันโฉบเข้ามาดู


 


 


“ว้าว ใครน่ะ หุ่นเด็ดดวงเป็นบ้า”


 


 


“ไม่ต้องมองให้เสียเวลาหรอก หล่อนต้องมากับใครสักคนอยู่แล้วล่ะ มองไปก็ไม่มีทางได้แอ้มแน่”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อมองตาม สีหน้าเริ่มบึ้งตึง เขาเดินเข้าไปยืนข้างหลินเช่อ


 


 


ในคราวแรกหลินเช่อก็ไม่ค่อยอยากจะสวมชุดนี้เท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้เห็นสาวสวยหลายคนบนชายหาด และเมื่อนึกถึงสายตาของกู้จิ้งเจ๋อเข้าแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจใส่ชุดที่เขาลงความเห็นว่าสวย


 


 


ทันทีที่ก้าวออกจากที่พัก เธอก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อที่สวมเพียงกางเกงเล่นน้ำ


 


 


มัดกล้ามแข็งแรงของเขาสะท้อนแสงแดด แลดูสุขภาพดีและเซ็กซี่ยิ่งนัก รูปร่างเขาดีเยี่ยมชนิดที่ทำให้ใครต่อใครต้องเหลียวหลังเมื่อเดินผ่าน


 


 


ทว่ากู้จิ้งเจ๋อที่เดินตรงเข้ามาหากลับคว้าตัวเธอไว้แล้วผลักไสให้เดินกลับเข้าวิลล่าไป


 


 


หลินเช่องงหนักและร้องถามว่า “คุณลากฉันเข้ามาทำไมคะ ฉันอยากออกไปเล่นน้ำ”


 


 


เขาหันมาหาเธอ ไม่นึกเลยว่าหลินเช่อในชุดว่ายน้ำจะดูมีเสน่ห์เชิญชวนขนาดนี้ ถ้าเขารู้ เขาจะให้เธอสวมชุดอื่นที่มิดชิดและไม่อวดเรือนร่างมากขนาดนี้


 


 


เขาอดก้มลงมองไม่ได้ หุ่นของหลินเช่อเพอร์เฟกต์ทีเดียว หน้าอกกลมกลึงเต่งตึง เมื่อมีเพียงผ้าชิ้นบางที่เกาะอยู่บนส่วนเว้าส่วนโค้งแบบนี้ เธอยิ่งดูดีเสียกว่าตอนที่สวมเสื้อผ้าปกติด้วยซ้ำ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อเหลียวมองไปรอบๆ และบอกว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปที่พิเศษ”


 


 


เขาพาเธอไปอีกทางหนึ่งโดยไม่ยอมให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า และในไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงบริเวณชายหาดที่ปราศจากผู้คน


 


 


เขาหันมองรอบตัว ที่นี่เงียบสงัด น่าพึงใจ เขาปล่อยมือหลินเช่อและได้ยินเธอถามขึ้นด้วยความงุนงงว่า “เรามาที่นี่ทำไมคะ ฉันยังไม่ได้ทักทายแม่คุณเลย”


 


 


ชายหนุ่มชี้ออกไป “ที่นี่ไม่สวยเหรอ ข้างนอกโน่นคนพลุกพล่านเกินไป ทำลายทัศนียภาพหมด ว่าไหม”


 


 


หลินเช่อคิดว่าที่เขาพูดมาก็เข้าทีอยู่ หญิงสาวจึงเดินลงไปที่ทะเล “ทะเลจ๋า ฉันมาแล้ว!”


 


 


เมื่อเห็นเธอวิ่งลงน้ำอย่างอารามดีใจ กู้จิ้งเจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


 


 


หลินเช่อยืนอยู่ในทะเล ปล่อยให้คลื่นน้ำเย็นซัดเข้ามากระทบขา ช่างสบายอะไรอย่างนี้ เธอเดินลึกลงไปทีละก้าว ทีละก้าว เมื่อเห็นว่าน้ำยังตื้นอยู่ เธอก็เดินต่อไปอีก


 


 


กู้จิ้งเจ๋อยืนมองหญิงสาวที่เล่นน้ำสนุกราวกับเด็กน้อย แม้ว่าการมาทะเลจะเป็นเรื่องปกติ แต่ดูเหมือนว่าหลินเช่อจะแทบไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนเลย เธอได้เห็นโลกน้อยเหลือเกิน


 


 


เมื่อมาทะเล เธอจึงเป็นเหมือนเด็กๆ ที่เล่นสนุก และมีความสุขโดยง่าย


 


 


แต่แล้วคลื่นลูกใหญ่ก็โถมเข้ามากระแทกใส่ร่าง หลินเช่อไถลล้มลงในน้ำ


 


 


เธอตีแขนสะเปะสะปะ และร้องตะโกนออกมา


 


 


หญิงสาวผลุบโผล่อยู่ในน้ำ เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าการว่ายน้ำทะเลจะเป็นเรื่องยากแบบนี้


 


 


คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดเข้าใส่ ดูดเอาเรี่ยวแรงไปจากร่าง จนกระทั่งหลินเช่อเริ่มใจคอไม่ดี


 


 


ด้านหลัง กู้จิ้งเจ๋อเข้ามาคว้าเอวเธอไว้ แต่มือเขาพลาดไปคว้าเอาหน้าอก…


 


 


หลินเช่อตัวแข็ง ก้มลงมอง เมื่อเห็นว่ามือของอีกฝ่ายเกาะกุมอยู่บนหน้าอกหน้าใจพอดี เธอก็เสียหลักละเกือบจะล้มลงอีกครั้ง คราวนี้กู้จิ้งเจ๋อต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อพยุงร่างเธอเอาไว้ จนกระทั่งชุดว่ายน้ำอันบอบบางชิ้นบนของเธอพลัดหลุดออกมา


 


 


เนื้อหน้าอกนุ่มนิ่มถูกน้ำทะเลซัดจนเปียกฉ่ำเป็นประกายแวววาว กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกถึงมันได้ในอุ้งมือของตัวเอง ลำคอของเขาเริ่มแห้งผาก ริมฝีปากเริ่มบิดเบี้ยว และในจังหวะนั้นเองที่เขาลืมที่จะขยับตัวไปเลย


 


 


หลินเช่อร้องด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังดุนอยู่ที่ข้างเอว


 


 


เนื่องจากกู้จิ้งเจ๋อโอบเธอไว้จากทางด้านหลัง ตำแหน่งของทั้งสองจึงอยู่ในลักษณะค่อนข้างประดักประเดิด


 


 


หลินเช่อตกใจมากเสียจนไม่กล้าที่จะขยับตัว


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ นี่คุณ…”


 


 


ชายหนุ่มกัดฟันแน่นก่อนจะคำรามออกมาว่า “หุบปาก!”


 


 


หลินเช่อเงียบกริบและปล่อยให้เขาประคองเธอแบบนั้นจนกระทั่งมาถึงฝั่ง


 


 


เมื่อเขาปล่อยมือ หญิงสาวก็รีบขยับชุดกลับขึ้นสวมดังเดิม เนื้อตัวเธอเปียกปอนไปหมด


 


 


เธอหันกลับมาและเห็นกู้จิ้งเจ๋อกำลังมองตรงมาด้วยสีหน้าอันชวนให้หวาดหวั่น เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ท่าทางไม่สบอารมณ์ยิ่ง


 


 


สายตาของหลินเช่ออดไม่ได้ที่จะเลื่อนลงมาดูตรงส่วนนั้นของร่างกายเขา


 


 


กู้จิ้งเจ๋อสวมเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว มันดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งนัก


 


 


หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากและพูดด้วยความตกใจว่า “คุณ…อันนั่นของคุณ…คุณกำลัง…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหันขวับมาและจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง “เป็นความผิดของเธอนั่นแหละ”


 


 


