พระชายาปีศาจพันหน้า 121.1-130.2

 121.1

ความคิดของโหลว ชิงอู๋ ยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อย ในขณะกลืนยาลงไปอย่างเงียบ ๆ


โดยไม่รู้ว่าลิ้นของนางยังคงสัมผัสอยู่กับนิ้วของเฟิง เหย่เก้อร์


เฟิง เหย่เก้อร์ รู้สึกว่าราวกับเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นเล็กน้อยจากนิ้วมือของเขา ในขณะที่เขาหรี่ตาลง


อารมณ์ลึก ๆ บางอย่างวูบวาบอยู่ในดวงตาหงส์ของเขา ก่อนที่จะหายไปอย่างเงียบ ๆ


ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายังคงเยือกเย็นและไร้ความรู้สึก แต่หัวใจเต้นเร็วมาก


เขาค่อยๆ ดึงนิ้วของเขากลับมาอย่างเงียบๆ และมองไปที่ใครบางคนที่โง่เขลา คิดว่าเขาจะต้องสอนบทเรียนที่ดีแก่นาง


“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”


เขานั่งอยู่ข้างเตียงและพร้อมกับท่าทางที่เกียจคร้าน


โหลว ชิงอู๋ แข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยกศีรษะของนางขึ้น “ศีรษะของข้ายังคงเจ็บอยู่เล็กน้อย แต่ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”


“เมื่อเจ้าช่วยฮูหยินเก้าให้ได้สติ เจ้าเคยคิดไหมว่าเลือดของเจ้าจะได้รับพิษมาด้วย?”


โหลว ชิงอู๋ พยักหน้า “ข้าคิดถึงความเป็นไปได้ว่าพิษจะไม่รุนแรงเกินไป ดังนั้นข้าจะไม่เป็นอะไรมาก”


จากนั้นนางก็พยายามจะขยับมืออีกครั้ง


นางไม่คิดว่านางจะหมดสติไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนางจึงคิดว่านางคงจะอดทนได้จนกว่านางจะหายาแก้พิษได้


แต่ใครจะรู้ …


“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”


“พันหน้าส่งเจ้ามา”


“อืม … ” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนางถึงได้ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้


ถึงแม้ว่าพิษจะไม่รุนแรง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นางตกอยู่ในสภาวะไร้สติอยู่ไม่กี่วัน


มือของนางงอเล็กน้อยและเมื่อค้นพบว่ากำลังของนางกำลังจะกลับมา โหลว ชิงอู๋ก็พยายามจะลุกขึ้นนั่ง


นางเกือบจะฟื้นตัวโดยสมบุรณ์แล้ว ดวงตาของนางก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น “ท่านเพิ่งจะให้ยาอะไรแก่ข้า?”


เฟิง เหย่เก้อร์ วางหมอนไว้ด้านหลังของนางและเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มองไปที่นางอย่างเย็นชา


ริมฝีปากที่บางเฉียบของเขาเข้ากัดเข้าหากัน “บางสิ่งบางอย่างเพื่อคืนความแข็งแรงให้กับเจ้า”


“อ่า เช่นนั้นก็ขอบคุณศิษย์พี่” มิฉะนั้นนางคงจะต้องหมดสติไปสักสองสามวันและเมื่อถึงเวลานั้นใครรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน


นี้อยู่นอกเหนือจากความคาดหวังของนาง


เฟิง เหย่เก้อร์ ยังนั่งอยู่ในจุดเดิม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา


“เจ้ามีเรื่องอื่นที่จะต้องพูดกับข้าหรือไม่”


“อืม? พูดอะไรหรือ?”


อารมณ์ที่ดีแต่เดิมของเฟิง เหย่เก้อร์ดิ่งลงอีกครั้ง


นางวางแผนจะซ่อนทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาหรือ?


“พิษของฮูหยินเก้าคือ ‘พันวันมึนเมา‘?”


โหลว ชิงอู๋ แข็งค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ใช่”


“แล้วเจ้าวางแผนจะรักษามันอย่างไร?”


“…. ” หัวของโหลว ชิงอู๋ เจ็บเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้คิดถึงวิธีใดๆ เลย”


“แต่เจ้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่ใช่หรือ? คิดว่าจะดึงหนอนวูดูมาไว้บนตัวเจ้าเอง? อย่าแม้แต่จะคิด! หนอนวูดูนั้นอยู่ในร่างของฮูหยินเก้ามาเป็นเวลานานเกินไป มันจึงพึ่งพากันและกันแล้ว ช่วงเวลาที่เจ้าดึงมันออกมา มันจะกลายเป็นอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเจ้า เจ้าเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? ”


         ใบหน้าของโหลว ชิงอู๋ซีดลง นางจะไม่คิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้ได้อย่างไร?


แต่ … ถึงแม้ว่านางจะมาอ้อนวอนนาง แต่นางจะละทิ้งมารดาของนางได้อย่างไร?


ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็ให้กำเนิดนางมา


นางลดสายตาลง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมืดมน


มือของเฟิง เหย่เก้อร์ที่กำแน่นก่อนหน้าเริ่มคลายออก


ก่อนจะลูบหน้าผากของเขาอย่างยอมแพ้ “เจ้า เจ้าเคยคิดถึง … “


คนที่ห่วงใยเจ้าหรือไม่?


เฟิง เหย่เก้อร์ ไม่สามารถพูดถึงข้อความสุดท้ายของคำถามของเขาออกมาดัง ๆได้


เขากลัวว่าถ้าเขาจะเปิดเผยความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางแม้เพียงเล็กน้อยออกมา เขากลัวว่านางจะทำตัวเหินห่างจากเขา


เพราะเขาห่วงใยนางมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูด


โหลว ชิงอู๋ส่ายหัว “ศิษย์พี่ ข้าก็รักชีวิตของตัวเอง และจนกว่าข้าจะหมดหนทางจริงๆ ข้าถึงจะลงมือ “


“จริงๆหรือ?” การแสดงออกของเฟิง เหย่เก้อร์ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าจะไม่ทำอะไรวู่วาม?”


โหลว ชิงอู๋ เห็นความกังวลในสายตาของเขาและในที่สุดก็พยักหน้า “อืม”


“เอาล่ะ ข้าจะเชื่อเจ้าในครั้งนี้”


ตราบเท่าที่นางไม่ได้ทำอะไรวู่วาม เขาก็จะคิดหาวิธีอื่นในการรักษาพิษของหนอนวูดู


แม้ว่าพิษ ‘พันวันมึนเมา‘ จะไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาและเนื่องจากเดิมทีหนอนวูดูก้ถูกสร้างมาเพื่อควบคุมคน


ดังนั้นมันจะไม่น่าแปลกใจ ถ้านางจะมีทางออกไว้สำหรับตัวเอง


121.2

 เมื่อโหลว ชิงอู๋ และพันหน้า กลับไปที่เรือนลมเอนเอียง พวกเขาก็ไม่ได้พบหลานป๋าย


       โหลว ชิงอู๋หยุด “นางอยู่ที่ไหน?”


       พันหน้าค้นหาไปทั่วและเดินไปรอบ ๆ สองสามครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถหานางพบ


“ข้าไม่ทราบ​ขอรับ ข้าได้ปลอมตัวนางเป็นท่าน จากนั้นก็จากไป นางควรจะยังคงปลอมตัวเป็นนายท่านอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่น่าจะเดินไปไหนอย่างไม่ระวัง “


       ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ มองไปที่ทางเข้าของเรือนลมเอนเอียง มองไปยังเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงบนพื้นดิน


       หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น”ไปตรวจดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่จวน”


       พันหน้าจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วได้และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปกติ​”นายท่านแล้วถ้าหลานป๋าย … “


       โหลว ชิงอู๋ส่ายหัว “ไม่น่าจะใช่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่จวน ถังเอ้อร์ก็คงจะแจ้งให้ข้ารู้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ข้าแค่กังวลว่าโหลว ชุ่นเฟิงหรือใครบางคนอาจจะเรียกนางไป”


       พันหน้าแข็งค้างไป ก่อนที่จะพยักหน้าในทันที “ขอรับ ข้าจะรีบไปสอบถามเดี๋ยวนี้​เลย”


       แม้ว่าเขาจะมั่นใจในทักษะการปลอมตัวของเขา แต่ใบหน้านั้นก็ยังไม่เหมือนหน้าเดิมโดยสมบูรณ์แบบ​


       ถ้านางถูกเรียกตัวไปด้วยความแตกต่างของนิสัยหลายป๋าย  และบุคลิกของเจ้านายของเขา นางก็จะถูกเปิดเผยว่าเป็นตัวปลอม


       พันหน้าวิ่งกลับมาในอีกสิบนาที “นายท่านเรามีปัญหาแล้ว องค์ชายสามมาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน หลานป๋าย ตอนนี้ … ตอนนี้ … “


“นางอยู่ที่ไหน?”


“อยู่ในห้องโถงใหญ่กับองค์ชายสาม และกำลังพูดคุย​กันอยู่ขอรับ”


       เขาปิดใบหน้าของเขา ไม่กล้าที่จะนึกภาพว่าหลานป๋าย ได้เปิดเผย​ตัวเองไปแล้วกี่ครั้ง


       โหลว ชิงอู๋แข็งค้างไป “เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งหรือ?”


“ใช่ขอรับ องค์ชายสาม เขาเลือกที่จะมาผิดเวลา มาในตอนที่เราอยู่นอกจวน “


       โหลว ชิงอู๋เงียบสักครู่


       นางคิดถึงครั้งสุดท้ายที่หลายป๋ายตกอยู่ในอันตราย


       เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง​แล้วและอาจจะรู้ความสำคัญของหลายป๋ายที่มีต่อนางแล้ว


       ตามบุคลิกที่ดำมืดและน่ากลัวของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เขาคงจะคิดว่าเขานางอยู่ในมือเขาแล้ว


       และเนื่องจากที่เขาฉลาดมาก เขาก็คงจะสามารถมองออกแล้วว่านางเป็นตัวปลอม


       นางขมวดคิ้วพร้อมกับยืนขึ้น “ไปดูที่ห้องโถงใหญ่กันเถอะ​”


“… ขอรับ แต่นายท่าน ท่านควรปลอมตัวเล็กน้อย”


“อืม”


       โหลว ชิงอู๋และพันหน้า หลบทหารเข้าที่เรือนใหญ่เพื่อไปที่ห้องโถงใหญ่


       นางไม่รู้ว่าเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง พูดอะไรกับพ่อบ้าน แต่มันก็ไม่มีคนรับใช้หญิงหรือชายแม้แต่คนเดียวในห้องโถงใหญ่ที่จะคอยรับใช้พวกเขา


       มีเพียงหลานป๋ายและเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เท่านั้นที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ แต่นางไม่ได้ยินเสียงที่พวกเขาพูด เพราะพวกเขาอยู่ไกลเกินไป


       โหลว ชิงอู๋ เฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดกับพันหน้าขึ้น “นำน้ำชาไปให้พวกเขาและบอกหลายป๋าย ให้ออกมาข้าจะเข้าไปแทน”


“ขอรับ!” พันหน้าจัดชุดให้เรียบร้อย​อย่างรวดเร็ว ในขณะที่​เขาอยู่​ในชุดคนรับใช้


       เขาหยิบชุดชาที่เตรียมเอาไว้และเดินไปที่ห้องโถงใหญ่


       ยิ่งเขาเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มากเท่านั้น​


“… เจ้ายังไม่สามารถไปที่จวนได้ เด็กสาวคนนั้นเหย่ จี้ พูดทั้งวันพูดมากจนหูของข้าปวดไปหมด ดังนั้นวันนี้เมื่อข้าเสร็จ​จากราชสำนักนางก็หาเรื่องทะเลาะวิวาทและอยากจะมาพบเจ้า เสด็จพ่อมอบตำแหน่งใหม่ให้นาง นางจึงมีความสุขมากและอยากจะมาแบ่งปันข่าวกับเจ้า “


       ด้านหลังของหลานป๋ายหันมา​ทางหน้าของพันหน้า ดังนั้น​เขาจึงมองไม่เห็นการแสดงออกของนาง แต่เขาไม่พอใจกับเสียงเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เลยแม้แต่น้อย


       เขากำลังพูดราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับเจ้านายของเขามาก แต่พวกเขาสนิทกันมากขนาดนั้นแล้วหรือ?


       โดยไม่รอให้หลานป๋ายเปิดปากของนาง เขารีบเดินไปข้างหน้าและวางชาลงไป “องค์​ชายสาม คุณ​หนูใหญ่ ชาขอรับ”


       หลังจากพูด เขาก็ใช้ร่างกายกั้นอยู่ระหว่างทั้งสอง


       เขาหันไปเผชิญหน้ากับหลานป๋าย แต่เมื่อเขาเห็นการแสดงออก​ทางสีหน้าของนาง ร่างกายของเขาก็แข็งค้างไปทันที


122.1

สายตาของพันหน้าตกไปอยู่บนหน้าของหลานป๋าย และเห็นว่านางปิดหน้าของนางด้วยมือทั้งสองข้าง โดยใช้ใบหน้าของโหลว ชิงอู๋ จ้องมองด้วยดวงตาของคนตกอยู่ในความรักมองไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง


เมื่อเห็นพันหน้า นางก็ไม่ได้ตอบสนองเท่าไหร่ แต่นางก็ยังคงตอบเขาต่อไป “เช่นนั้น ข้าต้องไปแน่นอน ไปแน่นอน!”


นางไม่สามารถที่จะเชื่อฟังได้มากกว่าอีกแล้ว


พันหน้าพันเหลือบมองไปทางนาง พยายามมองนาง


ดวงตาของเขากำลังหงุดหงิดจากการพยายามที่จะขยิบตาอย่างหนักให้นาง แต่หลานป๋าย ก็ยังคงมองผ่านเขาไปยัง คงจ้องที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง 


พันหน้าโกรธมาก เขาแทบอยากจะโยนถ้วยชาไปที่ศีรษะของนางเสีย


          เขาใช้ยาเสน่ห์อะไรกับนาง?


“แค็กๆ แค็กๆ!”


เขาวางถ้วยชาลงและเดินกลับไปสองก้าว


เขาไอขึ้นเสียงดังมาก


แต่ดูเหมือนว่าหลานป๋ายจะไม่ได้ยินเขา นางยังคงหัวเราะคิกคักและพูดอะไรอย่างอื่นกับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ต่อไป


แต่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มองไปที่พันหน้า เพื่อบังคับให้เขามองลง แล้วเขาก็พูดขึ้น”คุณหนูใหญ่ นายท่านต้องการพบท่าน นายท่านบอกว่ามีบางอย่างต้องการให้พบไปดูขอรับ”


“อืม?”


หลานป๋าย มองไปที่พันหน้า นางดูสับสน ก่อนจะถามขึ้น “ข้าหรือ?”


พันหน้า”ใช่ขอรับ ” คุณหนูใหญ่” ถ้าท่านไม่ไป นายท่ายอาจจะโกรธได้นะขอรับ!”


หลานป๋าย มองหน้าพันหน้าอีกสักสองสามครั้ง ก่อนที่จะมองไปที่ชายที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูอบอุ่นและอ่อนโยนตรงหน้า


นางส่ายหัวสองครั้ง ก่อนที่จะตระหนักได้และลุกขึ้น


นางรีบพูดขึ้นทันที “โอ้ ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”


หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังและวิ่งออกไป


เมื่อนางมาถึงมุมแขนของนางถูกดึงเอาไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่าง


ขณะที่นางกำลังจะตีกลับไป นางก็เห็นโหลว ชิงอู๋ และรีบหยุดตัวเองเอาไว้ “นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!”


“อืม ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปจัดการกับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง รอพันหน้า จากนั้นก็กลับไปที่เรือนลมเอนเอียง”


“…. เจ้าค่ะ” หลานป๋ายเห็นว่าโหลว ชิงอู๋ กำลังจะจากไปและคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางจึงรีบดึงแขนของโหลว ชิงอู๋เอาไว้ทันที”นายท่าน … “


“อืม? มีอะไรหรือ? “โหลว ชิงอู๋ หันกลับมาหานางและเห็นการแสดงออกที่ไม่สบายใจของหลานป๋าย นางจึงช่วยไม่ได้ที่จะถามขึ้น


หลานป๋ายลูบหัวนางอยากร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตา “คือว่า … ข้า… ดูเหมือนจะฟังองค์ชายสามเป็นเวลานานและถูกทำให้หลงใหลไปกับคำพูดของเขาจนลืมเวลา ข้าไม่รู้ว่าข้าได้เปิดเผยอะไรออกไปหรือไม่ แล้วข้าจะทำอย่างไรเจ้าค่ะ? ”


โหลว ชิงอู๋ถึงกับแข็งค้าง ก่อนจะส่ายหัว “ไม่เป็นไร”


นางเคยเห็นฝีมือของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ในชีวิตก่อนหน้านี้มาแล้ว


เขาเป็นผู้มีความเชียวชาญต่อหัวใจของหญิงสาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจที่คุณหนูทั้งหลายไม่เคยได้ยินมาก่อน


บอกกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาและสายตาที่อบอุ่น เมื่อเขามองมาที่เจ้าอย่างลึกซึ้ง มันทำให้เจ้ารู้สึกว่าเขามีความรู้สึกลึกซึ้งอย่างเหลือเชื่อต่อเจ้า


แล้วเจ้าไม่รู้จะตกลงไปได้อย่างไร


ตอนนั้น นางก็หลงเสน่ห์เขาเช่นกันและก้มหัวเขาไว้จนกระทั่งนางตาย


มันน่าเสียดายที่นางเพิ่งจะรู้ว่าเขามีสองหน้าแค่ไหนก็ตอนที่นางกำลังจะตาย


ความอบอุ่นและอ่อนโยนทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ฉากหน้า เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปราณีแค่ไหน ในขณะที่เขาดูเหมือนจะอ่อนโยน


โหลว ชิงอู๋และหลานป๋าย เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ก่อนที่นางจะกลับไปที่ห้องโถงใหญ่


พันหน้ายังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างนอบน้อม


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ถามเขาและบางครั้งเขาก็จะตอบ


เมื่อพันหน้าเห็นว่าโหลว ชิงอู๋ มาและดวงตาของเขาสว่างขึ้น “คุณหนูใหญ่!”


“อืม เจ้าสามารถไปได้”


“ขอรับ”


พันหน้าปล่อยลมหายใจของความโล่งอกออกมาและรีบออกไป


           แต่เมื่อเขากำลังจะถึงทางออก เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะมองไปที่องค์ชายสามแล้วหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น


เขาเพียงแค่ถามคำถามสองสามข้อและถึงแม้ว่าพวกมันจะดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันทั้งหมดก็เกี่ยวกับเจ้านายของเขา


เมื่อเขาวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันน่ากลัว


เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการทำให้เจ้านายของเขาพอใจ เขาต้องการอะไรกันแน่?


นอกจากนี้ เขายังใช้เพียงคำพูดไม่กี่คำและทำให้หลานป๋ายหลงเสน่ห์ เขาได้อย่างง่ายดาย


เขากลับยิ่งรู้สึกมากยิ่งขึ้นว่าองค์ชายสามผู้นี้ กำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ลึกๆและมันก็น่ากลัวมาก


โหลว ชิงอู๋ นั่งลงไป ก่อนจะยิ้มให้กับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง “พวกเราถึงตรงไหนกันแล้วนะเพคะ?”


122.2

โหลว ชิงอู๋ นั่งลงไป ก่อนจะยิ้มให้กับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง “พวกเราถึงตรงไหนกันแล้วนะเพคะ?”


“โอ้ ข้ากำลังพูดถึงเด็กคนั้นเหย่ จี้  นางได้เพิ่งจะได้รับตำแหน่งใหม่ดังนั้นนางจึงต้องการแบ่งปันข่าวกับเจ้า ชิงอู๋”


เมื่อโหลว ชิงอู๋ ได้ยินเขาเรียกนางว่า “ชิงอู๋” หัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้น


ดูเหมือนว่าเขาทำได้ดีมากในการใช้ประโยชน์จากทุกช่องทาง


นอกจากนี้ นางก็ไม่เชื่อว่าเขาจะมองไม่ออกว่าหลานปิงเป็นตัวปลอม


เขาอาจจะรู้ตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นเขาจึงทำให้หลานปิงหลงเสน่ห์ เพื่อพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของนาง


วันนี้นางทำผิดพลาด


นางไม่คิดว่าเขาจะเลือกมาในเวลานี้


ถ้าเป็นแค่โหลว ชุ่นเฟิง หรือคนอื่นๆ หลานปิง จะไม่มีปัญหาในการทำปลอมตัวเป็นนาง


แต่ถ้าเป็นหมาจิ้งจอกตัวนี้ที่อยู่ตรงหน้าของนาง มันย่อมไม่มีทาง


อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็น นางก็ยินดีที่จะเล่นไปด้วย


เพียงแต่วิธีการในการเรียกนางของเขา?


มันได้ทำให้เกิดความแตกต่างขนาดใหญ่มากกับนาง


นางมองลง เพื่อซ่อนแสงที่เยือกเย็นในสายตาของนาง


เมื่อนางจัดการกับอารมณ์ของนางได้ นางก็มองหน้าชายหนุ่มที่อ่อนโยนตรงหน้านางอีกครั้ง


“ครั้งสุดท้ายหม่อมฉันได้ยินองค์ชายสามกล่าวว่าคุณหนูเหย่ จี้ต้องการเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ของหม่อมฉัน วันนี้พวกเราไปกันเลยดีไหมเพคะ? ”


นางอยากจะเห็นน้องสาวบุณธรรมของเขาที่เขาพูดถึง และสิ่งที่เขาต้องการจากมัน


นางไม่เชื่อว่าเขาจะมาที่จวนตระกูลโหลว หลาย ๆ ครั้งเพื่อบอกแค่ว่าน้องสาวบุญธรรมของเขาต้องการให้นางไปเยี่ยมจวนของเขา


ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน


แสงกระพริบขึ้นในดวงตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เสียงหัวเราะของเขาก็ดังขึ้น “เป็นเช่นนั้นยอมเป็นเรื่องที่ดี ข้าเชื่อว่าเหย่ จี้ จะดีใจที่จะได้พบเช่นกันชิงอู๋”


“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”


การแสดงออกของโหลว ชิงอู๋ ยังคงสงบ


นางหันกลับไปและเดินออกก่อนเขา


นางไม่จำเป็นต้องหันไปก็รู้ว่าสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นาง เพราะพวกมันติดอยู่กับนางและไม่ได้ขยับออกไปไหนเลย


แล้วหัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว


ถึงแม้ว่านางจะพยายามอย่างหนักที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ในขณะที่นางหลับตาลง นางก็สามารถมองเห็นเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และโหลว เหลียนซิน ดูถูกนางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจากด้านบน


มันยังคงทำให้มือของนางกำเป็นกำปั้นแน่น ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเยือกเย็นลงในขณะที่กระดูกของนางรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ไม่ได้อยู่ในพระราชวัง ตรงกันข้ามอยู่อาศัยอยู่อย่างเรียบง่ายในตำหนักของเขาเองที่ถูกแยกออกจากทุกสิ่งทุกอย่าง


นอกจากนี้ตำหนักของท่านอ๋องรัตติกาลก็ยังอยู่ไม่ไกลเกินไปเช่นกัน


เมื่อนางไปถึงตำหนักขององค์ชายสาม โหลว ชิงอู๋ก็รู้สึกประหลาดใจว่าน้องสาวบุญธรรมของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เหย่ จี้ ไม่ได้อยู่ที่นั่นเลยด้วยซ้ำ


เมื่อพวกเขาถามคนรับใช้ พวกเขาก็ได้รู้ว่านางออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว


หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวดขึ้น ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความไม่เชื่อ


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หันหลังให้กับนางในขณะที่เขาพูดกับพ่อบ้าน


นางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่นางก็อยู่เคียงข้างเขาเป็นเวลาถึงแปดปี ดังนั้นนางเพียงแค่เห็นด้านหลังของเขา นางก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังมีความสุขหรือโกรธ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนางเห็นนิ้วชี้ขวาของเขาโดยค่อยๆกดลงไปบนเสื้อผ้าของเขา นั่นคือการเคลื่อนไหวที่เขาทำเมื่อเขากำลังคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง


โหลว ชิงอู๋หรี่ตาของนางลง


ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้วางแผนเรื่องนี้กับเหย่ จี้ มาก่อน


นางไม่รู้ว่าเซี่ยโฮ่ว ฉิ่งพูดอะไรกับพ่อบ้าน แต่เมื่อเขาหันกลับมา อาการของเขาก็กลับมาเป็นปกติ


เขายิ้มขึ้น “ดูเด็กคนนี้ ข้าบอกให้นางอยู่อย่างเชื่อฟังในเรือน แต่นางก็วิ่งออกไปเช่นนั้น นี้ก็เริ่มสายแล้ว ทำไมเราไม่ไปหาสถานที่อื่นด้านนอกเพื่อพูดคุยต่อจากที่เราค้างไว้? เราสามารถรอให้นางกลับมาได้และข้าจะฝากข้อความไว้กับคนรับใช้บอกว่าพวกเรากำลังรอนางอยู่? ”


โหลว ชิงอู๋ มองเขาอย่างลึกซึ้ง


นางหัวเราะขึ้นอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะตอบขึ้น “ได้เพคะ”


เขามีตำหนักที่ดีอย่างสมบูรณ์ แต่เขากลับอยากจะออกไปข้างนอก?


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ดูสิว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?


123.1

โหลว ชิงอู๋ และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ไปที่หอฉิงอี้ (ร้านอาหาร / สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ) ไม่ไกลจากตำหนักขององค์ชายสาม


พวกเขาเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ชั้นสองใกล้หน้าต่าง


ด้านนอกเป็นแม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงและเนื่องจากยังไม่ถึงเวลากลางคืน จึงมีเรือจอดพักผ่อนอยู่จำนวนไม่มากที่ลอยอยู่ในแม่น้ำ ลอยตัวไปตามสายลมอย่างงดงาม


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม้ เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง จะออกจากเมืองหลวงไปสองสามปีแต่เขายังคงมีหูมีตารอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวง


ตอนนี้เขาได้เลือกหอฉิงอี้ แห่งนี้มันทำให้เจ้าได้เห็นถึงความตั้งใจของเขา


ทางเลือกของเขาถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่โปรดปรานสำหรับหญิงสาว


แม้ผู้ที่อยู่ในอารมณ์ไม่พอใจจะรู้สึกมีความสุขเพียงแค่มองเห็นมุมมองที่สวยงามและงดงามด้านนอก


นอกจากนี้ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามก็ยังหล่อเหลามากอีกด้วย เขาสามารถพูดได้ดีและในเพียงไม่กี่คำก็อาจทำให้ผู้หญิงหลงใหลไปถึงจุดที่นางจำชื่อของตัวเองไม่ได้


“ชิงอู๋ ลองขนมอบของร้านนี้และดูว่าเจ้าจะชอบชิ้นไหน?”


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หยิบตะเกียบไม้ที่สะอาดและวางไว้ในถาดตรงหน้าของโหลว ชิงอู๋ 


มันเป็นขนมอบสามสี มันมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของดอกพลัม แต่เมื่อดูอย่างใกล้ชิดก็ดูเหมือนจะไม่ใช่


โหลว ชิงอู๋ ลองชิ้นเล็กๆ นางใส่มันลงไปในปากของนางแล้วมันละลายอยู่ในปากของนาง


ภายในปากของนาง ยังคงมีกลิ่นหอมของมันเหลืออยู่ แน่นอนว่ามันต้องเป็นสิ่งที่มีคุณภาพสูง


นางพยักหน้าและวางตะเกียบของนาง ก่อนจะยิ้มให้เขา


“มันสมกับที่เป็นขนมอบสีสามสีที่ขึ้นชื้อของหอฉิงอี้ ได้ความสดชื่อของดอกบัวความละมุนละไมของพุทราและน้ำหอมของดอกพลัมทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจลืมได้ “


“ฮ่าๆ ตราบใดที่ชิงอู๋ ชอบมัน มันก็คุ้มค่ากับความพยายามขอข้าที่ได้ลองทุกรายการอาหารของหอฉิงอี้แห่งนี้”


เมื่อเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง พูด เขาก็มองเข้าไปในดวงตาของโหลว ชิงอู๋ อย่างลึกซึ้ง


ดวงตาสีเข้มของเขา สดใสและสะท้อนภาพของนาง ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับนางอย่างแท้จริงและยิ่งจะทำให้นางหลงใหล


โหลว ชิงอู๋ มองเขาตอบ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยนขณะที่นางมอง เมื่อนางได้ยินเขาพูด


จากมุมมองของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มันเป็นท่าทางของหญิงสาวที่กำลังเขินอาย


“องค์ชายสามจะกินอาหารทุกอย่างของที่นี่ได้อย่างไรเพคะ? โปรดอย่าล้อเล่นกับชิงอู๋เช่นนี้เลยเพคะ ”


ดวงตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เปลี่ยนเป็นลึกและอ่อนโยนมากขึ้น “ชิงอู๋ ข้าจะล้อเล่นกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าสัญญาอย่างจริงใจว่าทุกอย่างที่ข้าพูดออกมาจากหัวใจของข้าและมีเพียงคนที่งดงามที่สุดอย่างเจ้า ชิงอู๋ ถึงจะสามารถเปรียบเทียบกับความภูมิใจของดอกท้อและทำให้ใครบางคน … “


ชิงอู๋ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกและมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าด้วยความจริงใจ


คำพูดของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เป็นเหมือนฝันร้ายที่เจาะเข้าไปในหูโหลว ชิงอู๋ 


ดวงตาที่ลดลงของนางซ่อนความหนาวเย็นราวกับว่านางได้กลายเป็นปีศาจในวินาทีต่อมา เพื่อกัดไปที่ผู้ชายที่นางเกลียดชังที่อยู่ข้างๆ นาง กัดเข้าไปในลำคอและดูดเลือดทั้งหมดของเขา


แต่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ก็ยังคงพูดต่อไปอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์เท่าที่เขาทำได้


แต่น่าเสียดายที่หญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามกับเขาได้ลดศีรษะของนางลง การแสดงออกของนางจึงไม่ชัดเจน


แต่เขาสามารถมองเห็นมือของนางที่อยู่บนโต๊ะราวกับนางกำลังประหม่าเพราะมือของนางสั่นอยู่เล็กน้อย


ดวงตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง กระพริบขึ้นด้วยความหยิ่ง ในขณะที่เขาตั้งใจจะทำให้เสียงของเขาต่ำลง ทำให้เสียงของเขาดูน่าฟังมากขึ้น


หน้าอกของโหลว ชิงอู๋ เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นและลงหนักขึ้น นางจึงใช้ความพยายามในการสงบตัวเองลง


ตอนนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาก็ทำให้นางต้องการที่จะทุบตีไปที่ขนมอบสามสีที่นางเพียงแค่กินไปหนึ่งชิ้นและโยนมันไปที่ใบหน้าของเขา


แต่นางรู้ว่านางไม่สามารถทำได้ …


เมื่อโหลว ชิงอู๋ ไม่สามารถทดได้อีกต่อไปและกำลังจะบอกให้เขาหุบปาก จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงของพิณดังขึ้น


เสียงที่หนาวเย็นและชัดเจนเป็นเหมือนน้ำพุที่ใสสะอาดล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดออกไปใจของนาง


โหลว ชิงอู๋ ค่อยๆ สงบลง


เมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็แดงในขณะที่นางแอบมองไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ก่อนที่จะรีบหันไปทางอื่น


“ข้าจะงดงามเช่นนั้นได้อย่างไร? องค์ชายสามคงต้องล้อเล่นแล้วเพคะ “


หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ดูเหมือนจะได้ยินพิณเสียงอีกครั้ง


นางรีบหันศีรษะไปข้างนอกเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “อา ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนกำลังบรรเลงพิณอยู่ ทำไมพวกเราไม่ไปดูเพคะองค์ชาย? “


123.2

ถ้านางอยู่กับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง อีกเพียงแค่ครู่เดียว นางกลัวว่านางจะไม่สามารถควบคุมตัวเองและทำร้ายเขาเข้า


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เห็นว่านางรู้สึกประหม่าและรู้ว่าเขาน่าจะได้บรรลุเป้าหมายของเขาแล้วในวันนี้


เขาไม่ว่าอะไร เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดียวกับนาง


เมื่อเขาเห็นเรือสำราญที่จอดอยู่ข้างนอก แสงแปลก ๆ ก็กระพริบขึ้นในดวงตาของเขา “เอาล่ะ ลองไปดูกินเถอะ”


เมื่อโหลว ชิงอู๋และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ไปถึงแม่น้ำฮ้วย เรือสำราญก็ดูเหมือนจะผ่านไปแล้ว


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เช่าเรืออีกหนึ่งลำและขึ้นไปพร้อมกับโหลว ชิงอู๋ 


เรือลอยไปกับสายน้ำในขณะที่ โหลว ชิงอู๋ หันศีรษะไปข้างหน้าเพื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง


ยิ่งนางใกล้เข้าไปเท่าไหร่ เสียงพิณก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น


เสียงพิณดูเหมือนจะค่อนข้างคุ้นเคย ดังนั้นนางจึงเดินตามเสียงพิณและพบกับเรือสำราญ “ลองไปทางนั้นกันเถอะองค์ชาย”


ที่โหลว ชิงอู๋ ไม่สามารถมองเห็นได้คือเสียงหัวเราะในปากเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น”ได้ คนขับเรือแล่นเรือไปทางด้านนั้น “เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ชี้ไปที่เรือที่มีเสียงพิณดังออกมา


โหลว ชิงอู๋ ดูเหมือนจะหลงไปกับเสียงพิณ ในขณะที่ดวงตาของนางค่อยๆ อ่อนโยนลง


รูปร่างที่งดงามของนาง ส่งกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกสงบออกมา


แสงแดดตกบงมาบนใบหน้าของนางและทำให้นางดูเหมือนภาพฝัน


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ช่วยไม่ได้ที่จะเฝ้ามองนางและจู่ๆ เขาก็นึกถึงเพลง <ความแตกต่างที่มีสติ > ขึ้นมา


ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่พิณที่อยู่ไม่ไกลออกไปและนำมันมาวางไว้ในโต๊ะข้างหน้าเขา


นิ้วเรียวยาวของเขาดึงสายพิณขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเล่น <หงส์เฝ้าตามหาหงส์ >


เมื่อโหลว ชิงอู๋ ได้ยินเพลงนี้ นางก็แข็งค้างไปทันที


นางหันไปเผชิญหน้ากับเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่กำลังเล่นมันอยู่อย่างแน่วแน่และจริงจังมาก


ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มของเขา ทำให้เขาดูหยกงาม


เมื่อเขาไม่ยิ้มใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและโดดเด่น


แต่เมื่อริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย มันทำใบหน้าของเขายิ่งหล่อเหลาเข้าอีก


นี่คือเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และเพลง <หงส์เฝ้าตามหาหงส์> ที่จะกุมหัวใจนางเอาไว้ เพื่อทำให้นางเต็มใจที่จะเดินทางไปยังจุดสิ้นสุดของอีกโลกเพื่อไปยังอีกที่หนึ่งไปตลอดชีวิตของนาง


แต่น่าเสียดายที่ความรักของเขาไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาที่จะโยนมันออกไปได้


โหลว ชิงอู๋ เฝ้าดูเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ


การแสดงออกของนาง ทำราวกับว่านางกำลังมึนงงเล็กน้อย ทำให้ดูเหมือนว่านางหลงใหลไปในเสียงเพลง


รอยยิ้มของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง งอกเงยขึ้นเมื่อเขาเห็นท่าทางของนาง ดวงตาของเขายิ้มอย่างอ่อนโยนมาที่นาง


มันเหมือนกับคู่รักที่มองลึกเข้าไปในสายตาของกันและกัน ราวกับว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาคือคนที่เขาไล่ตามอย่างหลงใหล


แต่น่าเสียดาย …


ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีหัวใจไปนานแล้ว


ในสถานที่ที่โหลว ชิงอู๋ ไม่สามารถมองเห็นได้ เรือทั้งสองก็ลอยเข้ามาอยู่ใกล้กัน


ในเรือตรงข้าม ชายคนหนึ่งกำลังถือเหล้าองุ่นอยู่อย่างเฉื่อยชา


เมื่อเขาได้ยินเพลง <หงส์เฝ้าตามหาหงส์> เขาก็มองไปอย่างผ่านๆ แต่เมื่อเขาเห็นคู่รักชายและหญิงกำลังมองตากันอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสีม่วงของขาก็จมดิ่งลง


ดวงตาของเขาดำมืดลง ในขณะที่กลิ่นอายของเขาดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น


ไม่ไกลจากชายคนนั้น ก็มีสาวงามที่น่าทึ่งอยู่ในชุดสีแดงกำลังนั่งอยู่หน้าพิณ มือของนางเล่นจนจบ ก่อนที่นางจะค่อยๆดึงมือของนางออกไปมัน


เสียงพิณก็ค่อยๆหยุดลง


แต่ไม่รู้ว่านางตั้งใจหรือไม่ เมื่อนิ้วของนางขยับออกมาจากตัวพิณ นิ้วของนางก็ถูกบาดเข้าให้


เลือดไหลออกจากบาดแผล ในขณะที่นางมองดูน่าสาร


ดวงตาขนาดใหญ่และงดงามของนางส่องประกายไปที่ชายที่หล่อเหลาที่อยู่ข้างหน้าของนาง “ท่านพี่เหย่ ข้าได้รับบาดเจ็บ … “


124.1

เสียงที่อ่อนโยนและเอียงอายของหญิงสาวได้เดินทางไปที่หูของโหลว ชิงอู๋ ในขณะที่จู่ๆ นางก็ตระหนักว่านางต้องการสร้างระยะห่าง


นางหันไปรอบ ๆ เพื่อที่จะมองไปที่เรือสำราญอีกลำ ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับคู่สายตาที่ลึกและดำมืด


นางช่วยไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น “ท่านอ๋องรัตติกาล”


ในเวลาเดียวกันเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่อยู่ข้างๆ โหลว ชิงอู๋ก็เรียกขึ้น”เหย่ จี้”


โหลว ชิงอู๋ มองไปที่ผู้หญิงที่กำลังผิงอยู่บนร่างของเฟิง เหย่เก้อร์ 


ดวงตาของนางลึกซึ้ง เกือบจะเรียกได้ว่างดงามมาก


การกระทำที่เอียงอายและออดอ้อนของนางที่มีต่อเฟิง เหย่เก้อร์ในตอนแรกหยุดลง เมื่อชื่อของนางถูกเรียกออกมา


นางหันกลับไปและเมื่อนางเห็นว่าเป็นเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง นางก็หัวเราะออกมา “อ่า ที่แท้ก็พี่ใหญ่นี่เอง”


ในเวลาเดียวกันดวงตาของนางก็ตกลงไปที่โหลว ชิงอู๋ ในขณะที่รอยยิ้มของนางขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ “นี่…คงจะเป็นน้องสาวชิงอู๋”


เสียงของเหย่ จี้ ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน ในขณะที่นางยิ้มให้กับโหลว ชิงอู๋ จากระยะไกลๆ


นางมองไปที่โหลว ชิงอู๋ คนที่กำลังมองมาที่มือที่มีเลือดไหลอยู่ของนาง 


นางยิ้มอย่างน่าหลงใหลมากขึ้น ในขณะที่นางยกมือที่มีเลือดไหลขึ้นและเลียมัน


นางมองอย่างไร้เดียงสาไปที่คนที่สงบอยู่ตลอดเวลาอย่างเฟิง เหย่เก้อร์ ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพี่เหย่ช่างใจร้ายจริงๆ ข้าได้รับบาดเจ็บและท่านไม่แม้แต่จะช่วยข้าดูมัน”


การแสดงออกของเฟิง เหย่เก้อร์ นั้นดูไม่ค่อยดี ในขณะที่เขาหันสายตาออกไปจากโหลว ชิงอู่และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง  


เขาค่อยๆลุกขึ้น “ในเมื่อองค์ชายสามอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็ควรจะตามเขากลับไป”


เขาหันกลับไปและเดินไปยังจุดท้ายสุดของเรือสำราญ


เขากระโดดลงไปเหยียบน้ำครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนริมฝั่งแม่น้ำ


เขาค่อยๆสะบัดหยดน้ำไม่กี่หยดออก ก่อนที่จะเดินจากไปด้วยขาที่ยาวๆ ของเขา


เหย่ จี้ คนที่กำลังไล่ตามเขาไปจนถึงท้ายเรือเห็นเช่นนั้น ก็ช่วยไม่ได้ที่จะร้องขึ้น “ท่านพี่เหย่ ท่านพี่เหย่ … “


เฟิง เหย่เก้อร์ ดูเหมือนจะไม่ได้ยินนาง ในขณะที่ภาพเงาของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว


ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ จับจ้องอยู่กับเขาจนกระทั่งเขาหายตัวไป จากนั้นนางก็ค่อย ๆ มองไปทางอื่น


เมื่อนางหันกลับมา นางเห็นสายตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง อยู่ที่นาง


ดวงตาของเขายังอ่อนโยน ในขณะที่เขาถามขึ้น”ชิงอู๋ เจ้ารู้จักท่านอ๋องรัตติกาลด้วยหรือ?”


“ใช่แล้วเพคะ พวกเราพบกันไม่กี่ครั้ง”


ดวงตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ดูลึกล้ำขึ้น“ข้าได้ยินมาว่าในคืนงานเลี้ยงสังสรรค์ของเสด็จพ่อ ท่านอ๋องรัตติกาลได้ช่วยเจ้ายืนยัน” หญ้าไร้บุตร ” ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนหรือไม่? ”


การแสดงออกของโหลว ชิงอู๋ ได้ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ดวงตาของนางยังคงดำมืดและไม่สามารถอ่านได้


ในขณะที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง คิดว่านางจะไม่ตอบคำถามของเขา นางก็หันกลับมาและมองไปที่เหย่ จี้ คนที่ไม่มีความสุขอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารู้จักเขามาก่อนหน้านั้น เมื่อเรายังเด็ก พวกเราได้พบกันครั้งหนึ่งและก็ไม่เคยพบกันอีกแล้ว “


“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หัวเราะขึ้นอย่างมีความหมาย


ไม่แปลกใจว่าทำไมท่านอ๋องรัตติกาลถึงได้ปฏิบัติกับนางแตกต่างไป 


ดูเหมือนว่าเขาจะเดิมพันกับนางอยู่


“ข้าไม่รู้ว่าท่านอ๋องรัตติกาลและเหย่ จี้จะรู้จักกันด้วย?”


ตามบุคลิกของศิษย์พี่ใหญ่ของนาง แม้ว่าจะเป็นคนที่เขารู้จักก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็ยังคงจะไม่สามารถพบเขาได้แบบตัวต่อตัว


เขามักจะอยู่ในเรือนฉิงเก้อร์น้อยของเขา  ดูแลต้นไม้และดอกไม้ของเขา


เป็นเพราะนางรู้จักเขาดีมาก จนทำให้นางอยากรู้ถึงตัวตนของเหย่ จี้มากขึ้น 


124.2

เป็นเพราะนางรู้จักเขาดีมากจนทำให้นางอยากรู้ถึงตัวตนของเหย่ จี้ มากขึ้น


ตามที่นางรู้ดีว่าถ้าเหย่ จี้ เป็นแค่น้องสาวบุณธรรมขององค์ชายสาม นางจะไปพบฮ่องเต้เพียงครั้งเดียวและจะได้รับการมอบตำแหน่งได้อย่างไร?


มัน … ไม่ถูกต้อง


นอกจากว่าเหย่ มี จะมีฐานะบางอย่างและมันสูงมาก


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งมองตามสายตาของโหลว ชิงอู๋ ก่อนจะยิ้ม “ดูเหมือนว่าน้องสาวของข้าและท่านอ๋องรัตติกาลจะมีประวัติร่วมกันมาก่อน”


“โอ้?” โหลว ชิงอู๋หันมามองตาของนางดูลึกขึ้น “องค์ชายสามหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”


“เหย่ จี้ เป็นองค์หญิงของตระกูลเหย่ไป๋ บิดาของนางและของท่านอ๋องรัตติกาลเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อท่านอ๋องรัตติกาลยังเยาว์วัยบิดาของท่านอ๋องพาเขาไปเยี่ยมชมตระกูลเหย่ไป๋ และในเวลานั้นเขาเกือบสูญเสียชีวิตของเขา บิดาของเหย่ จี้ เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แล้วบิดาของท่านอ๋องรัตติกาลก็ได้พูดล้อเล่นขึ้นว่าควรจะมีการแต่งงานระหว่างบุตรของพวกเรา แต่ในเวลานั้นถึงแม้ว่าท่านอ๋องรัตติกาลจะยังเด็กอยู่ แต่เขาก็เป็นตัวของตัวเองมากและปฏิเสธนาง ทำให้เหย่ จี้ รู้สึกอับอายและไม่พอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นนางจึงยึดติดอยู่กับท่านอ๋องรัตติกาลจนกระทั่งเขาจากไป ดังนั้นเมื่อนางได้ยินว่าข้ากำลังจะกลับมาที่เมืองหลวง นางก็ขอติดตามมากับข้าด้วย ดูเหมือนว่านางยังคงยึดติดอยู่บนท่านอ๋องรัตติกาลไม่เปลี่ยน”


“โอ้ ….”


โหลว ชิงอู๋ ทำเสียงเหมือนรับรู้ขึ้น เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มองไปที่นางสองครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น”ข้าได้ยินท่านอ๋องรัตติกาล… ปฏิบัติเป็นพิเศษกับเจ้า ใช่หรือไม่?”


โหลว ชิงอู๋ หันหน้าไปทางเขา “ข้าไม่รู้ว่าองค์ชายสามตีความคำว่า” พิเศษ “อย่างไร?


“มันหมายถึงชอบ!”


ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงที่มีเสน่ห์ก็ดังและขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขาขึ้น


เหย่ จี้ที่อยู่ในชุดสีแดงทั้งตัว ได้กระโดดขึ้นจากเรือลำหนึ่งมายังเรืออีกลำหนึ่ง


สีแดงสดใสของชุดของนางราวกับไฟ ทำให้คนนึกถึงความหลงใหลเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นนาง


ข้อมือและข้อเท้าของนางสวมกระดิ่ง ในขณะที่นางเดินเสียงกระดิ่งจะดังขึ้นชักชวนให้ผู้คนสนใจ


นางเห็นโหลว ชิงอู๋แข็งค้างไปกับคำพูดของนาง นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะนั่งลงไปที่โต๊ะและเอนตัวเข้าไปมองที่โหลว ชิงอู๋ “น้องสาวชิงอู๋ ท่านพี่เหย่ชอบเจ้าหรือไม่”


นางพูดอย่างชัดเจน แม้แต่โหลว ชิงอู๋ก็ยังตกใจมาก


นางหยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะยืดตัวขึ้น


ใบหน้าที่งดงามของเหย่ จี้ พุ่งเข้ามาข้างหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกอึดอัด “ไม่มีทาง ท่านอ๋องรัตติกาลเพียงแค่ช่วยเหลือดูแลข้าเล็กน้อยเท่านั้น”


“จริงๆ หรือ?” เหย่ จี้ยิ่งเข้ามาใกล้โหลว ชิงอู๋มากขึ้นอีก 


“แน่นอน” นางมองไปที่เหย่ จี้ อย่างสงบ ดวงตาที่ชัดเจนของนางยังคงเหมือนเดิม


เหย่ จี้ รู้สึกโล่งอก


นางจับมือโหลว ชิงอู๋ อย่างมีความสุข “น้องสาวชิงอู๋ อย่าได้ถือโทษข้า ทันทีที่ข้ามาถึงเมืองหลวง ข้าก็ได้ยินจากทุกคนพูดเกี่ยวกับตัวเจ้าและท่านพี่ชายเหย่ ดังนั้นข้าจึงแทบจะเสียสติ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว เราก็สามารถเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ แต่ “ดวงตาของเหย่ จี้ หมุ่นไปรอบๆ


ร่างกายของนางแทบจะพิงมาที่โหลว ชิงอู๋ ทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาก


โหลว ชิงอู๋ กดอารมณ์ความรู้สึกของนาลงไป ทำให้ไม่สามารถอ่านอะไรบนใบหน้าของนางได้


นางรู้สึกว่าลมหายใจของเหย่ จี้ อยู่ที่คอของนาง “น้องสาวชิงอู๋ เจ้าคงจะคุ้นเคยกับท่านพี่เหย่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามีจุดอ่อนตรงไหน”


หัวคิ้วของโหลว ชิงอู่ขมวดขึ้น และพยายามปฏิเสธความใกล้ชินที่เหย่ จี้บังคับให้เกิดขึ้นกับนาง


นางค่อยๆ ดึงมือออกจากการจับกุมของนางอย่างเงียบๆและส่ายหัว “ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับท่านอ๋องรัตติกาล แล้วข้าจะรู้จุดอ่อนของเขาได้อย่างไร? แม่นางจี้ถามผิดคนแล้ว “


“เช่นนั้นหรือ … ”


เหย่ จี้ เสียใจก่อนจะถอยกลับออกไป


นางนั่งลงข้างๆโหลว ชิงอู๋ และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง 


นางท้าวคางด้วยมือของนาง กระพริบตาขึ้นและจู่ก็ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้


นางหันหัวกลับมาและมองไปที่โหลว ชิงอู๋ อย่างน่าสงสาร “น้องสาวชิงอู๋ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องรัตติกาล ชอบอะไรมากที่สุด?”


โหลว ชิงอู๋ “เรื่องนั่น … “


เหย่ จี้ เห็นโหลว ชิงอู๋ ลังเลแล้วดวงตาของนางสว่างขึ้น


นางจับแขนเสื้อของนาง ก่อนจะสะบัดไปมา”น้องสาวชิงอู๋ ข้าขอร้องเจ้าโปรดช่วยบอกข้าที เจ้าสามารถที่จะทนเห็นข้าไม่กิน ไม่นอนเนื่องจากเรื่องของท่านพี่เหย่ได้หรือ เจ้าจะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรืออีกอย่างเจ้าก็ไม่ได้ชอบท่านพี่เหย่เสียหน่อย ดังนั้นยกเขาให้ข้า ข้าขอร้องล่ะ! “


125

“ข้าควรส่งนางกลับได้แล้ว?” ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง เดินเข้ามาและหยุดอยู่หน้าโหลว ชิงอู๋ “ชิงอู๋ มันเริ่มดึกแล้วข้าควรจะส่งเจ้ากลับได้แล้ว”


โหลว ชิงอู๋เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าช้าๆ


เขามองมาที่นางเป็นเวลานานเกินไป ดังนั้นนางจึงลดสายตาลง


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง หัวเราะขึ้นเบา ๆ ก่อนจะมองไปที่เหย่ จี้ ที่อยู่ด้านหลังของโหลว ชิงอู๋ 


เหย่ จี้เพียงแค่ปิดปากและหัวเราะคิกคักขึ้น ก่อนจะพาคนรับใช้ของนางไปกับนางในขณะที่นางจากไป


กระดิ่งบนข้อมือและข้อเท้าของนางดังขึ้น ในขณะที่ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ เริ่มเยือกเย็นขึ้น


ทั้งสองคนออกจากตำหนักขององค์ชายสามกลับไปที่จวนตระกูลโหลว


ไม่ได้มีหลายคนที่อยู่บนถนน ดังนั้นในระหว่างทางกลับไปที่นั่นเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง จึงกล่าวซ้ำสิ่งที่เขาได้ยินจากหลานป๋ายขึ้นกับโหลว ชิงอู๋ 


โหลว ชิงอู๋ ตอบเป็นครั้งคราวเพียงไม่กี่คำและไม่เป็นที่ชัดเจนว่านางกำลังฟังอยู่หรือเพียงแค่บอกปัดเขาไปเท่านั้น


เมื่อพวกเขากำลังจะไปถึงที่จวนตระกูลโหลว เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ก็มองไปที่หญิงสาวที่เงียบสงบและสง่างามที่อยู่ข้างๆเขาด้วยดวงตาที่คมของเขา แต่เสียงของเขากลับยังคงอ่อนโยนราวกับน้ำ “คราวนี้มันเป็นโชคดีที่เจ้าอยู่ที่นั่น ชิงอู๋ มิฉะนั้นข้าคงจะรำคาญจนตายจากเด็กคนนั้น “


“มันเป็นสิ่งที่ชิงอู๋สามารถทำได้เพคะ”


อยู่หน้าจวนตระกูลโหลว โหลว ชิงอู๋ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความเอียงอายและใจกว้าง “ข้าถึงแล้ว องค์ชายก็ควรจะรีบกลับนะเพคะ”


เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะจากไป ดวงตาของเขามองลึกลงไปที่โหลว ชิงอู๋ “เช่นนั้น ข้าจะมาพบเจ้าที่จวนตระกูลโหลวได้อีกหรือไม่?”


โหลว ชิงอู๋ ยิ้มให้เขา ไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธเขา


สายตาของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ค่อยๆเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในเวลาอันสั้นมันก็กลับมาสู่ความอบอุ่นตามปกติ “นี่ก็ดึกมากแล้ว ชิงอู๋ เจ้าควรจะเข้าไปข้างในก่อน”


“เพคะ”


โหลว ชิงอู๋ ตกลงและหันหลังจากไป


แต่ทันทีที่นางหันกลับมารอยยิ้มของนางหายไป


ความเกลียดชังที่อยู่ในดวงตาของนางแวววับเหมือนดาวฤกษ์ ราวกับว่านางกำลังขึ้นจากนรก เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและน่ากลัว


ไม่ว่ามันจะน่าสนใจแค่ไหน นางก็เคยมีประสบการณ์มาก่อนในชีวิตที่ผ่านมาของนางแล้ว ดังนั้นความอดทนของนางจึงหมดไปแล้ว


ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของนาง เพราะนางตกหลุมรักเขา นางเชื่อฟังเขา


แต่หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ความอดทนของนางก็ถึงขีดจำกัด


เมื่อโหลว ชิงอู๋ มาถึงเรือนลมเอนเอียง หลานป๋ายก็ได้ทักทายนางขึ้นอย่างไม่สบายใจ “นายท่าน!”


“อืม เจ้ายังไม่หลับหรือ?”


หลานป๋ายกำลังจะร้องไห้ “นายท่าน วันนี้ข้าช่างไร้ประโยชน์จริงๆ? เพียงเพราะคำพูดขององค์ชายสาม ข้าก็ถึงกับหลงเสน่ห์เขา … “


โหลว ชิงอู๋ แข็งค้างไป ก่อนที่จะหัวเราะขึ้น


นางลูบหัวของนาง “ช่างมันเถอะ? นี่คือสิ่งที่ไม่อยู่ในการควบคุมของเจ้า อีกอย่างแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้หลงเสน่ห์เขา แต่เขาก็จะรู้ได้อย่างง่ายดายว่าเจ้าเป็นตัวปลอม เขาฉลาดและเจ้าเล่ห์กว่าที่เจ้าคิด “


หลานป๋ายแข็งค้างไปทันที


“แต่ข้าเห็นว่าองค์ชายสาม … “


“อะไร? อ่อนโยน? สง่างาม? หรือเต็มไปด้วยภูมิปัญญา? “โหลว ชิงอู๋ถอนหายใจขึ้น


“ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก เจ้ารู้ไหมว่าเขามีกำลังทหารมากขนาดไหน? ”


หลานป๋ายส่ายหัว


โหลว ชิงอู๋ หยุดไปชั่วคราว ก่อนที่จะพูดต่อ “ทุกอำนาจทางทหารที่เขาถืออยู่ในมือต่างก็เปียกโชกไปด้วยเลือด คนที่ติดตามเขา เขาจะแกล้งทำเป็นอ่อนข้อให้ แต่ลับหลัง เขาจะหักหลังพวกเขาและยึดอำนาจนั้นไว้ในมือ ผู้ที่ไม่เต็มใจที่จะติดตามเขา เขาก็จะหาทางที่จะทำลายพวกเขาอย่างเงียบ ๆ เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาได้กลับมาในวันเกิดของฮ่องเต้หรือ? ไม่แน่นอน เขาไม่ได้มีจิตใจที่ดีขนาดนั้น  เมื่อฮ่องเต้ยังหนุ่มเพราะสถานะต่ำต้อยของมารดาที่ให้กำเนิดเขา เขาจึงไม่เคยปฏิบัติอย่างดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกใดๆต่อฮ่องเต้ และเขาก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแทนที่เขา “


หลานป๋าย ตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน “มันจะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าค่ะ?”


จู่ๆ โหลว ชิงอู๋ ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้


“เขาฝังมันไว้ลึกมาก”


ดังนั้นในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาจึงสามารถเอาชนะศัตรูและอุปสรรคทั้งหมดของเขาไปยืนเป็นคนสุดท้ายได้


แต่ในท้ายที่สุด เมื่อนกบินไปถึงจุดสิ้นสุดของมัน ธนูที่ยิ่งใหญ่ก็จะถูกฝังเอาไว้ กระต่ายเจ้าเล่ห์ที่มีไหวพริบและสุนัขล่าสัตว์ก็จะถูกต้มทั้งเป็น


เมื่อในที่สุดเขาที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้นาง เขาก็จะทิ้งนางอย่างไร้ความปราณี


ด้วยไหวพริบและความฉลาดของเขา เขาจะมองผ่านแผ่นการของโหลว เหลียนซินไปได้อย่างไร?


แต่เขาก็ปล่อยให้นางและแม้กระทั่งมีความสุขในการบังคับให้นางต้องตาย


ความโหดร้ายของเขาไม่ได้เป็นสิ่งที่หลานป๋ายจะสามารถมองเห็นได้


126.1

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าสิ่งที่เขาพูดในวันนี้เป็นแค่การพูดคุยแบบสบาย ๆ ? เขามองเจ้าออกตั้งแต่เริ่มแรกและเพียงแค่ใช้เรื่องราวที่น่าสนใจบางอย่างเพื่อทำให้เจ้ารู้สึกมึนงงเพื่อทำให้เจ้ารู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนที่จริงใจ หลังจากนั้นเขาก็ยังคงถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของข้าโดยพยายามหาจุดอ่อนของข้า “


นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดและเป็นสิ่งที่ยากต่อการต่อต้าน


และนางก็ต้องทนทุกข์ทรมานมากพอแล้วกับช่วงชีวิตที่แล้วมาของนางอย่างน้อยที่สุดคราวนี้นางก็มุ่งไปข้างหน้าอย่างชัดเจน


มิฉะนั้นเมื่อชายที่อบอุ่นและสง่างามที่ไม่ได้มีข้อบกพร่องแม้แต่เพียงอย่างเดียว คนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและเอาใจใส่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเจ้าเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจะพบว่ามันยากที่จะต่อต้าน


ดังนั้นเขาจึงสมบูรณ์แบบมากและนี่คือข้อบกพร่องของเขา


นางไม่คิดว่าการที่นางได้พบกับองค์ชายที่เพิ่งพบนางครั้งหรือสองครั้งจะตกหลุมรักนางและมีความจงรักภักดีต่อนาง


เขาเพียงต้องการจะยืมมือของนางเพื่อส่งคนที่เราเรียกว่า “น้องสาวบุญธรรม” ไปหาท่านอ๋องรัตติกาล และใช้ท่านอ๋องรัตติกาล เพื่อดันตัวเองให้ขึ้นไปที่ตำแหน่งขององค์รัชทายาท


หลายป๋าย ฟังโหลว ชิงอู๋ ในขณะที่นางการแสดงออกของนางเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมและหัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้นอย่างช้าๆคิ้ว


นางพูดขึ้นด้วยความโกรธ”น่าขยะแขยง!”


ในตอนแรก นางคิดว่าเขาเป็นคนที่ดีเยี่ยมและครั้งสุดท้าย เจ้านายของบอกก็บอกว่านางสนใจเขา


ถึงแม้ว่านางจะคิดว่าองค์ชายสามไม่ค่อยดีเท่ากับท่านอ๋องรัตติกาล แต่เมื่อเห็นว่าเขาห่วงใยต่อเจ้านายอย่างไร นางก็เริ่มจะเอนเอียงไปทางเขา


ใครจะรู้ว่าเขาเป็นเพียงสุนัขจิ้งจอกดำที่ทรยศต่อความไว้วางใจของนางเพราะนางกำลังจะพยายามจับคู่เขากับเจ้านายของนางอยู่


ครั้งต่อไป หวังว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้านางอีก มิฉะนั้นนางจะสั่งสอนบนเรียนให้เขาอย่างแน่นอน


เมื่อเห็นหลานป๋าย ทำตัวแบบนี้ โหลว ชิงอู๋ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะลูบหัวของนาง “คืนนี้ข้าพูดทั้งหมดนี้เพื่อให้เจ้าเข้าใจทุกอย่างได้ดีขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามในครั้งต่อไปที่เจ้าพบเขา เจ้าควรทำเป็นว่าเจ้าไม่รู้อะไรเลย “


“อ่า? ทำไมเจ้าค่ะ?”


“เพราะ … ” ดวงตาของโหล ชิงอู๋ ตกลงในที่ๆหนึ่ง ก่อนจะมีเงากระทบลงมาบนใบหน้าของนาง “ข้าต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ”


หลานป๋าย แข็งค้างและไม่เข้าใจว่าทำไมโหลว ชิงอู๋ จึงกลายเป็นคนที่เย็นชามากขนาดนี้


ตามความเป็นสิ่ง เจ้านายของนางและองค์ชายสามไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก ดังนั้นทำไมนางถึงรู้จักเขาดีเช่นนี้?


แต่เจ้านายของนางก็มีอำนาจ ดังนั้นนางจึงต้องเชื่อในเจ้านายของนาง!


“เจ้าค่ะ หลานป๋ายจะจำไว้”


วันรุ่งขึ้นพ่อบ้านถือกล่องที่ประณีตมาที่เรือนฉิ่งเก้อร์น้อย และยืนอยู่ข้างหน้าในขณะที่เขาเคาะประตู “นายท่าน”


“เข้ามา” ภายในห้องอักษร เฟิง เหย่เก้อร์ ไม่ได้แม้แต่จะยกศีรษะของเขาขึ้น ในขณะที่เขาจับพู่กันของเขาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป


พ่อบ้านผลักประตูให้เปิดออก ก่อนจะทำความเคารพและพูดขึ้น “นายท่าน มีคนส่งกล่องขนมอบมาให้ พวกเขาบอกสำหรับให้นายท่านขอรับ”


“ใคร?” หัวคิ้วของเฟิง เหย่เก้อร์ขมวดขึ้น โดยไม่รู้ตัว


“บ่าวได้ยินจากเจ้าหน้าที่ว่ามาจากจวนตระกูลโหลวขอรับ” ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขากล้าที่จะนำมันมา


มิฉะนั้นเขาจะจัดการกับมันด้วยตัวเองไปแล้ว


นอกเหนือจากคุณหนูโหลวแล้วจะมีใครอีกที่จะส่งของมา?


ในขณะที่เขาคิด เมื่อเฟิง เหย่เก้อร์ได้ยินว่ามาจากตระกูลโหลว เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาและเงยหน้าขึ้นมองทันที


ดวงตาของเขาตกลงบนกล่องขนม ในขณะที่แสงกระพริบผ่านเข้าไปในดวงตาของเขา


เขาพยักหน้า “วางมันลง”


126.2

พ่อบ้านเดินไปข้างหน้าและวางมันไว้บนโต๊ะ


เมื่อเขาเปิดมันออก กลิ่นหอมที่ชัดเจนก็ลอยออกมาทันที


เมื่อเขาหยิบขนมอบชิ้นที่อยู่ใกล้ๆออกมาและวางไว้บนจาน เฟิง เหย่เก้อร์ ก็แข็งค้างไปทันที


การแสดงออกของเขาที่สงบก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้น


แต่เมื่อเขานึกถึงฉากที่เรือสำราญเมื่อวานนี้ เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะส่งเสียงเย็นชึ้น ‘ฮึ!’


แต่เมื่อได้เห็นขนมอบเหล่านั้น เขาก็รู้สึกช่วยไม่ได้ ก่อนจะสะบัดมือและพูดขึ้น”ออกไป”


พ่อบ้านแอบมองไปที่การแสดงออกของเฟิง เหย่เก้อร์และรู้ว่าเจ้านายของเขากำลังมีความสุข


เขารับคำและออกไปทันที


เมื่อวานนี้เจ้านายของเขามีกลิ่นอายที่ดำมืดและน่ากลัวมากจนคนอื่น ๆ ในจวนไม่สามารถแบกรับกับมันได้


เขาใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในห้องอักษรทำงานของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารบกวนเขา


โชคดีที่คุณหนูโหลวส่งมันมาทำให้เจ้านายของเขามีความสุขขึ้น


พ่อบ้านคิดถูก อารมณ์ของเฟิง เหย่เก้อร์ดีขึ้นจริงๆ


นอกจากนี้ เขายังกินขนมอบที่หวานมาก ๆจนหมดอย่างน่าตกใจ


ช่วงเวลาที่โหลง ชิงอู๋ ตื่นขึ้นมา โหลว ชุ่นเฟิง ก็ให้คนมาบอกว่าเขาต้องการพบนาง


นางลุกขึ้นและพาหลานป๋าย ไปกับนางที่ห้องโถงใหญ่


เมื่อนางไปที่นั่น นางก็เห็นโหลว เหลียนซินและหยวนเฉิน อยู่ที่นั่นด้วย


นางมองลงในขณะที่นางเดินตรงไปยังใจกลางและทำความเคารพโหลว ชุ่นเฟิง “ท่านพ่อ”


“อ่า ชิงอู๋ เจ้ามาแล้วหรือ มาๆ นั่งลงก่อน “


“… เจ้าค่ะ”


โหลว ชิงอู๋มองไปรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ โหลว เหลียนซิน 


ข้างๆนาง โหลว เหลียนซิน กำลังนั่งตัวตรงและดูงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ


นอกจากชุดสีชมพูราวกับเทพธิดาของนางแล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางที่งดงามอยู่แล้วก็ยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีก


เมื่อนางสังเกตเห็นว่ามีสายตากำลังมองมาที่นาง โหลว เหลียนอซิน ก็หันมาและอย่างไม่คาดฝัน นางยิ้มให้กับนางอย่างอบอุ่นและให้เกียรติ “พี่ใหญ่”


หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวดขึ้น ในขณะที่นางพยักหน้า


นางมองไปที่นางและสงสัยว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรทำไมทุกคนถึงได้มาอยู่ที่นี่


หลานป๋ายยังคงมีบาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่หยวนฉินวางแผนเล่นงานนางและพยายามจะหักขาของนาง ดังนั้นนางจึงเฝ้าดูพวกนางอย่างระมัดระวัง


นางเฝ้าดูการแสดงออกของพวกนาง ดังนั้นนางจึงเห็นริมฝีปากของ โหลว เหลียนซินที่โค้งขึ้นอย่างหยิ่งยโส 


นางสงสัยขึ้นทันทีว่าพวกนางกำลังจะมาไม้ไหน


แต่หยวนเฉินยังไม่ได้มีเวลาที่จะจัดการกับโหลง ชิงอู๋และหลานป๋าย 


วันนี้นางมีสิ่งที่สำคัญกว่ามากให้ต้องจัดการ


โหลว ชุ่นเฟิง เห็นว่าโหลว เหลียนซินและโหลว ชิงอู๋ ดูกลมกลืนกันแค่ไหนอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน “ชิงอู๋ เหลียนเอ้อร์ ก่อนหน้านี้นางยังเด็กเกินไปดังนั้นถ้านางทำอะไรผิดต่อเจ้า เจ้าจะต้องให้อภัยนาง มีคำพูดเคยพูดเอาไว้ พี่ก่อนน้อง ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นน้องสาวของเจ้าจึงไม่ควรแต่งงานก่อน แต่เจ้าก็รู้ว่าหลังจากเรื่องนั้น เหลียนเอ้อร์ก็ไม่สามารถรอได้อีก ตระกูลหลี่จึงส่งของหมั้นมาในวันนี้ ห้าวันเป็นวันที่ดี ดังนั้นเจ้าคงจะขัดอะไรใช่ไหม? ”


โหลว ชิงอู๋มองลงเพื่อซ่อนสายตาของนางจากพวกเขา ในขณะที่นางส่ายหัว “ลูกต้องมีความสุขแทนน้องรองอยู่แล้วเจ้าค่ะ”


นางกลัวว่าน้องสาวที่ดีของนางจะไม่มีความสุขหลังจากได้แต่งงานไปแล้ว


ทันใดนั้นเสียงของฆ้องและกลองก็ได้ยิน เช่นเดียวกับเสียงของประทัด


เมื่อโหลว ชุ่นเฟิง ได้ยินเขาก็ยืนขึ้นในทันที “พวกเขามาแล้ว ดี! ดี!”


โหลว ชุ่นเฟิงพูดซ้ำคำว่า”ดี” ถึงสองครั้งด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่บุตรสาวคนรองของเขายังไม่ได้แต่งงานออกไปและพวกเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว


ในตอนแรก เขากังวลว่าตระกูลหลี่จะยกเลิกการหมั่นหมาย แต่มันก็เป็นการดีที่ในที่สุดพวกเขาก็เลือกวันที่จะแต่งงานแทน


วันที่ถือว่าเป็นวันอันมงคล แต่เป็นเพราะมันเร็วเกินไป ทุกอย่างจึงเรียบง่าย


ใบหน้าเล็ก ๆ ของโหลว เหลียนซิน แดงขึ้นและดูเหมือนว่าอารมณ์ของนางจะดีขึ้นด้วย


จู่ๆ นางก็หันไปมองโหลว ชิงอู๋ ก่อนจะยิ้มอย่างสดใสในขณะที่นางพูดอย่างไร้เดียงสาขึ้น “พี่ใหญ่ เมื่อพิธีครบวัยของท่านมาถึง น้องสาวคนนี้อาจจะไม่สามารถมาได้ หลังจากที่ข้าแต่งงานกับเจิ้งเซิง มันอาจจะยากสำหรับข้าที่จะออกมาได้ ในตอนแรกข้าอยากจะบอกก่อนหน้านี้ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ท่านได้ใกล้ชิดองค์ชายสามมาก “


โหลว ชิงอู๋ ทำราวกับว่านางไม่เห็นการเยาะเย้ยและความไม่มีมารยาทในสายตาของนาง ในขณะที่นางหัวเราะขึ้นและไม่ตอบอะไร


127.1

หยวนเฉิน เดินเข้ามาจากข้างนอกและเห็นโหลว เหลียนซินและโหลว ชิงอู๋ พูดคุยกันนางก็ดึงโหลว เหลียนซินไปทางด้านข้างทันที


นางมองไปที่โหลว ชิงอู๋ ก่อนจะหัวเราะและเปลี่ยนเป็นยิ้มๆ “พี่สาวของเจ้ากำลังคว้าไปที่กิ่งไม้ที่สูงขึ้นไป แต่เจ้ากลับอยู่ที่นี่เพื่อเป็นเพียงอนุของคนอื่น เจ้ายังจะขอบคุณพี่สาวของเจ้าสำหรับการเป็นแม่สื่อได้อย่างไร? ”


โหลว ชิงอู๋มองไปที่นาง ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่สามารถรับผิดชอบต่อการเป็นแม่สื่อของเจ้าได้ แต่แม่รองก็เป็นคนแรกที่อยากจะเป็นแม่สื่อของข้า ดังนั้นมันเป็นเพียงความสงสารเท่านั้น … “


นางต้องการดำเนินการต่อไป แต่ก็หยุดลง


หยวนเฉิน โกรธมากจนนางแทบจะพ่นไฟออกมาได้


แต่เสียงกลองและเสียงดังจากข้างนอกทำให้อารมณ์ของนางดีขึ้น “แต่ เหลียนเอ้อร์ ก็จบลงด้วยการแต่งงานกับผู้ช่วยหลี่อยู่ดี”


“เช่นนั้นหรือ?” โหลว ชิงอู๋ เงยหน้าขึ้นมองผ่านหยวนเฉิน ไปยังหลี่ เจิ้งเซิง และเสนาบดีฝ่ายขวา หลี เหมียว ที่เพิ่งจะเดินเข้าไปข้างใน


นางเดินสองก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งนางอยู่ข้างๆ หูของหยวนเฉิน ก่อนจะกระซิบขึ้น “แม่รอง บางครั้งยิ่งท่านขึ้นไปสูงเท่าไหรเมื่อตกลงมาท่านก็จะยิ่งเจ็บเท่านั้น”


หลังจากพูดจบแล้ว นางก็ไม่สนใจหยวนเฉินหรือโหลว เหลียนซินอีก และเพิ่งแค่จากไปเท่านั้น


หยวนเฉินหยุดอยู่กับที่ นางกัดฟันของนางและเหลือบมองไปในทิศทางที่โหลว ชิงอู๋ จากไป


โหลว ชิงอู๋ รอข้าก่อน เมื่อเหลียนเอ้อร์ ได้กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลหลี่ เมื่อนั้นเจ้าจะได้พบกับความทุกข์ยาก!


“ท่านแม่ นางหมายความว่าอย่างไร? ไม่ใช่ว่านางต้องการแยกข้าและเจิ้นเซิงออกจากกันอีกครั้งใช่ไหม่ นางจะทำเช่นนั้นหรือไม่? ”


“ราวกับว่านางจะกล้า! เหลียนเอ้อร์ เพียงแค่สนใจการเป็นเจ้าสาวที่ดีที่สุดที่เจ้าสามารถเป็นได้ ถ้านางคิดว่าข้าจะปล่อยนางไปหลังจากทำให้เจ้ากลายเป็นแบบนี้นางก็คิดผิด ข้าได้พบคนที่เหมาะสมสำหรับนางแล้ว ตราบใดที่เจ้าแต่งงานกับตระกูลหลี่และเมื่อนางถึงวัยอันสมควร ข้าก็มีวิธีที่จะทำให้นางแต่งงานออกไปได้! “


แน่นอนว่านางจะต้องหาคู่ที่เหมาะสมและ “ดี” สำหรับนาง!


โหลว เหลียนซินได้เห็นท่าทีของความเกลียดชังของหยวนเฉิน แล้วนางก็รู้สึกโล่งใจ


“ท่านแม่! แค่รอ ข้าจะได้ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ของตระกูลหลี่อย่างแน่นอน! “


“สิ่งที่เจ้าควรจะนึกถึงเป็นสิ่งแรกคือการให้กำเนิดลูกชายคนแรกของตระกูลหลี่ ในเวลานั้นข้าจะหาทางทำให้เจ้าได้เป็นฮูหยินใหญ่อย่างแน่นอน “


“ดี!”


เมื่อโหลว ชิงอู๋ กลับไปที่เรือนลมเอนเอียง หลายป๋ายก็เดินออกมาและถามนางขึ้น”นายท่าน นายท่ายใหญ่ตามท่านไปด้วยเหตุใดหรือเจ้าค่ะ?”


“ในอีกห้าวัน โหลว เหลียนซินก็จะแต่งงานกัน”


“อ่า? แล้วเช่นนั้นทำไมวันนี้ถึงไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกพูดถึงในจวนเลยเจ้าค่ะ?”


โหลว ชิงอู๋ หันไปมองทิศทางของที่เรือนใหญ่ “ข้ากลัวว่าตระกูลหลี่ เพิ่งจะได้รับการยืนยัน เห็นได้ชัดว่าหยวนเฉินแทบจะรอไม่ไหวที่จะส่งโหลว เหลียนซินไปที่ตระกูลหลี่ เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น “


นางคิดว่าผู้นำตระกูลหยวนจะจัดเตรียมสินสอดทองหมั้นไว้ให้โหลว เหลียนซิน ดังนั้นนางจึงไม่สนใจเรื่องพิธีที่เรียบง่ายๆแม้แต่น้อย


แต่ในช่วงชีวิตนี้นางจะปล่อยให้โหลว เหลียนซิน แต่งงานอย่างมีชีวิตชีวาและร่ำรวยออกไปได้อย่างไร?


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชุดเจ้าสาวสีแดงราวกับสีเลือดสดของนางทำให้นาง … ต้องการที่จะทำลายนางมากเข้าไปอีก


“ตามพันหน้ามาพบข้า”


นางหันกลับไปและเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่การแสดงออกของโหลว ชิงอู๋ ถูกบดบังด้วยความมืดมิดและโหดเหี้ยม


“เจ้าค่ะ”


พันหน้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะผลักประตูเข้ามา


เขาเห็นโหลว ชิงอู๋ ยืนอยู่ในขณะที่ด้านหลังนางหันมาเผชิญหน้ากับเขแล้วสายตาของเขาก็ตกลงไปบนกล่องเครื่องประดับอัญมณีสีดำที่โหลว ชิงอู๋ กำลังถืออยู่


เขามักจะสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในนั้น แต่เจ้านายไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นเขาจึงเก็บคำถามฝังไว้ในหัวใจของเขา


“นายท่าน ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรหรือขอรับ?”


          โหลว ชิงอู๋ ไม่หันกลับมา นิ้วมือของนางเล่นอยู่กับกล่อง


“เจ้าสามารถซื้อหนอนวูดูพันวันมึนเมาจากตลาดมืดได้หรือไม่? คู่แม่ลูก “


“ห๊ะ?” พันหน้าแข็งค้างไปทันที


127.2

“นายท่าน ท่านต้องการหนอนวูดูไปเพื่ออะไรหรือขอรับ?”


แน่นอนว่าเขาสามารถซื้อได้ แต่สิ่งนั้นเป็นพิษมากเกินไปมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันได้


โหลว ชิงอู๋หันมาเผชิญหน้ากับเขา “แน่นอนว่าข้ามีบางอย่างต้องใช้มันเจ้าสามารถหามันได้หรือไม่”


“ข้าจะสามารถลองดูขอรับ” ตราบใดที่เขามีเงินจะมีคนจำนวนมากที่เห็นค่ามันมากกว่าชีวิตของตัวเอง


ดังนั้นมันจึงจะไม่ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะมีอย่างน้อยสักคนที่เต็มใจ


“เช่นนั้นก็ไป โดยเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ “


“ขอรับ! ผู้ใต้บัญชาจะไปเดี๋ยวนี้ “


ในเวลาเดียวกันที่จวนท่านอ๋องรัตติกาล


พ่อบ้านเคาะประตูห้องอักษรของเฟิง เหย่เก้อร์ขึ้นอีกครั้ง


แต่เมื่อเทียบกับครั้งก่อน เขารู้สึกเกิดความไม่สบายใจแปลก ๆขึ้น


เขารู้สึกเหมือนกับว่าถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นเพียงครั้งเดียวในครั้งนี้ เขาอาจจะสูญเสียอาชีพพ่อบ้านของเขา


“นายท่าน บ่าวชราผู้นี้เข้าไปได้หรือไม่ขอรับ?”


“อืม เข้ามา”


เสียงของเฟิง เหย่เก้อร์ ดังออกมาจากประตูจากน้ำเสียงของเขาอารมณ์ของเขาน่าจะสดใสดีอยู่


พ่อบ้านเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น


เขาผลักประตูให้เปิดออก ในขณะที่ศีรษะของเขาลดลงพร้อมกับเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ


จากนั้นเขาก็ปิดประตูตามหลังเขาอย่างรวดเร็ว


“นายท่าน มีคนนอกจวนต้องการขอพบนายท่านขอรับ”


ในเวลาเดียวกันเขาก็รีบมองดูจานบนโต๊ะ


ขนมอบที่อยู่ในจานหายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันถูกเฟิง เหย่เก้อร์กินจนหมอ


พ่อบ้านรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่หน้าผากของเขา


“ใคร?”


“…. คนที่ช่วยทำขนมอบให้นายท่านขอรับ”


“อืม?”เฟิง เหย่เก้อร์ยกศีรษะของเขาขึ้น


ดวงตาหงส์ของเขาสดใส ในขณะที่ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาดึงเข้าหากันดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ


“เมื่อไหร่ที่นางกลายเป็นคนเช่นนี้กัน ตราที่ข้าให้นางอยู่ที่ไหน ไปพานางเข้ามา “


ดูเหมือนว่านางรู้สึกผิดที่กล้าที่จะไปล่องเรือส่วนตัวกับ Xiahou Qing นางกล้าหาญมากจริงๆ


แต่เมื่อมองไปที่ขนมอบ เขาก็โกรธนางไมลง


ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้น แต่เมื่อเห็นพ่อบ้านยังยืนอยู่ที่นั่น หัวคิ้วของเขาก็ยกขึ้น ก่อนจะถามขึ้น”มีอะไรอีก?”


จังหวะการเต้นของหัวใจพ่อบ้านเต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาควรหรือไม่ควรที่จะพูดความจริง


แต่ถ้าเขาพูดความจริงตอนนี้ชีวิตเล็ก ๆ ของเขา …


เขากลืนน้ำลายของเขาลงไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาตัดสินใจที่จะปล่อยให้เจ้านายของเขาค้นพบตัวเอง


“บ่าวชราผู้นี้จะให้พวกเขาเข้ามาขอรับ”


เมื่อพ่อบ้านจากไป เฟิง เหย่เก้อร์ก็ ไม่ได้ดูงานของเขาอีกต่อไป


เขาผลักพวกมันออกไปข้างๆ ในขณะที่เขาลุกขึ้น


จากนั้นเขาถึงได้รู้ว่าเขายังสวมชุดเดียวกันตั้งแต่เมื่อวาน


หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้น ก่อนจะหันไปรอบ ๆ เพื่อเปิดอุโมงค์ลับภายในห้องอักษรของเขา


เขาเปลี่ยนเป็นชุดใหม่และเมื่อเขาออกมาดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันน่ามองมาก

แต่น่าเสียดายเมื่อประตูเปิดออก คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเฟิง เหย่เก้อร์ กลับไม่ใช่โหลว ชิงอู่ อย่างที่เขาคาดหวัง แต่ …


อารมณ์ตอนแรกของเขาหายไปทันที


“เหย่ จี้ ทำไมถึงเป็นเจ้า?


“พี่ชายเหย่ ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้?”


เหย่ จี้ยังคงสวมชุดสีแดง ใบหน้าของนางสวมหน้ากาก เผยให้เห็นเพียงคู่ของดวงตาที่งดงามเท่านั้น


นางกระพริบตาให้กับเฟิง เหย่เก้อร์ ก่อนที่จะหันไปมองจานเปล่าที่ด้านหน้าของเฟิง เหย่เก้อร์ 


นางช่วยไม่ได้ที่จะปิดปากและหัวเราะขึ้น”แม่นางโหลวพูดถูก พี่ชายเหย่ชอบกินขนมอบจริงๆ ข้าไม่คิดว่าท่านจะกินอะไรหวาน ๆเช่นนี้ ข้าจะทำมันให้ท่านทุกวันตกลงไหม? ”


เหย่ จี้เดินตรงเข้ามาหาเขา กระดิ่งบนตัวนางส่งเสียงดังขึ้น


 ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะมีความสุขมาก แต่กลิ่นอายของนางกลับยิ่งมีมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถทำให้ใบหน้าที่มืดของเฟิง เหย่เก้อร์หายไปได้ 


อันตรายและเยือกเย็น เฟิง เหย่เก้อร์ถามขึ้น”สิ่งนี้ … เจ้าทำหรือ?”


เหย่ จี้ยิ่งทำเป็นไร้เดียงสามากขึ้น ใบหน้าของนางเงยขึ้น ในขณะที่นางมองไปที่เฟิง เหย่เก้อร์ ราวกับว่านางไม่เห็นความโกรธบนใบหน้าของเขา


“ใช่แล้วพี่ชายเหย่ รสชาติดีหรือไม่? เพื่อที่จะทำให้มันให้ออกมาดีเหมือนของนองชิงอู๋ ข้าต้องฝึกทำมาตลอดทั้งคืน แต่ก็มีเพียงจานนี้จานเดียวที่คล้ายกันมากที่สุด แต่ดูเหมือนว่าพี่ชายเหย่จะชอบมันอย่างแน่นอน ท่านถึงกับกินจนหมด”


128.1

เฟิง เหย่เก้อร์กระชับริมฝีปากของเขา ในขณะที่ดวงตาของเขาค่อยๆเคลื่อนลงไปยังจานที่ว่างเปล่า


ดวงตาหงของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะมองกลับขึ้นและหัวเราะอย่างเฉื่อยชา “มันอร่อยมาก”


ดวงตาของเหย่ จี้ สว่างขึ้น


นางกระโดดไปข้างหน้าและกอดแขนของเฟิง เหย่เก้อร์ ในขณะที่นางเงยศีรษะขึ้นมองเขาอย่างอ่อนโยน “พี่ชายเหย่ เช่นนั้นจากนี้ไปข้าจะทำขนมอบให้ท่านทุกวันดีไหม?”


“ไม่จำเป็น”


เฟิง เหย่เก้อร์ผลักแขนของนางออกไปเงียบๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ข้าจะไม่กินมันอีก”


เหย่ จี้แข็งค้างไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหัวเราะขึ้น “เช่นนั้นก็ได้ แต่พี่ชายเหย่ท่านช่วยไปเป็นเพื่อนข้าเพื่อนมัสการพระพุทธรูปในอารามได้หรือไม่? ”


“วันนี้ข้ายุ่งมาก” เขามองไปข้างนอกห้องอักษรและโดยไม่รอให้เหย่ จี้ได้พูดอะไร เขาก็พูดขึ้น “สืออีไปส่งแม่นางจี้กลับไปยังตำหนักขององค์ชายสาม”


“ขอรับนายท่าน!”


          แล้วเฟิง สืออี ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องอักษรอย่างเงียบๆและไม่รู้ว่าเขามีเป็นจุดประสงค์อะไร แต่การปรากฏตัวขึ้นของเขาอยู่ระหว่างเฟิง เหย่เก้อร์และเหย่ จี้อย่างพอดิบพอดี 


เหย่ จี้กระทืบเท้าของนางอย่างไม่พอใจ แต่เฟิง เหย่เก้อร์ ไม่ต้องการที่จะคุยกับนางอีกต่อไป


นางรู้ว่าถ้านางผลักมากเกินไป เขาจะไม่ต้องการพบนางอีก แต่นางจะสามารถยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?


นางหันไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ก็ได้ เช่นนั้นเหย่ จี้ขอตัว”


หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็เดินออกไป


แต่เมื่อนางเดินมาถึงประตู นางก็ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปมองทางเฟิง เหย่เก้อร์และพูดขึ้น “ใช่ไหม พี่ชายเหย่ ท่านจะไปดูเทศกาลแข่งม้าหรือไม่”


เฟิง เหย่เก้อร์ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “ไม่”


เหย่ จี้ ไม่ได้รู้สึกผิดหวังใดๆ ในขณะที่นางกระพริบตาและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “เช่นนั้นก็คงน่าเสียดาย ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายของข้าและน้องสาวชิงอู่ก็จะไปที่นั่น ในตอนแรกข้าก็แค่อยากจะให้มีคนไปมากขึ้น แต่ถ้าพี่ชายเหย่ไม่สะดวก เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร พี่ชายเหย่ ข้าคงจะไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าขอตัวก่อน”


เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู มือของเฟิง เหย่เก้อร์ที่ถือหนังสืออยู่ก็หยุดไปชั่วครู่


เฟิง สืออีมองไปที่เฟิง เหย่เก้อร์อย่างเป็นกังวล “นายท่าน … “


เฟิง เหย่เก้อร์ ลูบหน้าผากของเขา “แค่เล่นไปตามน้ำ ส่งนางกลับตำหนักและระมัดระวังอย่าตกลงไปในหลุมพลางของนาง “


          เฟิง สืออี“ขอรับนายท่าน”


เมื่อห้องอักษรกลับคืนสู่ความเงียบเหมือนก่อนหน้านี้ เฟิง เหย่เก้อร์ก็หันไปรอบ ๆ


ดวงตาของเขาตกลงไปบนจานที่เหย่ จี้ยังไม่ได้เอามันกลับไป แล้วจู่ๆ ความโกรธที่เก็บเอาไว้ก็พุ่งขึ้นในสายตาของเขา


เขาสะบัดแขนเสื้อขึ้น ในขณะที่ข่าวของต่างๆต่างก็ตกลงไปบทพื้น


มันพังและแตกออกเป็นชิ้น ๆ จนนับไม่ถ้วน


พ่อบ้านที่อยู่ข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงดังที่เกิดขึ้น หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้


เขารีบเปิดประตูเข้าไปทันที


เมื่อมองดูสิ่งสกปรกบนพื้น เขาก็คุกเข่าลงทันที “นายท่าน มันความผิดของบ่าวชราผู้นี้ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง … นายท่านได้โปรดลงโทษบ่าวด้วยเถิด”


เฟิง เหย่เก้อร์ ก้าวไปบนเศษที่แตกเป็นชิ้นๆ ในขณะที่เขาเดินผ่านพ่อบ้านไป


ก่อนจะหยุดลง “ให้คนมาทำความสะอาด”


หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ก้าวออกไปและมองไปที่สวนที่เต็มไปด้วยดอกไอริส


แต่ดอกไม้เหล่านี้ที่มักจะทำให้เขารู้สึกมีความสุข จู่ๆ มันก็ทำให้เขารู้สึก ไม่พอใจแทน


เขาแทบจะอยากไปหานางและถามนางว่านางกำลังคิดอะไรอยู่


ทำไมนางต้องบอกกับเหย่ จี้ นางไม่รู้หรือว่ามันหมายถึงอะไรสำหรับเขาหรือ?


หรือว่านางรักเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง มากจน …


นางต้องการที่จะ …


128.2

เรือนลมเอนเอียง


หลายไป๋มองอย่างลังเลไปที่โหลว ชิงอู๋ ก่อนที่จะไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและพูดขึ้น “นายท่าน เมื่อข้าไปพบผู้ช่วยร้านจินก่อนหน้านี้ ข้าชนเข้ากับใครบางคน”


“โอ้? ใคร? “โหลว ชิงอู๋ พลิกหน้าหนังสือเล่มหนึ่งที่นางถืออยู่ขึ้นอย่างสบายๆ


“เฟิง สืออีเจ้าค่ะ”


“เฟิง สืออีหรือ”


“โอ้?” มือของโหลว ชิงอู๋ หยุดไปชั่วคราว


นางเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงตาที่กระพริบของหลานป๋าย ก่อนจะถามขึ้น“แล้วเขาพูดอย่างอย่างไร?”


“นายท่าน เขาบอกว่าแม่นางจี้ได้ส่งขนมอบไปให้ท่านอ๋องรัตติกาลเมื่อเช้านี้ และจากนั้นเขาก็กินจนหมด หลังจากนั้นเมื่อเขาพบว่าไม่ใช่เจ้านายที่เป็นคนทำพวกมัน เขาก็โกรธมาก นายท่าน ท่านไม่คิดว่าท่านควรจะให้คำอธิบายกับท่านอ๋องหรือเจ้าค่ะ? เห็นได้ชัดว่าขนมอบพวกนั้นท่านเป็นคนทำ แต่ทำไมท่านจึงปล่อยให้แม่นางจี้เอามันไปให้ท่านอ๋องรัตติการเพื่อเอาใจเขา? แล้วถ้าท่านอ๋องโกรธท่านขึ้นมา … “

โหลว ชิงอู๋ฟัง แต่ไม่ตอบ


นางมองลงไป ในขณะที่ดวงตาของนางตกลงไปที่คำในหนังสือของนาง แต่นางไม่สามารถอ่านหนังสือเหล่านั้นได้


หลังจากนั้นไม่นาง นางก็พูดขึ้นเบาๆ “กลับไป และอย่าบอกสืออี เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ามีเหตุผลในการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของข้า “


“แต่ว่า ….”


หลายป๋าย ยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าโหลว ชิงอู๋ ไม่ต้องการที่จะพูดถึงมันอีก นางจึงทำได้เพียงแค่หันหลังและเดินออกไปเท่านั้น


จนกระทั่งประตูปิดลงและห้องเงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้ที่มันสงบและเงียบจนทำให้หัวใจของนางรู้สึกว่างเปล่า ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ตกลงไปบนกล่องอัญมณีสีดำที่อยู่ใต้หน้าต่าง


นางลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินไปหามัน นิ้วมือของนางจับไปที่ด้านบนของกล่อง


นิ้วของนางจับไปรอบ ๆ ก่อนจะเปิดมันออกอย่างช้าๆ


แสงแดดส่องผ่านเข้ามาบนกล่องและสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง


มันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ของเสื้อสีขาวชิ้นหนึ่งที่ประณีตและถูกพับบนอยู่ด้านบนของอีกชิ้นอย่างเรียบร้อย


มันดูดีและละเอียดมาก


โหลว ชิงอู๋ มองในขณะที่นิ้วของนางแตะลงไปที่เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆ ก่อนจะยกมันขึ้นมาพร้อมกับมีร่องรอยของความเหงาในดวงตาของนางลึกของนาง


หลังจากนั้นเป็นเวลานาน นางก็วางเสื้อผ้าชิ้นเล็ก ๆ ไว้ตรงกับหัวใจของนาง ในขณะที่นางมองลงเพื่อซ่อนความเจ็บปวดในดวงตาของนางเอาไว้


แล้วน้ำเสียงเบาๆ ของนางก็พึมพำขึ้น “แม่จะทำให้เจ้ากลับมาสู่โลกใบนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน … “


ตั้งแต่ช่วงที่นางกลับมาเกิดใหม่ นางก็รู้ว่าหนทางของนางถูกปิดตายแล้ว


นางจะไม่สามารถออกไปได้และคนอื่น ๆ ก็จะไม่สามารถเข้ามาได้


มือของนางที่เปียกโชกไปเลือดสีแดงสดและยังสกปรก ดังนั้นนางจึงไม่สามารถที่จะลากศิษย์พี่ของนางให้เข้ามาในหลุมนรกนี้ได้?


นางไม่สามารถทนกับมันได้และจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น … นางสามารถทำได้เพียงผลักดันให้เขาออกไปเท่านั้น


เมื่อหลี่ หยวน พบเฟิง เหย่เก้อร์ เขาก็นอนอยู่บนที่นอนยาวและดื่มเหล้าอยู่ในเรือนฉิงเก้อร์น้อยของเขา


หลี่ หยวน เดินเข้าไปและคว้าไหเหล้าออกจากมือของเฟิง เหย่เก้อร์ทันที


เฟิง เหย่เก้อร์ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”


“ทุกอย่างไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกหรือ “ข้าสูญเสียความรักและโลกทั้งโลกก็มืดมน” การแสดงออกของเจ้าทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดต่างก็หวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเขาวิ่งไปหาข้า และข้าผู้ที่เวลาของข้ามีค่าหลายร้อยตำลึงและข้าก็มาที่นี่ เจ้าซาบซึ้งหรือไม่? ถ้าเจ้าซาบซึ้ง เจ้าก็ควรจะลุกขึ้น กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวและก็ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจหรอกหรือถึงได้ฉกฉวยนางไปก่อนหน้านี้? แล้วเจ้าตอนนี้มันอะไรกัน? ”


เฟิง เหย่เก้อร์ยื่นมือออกมาและคว้าไหเหล้าไปได้อย่างง่ายดายจากมือของหลี่ หยวน “เจ้าไม่เข้าใจ”


“ข้าไม่เข้าใจอะไร? มันไม่ใช่เพียงแค่จานของขนมอบหรอกหรือ เจ้าจำเป็นต้องไปไกลถึงขนาดนี้? ”


เฟิง เหย่เก้อร์ มองเขาอย่างเย็นชา


หลี่ หยวนรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น “ดี! ข้าจะไม่พูดมันก็ได้? เช่นนั้นเจ้ากำลังวางแผนที่จะยอมแพ้อย่างนั้นหรือ? ”


เฟิง เหย่เก้อร์ ดื่มเหล้าลงไปอีกครั้ง ดวงตาหงส์ ของเขามองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”


“เช่นนั้นทุกอย่างก็จบ? ถ้าเจ้าจะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นก็ไปหาวิธีอื่นเพื่อคว้าหัวใจของสุนัขจิ้งจอกน้อยกลับมา ไม่ใช่แค่องค์ชายสามหรอกหรือ? แต่เจ้าเป็นถึงท่านอ๋องรัตติกาล เจ้าช่วยมั่นใจในตัวเองหน่อยได้หรือไม่? ”


เฟิง เหย่เก้อร์ ถึงกับเงียบไป “…. “


หลี่ หยวนเห็นว่าการแสดงออกของเขาไม่ถูกต้อง เขาจึงนั่งลงข้างๆเขา “จริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่?”


129.1

เฟิง เหย่เก้อร์ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาดำมืดลงเล็กน้อย”นางฉลาดมาก นางต้องรู้ถึงความรู้สึกของข้าอย่างแน่นอน”


“มันเช่นเจนขนาดนั้น  นางจะดูไม่ออกได้อย่างไร? ”


“แต่นางรู้ … และนางยังคงผลักใสข้าไปให้คนอื่น”


นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียมากที่สุด


แต่หลังจากที่อารมณ์เสียแล้วส่วนใหญ่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


เขารู้ว่าเขาสามารถอยู่เคียงข้างนางได้ถ้านางยังคงแกล้งทำเป็นว่านางไม่รู้ แม้ว่ามันจะอยู่ในฐานะศิษย์พี่เท่านั้น


แต่ตอนนี้ด้วยบุคลิกของนาง และนางก็ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างแล้วนางคงจะปฏิเสธเขาไปตลอดกาล


นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรและเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุด


หลี่ หยวนแข็งค้างไปชั่วครู่“เจ้าแน่ใจหรือ?”


          “อืม…. ”


หลี่ หยวนเริ่มเป็นกังวล ดวงตาดอกท้อของเขาก็ยังให้ความรู้สึกช่วยไม่ได้ขึ้น”เช่นนั้นก็ไม่มีทางอื่น ถ้านางตั้งใจจะหลีกเลี่ยงเจ้า … “


ดวงตาของเขามองไปที่เฟิง เหย่เก้อร์ อย่างจริงจังก่อนจะพูดขึ้น “ถ้ามันไม่ได้ผลก็ต้องยอมแพ้ เจ้าไม่เหนื่อยหรืออย่างไรกับการที่ต้องเลี้ยงดูเด็กอยู่เป็นเวลานานเพียงเพื่อให้นางกลายเป็นเนื้อในปากของคนอื่น? นอกจากนี้เจ้าจะบอกอาจารย์ว่าอย่างไร? แน่นอนเขาจะไม่ยอมรับจิ้งจอกน้อย “


การแสดงออกของเฟิง เหย่เก้อร์ ยังคงไม่แยแสและเฉื่อยชา แต่ในดวงตาหงส์ของเขามีเพียงความดื้อรั้น”เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ? และสำหรับคนผู้นั้น เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าต้องการจะทำได้ “


หลี่ หยวนลูบหน้าผากของเขา “เอาล่ะก็แค่แสร้งทำเป็นว่าข้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่ แต่เพียงแค่มองไปที่สถานะของเจ้า ใบหน้าของเจ้า จิ้งจอกน้อยจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร หรือว่ามันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ที่นางอาจจะเคยชินกับการปฏิบัติของเจ้าในฐานะพี่ชาย ดังนั้น … “


เขาหยุดพูด เมื่อเห็นดวงตาของเฟิง เหย่เก้อร์หรี่ลง


“ฮ่าฮ่าๆ ข้าล้อเล่น มันจะเป็นแค่เพียงความรู้สึกระหว่างพี่ชายกับน้องสาวได้อย่างไร? ”


ทำไมเขารู้สึกว่ายิ่งเขาพยายามโน้มน้าวเขามากเท่าไหร่ เขายิ่งเห็นทางตันมากขึ้นเท่านั้น?


เฟิง เหย่เอ้อร์ มองไปที่ท้องฟ้าที่มืดมิดอยู่เป็นเวลานาน


ปากของเขาโค้งขึ้นและกลายเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น ความรู้สึกระหว่าง … พี่ชายและน้องสาวหรือ?


เรือนลมเอนเอียง


จู่ๆ ก็มีเงาของคนปรากฏขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียง


ดวงตาของเขากวาดไปทั่วลานที่ว่างเปล่าและเงียบสงบ ก่อนที่จะมองไปรอบๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังของเขา


ขณะที่กำปั้นของอีกฝ่ายกำลังจะโจมตีไปที่เขา เขาก็หันกลับมาและคว้ามันไว้ด้วยมือของเขาทันที


เมื่อพวกเขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย พวกเขาก็ร้องขึ้น “เจ้า”


หลานป๋าย จ้องมองไปที่อีกฝ่าย


นางคิดว่ามันมือสังหาร แต่เมื่อเห็นอีกฝ่าย หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น “ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”


เมื่อคิดถึงตัวตันของพวกเขา นางก็ไม่เต็มใจที่จะคุกเข่าของนางลง “เคารวะองค์ชายเจ็ด”


“อืม”เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในขณะที่ไอขึ้นก่อนจะพูดขึ้น”เจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”


“อยู่ในห้องของนาง ทำไม?”


“ข้ามีเรื่องต้องการที่จะคุยกับเจ้านายของเจ้า ให้ข้าเข้าไป!”


“บอกข้ามาก่อนว่ามีอะไร” นางมีความรู้สึกว่าเขามาที่นี่เนื่องจากความคิดที่ไม่ดี


ถ้าเขามีเรื่องที่จะพูดคุยกับเจ้านายของนาง เขาก็สามารถเข้ามาทางประตูหน้าของจวนได้ แต่ทำไมเขาถึงได้แอบเข้ามา?


ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลานป๋าย ทำให้เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน รู้สึกผิดมากขึ้น “อย่าขวางทางข้า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของพระราชวัง เจ้าที่เป็นเพียงคนตัวเล็กๆ กล้าที่จะขัดขวางหรือ? ”


“ท่าน!” สายตาที่ดูหมิ่นของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน ทำให้หลานป๋าย โกรธแทบบ้า


แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของพระราชวัง นาก็ไม่กล้าขัดขวางเรื่องของเจ้านายของนาง ดังนั้นนางจึงก้าวออกไปอย่างลังเล


หัวคิ้วของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนยกขึ้นพร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก


129.2

     แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของพระราชวัง นาก็ไม่กล้าขัดขวางเรื่องของเจ้านายของนาง ดังนั้นนางจึงก้าวออกไปอย่างลังเล


หัวคิ้วของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนยกขึ้นพร้อมกับอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก


แต่พอเขาเดินขึ้นบันไดไปได้สองก้าว ประตูห้องจู่ๆ ก็เปิดออก


ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ก็มองมาที่อย่างผ่านๆ “เช่นนั้นก็เชิญด้านใน”


เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนและหลานป๋าย ต่างก็เดินตามโหลว ชิงอู๋เข้าไปเงียบๆ


เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนก้าวเข้ามาข้างในและช่วยไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “แม่นางโหลว เจ้ารู้สึกอย่างไรกับพี่รองของข้า?”


“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”


“คงไม่ใช่เพราะ … .” เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พยายามอย่างหนักที่จะเก็บมันเอาไว้


เขาพึมพำไปครึ่งนึง ก่อนที่จะหาวลีที่เหมาะสมแล้วก็พูดขึ้นอีก “ถ้าเจ้าต้องการจะช่วยพี่รอง ทำไมเจ้าถึงได้ใกล้ชิดกับพี่สาม? เจ้าไม่รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่คือการทำให้พี่รองคิดว่าเจ้า … เจ้า … “


“ช่วยคนอื่นอยู่?”


เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนถึงกับสำลัก


เขาต้องการที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ไม่คิดว่ามันจะโผงผางเกินไป


แต่ถ้าโหลว ชิงอู๋ ได้พูดออกมาแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับมันเท่านั้น


“เช่นนั้น ท่านกำลังตำหนิข้าหรือ?”


           “ข้า ….”


ดวงตาที่เย็นชาของโหลว ชิงอู๋ ทำให้เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน รีบอธิบายขึ้น “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแค่ … คือ … อารมณ์ของพี่รองไม่ค่อยดีเมื่อเร็ว ๆ นี้และด้วยสิ่งที่กระจายไปรอบ ๆ … แม่นางโหลวข้าขอโทษ แต่ข้าก็ไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ “


นางมองไปที่ดวงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน และถอนหายใจ “เอาล่ะจงจำเอาไว้เสมอ ไม่ว่าข้าจะใกล้ชิดกับใครก็ตามแต่จะมีสิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไป”


          “อะไร?”


“ข้าจะช่วยเขาคว้าตำแหน่งองค์รัชทายาทมาให้ได้”


ดวงตาของเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน สว่างขึ้นทันที “แม่นางโหลว เจ้ายังคงเต็มใจที่จะช่วยพี่รองอยู่หรือ?”


“เมื่อไหร่ที่ข้าบอกว่าข้าไม่เต็มใจ?”


“ไม่ – ไม่มีอะไร ฮ่าๆๆ เพียงแค่ข่าวลือเหล่านั้น … ทำให้ข้าและพี่รองเป็นกังวล”


เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนลูบหลังคอของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ


โหลว ชิงอู๋ มองไปที่เขา “บางเรื่องไม่ใช่แค่สิ่งที่มองเห็น ดังนั้นท่านไม่สามารถพึ่งพาสายตาของท่านได้เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเพียงคำบอกเล่า “


“ด้วยคำพูดของแม่นางโหลว ข้าก็สามารถเบาใจได้ แต่ ” จู่ ๆ เขาก็คิดถึงอะไรบางอย่างได้ เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนมองไปที่โหลว ชิงอู๋ อย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะพูดขึ้น “มีสิ่งหนึ่งที่ข้าหวังว่าแม่นางโหลว จะสามารถช่วยได้? ”


“มันคืออะไร?”


“อืม จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ข้า  แต่ … เป็นพี่รอง”


“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”


เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุนลังเล “แม่นางโหลว บางทีเจ้าควรจะไปดูด้วยตาของตัวเอง … “


ในหอน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเซี่ยโฮ่ว รุ่ย ขังตัวเองอยู่ในห้องส่วนตัวและจมอยู่กับเหล้า


ในความคิดของเขาเพลง <ความรู้สึกที่แตกต่าง> จากเทศกาลชมดอกไม้จะเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนมีดเล็ก ๆ ที่แหลมคมที่คอยจะทิ่มแทงไปที่หัวใจของเขา


มันบิดและตัดอย่างช้าๆ จนเขารู้สึกด้านชาและไม่มีความรู้สึกใดๆ อีก


ยิ่งเขาดื่มมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่เมา


“ปัง”


จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก ในขณะที่เซี่ยโฮ่ว รุ่ย เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่อยู่ตรงประตู


เขาแข็งค้างและตะลึงไปอย่างสมบูรณ์


เขาคิดว่าบางทีเวลานี้เขาอาจจะเมาจริงๆ


มิฉะนั้นแล้วเขาจะเห็นแม่นางโหลวปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไร?


เซี่ยโฮ่ว รุ่ยจับไปที่โต๊ะ ในขณะที่เขาพยายามจะยืนขึ้นอย่างช้าๆ


รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ขึ้นบนโต๊ะ


โหลว ชิงอู๋ หรี่ตาของนางลง ในขณะที่นางเดินไปทางเขา


จนกระทั่งเมื่อนางเดินเข้ามาใกล้เขา ดวงตาที่สงบของนางก็ตกลงไปบนไหเหล้าที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ


หัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้น “องค์ชายรอง ท่าน … “


           “แม่นางโหลว!”


โหลว ชิงอู๋ ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก่อนที่จะถูกดึงอย่างรุนแรงเข้าไปในอ้อมแขนของเซี่ยโฮ่ว รุ่ย


          หัวคิ้วของโหลว ชิงอู๋ขมวดลึกขึ้น ในขณะที่นางพยายามผลักเขาออกไป แต่เซี่ยโฮ่ว รุ่ยก็จับตัวนางเอาไว้แน่น


130.1

“ปล่อย” เสียงที่เย็นชาและเงียบสงบของโหลว ชิงอู๋ นั้นชัดเจนเหมือนดอกบัวน้ำแขงสีขาว


มันปะทะเข้ามาที่หูของคน เด็ดเดี่ยวและห่างเหิน ทำให้เจ้าอยากวิ่งหนีไป


“ไม่…..ไม่ปล่อย” ความนุ่มนวลในอ้อมแขนของเขา ทำให้เซี่ยโฮ่ว รุ่ย ยิ่งมึนเมามากขึ้นเช่นเดียวกับการอยู่ในความฝันที่งดงาม


ที่ด้านนอกของประตูเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน และหลานป๋าย คนที่เพิ่งมาถึงก็ถึงกลับตาค้าง


เมื่อหลานป๋าย ได้เห็นสิ่งนี้นางก็กำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อที่จะเข้าไปดึงองค์ชายรองออกไปจากเจ้านายของนาง ก่อนที่จะถูกเซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน ปิดปากเอาไว้และดึงนางออกไป


จากนั้นเขาก็ปิดประตู


“อืมม อืมม  อืมม …. ” เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน เจ้าขยะ ความบริสุทธิ์ของนายของข้า!


ไม่ว่าความพยายามของหลายป๋ายจะมีมากแค่ไหน เซี่ยโฮ่ว หลิวหยุน  ก็ยังสามารถดึงนางออกไปและเข้าไปในห้องอื่นได้


ภายในห้องของเซี่ยโฮ่ว รุ่ย คนสองคนยังคงยืนตัวตรง และยังดูเหมือนคู่รัก


ยกเว้นดวงตาของคนคนหนึ่งถูกเคลือบไปด้วยความมึนเมาและของคนอีกคนก็ใสและเยือกเย็น


“เช่นนั้นหรือ?” กอดที่แน่นที่อยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทำให้ตาของโหลว ชิงอู๋ หรี่ตาลงในขณะที่มือขวาจับไปรอบๆ โต๊ะ


มือของนางคว้าไปรอบถ้วยเหล้า เมื่อนางยกแขนขึ้นและสาดเหล้าลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเซี่ยโฮ่ว รุ่ย


แขนของเซี่ยโฮ่ว รุ่ยหลุดออกและโหลว ชิงอู๋ก็ผลักเขาออกไปสามก้าวในขณะที่นางใช้สายตาอันเย็นชาของนางมองไปที่เขา


เซี่ยโฮ่ว รุ่ย ถูใบหน้าของเขา รู้สึกมีจิตใจที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม


แต่เมื่อจิตใจของเขาชัดเจนและเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้อยู่ในความฝัน แต่อยู่ในความเป็นจริงใบหน้าของเขาซีดลงทันที


          “โหลว แม่นางโหลว ข้า ….”


“ดูเหมือนว่าองค์ชายรองจะมีสติที่ชัดเจนแล้ว” โหลว ชิงอู๋ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ


นางวางถ้วยเหล้าลง ในขณะที่นางมองไปที่ผู้ชายที่ดูไม่ได้ที่อยู่ต่อหน้าของนาง


หัวใจของเซี่ยโฮ่ว รุ่ย กระโดดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางการมองของนางรู้สึกราวกับว่าความอึดอัดนับพัน ๆ กำลังวิ่งขึ้นและลงไปทั่วร่างของเขาเข้าไปจนถึงกระดูกของเขา


เขาไอขึ้นเบา ๆ ซ่อนความรู้สึกของเขา ในขณะที่มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา


นานแค่ไหนแล้วที่เขาได้พบนางครั้งสุดท้ายที่?


ในตอนแรก เขาคิดว่านางคงจะไม่อยากพบเขา หลังจากได้รู้ความรู้สึกของเขา


แต่ตอนนี้ นางอยู่ที่นี่


นั่นหมายความว่านางไม่ได้เกลียดเขาจริงๆ?


แต่ทำไมนางถึงบอกว่านางอยากจะช่วยเขา แต่ก็ยังเข้าไปพัวพันอยู่กับพี่สาม?


ในช่วงสองสามวันนี้ นอกเหนือจากความกดดันจากเสด็จแม่แล้ว ยังมีความคลุมเครือของข่าวลือและเรื่องซุบซิบแพร่กระจายไปทั่วเกี่ยวกับนาง


           “แม่นางโหลว เจ้า …”


“อยากจะถามว่าทำไมข้าถึงต้องใกล้ชิดกับองค์ชายสามหรือ?”


           “ …. อืม”


“แต่ท่านใช้ฐานะอะไรในการถามข้าเช่นนั้น? ไม่ใช่ว่าท่านแต่งงานแล้วหรือ ส่วนข้ายังไม่ได้ต่างงาน มันจึงเป็นสิทธิของข้าที่จะอยู่ใกล้ชิดกับใครก็ตามที่ข้าชอบ “โหลว ชิงอู๋ เทเหล้าที่อยู่ในไหออกมา เหล้าที่อยู่ในถ้วยสะท้อนภาพเงาของนางขึ้น


“ข้าแค่ … ” เซี่ยโฮ่ว รุ่ยจู่ๆ ก็ยืดตัวขึ้นอยากจะอธิบาย แต่เขาก็คาดหวังด้วยเช่นกัน


“แค่อะไร? คิดว่าเพราะข้าอยากจะช่วยท่าน มันจะหมายความว่าข้าจะมีความรู้สึกต่อท่านหรือ?”


“… ” เซี่ยโฮ่ว รุ่ยไม่อยากยอมรับมัน แต่หัวใจของเขาก็คิดเช่นนั้น

 

ดังนั้นแม้ว่าเพลงนั้น <ความรู้สึกที่แตกต่าง> ในงานเทศกาลชมดอกไม้จะทำให้เขาเห็นด้วยกับงานแต่งงานของเขา แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ ลังเลและไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างชัดเจน


“ข้าคิดว่าข้าได้แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว แต่ถ้าองค์ชายรองอยากจะได้ยินอีกครั้งข้าก็จะบอกท่านเอง เหตุผลที่ข้าต้องการจะช่วยท่านเพราะในบรรดาองค์ชาย เพราะท่านเหมาะที่สุดในพวกเขาทั้งหมด อย่างน้อยท่านก็จิตใจดีและมีศักยภาพในการครองแคว้น ดังนั้นการช่วยท่านจึงง่ายที่สุด “


“ถ้าเช่นนั้นก็พูดได้ว่าถ้าไม่ใช่ข้าก็สามารถเป็นคนอื่นได้” เซี่ยโฮ่ว รุ่ย รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาโดนอะไรบางทุบอย่างแรง


ด้วยคำพูดที่เขาพูดทุกครั้ง มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้

“ใช่”


130.2

มีดที่คมจะตัดผ่านมันได้อย่างง่ายดาย


นางอยากจะแก้แค้น ดังนั้นความรู้สึกของผู้ชายและผู้หญิงเหล่านี้จะต้องถูกตัดออกอย่างหมดจด


ความรู้สึกหนาวเย็นของโหลว ชิงอู๋ ทำให้เซี่ยโฮ่ว รุ่ยกัดริมฝีปากของเขาเข้าด้วยกัน มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเขาก็ยิ่งกำแน่นมากขึ้น


แต่เขาทำได้เพียงพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้


โหลว ชิงอู๋มองลงไปด้านล้าง นางคิดก่อนที่จะมองกลับขึ้นมาด้วยสายตาที่เย็นชาเหมือนเดิม


“จริงๆแล้ว องค์ชายรอง ท่านไม่ได้ชอบข้ามากขนาดนั้นด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดเพราะข้าช่วยท่านเอาไว้ “


“มันไม่ใช่แบบนั้น” เซี่ยโฮ่ว รุ่ยปฏิเสธขึ้นทันที แต่เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ดวงตาของเขาก็ขยับออกไป


ดวงตาของนางว่างเปล่าและชัดเจนมากราวกับว่าพวกมันสามารถมองเห็นไปถึงหัวใจของคน ๆ หนึ่งได้ ทำให้เขารู้สึกสับสนเพราะเหตุผลบางอย่าง


“เช่นนั้นหรือ?” โหลว ชิงอู๋พึมพำขึ้น “องค์ชายสาม ท่านต้องการตำแหน่งนั้นหรือไม่?”


เซี่ยโฮ่ว รุ่ยรู้ว่านางกำลังพูดถึงบัลลังก์


ในตอนแรกง เขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์นั้นมากนัก


แต่หลังจากงานเลี้ยงของเสด็จพ่อ ความคิดแบบนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง


เมื่อเขาคุกเข่าลง หัวใจและร่างกายของเขาก็ยุ่งเหยิง จิตใจของเขาก็ว่างเปล่า


ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือถ้าตอนนั้นเขากลายเป็นคนเสียสติ เสด็จแม่ของเขาน้องเจ็ดของเขาทั้งหมดจะจบทันที


เขาต้องการที่จะปกป้องพวกเขา ดังนั้นเขาจะต้องยืนอยู่ในจุดที่สูงสุดเท่านั้น


มิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะกลับไปยังตำแหน่งที่ถูกเหยียบย่ำได้อีกครั้งได้ในตลอดเวลา


มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่น่าเชื่อและไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคต


ตอนจบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็นดังนั้นเขาจึงต้องการ … บัลลังก์นั้น


“ใช่ ข้าต้องการนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น”


“เช่นนั้น ข้าก็จะช่วยท่าน แต่” โหลว ชิงอู๋ มองเหล้าที่อยู่ข้างหน้าของนาง


นางยกมันขึ้นและดื่มเหล้าไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะมองกลับไปที่เซี่ยโฮ่ว รุ่ย


“ถ้าให้ท่านเลือกระหว่างข้ากับตำแหน่งนั้น ท่านจะเลือกอะไร?”


“แม่นางโหลว?” เซี่ยโฮ่ว รุ่ย ไม่เข้าใจ


นางและราชบัลลังก์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับแม้แต่น้อย


แต่ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ ก็จริงจังมาก จนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ


“บอกข้ามาว่าท่านจะเลือกแบบไหน?”


“แม่นางโหลว … อย่าบังคับข้า” ทันใดนั้นเขาก็คลุมศีรษะของเขา


ความคิดของเขายุ่งเหยิง


ให้เขายอกแพ้เรื่องนาง เขาก็ไม่ต้องการ


แต่ถ้าเขายอมแพ้เรื่องบัลลังก์ ท่านแม่ของเขา น้องเจ็ดของเขาทุกคนจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนดังกล่าว ซึ่งมันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น


โหลว ชิงอู๋ หัวเราะ


“เห็นหรือไม่หัวใจของท่านมีคำตอบอยู่แล้ว ท่านไม่ได้ชอบข้ามากขนาดนั้น เป็นเพราะความรู้สึกที่ดีที่มีเพียงขนาดเล็กเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ใช่ข้า แต่ก็อาจเป็นผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ช่วยท่านในสถานการณ์เช่นนั้นได้ ท่านก็อาจจะตกหลุมรักกับผู้หญิงคนอื่น ๆได้เช่นกัน องค์ชายรองนี่คือความรู้สึกผิดภายใต้ความเย็นชาของท่าน มันเป็นสิ่งที่องค์ชายคนอื่นๆ ไม่มีดังนั้นนั่นมันจึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการช่วยท่าน แต่ข้าจะไม่กักขังตัวเองให้อยู่ภายในกรงนั้น ข้าเชื่อว่าองค์ชายรองฉลาดและจะสามารถคิดทบทวนเรื่องนี้ได้ “


“…. ” เซี่ยโฮ่ว รุ่ยรู้สึกทึ่ง ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาค่อยๆ ดำมือลง


มันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ?


“องค์ชายรองจงกลับไปคิดอย่างรอบคอบ ข้าคงต้องขอตัวก่อน โอ้ยังมีอีกเรื่อง แม้ว่าข้าจะแต่งงานกับองค์ชายสาม แต่มันก็จะไม่ส่งผลต่อความสามารถของข้าในการช่วยให้ท่านก้าวไปสู่ตำแหน่งนั้นได้ ดังนั้นองค์ชายรองไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด ๆทั้งนั้น “


เมื่อพูดจบ โหลว ชิงอู๋ก็หันหลังและจากไปอย่าไม่สนใจ


นางหวังว่าหลังจากนี้ พวกเขาอาจจะกลายเป็นคู่ค้าที่ดีที่สุด


เซี่ยโฮ่ว รุ่ยนั่งอยู่คนเดียวในห้องนั้นเป็นเวลานานด้วยความรู้สึกมึนงงก่อนที่เขาจะลูบหน้าผากของเขาและหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้น


เขาค่อยๆยกไหเหล้าขึ้นอีกครั้งและดื่มน้ำจนหมด


เขาพยายามลุกขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปข้างนอก


แต่เขายังรู้สึกว่าเขาได้ยอมแพ้ให้กับบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว


และในครั้งต่อไปที่พวกเขาได้พบกัน เขาคงจะกลายเป็นคนใหม่


แต่จริงๆแล้ว เขาเพียงแค่รู้สึกผิด … ต่อนางอย่างนั้นหรือ?

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม