เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก 111-117

ตอนที่ 111 ก็ทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำให้...

 

“นะ…นั่นมันไม่เหมือนกันนี่คะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อพูด “ไม่เหมือนกันตรงไหน ตั้งชื่อนี้นั่นแหละดีแล้ว แบบนี้เวลาที่เธอไปเจอเหตุการณ์อันตรายเหมือนเมื่อวาน คนอื่นจะได้รู้ว่าต้องติดต่อใครยังไงล่ะ”


 


 


“แต่…” หลินเช่อก็ยังอดคิดไม่ได้ว่ามันยังฟังแล้วจั๊กจี้อยู่ดีนั่นแหละ แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว


 


 


โดยเฉพาะเมื่อคนที่ถูกเรียกว่าสามีสุดที่รักนั้นคือกู้จิ้งเจ๋อ


 


 


สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มบึ้งตึงขณะหันมาสำทับเธอว่า “ถ้าเธอแอบเปลี่ยนมันละก็ฉันจะไปที่บริษัทเธอแล้วช่วยเปลี่ยนมันกลับไปเป็นชื่อเดิมด้วยตัวเองเลย”


 


 


“…” ถ้าแบบนั้นเห็นจะไม่ไหว


 


 


ถึงอย่างไรเธอก็ยังต้องฝากอนาคตไว้กับบริษัทแห่งนี้ เธอต้องการมีชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปและมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อพาตัวเองให้ไปสู่จุดสูงสุด ถ้าปล่อยให้กู้จิ้งเจ๋อเข้าไปวุ่นวายที่นั่นเห็นทีว่าเธอคงต้องบอกลาชีวิตนักแสดงละนะ


 


 


หลินเช่อคิดแล้วก็ได้แต่บุ้ยปากให้กับความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น “แต่เบอร์ของฉันในโทรศัพท์คุณยังเป็นชื่อฉันอยู่เลยนะคะ”


 


 


“แล้วทำไมล่ะ”


 


 


หญิงสาวกลอกตาแล้วเริ่มมองหาโทรศัพท์ของอีกฝ่าย “เอาโทรศัพท์คุณมาหน่อยค่ะ”


 


 


“เธอจะทำอะไร” กู้จิ้งเจ๋อถาม ตอนแรกเขาจะผลักเธอออกไป แต่เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บที่ขาของหลินเช่อแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง


 


 


หลินเช่อวิ่งไล่เขาไปรอบๆ เพื่อพยายามแย่งโทรศัพท์ จนสุดท้ายเธอก็สามารถล้วงหยิบจากกระเป๋าเขาได้สำเร็จ


 


 


“เฮ้ นี่เธอจะทำอะไรน่ะ อย่าวิ่งแบบนี้สิ” คนตัวใหญ่กว่าพยายามจะคว้าตัวอีกฝ่ายไว้


 


 


หลินเช่อกระโดดหลบ มือที่จับโทรศัพท์ไว้เหยียดออกไปจนสุดแขนพลางพยายามมองหาชื่อตัวเองจากรายชื่อผู้ติดต่อ แล้วเมื่อหาพบ เธอก็จัดแจงปลี่ยนเสียใหม่เป็น ‘ภรรยาสุดที่รัก’


 


 


กู้จิ้งเจ๋อคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ในที่สุด แต่ก็ดันเสียหลักเอนใส่ร่างหลินเช่อจนร่างทั้งสองล้มโครมลงบนเตียงพร้อมกัน


 


 


หญิงสาวยังมัวแต่สาละวนสนใจอยู่กับโทรศัพท์จนไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้มหน้าก้มตามองดูหน้าอกอ่อนนุ่มของตัวเองอย่างเพลิดเพลิน หนำซ้ำยังยิ้มอย่างพอใจอีกต่างหาก


 


 


จนกระทั่งเปลี่ยนชื่อได้สำเร็จ เธอก็หันไปยิ้มให้เขาอย่างผู้มีชัย


 


 


กู้จิ้งเจ๋อรีบคว้าโทรศัพท์คืนไปทันที และเมื่อได้เห็นชื่อที่ถูกเปลี่ยน เขาก็หันขวับกลับมามองเธอทันที


 


 


มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ พอมองดูตัวอักษรเหล่านั้นอยู่อีกครู่หนึ่ง เขาก็คิดว่ามันก็เป็นถ้อยคำที่ฟังดูดีทีเดียว


 


 


เขาหันมามองหลินเช่อ มือใหญ่ยังจับมือเรียวเล็กของอีกฝ่ายเอาไว้ ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส ริมฝีปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม “มาเปลี่ยนชื่อเองตามอำเภอใจแบบนี้เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้หรอกนะ”


 


 


หลินเช่อที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีร่างของอีกฝ่ายนอนทับอยู่ด้านบนเริ่มดิ้นขลุกขลัก


 


 


“คะ…คุณจะเปลี่ยนกลับก็ได้นะคะ”


 


 


ตอนนี้หลินเช่อรู้แล้วว่าเธอไม่อาจเอาชนะเขาด้วยกำลังจึงเริ่มยอมแพ้เสียแต่เนิ่นๆ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อยิ้มแต่ยังคงไม่ขยับตัวออกจากเธอ “ในเมื่อเธอเปลี่ยนมันไปแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนกลับหรอกนะ แต่ว่า…”


 


 


ระหว่างที่พูด เขาก็ก้มหน้าลงมาอีกครั้ง “สามีสุดที่รักอยากจะทำอะไรภรรยาสุดที่รักแบบที่สามีคนอื่นเขาอยากจะทำกันบ้างน่ะ”


 


 


“อะไรคะ” หลินเช่อเบิกตาโพลง


 


 


แล้วเขาก็ก้มลงมาแตะจูบเข้าที่ริมฝีปากเธอ


 


 


“อ๊ะ…” หลินเช่อรีบผลักเขาออกโดยแรง


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะเสียงดัง หญิงสาวรีบกระโดดผลุงลงจากเตียงแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำไปทันที


 


 


ก็เธอยังไม่ได้แปรงฟันเลยนี่นา นี่เขาไม่นึกรังเกียจบ้างเลยหรือไงนะ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อหลบฉากหนีไปในชั่วพริบตาแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่เงียบๆ หลินเช่ออาจจะไม่เคยอ่านหนังสือสามสิบหกกลยุทธ์สามก๊ก แต่เธอก็รู้จักใช้มันเป็นอย่างดีทีเดียว


 


 


 


 


ในช่วงกลางวัน หลินเช่อไปที่บริษัท


 


 


เมื่อเธอไปถึง ผู้คนที่นั่นต่างหันมามองหญิงสาวและลอบสังเกตอาการบาดเจ็บที่ขาของเธอกันอย่างไม่วางตา เพราะเมื่อคืนนี้ทุกคนต่างก็รอให้หลินเช่อแวะมา แต่เธอกลับไม่ได้ปรากฏตัว


 


 


เธอเคยเป็นเพียงดาราระดับหางแถวที่ต้องคอยถูกคนอื่นข่มมาโดยตลอดแบบนี้เหมือนกัน ใครจะคิดล่ะว่าอยู่ๆ เธอจะได้โด่งดังขึ้นมาขนาดนี้


 


 


ถึงจะมีคนอิจฉาริษยาแต่ก็เป็นธรรมดาของวงการนี้ เพราะใครจะดังก็ขึ้นอยู่กับว่าโอกาสของใครมาถึง แต่ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของดวงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครจะได้กลายเป็นดาวรุ่งขึ้นมาบ้าง


 


 


หลินเช่อเองก็เคยเป็นแบบนี้ เธอเข้ามาเป็นนักแสดงสังกัดของบริษัทแห่งนี้พร้อมกันกับคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นดาราดังเสียแล้ว ได้ปรากฏตัวเคียงข้างคนดังระดับซูเปอร์สตาร์มากมาย แต่เพื่อนบางคนยังต้องรับเล่นแต่บทเล็กๆ กระจอกงอกง่อยกันต่อไป


 


 


เมื่อหลินเช่อได้เจออวี๋หมินหมิ่นเธอก็รีบขอโทษ “เมื่อวานนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยจริงๆ ค่ะ”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอก ฉันบอกที่บริษัทเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอแล้วละ อย่างน้อยก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ คราวหน้าจะขับรถก็ระวังหน่อยแล้วกัน” อวี๋หมินหมิ่นพูดพลางชักชวนให้อีกฝ่ายนั่งลง


 


 


แต่หลินเช่อพูดหน้าเศร้าว่า “ฉันคงไม่ได้ขับรถอีกแล้วละค่ะ”


 


 


“ทำไมล่ะ รถเสียหายมากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผู้จัดการสาวถาม


 


 


หญิงสาวตอบ “เปล่าหรอกค่ะ กู้จิ้งเจ๋อน่ะสิคะ เขาไม่ยอมให้ฉันขับรถอีกแล้วล่ะ”


 


 


อวี๋หมินหมิ่นได้ฟังแล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “กู้จิ้งเจ๋อเขาก็ทำเพื่อตัวเธอเองนะ”


 


 


หลินเช่อได้แต่คิดอยู่เงียบๆ คนเดียว ที่ผ่านมาก็แทบจะไม่ได้แตะรถเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่ตอนนี้ยังโดนห้ามขับอีก ให้ตายเถอะ…


 


 


อวี๋หมินหมิ่นพูดต่อไปว่า “ว่าแต่ตอนนี้รายการเรียลลิตี้โชว์จะเป็นงานใหญ่ชิ้นต่อไปของเธอนะ ทางรายการเขาอยากได้เธอไปเป็นแขกรับเชิญสักหนึ่งสัปดาห์น่ะ ว่าไง อยากไปหรือเปล่า”


 


 


อวี๋หมินหมิ่นพูดพลางมองดูรอยแผลที่ขาของหลินเช่อด้วยท่าทีกังวลใจเล็กน้อย


 


 


แต่เจ้าตัวกลับรีบบอกว่า “ว้าว รายการเรียลลิตี้นี้ดังมากเลยนะคะ”


 


 


“ใช่แล้ว” อวี๋หมินหมิ่นเสริมอีกว่า “แต่พอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆ มันก็จะมีการเล่นเกมบ้างนิดหน่อยนะ”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แผลแค่นี้เดี๋ยวก็คงหายแล้วล่ะ”


 


 


“ตกลง แต่ถ้าถึงเวลาต้องถ่ายแล้วอะไรๆ ยังไม่ดีขึ้นละก็ ฉันจะบอกผู้กำกับเองว่าอย่าให้ทำอะไรโลดโผนจนเกินไป เธอเองก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ในช่วงสองสามวันนี้นะ การถ่ายทำจะเริ่มสัปดาห์หน้า ยังพอมีเวลาอยู่”


 


 


“อืม ค่ะ”


 


 


พอตกบ่าย หลินเช่อก็นั่งรถของทางบ้านตระกูลกู้เพื่อกลับบ้าน โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เมื่อก้มลงมองก็ได้เห็นชื่อ ‘สามีสุดที่รัก’ ตัวใหญ่เบ้อเร่อผุดขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ หญิงสาวนึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ยังทำให้เธออดรู้สึกแปลกพิลึกไม่ได้ เธอกดรับสายและได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังขึ้นว่า [ฉันขอให้เฉินอวี่เฉิงช่วยตรวจร่างกายเธอ เธอจะกลับบ้านกี่โมง]


 


 


“ไม่เอาหรอกค่ะ เขาเป็นจิตแพทย์ไม่ใช่เหรอคะ”


 


 


[เขาชำนาญทางด้านจิตเวชน่ะ รีบๆ กลับมานะ]


 


 


หญิงสาวได้เพียงแต่รับคำ แต่แล้วเธอก็ได้รับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันวีแชต


 


 


เป็นข้อความจากโยวหรานนั่นเอง [หลินเช่อจ๊ะ ยัยแก่ของเธอกับมาแล้วนะ ทำไมไม่มารับฉันที่สนามบินล่ะ โทรไปก็ไม่รับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า]


 


 


เฉินโยวหรานกลับมาแล้ว


 


 


หลินเช่อดีใจสุดขีด ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะกลับมาวันนี้


 


 


โยวหรานคือเพื่อนรักที่สุดของเธอ หล่อนเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อหนึ่งปีก่อนและเพิ่งเดินทางกลับมาในวันนี้


 


 


หลินเช่อรีบพิมพ์ตอบลงไปในวีแชต “รอฉันอยู่ที่สนามบินนั่นแหละ ฉันจะไปรีบเดี๋ยวนี้”


 


 


[นี่เธอจะมาจริงๆ เหรอ งั้นฉันจะรอที่ร้านกาแฟในสนามบินนะ]


 


 


เสร็จแล้วหญิงสาวก็รีบบอกคนขับให้ตรงไปที่สนามบิน ระหว่างที่เธอยกหูโทรหากู้จิ้งเจ๋อ


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อคะ ฉันยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้นะ เพื่อนฉันเพิ่งเดินทางมาถึง ฉันก็เลยจะไปรับที่สนามบินน่ะค่ะ”


 


 


[อะไรนะ ใครกัน] เขารัวคำถามด้วยความสงสัย แต่หลินเช่อไม่ได้ให้โอกาสที่จะถามต่อเพราะเจ้าตัวกดวางสายไปแล้วอย่างรวดเร็ว


 


 


กู้จิ้งเจ๋อนั่งจ้องคำว่า ‘ภรรยาสุดที่รัก’ บนหน้าจอโทรศัพท์อย่างหัวเสีย


 


 


นี่มันภรรยาประสาอะไรกัน…


 


 


“ไปสืบมาหน่อยว่าคนรู้จักของคุณผู้หญิงคนไหนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศวันนี้” เขาสั่งฉินเฮ่า


 


 


ฉินเฮ่ากลับมาพร้อมคำตอบในเวลาอันรวดเร็ว เขามองหน้าผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่สู้แน่ใจนัก ก่อนจะรายงานว่า “ท่านครับ ดูเหมือนว่าวันนี้…คุณชายรองตระกูลฉินจะเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสครับ”


 


 


อะไรนะ

 

 

 


ตอนที่ 112 ถ้าเธอไม่กลับมาภายในยี่สิบ...

 

นี่หล่อนไปรับฉินชิงงั้นหรือ…


 


 


ที่สนามบิน


 


 


หลินเช่อสั่งคนขับรถให้หยุดและรออยู่ด้านนอกขณะที่เธอรีบพุ่งเข้าไปตามหาเฉินโยวหราน


 


 


ในร้านกาแฟ เฉินโยวหรานกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะพร้อมกระเป๋าเดินทางมากมายหลายขนาดที่อยู่ข้างตัว


 


 


“โยวหราน!” หลินเช่อตะโกนด้วยความดีใจ


 


 


เฉินโยวหรานได้ยินเสียงและรีบหันขวับมาทันที เมื่อเห็นหลินเช่อ เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตรงมา


 


 


ทั้งสองสวมกอดกันแน่นก่อนจะปล่อยมือ


 


 


เฉินโยวหรานยิ้มให้หลินเช่อ ผมของหญิงสาวยาวประบ่า เธอเป็นคนร่างเล็ก แต่งกายด้วยแฟชันแบบคนอังกฤษ ทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อย


 


 


“โอย หลินเช่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพอกลับมาฉันก็ได้เห็นโฆษณาของเธอทันทีเลย มันฉายอยู่ในสนามบินแน่ะ”


 


 


“โฆษณาอะไรเหรอ”


 


 


“โฆษณาลูกอมน่ะสิ” ผู้เป็นเพื่อนลากหลินเช่อให้นั่งลงขณะที่เล่าด้วยความตื่นเต้น


 


 


หลินเช่อจำได้และตอบว่า “นี่ที่สนามบินยังฉายโฆษณาตัวนั้นอยู่อีกเหรอเนี่ย…ฉันถ่ายไปนานมากแล้ว ตอนนั้นฉันเกือบจะไม่ได้งานนี้เพราะคนถ่ายโฆษณาถูกจับแน่ะ”


 


 


“โอ้โห อันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ… แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อจริงๆ นะ นี่ฉันไม่อยู่แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง แล้วดูเธอสิ ตอนนี้กลายเป็นดาราดังไปแล้ว” เฉินโยวหรานลูบหลังลูบไหล่เพื่อนสาวอย่างภาคภูมิใจ “นี่ตอนนี้ฉันมีเพื่อนเป็นดาราดังแล้วนะ น่ายืดอกด้วยความภาคภูมิจริงๆ เลย”


 


 


หลินเช่อแทบพูดไม่ออก “ดาราดังอะไรกัน ฉันยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ ยังห่างไกลจากความโด่งดังมากจ้ะ” แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองโฆษณาน้ำหอมของมู่เฝ่ยหรานที่กำลังฉายอยู่


 


 


มู่เฝ่ยหรานนั้นสวยสง่ามาก แถมยังเป็นคนดีมีน้ำใจ เป็นทุกอย่างตามมาตรฐานที่ดาราระดับนานาชาติควรจะเป็นทุกประการ


 


 


หลินเช่อเอ่ยขึ้น “ต้องเธอคนนี้ต่างหาก ที่เป็นดาราดังจริงๆ”


 


 


การได้รับงานว่าจ้างจากบริษัทโฆษณาต่างชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่มู่เฝ่ยหรานกลับมีงานประเภทนี้เข้ามามากมายเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าเธอแตกต่างจากดาราทั่วๆ ไป


 


 


“แค่เจอกันแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันต้องถ่ายเซลฟี่กับเธอแล้วโพสต์อวดในเวยป๋อสักหน่อยแล้ว”


 


 


“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกน่า…”


 


 


“ต้องขนาดนั้นสิจ๊ะ มาเถอะ มาถ่ายรูปกันหน่อยเร๊ว” เฉินโยวหรานคว้าแขนหลินเช่อแล้วยกมือถือขึ้นถ่าย


 


 


แต่แล้วโทรศัพท์ของหลินเช่อก็ดังขึ้น


 


 


เธอก้มลงมอง ตัวหนังสือ ‘สามีสุดที่รัก’ กะพริบถี่อยู่บนหน้าจอ


 


 


เฉินโยวหรานบังเอิญเห็นเข้าพอดี จึงกระโดดตัวลอยด้วยความประหลาดใจ “โอ๊ยตายจริง นั่นใครน่ะ”


 


 


“นี่คือ นี่คือ…” หลินเช่ออึกอัก “ไม่มีอะไรหรอก ตั้งชื่อกันขำๆ น่ะ เขาไม่ใช่สามีแบบที่เธอคิดหรอกน่ะ”


 


 


เฉินโยวหรานฟังแล้วจึงตบบ่า “แหม ทุกวันนี้ใครๆ ก็เรียกแฟนตัวเองว่าสามีกันทั้งนั้น ฉันรู้หรอกน่า เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบสามเอง ยังอายุน้อยเกินกว่าจะแต่งงานหรอก แต่มีแฟนก็ดีนะ… แล้วนี่เธอไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย เล่าให้ฉันฟังเร็ว มันเกิดอะไรขึ้นมั่ง”


 


 


“เขาก็ไม่ใช่แฟนอีกนั่นแหละ…” ความสัมพันธ์ของเธอกับกู้จิ้งเจ๋อนั้นออกจะซับซ้อน และหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร


 


 


แต่โทรศัพท์ยังคงดังไม่หยุด หลินเช่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะจุ๊ปากบอกให้เพื่อนเงียบแล้วกดรับสาย


 


 


เสียงเข้มงวดของกู้จิ้งเจ๋อดังมาตามสายว่า [เธอจะกลับเมื่อไหร่]


 


 


หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเขากำลังโกรธอยู่หรือเปล่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ตอนนี้ในหัวเธอกำลังนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของเขา


 


 


ว่าแต่แล้วเขาจะโกรธเรื่องอะไรกันล่ะ แค่เพราะเธอต้องมาสนามบินเลยยังกลับบ้านไม่ได้เนี่ยนะ


 


 


“ฉันเพิ่งได้เจอเพื่อนเดี๋ยวนี้เองค่ะ ขอเราคุยกันสักพักก่อนค่อยกลับนะคะ” เธอบอก


 


 


[สิบนาทีพอมั้ย]


 


 


“…”


 


 


หลินเช่องงหนัก “สิบนาทีมันจะไปพอได้ยังไงกันละคะ เราไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วนะคะ แน่นอนว่าเราต้องคุยกันนานกว่านั้น”


 


 


[งั้นก็ยี่สิบนาที…หลินเช่อ ถ้าเธอไม่กลับมาภายในยี่สิบนาที งั้นก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย!] เมื่อพูดจบเขาก็วางสายไปทันที


 


 


หญิงสาวนิ่งฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่รัวถี่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง จะตลกเกินไปหน่อยแล้วมั้ย


 


 


“หมายความว่ายังไงกัน ทำไมจะต้องมายุ่งด้วยล่ะ ฉันจะอยู่คุยนานแค่ไหนก็ได้เท่าที่ฉันต้องการ ถ้าฉันจะกลับไปไม่ได้แล้วยังไงล่ะ ไม่ได้ก็ไม่ได้สิ!”


 


 


ให้ตายเถอะ กู้จิ้งเจ๋อเข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของเธออีกแล้วนะ


 


 


ทีเขาไปหาหวานใจวัยเด็กของตัวเอง ไปทำหวานกันที่ไหนเธอยังไม่ไปยุ่งเลย


 


 


 


 


อีกด้านหนึ่ง


 


 


กู้จิ้งเจ๋อโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่ง ท่าทางของเขาดูดุดันเย็นชาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้


 


 


เมื่อเฉินอวี่เฉิงก้าวเข้าบ้านมาก็ได้เห็นชายหนุ่มในสภาพนั้นพอดี


 


 


เขาหันไปมองฉินเฮ่าที่ไม่กล้าเอ่ยปากอะไรออกมาเช่นกัน ผู้เป็นหมอจึงดึงตัวฉินเฮ่าออกไปถามว่า


 


 


“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของนายล่ะเนี่ย”


 


 


ฉินเฮ่าถอนหายใจแล้วกระซิบตอบว่า “เขากำลังหึง”


 


 


“อะไรนะ” เฉินอวี่เฉิงโพล่งเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว


 


 


“ชู่ว ชู่วว อยากให้ผมโดนหรือไงครับ” ฉินเฮ่าดึงตัวอีกฝ่ายให้ก้มต่ำลงแล้วบอกว่า “คุณหมอเฉิน ช่วยให้คำแนะนำกับนายท่านด้วยเถอะ อันที่จริงแล้วเขาออกจะน่าสงสารทีเดียว”


 


 


“…” มีคนกล้าพูดว่ากู้จิ้งเจ๋อน่าสงสารด้วยหรือนี่


 


 


ถ้าคนอย่างกู้จิ้งเจ๋อน่าสงสาร แล้วผู้ชายคนอื่นที่เหลือบนโลกนี้ล่ะจะเรียกว่าอะไร


 


 


“มันเกิดอะไรขึ้น”


 


 


“นายท่านขอให้คุณหมอมาช่วยตรวจคุณผู้หญิงที่นี่ แต่เธอปล่อยให้เขารอเก้อแล้วไปรับเพื่อนของเธอแทน”


 


 


“มีคนกล้าให้คนอย่างกู้จิ้งเจ๋อรอเก้อด้วยงั้นเหรอ”


 


 


“ก็ใช่น่ะสิครับ นายท่านทำท่าจะระเบิดอารมณ์อยู่ในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว คุณหมอเฉินมาได้จังหวะพอดี ยังไงคุณก็เป็นที่นับหน้าถือตาแถมยังเป็นมืออาชีพในเรื่องนี้ด้วย ผมขอยกให้คุณหมอช่วยดูแลท่านด้วยก็แล้วกันนะครับ ส่วนผมขอตัวหลบไปก่อนละ”


 


 


“เฮ้ย นี่ฉันไม่ใช่…หมอรักษาปัญหาหัวใจนะ แล้วนายจะหนีทำไมล่ะนั่น…” เขาเฝ้ามองฉินเฮ่าที่เผ่นแน่บไปชนิดไม่เหลียวหลังก่อนจะหันมองเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ


 


 


เมื่อก้าวเข้าไป เฉินอวี่เฉิงก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณกู้ครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีปัญหาหัวใจกระมัง หรือมีเรื่องให้ต้องหงุดหงิด คุณสามารถบอกผมได้ทุกเรื่องเลยนะครับ เหมือนที่เคยๆ มานั่นแหละ”


 


 


“ฉันน่ะรึ ไม่มีอะไรสักหน่อย” กู้จิ้งเจ๋อทำหน้าเรียบเฉย มือก็ทำเป็นพลิกดูเอกสารต่างๆ ไปพลาง


 


 


เฉินอวี่เฉิงพูดต่อ “เรื่องคุณผู้หญิงน่ะ บางทีที่เธอยังไม่สามารถกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็วก็อาจเป็นเพราะว่าเธอมีเรื่องสำคัญ…”


 


 


“ยัยผู้หญิงไร้หัวใจนั่นน่ะเหรอ บางทีเธออาจจะไม่กลับมาอีกแล้วก็ได้”


 


 


ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงขณะที่พูดก่อนจะกระแทกปึกเอกสารลงบนโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้นเดินออกไป


 


 


คราวนี้เฉินอวี่เฉิงเข้าใจสิ่งที่ฉินเฮ่าพูดแล้วล่ะว่ากู้จิ้งเจ๋อน่าสงสาร


 


 


น่าสงสารมากจริงๆ


 


 


 


 


บริเวณข้างนอก


 


 


เฉินโยวหรานนั่งลงตรงเคาน์เตอร์ที่บาร์และมองดูหลินเช่อกระดกเหล้า


 


 


“นี่ ตกลงโทรศัพท์เมื่อกี้นี่มันอะไรกันน่ะ แล้วทำไมอยู่ๆ เธอถึงได้โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้”


 


 


หลินเช่อมองหน้าเพื่อน “ฉันน่ะเหรอโกรธ ทำไมฉันจะต้องโกรธด้วย ฉันไม่ได้โกรธเลยสักนิด”


 


 


พวกเธอเพิ่งช่วยกันนำสัมภาระของเฉินโยวหรานไปเก็บที่บ้าน เมื่อเฉินโยวหรานกลับมาถึง หญิงสาวอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ทั้งสองจึงใช้เวลาสนทนาทักทายกับครอบครัวของเฉินโยวหรานอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะออกมายังบาร์แห่งนี้


 


 


เวลาล่วงเลยเกินยี่สิบนาทีไปมากโขแล้ว


 


 


หลินเช่อยังคงไม่กลับบ้าน เธอไม่อยากพูดกับกู้จิ้งเจ๋อทางโทรศัพท์อีกแล้ว


 


 


“แล้วนั่นใครกันล่ะ… ใครกันที่ทำให้เธอหัวเสียได้ขนาดนี้ อย่าบอกฉันนะว่าเป็น…ฉินชิงน่ะ” เฉินโยวหรานรู้เรื่องระหว่างหลินเช่อกับฉินชิงดี นอกจากเขาคนนั้นแล้ว เธอก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอื่นที่จะทำให้คนที่ไม่แคร์ใครอย่างหลินเช่อโกรธได้ขนาดนี้


 


 


“จะเป็นเขาเป็นได้ยังไงกันล่ะ” 

 

 


ตอนที่ 113 คนขี้หึงทำหน้าบึ้งใหญ่แล้ว

 

หลินเช่อเงยหน้าขึ้นโดยเร็วแล้วตอบว่า “ไร้สาระน่า ฉินชิงน่ะเป็นว่าที่พี่เขยของฉันนะ ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรกันสักหน่อย” 


 


 


“นี่พูดจริงเหรอเนี่ย พวกเขายังคบกันอยู่อีกเหรอ” 


 


 


“เขาจะแต่งงานกันอยู่เร็วๆ นี้แล้วล่ะ นี่เธอไม่ได้ติดตามข่าวบันเทิงในบ้านเราเลยละสิ พวกเขาแถลงข่าวเรื่องนี้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว” หลินเช่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังอดอึดอัดใจไม่ได้ แต่เวลาก็เป็นเครื่องเยียวยาที่ดีที่สุด ตอนนี้เวลาเธอนึกถึงเรื่องของฉินชิงและหลินลี่ มันก็ไม่เจ็บมากเท่าแต่ก่อนแล้ว 


 


 


เฉินโยวหรานเอ่ยถามเบาๆ “นี่แสดงว่าเธอก็ยังคงปอดแหกไม่เลิกละสิเนี่ย เธอไม่กล้าบอกเขาว่าชอบจนถึงตอนนี้เลยใช่มั้ยล่ะ ยังไงก็น่าจะบอกให้เขารู้นะ ถึงผลจะออกมาเป็นยังไงก็เถอะ…” 


 


 


“พอเถอะน่าโยวหราน บางทีการได้นั่งช้ำใจเงียบๆ ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันนั่นแหละ” หลินเช่อกอดแขนเพื่อนแล้วยิ้มให้ 


 


 


ภาพของกู้จิ้งเจ๋อผุดขึ้นมาในความคิด เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เขาเคยบอกกับเธอเอาไว้ 


 


 


เขาบอกว่าถ้าเธอต้องการ เขาสามารถทำให้เธอกับฉินชิงมาคู่กันได้ 


 


 


แต่เมื่อลองคิดถึงเรื่องนี้เข้าดีๆ แล้ว เธอกลับไม่ได้ต้องการแบบนั้น 


 


 


การได้อยู่กับฉินชิงดูจะไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้สำคัญเท่าอาชีพนักแสดงของเธอ สิ่งที่เธอต้องการอย่างแท้จริงในตอนนี้ก็คือการได้พัฒนาตัวเองให้เป็นนักแสดงที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้ 


 


 


มู่เฝ่ยหรานคือแบบอย่างที่เธอชื่นชม 


 


 


เฉินโยวหรานถอนหายใจแล้วสวมกอดหลินเช่อ ทั้งสองคนเป็นเหมือนคู่พี่น้องเจ้าปัญหาที่กำลังนั่งกระดกเบียร์อยู่ด้วยกัน 


 


 


“ดื่ม” 


 


 


“ถูกต้อง ไม่มีอะไรสู้การดื่มให้สุดเหวี่ยงไปเลยได้” 


 


 


“มาๆๆ ใครเมาก่อนคนนั้นจ่าย” 


 


 


“อย่าโง่สิ คนเมาจะจ่ายได้ยังไงในเมื่อไม่รู้ว่ากระเป๋าสตางค์อยู่ที่ไหนน่ะ” 


 


 


ทั้งคู่ดื่มกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหา 


 


 


“เฮ้ สองสาวมานั่งดื่มกันตามลำพังแบบนี้คงเหงาแย่เลยสิ เรามีหนุ่มๆ อยู่ตรงโน้นเพียบเลย มาสนุกกับพวกเรามั้ยล่ะ” 


 


 


เฉินโยวหรานทำเสียงฟึดฟัดเล็กน้อย เธอเงยหน้าแล้วแกว่งขวดเบียร์ไปมา “ใครจะอยากดื่มกับพวกผู้ชายตัวเหม็นกัน ผู้ชายทั้งโลกมันก็ห่วยแตกเหมือนกันหมดนั่นแหละ” 


 


 


หลินเช่อพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย “ใช่ ใช่แล้ว ห่วยแตกทุกคน ชั่วร้ายทุกคนเลย” 


 


 


โดยเฉพาะกู้จิ้งเจ๋อนั่นแหละ ที่ชั่วร้ายที่สุด ไปจี๋จ๋ากับโม่ฮุ่ยหลิงแล้วยังจะอยากมาวุ่นวายกับเธออีก 


 


 


ชายคนนั้นได้ยินแล้วก็หัวเราะ เขาโน้มตัวเข้ามาหาแล้วเอ่ยว่า “สาวน้อย เธอคิดผิดแล้วล่ะ ถ้าผู้ชายเลวร้ายนักละก็ ผู้หญิงคงไม่ตกหลุมรักหรอก พวกเธอก็ชอบผู้ชายแบบเราไม่ใช่เหรอ ที่เราทำตัวร้ายๆ ก็เพราะอยากให้พวกเธอชอบเราไงล่ะ” 


 


 


ขณะที่พูดเขาก็คว้าแขนเฉินโยวหราน พยายามจะดึงเธอให้ลุกตามไป “มาเถอะ ไปสนุกกันดีกว่าน่า” 


 


 


“ปล่อยฉันนะ จะปล่อยดีๆ หรืออยากโดนเตะผ่าหมาก” 


 


 


“เฮ้ ถ้าเธอเตะตรงนั้น แล้วฉันจะสนุกต่อได้ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มคนนั้นแข็งแรงมากและไม่ยอมรามือง่ายๆ 


 


 


เฉินโยวหรานดิ้นรนอย่างโกรธจัด หลินเช่อรีบถลาออกมาขวางเอาไว้ทันที “เลิกยุ่งกับเราซะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ!” 


 


 


หลินเช่อโกรธจัดจนตบเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มฉาดใหญ่ “ไม่รู้จักอายบ้างหรือไงกัน เธอไม่อยากไปกับนายซักหน่อย! ยังจะมาดึงดันอยู่ได้” 


 


 


ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ เขาสบถสาบานหยาบคาย จ้องหน้าหลินเช่อแล้วทำท่าจะพุ่งเข้าใส่เธอ 


 


 


แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง… 


 


 


มือของใครบางคนแทรกเข้ามาตรงหน้าหลินเช่อ 


 


 


หญิงสาวชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นมองและได้เห็นเฉินโยวหรานที่โผล่มายืนข้างตัว 


 


 


ชายหนุ่มคนนั้นตกใจ เฉินอวี่เฉิงจับแขนของชายคนนั้นไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและคว้าหัวไหล่เขาด้วยมืออีกข้าง ด้วยการขยับตัวเพียงครั้งเดียว เขาก็เหวี่ยงชายคนนั้นนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นโดยมีแขนไพล่อยู่ด้านหลัง ชายคนนั้นร้องตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวด 


 


 


“ไสหัวไปซะ ถ้ามาให้เจอหน้าอีกละก็นายโดนหนักกว่านี้แน่” 


 


 


เฉินโยวหรานเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตะลึง “โอ้ วีรบุรุษสุดหล่อมาช่วยชีวิตนางเอกเอาไว้…” 


 


 


ขณะที่พูด เธอก็ยกมือขึ้นทาบไปที่หน้าอกของเฉินอวี่เฉิง 


 


 


หลินเช่อรีบฉุดตัวเพื่อนที่กำลังเมาแอ๋ออกมา เฉินโยวหรานนี่คออ่อนยิ่งกว่าเธอเสียอีก นี่ขนาดเพิ่งดื่มกันได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็อยู่ในสภาพเมามายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


 


 


“ขอโทษด้วยค่ะคุณหมอเฉิน เธอเป็นเพื่อนฉันเองน่ะค่ะ เธอเมาไปหน่อย…” 


 


 


เฉินอวี่เฉิงมองดูหลินเช่อที่พยายามจะประคองร่างที่กำลังเมาแอ่นไปแอ่นมาของเพื่อนสาว ก่อนที่เขาจะดึงตัวเฉินโยวหรานกลับมาอีกครั้งและบอกกับหลินเช่อว่า “ปล่อยให้ผมจัดการเถอะ ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ สามีของคุณอยู่ที่บ้านกำลังคลั่งใหญ่แล้ว” 


 


 


กู้จิ้งเจ๋อคลั่งใหญ่อย่างนั้นเหรอ 


 


 


หญิงสาวบุ้ยปากแล้วหันไปบอก “ก็ใครบอกให้เขาทำตัวเป็นคนช่างออกคำสั่งแบบนั้นละคะ นี่แค่ฉันจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนก็ไม่ได้เลยเชียวเหรอ” 


 


 


เฉินอวี่เฉิงตอบว่า “เขาแคร์คุณนะ” 


 


 


“ไม่มีทาง เขาแค่บ้าอำนาจเท่านั้นแหละ” 


 


 


“คุณทำให้เขาต้องรอเก้อ คุณผู้หญิงกู้ครับ ถึงยังไงเขาก็เป็นถึงกู้จิ้งเจ๋อนะ ลองถามคนทั่วทั้งเมือง B ดูก็ได้ว่ามีใครกล้าปล่อยให้กู้จิ้งเจ๋อรอเก้อบ้าง” 


 


 


หลินเช่อนิ่งคิด ในตอนแรกเขาอยากให้เธอกลับไปตรวจดูอาการบาดเจ็บ นั่นคือเหตุผลที่เขาอยากให้เธอกลับบ้าน เอาล่ะ บางทีเขาอาจจะก้าวร้าวเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็เพราะมีเจตนาดี หัวใจหลินเช่อเริ่มอ่อนลง เธอหันไปหาเฉินอวี่เฉิงแล้วพูดอย่างตะบึงตะบอนว่า “แต่เขาพูดดีๆ ก็ได้นี่คะ…ว่าแต่…” เธอเงยหน้ามองอีกฝ่ายอายๆ “นี่ฉันเป็นคนแรกที่ปล่อยเขาให้รอเก้อจริงๆ เหรอคะเนี่ย” 


 


 


“อืม ก็ไม่เชิงเป็นคนแรกหรอกนะ” นายแพทย์ตอบ 


 


 


“ถ้างั้น…ใครเป็นคนแรกที่ทำแบบนั้นละคะ” 


 


 


“เขาหายตัวไปจากเมือง B แล้วน่ะ ผมก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเหมือนกัน” 


 


 


“…” 


 


 


มันขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย 


 


 


อีตานี่คือจอมเผด็จการชัดๆ  


 


 


เฉินอวี่เฉิงพูดต่อไปว่า “เขาขังตัวเองเอาไว้ในยิมแล้วก็ไม่ยอมออกมา เพราะอย่างนี้ผมก็เลยต้องรีบมาตามหาตัวคุณที่นี่ไงล่ะ แล้วก็ ผมอยากให้คุณรีบกลับไปให้เร็วที่สุด” 


 


 


“อา… งั้นพาเพื่อนฉันไปส่งบ้านก่อนก็แล้วกันนะคะ” 


 


 


“ไม่เป็นไร คุณปล่อยเธอไว้กับผมก็ได้ รีบกลับไปก่อนเถอะ” 


 


 


“อ้อ ก็ได้ค่ะ นี่เฉินโยวหรานนะคะ เธอพักอยู่กับพ่อแม่ของเธอแถวโกลด์เด้น การ์เด้นน่ะค่ะ เธอออกไปค้างคืนข้างนอกไม่ได้นะคะ เพราะฉะนั้นโปรดช่วยพาเธอไปส่งบ้านแทนฉันด้วย” 


 


 


หญิงสาวเชื่อว่าเธอสามารถไว้ใจนายแพทย์ประจำตัวของกู้จิ้งเจ๋อได้ จึงปล่อยเฉินโยวหรานไว้ในความดูแลของเขาและรีบตรงกลับบ้านโดยด่วน 


 


 


เฉินโยวหรานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มท่าทางเฉยชาที่อยู่กับเธอ ยกนิ้วขึ้นอยากจะสัมผัสใบหน้าเขา “นี่ สุดหล่อ ท่าทางไม่เลวเลยนี่นา คืนละเท่าไหร่จ๊ะเนี่ย แต่นี่พี่สาวไม่มีเงินหรอกนะ…เพราะงั้นนายรีบปล่อยฉันจะดีกว่า…” 


 


 


นี่หล่อนจะซื้อตัวเขาไปทำอะไร… 


 


 


นี่หลินเช่อคบหาเพื่อนประเภทไหนกันเนี่ย 


 


 


 


 


 


ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้ 


 


 


ทันทีที่หลินเช่อเดินเข้าบ้านมา สาวใช้ก็รีบรายงานว่า “คุณผู้หญิงคะ ในที่สุดก็กลับมาซะที นายท่านอยู่ในยิมน่ะค่ะ ไม่ยอมออกมาเลย” 


 


 


ใครจะไปคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อจะขี้ใจน้อยแบบนี้ ขนาดผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วเขายังโกรธอยู่อีกหรือ ก็แค่นัดหมอตรวจเท่านั้นเอง 


 


 


แถมเธอยังโทรบอกเขาแล้วด้วยนะ 


 


 


เธอไม่ได้เจอหน้าเฉินโยวหรานมาร่วมปี แค่เธออยากไปรับเพื่อนที่สนามบินแค่นี้ก็ไม่ได้หรือยังไง 


 


 


หญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูและชะโงกเข้าไปดูด้านใน กู้จิ้งเจ๋อกำลังออกกำลังกายอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนและสวมเพียงกางเกงขาสั้นเท่านั้น แผ่นหลังของเขาอาบเหงื่อเป็นมัน อวดให้เป็นกล้ามเนื้อล่ำสันได้สัดส่วนอย่างสวยงาม เขาดูเหมือนขวดฟีโรโมนเดินได้ไม่มีผิด ไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากรูปร่างนี้ได้ 


 


 


จะหล่ออะไรขนาดนี้เนี่ย… 


 


 


หลินเช่อค่อยๆ ปิดประตูอย่างเบามือที่สุด แต่มันก็ยังมีเสียงอยู่ดี ทำให้กู้จิ้งเจ๋อที่อยู่ด้านในสะดุ้ง 


 


 


เขาตวัดสายตาดู และเมื่อเห็นหลินเช่อที่ประตู เขาก็หรี่ตาจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย 


 


 


แรงโทสะอันคุกรุ่นหมุนวนอยู่ในบรรยากาศรอบตัวเขาชนิดที่ทำให้ใครต่อใครต้องสะท้าน 


 


 


“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” เขาปล่อยมือจากเครื่องออกกำลังช่วงบ่าแล้วลุกขึ้นมองเธอด้วยสายตาสุดแสนเย็นชา 


 


 


นี่เธอกล้ามาหาเขาหลังจากที่เพิ่งดอดไปพบคนรักมาอย่างนั้นรึ 


 


 


สีหน้าประจบประแจงนั่นทำให้เขายิ่งหมดอารมณ์ 


 


 


นี่สำหรับเธอแล้ว เขาเป็นแค่ผู้ชายที่พอใจกับการถูกพะเน้าพะนอเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เองงั้นหรือ  

 

 


ตอนที่ 114 นี่คือการลงโทษ

 

หลินเช่อรีบปิดประตูและมองดูกู้จิ้งเจ๋อที่อยู่ในห้อง “คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อนิ่วหน้า จ้องเธอเขม็ง “ฉันบอกให้เธอออกไป”


 


 


“ฉันไม่ไป ถ้าคุณไม่บอกว่าฉันทำอะไรผิดละก็ฉันก็ไม่ออกไปหรอก” หลินเช่อพูดพลางก้าวยาวๆ เข้ามาหาชายหนุ่ม


 


 


สีหน้าของเขาปราศจากความรู้สึกใดๆ “ช่วยทำตัวให้เป็นผู้หญิงหน่อยได้มั้ย ฉันบอกแล้วไงว่าให้ออกไป!”


 


 


“มีคนเคยเฉดหัวฉันตั้งเป็นล้านครั้งแล้วมั้ง แต่ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้และอยู่ได้ดีในวงการบันเทิงจนวันนี้” หลินเช่อทำหน้าทนแล้วนั่งลงบนเครื่องออกกำลังที่เธอไม่คุ้นเคยมาก่อน ดวงตากวาดมองไปตามร่างล่ำสันของอีกฝ่าย


 


 


คิ้วของกู้จิ้งเจ๋อขมวดแน่น ดวงตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยเพลิงที่กำลังโหมไหม้ ดูราวกับแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามราตรี เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธจัดทีเดียว


 


 


“นี่เธอจะบังคับให้ฉันโยนเธอออกไปใช่มั้ย” เขาถามเสียงดุดัน


 


 


หลินเช่อนึกเกรงดวงตาที่ราวกับไฟคู่นั้นอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็ทำหน้านิ่งและจ้องตอบเขาอย่างไม่ลดละ


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ ฉันมาที่นี่เพื่ออธิบายให้คุณฟัง ฉันไปที่สนามบินเพื่อรับเพื่อนของฉัน คุณไม่เห็นต้องโกรธเลยสักนิด ฉันอาจจะเป็นภรรยาของคุณก็จริง แต่ฉันก็ยังเป็นมนุษย์นะคะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีเพื่อน เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกันน่ะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ไม่ก้าวก่าวรึ ใช่สิ ฉันไม่ได้จะก้าวก่ายเรื่องที่เธอเองก็มีเพื่อนได้ แต่ในเมื่อเธอมีเพื่อนแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาที่นี่ เชิญเธอออกไปได้แล้ว!”


 


 


“นี่คุณ…” หลินเช่อรู้สึกว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังทำตัวไร้เหตุผลอย่างถึงที่สุด ไม่มีใครโกรธง่ายเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว


 


 


เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็คว้าตัวเธอแล้วลากหลุนๆ ออกไปจากห้อง


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ ปล่อยฉันนะ คุณมันอันธพาล ชอบรังแกคนอื่น คุณ…”


 


 


หลินเช่อตะโกนลั่นๆ ก่อนจะหันศีรษะกลับไปแล้วงับมือเขาเข้าเต็มแรง


 


 


รสเค็มจากเหงื่อบนผิวของเขาซึมเข้ามาในปาก


 


 


แต่กู้จิ้งเจ๋อกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด ราวกับว่าเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด


 


 


หลินเช่อปล่อยมือเขาแล้วเงยหน้ามองคนที่กำลังมีสีหน้านิ่งสนิทราวกับก้อนหิน


 


 


หญิงสาวตะโกนอย่างหัวเสีย “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ไปก็แปลว่าฉันไม่ไปไงล่ะ”


 


 


เธอไม่ยอมตามที่เขาต้องการง่ายๆ หรอก


 


 


คิ้วของชายหนุ่มขมวดแน่นอีกครั้ง เขาคว้าตัวหลินเช่อและจับเหวี่ยงไปนั่งบนเบาะของอุปกรณ์ออกกำลังกายชิ้นหนึ่ง


 


 


ก่อนที่จะใช้ร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของตัวเองทาบทับเธอเอาไว้


 


 


หลินเช่อได้กลิ่นลมหายใจของผู้ชาย ร่างกายที่อาบไปด้วยเหงื่อ เสื้อผ้าเปียกชุ่ม จนเนื้อตัวลื่นเป็นมันวาว


 


 


เขากดเธอไว้จนแทบหายใจไม่ออก ยิ่งการที่เขายึดมือทั้งสองข้างของเธอและตรึงเอาไว้กับเบาะนั้นยิ่งเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย


 


 


เธอกลัวจนอดตัวสั่นไม่ได้ แค่เห็นร่างเปียกชุ่มของเขาแนบชิดกับร่างกายเธอก็ทำให้หลินเช่ออยากจะร้องออกมาด้วยเสียงดังลั่น


 


 


เป็นความรู้สึกอันซับซ้อนอย่างยิ่ง


 


 


ร่างกายที่เพิ่งผ่านการออกกำลังมาหมาดๆ นั้นเหมือนปีศาจที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา มัดกล้ามสวยงามได้สัดส่วนยิ่งดูเด่นชัดแก่สายตา บ่งบอกถึงความแข็งแรงเปี่ยมพลังจนยากจะอดใจไม่ให้เอื้อมมือไปสัมผัส


 


 


มือใหญ่ของเขารวบนิ้วมือของเธอเอาไว้ และเมื่อเขาแตะจูบลงมา รสเค็มของเหงื่อก็ซึมเข้ามาในปากเธอ


 


 


ในช่วงจังหวะเวลานั้นเอง หลินเช่อรู้สึกถึงอาการสั่นระริกในช่องท้องราวกับว่าเธอกำลังล่องลอยไปแสนไกล


 


 


เขาถอนรีบฝีปากออกไป หลินเช่อเลียริมฝีปากตัวเองแช่มช้าราวกับว่าจะร้องขอจุมพิตอีกสักครั้ง


 


 


แต่สามัญสำนึกเข้ามาทุบประตูห้องหัวใจเข้าเสียก่อน


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ…ตัวคุณร้อนไปหมดแล้ว ปล่อยฉันนะ”


 


 


“เธอมาพูดเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้วละ!” เขามองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย เขาต้องการเธอแล้วที่นี่ ตอนนี้


 


 


ร่างเล็กๆ รู้สึกถึงแรงกระตุ้นรุนแรงที่พุ่งเข้ามาใส่


 


 


“อย่านะ นี่คุณทับฉันอยู่ ฉันเจ็บนะ…”


 


 


“ดี เดี๋ยวก็จะไม่เจ็บแล้ว!” ร่างกายท่อนล่างของเขาเริ่มปั่นป่วน ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เลยหรือไงว่าการร้องว่าเจ็บนั้น ยิ่งเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของผู้ชาย


 


 


“แต่…”


 


 


“ทำตัวดีๆ แล้วมันจะไม่เจ็บ เดี๋ยวก็จะไม่เจ็บแล้วละ…” กู้จิ้งเจ๋อยังคงคร่อมร่างเธออยู่อย่างนั้น มือของเขาป่ายปะลงไปด้านล่าง


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ ปล่อยฉัน…” น้ำเสียงของเธอเริ่มอ่อนแรงลง


 


 


ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “ครั้งหน้าอย่าให้มีอีกนะ ถ้าเธอขัดขืนคำสั่งฉันอีกละก็ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป”


 


 


“ใครขัดขืนคำสั่งคุณกัน…ฉันแค่ไปหาเพื่อนเท่านั้น…” หลินเช่อใกล้จะร้องไห้เต็มแก่


 


 


กู้จิ้งเจ๋อย้อนทันควัน “เพื่อนเหรอ ฟังดูดีนี่ เธอจะบอกว่าไปหาคนรักก็ได้นะ มันไม่ได้ต่างอะไรกันหรอก”


 


 


“คนรักที่ไหนกัน” หลินเช่อผงกหัวขึ้น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา


 


 


เธออยากร้องไห้เต็มทีให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อ “ก็ฉินชิงไงล่ะ คนรักของเธอไม่ใช่เหรอ ทำไม จะต้องให้ฉันพูดให้ชัดๆ เลยหรือยังไง”


 


 


หลินเช่อมองเขาด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด “ฉินชิงอะไรกัน นี่คุณจะบ้าเหรอ ฉันไปรับเพื่อนฉัน เฉินโยวหราน เธอเพิ่งกลับมาหลังไปเรียนที่ต่างประเทศ!”


 


 


คราวนี้กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วอย่างหนัก เขามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่เธอไม่ได้ไปพบฉินชิงหรอกเหรอ”


 


 


“ใครจะไปพบฉินชิงกันเล่า!” หลินเช่อผลักเขาออกเต็มแรง เมื่อก้มลงมองตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ชายหนุ่มหงายหลังแต่ก็ยังใช้สองแขนยันพื้นไว้ได้ทันโดยไม่เสียหลัก แต่ยังคงมองหน้าหญิงสาวอย่างประหลาดใจ


 


 


หลินเช่อถาม “นี่คุณโกรธเพราะคิดว่าฉันไปหาฉินชิงมางั้นเหรอคะ”


 


 


สีหน้าของชายหนุ่มอ่อนโยนลง สีหน้าบึ้งตึงดุดันในตอนแรกค่อยๆ คลี่คลายทีละน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีท่าทีกระอักกระอ่วน


 


 


เขาหันหน้ามา พยายามซ่อนความขัดเขินเมื่อมองหน้าหลินเช่อ “ชะ…ใช่ ฉันไม่เคยเจอคนโกหกเก่งแบบเธอนี่”


 


 


“คุณนั่นแหละโกหกเก่ง! ฉันไม่ได้ไปเจอฉินชิงสักหน่อย! ฉันอยู่กับโยวหรานที่ร้านกาแฟพักหนึ่งก่อนที่เราจะไปเที่ยวบาร์กันต่างหาก!”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อลุกขึ้นยืนทันที “จริงเรอะ งั้นก็…ดีน่ะสิ”


 


 


แต่หลินเช่อถลึงตาใส่อย่างไม่ยอมง่ายๆ เธอใช้มือข้างเดียวผลักเขาออกไป


 


 


“คุณ…คุณมันปีศาจชัดๆ คนเฮงซวย!” เมื่อด่าเสร็จ เธอก็วิ่งออกจากห้องไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ 

 

 


ตอนที่ 115 กู้จิ้งเจ๋อคือวายร้าย

 

หลินเช่อกลับมาที่ห้องของเธอแล้วรีบวิ่งตรงเข้าห้องน้ำ จัดการอาบน้ำชำระกลิ่นรสต่างๆ จากเขาออกไปจนหมด


 


 


กู้จิ้งเจ๋อ ไปตายซะเถอะ!


 


 


ทำไมเขาถึงได้…ร้ายกาจขนาดนี้นะ ร้ายชนิดที่ไม่มีทางจะดัดนิสัยได้เลยเสียด้วยสิ


 


 


น่าอายที่สุด…


 


 


เธอดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง อีตากู้จิ้งเจ๋อบ้า บ้า บ้า


 


 


หลังออกกำลังกายเสร็จ ชายหนุ่มก็จัดแจงอาบน้ำในตัวยิม


 


 


น้ำเย็นๆ ที่ไหลลงมาอาบร่างทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก


 


 


ในช่วงเวลานั้นเอง เขารู้สึกราวกับว่ามือเขายังคงสัมผัสตัวเธอ ได้ลิ้มรสเธออยู่


 


 


ช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยจริงๆ


 


 


ชายหนุ่มหลับตา แต่มันก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายให้สงบได้เลยสักนิด


 


 


ให้ตายสิ


 


 


เขาเปิดฝักบัวให้แรงขึ้นอีก อยากให้สายน้ำเย็นที่ไหลบ่าลงมาช่วยโอบอาบร่างที่กำลังร้อนไหม้ของเขา…


 


 


กว่าจะก้าวเท้าออกจากห้องน้ำได้ เวลาก็ผ่านไปร่วมชั่วโมง


 


 


ฉินเฮ่ารีบร้อนเข้ามาพบ


 


 


“ท่านครับ เรียกหาผมหรือครับ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองฉินเฮ่า “ก่อนหน้านี้นายบอกฉันใช่ไหมว่าฉินชิงอยู่ที่สนามบินวันนี้น่ะ”


 


 


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเฮ่าก็รีบหลุบตาลงต่ำ “ครับท่าน ได้โปรดอย่าโกรธไปเลยครับ คุณชายสามของตระกูลฉินกับภรรยาเพิ่งจะ…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อกระแทกแฟ้มลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่น ขัดจังหวะการพูดของฉินเฮ่าเข้าทันที


 


 


ฉินเฮ่าตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง “ท่านครับ…”


 


 


“ไม่มีอะไร ครั้งนี้นายทำได้ดีมาก” กู้จิ้งเจ๋อกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ


 


 


แต่ฉินเฮ่าก็ยังอดเย็นสันหลังวาบไม่ได้อยู่ดี


 


 


“ผมทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อท่านอย่างเต็มที่ครับ ขอบคุณที่ชม ผมจะตั้งใจทำงานให้หนักขึ้นไปอีกครับ” ฉินเฮ่ายิ้ม


 


 


กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อไปว่า “เพื่อเป็นการให้รางวัลกับนาย ฉันคิดว่าฉันจะให้นายได้ไปพักผ่อนเสียหน่อย”


 


 


“หา ท่านครับ นั่นเป็นเรื่องที่มีน้ำใจอย่างมากครับ ท่าน…”


 


 


“ได้จังหวะเลย กำลังมีปัญหากับโรงงานทีกัมพูชาอยู่พอดี ทำไมนายไม่ไปพักร้อนแล้วก็ไปตรวจสอบดูที่นั่นซะพร้อมกันเลยล่ะ”


 


 


“อา…”


 


 


แน่ใจหรือว่านี่คือรางวัลน่ะ


 


 


“ไปสิ ฉันจะสั่งคนให้ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้นายเอง ถ้ายังแก้ปัญหาที่โรงงานนั่นไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาหรอกนะ” กู้จิ้งเจ๋อยิ้มเ**้ยมเกรียม


 


 


เขาปรายตามองฉินเฮ่าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป


 


 


ปล่อยให้ผู้ช่วยมือขวายืนงุนงงอยู่เพียงลำพัง


 


 