หลินเช่อจึงรีบถาม “เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะทีนี้”


 


 


ชายหนุ่มนึกอายขึ้นมาเมื่อมองดูหลินเช่อ ให้ตายเถอะ ร่างกายของเขากำลังขยับโดยที่เขาไม่อาจควบคุมมันได้


 


 


ในขณะที่กำลังโกรธจัดนั้นเอง เขาก็หันไปมองทะเลก่อนที่จะพุ่งกลับลงไปในน้ำ


 


 


หลินเช่อตกใจเมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อว่ายน้ำออกไปอย่างสวยงามและสุดแรง เขาว่ายน้ำได้ราวกับปลา แต่แล้วหลินเช่อก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมเธอช่างโง่อย่างนี้ที่จะคิดว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น แน่ละว่าเขาต้องว่ายน้ำเป็น


 


 


ครู่หนึ่งผ่านไป กู้จิ้งเจ๋อก็เริ่มหมดแรงและกลับมาที่ฝั่ง


 


 


เนื้อตัวที่เปียกฉ่ำของเขาดูเซ็กซี่สุดใจ


 


 


เขายกมือขึ้นลูบหน้าและมองหลินเช่อที่กำลังยกมือปิดปากด้วยท่าทางตื่นเต้น


 


 


แววตาของเธอแฝงไปด้วยความชื่นชมพึงใจขณะกวาดมองไปทั่วร่างใหญ่ เหมือนเลนส์ที่ส่องทะลุร่างเขาเข้าไปได้ ราวกับว่าเธอต้องการจะสำรวจดูทุกตารางนิ้วของร่างกายเขา


 


 


โอย ไม่นะ…


 


 


ร่างกายที่เพิ่งจะสงบลงได้ไม่นานของเขา เริ่มจะตื่นตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งแล้ว


 


 


ยัยผู้หญิงบ้านี่…


 


 


หลินเช่อเห็นสีหน้าชิงชังของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “มีอะไรเหรอคะ”


 


 


ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วพูดขึ้นห้วนๆ ว่า “ใครอนุญาตให้เธอมองฉันได้”


 


 


หลินเช่องงสนิท “แค่มองก็ไม่ได้เหรอคะ…”


 


 


เขาเหลือบมองเธออีกครั้ง ก่อนจะสลัดน้ำออกจากตัวและเดินตรงเข้ามาหา


 


 


ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา หลินเช่อก็สังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิม


 


 


ตรงนั้น…ตรงนั้นของเขา…


 


 


หลินเช่อรีบละล่ำละลักบอก “คุณ…อย่าบอกนะคะว่าคุณไม่สบายน่ะ แล้วทำไมตรงนั้นของคุณถึง…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหันมาหาเธอ “ใช่ ฉันป่วย”


 


 


“อา…งั้นเราจะทำยังไงดีละคะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้าให้ “มาเถอะ”


 


 


หลินเช่อรีบวิ่งตามไป


 


 


เมื่อเห็นท่าทางไร้เดียงสาของเธอแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็นึกอยากจะล้อเลียนเธอขึ้นมา แต่ทว่าร่างกายของเขาตอนนี้กำลังร้อนผ่าวอย่างหนัก ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดกำลังพุ่งไปอยู่ที่จุดนั้นเพียงจุดเดียว และมันทำให้เขาอึดอัดเป็นที่สุด


 


 


“ฉันป่วย และมันเป็นอาการป่วยที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รักษาได้”


 


 


“อะไรนะคะ” หลินเช่อเดินเข้ามาใกล้ กู้จิ้งเจ๋อก็คว้ามือเธอไว้ทันที


 


 


หลินเช่อร้องขึ้น “นี่คุณกำลังพยายามจะทำอะไรกันแน่”


 


 


ชายหนุ่มบอก “ได้โปรดช่วยฉันทีเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว…วันนี้ฉันต้องตายเพราะเธอแน่ๆ”


 


 


“อะไรนะคะ…”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม