เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 118-124
ตอนที่ 118: ให้เครดิตได้หรือไม่?
โดย
Ink Stone_Romance
จนถึงวัน เฉินเยี่ยนตามเฉินจงออกจากบ้านไป
หวางนิวมองเบื้องหลังของเฉินจงและเฉินเยี่ยนย่ำเท่าเดินตามกันไป ปากก็บ่นเฉินเยี่ยนไม่หยุด ทำไม? เพราะว่าเธอให้เฉินเยี่ยนใส่ชุดที่ตัดใหม่ แต่เฉินเยี่ยนไม่ยอม ยังใส่ชุดเดิมอยู่ หวางนิวให้เธอใช้แผ่นชาดทาปากแดง แล้วยังจุดฟืนให้เฉินเยี่ยนมาทาคิ้ว บอกให้เฉินเยี่ยนแต่งตัวดีหน่อย แบบนั้นเวยหลายชุนเห็นเธอ จะต้องชอบแน่นอน ต่อไปมีอะไรจะได้คุยง่ายขึ้น
เฉินเยี่ยนไม่ยอมอยู่แล้ว พวกครีมบำรุงผิวกลิ่มหอมฟุ้งพวกนั้นในยุคหลังเธอยังไม่ชอบใช้เลย ประสาอะไรกับใช้ฟืนมาวาดคิ้วในยุคนี้? แค่คิดเฉินเยี่ยนก็รู้สึกกลัวแล้ว เส้นดำๆ สองเส้น สวยตรงไหน?
แผ่นชาดที่ทำให้ปากแดง เหมือนดื่มเลือดมาเลย ตีเธอให้ตาย เธอก็ไม่ใช้ ดังนั้นเฉินเยี่ยนแค่ล้างหน้าให้สะอาด สวมเสื้อตัวเก่าที่เธอใส่เป็นประจำแล้วออกไป ส่วนอีกฝ่าจะชอบเธอหรือไม่ เธอไม่ได้สนใจ ถ้าทั้งสองคนชอบพอกับ ก็คบกัน ส่วนจะพัฒนายังไง ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าเห็นแล้วไม่ถูกชะตา เธอก็จะไม่บังคับตัวเอง อย่างมากก็แค่อยู่คนเดียวทั้งชีวิต ไม่มีคนดูแล ก็เป็นอิสระดี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานแล้วทำให้ตัวเองลำบาก
“ลูกสาว วันนี้ถ้าพวกเราดูแล้วชอบก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แต่ถ้าไม่ชอบ แค่ลูกบอกพ่อมา บ้านเราสู้บ้านเขาไม่ได้ แต่พ่อรู้ว่าเรื่อแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของทั้งชีวิต ถ้าลูกไม่ชอบจริงๆ เราก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเอง อีกหน่อยยังมีคนที่ดีเข้ามาอีก”
เฉินจงพูดเสียงเบากับลูกสาว เขากลัวว่าเฉินเยี่ยนจะกดดัน เมื่อวานหวางนิวบ่นกับเขาทั้งคืน บอกว่าวันนี้ให้เขาดูดีๆ ทางที่ดีให้ตกลงไปเลย เรื่องแต่งงานของลูกสาวกลายเป็นเรื่องที่หวางนิวกังวลใจมาก ตอนนี้คนที่มาพูดเรื่องแต่งงาน ไม่มีที่ดีเลยสักบ้าน พวกเขาไม่ชอบ อย่าว่าแต่ลูกสาวเลย ถึงแม้จะรีบยังไง ก็ไม่สามารถให้ลูกสาวซี้ซั้วแต่งงานไม่ได้ ถ้าลูกสาวไม่มีความสุข ในใจของพ่อแม่อย่างพวกเขาก็ทุกข์ใจไปด้วย
“พ่อ ถ้าหนูไม่แต่งงานเลย หนูจะอยู่ที่บ้านไปตลอดชีวิตได้ไหม? หรือว่า หนูซื่อบ้าน สร้างบ้าน แล้วอยู่เอง พ่อแม่จะคิดว่าหนูน่าขายหน้าหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนคิดแล้วถามเฉินจง ในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะแต่งานเร็วมาก มีน้อยคนที่จะบรรลุนิติภาวะแล้วแต่งงาน มีไม่น้อยที่ตอนที่จดทะเบียนสมรสลูกโตหลายขวบแล้ว ถ้าบ้านไหนมีลูกสาวที่ไม่แต่งงานเลยทั้งชีวิต นั่นเป็นเรื่องน่าอาย ลูกสาวอายุมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนยังไงก็ต้องแต่งงาน ถึงแม้ว่าครอบครัวครั้งที่แล้วที่ลุงกับอาหาให้พี่ชาย ผู้หญิงเป็นหญิงที่ดี ขยันมีความสามารถ ตัวเธอก็มีความรับผิดชอบ เพราะว่าที่บ้านขัดไว้ แม่เธอเลยไม่สนฐานะของฝ่ายชายแล้ว ขอแค่ไม่แย่ก็พอแล้ว
ตอนนั้นลุงกับอาบอกว่าจะให้แต่งกับพี่ชาย แต่ตอนนั้นพี่ชายยังไม่หย่ากับช่างเหลียน ดังนั้นลุงกับอาเลยตอบกลับเขาไป รอจนพี่ชายกับช่างเหลียนหย่ากันก่อน ตอนที่หวางนิวจะไปคุยเรื่องนี้อีกรอบ ลุงกับอาก็บอกว่าลูกสาวบ้านนั้นหาอีกครอบครัวให้แล้ว หย่ามาเหมือนกัน ที่บ้านยังมีลูกสาวอายุขวบกว่า ภรรยาเป็นโรคตายไปแล้ว สถานะแบบนี้ไม่ถือว่าดีอะไร แต่แม่ของผู้หญิงคนนั้นตกลง กลัวว่าถ้าลูกสาวเลือกอีกต้องได้ชายโสดที่อายุสามสี่สิบประเภทนั้นแน่ ดังนั้นเลยตอบตกลงให้ลูกสาวไป
ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งอายุยี่สิบสาม ในยุคหลังนี่นับว่าอ่อนมาก แต่ในยุคนี้แต่งงานลำบากแล้ว ส่วนเฉินเยี่ยนปีนี้สิบเก้า อายุยังไม่นับว่าโตมาก แต่เธอมีเรื่องยกเลิกงานแต่ง มีเรื่องในสวนผลไม้ ชื่อเสียงไม่ถือว่าดี ดังนั้นสถานการณ์แบบนี้จะหาคนที่ดีแต่งด้วยยาก พ่อแม่เธอเลยร้อนรน ส่วนเฉินเยี่ยนไม่อยากทรมานตัวเอง ถ้าใจเธอไม่คิดแต่งก็ไม่แต่ง ไม่มีอะไรสำคัญ แต่พ่อแม่ไม่คิดแบบนั้น
เฉินจงโดนเฉินเยี่ยนพูดจนอึ้งไป เขามองเฉินเยี่ยนสักพัก เฉินเยี่ยนมองเฉินจงนิ่งๆ ไม่หลบสายตา แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่
เฉินจงมองออกว่าลูกสาวจริงจัง ไม่ได้แค่พูดเฉยๆ
“ถ้าลูกไม่อยากแต่งจริงๆ พ่อก็ไม่บังคับ พ่อกับแม่อยู่กับลูกอีกไม่กี่ปี หู่จื่อก็เป็นเด็กดี เขาไม่มีทางไม่ดูแลลูกหรอก ลูกแก่แล้ว ให้ลูกชายหู่จื่อเผากระดาษให้ พ่อไม่คิดว่ามีอะไรน่าขายหน้า ตัวเองเป็นคนใช้ชีวิตเอง เยี่ยนจื่อ พ่อไม่บังคับให้ลูกแต่งงาน แต่พ่อจะบอกว่า คนเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก อะไรที่พวกลูกเลือก ขอแค่ไม่เสียใจภายหลังก็พอแล้ว”
เฉินจงทอดถอนใจ เขาพอเข้าใจความรู้สึกลูกสาวบ้าง แต่ไม่เขาอยากจะฝืน เหมือนที่เขาไม่บังคับเฉินกุ้ย ลูกโตแล้ว ให้พวกเขาเลือกเอง
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
เฉินเยี่ยนบีบจมูก วางใจแล้ว เฉินจงถือว่าหัวสมัยใหม่แล้ว ถ้าเจอพ่อแม่ที่ควบคุมทุกอย่างอะไรก็จะควบคุม ตั้งธงไว้ว่าทำเพื่อลูก ให้ลูกแต่งงาน นั่นถึงน่ากลุ้มใจ
มาถึงสหกรณ์ เฉินเยี่ยนมองดู เฉินจงไปหาลุงป่าวเอิน
ลุงป่าวเอินชี้ให้เฉินจงดู เฉินจงไม่ได้ให้ลุงป่าวเอินเรียกเขามาคุยด้วย แต่ตัวเขาเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ที่เวยหลายชุนรับผิดชอบอยู่ ทำเป็นดูของเหมือนลูกค้าคนหนึ่ง
เวลานี้คนในสหกรณ์ไม่มาก เฉินเยี่ยนก็เข้าใจเฉินจง เธอเดินไปอีกเคาน์เตอร์หนึ่ง แอบมองสถานการณ์ฝั่งนี้
เวยหลายชุนสูงประมาณ 175 เซนติเมตร รูปร่างพอใช้ได้ ไม่อ้วนและไม่ผอม ท่อนบนสวมชุดทำงานสีน้ำเงิน สวมปอกแขนสีน้ำเงิน ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าโพลีเอสเตอร์ ใบหน้าเรียวยาว คิ้วดกดำ ดวงตาไม่ถือว่าโต แต่ก็ไม่เล็ก สีผิวค่อนข้างคล้ำ แต่ยิ้มแล้วดูอบอุ่น เหมือนพี่ชายข้างบ้านเลย
ใช้ได้ นี่เป็นการประเมินของเฉินเยี่ยนต่อเวยหลายชุน
เฉินจงชี้ถามไปที่ของมากมาย เวยหลายชุนตอบทีละคำถาม ไม่เหมือนพนักงานขายของคนอื่นที่ทำหน้าบึ้ง น้ำเสียงเป็นกลาง ฟังแล้วไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจ
“วันนี้ผมไม่ได้เอาตั๋วมา สหาย ของนี้ให้เครดิตผมได้หรือไม่? ครั้งหน้าผมมาต้องคืนคุณแน่”
ฝั่งเฉินจงถามตั้งนาน แล้วค่อยชื่อไปที่ของสิ่งหนึ่ง บอกเวยหลายชุนว่าต้องการ แต่ไม่ได้เอาเงินมา ขอให้เครดิตได้หรือไม่
เฉินเยี่ยนเกือบหัวเราะออกมา พ่อเล่นตลกเกินไปแล้ว ยุคนี้มีให้เครดิตกันทีไหน
พนักงานขายผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์ที่เฉินเยี่ยนอยู่ อายุสามสิบกว่า แสดงออกว่าได้ยินที่พ่อเฉินพูด เลยเบะปากพูด “ลุงบ้านนอก ไม่มีเงินก็ไม่ต้องมา ยังจะขอเครดิตอีก ลุงเป็นใครจะรู้จักไหม”
เฉินเยี่ยนเหลือบมองเธอ สายตาฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความดูถูก เฉินเยี่ยนอยากจะถามเธอมาก หรือว่าเธอก็ไม่ใช่คนบ้านนอก? เพราะว่าเป็นพนักงานในสหกรณ์ก็สามารถดูถูกคนอื่นได้งั้นเหรอ? แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้พูด เธอมองเวยหลายชุน
“คุณลุง ขอโทษด้วย ที่นี่พวกเราไม่มีขายแบบให้เครดิต ถ้าลุงต้องการ ครั้งหน้ามีตั๋วแล้วค่อยมาก็ได้ครับ”
ท่าทีของเวยหลายชุนดูปกติ พูดจาไม่ทำร้ายน้ำใจ
“งั้นสหาย คุณช่วยเก็บอันนี้ไว้ให้ผม อย่าเพิ่งขายให้คนอื่นได้ไหม?”
เฉินจงพูดต่อ
“ต้าชุน ไปสนใจเขาทำไม แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่มีปัญญาซื้อ อย่าเสียแรงเลย ไม่ว่างขนาดนั้นมาสนใจเขา”
พนักงานหญิงที่อายุสามสิบกว่าตะโกนเรียกเวยหลายชุน ให้เขาอย่าไปสนใจเฉินจง
“คุณลุง ของนี้ยังมีอีกเยอะ ลุงมาครั้งหน้าก็น่าจะยังมีอยู่ แต่อันนี้ผมเก็บให้ลุงไม่ได้ พวกเราที่นี่มีกฎ ขอโทษด้วยนะครับ”
เวยหลายชุนไม่ได้ฟังผู้หญิงคนนั้น พูดกับเฉินจงอย่างจริงจัง สายตาไม่มีแววรังเกียจเลยสักนิด
ถ้าเวยหลายชุนไม่รู้เรื่องที่วันนี้จะมีคนมาดูตัวเขา ถ้าอย่างนั้นคนนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลย เฉินเยี่ยนคิดในใจ
—————–
ตอนที่ 119: คุณป้า ป้าเป็นวัยทองเหรอ?
โดย
Ink Stone_Romance
ฝั่งเฉินจงยังจะพูดอะไรต่อ ลุงป่าวเอินก็เข้ามา
“เอ้า จง มาได้ยังไง? มาแล้วทำไมไม่เรียกผม?”
ลุงป่าวเอินทำเหมือนเพิ่งเห็นเฉินจงแล้วเข้ามาทัก
“ลุง นี่ใครครับ? ลุงรู้จักหรือ?”
พนักงานหญิงที่เมื่อกี้เพิ่งพูดประชดเฉินจงถาม เวยหลายชุนก็คิดไม่ถึง
“นี่เป็นพี่น้องของข้าเอง มา จง พวกเราคุยกัน”
ลุงป่าวเอินแนะนำเฉินจง เขาไม่ได้สนใจพนักงานหญิงนั่นมากมาย เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ชื่อเอ้อเฟิ้ง ครอบครัวเธอก็เป็นคนในหมู่บ้านเกษตรกรเหมือนกัน แต่เธอโชคดี ได้แต่งงานเข้ามาในอำเภอ บ้านสามีเธอจัดการให้เธอได้ทำงานในสหกรณ์ เธอก็เลยคิดว่าตัวเองเก่งกาจ วันๆ ดูถูกคนโน้น คนนี้ คนที่แต่งตัวไม่ดี คนในหมู่บ้าน นั่นเรียกว่าไม่เกรงใจ ลุงป่าวเอินไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้
เฉินจงตามลุงป่าวเอินไปคุยกันฝั่งนั้น เฉินเยี่ยนไม่ได้ตามไป ดูอะไรของเธอต่อ ไม่นานลุงป่าวเอินก็เรียกเวยหลายชุนไปหา
เฉินเยี่ยนแอบมอง พบว่าเวยหลายชุนก็มองตัวเองเหมือนกัน ดูเหมือนเมื่อกี้ลุงป่าวเอินเพิ่งเล่าเรื่องให้เขาฟัง จนเขาและเฉินเยี่ยนสบตากัน เฉินเยี่ยนพบว่าเวยหลายชุนหน้าแดง หลบสายตาเธอ ก้มหน้าลง ดูระมัดระวังตัว
ในเมื่ออาย เฉินเยี่ยนเลยถอนสายตาออกมา เธอไม่ยอมรับว่าตัวเองหน้าไม่อายเลย ในยุคปัจจุบัน เธอไม่ได้หน้าไม่อาย แต่เจอเรื่องสู่ขอแบบนี้เธอจะไม่หน้าแดง
“หึ!คิดว่าดียังไง มาหาลุงบ้านนอก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าจน ต้าชุนต้องไม่ชอบแน่”
ฝั่งเอ้อเฟิ่งบ่นเสียงเบา
เฉินเยี่ยนเหลือบมองเธอ ดูเหมือนที่นี่จะมีเรื่องอะไรกันอยู่ หรือว่าพนักงานขายผู้หญิงคนนี้จะมีใจให้เวยหลายชุน? ไม่น่าจะใช่นะ อายุไม่น้อยแล้ว แล้วเธอจะหึงผู้ชายคนนั้นทำไม? หรือเธอไม่มีสามี อยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อน?
อันที่จริงก็ไม่โทษที่เอ้อเฟิ่งเป็นแบบนี้ เอ้อเฟิ่งก็ถูกใจเวยหลายชุนอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ถูกใจให้ตัวเอง แต่ให้น้องสาวบ้านสามีเธอ น้องสาวสามีเธอปีนี้อายุสิบแปด หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่ก็ไม่สวย หน้าตาธรรมดาเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่เธอกับพี่เอ้อเฟิ่งของเธอเย่อหยิ่งเหมือนกัน อยากจะหาคนที่ดี ส่วนเอ้อเฟิ่งก็อยากจะหาผู้ชายที่ดีให้น้องสามีเหมือนกัน แบบนี้พี่น้องจะได้คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้าหาเกษตรกรในหมู่บ้าน จะช่วยอะไรเธอได้? ไม่แน่ยังอาจจะโดนบ้านเธอดูถูกอีก เธอไม่ยอม ดังนั้นเอ้อเฟิ่งเลยถูกใจหลายชุนแทนลิ่วเฟิ่งน้องสาวเธอ
เธอพูดกับหลายชุน แต่หลายชุนไม่ได้ตอบ ตอนนี้ลุงป่าวเอินก็มาแสดงความสนใจแล้ว บอกว่าหลานสาวเขาหน้าตาสวย แถมยังซื่อตรงทำงานเก่ง อยากจะแนะนำให้หลายชุน หลายชุนตอบตกลง บอกว่ามีเวลาจะมาดูตัว แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่ดูตัว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เอ้อเฟิ่งก็ไม่พอใจ ทำไมลุงป่าวเอินพูดทีหนึ่งหลายชุนก็ยอมดูตัว แต่ไม่ยอมดูตัวน้องสาวตัวเอง? น้องสาวตัวเองแย่กว่าคนอื่นตรงไหน! เดิมทีเธอไม่สบายใจอยู่แล้ว วันนี้มาเจอเฉินจงอีก เฉินจงถือว่าหน้าตาใช้ได้ ตาโด มีตาสองชั้น โดยรวมดูดีมาก ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีหน่อย จะมีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก ดูเผินๆ แล้ว คิดว่าลูกสาวเขาหน้าตาไม่น่าจะแย่ ในใจเอ้อเฟิ่งยิ่งไม่เป็นสุข เธอมองแต่ฐานะของเฉินจง ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองก็มาจากหมู่บ้านเหมือนกัน
“ดูอะไรน่ะ! ไม่มีปัญญาซื้อก็ไป อย่ามาถ่วงความเจริญตรงนี้”
เอ้อเฟิ่งไม่พอใจ เลยระบายอารมณ์ใส่เฉินเยี่ยน ยังไงสหกรณ์นี้ก็เป็นของรัฐ ทุกคนมาขอซื้อของกับเธอ ความต้องการมีมากแต่จองมีน้อยก็ซื้อไม่ได้ ไม่ใช่เธอที่ขอร้องให้คนซื้อ ดังนั้นเธอเลยคิดว่าเธอสามารถวีนใส่ใครก็ได้
เฉินเยี่ยนขำ ผู้หญิงคนนี้เป็นโรคจิต
“คุณป้า คุณป้าเป็นวัยทองเหรอคะ?”
เฉินเยี่ยนตอบกลับ
“วัยอะไร ใครเป็นป้าเธอ ไม่รู้จักเรียกสหายหรือไง”
เอ้อเฟิ่งเบิ่งตาใส่เฉินเยี่ยน เธอไม่เข้าใจคำว่าวัยทองคืออะไร แต่ที่เฉินเยี่ยนเรียกเธอป้า เธอไม่พอใจอย่างยิ่ง คิดว่าเฉินเยี่ยนพูดจาไม่เป็น
เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ
“ยังดูอยู่อีก เธอมีตั๋วไหม? เธอซื้อไหวเหรอ? อย่ามาเกะกะตรงนี้”
เอ้อเฟิ่งเห็นเฉินเยี่ยนไม่สนใจเธอ เธอเลยยิ่งได้ใจ
“ฉันไม่สนใจจะซื้อของที่นี่ แต่ฉันมีของอย่างหนึ่งที่อยากจะซื้อ ขายหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนอ่อนแอแกล้งได้ง่าย ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้ว่าพ่อเธอ ตอนนี้มาว่าเธออีก ไม่สนใจเธอ เธอยังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักเชียว
“อะไร?”
เอ้อเฟิ่งถาม เธอเห็นเฉินเยี่ยนสวมเสื้อผ้าก็ไม่ดี ไม่เชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะซื้อของ ไม่อย่างนั้นดูมาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นเธอถามอะไรเลย
“คุณ”
เฉินเยี่ยนหรี่ตามองเอ้อเฟิ่งอย่างแน่วแน่
“ฉัน ฉันทำไม?”
เอ้อเฟิ่งยังไม่เข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน ถามอย่างไม่เข้าใจ
เฉินเยี่ยนหมดแรง คิดเล็กคิดน้อยกับคนแบบนี้ไม่น่าสนใจ เฉินเยี่ยนขี้เกียจพูดแล้ว
“เธอยืนอยู่ตรงนั้น! พูดให้รู้เรื่อง ฉันทำไม?”
ฝั่งเอ้อเฟิ่งเห็นเฉินเยี่ยนยกเท้ากำลังจะเดินไป เลยตะโกนเสียงดัง เธอยังไม่ทันตอบโต้อะไรกลับมา
“ฉันถามว่าคุณขายไหม? ถ้าคุณขาย ฉันก็จะซื้อ แต่ฉันเห็นคุณหน้าบึ้งทั้งวัน ยิ้มยังไม่เป็นเลย ฉันเลยไม่สนใจแล้ว”
เฉินเยี่ยนหยุด ในเมื่อให้เธอพูด เธอก็จะพูด
ตาเอ้อเฟิ่งเบิ่งโต เธอฟังเข้าใจแล้ว เฉินเยี่ยนนี่กำลังด่าเธออยู่ บอกว่าอยากจะซื้อเธอ เธอไม่ใช่สิ่งของนะ จะขายได้ยังไง?
“เธอมันแย่ เธอหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ดูสิว่าฉันจะไม่ฉีกเธอเป็นชิ้น ฉันไม่ใช่สิ่งของนะ เธอกล้ามาว่าฉัน”
เอ้อเฟิ่งรู้สึกตัวก็อ้าปากด่าเฉินเยี่ยน
สายตาเฉินเยี่ยนเย็นชา ลุงป่าวเอิน เฉินจง เวยหลายชุนก็มองมาทางนี้ เห็นเอ้อเฟิ่งจะออกมาจากเคาน์เตอร์ เหมือนจะมาตบตีเฉินเยี่ยน หลายคนเลยรีบเข้าไป
“เยี่ยนจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินจงมาหน้าเฉินเยี่ยน ถามลูกสาว
ฝั่งลุงป่าวเอินก็ยื่นมือไปดุงเอ้อเฟิ่งไว้ ปากเอ้อเฟิ่งยังคงด่าอยู่ ข้างๆ มีลูกค้าหลายคนมองดู
“พอได้แล้ว หยุดโวยวายได้แล้ว คนอื่นเห็นแล้วขายหน้า มีอะไรก็พูดกันดีๆ”
ลุงป่าวเอินขมวดคิ้ว เอ้อเฟิ่งคนนี้พูดจาน่าเกลียดไปแล้ว เยี่ยนจื่อเป็นผู้หญิง ด่าคนจะด่าชนะเอ้อเฟิ่งได้ยังไง อีกอย่างเยี่ยนจื่อก็ด่าคนไม่เป็น หลายชุนก็อยู่ ถ้าทำให้หลายชุนไม่ประทับใจ เรื่องนี้ก็สูญเปล่าเลย เอ้อเฟิ่งนี่น่าจะคิดแบบนี้
“พูดอะไรน่ะ ลุงดูการกระทำเธอ เธออาศัยหน้าสุนัขจิ้งจอกของเธอกล้ามาด่าฉัน ไม่ดูเลยว่าฉันเป็นใคร! ดูแล้วเธอกับพ่อเธอจะเป็นตัวซวย เป็นดาวเคราะห์ร้าย แบบนี้แต่งงานไปจะเอาชนะคนอื่น ไม่แน่เอาชนะคนในบ้านจนตาย สมน้ำหน้าชีวิตนี้สมควรแต่งไม่ออก
เอ้อเฟิ่งพูดเสียงดัง เธอไม่กลัวโวยวาน เธออยากจะให้เวยหลายชุนเห็นว่าเฉินเยี่ยนไม่ดี ไม่แน่ถึงเวลานั้นน้องสาวเธอจะได้มีความหวัง
“ขอโทษ”
เฉินเยี่ยนด่าคนเป็นไหม? เธอด่าเป็น แต่เธอไม่อยากด่า และไม่คิดจะด่า ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเวยหลายชุน
“ฉันขอโทษเธอ เธอเป็นตัวอะไร! ครอบครัวพวกเธอเกิดกี่ชาติยังไม่เห็นของพวกนี้เลยมั้ง? ไม่มีปัญญาซื้อแล้วยังมาดู คนบ้านนอก ออกไปกินขี้ซะไป!”
เอ้อเฟิ่งจะขอโทษได้ยังไง ซ้ำยังด่าหนักขึ้นอีก คำพูดมีความประชดประชัน เธออยากจะโวยวาย โวยเสียงดัง โวยจนให้เรื่องของเฉินเยี่ยนและเวยหลายชุนจบลง
————–
ตอนที่ 120: ทำลายความสามัคคี ขอโทษ (1)
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินจงกำหมัด ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิง เขาลงมือไปแล้ว
เฉินเยี่ยนมองจุดประสงค์ของเอ้อเฟิ่งออก รวมถึงตอนนั้นที่เอ้อเฟิ่งบ่นพึมพำ เธอมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้ต้องเล็กเวยหลายชุนไว้ในใครแน่นอน เลยตั้งใจเป็นศัตรูกับพ่อและเธอแบบนี้ ตอนนี้คิดจะทำเรื่องให้ใหญ่ขึ้น โวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่จะได้ทำลายการดูตัวนี้
เฉินเยี่ยนไม่กลัวเธอโวยวาย จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ทำไป ดีเธอจะได้ดูว่าเวยหลายชุนจะจัดการยังไง มีท่าทียังไง
คิดถึงตรงนี้ เฉินเยี่ยนเดินเข้าไป จะด่ากลับ? เธอไม่ทำ แต่เธอมีวิธีที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้หุบปาก
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะไปถึง ด้านหน้าเอ้อเฟิ่งที่โดนลุงป่าวเอินดึงอยู่ มีเสียงพูดขึ้นมา “นี่โวยวายอะไรกัน!”
หลังจากเสียงดุดังขึ้นมา เอ้อเฟิ่งเงียบลง เฉินเยี่ยนมองเห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนสวมแว่นตากรอบสีดำ สีหน้าดูเคร่งเครียด เขาสวมชุดใกล้เคียงกับพนักงานในสหกรณ์ แต่เฉินเยี่ยนเห็นป้ายที่หน้าอกเขา ด้านบนเขียนว่าหัวหน้าฝ่ายสหกรณ์ ชายวัยกลางคนนี้เป็นหัวหน้าที่นี่
“หัวหน้าหยวน พวกเขา พวกเขาไม่ซื้อของแล้วมาสร้างปัญหาที่นี่ พวกเขายังด่าคน แกล้งคน หัวหน้าต้องให้ความเป็นธรรมกับฉันนะคะ”
เอ้อเฟิ่งเห็นหัวหน้าหยวนมา ก็รีบเปลี่ยนสีหน้า ทำท่าดูน่าสงสาร
เฉินเยี่ยนยกมุมปาก เอ้อเฟิ่งคนนี้เล่นละครเก่งนะ ร้องไห้ฟ้องก่อน เธอคิดว่าแบบนี้จะมีเหตุผลหรือ?
หัวหน้าหยวนขมวดคิ้ว แววตาโดนเลนส์แว่นตาหนาบังอยู่ มองไม่ชัดเจน แต่เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ว่าหัวหน้าหยวนคนนี้เป็นคนเคร่งขรึม
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไรเลย เรื่องวันนี้ไม่ได้อยู่ที่เสียงดัง ความผิดก็ไม่ได้อยู่ที่เธอ ดังนั้นเธอไม่กลัว
“สหายคนนี้ ไม่ใช่แบบที่เธอบอก เธอเป็นคนด่า เมื่อกี้ทุกคนก็ได้ยิน อย่ามาโทษพวกเรา”
เฉินเยี่ยนไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเฉินจงจะไม่พูด ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีหัวหน้า แต่เฉินจงไม่ได้ประหม่าเลย
“พวกคุณพูดมา เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หัวหน้าหยวนไม่ได้ฟังแค่คำพูดของเอ้อเฟิ่ง แต่อยากจะฟังความจริง
เอ้อเฟิ่งชิงพูดก่อน เฉินจงก็พูด ลุงป่าวเอินก็พูดแทรกขึ้นบ้าง แล้วยังมีพนักงานคนอื่นก็เล่าเรื่องตามที่รู้ เสียงพูดดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เฉินเยี่ยนคิดว่าหัวหน้าคนนั้นน่าจะปวดหัว พูดพร้อมกันขนาดนี้ ฟังเข้าใจสิแปลก
จู่ๆ เธอนึกถึงละครเรื่องหนึ่งที่เคยฟังมา ผู้จัดการฟังลูกน้องผู้หญิงเถียงกันจนปวดหัว เลยพูดมาประโยคหนึ่ง “คนน่าเกลียดพูดก่อน” จากนั้นก็ไม่มีคนพูดเลย
“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ใครน่าเกลียดคนนั้นพูดก่อน”
เฉินเยี่ยนพูดประโยคนี้ขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าคนยุคนี้จะเข้าใจมุขนี้หรือไม่ แต่คำว่าน่าเกลียดทุกคนน่าจะเข้าใจกันหมด
พอเฉินเยี่ยนพูดประโยคนี้ออกมา ในสหกรณ์เงียบลงจริงด้วย ไม่ว่าจะเอ้อเฟิ่ง เฉินจง รวมไปถึงลุงป่าวเอินที่นานๆ จะพูดเสริมที เวยหลายชุน แล้วยังพนักงานคนอื่น แต่ละคนต่างเงียบเสียง คนที่มามุงดูอยู่ข้างๆ ต่างมองฝั่งนี้ ฝั่งนั้น คิดในใจ คนไหนน่าเกลียด? คนไหนจะพูดก่อนนะ?
หัวหน้าหยวนก็มอง ถ้าเรียงตามคนที่ทะเลาะกัน ควรจะเป็นเอ้อเฟิ่งพูดก่อน เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะให้เอ้อเฟิ่งพูด เฉินเยี่ยนก็พูดขึ้นมา “ไม่พูดกันแล้วใช่ไหม? งั้นฉันพูดนะ”
เฉินเยี่ยนพูดคำนี้ขึ้นมา ทุกคนต่างตกใจ ถ้าพูดถึงความน่าเกลียดยังไงก็ไปไม่ถึงเฉินเยี่ยน นัยน์ตาเวยหลายชุนก็ฉายแววประหลาดใจ สายตาที่มองเฉินเยี่ยนดูลึกซึ้งขึ้นมาเป็นสองเท่า
“วันนี้ฉันกับพ่อมาสหกรณ์ ฉันกับพ่อเตรียมจะซื้อผ้า ซื้อเนื้อ แล้วยังมีอาหารกระป๋อง ฉันดูอยู่ตรงนี้ พ่อฉันดูอยู่ที่ฝั่งสหายคนนั้น สหายหญิงคนนี้”
เฉินเยี่ยนพูดมาถึงตรงนี้ก็ชี้ไปที่เอ้อเฟิ่ง แล้วพูด “เธอบอกว่าพ่อฉันเป็นลุงบ้านนอก บอกว่าสหายเวยคนนั้นว่าไม่ต้องสนใจพ่อฉัน แล้วยังบอกว่าไม่มีปัญญาซื้อไม่ต้องไปมอง จากนั้นเธอเห็นสหายเวยไม่ได้สนใจเธอ ก็เลยมาระบายอารมณ์ลงที่ฉัน ไล่ให้ฉันไป ฉันแค่อยากจะถาม ไม่ได้พูดเรื่องอื่น สหกรณ์นี้เป็นของรัฐ เป็นของประชาชน พวกเราเป็นประชาชนมาซื้อของที่นี่ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับพวกเรา เธอทำแบบนี้ถูกไหม?”
เสียงเฉินเยี่ยนไม่เบา พูดจริงจัง โยนความผิดให้คนอื่น ใครทำไม่เป็น
คำพูดเธอสร้างเสียงฮือฮาให้คนที่มามุงดู มีหลายคนเข้าข้างเธอ บอกว่าเอ้อเฟิ่งไม่ถูก เพราะพวกเขามาซื้อของที่นี่ เอ้อเฟิ่งก็ชอบทำหน้าบึ้ง ท่าทีไม่ดี ในใจทุกคนย่อมไม่พอใจ แต่ก็ชินแล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เฉินเยี่ยนพูดแบบนี้ พวกเขาก็คิดว่าเฉินเยี่ยนพูดถูก พวกเขาเสียเงิน เสียตั๋ว ทำไมถึงต้องทำกับพวกเขาแบบนี้!
หัวหน้าหยวนฟังคำพูดเฉินเยี่ยนก็ขมวดคิ้ว เฉินเยี่ยนพูดถูก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเอ้อเฟิ่งทำอะไรไม่ถูก ในสหกรณ์มีของมากมาย มีหลายอย่างที่เป็นของที่มีความต้องการสูง มีเงินมีตั๋วก็ไม่ใช่ว่าจะขายให้ได้ ต้องดูฐานะหน้าตา ดังนั้นทุกคนต่างเคารพต่างประจบ เพื่อเวลามีของอะไรจะได้ขายให้เขา ท่าทีของเอ้อเฟิ่งมีปัญหาอยู่จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“เธออย่าพูดมั่วๆ พวกเธอมาซื้อของงั้นหรือ? พวกเธอมีปัญญาซื้อหรือ? พวกเธอมีเงินมีตั๋วไหม? พวกเธอไม่มีเลย พวกเธออยากจะขอเครดิต ฉันจะบอกให้”
เอ้อเฟิ่งไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดอยู่แล้ว พูดตอบโต้เสียงดัง
“สหายคนนี้ พวกเราที่นี่เป็นสหกรณ์ในอำเภอ ไม่มีกฎให้เครดิต คุณไม่มีเงินไม่มีตั๋วก็มาสร้างความวุ่นวายที่นี่ไม่ได้”
หัวหน้าหยวนคิดว่าเฉินเยี่ยนไม่ถูกเสียทีเดียว
เฉินเยี่ยนเหลือบมองเธอ แววตาประหลาดใจพูดขึ้นมา “ใครบอกว่าพวกเราไม่มีเงินไม่มีตั๋ว? พวกเราบอกว่าไม่ซื้อ ต้องการเครดิต? พ่อเอาเงินกับตั๋วออกมาให้พวกเขาดู มาซื้อของดีๆ ยังกลายมาโดนชื่อเสียงแบบนี้ น่าโมโหจริงๆ”
สิ้นคำพูดเฉินเยี่ยน เฉินจงไม่พูดอะไรล้วงกระเป๋าหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ ในผ้าเช็ดหน้ามีตั๋วหลายชนิดและเงินอยู่ในนั้น
เฉินเยี่ยนไม่เคยขาดแคลนตั๋วเลย เพราะพวกเขาส่งบุหรี่ให้แต่ละที่ แต่ละที่ไม่ได้ให้ตั๋วบุหรี่พวกเขามา จะให้ตั๋วต่างชนิดกับพวกเขา ดังนั้นเลยมีตั๋วทุกอย่าง
ได้ยินเสียงวิจารณ์รอบด้าน มองตั๋วและเงินบนเคาน์เตอร์ หัวหน้าหยวนรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า พวกเขาไม่ใช่ไม่มีปัญญาซื้อ ตั๋วเยอะขนาดนี้ อยากจะซื้ออะไรก็ได้ เขามองเอ้อเฟิ่ง เป็นเพราะเอ้อเฟิ่งสร้างเรื่อง
เอ้อเฟิ่งก็คิดไม่ถึงเลยว่าในตัวเฉินจงจะมีเงินแล้วมีตั๋วอีก เธอก็อึ้งไป พูดอย่างตื่นเต้น “เป็นเพราะเขา! เขาเป็นคนบอกก่อนว่าไม่ได้เอาตั๋วกับเงินมาจะขอเครดิต เขาพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่เชื่อถามต้าชุนดู”
เอ้อเฟิ่งรู้สึกว่าโดนรังแก เธอไม่ได้ฟังผิดแน่นอน
หัวหน้าหยวนมองไปทางต้าชุน เวยหลายชุนมองทางนี้ที แล้วก็มองทางนั้น เขาจะพูดยังไงดี?
“คุณลุงท่านนี้อยากจะซื้อหลอดไฟ แต่เขาบอกว่าไม่มีตั๋ว ถามว่าสามารถเก็บไว้ให้เขาได้หรือไม่ ครั้งหน้าเขาจะมาซื้อ ผมบอกว่าพวกเราที่นี่ไม่มีกฎนี้ จากนั้นพี่เอ้อเฟิ่งก็ตะโกนเรียกผม บอกให้ผมไม่ต้องไปสนใจลุงคนนี้ บอกว่าเป็นลุงบ้านนอกไม่มีปัญญาซื้อ”
เวยหลายชุนพูดความจริง แต่ถ้าฟังดีๆ เขาแอบลำเอียงไปทางบ้านเฉินหน่อย
หัวหน้าหยวนมองเฉินจง
ฝั่งเฉินจงกลับพูดว่า “สหายเวยคนนี้พูดไม่ผิด พวกเราไม่มีตั๋วหลอดไฟนี่จริงๆ พ่อฉันได้ยินว่ามันทำให้สว่างได้ อยากจะซื้อกลับไป แต่พ่อฉันไม่รู้ว่าหลอดไฟนี่ไม่มีไฟ ซื้อกลับไปก็ไม่สว่างอยู่ดี เพราะพวกเราคนในหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าเลย พ่อฉันเห็นหลอดไฟนี่แปลกใหม่ เลยถามว่าช่วยเก็บไว้ให้ได้ไหม นี่ก็ผิดแล้วหรือ? อีกอย่างพวกเราวันนี้มาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อหลอดไฟ พวกเราต้องการมาซื้อผ้าและอาหารกระป๋อง ถามเรื่องหลอดไฟก็ไม่ได้หรือ?”
—————-
ตอนที่ 121: ทำลายความสามัคคี ขอโทษ (2)
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนพูดหน้าตาจริงจัง เธอพูดแบบนี้ออกไปคนส่วนใหญ่พยักหน้า และเชื่อคำพูดเธอ ตอนนี้มีหลายหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้า ซื้อหลอดไฟกลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เห็นเป็นของใหม่ถามดูไม่ได้หรือ ไม่ถามจะรู้ได้ยังไงว่าซื้อได้หรือไม่ได้ แบบนี้ก็ว่าหาว่าไม่มีปัญญาซื้อ ไล่คนออกไป อีกหน่อยทุกคนก็ไม่อยากจะมาแล้ว
หัวหน้าหยวนได้ยินเฉินเยี่ยนพูดไม่ผิด คนซื้อหลอดไฟไม่ไหวเป็นเรื่องปกติ ซื้อกลับไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ซื้ออย่างอื่น ไปว่าเขาได้ยังไง
“เธอเป็นคนบอกฉันก่อน เธอบอกว่าฉันเป็นวัยอะไรนั่น แล้วยังถามว่าฉันขายหรือเปล่า? ถ้าขาย เธอก็จะซื้อฉัน หัวหน้าคะ ฟังดู แบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอด่าฉันหรอกหรือ? มีที่ไหนขายคน เธอ เธอไม่ใช่ว่ากำลังว่าฉันขายตัวอยู่หรือ”
เอ้อเฟิ่งสีหน้าน่าสงสาร ตอนนี้เธอไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว เธอต้องเอาความผิดโยนให้เฉินเยี่ยน
ผู้คนมองเฉินเยี่ยนอีกครั้ง ถ้าพูดแบบนี้จริงก็เป็นความผิดของเฉินเยี่ยน หญิงสาววัยรุ่นทำไมว่าคนอื่นแบบนี้ นี่ถือเป็นการดูถูก นิสัยมีปัญหา
เฉินจงก็มองเฉินเยี่ยน ก่อนหน้านี้เขาไม่อยู่ เลยไม่ได้ยินที่ลูกสาวพูดแบบนี้ ถึงแม้ลูกสาวจะพูด ก็ต้องโดนเอ้อเฟิ่งอะไรนั่นบังคับแน่นอน เขาไม่ยอมให้ลูกสาวลำบาก คิดอย่างนี้เฉินจงก็เดินออกมา เขาต้องปกป้องลูกสาว
“หัวหน้า พ่อ หนูบอกว่าสหายหญิงคนนั้นวัยทองแล้ว นี่คือคำด่าคนหรือ? พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าวัยทองหมายความว่าอะไร?”
เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาก่อนเฉินจงพูด เรื่องนี้เธอไม่ต้องให้เฉินจงมาแก้ปัญหาแทนเธอ
“แปลว่าอะไร?”
หัวหน้าหยวนถาม เขาก็ไม่รู้
“ยังไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไรเลย ทำไมถึงมาบอกว่าฉันด่าคน? ฉันกำลังชมสหายหญิงคนนี้อยู่นะ”
เฉินเยี่ยนเบิ่งตากว้าง แสดงให้เห็นความจริงใจ ความบริสุทธิ์เป็นพิเศษ ผู้คนก็เชื่อเฉินเยี่ยน คนยุคนี้ไม่มีใครรู้จักคำว่าวัยทองแปลว่าอะไรจริงๆ
“งั้นที่เธอบอกว่าฉันขายตัวล่ะ”
เอ้อเฟิ่งก็ไม่รู้ว่าวัยทองแปลว่าอะไร เลยดึงประโยคนี้ขึ้นมา
เฉินเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมา เธอพูดเสียงเบา แต่ยังอยู่ในระดับที่ทุกคนได้ยินอยู่ ฉัน ฉันไม่ได้บอกว่าสหายหญิงคนนี้ขายตัว ฉันให้เธอขายยิ้ม[1]”
เฉินเยี่ยนพูดคำนี้ออกไป คนตรงนั้นต่างตะลึงกัน หัวหน้าหยวนก็หน้าบึ้งขึ้นมา เอ้อเฟิ่งร้องกระโดดขึ้นมา ขายยิ้มกับขายตัวต่างกันตรงไหน
ตัวเฉินเยี่ยนเองก็อึ้งไป แล้วหลังจากนั้นจงใจมีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอรีบพูดเสริม “ขายที่ฉันพูดถึง ยิ้มคือขายรอยยิ้ม สหายหญิงคนนี้หน้าบึ้งตั้งแต่ฉันเข้ามา กับใครก็ทำหน้าเหมือนคนอื่นติดเงินเธอไปหมด เหมือนที่บ้านมีเรื่องอะไร อารมณ์เธอไม่ดี แล้วมาระบายลงที่ฉัน พวกเรามาซื้อของที่นี่ เห็นท่าทางเธอทำแบบนั้นกับพวกเรา พวกเราก็อึดอัดใจ และเสียใจนะ ฉันเลยถามเธอขายยิ้มหรือไม่ ความหมายก็คือให้เธอยิ้มให้พวกเราหน่อยได้ไหม แบบนี้เธอดีใจพวกเราก็ดีใจ ทุกคนก็อารมณ์ดี อีกหน่อยก็จะได้มาบ่อยๆ ปฏิบัติกันเหมือนคนในครอบครัว ไม่ดีหรือคะ? ท่านประธานเหมาไม่ได้สอนพวกเราหรอกหรือ พวกเราล้วนเป็นญาติมิตร เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่แบ่งแยกชนชั้น สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว แต่เธอทำแบบนี้คือปฏิบัติกับพวกเราเหมือนเป็นศัตรู ฉันกลัวว่านานไป ทุกคนจะเข้าใจผิดว่าเธอไม่สามัคคีกับผู้คน ดังนั้นเลยได้พูดแบบนี้ออกไป ฉันผิดเหรอ?”
เฉินเยี่ยนผิดเหรอ? ตอนนี้ไม่มีใครบอกว่าเฉินเยี่ยนทำผิด
“เธอ เห็นอยู่ว่าเธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เธอด่าฉันว่าขายตัว ขายยิ้ม เธอ…”
เอ้อเฟิ่งโกรธชี้เฉินเยี่ยนพูดอะไรไม่ออก เห็นอยู่ว่าเฉินเยี่ยนด่าเธอ แต่เฉินเยี่ยนไม่ยอมรับ ตอนนี้เฉินเยี่ยนยังโยนความผิดมาให้เธอ บอกว่าเธอทำลายความสามัคคี แบบนี้กลับผิดให้เป็นถูกนี่
“ฉันไม่เคยด่าเธอ และฉันก็ไม่รู้ว่าที่เธอพูดหมายความว่าอะไร ฉันแค่อยากจะให้เธอยิ้ม ให้เธอเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คน เธอกลับเอาแต่ด่าฉัน ทุกคนก็ได้ยินกันหมด”
เฉินเยี่ยนทำท่าน่าสงสาร แค่เล่นละคร ใครทำไม่เป็น
เอ้อเฟิ่งโกรธจนตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่เธอตกที่นั่งลำบากแบบนี้ ตอนนี้ผู้คนรอบด้านต่างเป็นพวกเดียวกับเฉินเยี่ยนมาตำหนิเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ผิด
ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้มาดูตัวกับเวยหลายชุน ตอนแรกเธอไม่ได้พูด เพราะมีเรื่องส่วนตัวในใจ ตอนนี้โดนเฉินเยี่ยนแย่งไปแล้ว เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เอ้อเฟิ่งขึ้นคิดได้กำลังจะใช้เรื่องนี้ว่าเฉินเยี่ยน ฝั่งหัวหน้าหยวนจ้องมองเธอ และดุเสียงดัง “พอได้แล้ว หยุดพูด สหายน้อยคนนี้พูดไม่ผิด พวกเราเป็นคนในพรรคเดียวกัน ทำงานบริการประชาชน ไม่มีทรัพย์สมบัติมาแบ่งแยกชนชั้น ต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอไปว่าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง เขาให้เธอยิ้มมีตรงไหนไม่ถูกต้อง แล้วยังไปว่าคนอื่นเขา นี่เธอมาสร้างความขัดแย้งให้ทุกคน”
หัวหน้าหยวนตำหนิเอ้อเฟิ่ง เขาผ่านยุคสมัยนั้นมาแล้ว ถ้าเอ้อเฟิ่งอยู่ในยุคนั้นแล้วโดนใส่ร้ายแบบนี้ จะต้องโดนลากไปเดินขบวนแล้ว
“หัวหน้า ไม่ใช่ฉัน ฉันเปล่า อย่าโทษฉัน เธอต่างหาก เห็นอยู่ว่าเธอมากับ…”
เอ้อเฟิ่งรีบร้อน อยากจะอธิบาย เฉินเยี่ยนไม่รอให้เธอพูดจบก็พูดขึ้นมา “หัวหน้าคะ ฉันกับพ่อมาซื้อของ แต่กลับโดนโกรธและโดนดูถูกแบบนี้ ฉันต้องการให้เธอขอโทษฉัน อีกทั้งต้องการให้เธอรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนั้นกับคนอื่นอีก จะไม่ทำลายความสามัคคีของพวกเรา”
ใบหน้าเล็กของเฉินเยี่ยนดูเคร่งขรึมมาก เหมือนกับกำลังพูดเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์มากอยู่
“สหายน้อย เธอพูดถูก เรื่องนี้พวกเราทำไม่ถูกต้อง ฉันจะให้สหายเอ้อเฟิ่งขอโทษเธอ อีกทั้งยังรับประกันด้วยว่าต่อจากนี้พวกเราสหกรณ์จะไม่ทำเรื่องที่ทำให้คนขัดแย้งกัน”
ความคิดเห็นของคนหมู่มากเห็นพ้องต้องกัน หัวหน้าหยวนรู้วาเอ้อเฟิ่งทำผิดให้ผู้คนโกรธ เขารีบพยักหน้า
เอ้อเฟิ่งขอโทษแล้ว โค้งขอโทษเฉินเยี่ยน เฉินจง และทุกคนที่อยู่ในสหกรณ์
เห็นเอ้อเฟิ่งก้มหัวลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ ได้ยินเอ้อเฟิ่งพูดว่าเธอผิดไปแล้ว เดี๋ยวก่อน เฉินเยี่ยนไม่สงสารเธอ เอ้อเฟิ่งขอโทษเพราะเธอจำเป็น โทษคนอื่นไม่ได้ ส่วนสายตาอาฆาตของเอ้อเฟิ่ง เฉินเยี่ยนทำเป็นมองไม่เห็น ยังไงถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เอ้อเฟิ่งก็ไม่ชอบเธออยู่ดี ทำไมเธอจะต้องทนคนที่ไม่ชอบเธอด้วย
เวยหลายชุนยืนตัวตรงมองอยู่ เขาเงยหน้ามองเล็กน้อย แววตาที่นิ่งเฉยของเฉินเยี่ยน ในใจเขาสั่นสะท้าย เขาไม่โง่ เขามองก็เข้าใจแล้ว ทั้งหมดนี่เป็นละครของเฉินเยี่ยน ใช่ เอ้อเฟิ่งผิด แต่วันนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต้องไม่มีจุดจบแบบนี้แน่นอน ผู้หญิงคนหนึ่งต่อกรกับเอ้อเฟิ่งที่โหดร้าย ถึงแม้จะน่าสงสาร แต่ก็ไม่มีที่จะอธิบายเหตุผล เขาจำได้ว่าไม่นานมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุยี่สิบปี มาซื้อของที่สหกรณ์กับคุณยาย ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน โดนเอ้อเฟิ่งด่า ถึงแม้สุดท้ายลุงป่าวเอินจะออกมาช่วยยายหลานคู่นั้น แต่ยายหลานคู่นั้นก็ยังตกที่นั่งลำบาก โดนเฉพาะอย่างยิ่งหลานสาว ตอนไปยังไม่กล้าเงยหน้าเลย นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นทำให้คนเห็นแล้วปวดใจ
ขณะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน วันนี้เฉินเยี่ยนกลับทำให้เอ้อเฟิ่งก้มหัวขอโทษทุกคนได้ เอ้อเฟิ่งยังโดนสหกรณ์จดบันทึกไว้ด้วย เรื่องนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อน
เฉินเยี่ยนคนนี้ไม่ธรรมดา เธอสามารถไม่สนใจคำด่าหยาบคายของเอ้อเฟิ่งได้ เธอยังกลับความหมายหนึ่งไปเป็นอีกความหมายหนึ่งได้อย่างมีเหตุผล คนแบบนี้ ถ้าเธอชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น งั้นเธออยู่บ้านใคร ต้องทำงานบ้านได้อย่างราบรื่นแน่ผู้หญิงแบบนี้ เขาจะกล้าขอแต่งหรือ?
[1] โบราณหมายถึงโสเภณี
————————
ตอนที่ 122: ยินดี
โดย
Ink Stone_Romance
เวยหลายชุนกำลังคิดว่าสะใภ้แบบนี้เขาต้องการหรือไม่ต้องการ?
เฉินเยี่ยนก็มองมาทางเวยหลายชุนเหมือนกัน สายตาเธอสงบนิ่ง ไม่มีอาการเก้อเขินเลยสักนิด เหมือนเวยหลายชุนจะคิดยังไงกับเธอเธอไม่สนใจ
เป็นเพราะเธอเชื่อมั่นในตัวเองสูงหรือเพราะเธอไม่สนใจนะ?
ถ้าเป็นเพราะเชื่อมั่นในตัวเอง ก็หมายความว่าเฉินเยี่ยนเฉินเยี่ยนมั่นใจในรูปร่างภายนอกตัวเองมาก คนแบบนี้หยิ่ง แต่เวยหลายชุนรู้สึกว่าไม่ใช่
เธอไม่สนใจ เวยหลายชุนคิดว่าเฉินเยี่ยนไม่สนใจ เธอไม่สนใจความคิดเห็นของตัวเองต่อเธอ ไม่สนใจว่าการดูตัวครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ทำไมเธอไม่สนใจ? เวยหลายชุนไม่รู้ แต่ในใจเขามีความรู้สึกอยากเอาชนะขึ้นมา ถ้าเขาสามารถชนะใจเฉินเยี่ยนได้ เขาจะรู้สึกภูมิใจมาก
เวยหลายชุนคิดถึงน้องสะใภ้อีก น้องสะใภ้เขาชื่อจ้าวหง เป็นคนในอำเภอ ฐานะทางบ้านดีพอสมควร เธอและน้องชายเขาเวยหลายป่าวไม่ได้ผ่านคนอื่นแนะนำ พวกเขารู้จักกันเอง ต่อมารู้สึกว่าไม่แย่ หลายป่าวเลยให้แม่เขามาสู่ขอ
ตอนแรกแม่จ้าวหงไม่ยอม บอกว่ายังมีพี่ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ดวงก็แข็ง ฐานะทางบ้านก็ไม่นับว่าดีมาก เธออยากจะให้ลูกสาวหาคนที่ดีกว่านี้ แต่จ้าวหงยินดี สุดท้ายบ้านจ้าวเลยเสนอเงื่อนไขมากมาย แล้วจ้าวหงก็แต่งงานเข้ามา
จ้าวหงคนนี้นิสัยไม่แย่ อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่เด็กเธอไม่เคยลำบากมาก่อน นิสัยรักสบายมาก อารมณ์ก็ไม่ถือว่าดีนัก เธอปฏิบัติกับน้องชายถือว่าพอใช้ได้ กับแม่เขาและน้องสาวเขาถือว่าเฉยๆ มาก อีกอย่างเรื่องในบ้านหลายเรื่องต้องฟังจ้าวหง ไม่อย่างนั้นจ้าวหงจะลากหลายป่าวกลับบ้านพ่อแม่เธอ
บ้านเวยเอาทรัพย์สินในบ้านออกมาสู่ขอลูกสะใภ้ แต่หลังจากจ้าวหงแต่งเข้ามาในบ้าน จ้าวหงเป็นคนเก็บเงินค่าจ้างของเธอและของหลายป่าว ไม่ให้เงินกับที่บ้าน นอกจากนี้พวกเขากินอยู่ในบ้าน จ้าวหงไม่ออกเลยสักแดง คนที่บ้านเลยอาศัยเงินค่าจ้างของเวยหลายชุนในการดำรงชีพ
เรื่องแต่งงานของเวยหลายชุนไม่ราบรื่น เลยกลายเป็นเรื่องกังวลใจของแม่เขา ทุกวันจะขอให้คนไปคุยเรื่องงานแต่งให้เขา เอ้อเฟิ่งจะแนะนำน้องสาวที่บ้านให้เขา เขาไม่ต้องการ เพราะเขาไม่ชอบเอ้อเฟิ่ง ถ้าน้องสาวเอ้อเฟิ่งเป็นเหมือนเอ้อเฟิ่ง แล้วแต่งผู้หญิงแบบนี้เข้ามา อย่าคิดว่าที่บ้านจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ดังนั้นตอนที่เอ้อเฟิ่งบอกเขาเขาเลยปฏิเสธไป
เขารู้สึกดีกับลุงป่าวเอิน รู้สึกว่าลุงป่าวเอินนิสัยดี หลานเขาต้องเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนแน่นอน เขาก็ไม่ได้เรียกร้องผู้หญิงที่ดีมากมาย ขอแค่มีความสามารถก็พอแล้ว
วันนี้แวบแรกที่เห็นเฉินเยี่ยน เขาก็ยินดีแล้ว เฉินเยี่ยนหน้าตาดีเกินกว่าที่เขาคิดไว้ หญิงสาวหน้าตาสวยงามขนาดนี้จนถึงตอนนี้ยังไม่แต่งงาน เขารู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็คิดได้ทันทีว่าเฉินเยี่ยนต้องเลือกมากแน่นอน อยากจะหาคู่ที่ดี ดังนั้นเลยยืดเวลาออกมาถึงตอนนี้
ตอนนี้เห็นเฉินเยี่ยน เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนเก่งกาจ ไม่เสียเปรียบคนอื่น แต่เขาไม่ได้ถอยหนี คนธรรมแต่งงานเข้ามาต้องคุมน้องสะใภ้ไม่อยู่แน่ ต้องรองรับอารมณ์ เป็นผู้ชาย ใครก็ไม่อยากจะให้ภรรยาตัวเองมารองรับอารมณ์ทุกวัน ต้องอยากให้ภรรยามีชีวิตที่ดี แบบเฉินเยี่ยนแต่งเข้ามานี่ ต้องไม่ยอมเสียเปรียบจ้าวหงแน่นอน เฉินเยี่ยนมีใจก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้าน เขาคิดว่าไม่มีอะไรไม่ดี
มาดูเฉินจง เขารู้ว่าก่อนหน้านี้เฉินจงมาลองภูมิเขาแน่นอน ตอนนี้ดูแล้วบ้านเฉินไม่ได้อาศัยว่าลูกสาวสวยแล้วคิดอยากจะหาคู่ที่ดีแต่งด้วย แล้วพวกเขาก็รอบคอบมาก ให้ความสำคัญกับนิสัยคน หมายความว่าคนบ้านเฉินไม่เลวเลย พ่อตาแบบนี้จะไม่โวยวายไร้เหตุผล ขอแค่ตัวเองทำดีกับเฉินเยี่ยน ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องพ่อตาแล้ว
ในเวลาสั้นๆ เวยหลายชุนคิดมากมาย แล้วมองไปที่เฉินเยี่ยนอีกรอบ เขารู้สึกยิ่งมองก็ยิ่งชอบ เขาต้องการภรรยาแบบนี้ เขาไม่ต้องการภรรยาที่พอเจอเรื่องก็ตาแดง ทำเป็นแต่ร้องไห้ เฉินเยี่ยนดีมากเลย
ดังนั้นหลังจากหัวหน้าหยวนไป ลุงป่าวเอินเข้ามาถามด้วยความกังวลว่าเวยหลายชุนคิดว่ายังไงบ้าง เวยหลายชุนหน้าแดง นัยน์ตาเป็นประกายหยักหน้า แสดงว่าเขาชอบพอ
ลุงป่าวเอินแปลกใจเล็กน้อย เขายังคิดว่าเกิดเรื่องแบบนี้เวยหลายชุนจะถอยหนีเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขายินดี
“ได้เลย งั้นข้าจะไปบอกกับน้องชาย เข้ากลับไปบอกกับคนที่บ้าน มีอะไรที่ต้องการทำความเข้าใจ บอกมาได้เลย”
ลุงป่าวเอินดีใจมาก พูดกับเวยหลายชุนเสร็จแล้วก็ไปคุยกับเฉินจง
เฉินจงคิดไม่ถึงว่าเวยหลายชุนจะยินยอม รวมถึงก่อนหน้านี้เขารู้สึกดีกับเวยหลายชุน เขาก็พยักหน้า ตกลงดูกันก่อน
เฉินจงและเฉินเยี่ยนซื้อเนื้อกลับไป ระหว่างทางเฉินจงเล่าให้เฉินเยี่ยนฟัง เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร
เวยหลายชุนไม่ได้ถอยหนี เธอก็คิดไม่ถึง ยังคิดว่าอีกฝ่ายเห็นเธอเป็นแบบนี้ ต้องไม่ยินดีแล้ว เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ตัวเองก็ไม่มีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนดูดีแล้ว
เธอก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับเวยหลายชุน อีกฝ่ายใจดี ไม่ได้เสแสร้ง เขาปฏิเสธเอ้อเฟิ่งแนะนำคู่ให้เขา (เรื่องนี้ลุงป่าวเอินเล่าให้เฉินจงฟังแล้ว) หมายความว่าเวยหลายชุนดูคนเป็น เขาไม่ชอบคนแบบเอ้อเฟิ่ง กลัวที่บ้านวุ่นวาย ไม่ได้รีบร้อนจะหาภรรยาแล้วซี้ซั้วหาคน หมายความว่าเขายังมีเหตุผลอยู่ วันนี้เกิดเรื่อง เขายังยินดี หมายความว่าผู้ชายคนนี้มีวิธีคิด มีความคิดเห็น
ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูแล้วกัน
เฉินจงรู้ว่าลูกสาวไม่ได้รู้สึกต่อต้านคนนี้ เลยถอดหายใจในใจยาวๆ อันที่จริงเขากลัวลูกสาวส่ายหน้ามาก มีผู้ชายที่ดีอย่างซินห้าวตรงหน้า ผู้ชายคนอื่นอยู่ต่อหน้าซินห้าวก็แพ้หมด เขากลัวว่าลูกสาวจะลืมฐานะตัวเอง ไปคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด แล้วซินห้าวไม่ใช่คนที่ครอบครัวตัวเองสามารถเอื้อมถึง ถ้าในใจลูกสาวมีซินห้าวอยู่ ลูกสาวคงต้องอยู่อย่างลำบาก
เฉินจงไปสืบสถานการณ์ทางบ้านซินห้าวมา พ่อซินห้าวเป็นคนนิสัยใช้ได้ มีเหตุผล ส่วนใหญ่ว่าใช้ได้ แต่แม่ซินห้าวเย่อหยิ่งมาก เธอเกิดในเมือง ถึงแม้จะแต่งงานกับพ่อซินห้าว แต่เธอแทบจะไม่เคยไปในหมู่บ้านเลย ส่วนพ่อแม่สามี ปีหนึ่งไม่รู้เธอได้เจอสักครั้งเลยหรือเปล่า ได้ยินว่าเธอก็ไม่ชอบใจที่ซินห้าวกลับไปบ้านปู่ย่าบ่อยๆ คนแบบนี้ เธอไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงที่เกิดในหมู่บ้านเกษตรกรแน่นอน ถึงแม้ซินห้าวจะชอบพอลูกสาวตัวเอง พวกเขาก็แต่งงานกันไม่ได้ ถึงแม้จะฝืนคบกัน แม่สามีไม่ชอบลูกสาวตัวเอง ก็อยู่ไม่ได้ สู้หาคนที่ฐานะเดียวกันแล้วอยู่กันอย่างมั่นคงดีกว่า
เรื่องนี้เฉินจงไม่ได้คุยกับเฉินเยี่ยน แต่เขาเห็นเฉินเยี่ยนเป็นคนเข้าใจอะไรหมด ขอแค่เฉินเยี่ยนไม่คัดค้านก็พอแล้ว
เฉินจงและเฉินเยี่ยนกลับมาถึงบ้าน เฉินกุ้ยและเฉินเวยก็อยู่ ต่างรอฟังข่าวกัน
เฉินจงเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ เขาไม่ได้เล่าเรื่องทะเลาะที่เกิดขึ้นวันนี้มากเท่าไร แค่บอกว่าเขารู้สึกว่าเวยหลายชุนหนุ่มคนนี้ไม่เลวเลย ไม่มีนิสัยประจบสอพลอ ใจดีมีน้ำใจ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ บอกว่าเขาก็ชอบเฉินเยี่ยนเหมือนกัน รอเขากลับไปคุยกับที่บ้าน ค่อยหาวันมาคุยที่บ้าน
ใบหน้าหวางนิวฉีกยิ้มไม่หยุด ถ้าได้แต่งกันจริง เธอก็จะมีลูกเขยเป็นคนงานแล้ว ทำงานในสหกรณ์ นี่เป็นเรื่องที่เชิดหน้าชูตาอย่างยิ่ง อีกหน่อยบ้านตัวเองจะซื้อของอะไรก็สะดวกสบาย อีกอย่างได้ยินว่าผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย เธอยิ่งพอใจ
เฉินกุ้ยก็ดีใจกับน้องสาวด้วย มีเพียงเฉินเวย หลังได้ยอนก็หลุบตาลง ขนยาวงอนยาวนั้นสั่นไหวเบาๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
————–
ตอนที่ 123: มาที่บ้าน
โดย
Ink Stone_Romance
ระหว่างที่เฉินเวยอยู่ในความคิดของตัวเอง ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจและเกลียดชัง ทำไมเรื่องดีๆ ถึงประเคนให้เฉินเยี่ยน! เฉินเยี่ยนโดนถอนหมั้น มีชื่อเสียงแบบนี้ ตอนแรกคิดว่าเธอไม่สามารถหาคนที่ดีได้แล้ว แต่เธอกลับหาเงินได้ แล้วตอนนี้ก็มีคนมาสู่ขอเธออีก แล้วยังบอกว่าเป็นคนทำงานในสหกรณ์อีก
คนงานเลยนะ ถึงแม้ว่ายุคหลังจะไม่มีใครทำงานเป็นคนงาน แต่คนงานในยุคนี้เนื้อหอมมาก พูดออกไปก็มีหน้ามีตา อีกทั้งคนที่ชื่อเวยหลายชุนอะไรนั่นยังหน้าตาไม่แย่อีกด้วย ทำไมเขาถึงได้ชอบเฉินเยี่ยน?
เฉินเวยมองเฉินเยี่ยน ใบหน้านี้ของเฉินเยี่ยนทำให้เธอโกรธเกลียด เฉินเวยก็สวย แต่เธอสวยแบบอ่อนแอ ทำให้ผู้ชายอยากจะปกป้องแบบนั้น เหมือนที่คนยุคหลังพูดกันว่าดูอ่อนโยน น่าทะนุถนอมเหมือนดอกไม้
แต่เฉินเยี่ยนไม่เหมือนกัน ความสวยของเฉินเยี่ยนนั้นดู สะอาด บริสุทธิ์ ดูแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ ไม่เหมือนกับเธอ เธอทำให้ผู้ชายชอบ ทำให้ผู้ชายปกป้อง แต่ผู้หญิงจะอิจฉาเธอ บอกว่าเธออ่อนแอ บอกว่าเธอเหมือนนางจิ้งจอก ผู้หญิงไม่อาศัยผู้ชายแล้วจะอาศัยใคร? ตัวเองไปลำบาก? อย่าโง่หน่อยเลย ทำตัวเองจนหน้าโทรม ผู้ชายมาเสียดายเธอสิแปลก!
ดังนั้นเฉินเวยออกแรงตามจับผู้ชายเพื่อหาผู้ชายอย่างที่เธอต้องการ เธอจะออดอ้อน ยั่วยวนผู้ชาย ผู้ชายก็จะอยู่ในกำมือเธอ ให้เงินเธอ ให้ชีวิตที่สุขสบายกับเธอ ทำไมเธอจะต้องทำให้ตัวเองลำบาก?
ตอนนี้อวี๋เหวยหมินไม่มีประโยชน์ ให้ชีวิตที่เธอต้องการไม่ได้ เธอต้องการชีวิตที่สุขสบาย ก็ต้องหาคนอื่น แล้วเวยหลายชุนนี่ก็เป็นเป้าหมายถัดไปของเธอ
เฉินเวยคิดแล้วเหมือนกัน เธอจะไม่แต่งงานกับเวยหลายชุน เพราะในใจเธอดูถูกคนงาน อีกหน่อยไม่มีหน้ามีตา แต่ตอนนี้เธอต้องจับเวยหลายชุนให้ได้ เวยหลายชุนเป็นคนงาน มีเงินเดือน เธอจะได้ใช้เงินของเวยหลายชุน ให้เวยหลายชุนซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เธอ ซื้อของที่เธอต้องการ ให้เงินเธอ จนเธอไม่ต้องการแล้ว ค่อยสลัดเขาทิ้งก็ได้
ส่วนอวี๋เหวยหมิน เธอไม่เป็นห่วงเลย เธอคิดข้ออ้างจะพูดกับอวี๋เหวยหมิยไว้แล้ว ถึงแม้เธอจะไปยั่วเวยหลายชุนมา อวี๋เหวยหมินก็จะไม่โทษเธอ รอจนอวี๋เหวยหมินหาเงินได้ เธอค่อยกลับไปหาอวี๋เหวยหมินก็ได้แล้ว เธอเห็นอวี๋เหวยหมินเป็นของตายตั้งแต่แรก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้เวยหลายชุนเป็นคนที่เฉินเยี่ยนดูมาแล้ว เฉินเยี่ยนชอบพอ เธอจะต้องแย่งให้ได้ อะไรที่เฉินเยี่ยนต้องการ เธอจะต้องแย่งมา เธอไม่เชื่อ ว่าตัวเองจะรับมือกับเวยหลายชุนไม่ได้ เฉินเยี่ยนชอบไม่ใช่หรือ? อยากแต่งงานกับคนงานไม่ใช่หรือ? มีเธออยู่ ก็อย่าหวังเลย!
เฉินเวยตัดสินใจแล้ว เธอมองเฉินเยี่ยนแล้วเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา
เฉินเยี่ยนเห็นแล้ว เธอรู้ทันเฉินเวยที่สุด เธอรู้ว่าเฉินเวยต้องหวั่นไหว แต่เฉินเยี่ยนไม่แคร์เลยสักนิด ถ้าเฉินเวยจะยั่วเวยหลายชุนจริง แล้วเวยหลายชุนติดเบ็ด แบบนั้นเธอก็ไม่ไปมาหาสู่กับเวยหลายชุนอีกแล้ว ผู้ชายแบบนี้เธอไม่เสียดาย
ส่วนทำไมเฉินเวยถึงมีความคิดแบบนี้ เฉินเยี่ยนก็เข้าใจ หนึ่งเพราะนิสัยเดิมของเฉินเวยเป็นแบบนี้ ชอบแย่งของคนอื่น ชอบชุบมือเปิบ อยากจะแสดงให้เห็นเสน่ห์ของตัวเอง
ข้อสอง คิดว่าเพราะชีวิตลำบากแสนเข็ญแบบนี้เฉินเวยน่าจะทนพอแล้ว
อวี๋เหวยหมินมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่เห็นแก่เงินเล็กน้อย และไม่ยอมลำบาก ดังนั้นตอนนี้ทุกคนวันเลยว่างงาน เขาไม่มีเงินให้เฉินเวย แล้วเฉินเวยก็อยากจะใช้ชีวิตสุขสบาย ก็แค่หาทางใหม่เท่านั้น!
ถ้าถือโอกาสนี้ทำให้อวี๋เหวยหมินและเฉินเวยขัดแย้งกัน ทำให้พวกเขากัดกันไปมาก็ดีเหมือนกัน
เฉินเยี่ยนยิ้มตอบกลับเฉินเวย ในเมื่อเฉินเวยมีใจ ก็ให้เธอลองเวยหลายชุนดูแล้วกัน
คุยเรื่องเฉินเยี่ยนจบ หวางนิวก็พูดเรื่องเฉินกุ้ยขึ้นมา ช่วงนี้คนมาคุยเรื่องแต่งงานกับเฉินกุ้ยก็มีอยู่หลายคน แต่เฉินกุ้ยส่ายหน้า บอกว่าตอนนี้ยังไม่คิด ตกลงเรื่องเฉินเยี่ยนให้เรียบร้อยก่อน เลยช่วงนี้ไปค่อยมาคุยเรื่องเขา
หวางนิวก็พูดเรื่องเฉินกุ้ยขึ้นมาอีก เธอคิดอยากจะให้เฉินกุ้ยและเฉินเวยมาห่อบุหรี่เหมือนกัน ยังไงตอนนี้ธุรกิจดีอยู่ แต่เฉินเยี่ยนไม่เห็นด้วย เธอบอกกว่าให้เฉินกุ้ยไปส่งบุหรี่ได้ หรือเธอเอาบุหรี่ขายให้เฉินกุ้ยราคาต้นทุนแล้วให้เฉินกุ้ยเอาไปขาย ได้เงินมาก็เป็นของเฉินกุ้ย แต่ไม่ร่วมมือกัน อีกอย่างเธอไม่อยากสอนเฉินเวยห่อบุหรี่ด้วย
หวางนิวเห็นท่าทีแข็งขืนของลูกสาวแล้วเลยไม่อยากจะพูดอะไร เฉินกุ้ยก็เข้าใจ เขาบอกว่าจะช่วยไปส่งบุหรี่ เวลาปกติเขาปลูกผักมาแลกเกลือและน้ำมัน ยังมีธัญพืชอีก ไม่อดตาย ไม่ได้คิดจะเอาเปรียบ
เฉินกุ้ยรู้เรื่อง เฉินเยี่ยนย่อมไม่ให้เขาลำบากแน่ เฉินกุ้ยช่วยส่งบุหรี่ทำให้เธอประหยัดเวลา เธอต้องให้เงินเฉินกุ้ยแน่นอน เธอต้องการต่อกรกับเฉินเวย อีกหน่อยพ่อแม่จะหาคู่ให้เฉินเวยหรือไม่เธอไม่สน เธอรู้แค่ว่าเงินที่เธอหามาจะไม่แบ่งให้เฉินเวย
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ลุงป่าวเอินมาหาที่บ้าน บอกว่าอีกสองวันเวยหลายชุนจะมาบ้านเฉิน ให้บ้านเฉินเตรียมตัว ถ้าเจอหน้ากันครั้งนี้ไม่แย่ละก็ เวยหลายชุนก็จะพาเฉินเยี่ยนไปดูตัวที่บ้านเขา ถ้าเฉินเยี่ยนชอบเหมือนกัน เวยหลายชุนก็จะมาสู่ขอ ถึงตอนนั้นค่อยมาคุยเรื่องสินสอด
หวางนิวรอเวยหลายชุนมาตั้งนานแล้ว พอได้ยินกำหนดวัน ก็รีบให้เฉินจงไปซื้อผักซื้อของเตรียมต้อนรับแขกวันรุ่งขึ้น
“แม่ พรุ่งนี้หนูมาช่วยด้วยนะ?”
เฉินเวยถามหวางนิว เธอวางแผนไว้แล้ว ถึงแม้หวางนิวกับเฉินเยี่ยนจะไม่ยอม เธอก็จะหาข้ออ้างมา
“เยี่ยนจื่อ พรุ่งนี้ให้พี่ชายกับเสี่ยวเวยมาด้วยนะ? พวกเราคนในครอบครัวจะได้เห็น มีหลายคนช่วยดู”
หวางนิวถามลูกสาวคนโต เธอไม่ค่อยมั่นใจ กลัวว่าลูกสาวจะคัดค้าน
เฉินเยี่ยนเหลือบตาขึ้นมามองเฉินเวย มือเฉินเวยกำมุมเสื้ออยู่ แสดงออกว่าตื่นเต้น
เฉินเยี่ยนยิ้มอย่างเยือกเย็นให้เฉินเวย ในแววตาเฉินเวยมีความโกรธ เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนจะต้องปฏิเสธ แต่เฉินเยี่ยนปฏิเสธเธอไม่ได้ พรุ่งนี้เธอก็แค่หาข้ออ้างอะไรก็ได้เข้ามาในบ้าน ดูว่าเฉินเยี่ยนจะไล่ตามเธอทันไหม! เธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน ถ้าเฉินเยี่ยนกล้าลงอารมณ์ที่เธอ งั้นเวยหลายชุนต้องไม่ประทับใจเธอแน่นอน เฉินเยี่ยนไม่กล้าหรอก
“มาก็มาสิ ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย เสี่ยวเวยมาช่วยงาน พรุ่งนี้ให้เธอมาช่วยจุดฟืนแล้วกัน”
เฉินเยี่ยนยิ้มอ่อนให้เฉินเวยเสร็จ ก็พูดอย่างไม่ใส่ใจ
เฉินเวยหน้าบึ้งทันที เฉินเยี่ยนหมายความว่ายังไง? ให้เธอมาช่วยจุดฟืน เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า! จุดไฟต้องอยู่ในครัว ออกมาข้างนอกไม่ได้ แล้วยังทำให้หน้าดำอีก ตอนนี้ก็ร้อน เฉินเยี่ยนกลัวตัวเอง แต่เธอบอกว่าจะมาช่วย ตอนนี้ตอบโต้ไปก็ไม่ได้ ช่างเถอะ ในเมื่อเฉินเยี่ยนตกลงแล้ว เธอมาก่อนค่อยว่ากัน
“ดี ดี งั้นพรุ่งนี้ก็ให้เสี่ยวเวยกับพี่ชายมาด้วยกัน แม่จะช่วยเลือกให้ลูก รอจนจบเรื่องของลูกแล้ว ค่อยหาให้พี่ชายต่อ ลูกออกเรือนแล้ว พี่ชายได้ภรรยาแล้ว ต่อไปก็หาให้เสี่ยวเวย พวกลูกแต่ละคนได้แต่งงาน แม่กับพ่อจะได้สบายใจ”
หวางนิวมองไปถึงอนาคตอันไกล คืนนี้เธอกลัวว่าจะดีใจจนนอนไม่หลับ
วันรุ่งขึ้น ทุกคนมาพร้อมกันแต่เช้าตรู่ กินข้าวเช้า เฉินหู่ถ่วงเวลา ไม่ยอมไป เขาอยากจะอยู่บ้านดูว่าเวยหลายชุนคนนั้นเป็นยังไง เหมาะสมกับพี่สาวหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสม เขาจะได้ช่วยพี่สาว อันที่จริงเขายังรู้สึกว่าคนที่เหมาะกับพี่สาวคือซินห้าวอยู่ น่าเสียดายหลังจากครั้งนั้นซินห้าวก็ไม่มาที่บ้านอีกเลย
————-
ตอนที่ 124: ใครเป็นคนที่ดูตัวกันแน่?
โดย
Ink Stone_Romance
รอจนเฉินหู่ไปแล้ว หวางนิวลากเฉินเยี่ยนเข้าไปในครัว ปรึกษากันว่าตอนบ่ายจะทำอะไร มีแขกมาที่บ้าน ต้องต้อนรับอย่างดี ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่พอใจเอาได้
เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าหวางนิวกระตือรือร้นเกินไป ถึงขนาดจะฆ่าแม่ไก่ที่ออกไข่ตัวหนึ่งเลย เฉินเยี่ยนห้ามไว้ แต่เธอเข้าใจความคิดของหวางนิว อยากจะต้องรับอีกฝ่ายให้ดี ให้ลูกสาวมีหน้ามีตา แต่ในใจพ่อแม่ ถ้าให้หวางนิวรู้ว่าตัวเองคิดว่าได้ก็ไม่ได้ก็ไม่ได้ จะต้องด่าเธอแน่นอน
คิดถึงหวางนิว เห็นหน้าเธอเอาแค่ยิ้มดูตื่นเต้น เฉินเยี่ยนตัดสินใจว่าจะต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นแขกมาที่บ้าน เฉินเยี่ยนยังคงตั้งใจทำอาหารหลายจานตามมาตรฐานเธอเหมือนเดิม
จนตอนใกล้เที่ยงเวยหลายชุนหิ้วอาหารกระป๋องมาสองกระป๋อง ขนมอีกสองถุง เฉินเยี่ยนก็เตรียมอาหารใกล้เสร็จแล้ว
ได้ยินหวางนิวชมว่าเวยหลายชุนรู้เรื่อง เฉินเยี่ยนยิ้ม ไม่ว่าจะยังไง เวยหลายชุนคนนี้ก็ให้ความสำคัญมากกว่าหลิวอี้นั่น มาเยี่ยมไม่มามือเปล่า ยุคนี้มาเยี่ยมแล้วเอาอาหารกระป๋อง ขนมมาให้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว หวางนิวไม่ดีใจสิถึงจะแปลก
อาหารถูกจัดเรียงอยู่บนโต๊ะ กลิ่นไข่เจียวหอมฉุย เต้าหู้ผัดเผ็ดสีแดง ผัดผักสามอย่างที่น่าทาน แล้วยังมีฟองเต้าหู้ผัดพริกหยวก อาหารมังสวิรัติสี่อย่างที่เป็นเอกลักษณ์
ส่วนอาหารที่มีเนื้อสัตว์เฉินเยี่ยนทำหมูแผ่นทอด หมูแผ่นซอสกระเทียม กระดูกหมูตุ๋น แล้วยังมีผัดเผ็ดวุ้นเส้นใส่หมูสับ เนื้อพวกนี้เป็นเนื้อชิ้นใหญ่ หวางนิวเสียดายเหลือเกิน แต่เพื่อจะให้ได้ลูกเขยที่ดี เธอเลยยอมถึงแม้ของจะแพงมาก
เวยหลายชุนเห็นอาหารบนโต๊ะก็อึ้งไป อาหารเต็มโต๊ะจริงๆ ตอนที่เขาคิดว่าเขามาบ้านเฉิน บ้านเฉินเตรียมแป้งก๋วยเตี๋ยวขาวให้เขากินก็ไม่แย่แล้ว คนในหมู่บ้านเกษตรกร จะได้กินอะไรอร่อย
แต่อาหารบนโต๊ะนี้ ที่บ้านเขาฉลองปีใหม่ยังไม่เยอะเท่านี้เลย ไม่เพียงแต่สีสันครบครัน เนื้อและซี่โครงมาเต็ม นี่ต้องใช้ตั๋วเนื้อและเงินเท่าไรนี่
ฐานะที่บ้านเฉินดีมาก? แต่ดูจากบ้านที่พุพังของพวกเขา ในหมู่บ้านนี่ถือว่าล้าหลังมาก ไม่น่าจะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า บ้านเฉินให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ ทำอาหารเต็มโต๊ะให้เขาวันนี้ อาจจะรัดเข็มขัดใช้เงินต่อแน่
ไม่ว่าจะยังไง ได้รับการให้ความสำคัญ เวยหลายชุนก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน ใจที่เดิมทีรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเจอคนบ้านเฉิน พอได้เห็นอาหารบนโต๊ะแล้วค่อยผ่อนคลายลงเยอะเลย
ตอนกินข้าว เห็นมีแค่เฉินจงและเฉินกุ้ยนั่งเป็นเพื่อนกินข้าวกับเขาเท่านั้น เวยหลายชุนเลยรู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายเขายืนยันให้หวางนิว เฉินเยี่ยน เฉินเวย หวางจวนและเฉินหู่ที่เลิกเรียนกลับมาแล้วมานั่งที่โต๊ะกินข้างด้วยกัน
เฉินเยี่ยนกินอาหารที่ตัวเองทำ รู้สึกสบายใจมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่กินเก่งมาก แต่เรื่องอาหารนี่เธอก็ยังชอบอยู่ อยู่ในยุคที่ได้ได้ให้ความสำคัญกับอาหาร ได้ทำของที่ชอบกิน ได้กินอยู่ในปากถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
เฉินเยี่ยนยังเป็นแบบนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ถึงแม้เฉินจงและหวางนิวจะเกนงใจให้เวยหลายชุน แต่อาหารมีมาก เพียงพอกับการกิน พวกเขาก็กินไปไม่น้อย
สายตาเฉินเวยมองมาที่เวยหลายชุนตลอด ตั้งแต่เวยหลายชุนเข้ามาในบ้านเธอก็ประเมินดูอยู่ตลอดเวลา พูดตามจริงหน้าตาเวยหลายชุนถือว่าพอใช้ได้เท่านั้น ไม่ถือว่าหล่อเหลา เขายังไม่หล่อเท่าอวี๋เหวยหมิน แต่เวยหลายชุนใจดี เจอใครก็ยิ้มหัวเราะ รอยยิ้มแบบนั้นไม่ได้เสแสร้ง ทำให้คนรู้สึกสบายใจ
อีกทั้งเวยหลายชุนไม่ได้หลบสายตาใคร เห็นเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร สายตาที่มองเธอตอนแรกดูประหลาดใจเล็กน้อย คงคิดไม่ถึงที่เธอจะหน้าตาดูอ่อนโยนมีเสน่ห์ขนาดนี้ แต่ก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ได้มองเธอมากมาย สายตากลับมองไปที่เฉินเยี่ยนบ่อยๆ นี่ยิ่งทำให้เฉินเวยอึดอัดมาก เธอคิดว่าเธอสวยกว่าเฉินเยี่ยนเยอะเลย ตอนนี้เธอไม่ใช่จุดสนใจ ไม่ได้รับการให้ความสำคัญ เธอไม่พอใจ
“พี่เวย พี่กินนี่สิ ซี่โครงนี้อร่อยมาก”
เฉินเวยคิด ยื่นตะเกียบออกไปคีบซี่โครงตุ๋นชิ้นหนึ่งให้เวยหลายชุน เวยหลายชุนรีบรับแล้วขอบคุณเฉินเวย เฉินเวยหน้าแดงก้มหน้าลง แต่แล้วก็เหลือบตามองเวยหลายชุนแวบหนึ่ง สายตาเธอสดใสแวววาว เต็มไปด้วยความรักและความคาดหวัง แล้วยังหน้าตาที่สวยงาม ทำให้คนรู้สึกยากที่จะอธิบาย
ตอนแรกเวยหลายชุนไม่ได้สังเกต จนกระทั่งมาเจอสายตาของเฉินเวยทำเขาอึ้งไป รีบก้มหน้าลง เขาแปลกใจ เห็นอยู่ว่าเฉินเวยดูอายุน้อยมาก เป็นแค่เด็กผู้หญิง แต่ทำไมสายตาเธอถึงทำให้คนเห็นแล้วหัวใจเต้นนะ?
เวยหลายชุนมองไปทางเฉินเยี่ยนอีกครั้ง เฉินเยี่ยนกำลังคีบเนื้อหมูซอสกระเทียมกินอยู่พอดี เธอคนนี้ชอบกินเนื้อติดมัน ดังนั้นเธอเลยกินเนื้อหมูซอสกระเทียมนี้อย่างเอร็ดอร่อย เธอกินของเธอ ไม่มองใคร ไม่ได้สังเกตสายตาของเวยหลายชุนที่มองเธอ ถึงแม้จะสังเกตก็ไม่สนใจ หรือว่าคนอื่นมองเธอ เธอก็จะไม่กิน? เธอไม่ใช่เฉินเวย เธอไม่โง่
เวยหลายชุนเห็นเฉินเยี่ยนไม่มองเขา คิดว่าเฉินเยี่ยนอาย เธออยากจะคีบอาหารให้เฉินเยี่ยน แต่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านเฉิน เลยดึงตะเกียบกลับ
หวางนิวก็คีบอาหารให้เวยหลายชุน เวยหลายชุนขอบคุณ ตอนที่มองไปไม่ตั้งใจมองไปเจอเฉินเวยอีกครั้ง ใบหน้าเฉินเวยแดงระเรื่อ เหมือนอายก้มหน้าลง แต่กลับใช้สายตาเป็นประกายแอบเหลือบมองเขา เหมือนเฉินเวยเป็นผู้หญิงคนที่มาดูตัวกับเขาแล้วเขินอายเลย
เวยหลายชุนประหลาดใจ วันนี้คนที่มาดูตัวกับตัวเองคือเฉินเยี่ยนต่างหากไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมนอกจากกินแล้วเฉินเยี่ยนถึงไม่มีทีท่าอย่างอื่นเลย เอาแต่กินกินกิน
เฉินเยี่ยน…
ส่วนเฉินเวยกลับเหมือนคนที่มาดูตัวเลย สังเกตเขาอยู่บ่อยๆ ใบหน้าแดงมองมาที่เขา แอบมองเขา แล้วยังสายตาแบบนั้นอีก เหมือน เหมือนมีความรัก มีความชอบ มีความคาดหวังและรอคอย ทำเอาใจเขาเต้น ไม่รู้ว่าควรจะมองเฉินเวยดีหรือไม่
ไม่มอง ก็เหมือนไม่มีมารยาท มอง ก็ดูไม่ควร ชั่วขณะเวยหลายชุนไม่รู้ควรจะทำตัวยังไง ได้แต่ก้มหน้าตักข้าว
อันที่จริงท่าทีของเวยหลายชุนและเฉินเวยอยู่ในสายตาของเฉินเยี่ยนทั้งหมด เฉินเวยเข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี เข้าถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี การยั่วอย่างเขินอายนั้น ท่าทางของเธอ พูดตามตรงมีผู้ชายน้อยคนที่จะไม่หวั่นไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายในยุคนี้ ยังซื่ออยู่มาก
แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้แฉ และไม่ได้พูดอะไร เฉินเวยชอบเล่นละคร ก็ให้เธอเล่นไป เพื่อจะมองเวยหลายชุน เฉินเวยเล่นหูเล่นตากับเวยหลายชุน นี่แม้แต่ข้าวยังกินไปไม่เท่าไร ดีเลย เธอจะได้กินมากหน่อย คิดมาถึงตรงนี้ เฉินเยี่ยนก็คีบอาหารให้เฉินหู่และหวางจวน
จนกินเสร็จแล้ว เก็บโต๊ะเฉินเวยถึงค่อยรู้ตัว มื้อนี้เธอเอาแต่สนใจเล่นหูเล่นตากับเวยหลายชุนจนเธอแทบไม่ได้กินอะไรเลย เพราะเธอไม่อยากให้เวยหลายชุนคิดว่าเธอกินเยอะ ดังนั้นเธอเลยสงวนท่าทีเขินอายเอาไว้ ทุกครั้งที่เวยหลายชุนมองเธอ เธอก็จะทำท่าทางแบบนั้น ถ้ากินเยอะก็จะดูไม่ดี
ตอนนี้กินกันเสร็จแล้ว เธอยังไม่อิ่มเลย เฉินเยี่ยนทุเรศ กินของหมดเลย แล้วนี่เฉินหู่ หวางจวนเป็นหมูหรือไง จานเกลี้ยงหมด ทำไมไม่เหลือให้เธอบ้าน เธอไปหาอะไรกินในครัวก็ได้
เฉินเวยแอบกัดฟัน แต่แสดงออกมาไม่ได้ ยังคงต้องยิ้มอย่างเขินอายอยู่ แล้วรินน้ำให้เวยหลายชุนดื่ม
—————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น