“ท่านครับ…ผมทำอะไรผิดหรือ…”


 


 


 


 


คืนนั้นกู้จิ้งเจ๋อไม่ได้มานอนข้างหลินเช่อ


 


 


เขาเกรงว่าถ้าต้องนอนห้องเดียวกับเธอแล้วเขาจะไม่สามารถสู้หน้าเธอจนนอนหลับได้ลง


 


 


หลินเช่อที่อยู่ในห้องนอนเพียงลำพังก็นอนตาสว่างอยู่เป็นนานทีเดียวกว่าจะหลับได้ในที่สุด


 


 


 


 


วันต่อมา กู้จิ้งเจ๋อออกจากบ้านไปแต่เช้า หลินเช่อตื่นขึ้นมาพอดีกับที่เสินโยวหรานโทรหา


 


 


[โอย! เมื่อคืนฉันไปนอนบ้านคนอื่นได้ยังไงเนี่ย] เสินโยวหรานถาม


 


 


หลินเช่อตกใจ “นี่เธอไปนอนบ้านคนอื่นงั้นเหรอ หมายความว่าไงน่ะ”


 


 


[อีตานั่นดุจะแย่ ฉันละกลัวแทบตายแน่ะ ฉันคิดว่าน่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ]


 


 


หลินเช่อกลอกตา “อ้อ เธอหมายถึงคุณหมอเฉินนั่นเอง ฉันขอให้เขาช่วยพาเธอไปส่งบ้านน่ะ


 


 


มีอะไรหรือเปล่า ไม่ได้อะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย”


 


 


เสินโยวหรานตอบ [ไม่มีหรอก! จะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันได้ล่ะ ฉันเรียนเทควันโด้มาตั้งสามปี จะมีผู้ชายที่ไหนกล้าหือกับฉัน]


 


 


“เรียนมาสามปี แต่ก็ยังติดแหงกอยู่ที่สายขาวเนี่ยนะ”


 


 


[…]


 


 


เสินโยวหรานบอก [ว่าแต่เขาเป็นใครกันน่ะ เขาทำเอาฉันแทบเครื่องติดเลยแล้วก็หนีไปซะก่อน]


 


 


“เธอเมาน่ะ เขาเป็นหมอที่ดีมากๆ คงจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่บ้านเธอแน่ เขาก็เลยพาเธอกลับไปที่บ้านเขาแทน โอเค ถ้าเธอตื่นแล้วก็ดี ฉันจะไปหาเธอที่บ้านนะ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”


 


 


[ได้เลย]


 


 


ไม่ช้าหลินเช่อก็ไปถึงบ้านของเพื่อนสาว


 


 


เสินโยวหรานยังคงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอ เมื่อเห็นหลินเช่อมาถึงบ้าน พวกเขาก็ทักทายด้วยความยินดี


 


 


“โยวหราน ตอนนี้หลินเช่อกำลังดังใหญ่แล้วนะ แม่เห็นหน้าเธอในทีวีบ่อยๆ เลยละ”


 


 


พ่อแม่ของเสินโยวหรานเป็นเพียงคนทำงานทั่วๆ ไป พวกเขาไม่ได้ยากจน แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวยด้วยเหมือนกัน


 


 


ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่อต่างประเทศของเสินโยวหรานนั้น หญิงสาวเป็นคนหาเงินเองจากการทำงานพิเศษ


 


 


เสินโยวหรานดึงหลินเช่อเข้าไปกอดอย่างภาคภูมิ “แน่ละสิคะ เพื่อนหนูก็ต้องเก่งแบบนี้แหละ”


 


 


เมื่อทักทายกันเสร็จสรรพ เสินโยวหรานก็ลากตัวหลินเช่อเข้าไปในบ้าน


 


 


หลินเช่อมองเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเอียงอาย ก่อนจะเริ่มเล่า “อันที่จริง ตอนที่เธอไม่อยู่ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉันน่ะ”


 


 


“อะไรเหรอ”


 


 


“ฉันแต่งงาน” หลินเช่อว่า


 


 


“หา!”


 


 


เสินโยวหรานแทบกระโดดผลุง


 


 


หลินเช่อรีบจับตัวเพื่อนไว้ก่อนจะอธิบายสถานการณ์ต่างๆ ให้ฟังเท่าที่จะเล่าได้


 


 


เสินโยวหรานพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ฟังจบ เธอคว้าหลินเช่อโดยแรงราวกับจะบีบให้ตายคามือ


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อเนี่ยนะ…ตระกูลกู้เนี่ยนะ หลินเช่อ นี่เธอมันบ้า! บ้ามาก! บ้า!”


 


 


เสินโยวหรานตะโกนลั่นห้องอยู่เป็นนานสองนาน


 


 


เธอตะโกนดังเสียงจนพ่อแม่เริ่มได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมและมาเคาะประตูห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นแหละเจ้าตัวจึงเริ่มหรี่เสียงได้ แต่ก็ยังจ้องหน้าหลินเช่อไม่เลิก “ขออภัยนายหญิงของบ้านด้วยเจ้าค่ะ หม่อมฉันไม่ทราบเลยสักนิด ขอได้โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วย”


 


 


“ไปตายซะไป๊!”


 


 


“ว่าแต่…นี่มันน่าตกใจเกินไปนะ แล้วเธอ…”


 


 


หลินเช่อมองหน้าเพื่อน “ฉันก็เล่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเขามีคนรักอยู่แล้วน่ะ แล้วฉันก็บังเอิญพลาดไปวางยาเขาเข้า เราก็เลย…”


 


 


“นี่เธอกล้าวางยาคนตระกูลกู้ได้ยังไงกันยะ”


 


 


“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ใครจะไปรู้ว่ากู้จิ้งอวี่จะเป็นดาราดังระดับนั้น ใครจะไปรู้ว่าฉันจะจำเขาสลับกับกู้จิ้งอวี่ได้ กู้จิ้งอวี่เพียงแค่จองห้องเอาไว้เท่านั้น แต่คนที่มาพักห้องนั้นกลับกลายเป็นพี่ชายเขาแทน… ฉันอุตส่าห์ติดสินบนพนักงานโรงแรมไปตั้งเยอะกว่าพวกเขาจะยอมให้ฉันทำแบบนี้ เสียแรงเปล่าชะมัด”


 


 


“ยัยบ้า ได้กำไรขนาดนี้กลับมาบ่นว่าเสียแรงเปล่า เธอโชคดีออกจะตายแล้วนะ”


 


 


หลินเช่อเหลือบมองอีกฝ่ายพลางนึกถึงความร้ายกาจของกู้จิ้งเจ๋อ “ขอเชิญเธอลองดูด้วยตัวเองเลยจ้ะ เธอไม่รู้หรอกว่ากู้จิ้งเจ๋อตัวจริงเป็นยังไง…เขาร้ายกาจจะตายไป!”


 


 


หลังจากนี้ เสินโยวหรานต้องเริ่มมองหางานทำ หลินเช่อจึงขอตัวกลับบ้าน


 


 


เธอไม่คิดเลยว่า ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้านมาก็จะได้พบกู้จิ้งเจ๋อรออยู่แล้ว


 


 


เขานั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ หันมามองเธอ หลินเช่อมองมือใหญ่ของอีกฝ่ายแล้วก็อดรู้สึกกระดากไม่ได้


 


 


เมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้…


 


 


ผู้ชายร้ายกาจคนนี้ใช้มือของเขา…


 


 


หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกำลังบิดเกร็ง มีบางอย่างที่ไม่ปกติ


 


 


ในขณะเดียวกัน กู้จิ้งเจ๋อก็มองหน้าเธอและพูดว่า “กลับมาซะทีนะ ฉันกำลังจะชวนเธอออกไปกินอาหารกลางวันข้างนอกพอดี”


 


 


“ฉะ ฉันยังไม่กินหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะกินที่บ้านนี่แหละ” 

 

 


ตอนที่ 116 ผู้หญิงไร้เหตุผล

 

หลินเช่อรีบพยายามควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ “คุณจะทำอะไรคะ…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อยืนขึ้นแล้วสมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ “ทำไมล่ะ ก็แค่ออกไปกินข้าวข้างนอก ฉันรู้จักร้านที่มีเชฟจากฝรั่งเศสมาเปิด อาหารของเขาเป็นแบบต้นตำรับของแท้เลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวฉันจะพาไปลองชิม”


 


 


“อ่า…เอ้อ โอเคค่ะ งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” หลินเช่อหน้าแดง เธอรีบเดินเข้าห้องไป


 


 


กู้จิ้งเจ๋อหันมองตามด้วยความประหลาดใจ ท่าทางหลินเช่อดูแปลกพิกล


 


 


เขามองตามท่าเดินลุกลี้ลุกลนของเธอไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว


 


 


หลินเช่อลองเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายรอบ ในเมื่อมันเป็นภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส เธอก็ควรจะแต่งกายให้เหมาะสม แต่โชคร้ายที่ไม่ว่าจะหยิบตัวไหนมาลองก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเอาเลยสักชุดเดียว ถ้าไม่ยาวไปก็สั้นไป หรือไม่ก็โป๊เกินไป ซึ่งปกติแล้วหลินเช่อไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาแต่งตัวเลย


 


 


เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนนั่นแหละ บางอย่างในหัวใจเธอเริ่มรู้สึกไม่เป็นปกติทุกทีที่นึกถึงกู้จิ้งเจ๋อ หน้าของเธอจะแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ แถมยังไม่กล้าสบตาเขาอีกต่างหาก


 


 


หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลินเช่อก็ตัดสินใจเลือกสวมเสื้อผ้าเรียบๆ ธรรมดา เธอยังดูสวยสดใส เพียงแต่ไม่ได้มีอะไรที่ดูหรูหราแล้ว หญิงสาวหมุนตัวไปรอบๆ ก่อนบรรจงแต้มเครื่องสำอางเพียงบางเบา แล้วยิ้มให้ตัวเองอย่างพอใจ


 


 


เมื่อเดินออกมาจากห้อง กู้จิ้งเจ๋อยืนเอามือล้วงกระเป๋าไว้ เขาหันมามองเธอแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง


 


 


เมื่อแต่งกายแนวย้อนยุคแบบนี้ หลินเช่อดูเหมือนเจ้าหญิงจากยุคโบราณไม่มีผิด ดูสวยสง่า


 


 


เขาจ้องมองเธอนิ่งนาน ก่อนจะเดินเข้ามาหาและพูดว่า “ไปกันเถอะ”


 


 


หญิงสาวยิ้ม เขาเอ่ยถามอีกว่า “เธอต้องคล้องแขนฉันไม่ใช่เหรอ นี่เป็นธรรมเนียมตะวันตกนะ”


 


 


“หือ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋องอแขน เธอมองก่อนจะสอดแขนเข้าคล้องกับแขนเขา


 


 


ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ แต่ก่อนที่จะทันได้ก้าวขา เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังมาจากกระเป๋าเสื้อ


 


 


เขาตวัดสายตามองด้วยความหงุดหงิด เป็นสายจากโม่ฮุ่ยหลิงนั่นเอง


 


 


เขานิ่วหน้า เหลือบมองหลินเช่อที่อยู่ข้างตัวก่อนจะรับสาย


 


 


“มีอะไรหรือฮุ่ยหลิง”


 


 


เสียงโม่ฮุ่ยหลิงร่ำไห้ดังมา [บ้านฉันถูกปล้นน่ะค่ะ ฉันกลัวมากเลย]


 


 


“อะไรนะ ใครปล้น เป็นไปได้ยังไงกัน”


 


 


[บ้านหลังนี้ที่ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่น่ะค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันไม่ได้มีคนคอยดูแลความปลอดภัยมากเท่าบ้านคุณน่ะ อีกอย่างฉันก็อยู่คนเดียวด้วย เพราะงั้น…] ขณะที่พูด เสียงของเธอก็เริ่มอ่อนลงราวกับว่ากำลังหวาดกลัวจับใจปนวิงวอนร้องขอ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่มีทางเลือกอื่น ชายหนุ่มหันมองหลินเช่อขณะพยายามจะปลอบประโลมโม่ฮุ่ยหลิงในสาย “อย่าร้องไห้ เดี๋ยวฉันไป”


 


 


เมื่อวางสาย หลินเช่อก็ปล่อยแขนเขาแล้วบอกว่า “อืม…คุณน่าจะไปดูหน่อยนะคะ


 


 


ชายหนุ่มมองหน้าเธอ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หลินเช่อก็ยิ้มกว้างและพูดต่อไปว่า “เร็วเข้าเถอะค่ะ บ้านโดนปล้นนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะคะ”


 


 


เขาห่อปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ งั้นฉันจะไปดูเสียหน่อย ให้คนขับรถพาเธอไปที่ร้านก่อนเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวพอเสร็จธุระแล้วฉันจะตามไป”


 


 


“อืม โอเคค่ะ”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อเหลียวมองเธออีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวและเดินออกจากบ้านไป


 


 


หลินเช่อบุ้ยปาก โม่ฮุ่ยหลิงนี่ก็ช่างหาเวลาได้เหมาะเหม็งเสียจริงนะ


 


 


 


 


ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของโม่ฮุ่ยหลิง


 


 


หญิงสาววางสายโทรศัพท์แล้วก็หมุนตัวลิ่วๆ ด้วยความยินดีปรีดา เธอหันมองห้องที่ถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะจัดแจงรื้อทุกอย่างออกมาจากตู้ ยกขวดไวน์หว่านเทไปทั่วห้อง ดึงลิ้นชักทุกอันออกมา ข้าวของแบรนด์เนมทั้งหลายถูกโยนเกลื่อนกระจายทั่วห้อง อืม นี่ดูเหมือนห้องที่เพิ่งโดนคนบุกเข้ามาปล้นไม่เบาทีเดียว โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มอย่างสมความคาดหมาย


 


 


เหอะ ยายหลินเช่อ กู้จิ้งเจ๋อน่ะเป็นของฉันย่ะ เขาอาจจะเป็นสามีของแก แต่ทุกครั้งที่ฉันเรียกหา เขาจะต้องมาหาฉันเสมอ!


 


 


กู้จิ้งเจ๋อมาถึงบ้านของโม่ฮุ่ยหลิงในเวลาอันรวดเร็ว


 


 


บ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับคฤหาสน์ตระกูลกู้อย่างมาก ใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีเท่านั้น


 


 


ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านมาและได้พบกับโม่ฮุ่ยหลิงที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก เธอโถมเข้ากอดเขาอย่างสุดตัว


 


 


เขาจำได้ดีถึงตอนที่สัมผัสโดนน้ำตาของเธอจนทำให้อาการป่วยต้องกำเริบขึ้นมาอย่างหนัก


 


 


เขาจึงรีบผลักเธอออก


 


 


ชายหนุ่มบอกกับเธอ “วันนี้ฉันไม่ได้กินยาน่ะ คงดีกว่าถ้าเธอไม่โดนตัวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะต้องลงเอยด้วยการรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนจนไม่ได้อยู่ช่วยเธอที่นี่”


 


 


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็รีบปาดน้ำตา มองหน้าเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ “โอเคค่ะ ฉันรู้ว่าฉันโดนตัวคุณไม่ได้…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอ “เกิดอะไรขึ้น”


 


 


เธอชี้นิ้วไปรอบๆ ห้อง “เห็นมั้ยละคะ พอฉันกลับมา ก็เจอบ้านเป็นแบบนี้ ฉะ…ฉันกลัวจังค่ะ”


 


 


เขาพินิจดูห้องที่ถูกรื้อค้นจนกระจุยกระจาย สายตากวาดดูห้องทั้งห้องก่อนจะหันกลับมาจับจ้องที่ใบหน้าของเจ้าของบ้าน “เธอถูกปล้นงั้นเหรอ”


 


 


“ใช่ค่ะ ใช่” หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ “คงเป็นเพราะฉันเพิ่งย้ายมาอยู่แน่ๆ เลย พวกมันคงรู้ว่าฉันอยู่ลำพังคนเดียวน่ะ ก็เลย…”


 


 


กู้จิ้งเจ๋อถาม “ฉันก็อยากจะถามว่าใครเป็นคนขอให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ อยู่บ้านเธอเองไม่สบายกว่าเหรอ มาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ดีสำหรับเธอเลย ไม่มีใครคอยดูแลเธอนะ”


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มบิดมือไปมาขณะมองหน้าเขา “ฉันก็ยังมีคุณไงละคะ”


 


 


“แต่ฉันงานยุ่งมาก จะให้ฉันมาที่นี่เพื่อคอยดูแลเธอทุกวันน่ะเป็นไม่ได้หรอก”


 


 


“แต่ว่า ฉันก็แค่อยากมาอยู่ใกล้ๆ คุณเท่านั้นเองนะคะ… ฉันอยากเจอหน้าคุณบ่อยๆ น่ะค่ะ จริงๆ นะ”


 


 


“เพราะเหตุผลแค่นี้ เธอก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ…” กู้จิ้งเจ๋อว่า “เธอกำลังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่นะ”


 


 


“ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณนะคะ”


 


 


“แต่เธอจะมาโกหกเพื่อฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน” เขาจ้องหน้าเธอ


 


 


หญิงสาวตกตะลึง “ฉัน…ฉันไม่ได้โกหกสักหน่อย…”


 


 


ชายหนุ่มยังคงจ้องหน้าเธอไม่ลดละ ก่อนจะชี้นิ้วไปรอบๆ ห้องแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะมีอารมณ์ว่า


 


 


“ดูสิ สภาพแบบนี้น่ะเหมือนห้องที่ถูกปล้นตรงไหนเหรอ”


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมารำไร เธอกวาดตามองไปรอบห้อง “ละ…แล้วมันไม่เหมือนตรงไหนเหรอคะ”


 


 


ร่างสูงๆ เดินเข้ามาในห้อง “สร้อยคอ ต่างหูราคาแพงทั้งหลาย ชิ้นหนึ่งราคาเป็นหมื่นๆ ขนาดนี้ พวกขโมยน่ะแค่รื้อออกมา แต่ไม่ได้เอาไปด้วยงั้นหรือ อีกอย่าง คนร้ายจะรื้อตู้เสื้อผ้าของเธอออกมาทำไมกัน ในเมื่อข้าวของมีค่าทั้งหลายน่ะอยู่ในตู้ล็อกกุญแจ ในขณะที่ตู้เสื้อผ้าของเธอก็มีแต่เสื้อผ้าทั้งนั้น อย่างนี้แล้วพวกเขาจะเสียเวลาขนเสื้อผ้าออกมาจากตู้ไปเพื่ออะไรกัน”


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก


 


 


เธอไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ เธอแค่อยากหาเหตุให้ชายหนุ่มต้องมาที่นี่เท่านั้น แต่เธอเองเป็นเพียงลูกคุณหนูที่ได้รับการดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี และชีวิตนี้ก็ไม่เคยต้องประสบกับเหตุปล้นจี้ใดๆ มาก่อน หญิงสาวจึงไม่ทันได้นึกถึงความสมเหตุสมผลทั้งหลายจนทำให้การจัดฉากที่ออกมาไม่สมจริงเช่นนี้


 


 


ใบหน้าของเธอร้อนแดงด้วยความอับอาย เธอเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อและรีบละล่ำละลักบอกว่า “ฉะ…ฉันขอโทษค่ะจิ้งเจ๋อ”


 


 


ชายหนุ่มส่ายหน้า ในใจเขาคิดไปถึงหลินเช่อที่กำลังนั่งรออยู่ที่ร้านอาหารแล้วก็หมุนตัวและเดินออกจากบ้านไป “พอกันที ในเมื่อไม่ได้มีอะไร งั้นฉันไปก่อนล่ะ ฉันมีเรื่องต้องไปทำ”


 


 


“จิ้งเจ๋อ!” เธอร้องเสียงดัง คว้าแขนเขาเอาไว้ “อย่าไปค่ะ ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ผิดมากจริงๆ ได้โปรดอย่าไปเลยนะคะ”


 


 


“ฮุ่ยหลิง ปล่อยฉัน!” ชายหนุ่มเริ่มโกรธมากขึ้นทุกขณะ


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงชักจะทำตัวเกาะติดและไร้เหตุผลมากขึ้นทุกทีแล้ว 

 

 


ตอนที่ 117 โกรธที่ถูกปล่อยให้คอยเก้อ

 

โม่ฮุ่ยหลิงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาร้อนรน เธอกัดฟันแล้วคว้าแจกันที่อยู่ใกล้มือปามันลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะก้มลงหยิบเศษกระเบื้องและเฉือนเข้าที่ข้อมือตัวเอง…”


 


 


“ฮุ่ยหลิง นี่เธอ…” เขาพยายามจะคว้าเศษกระเบื้องในมือเธอ แต่ก็ช้าเกินกาล คมกระเบื้องปาดโดนเข้าผิวเนื้อตรงข้อมือไปเสียแล้ว


 


 


โม่ฮุ่ยหลิงคิดไม่ถึงว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ เจ็บจนเธอต้องร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด “จิ้งเจ๋อ…ฉัน… ทุกอย่างฉันทำไปก็เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆ คุณนะคะ ได้โปรด…อย่าโกรธฉันอีกเลยนะคะ…”


 


 


“เธอ…นี่เธอ…” ชายหนุ่มโกรธจัด โม่ฮุ่ยหลิงกล้าทำแบบนี้กับตัวเองได้ยังไง การทำร้ายตัวเองแบบนี้เป็นการกระทำที่เกิดจากความรู้สึกเกลียดชังตัวเอง!


 


 


หญิงสาวตัวสั่นระริกก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด


 


 


กู้จิ้งเจ๋อยืนตะลึง มองดูหญิงสาวอย่างหวั่นใจ เขาส่ายหน้าและโทรศัพท์เรียกรถ


 


 


 


 


ที่ภัตตาคาร


 


 


หลินเช่อนั่งรออยู่ได้พักใหญ่แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ากู้จิ้งเจ๋อจะโผล่มา


 


 


บางทีเขาอาจจะไม่มาแล้วก็ได้ ในเมื่อถูกโม่ฮุ่ยหลิงเรียกตัวไปแบบนั้นนี่นะ


 


 


หญิงสาวรู้สึกโง่ขึ้นมาถนัดใจเมื่อต้องมานั่งรอเขาโดยไม่มีความหวังแบบนี้


 


 


แถมตอนนี้เธอก็หิวจะแย่แล้วด้วย หลินเช่อคิดว่าเธอสั่งอาหารมากินก่อนเลยก็แล้วกัน ถึงยังไงก็ควรทำให้ท้องอิ่มนี่นะ


 


 


ขณะที่กำลังลงมือรับประทาน หลินเช่อก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ใกล้ๆ


 


 


แวบแรกเธอคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อคงโผล่มาแล้วในที่สุด จึงรีบเงยหน้าขึ้นโดยเร็วและพูดว่า “นี่คุณยังจะมาอีกเหรอคะ ฉันกินส่วนของคุณไปหมดแล้วล่ะ”


 


 


แต่แล้วสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นกู้จิ้งอวี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า


 


 


“กู้จิ้งอวี่”


 


 


คนพี่ไม่ยักมา แต่อีตาคนน้องกลับโผล่มาแทนเสียอย่างงั้น


 


 


ชายหนุ่มนั่งลงโดยไม่ต้องเชิญ “เกิดอะไรขึ้น นี่เธอโดนปล่อยให้คอยเก้องั้นเหรอ”


 


 


“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ…” หญิงสาวตอบอายๆ


 


 


กู้จิ้งอวี่ยิ้มพลางสำรวจดูการแต่งตัวที่ดูประณีตกว่าปกติของอีกฝ่าย “เห็นกันอยู่ว่าไม่จริง ไม่ต้องมาเสแสร้งหรอกน่า เอาเถอะ ในเมื่อเธอน่าสงสารขนาดนี้ งั้นเดี๋ยวฉันช่วยกินก็แล้วกัน”


 


 


“…” ทำไมผู้ชายบ้านนี้ถึงได้หน้าไม่อายเหมือนกันหมดเลยนะ ทั้งพี่ทั้งน้องเลยให้ตาย


 


 


กู้จิ้งอวี่เริ่มตักอาหารเข้าปาก เขามองดูหลินเช่อ “ฉันได้ยินว่าเธอกำลังจะได้ไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์”


 


 


“ใช่ค่ะ รายการดังเสียด้วยสิ บริษัทของเราเป็นคนจัดการให้น่ะค่ะ” เธอเล่า


 


 


กู้จิ้งอวี่หัวเราะหึ “ดูจากไอคิวของเธอแล้ว รายการจะไม่เละตุ้มเป๊ะหมดเหรอ”


 


 


“ทำไมละคะ”


 


 


“เธอเองก็น่าจะรู้นะ ว่าดาราของรายการเรียลลิตี้น่ะมีแต่คนเก่งเรื่องเรียกร้องความสนใจจากคนดูกันทั้งนั้น แล้วด้วยระดับมันสมองอย่างเธอน่ะ จะไปแข่งกับเขายังไงไหว”


 


 


“มันคงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ…” หลินเช่อว่า “ก็มันเป็นรายการเรียลลิตี้ ทุกคนก็ต้องมีโอกาสด้วยกันทั้งนั้น อีกอย่าง คนอย่างฉันมีปัญหาเรื่องไอคิวไม่พอตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบ!”


 


 


“ทำไมเธอไม่ลองดูล่ะว่าเธอจะต้องออกไปเจอกับใครบ้าง แต่ละคนน่ะโชกโชนกันจะตาย พวกเขาอยู่ในรายการนี้กันมาสองปีแล้วนะ แน่นอนว่าต้องมีประสบการณ์ในการดึงดูดความสนใจมากกว่าคนอย่างเธอแน่ อีกอย่าง ยังมีแขกรับเชิญที่จะมาสมทบอีกสองสามคน พวกนั้นก็เป็นพวกใจกล้าหน้าด้านเสียด้วย ส่วนเธอเองก็…” เขาตักเครื่องเคียงที่มากับจานสเต็กเข้าปากพลางส่ายหน้า


 


 


หลินเช่อถามต่อ “ใครเป็นแขกรับเชิญที่จะมาร่วมรายการกับฉันเหรอคะ”


 


 


“ฉันได้ยินมาว่าคราวนี้เป็นธีมของดาราสาวหน้าใหม่น่ะ คนที่มาร่วมรายการกับเธอจะเป็นดาราผู้หญิงหน้าใหม่ทั้งหมด รับรองว่าพอได้เจอเธอต้องจำได้แน่นอน แต่ถึงจะเป็นหน้าใหม่ แต่ละคนก็เริ่มจัดจ้านกันมากขึ้นทุกที พอไปถึงเดี๋ยวเธอก็คงรู้เองนั่นแหละ”


 


 


หลินเช่อชักจะเริ่มลังเล ไอ้เรื่องการเล่นชิงดีชิงเด่นแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัดเลย


 


 


วงการบันเทิงตอนนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่จะอยู่กันได้ด้วยความสามารถทางการแสดงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว


 


 


หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่าย “แล้วทำไมคุณถึงมากินข้าวที่นี่ละคะ”


 


 


“ก็ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ” เขาว่า “ห้างทั้งห้างนี่เป็นของตระกูลกู้ ฉันก็แค่มาเดินเล่นดูรอบๆ เท่านั้น”


 


 


กลายเป็นว่าที่นี่ก็เป็นของตระกูลกู้งั้นเหรอเนี่ย


 


 


ทว่าเมื่อนึกไปถึงกู้จิ้งเจ๋อที่น่าจะยังคงกำลังอยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงแล้ว หลินเช่อก็ชักจะเริ่มอึดอัดใจ เธอจึงเงยหน้าขึ้นบอกคนที่กำลังกินอาหารอย่างเพลิดเพลินว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”


 


 


เมื่อแยกจากกู้จิ้งอวี่จนกลับมาถึงบ้าน หญิงสาวก็พบว่ากู้จิ้งเจ๋อยังคงไม่กลับมา


 


 


หลินเช่อจึงตัดสินใจใช้ช่วงเวลาตลอดบ่ายไปกับเฉินโยวหราน และตลอดคืนนั้นทั้งคืน กู้จิ้งเจ๋อก็ไม่ได้กลับบ้าน


 


 


หลินเช่อนั่งลงบนเตียงนอน เธอไม่อยากถามสาวใช้ว่ากู้จิ้งเจ๋อไปไหน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ หรือว่าเขาจะป่วยนะ ครั้งสุดท้ายที่เขาสัมผัสตัวโม่ฮุ่ยหลิง อาการป่วยของเขาก็กำเริบขึ้นมาทันที บางทีครั้งนี้เขาอาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่ออยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงได้อีกจนอาการกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


แต่ว่า… แล้วเขาจะไปถูกเนื้อต้องตัวโม่ฮุ่ยหลิงทำไมกันล่ะ…


 


 


เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็ยิ่งทั้งหงุดหงิดทั้งกระวนกระวาย ทำไมเขาถึงไม่รู้จักอดใจที่จะไม่แตะต้องคนอื่นล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ละก็สมควรแล้วที่จะต้องล้มป่วย


 


 


ถ้าเขาตาย มันก็เป็นความผิดของเขาเองนั่นแหละ


 


 


หลินเช่อยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ไม่อยากคิดถึงกู้จิ้งเจ๋ออีกต่อไปแล้ว


 


 


 


 


เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มก็ยังคงไม่กลับบ้าน


 


 


หัวใจของหลินเช่อห่อเ**่ยวแต่เช้า แม้ว่าจะได้นอนตามลำพังเมื่อคืนก่อนแต่เธอกลับหลับไม่ค่อยสนิทนัก ไม่รู้ทำไมแต่เธอรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ปกติแล้วเธอเป็นคนขี้เซาทีเดียว แต่เมื่อคืนนี้เธอกลับต้องพลิกตัวไปมา ไม่อาจหลับได้ลง


 


 


คงเป็นเพราะใจห่วงกู้จิ้งเจ๋อมากเกินไปนั่นเอง


 


 


แต่แล้วชายหนุ่มก็กลับมา


 


 


หลินเช่อผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง ใจหนึ่งอยากจะออกไปดู แต่พอคิดว่าเขาใช้เวลาตลอดทั้งค่ำคืนอยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงแล้ว บางทีเขาอาจจะกำลังคงอยู่ในห้วงฝันก็ได้ ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่โผล่พรวดพราดออกไปจนทำให้เขาต้องตื่นจากภวังค์


 


 


ถึงอย่างไรโม่ฮุ่ยหลิงก็คือผู้หญิงที่เขารักนี่นะ


 


 


กู้จิ้งเจ๋อเดินตรงมาที่ห้องนอนทันที และพอได้เห็นหลินเช่อ หัวใจเขาก็รู้สึกได้ถึงความสงบ


 


 


ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โม่ฮุ่ยหลิงเอาแต่สร้างเรื่อง โวยวายไม่หยุดหย่อนและขู่ที่จะฆ่าตัวตาย จนไม่ว่าใครก็แทบจะหมดความอดทนกับหล่อน


 


 


เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าที่หล่อนกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา หญิงสาวไม่เคยทำตัวเช่นนี้มาก่อนเลย


 


 


“คุณกลับมาแล้ว” เธอหันไปมองเขาพลางทักทายอย่างค่อนข้างที่จะอารมณ์บูด


 


 


ชายหนุ่มพยักหน้าและรีบอธิบายโดยเร็วว่า “ฮุ่ยหลิงอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ เขากรีดข้อมือตัวเองแล้วก็อยู่ในภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้…”


 


 


หลินเช่อเงยหน้าขึ้น “โอ้ อย่างนั้นเหรอคะ งั้นคุณก็ควรจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้นานกว่านี้นะคะ”


 


 


ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ อยากสวมกอดเธอจากทางด้านหลังให้พอชื่นใจ


 


 


เพราะเขาแทบไม่ได้นอนเลยตลอดคืน ทั้งหงุดหงิดและเหนื่อยอ่อน การได้เห็นหน้าหลินเช่อทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายหัวใจ…


 


 


หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเขากำลังก้าวเข้ามาใกล้ เธอจึงรีบกระถดถอยโดยพลัน


 


 


“กู้จิ้งเจ๋อ คุณจะทำอะไรคะ” เธอทำตาเขียวใส่เขา


 


 


เขามองหน้าเธอ “เป็นอะไรไป…นี่เธอโกรธที่ฉันไม่ได้ไปหาที่ร้านอาหารเหรอ ฉันขอโทษ มันเป็นเรื่องฉุกละหุกจริงๆ …”


 


 


“ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย ทำไมฉันจะต้องโกรธด้วยละคะ มันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะไปอยู่กับโม่ฮุ่ยหลิงนี่คะ แล้วมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของฉันด้วย ฉันแค่…ต้องไปทำงานแล้วน่ะ เดี๋ยวจะสายเอา ถอยหน่อยค่ะ”


 


 


เธอผลักเขาออกและรีบเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว


 


 


“เธอ…” เขามองตามหลังเธอไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เพียงยืนกอดอกนิ่ง และทอดถอนใจยาว


 


 


หลินเช่อไม่อย่างยุ่งกับเขา เธอกำลังคิดว่าเธอควรจะรักษาระยะห่างจากกู้จิ้งเจ๋อเอาไว้


 


 


ไม่อย่างนั้นเธออาจจะชินกับการได้มีเขาอยู่ข้างๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วหลังจากหย่ากันเธอจะทำอย่างไร


 


 


ยังไงซะเธอก็ไม่มีวันได้อยู่กับเขาตลอดไป การแต่งงานครั้งนี้เป็นไปเพียงเพื่อที่จะปกป้องโม่ฮุ่ยหลิงเท่านั้น เธอไม่ควรจะถลำตัวผูกมัดตัวเองกับการแต่งงานครั้งนี้ให้มากเกินไปกว่านี้แล้ว


 


 


ไม่ว่าทุกอย่างจะดูดีแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การแต่งงานจอมปลอม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม