โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ 108-114
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.108 – เสี่ยวไป๋ลงมือ
“นี่ … ” หลิวเซินซานตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง
ก่อนหน้านี้ในโถงอาหาร เพราะการยั่วยุของใครบางคน ฉินเฟิงเลยเผยถึงความแข็งแกร่งของผู้ใช้วรุยทธโบราณในเลเวล F ออกมา แต่ตอนนี้หลิวเซินซานทราบแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเขาได้ยินมาผิด!
ฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ต่างหาก!
อย่างไรก็ตาม ดูจากสีของอบิลิตี้ที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว หลิวเซินซานก็บังเกิดความรู้สึกสับสนเล็กน้อย —มันเป็นสีดำไปได้อย่างไร?
ยังไงก็ตาม เนื่องจากฉินเฟิงปลดปล่อยเพลิงโลกันต์ตามมาอีกระลอก หลิวเซินซานเลยพาลคิดไปว่า พลังก่อนหน้านี้คงจะเป็นการโจมตีที่เกิดจากการกลายพันธ์ของรูนไฟ เลยละความสงสัย เลิกคิดอะไรมากเกี่ยวกับมัน
เขาเร่งเดินเข้าไป และเริ่มเปิดใช้งานระบบทำความเย็น เมื่อน้ำเย็นไหลลงมา อุณหภูมิก็ลดหลั่นลง จากนั้นภายในก็เผยให้เห็นถึงวัตถุดิบที่หลอมคืนเสร็จสิ้นแล้ว
“น้องชายฉิน นี่คือทั้งหมดที่หลอมได้” หลิวเซินซานส่งมอบสินค้าให้ฉินเฟิง ในเวลานี้ มันถูกย่อยจนแบ่งออกเป็นแหล่งพลังงานสามประเภท ทั้งหมดก่อตัวเป็นบล็อก หนึ่งในนั้นมีขนาดเท่ากับอิฐสามก้อน และยังมีน้ำหนักกว่าร้อยจิน!
“นี่เป็นของชั้นดี! มันคือทรัพยากรแร่ธาตุจากอีกโลกหนึ่งที่ถูกเรียกกันว่าศิลาลึกลับ มันหนักมาก แต่ก็มีความแข็งที่สูงมากเช่นกัน -หากใช้ทำเป็นโล่ก็จะมีพลังป้องกันที่ทรงพลัง แต่มันจะดีกว่าถ้าใช้เป็นอาวุธ เพราะมันจะทนทานยากต่อการถูกทำลาย!”
ฉินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย
นี่มันเป็นของดีอย่างที่ว่าจริงๆ
“ลุงหลิว ผมโอนเงินให้ลุงแล้วนะ แต่ถ้าผมจะขอให้ลุงอัพเกรดอุปกรณ์รูนตอนนี้เลย ลุงจะใช้เวลาประมาณเท่าไหรหรือครับ?” ฉินเฟิงถาม
“ตอนนี้?” หลิวเซินซานไม่คิดว่าฉินเฟิงยังต้องการให้เขาอัพเกรดอุปกรณ์อีก เดิมที ที่ตนมา เพราะคำใบ้เรื่อง ‘ช่วงชิงอาณาเขต’ ต่างหาก ไม่ใช่ว่านี่คือโอกาสที่สมควรจะหนีหรอกหรือ?
ฉินเฟิงพยักหน้า “ลุงหลิว ร้านของลุงตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอนนี้พวกแมลงกำลังอาละวาด หรือพูดอีกอย่างก็คือลุงอยู่กลางวงล้อม ฉะนั้น ถ้าตัดสินใจหนีออกไปทันทีตอนนี้ แม้จะมีโอกาสรอด แต่มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าจะตายมากกว่า!”
หลิวเซินซานเห็นได้ชัดว่าเริ่มลังเล
ฉินเฟิงกล่าวไม่ผิด เพราะช่วงแรกที่พวกแมลงออกจากรอยแยกมิติ มันจะทำการออกล่าตามสัญชาตญาณ สภาพบนท้องถนนเลยเละเทะอย่างที่ปรากฏในปัจจุบัน บางทีเขาอาจจะหนีพวกแมลงธรรมดาๆได้ แต่หากบังเอิญไปเจอตัวระดับราชันย์เข้าก็เป็นอันจบ
เรื่องแบบนี้ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีช่องว่างให้หลบหนีอยู่ ตัวอย่างเช่น ยอมเสี่ยงย่องไปตามอาณาเขตของแมลงที่ทรงพลัง เพราะแมลงที่อ่อนแอจะไม่กล้าก้าวเข้ามาในอาณาเขตของแมลงที่แข็งแกร่ง โอกาสเกิดเสียงดังจึงน้อยกว่า หรือไม่ก็ใช้ประโยชน์จากสัญชาตญาณของพวกแมลง อาศัยช่องว่างในจังหวะที่พวกมันกำลังแย่งชิงอาณาเขตกัน หลบหนีไปตามเส้นแบ่งเขตที่ไม่มีฝ่ายใดรุกล้ำ ความปลอดภัยก็จะสูงกว่า
ที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นความรู้จากในตำราหนังสือ
แต่วิธีที่ว่า คงมีไม่กี่คนหรอกมั้งที่สามารถทำได้
ฉินเฟิงเอ่ยปาก “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เมืองหานล่มสลายแล้ว รอยแยกมิติก็ยังเปิดขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่า หากรอคอยการช่วยเหลืออยู่ที่นี่ ไหนจะคนอีกกว่า 20 ชีวิตในห้องใต้ดินที่ยังซ่อนตัวอยู่ ดังนั้น ควรใช้โรงแรมเป็นสถานที่หลบภัย จะได้มีพื้นที่ให้ทุกคนสะดวกสบายมากขึ้น แต่อาวุธของผมในตอนนี้มันไม่คมพอ ที่จะล้างบางพวกแมลงหรือใช้ปกป้องโรงแรมจากศัตรู และไหนๆก็ได้แก่นพลังงานของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลมาแล้ว ผมเลยคิดว่าอัพเกรดมันซะที่นี่ ตอนนี้เลยจะดีกว่า!”
แต่เหตุผลสำคัญที่สุดที่ฉินเฟิงตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ที่นี่ก็คือ เพราะเขาตระหนักดีว่า ด้วยทัศนคติพิสดารของหลิวซู เธอย่อมไม่ยินยอมพาแค่ตัวเองกับครอบครัวหนีไปด้วยอย่างแน่นอน แต่คงหอบเอา ‘ภาระ’ อีกกว่า 20 ชีวิตติดตัวไปด้วย
ในกรณีนี้ ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง?
และในสถานการณ์คับขัน ก็มักจะมีหลายสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่างเช่นสหายร่วมทางที่ติดตามและเชื่อฟังกันมาเป็นอย่างดีในช่วงแรก ( ณ ที่นี้หมายถึงพวกภาระ) พอถึงเวลาจริงๆ อาจจะผลักดันเราเข้าสู่ความตายก็เป็นได้
และฉินเฟิงไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับลุงหลิว เขาจะไม่ยอมให้ลุงหลิวได้รับบาดเจ็บ!
ทางฝั่งหลิวเซินซานเอง เห็นได้ชัดว่าถูกชักจูงโดยคำพูดของฉินเฟิง
“เธอพูดถูกนะ ฉันเห็นด้วย มันใช้เวลาไม่นานหรอกในการหลอมอาวุธ ซัก3-5ชั่วโมงก็พอแล้ว”
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ หลิวเซินซานตระหนักดีว่าฉินเฟิงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขาน่าจะแกร่งกว่าหลิวซูซะด้วยซ้ำ ดังนั้นการมีฉินเฟิงคอยคุ้มกันภัย ย่อมดีกว่าไม่มีอะไรเลย
อีกอย่าง หลิวเซินซานยังกลัวว่าฉินเฟิงจะหนีไป แล้วทิ้งครอบครัวเขาไว้เพียงลำพัง!
ฉินเฟิงพยักหน้าพึงพอใจ และกล่าว “แต่ผมยังมีวัตถุดิบบางอย่างที่อยากจะใช้ในการอัพเกรด ลุงรอก่อนนะ ผมจะขอให้แฟนเอามันมาให้”
ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และขอให้ไป๋หลีนำของบางอย่างมา ซึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากหอกของราชันย์อัศวิน
ไป๋หลีเมื่อได้รับสายสนทนาของฉินเฟิง เธอก็เดินออกจากห้องใต้ดินทันที
แม้เธอไม่ทราบเส้นทางแบบเฉพาะเจาะจง แต่ก็ยังสามารถรับรู้ถึงสถานที่อยู่ของฉินเฟิงได้ ดังนั้นเธอจึงหาสถานที่เหมาะๆในลานจอดรถใต้ดิน ก่อนจะใช้พลังมิติเทเลพอร์ตขึ้นบนข้างบน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มผู้ใช้พลังที่กำลังถูกไล่ล่าโดยฝูงแมลงก็พากันถอยหนีเข้ามาในโรงแรมพอดี
“มารดามันเถอะ ไอ้พวกแมลงสารเลว!”
“ไอ้ลูกสำส่อนตัวไหนกันที่มันเป็นคนทำลายอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ!”
“เวลานี้ พูดเรื่องนั้นไปมันจะได้ประโยชน์อะไร?”
“เออ! ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ตอนนี้ข้างนอกมันโกลาหลเกินไป ปล่อยให้พวกแมลงกินคนให้เต็มที่ก่อน และพอพวกมันอิ่มแล้ว ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยออกไปกัน! ระหว่างนี้ก็ปกป้องทางเข้าโรงแรมให้ดี!”
“มัวชักช้าอะไรอยู่? รีบๆหาอะไรมาขวางประตู กับปิดกั้นหน้าต่างทั้งหมดที่นี่ซะ!”
พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F เลยครอบครองประสบการณ์เอาชีวิตรอดมากมาย ทั้งหมดจึงสามารถค้นหาสถานที่หลบภัยอันเหมาะสมอย่างโรงแรม และหาวิธีปกป้องมันได้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่พวกเขากำลังวุ่น ไป๋หลีที่กำลังฮัมเพลงด้วยความสุขก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน
เป็นธรรมดาที่ไป๋หลีจะไม่สนใจพวกเขา แต่ในหมู่คนเหล่านั้น มีบางคนเกิดความสนใจต่อไป๋หลี
คนที่ว่าไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งถูกฉินเฟิงเฉาะฟันออกเมื่อวันก่อน
หลังจากที่เขาเห็นไป๋หลี ดวงตาก็หรี่แคบลงทันที
“แหม แหม นี่มันเด็กของไอ้หนุ่มนั่นไม่ใช่หรอ?” ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้า ขวางทางไป๋หลี
ไป๋หลีขมวดคิ้ว เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียนต่อสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า สาวน้อย ตอนนี้แฟนเธอคงจะกลายเป็นอาหารแมลงข้างนอกไปแล้ว ดังนั้นเธอหันมาติดตามฉันดีกว่า ฉันจะปกป้องเธอเอง แต่ถ้าปฏิเสธล่ะก็ …. ฉันจะโยนเธอออกไปให้เป็นอาหารพวกแมลงซะ!”
ไป๋หลีมองตาอีกฝ่าย ใบหน้าที่กำลังเผยรอยยิ้มเยาะของฉินเฟิงวาบผ่านเข้ามาในหัวเธอ
“ที่รักของฉันอยู่ในสวนหลังบ้าน ทำไมถึงพูดว่าเขาถูกแมลงกินไปแล้ว ไร้สาระ!”
ชายคนนั้นตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะยังไม่ตาย
อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่แสดงออกมาของไป๋หลีก็ทำให้ผู้ใช้วรยุทธโบราณรู้สึกเดือดดาล “ในเมื่อมันอยู่ในสวนหลังบ้าน ก็คงไม่มีทางรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้! มาเถอะสาวน้อย ฉันจะเล่นกับเธอเอง ก่อนตาย บิดาขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่าหน่อยเถอะ!”
ระหว่างกล่าววาจาหยาบโลน ชายคนนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป พยายามปิดปากไป๋หลี ในสมองกำลังจินตนาการถึงท่าทีกรีดร้องอ้อนวอนของอีกฝ่าย
ไป๋หลีก้าวถอยหลังและขมวดคิ้ว “ที่รักของฉันยังไม่เคยทำร้ายฉันเลย! แล้วแกเป็นใครถึงกล้าทำแบบนี้!”
“ฮ่าฮ่า ก็ถ้าในเมื่อมันยังไม่เคยทำ งั้นฉันนี่แหละจะทำให้เธอเอง!”
ดวงตาของไป๋หลีสว่างวาบขึ้นทันใด รอยยิ้มจิ้งจอกทรงเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ “แกเป็นคนเลือกเองนะ!”
สิ้นเสียง ไป๋หลีก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แขนเรียวเล็กยกขึ้น และตบฉาดดด! เข้าเต็มกระพุ้งแก้มของชายที่คิดล่วงเกินเธอ
หากกล่าวว่าในตอนที่ฉินเฟิงเคยต่อยเขา ช่วงเวลานั้นฉินเฟิงยั้งมือ ทว่าเวลานี้ไป๋หลีไม่ได้ยั้งมือแต่อย่างใด
ฝ่ามือนี้ตบเข้าใส่อีกฝ่ายโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น แต่หน้าต่างที่เพิ่งปิดกั้น พลันพังทลายลงทันที ผู้ใช้วรยุทธโบราณปลิวตกไปด้านนอกของโรงแรม แมลงหลายสิบตัวที่เดินเตร่อยู่บริเวณภายนอกโถมเข้ากรุ้มรุมเขาทันที และเริ่มกัดแทะอย่างบ้าคลั่ง
ไป๋หลีเผยรอยยิ้มจางๆ
“จะโยนฉันออกไปเป็นอาหารแมลง? กล้าเอาความคิดแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน!”
ว่าจบ ไป๋หลีก็เริ่มก้าวต่อ เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงรองเท้าส้นสูงสะท้อนไปตามทางเดิน
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.109 – อัพเกรดมีดกษัตริย์คราม
ย้อนกลับไปสักเล็กน้อย ในช่วงที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณก้าวออกไปขวางไป๋หลี
แม้จะตระหนักดีว่าฉากเบื้องหน้าคือเรื่องเลวร้าย แต่สหายคนอื่นๆก็มิได้คิดห้ามปรามอย่างใด ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ ทีฉินเฟิงยังตบหน้าสมาชิกทีมของเขาได้เลย ฉะนั้นปัจจุบันเมื่อมีโอกาส คนในทีมเขาก็สามารถเอาคืนฉินเฟิงได้เหมือนกัน การแก้แค้นเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
นี่แหละคือวิถีของเหล่าผู้ใช้พลัง หากวันนี้คุณแข็งแกร่งแต่ดันหยิ่งผยอง วันใดวันหนึ่งที่พลั้งเผลอ ก็ย่อมมีคนฉวยโอกาสเหยียบซ้ำ!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดฝันเลย ว่าไป๋หลีจะแข็งแกร่งขนาดนี้!!
“กระทั่งเธอเองก็เป็นผู้ใช้พลังอย่างงั้นหรอ!?”
“บัดซบ! น้องสามตายแล้ว!”
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง … ”
อีกสามคนที่เหลือในทีมเดิมของผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ถูกตบกระเด็นไป ต่างก็สั่นสะท้าน กลายเป็นบื้อใบ้
ในเวลานี้ ทั้งหมดร่วมกลุ่มกันทั้งสิ้น 7 คน มี 3 เป็มสหายของผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งตายไป
“นายคิดว่าพวกเราควรออกไปแก้แค้นไหม?” มือปืนหนึ่งในนั้นลังเลอย่างเห็นได้ชัด
เด็กสาวที่ทุกคนนึกว่าเป็นแค่เครื่องประดับ ดันแข็งแกร่งสุดๆ ฉินเฟิงเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน และตอนนี้พวกเขาเผลอไประรานผู้หญิงของอีกฝ่ายแล้ว ถ้าไม่อยากให้อะไรๆเลวร้ายยิ่งกว่านี้ คงจะดีกว่าหากยอมตัดใจเลิกราแต่โดยดี
“ไม่ล่ะ นายก็เห็นพละกำลังของเธอแล้วนี่ ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งมาก และทั้งๆที่เพิ่งตบคนกระเด็นออกไปข้างนอก แต่ท่าทีของเธอยังสงบอยู่เลย เหมือนที่ฆ่าไปไม่ใช่คน เป็นแค่มดธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น มันจะเป็นการดีกว่าถ้าปล่อยเธอไป พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก!”
“ใช่ อย่าไปยุ่งกับเธอเลย!”
สามคนที่เหลือนั้นไม่ได้สนิทอะไรกับสามคนแรก แค่เพราะสถานการณ์มันบังคับ เลยต้องรวมกลุ่มกันแบบเฉพาะกิจ ดังนั้นไม่คิดร่วมวง อีกอย่างพวกเขาไม่มีความคิดที่จะยุ่งเกี่ยวหรือล่วงเกินใดๆกับฉินเฟิง ทั้งสามแค่ต้องการรอดชีวิตไปจากที่นี่ ขณะเดียวกันก็รู้สึกมีความหวังเมื่อทราบว่ามีตัวตนทรงพลังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“งั้นเอาไว้ถ้ามีโอกาสก็ออกไปพบเขากัน ทำความรู้จักกับเขา เป็นมิตรต่อกันน่ะดีที่สุดแล้ว”
“พูดได้ถูกต้อง!”
คนอื่นๆก็เห็นด้วยเช่นกัน
ระหว่างอีกฝ่ายกำลังถกเถียง ไป๋หลีก็มาถึงห้องหลอม เธอเดินเข้าไปและส่งหอกให้กับฉินเฟิง
ฉินเฟิงรับมันมาและส่งต่อให้หลิวเซินซาน
“นี่มัน … !”
หลิวเซินซานพอเห็นหอก ในหัวใจของเขาก็พลันตื่นตระหนก
“เป็นเหล็กดารา!”
“ถูกต้อง”
ฉินเฟิงพยักหน้า
เมื่อราชันย์อัศวินตายลง สัญญาที่เชื่อมต่อกับหอกก็ถูกยกเลิก จิตวิญญาณของอาวุธก็สลายไปด้วยเช่นกัน และฉินเฟิงเองก็ไม่สะดวกที่จะใช้หอกราชันย์นี้ เลยคงจะเป็นการดีกว่าหากเปลี่ยนมันเป็นตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพในการรบให้แก่มีดกษัตริย์คราม
เวลานี้ มือของหลิวเซินซานรู้สึกร้อนรุ่มราวกับถูกไฟลวก แทบไม่อาจประคองหอกเอาไว้ได้
“เธอต้องการใช้สิ่งนี้เพื่ออัพเกรดอาวุธของตัวเองจริงๆน่ะหรอ มันจะเสียของเกินไปรึเปล่า?” หลิวเซินซานกล่าว
ฉินเฟิงส่ายหัว “ในเมื่อนำมาใช้กับอาวุธตัวเองได้ จะนับว่าเป็นการเสียของไปได้อย่างไร?”
หลิวเซินซานเคยได้จับมีดกษัตริย์ครามมาก่อน เขาทราบว่ามันทำมาจากวัตถุดิบระดับราชันย์ในเลเวล G เท่านั้น ขณะที่เหล็กดารา ในแง่ของความหายากมันอาจมีมูลค่าถึงเลเวล S —สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับอุปกรณ์รูนเลเวล A เลยก็ยังได้!
เพียงแต่หากนำมันไปแลกกับอุปกรณ์รูนเลเวล A เกรงว่าฉินเฟิงคงไม่แกร่งพอจะใช้งาน ดังนั้นหลังจากที่ลองคิดดูแล้ว บางทีการใช้มันอัพเกรดอาวุธมีด อาจจะไม่ถือว่าเป็นการเสียของซะทีเดียว
“เข้าใจแล้ว ตกลง ฉันจะอัพเกรดมันให้แก่เธอ”
เนื่องจากเหล็กดาราถูกติดตั้งไว้อยู่ที่หัวหอก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการหลอมคืนทั้งด้าม ขอแค่แยกส่วนหัวออกจากด้าม แล้วนำไปละลาย นำมาเติมแต่งใหม่ ถือเป็นอันใช้ได้
“ไป๋หลี ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปก่อนเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว
“ไม่เอาอะ ที่นั่นมันเหม็น! มีแต่กลิ่นเน่าๆลอยตลบอบอวลไปหมดเลย” ไป๋หลีกล่าวอย่างไม่พอใจ
เดิมที พวกที่วิ่งตามฉินเฟิงมาจากในเมือง ทั้งหมดต่างมีสภาพเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ บางคนก็หวาดกลัวเกินไปจนฉี่รดกางเกง และเมื่อทุกอย่างที่กล่าวมาแออัดกันอยู่ในพื้นที่แคบๆของห้องใต้ดิน เลยส่งกลิ่นลอยฟุ้ง ไม่นานทั่วทั้งห้องใต้ดินก็สาปไปด้วยกลิ่นแย่ๆ
แต่ไม่มีใครกล้าบ่นอะไรออกมา
ในช่วงเวลานั้นเอง พลันเกิดเสียงปืนและเสียงการต่อสู้ปะทุขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว
ไป๋หลีนึกขึ้นได้ถึงกลุ่มคนก่อนหน้านี้และกล่าว “อ้อ ลืมบอกไป ระหว่างทางฉันบังเอิญเจอกับผู้ใช้พลังเจ็ดคนในโรงแรม แต่หนึ่งในนั้นกลายเป็นอาหารแมลงไปแล้ว”
ฉินเฟิงไม่ทราบ ว่าไอ้ที่พูดว่ากลายเป็นอาหารแมลงไปแล้วน่ะ มันคือฝีมือของไป๋หลี อย่างไรก็ตาม เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะดึงดูดพวกแมลงตัวอื่นๆเข้ามา
หรืออีกความหมายนึงก็คือ หลิวเซินซานที่อยู่ที่นี่อาจได้รับอันตราย!
“เธอเฝ้าตรงนี้ ปกป้องลุงหลิวเอาไว้ ไม่ต้องเลือกวิธีการ ทำยังไงก็ได้แต่อย่าให้พวกแมลงทำร้ายเขา ต่อให้ต้องปลดปล่อยแรงกดดันของเธอออกมาข่มพวกมันก็ตาม เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว”
ไป๋หลีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นั่งลงในห้องอย่างว่าง่าย
ฉินเฟิงเดินออกจากห้องหลอม หลังจากประตูเหล็กถูกเปิดออก เขาก็พบกับพวกแมลงที่บุกเข้ามา กระจายตัวอยู่เต็มทางเดินข้างนอก
ปรากฏห้าตั๊กแตนใบมีด และแมลงเหล็กดำอีกกว่าหลายสิบตัว
ทันทีที่ฉินเฟิงโผล่ออกมา ฝูงแมลงเหล็กดำก็โถมเข้าใส่ทันที พยายามที่จะรุมทึ้งเขา
เปรี้ยง!
ฉินเฟิงรีบผลักประตูปิดลง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับพวกแมลง
แต่กว่าจะทันได้ลงมือ พวกแมลงก็โฉบเข้ามาใกล้ จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงเขี้ยวแหลมๆในปากของพวกมัน
“เพลิงโลกันต์!”
เปลวไฟดุร้ายพลันลุกโหมขึ้นรอบกายฉินเฟิง ฉากนี้แทบจะทำให้เขามีสภาพราวกับเป็นมนุษย์เพลิง
ส่งผลให้พวกแมลงที่คิดโจมตีเขา ในเวลากลายเป็นเฉกเช่นเดียวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
พรึบ พรึบ พรึบ …
เสียงปะทุแผดเผาดังขึ้น กลิ่นเนื้อเหม็นไหม้ลอยคละคลุ้ง
ฉินเฟิงกระตุ้นพลังพิเศษ ระเบิดเปลวเพลิงยิงออกไปอีกครั้ง โจมตีซ้ำสองใส่พวกมันที่กำลังถูกไฟคลอก ดิ้นเร่าๆอยู่กลางอากาศ
แมลงเหล็กดำปลิวกระเด็นออกไป ตั๊กแตนใบมีดเองก็ไม่รอดจากเปลวเพลิงนี้ มันลงไปม้วนดิ้นกับพื้น แต่สุดท้ายก็ถูกย่างกลายเป็นสีถ่าน
เนื่องจากโรงแรมและร้านค้าอุปกรณ์เชื่อมต่อกันในส่วนของทางเดินด้านหลัง ฉินเฟิงจึงสามารถเดินไปทางฝั่งโรงแรมได้ แต่เมื่อมาถึง เขากลับพบว่าประตูทางเชื่อมถูกล็อคเอาไว้
แต่ก็ยังพอที่จะสามารถมองลอดผ่านเข้าไปได้ เมื่อใช้สายตาสอดส่อง เขาก็พบว่ามีแมลงจำนวนมากกำลังวิ่งพล่านอยู่ภายใน พร้อมกับเสียงคนที่ดังขึ้น
“ไม่ไหว ยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว รีบขึ้นไปชั้นบนเถอะ ถอยไปตั้งหลักที่ชั้นบนกัน!”
กองทัพแมลงมีจำนวนมหาศาลเกินไป!
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนสะท้อนไปตามทางเดิน มันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและค่อยๆไกลออกไป
ขณะเดียวกัน ราวกับรับรู้ได้ถึงผู้มาเยือนจากอีกฟากฝั่ง แมลงบางตนที่อยู่ใกล้ๆ หันมาทำลายประตู หมายจะเข้ามาจัดการฉินเฟิง
กริ๊ก
แขนสีเขียวเข้มตัดสิ่งกีดขวางให้เปิดออกได้อย่างง่ายดาย และพยายามที่จะแทรกผ่านรอยแยกประตูเข้ามา
ฉินเฟิงสาดเสียงฮึฮะด้วยความเย็นชา ง้างเท้าเตะเข้าใส่ประตู
เปรี้ยง!
ปัจจุบัน พลังโจมตีของฉินเฟิงเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนอย่างมหาศาล ภายใต้ฝ่าเท้าของเขา ประตูหนาพังทลายลงทันใด ตั๊กแตนใบมีดที่กำลังแทรกตัวเข้ามาถูกบดขยี้ทันที!
“กี๊ซซซซ!”
เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นคาวของเลือดแมลงแพร่กระจายออกไป
ฉินเฟิงเหมือนจะไปแหย่รังแตนเข้าให้แล้ว!
แมลงเหล็กดำจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ถูกดึงดูดความสนใจ หันมาโถมทับฉินเฟิง
“เพลิงโลกันต์!”
พลังสมาธิถูกกระตุ้น พลังพิเศษระเบิดออก รูนไฟลอยล่องไปทั่วชั้นอากาศ
เบื้องหน้าฉินเฟิง บังเกิดกำแพงไฟก่อตัวขึ้นอย่างกระทันหัน
แมลงสัตว์ร้ายที่คิดพุ่งเข้ามา ปะทะเข้ากับกำแพงไฟอย่างไม่ทันหลบเลี่ยง ส่งเสียงกรีดร้องน่าสังเวช
ห้ามลืมนะว่าเพลิงโลกันต์ คือเพลิงที่สามารถแผดเผาจิตวิญญาณได้ หากถูกมันเผามากเกินไป แมลงสัตว์ร้ายระดับต่ำก็อาจถึงแก่ชีวิตได้เลย
ช่วงเวลานั้นเอง ใบมีดสีเขียมเข้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตวัดฉับตรงเข้าใส่ฉินเฟิง แต่คราวนี้ทั้งทรงพลังและน่าหวาดกลัวกว่าคราวก่อนมากนัก
ฉินเฟิงเอี้ยวหมุนตัว หลบเลี่ยงใบมีดที่สาดประกายน่าหวาดหวั่นนี้
ฉัวะ!
ผนังโรงแรมด้านข้างของฉินเฟิงถูกตัดสะบั้นโดยตรง แสงแดดจากภายนอกสาดส่องเข้ามา
“นี่มันสัตว์ร้ายระดับนายพล!”
ฉินเฟิงมองตามทิศทางของที่ถูกลอบโจมตี และพบว่ามันเป็นตั๊กแตนใบมีดตัวใหญ่
ตั๊กแตนใบมีดระดับนายพลมีความสูงกว่าสองเมตร สองแขนหน้าของมันสามารถยืดยาวได้กว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก
กล่าวได้ว่าหากถูกฟันด้วยใบมีดของตั๊กแตนนายพลตัวนี้ ทั้งคนทั้งร่างของเป้าหมายคงถูกหั่นแยกจากกันในพริบตา และไม่มัวให้เสียเวลาอธิบาย ตั๊กแตนนายพลสับใบมีดลงมาอีกครั้ง
“ฟึบบบ”
เนื่องจากบนทางเดินมีขนาดคับแคบเกินไป ดังนั้นมันจึงไม่มีจุดให้ฉินเฟิงจะใช้หลบเลี่ยง!
“ซ่อนเงา!”
ท่ามกลางช่วงวิกฤต ในเวลาเดียวกันกับเสียงตวัดฉับดังขึ้น ร่างของฉินเฟิงก็หายไปซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
เหยื่อหายวับไปจากสายตาอย่างกระทันหัน ตั๊กแตนนายพลตกอยู่ในความสับสนมึนงง สมองอันน้อยนิดของมันไม่อาจนึกคิดได้ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ฉินเฟิงถอยฉากออกมาราวๆสิบเมตร ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และ–
“—ลำแสงแห่งความมืด!”
เส้นแสงสีดำสนิทพลันปะทุออก ตรงดิ่งเข้าใส่ร่างนายพลตั๊กแตน
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.110 – พันธมิตร
แสงสีดำโถมเข้าปกคลุมตั๊กแตนนายพล ภายใต้การเสริมพลังของศิลานรก อำนาจของลำแสงแห่งความมืดทวีอานุภาพขึ้นเป็นอย่างมาก
ร่างของตั๊กแตนนายพลแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว เซลล์เริ่มเสื่อมสภาพและตายลง สีเขียวชอุ่มบนร่างกายมันเริ่มกลายเป็นสีซีดเหลือง
ตั๊กแตนนายพลสั่นเทาไปทั้งร่าง มันคล้ายกลายเป็นแก่ชราใกล้จะลงโลง
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
ฉินเฟิงระเบิดลำแสงออกไปอีกครั้ง
เวลานี้ตั๊กแตนนายพลเบิกตากว้าง มันล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้ หันหลังกลับ ตัดสินใจหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมันอ่อนแอเกินไป เทียบไม่ได้เลยกับความเร็วก่อนหน้านี้
เปรี้ยง!
เปลวเพลิงระเบิดเข้าใส่กลางแผ่นหลังของมัน เลือดสีเขียวสาดกระจายไปทั่วพื้น
และในเลือด ยังปรากฏเศษชิ้นเนื้อสีดำ กระจัดกระจายรวมอยู่ด้วย –นั่นคือเซลล์ที่ตายแล้ว!
หลังจากกำจัดนายพลสัตว์ร้ายได้แล้ว เมื่อไร้หัวหอก แมลงตนอื่นๆก็หวาดกลัวและเริ่มถอยทัพกลับทันที ทว่าเนื่องจากกองทัพแมลงมีจำนวนมากเกินไป ไหนจะพวกข้างนอกที่เดิมคิดจะบุกเข้ามาอีก ฝั่งข้างในหนีเลยไม่สามารถถอยได้ทันที กระจุกตัวรวมกันอยู่ตรงทางออก
“เพลิงโลกันต์!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงปะทุโหมอย่างเมามัน เปลวเพลิงสาดกระจายลุกลามราวกับไฟป่า ปกคลุมไปตลอดทั้งโถงชั้นแรกในพริบตา
พลังไฟโถมเข้าแผดเผาแมลงเหล่านั้น กลืนกินพวกมันจมลงสู่ทะเลเพลิง!
สามนาทีต่อมา พวกแมลงจากภายนอกเหมือนจะหมดสิ้นเจตนารุกราน ยอมถอยจากไป ฉินเฟิงจึงดับทะเลเพลิงของเขาลง
และพบว่าภายในช่วงเวลาดังกล่าว ตนสามารถสังหารพวกแมลงไปได้กว่าหลายร้อยตัว!
บนพื้นโรงแรม นอกเหนือไปจากร่องรอยสีเทาและดำแล้ว ยังมีลูกปัดขนาดเท่าเล็บฝ่ามือ นอนกลิ้งอยู่ พวกมันคือแก่นพลังงาน
แน่นอน ว่ามีจำนวนไม่มากเท่าไหร่หรอก เพราะยังไงซะ แมลงสัตว์ร้ายทั้งหมดที่บุกเข้ามาล้วนอ่อนแอ จึงมีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ครอบครองแก่นพลังงาน –พวกมันไม่ใช่กองทัพซากศพ ที่ครอบครองแก่นพลังงานกันทุกตัว!
“จงกักเก็บ!”
ฉินเฟิงบังคับพลังสมาธิตน ดึงแก่นพลังงานเหล่านี้ให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ
เขาฆ่าไปนับร้อย แต่กลับได้รับแก่นพลังงานแค่ 13 ชิ้นเท่านั้น นี่ขนาดนับรวมของตั๊กแตนนายพลที่เขาสังหารไปก่อนหน้านี้แล้วนะ
สินสงครามไม่ได้มีแค่แก่นพลังงาน แต่ฉินเฟิงยังเก็บเคียวใบมีดของตั๊กแตนนายพลลงในอุปกรณ์มิติของเขาเช่นกัน
ณ เวลานี้ ร่างที่สะบักสะบอมเดินตรงมายังประตูที่ถูกทำลายลง
“เอ่อ … ”
ชายที่กำลังกุมหน้าท้อง มองฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจระคนหวาดกลัว
“มิสเตอร์ฉิน ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา”
เขาคือหนึ่งในคนที่ถูกฉินเฟิงไล่ตะเพิดออกจากโถงอาหารก่อนหน้านี้
ฉินเฟิงขมวดคิ้วและกล่าว “ฉันก็แค่คิดว่าพวกนายทำเสียงดังเกินไป มันจะเป็นการดึงดูดพวกแมลงสัตว์ร้ายเข้ามา เลยเก็บกวาดพวกมันก็เท่านั้น”
ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “ต้องขอโทษจริงๆ ตอนแรกสถานการณ์ก็ยังอยู่ในการควบคุม แต่เป็นเพราะพลังงานอาวุธของฉันดันหมดลง ผลก็เลยกลายเป็นแบบนี้”
สำหรับปืนพลังงาน มันคืออาวุธทำลายล้างสูง คือหนึ่งในอาวุธที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง แต่เวลายิงกลับเงียบเชียบ ไม่ส่งเสียงดังเหมือนกับประสิทธิภาพของมันแต่อย่างใด ทว่าน่าเสียดาย ที่การใช้งานมันสิ้นเปลืองมากเกินไป ไหนจะราคาที่สูงลิ่ว ดังนั้นมือปืนส่วนใหญ่เลยมักจะใช้กระสุนธรรมดาหรือพวกกระสุนปืนใหญ่กันซะมากกว่า
แม้อาชีพมือปืนส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศรษฐี แต่ก็มีบ้างเป็นบางคนที่ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดนั้น
“อืม .. ”
ฉินเฟิงพยักหน้าเข้าใจ
โถงชั้น 1 กว้างเกินไป ไหนจะประตูและกระจกมากมายที่สามารถทะลวงเข้ามาจากภายนอก ด้วยเหตุนี้เอง แม้พวกเขาจะสามารถต้านทานการรุกรานของสัตว์ร้ายเลเวล G ได้ แต่หากเป็นสัตว์ร้ายเลเวล F คงไม่ไหว แม้ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ กลุ่มคนเบื้องหน้าจะทำการโรยผงขับไล่สัตว์ร้ายแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากมีแมลงบุกเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินไป ดังนั้นมันเลยไม่ได้ผล
หลังจากที่ฉินเฟิงแก้ไขวิกฤตนี้ได้แล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะให้ความสนใจกับคนพวกนี้อีก ดังนั้นจึงหันหลังกลับ และเตรียมจะจากไป
“รอก่อนมิสเตอร์ฉิน!”
เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าฉินเฟิงกำลังจะจากไป เขาก็ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
แต่ฉินเฟิงกลับไม่หยุดฝีเท้า!
ชายคนนั้นเลยเร่งกล่าวอีกครั้ง “มิสเตอร์ฉิน ระหว่างหลบหนี พวกเราบังเอิญไปพบเจออะไรบางอย่างเข้าที่ชั้นสอง บางทีคุณอาจจะสนใจมันก็ได้ และในเมื่อคุณเองก็อยากรอดชีวิตไปจากหายนะในครั้งนี้เหมือนกัน งั้นก็สมควรที่จะมีผู้ใช้พลังให้มากเข้าไว้ ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ!”
ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการให้ฉินเฟิงจากไป
เพราะอย่างไรเสีย ฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่ง แกร่งมากเกินไป!
ตนได้เห็นมากับตา ว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ไหนจะพลังพิเศษที่เขาปลดปล่อยออกมาอีก นั่นไม่ใช่อำนาจที่ผู้ใช้พลังเลเวล F ทั่วๆไปจะเทียบเปรียบได้
เมื่อฉินเฟิงได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย เขาก็หยุดฝีเท้าลง
“บางอย่างที่ว่านั่นคืออะไร?”
“มิสเตอร์ตามฉันมาคุณก็จะรู้เอง”
ฉินเฟิงเกิดความอยากรู้ขึ้นมาว่าคนพวกนี้คิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเขา แต่หากตามขึ้นไปและมีลูกไม้จริงๆ อย่างคนพวกนี้น่ะหรือจะสามารถสังหารเขาได้?
เมื่อคิดเช่นนั้น ฉินเฟิงก็ตัดสินใจเดินตามไป เนื่องจากไม่มีพวกแมลงบุกเข้ามาอีกแล้ว ระหว่างทางจึงปลอดภัย
เวลานี้ บนทางเดินชั้นสองถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยเตียงจากห้องพัก เหลือช่องว่างไว้แค่ไม่ถึงครึ่งเมตร และมีศพของพวกแมลงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งจะใช้สถานที่แห่งนี้ต่อสู้กับแมลง เพื่อหลบหนีขึ้นไปยังชั้นบน
แต่นี่มันก็แค่การป้องกันง่ายๆ หากฉินเฟิงไม่ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน มันคงถูกพวกแมลงพังทลายลงในพริบตา
ฉินเฟิงเดินผ่านประตู ในเวลานี้มีสองคนอยู่ข้างใน เหมือนก่อนหน้านี้ไป๋หลีจะเคยพูดว่ามีทั้งหมดเจ็ดคนที่นี่ และหนึ่งในนั้นกลายเป็นอาหารแมลงไปแล้ว
เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าอีกสามคนจากในหกก็ตายไปแล้วเช่นกัน
“มิสเตอร์ฉิน ฉันชื่อว่าวังเฉิน ก่อนหน้านี้พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย แต่ปัจจุบันทุกคนต่างก็ตกที่นั่งลำบาก ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสาเรื่องที่เคยเกิดขึ้น” วังเฉินกล่าวพลางกุมท้องตน
พลังสมาธิของฉินเฟิงนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ส่งผลให้หน่วยความจำของตนไม่เลวร้ายจนเกินไป เจ้าตัวย้อนนึกก็จดจำได้ทันที ว่าวังเฉินคือหนึ่งในสหายของผู้ใช้วรยุทธโบราณซึ่งเคยใช้คำพูดล่อลวงไป๋หลี
ดูเหมือนว่าไป๋หลีจะเอ่ยถึงอาหารแมลงอะไรซักอย่าง น่ากลัวว่าไอ้ที่กลายเป็นอาหารคงไม่พ้นหมอนั่นใช่ไหม?
ด้วยรูปลักษณ์ของไป๋หลี และการปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันในสภาพแวดล้อมที่โกลาหลเช่นนี้ ใครบ้างเล่าจะไม่คิดล่วงเกินเธอ
แต่ไป๋หลีก็มีวิธีปกป้องตนเอง
ใบหน้าของฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะหม่นลง เขามองไปทางวังเฉินด้วยความเย็นชา
วังเฉินรู้สึกเย็นยะเยือกในร่างกาย แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้แก่อีกฝ่าย
อย่างที่ทุกคนทราบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กับไป๋หลีอย่างไรก็เป็นความจริง
แต่ไป๋หลีก็จัดการคนที่ลวนลามเธอ เหวี่ยงทะลุหน้าต่างออกไป ขณะเดียวกันก็กลายเป็นดึงดูดพวกแมลงเข้ามา คนพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่น จึงยิงปืนเข้าสกัด ผลลัพธ์เลยกลายเป็นเรียกพวกแมลงให้เข้ามามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในบรรดาทีมเดิม วังเฉินคือคนเดียวที่ยังรอดชีวิตจากการต่อสู้ ขณะที่คนอื่นๆล้มหายตายจากไปกันหมดแล้ว
แต่หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของฉินเฟิง เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดแก้แค้นใดๆ
ที่เหลืออีกสองคนไม่มีความขุ่นเคืองใดๆกับฉินเฟิง ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาเลยแค่รู้สึกประหลาดใจที่พบกับฉินเฟิง
“มิสเตอร์ฉิน ส่วนฉันชื่อเหอหลิง อีกคนเซ่าเซี่ยง”
“อืม เรียกฉันว่าฉินเฟิงเฉยๆก็พอ” ฉินเฟิงกล่าว
“ไม่ ไม่ ไม่ได้หรอก เรียกมิสเตอร์ฉินน่ะเหมาะแล้ว เพราะตอนนี้พวกเราเป็นแค่ทีมที่แตกพ่าย และต้องการผู้นำ ฉันหวังว่ามิสเตอร์ฉินจะช่วยพวกเรา ตราบใดที่สามารถรอดชีวิตไปได้ พวกเราจะตอบแทนพระคุณอย่างแน่นอน”
เวลานี้ พวกแมลงสัตว์ร้ายมันทรงพลังมากเกินไป กระทั่งพวกเขาที่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล F เมื่อต้องเผชิญกับนายพลสัตว์ร้าย ตั๊กแตนใบมีดเลเวล F เอาจริงๆก็ยังไม่อาจต้านทานมันได้ แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะพบกับการดำรงอยู่อย่างฉินเฟิง ทั้งหมดบังเกิดความหวังขึ้นอีกครั้ง
หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น
นั่นเพราะเขาไม่ต้องการพวกอ่อนแอ!
แต่เมื่อคิดว่าปัจจุบันมีเพียงหลิวซูคนเดียวที่สู้ได้ ฉินเฟิงเลยรู้สึกว่าการมีผู้ใช้พลังพวกนี้เพิ่มเข้ามามันก็ดีเหมือนกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในชั้นใต้ดินยังมีตัวถ่วงกระจุกรวมอยู่กว่าอีก 20 คน!
“ก็ได้ ไม่มีปัญหา!”
“หมายความว่ามิสเตอร์ฉินยอมตกลงใช่ไหม?” เหอหลิงอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ขอบพระคุณมิสเตอร์ฉิน!” เซ่าเซี่ยงเร่งกล่าว กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ!” คราวนี้วังเฉินไม่ได้ฝืนยิ้มอีกต่อไป เขายิ้มด้วยความสุขจริงๆ เพราะอย่างน้อยฉินเฟิงก็เห็นด้วยกับข้อเสนอ
“แต่ยังไม่ลืมหรอกใช่ไหม ว่าก่อนหน้านี้นายให้ฉันขึ้นมาที่นี่ทำไม?” ฉินเฟิงย้อนทวนคำกล่าวของวังเฉิน
วังเฉินเร่งตอบ “มิสเตอร์ฉิน ฉันไม่ได้โกหกคุณ มาทางนี้สิ แล้วลองมองออกไปดู!”
วังเฉินนำฉินเฟิงมองออกไปยังหน้าต่าง
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.111 – แม่แมลงที่น่าหวาดกลัว
ระหว่างฉินเฟิงกำลังต่อสู้อยู่ชั้นล่าง วังเฉินได้นำสิ่งกีดขวางมาวางทิ้งไว้ตามทางเดิน เพราะหวาดเกรงว่าตนจะถูกไล่ตามมาทัน และสังหารตกตาย แต่ในตอนนั้นเอง เขากลับพบว่าพวกแมลงได้ล่าถอยลงจากชั้นสองอย่างกระทันหัน ระเบียงทางเดินจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เขาเลยตัดสินใจลองกลับลงไป และเจอกับฉินเฟิงในที่สุด
แล้วเบื้องหน้าเขา ก็ปรากฏฉากที่น่ากลัวสุดแสน น่าผวายิ่งกว่าการหนีตายเอาชีวิตรอดจากพวกแมลงเมื่อครู่ซะอีก เขาจึงยอมกัดฟัน ตัดสินใจก้าวออกไปสนทนา หว่านล้อมฉินเฟิง
—-
วังเฉินนำฉินเฟิงไปที่หน้าต่าง ที่นั่นมีปืนไรเฟิลถูกตั้งเอาไว้
“มิสเตอร์ฉิน ทางนั้น!” เขาส่งสัญญาณให้ลองก้มลงมองผ่านสโคปปืน ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
ฉินเฟิงโน้มตัว แนบสายตายลง มองออกไปภายนอก
ขณะนี้ ใจกลางเมืองหานยังคงปราฏรอยแยกสีดำขนาดใหญ่ พวกแมลงสัตว์ร้ายยังคงมีคืบคลานออกมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มหาศาลเหมือนกับช่วงแรก
ในท้องถนนเต็มไปด้วยกองทัพแมลง พาหนะถูกจอดทิ้งเอาไว้ ตามผนังของตึกรามสาดกระเซ็น เปื้อนไปด้วยเลือด
แม้จุดที่ฉินเฟิงอยู่จะเป็นชั้นสอง แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งและสถานะของหลิวซู ทำเลของโรงแรมแห่งนี้จึงถูกตั้งอยู่บนย่านที่คึกคักที่สุด มันติดถนน เพียงมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สามารถพบเจอกับถนนที่แต่เดิมเคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คน และสามารถมองเห็นอาคารย่านการค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้โดยไม่มีตึกใดมาขวางกั้น
ทว่าเวลานี้ ณ กึ่งกลางของสองอาคารฝั่งตรงข้าม กลับมีเส้นใยขนาดใหญ่ ถักทอเป็นรังแมงมุมปรากฏขึ้น
เหนือขึ้นไปบนรัง ปรากฏแมงมุมขนาดใหญ่ ที่เพียงมองก็ทำให้สันหลังของผู้คนเย็นวาบ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของฉินเฟิงก็กลายเป็นร้ายแรง
“นั่นมันราชันย์สัตว์ร้าย!”
ต้องทราบนะว่าระยะห่างระหว่างอาคารทั้งสอง อย่างน้อยก็กว้างกว่า 70 – 80 เมตร
แต่แมงมุมกลับสามารถสร้างรังไว้คั่นกลางได้
มันมีขนาดตัวใหญ่แค่ไหนกัน?
หากสังเกตดีๆ จะพบว่าใยแมงมุมที่ใช้ถักทอในการทำรัง มันมีความหนาราวกับเชือกป่าน ฉะนั้นแมงมุมบนรัง เพียงเฉพาะร่างกายของมัน อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 3 – 4 เมตร! หากบวกกับขาทั้งแปดที่โค้งมนของมันไปด้วย ก็น่าจะเกือบๆ 10 เมตร!
สัตว์ร้ายยักษ์ตนนี้ คือตัวที่ใหญ่ที่สุดเลย ที่ฉินเฟิงเคยเห็น นับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ขนาดตัว 10 เมตรเท่ากับเท่าไหร่น่ะหรือ? หากคำนวณโดยเทียบกับตึกอาคาร หนึ่งชั้นจะมีความสูงประมาณ 3 เมตร นั่นเท่ากับว่าแมงมุมยักษ์ตัวนี้มีความสูงเทียบเท่ากับตึกสามชั้น!
ฉะนั้น การที่แมงมุมสามารถสร้างรังใจกลางอาคารทั้งสองได้ ทุกท่านคงสามารถจินตนาการได้ใช่หรือไม่ ถึงความรู้สึกตื่นตกใจของผู้ที่ได้พบเห็นมันกับตา
ไม่เพียงแค่นั้น บนรังแมงมุม ยังมีบางสิ่งคล้ายๆรังไหมแขวนอยู่นับหลายสิบ เมื่อเทียบกับขนาดของแมงมุมแล้ว มันมีขนาดเพียง 1/ 10 เท่านั้น
แต่ฉินเฟิงทราบดี เพราะดูจากขนาดของรังไหมแล้ว ที่อยู่ภายในนั้นคงจะเป็นมนุษย์ที่โดนจับมาโดยราชันย์สัตว์ร้าย
“มันคือแม่พันธ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก!” เหอหลิงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
“แต่ตอนนี้มันหาอาหารได้มากพอแล้ว แม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก เมื่อจับอาหารได้เพียงพอ มันก็จะเริ่มผสมพันธุ์ โดยการวางไข่บนร่างกายมนุษย์ ซึ่งคนนึงจะสามารถฟักไข่ลูกแมงมุมขาเหล็กได้ราวๆ 300 ตัว ”
“ลูกแมงมุมแรกเกิด จะใช้เวลาสามวันในการฟักไข่ เมื่อถึงเวลานั้น น่ากลัวว่า สถานที่แห่งนั้น ลากยาวจนมาถึงตำแหน่งที่พวกเราหลบภัยอยู่ จะกลายเป็นทะเลแมงมุม!”
คิ้วของฉินเฟิงขมวดมุ่นอย่างรุนแรง
ที่เหอหลิงกล่าว ใช่ว่าจะไม่ถูกต้อง
อันที่จริง ช่วงที่เขาต่อสู้ในชั้นแรกเมื่อครู่นี้ มันก็มีแมงมุมขาเหล็กรวมอยู่ด้วยเช่นกัน และพวกมันล้วนเป็นแมงมุมตัวผู้ แม้จะแกร่งไม่เบา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นตึงมือสำหรับฉินเฟิง ทว่าหากพวกมันมาที่นี่ เกรงว่าในตำแหน่งอื่นรอบรัศมีของรังแมงมุมที่มีมนุษย์หลบอยู่มันก็ต้องไปเหมือนกัน และหากพวกเขาถูกจับตัวไปเป็นที่ฟักไข่ แบบนั้นคงลำบากไม่น้อย
เมื่อลูกหลานระลอกใหม่เกิดมา แมงมุมตัวผู้ก็จะยิ่งออกล่าหาอาหารมากขึ้น
“เราไม่สามารถปล่อยให้มันแพร่พันธุ์ได้!”
ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกเราเองก็รู้ดีถึงข้อนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีทางทำอะไรได้เลย เพราะมันคือราชันย์สัตว์ร้าย!”
วังเฉินกัดริมฝีปาก จนรับรู้ได้ถึงความฝาดขมของเลือดที่หลั่งออกมา
ฉินเฟิงพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจได้ถึงความรู้สึกไร้กำลังของคนเหล่านี้
“งั้นรอให้ถึงคืนนี้ก่อน ฉันจะเป็นคนลงมือจัดการมันเอง!”
ปัจจุบันมีดกษัตริย์ครามยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นฉินเฟิงไม่อาจดำเนินการอย่างผลีผลามได้
เพราะแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กระดับราชันย์ ไม่ใช่การดำรงอยู่ที่สามารถหักหาญด้วยมือเปล่าได้
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของฉินเฟิง ทำให้ทั้งสามคนต้องเบิกตาค้าง ยากที่จะทำใจเชื่อ
“มิสเตอร์ฉิน … คุณกำลังจะบอกว่า ตัวเองสามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายได้อย่างงั้นหรอ?” เหอหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า “มิสเตอร์ฉิน ตอนนี้คุณมีระดับความแข็งแกร่งเท่าไหร่กันแน่?”
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะอยู่ในเลเวล E !
แต่ดูจากใบหน้าของฉินเฟิง เหมือนจะเป็นแค่รุ่นเยาว์อายุ17 – 18 ปีเท่านั้นเอง หากไปถึงเลเวล E แล้ว เทียบกับหลิวซูที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ไม่เท่ากับว่าเขาเหยียบย่ำเธอจนจมดินเลยหรือ?
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ
“พวกนายอย่าถามเลย เพราะถ้าฉันบอกไปก็คงจะไม่เชื่อกันอยู่ดี”
ฉินเฟิงแน่นอนย่อมไม่อาจเอ่ยออกไปว่าเขาคือผู้ใช้พลังในเลเวล F4 ทว่าหากนับเพียงความสามารถ มันห่างไกลเกินกว่าที่คนเหล่านี้จะสามารถจินตนาการได้
ยังไงก็ตาม ต่อให้โม้เรื่องความแข็งแกร่งที่ว่านั่น คนเหล่านี้ก็คงไม่อาจทำใจเชื่อว่าเขาสามารถสังหารแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กได้อยู่ดีมิใช่หรือ?
ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นเขาไม่พูดออกไปเลยจะดีกว่า
ทันทีที่ฉินเฟิงเอ่ยในเชิงกำกวม ผู้คนก็บังเกิดความรู้สึกว่า ฉินเฟิงนี่ช่างเป็นคนที่ลึกล้ำ มิอาจหยั่งรู้ได้จริงๆ บางทีคนตรงหน้าอาจจะแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาคิดก็ได้
ช่วงเวลานั้นเอง ทั้งหมดก็หวั่นเกรงในตัวฉินเฟิงยิ่งกว่าเดิม
“ตามฉันมา อาคารติดถนนแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้ป้องกัน”
“รับทราบ!” อันที่จริงพวกเขาก็ตระหนักดีว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับใช้ป้องกัน แต่เหตุผลหลักที่ตัดสินใจมาที่นี่ในก่อนหน้านี้ ก็เพราะที่นี่มีอาหาร!
แต่ปัจจุบัน หลังจากที่ถูกบุกจนเกือบตายแล้ว มันคงจะดีกว่าหากจากไป
นับว่าพลาดจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาประเมินพวกแมลงสัตว์ร้ายต่ำเกินไป!
“อันดับแรก ไปเติมเสบียงสำหรับต่อสู้ที่ร้านขายอุปกรณ์กันก่อน อย่างเช่นปืนพลังงานของนาย!” ฉินเฟิงกล่าว
“รับทราบ!” เป็นธรรมดาที่วังเฉินคือคนแรกที่ตอบรับเห็นด้วย เพราะเสบียงที่ใช้การต่อสู้ สารห้ามเลือด หรือบางสิ่งที่คล้ายๆกัน ทั้งหมดล้วนสามารถหาได้จากร้านอุปกรณ์ของหลิวเซินซาน
ฉินเฟิงนำหน้า
วังเฉินและสหายทั้งสองเดินตามหลัง ลงไปยังชั้นหนึ่ง มุ่งหน้าสู่ทางเดินไปยังร้านอุปกรณ์อีกครั้ง
แม้ก่อนหน้านี้ ช่วงที่ฉินเฟิงเดินผ่าน เขาจะเก็บกวาดพวกแมลงจนสิ้นแล้ว แต่การต่อสู้ที่ว่า มันก็ผ่านไประยะหนึ่ง ดังนั้นปัจจุบันจึงมีแมลงอีกจำนวนหนึ่งบุกเข้ามา
และคุณคงสามารถจินตนาการได้ ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะพบเจอจากนี้ —น่าหวาดกลัวเพียงใดสำหรับพวกแมลง!!
“เพลิงโลกันต์!”
ฉินเฟิงวาดมือออกไป ปรากฏบอลไฟกว่าห้าลูกลุกพรึบขึ้นบนฝ่ามือของเขา
และยิงออกไปตามทิศทางต่างๆ
ตูม ตูม ตูมมมม!
ลูกไฟระเบิดเข้าใส่พวกแมลง จากนั้นเปลวไฟก็ลุกลามไปตามร่างพวกมันราวกับหนอนไชกระดูก กลืนกินเหล่าแมลง พวกมันพยายามดิ้นรน กรีดร้องลั่นจนสิ้นใจ
“รีบเดินกันเร็ว เพราะถ้าฉันสามารถกำจัดพวกมันได้ ใครบางคนก็น่าจะสามารถจัดการพวกมันได้เหมือนกัน ระหว่างเกิดเรื่อง อาจมีใครบางคนมาขโมยของจากร้านอุปกรณ์ไปแล้วก็ได้” ฉินเฟิงกล่าว
สำหรับร้านอุปกรณ์ ในช่วงเวลาที่เมืองล่มสลาย มันไร้ซึ่งคนคอยเฝ้า นั่นหมายความว่าทุกอุปกรณ์ไม่มีเจ้าของ ผู้ใดก็สามารถฉกชิงไปได้
“เข้าใจแล้ว!”
ที่จริงแล้ว แม้ในหน้าร้านอุปกรณ์ ถึงทั้งหมดจะดูเต็มไปด้วยสินค้ามากมาย แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มากอะไร ชุดรบต่างๆที่จัดแสดงเอาไว้ แต่ละราคาล้วนมีเพียงตัวเดียว ที่เหลือส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในโกดังหลังร้าน และมีเพียงหลิวเซินซานเท่านั้นที่สามารถเข้าไปเอามันได้
อย่างไรก็ตาม หน้าร้านยังคงมีเสบียงที่จำเป็นในการต่อสู้อยู่ วางขายไว้อีกหลายอย่าง เช่นบิสกิตอัดแท่ง สต็อกยา ฯลฯ
ไม่นานนัก วังเฉินก็ค้นพบสเปรย์ห้ามเลือด เขาฉีกทึ้งเสื้อของตัวเอง แล้วฉีดมันเข้าใส่บริเวณท้องทันที –ก่อนหน้านี้เขาถูกตั๊กแตนใบมีดฟันเอา เกือบตกตายภายใต้เคียวของมัน
จากนั้นก็เอาที่ปิดแผล มาปิดทับลงไป เริ่มพันมันอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกคลายใจลงในที่สุด
ทั้งสี่คนดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่สามารถใช้งานได้ถูกรูดทรัพย์ไปหมดสิ้น จนเต็มกระเป๋าสะพายต่อสู้กว่า 8 ใบ
จากนั้น ทั้งสี่ก็ถอนตัว มุ่งหน้าสู่สวนหลังบ้าน
“เสี่ยวไป๋ เปิดประตูให้ฉันที”
ฉินเฟิงแจ้งไป๋หลีผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
ประตูเหล็กถูกเปิดออก ภายในห้อง หลิวเซินซานยังคงวุ่นอยู่ข้างๆเตาหลอม
เป็นเวลากว่า 40 นาทีที่ฉินเฟิงจากไป ตอนนี้ หัวหอกจึงได้ถูกถอดออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมันกำลังถูกละลาย และหลอมรวมเข้ากับมีดกษัตริย์คราม
ฉินเฟิงเข้ามาที่นี่พร้อมกับอีกสามคน ปิดประตูอีกครั้ง หลิวเซินซานพอเห็นฉินเฟิงกลับมาเขาก็ถอนหายใจโล่งอก
“ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังถือว่าดีครับ”
สำหรับเรื่องเกี่ยวกับแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก มันไม่จำเป็นต้องบอกแก่หลิวเซินซาน
“อย่างงั้นหรอ จริงสิฉินเฟิง รบกวนไปหาหลิวซูที่ชั้นใต้ดินทีได้ไหม บอกพวกเธอว่าด้านนอกปลอดภัยดี ให้ออกมาพักที่นี่ชั่วคราว ไปพักในโกดังอีกสองห้องที่อยู่ใกล้ๆกับห้องหลอมก็ได้ ระบบป้องกันที่นั่นแข็งแกรงทนทานไม่แพ้ที่นี่เหมือนกัน!”
ฉินเฟิงก็คิดถึงเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วเช่นกัน ว่าสภาพแวดล้อมในชั้นใต้ดินคงแย่เกินไป แม้ด้านนอกจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่หากมีฉินเฟิงอยู่ที่นี่ ก็ยังสามารถหักลบ กลบความเสี่ยงที่ว่านั่นได้
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.112 – อัพเกรดมีดเป็นระดับ …
“แล้วจะให้คนทั้งหมดขึ้นมาด้วยไหมครับ?” ฉินเฟิงถาม แม้เขาจะมีคำตอบอยู่ในใจ
สำหรับตน ต่อให้มีพระเจ้าเป็นศัตรูก็หาได้หวาดกลัวไม่ ตรงกันข้าม เขากลัวสหายร่วมทีมที่จะทำตัวเป็นภาระซะมากกว่า
ถ้าเกิดให้คนทั้งหมดขึ้นมา มันคงสร้างปัญหาให้แก่ฉินเฟิงมากเกินไป!
“ฉันไม่คิดว่าควรทำแบบนั้น แต่ซูเอ๋อคงไม่ยอม” หลิวเซินซาน ตอบอย่างไม่มั่นใจ
ฉินเฟิงพยักว่าเข้าใจ
ฉินเฟิงหันไปมองอีกสามคน และกล่าวว่า “อีกสักพักจะมีคนธรรมดาอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมาที่นี่ พอถึงเวลานั้น หวังว่าพวกนายจะสามารถปกป้องพวกเขาได้ แม้สักหน่อยก็ยังดี!”
“แน่นอน เพราะยังไงซะ พวกเราผู้ใช้พลังก็สมควรจะปกป้องคนธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งครอบครองความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบมากเท่านั้น!” แม้ปากยิ้มและจะกล่าวเช่นนั้น แต่วังเฉินดูจะอึดอัดเล็กน้อย อันที่จริงแล้ว ในหัวใจเขาไม่ต้องการจะให้คนธรรมดาขึ้นมาเป็นภาระที่นี่
แน่นอน ว่าในใจจริงๆแล้วฉินเฟิงรู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าวังเฉินซะอีก … ก็ใครกันที่ดันสรรค์สร้างให้หลิวซูมีนิสัยเป็นแม่พระแบบนี้!
แต่เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิหลิวซูได้ เพราะหลิวซูคือหนึ่งในหัวหน้าสาขาของหน่วยลาดตระเวนเมืองหาน ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเธอ!
ในทำนองเดียวกัน หากเกิดภัยพิบัติเช่นเดียวกันในสถานชุมชนเฉิงเป่ย และมีเด็กกำพร้ากว่า 100 คนตกอยู่ในความดูแลของฉินเฟิง —เขาก็คงให้คำมั่นว่าจะสู้ตาย ปกป้องพวกเด็กๆด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเหมือนกัน!
แต่ถ้าเป็นพวกคนแปลกหน้าหรือไม่สนิท ยังไงเขาก็ไม่คิดช่วยเหลือ!
“ลุงหลิวครับ รบกวนช่วยออกมาเก็บกวาดโกดังกับผมหน่อยนะครับ” ฉินเฟิงกล่าว
หลิวเซินซานย่อมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะสิ่งที่อยู่ในโกดังข้างๆมีมูลค่ากว่ากลายสิบล้าน และหลิวเซินซานก็ไม่ต้องการที่จะสูญเสียมันไป
โชคยังดีที่เขามีอุปกรณ์รูนมิติอยู่สามชิ้น มันจึงเพียงพอที่จะยัดวัตถุดิบสัตว์ร้ายระดับสูงลงไปได้ แต่เขามิได้ไปยุ่งกับพวกอาวุธปืนในโกดังแต่อย่างใด เพราะสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานในการเอาชีวิตรอดของทุกคนและหลิวเซินซานเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว อาวุธปืนทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายออกไป
กระทั่งในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงและลุงหลิวเอง ก็พึ่งพาเจ้าปืนพวกนี้นี่แหละ ถึงสามารถหนีออกมาจากเมืองหานได้
ฉินเฟิงเฝ้าดูหลิวเซินซานเก็บรวบรวมสิ่งของของเขา จากนั้นก็ออกมา สั่งให้เหอหลิงกับเซ่าเซี่ยงเตรียมกระสอบทราย นำพวกมันไปวางไว้ที่ชั้นสองเพื่อปิดกั้นทางเดิน ส่วนช่องหน้าต่าง ก็โรยด้วยผงขับไล่สัตว์ร้าย และสุดท้ายเว้นช่องว่างในระเบียงทางเดินไว้เล็กน้อยสำหรับหลบหนี
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉินเฟิงก็เดินลงไปตามเส้น ลงสู่ลานจอดรถใต้ดิน
ในลานจอดรถเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายเช่นกันในเวลานี้ เมื่อฉินเฟิงเปิดประตูออกไป เขาก็ได้รับการต้อนรับจากหนอนตัวยาวที่มีขนาดอวบอ้วนเท่ากับถังไม้ทันที!
–เป็นมังกรดิน!
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
พลังสมาธิถูกกระตุ้นทันควัน รังสีแสงสีดำแดงปะทุออกมา ปะทะเข้ากับร่างของมังกรดิน แรงระเบิดส่งมันลอยละลิ่วไปกลางอากาศในคราวเดียว ระหว่างปลิวร่างของมันก็ทนต่อไปไม่ไหว ตัวแตกเป็นชิ้นๆ!
ซากมังกรดินร่วงหล่น เผยโฉมในสภาพเละเทะสู่สายตา –มันคือสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับไส้เดือนขนาดยักษ์ ชมชอบในสถานที่ลึกและเปียกชื้น มักจะมุดออกมาจากพื้นดิน เพื่อล่าสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของมังกรดินจะถูกประเมินตามขนาด น่ากลัวว่ามังกรดินในเลเวล S รูปลักษณ์ของมันคงจะเหมือนมังกรจริงๆ ครอบครองความยาวนับกิโลเมตร สะบัดตัวทีเดียวก็พลิกตลบไปทั้งผืนดิน!
ส่วนเบื้องหน้าที่ฉินเฟิงเจอ หากอิงตามขนาด มันมีเลเวลอยู่แค่ G5 เท่านั้น ไม่มีอะไรน่ากังวลหรือเป็นห่วง
แต่หากเป็นคนธรรมดาที่ดันโชคร้ายพบเจอมัน ชะตากรรมของพวกเขาคงไม่พ้นถูกกลืนกินอย่างน่าเศร้า!
ฉินเฟิงมุ่งหน้าไปยังประตูเหล็กของห้องใต้ดิน
“หลิวซู เปิดประตูด้วย ฉันมารับเธอ” ฉินเฟิงต่อสายสื่อสารกับหลิวซู
หลิวซูที่อยู่ข้างในเปิดตามคำขอ พริบตานั้นมลพิษที่ชวนให้ระคายเคืองทางจมูกก็ฟุ้งออกมา จนฉินเฟิงต้องขมวดคิ้ว
มี 20 คนกระจุกตัวกันอยู่ภายในห้องนี้ และเพราะความตึงเครียด ผู้ชายบางคนเลยจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ในขณะที่ช่องระบายอากาศ สามารถรับได้แค่อ็อกซิเจนเท่านั้น มันไม่มีพลังงานมากพอที่จะระบายอากาศเสียได้
“สถานการณ์ภายนอกเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังมีพวกแมลงโรคจิตหลงเหลืออยู่อีกรึเปล่า?”
“พวกทหารรักษาการณ์ เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
ไม่รอให้หลิวซูเปิดปาก คนพวกนี้ก็ชิงถามตัดหน้าเธอ
ฉินเฟิงมองไปยังผู้คนที่เบียดเสียดกันเบื้องหน้าเขา และถอยหลังกลับมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น แค่ดูข้อมูลจากอุปกรณ์สื่อสารก็น่าจะรู้แล้วนี่ ยังจะถามผมอีกทำไม?”
สีหน้าของผู้คนในห้องใต้ดินซีดเผือดลง
แน่นอน ว่าพวกเขาย่อมได้รับข้อมูลจากอุปกรณ์สื่อสาร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ว่าเมืองหานได้ล่มสลายลง ถูกยึดครองโดยเผ่าพันธุ์แมลงไปแล้วแบบนี้
กองทหารรักษาการณ์แตกกระเจิง หลบหนีไปกับผู้คน … อย่างมากที่สุดพวกเขาทำได้ก็คือ คอยหยุดพวกแมลงเอาไว้เบื้องหลัง ถ่วงเวลาให้ผู้คนหนีไปก็เท่านั้น
“ทุกคนไม่ต้องกังวลนะ กองกำลังหลิงหานได้ออกแถลงการณ์ว่าจะมาช่วยทุกคนแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้ข่าวน่าจะกระจายออกมาแล้ว ผู้ใช้พลังมากมายกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองหาน ขอแค่อดทนรออีกไม่กี่วันเท่านั้น!” หลิวซูเร่งปลอบประโลมทุกคน
ฉินเฟิงชิงกล่าว “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ากองทัพหลิงหานจะของเธอจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ความจริงอันโหดร้ายที่เธอต้องรู้ก็คือ จากตำแหน่งที่เราอยู่ ห่างออกไปราวๆ 3กิโลเมตร มีราชันย์สัตว์ร้ายอยู่ที่นั่น!”
เมื่อสิ้นเสียง บนใบหน้าของทุกคนพลันฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัวและสยองเกล้า!
ทว่านี่คือผลลัพธ์ที่ฉินเฟิงต้องการ
“ในห้องใต้ดินนี่มีคนอยู่มากเกินไป บางส่วนขอให้ออกมากับผมเถอะ วางใจได้ ผมจะปกป้องพวกคุณเอง!” ฉินเฟิงกล่าว
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ในหูของผู้คน มันกลับฟังราวเป็นเรื่องตลก
‘มีราชันย์สัตว์ร้ายอยู่ข้างนอกนั่น แล้วจะปกป้องพวกฉันจากมันได้ยังไง?’
“ฉันจะไปกับเธอ ฉันต้องการอยู่กับตาแก่หลิว!” เฉียวหยานแทรกตัวออกมา ณ จุดนี้ ขอย้ำสถานะของเธอ ว่าเธอคือนายหญิงเจ้าของโรงแรม ที่ได้เห็นโลก และผู้คนมานักต่อนัก และเธอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจจากในน้ำเสียงของฉินเฟิง
หากเจ้าตัวเอ่ยปากว่าสามารถปกป้องได้ เขาย่อมทำได้
ส่วนคำพูดข่มก่อนหน้านี้ มันอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้!
“นายหญิง ฉันขอติดตามไปด้วยค่ะ!”
“นายหญิง ได้โปรดพาผมไปด้วย!”
พนักงานทุกคนที่อยู่ในห้องใต้ดิน ชายหนึ่งหญิงสามเดินออกมา
หากนับหลิวซูด้วยก็เป็นหกคน
“แต่ว่าพวกเขา … ” หลิวซูต้องการจะบอกว่าหากคนเหล่านี้ยังดึงดันอยู่ที่นี่ แม้จะปลอดภัย แต่อาหารในชั้นใต้ดินเกรงว่าคงไม่เพียงพอ!
แต่เฉียวหยานกลับดึงแขนหลิวซูออกมาอย่างกระทันหัน เธอเลยต้องกลืนคำพูดที่เหลือทั้งหมดกลับลงไป
“ยังมีใครอยากจะไปด้วยกันอีกไหม?” ฉินเฟิงถามย้ำอีกครั้ง
ทว่าในแววตาของคนเหล่านั้นกลับกระพริบไหว ทั้งหมดก้มศีรษะลง ไม่มีใครยอมเอ่ยอะไรสักคำ
ต้องทราบนะว่าชั้นใต้ดินนี้ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ มันคือสถานที่ซึ่งเป็นของครอบครัวหลิวเซินซาน แม้จะไม่ใหญ่โต ทว่าหากอยู่กันซัก 6 คนมันก็เพียงพอ แต่ปัจจุบันกลับกระจุกตัวกันเป็น 20 คน –ในเมื่อสถานการณ์ด้านนอกยังไม่สู้ดี และออกไปก็อาจตายได้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่เต็มใจที่จะออกไป
“งั้นพวกคุณก็จัดการชีวิตตัวเอง มุดหัวอยู่ในนั้นไปก็แล้วกัน” ฉินเฟิงกล่าว เขานำทั้งหกคนเดินจากไป
ประตูเหล็กที่อยู่เบื้องหลัง แทบจะรอไม่ไหวที่จะปิดลง
“เจ้าคนพวกนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว ทั้งๆที่มันเป็นห้องใต้ดินของโรงแรมเราแท้ๆ!”
หนึ่งในพนักงานหญิงวัย 20 ปีกัดฟันกล่าว หลังจากที่พวกคนกลุ่มนี้เข้ามา ก็เริ่มกินและดื่มเสบียงอย่างไม่เกรงใจ ไหนจะยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบ จนอากาศในห้องใต้ดินแย่ลงอีก
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ผู้ชายบางคน ในแววตาของพวกเขา ยังมองมาที่พวกเธออย่างไม่เป็นมิตร สิ่งนี้ทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม ฉินเฟิงเนี่ยสิ น่าเชื่อถือยิ่งกว่าคนพวกนั้นเยอะ
“อืม ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องแยกกันอยู่แล้ว ปล่อยให้พวกเขาเดินไปตามทางที่ตัวเองตัดสินใจเถอะ”
ระหว่างกล่าว ฉินเฟิงก็นำคนเหล่านี้ กลับไปยังแนวป้องกันชั่วคราวที่พวกวังเฉินเพิ่งสร้างขึ้น
ช่วงเวลานี้ แมลงสัตว์ร้ายไม่ได้ออกมาจากรอยแยกมิติอีกต่อไปแล้ว ทว่าเมืองหานเองก็ล่มสลายลงโดยสิ้นเชิง ตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรูโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกัน น่ากลัวว่าคนที่สามารถหลบหนีไปได้ คงมีไม่ถึง 1/10
ขณะเดียวกัน ด้านนอกของเมือง กองทัพหลิงหานที่นำโดยนายพลผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F7 เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแมลงสัตว์ร้ายที่แกร่งยิ่งกว่าฝ่ายตนเป็นหลายร้อยเท่า ก็ไม่มีสิ่งใดที่นายพลจะสามารถทำได้ มากที่สุดคือส่งทีมช่วยเหลือเข้าไป และจำต้องรออย่างน้อยหนึ่งวัน ถึงจะสามารถพาพลเมืองบางส่วนหลบหนีออกมาได้
ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้บรรยากาศแห่งความสิ้นหวัง กลางคืนอันเงียบสงบค่อยๆคลืนคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
…
ณ ช่วงเวลา ตี 1
ภายในเมืองเงียบสงบ
แต่ถึงอย่างนั้น ในบางครั้ง ก็ยังมีเสียงร้องของแมลงสัตว์ร้ายที่ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวดังขึ้นเป็นระยะๆ
เมื่อไร้ซึ่งคนควบคุมดูแล ระบบไฟฟ้าทั้งเมืองก็ดับวูบลง
ทุกสิ่งจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด
ภายในห้องหลอม หลิวเซินซานที่เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งร่าง กำลังเผยถึงสีหน้าตื่นเต้น
“สำเร็จแล้ว!”
เบื้องหน้าเขา คืออาวุธบางอย่างที่กำลังสาดแสงสีขาวทองแผ่ออกมา!!
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.113 – สู้กับราชันย์สัตว์ร้าย
แสงสีขาวทองสาดประกายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆจางหายลง จนสามารถมองเห็นถึงอาวุธที่อยู่ภายในได้
ในกระบวนการผลิตครั้งล่าสุด เนื่องจากวัตถุดิบอย่างเขี้ยวของราชันย์หนูมีไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นจึงสามารถสร้างได้แค่มีดสั้นเท่านั้น แต่ตอนนี้ มีดกษัตริย์ครามได้รับการอัพเกรดด้วยวัตถุดิบใหม่ มันจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจุบันทั้งตัวมีดมีความยาวกว่า 70 ซม. ในส่วนของด้ามจับไม่สามารถขยายได้ ดังนั้นจึงเป็นในส่วนของใบมีดที่มีความยาวเพิ่มขึ้นมาราวๆ 15 ซม. ดูเหมาะแก่การสังหารมากขึ้น ความกว้างใบมีดเพิ่มขึ้นอีก.05 กลายเป็นกว้าง3.8 ซม. ขณะที่ความหนาเพิ่มเป็น 0.9 ซม.
ปัจจุบัน มันดูไม่เหมือนกับมีดของราชวงศ์ถังอีกต่อไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องแคล่วและเฉียบคม ใบมีดไม่ใช่สีหม่นอีกต่อไป แต่กลายเป็นเข้มยิ่งกว่าเดิม เป็นสีครามอย่างแท้จริง
บางที นั่นอาจเป็นเพราะมันถูกผสานรวมกับเหล็กดาราก็ได้ นอกจากนี้บนใบมีดยังมีแสงดาวกระพริบไหวเล็กน้อย และยังมีลวดลายที่คดเคี้ยว สาดแสงสีฟ้าครามยิ่งกว่าเก่า ดูลึกล้ำมากขึ้น
“เป็นมีดที่ดี!”
ฉินเฟิงกล่าวยกย่องคำหนึ่ง
เขาหยิบมีดกษัตริย์ครามขึ้นมา
“เอ้านี่ฝักของมัน ฉันเตรียมเอาไว้ให้แล้ว มีดเล่มนี้ ในตอนที่เธออยู่ท่ามกลางผู้คน มันไม่เหมาะที่จะถูกเผยโฉม เธอไม่ควรแสดงของมีค่าของตัวเองให้ใครเห็นง่ายๆ!” หลิวเซินซานมอบฝักมีดให้แก่ฉินเฟิง
ฝักนี้มิได้ทำจากขนของราชันย์หนู มันเป็นแค่ฝักธรรมดา แต่เอาไว้หลังจากที่ฉินเฟิงออกตามล่าวัตถุดิบดีๆ แล้วเขาค่อยนำมันมาให้ลุงหลิวสร้างให้ใหม่ก็ได้!
อย่างไรก็ตาม หลิวเซินซานพูดถูก ความมั่งคั่งของตนเองไม่สมควรถูกเปิดเผย มีดกษัตริย์ครามในวันนี้ ปรากฏแสงสีทองสาดออกมาเล็กน้อย นั่นหมายความว่ามันเกินกว่าระดับราชันย์สัตว์ร้าย เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้กับเฉพาะวัตถุดิระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเหล็กดารา
“ก็ในเมื่อเจ้าของมันยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ดังนั้นย่อมต้องแบกรับความผิดบาป คอยเก็บซ่อนมันไว้เป็นธรรมดา” ฉินเฟิงยิ้ม “แต่ในคืนนี้ ท่ามกลางช่วงเวลาอันมืดมิดที่ไม่มีใครเห็น มันจะได้ฉลองเลือดในการถือกำเนิดใหม่!”
ฉินเฟิงเก็บมีดกษัตริย์ครามลงในฝัก ก้าวเดินออกไปสู่ภายนอก
ช่วงเวลานี้ วังเฉินและคนอื่นๆยังไม่ได้พักผ่อน เพราะท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นต้องมีบางคนคอยเฝ้ายามตอนกลางคืน
โดยไม่ส่งเสียงดัง รบกวนจนปลุกหลิวซูและคนอื่นๆภายในห้อง ฉินเฟิงกับไป๋หลีเคลื่อนย้ายกระสอบทรายที่คอยขวางกั้น ก้าวเข้าสู่ความมืดมิด
เหอหลิงกับคนอื่นๆเฝ้ามองทั้งสองคนหายไป
“นายคิดว่าพวกเขาจะคว้าชัยชนะมาได้รึเปล่า?”
“ไม่รู้สิ … ”
“ส่วนฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่จู่ๆก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า พวกเขาอาจจะทำได้ก็ได้”
หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกต่อไป เพราะท่ามกลางความมืดมิด เสียงสามารถแพร่กระจายไปได้ไกล มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแมลงสัตว์ร้ายบางตัวได้ยินเข้า?
ยังไงก็ตาม ในสวนหลังบ้านพวกเขาไม่สามารถมองเห็นฉากภายนอกได้ ทั้งหมดนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ทนไม่ไหวคล้ายถูกจั๊กจี้ในหัวใจ!
“พวกเราไปดูกันดีกว่า” จู่ๆเหอหลิงก็เอ่ยปาก
เซ่าเซี่ยงกัดฟันของเขา สุดท้ายพยักหน้า “งั้นปีนขึ้นไปบนห้องใต้หลังคา น่าจะเห็นได้ง่ายขึ้น”
“ดีล่ะ!” วังเฉินอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น เจ้าตัวพยักหน้าและกล่าว
ทั้งสามทยอยกันออกไปทีละคน ปีนขึ้นไปถึงชั้นสี่ แล้วก็พบเจอกับห้องที่เหมาะสม เริ่มจัดวางปืนไรเฟิล เพื่อจะใช้กล้องสโคปของมันสังเกตสถานการณ์ภายนอก
เหนืออาคารที่อยู่ไกลออกไป ฉินเฟิงห้อยมีดกษัตริย์ครามไว้ที่เอวของเขา และใช้สะโพกตน ควบม้าศึกทมิฬ
ม้าศึกตัวนี้เป็นหนึ่งในสินสงครามจากราชันย์อัศวิน ตราบใดที่ถ่ายเทพลังงานมืดลงไป ก็จะสามารถควบขี่มันได้ และความเร็วของมัน กระทั่งรถศึกก็ไม่อาจไล่ตามทัน!
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ม้าศึกตัวนี้สามารถเดินเหินได้ดั่งใจนึก โดนไม่จำเป็นต้องสนใจภูมิประเทศแต่อย่างใด
ขณะนี้ ฉินเฟิงกำลังจ้องมองไปยังแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก ที่อยู่ไกลออกไป
ส่วนไป๋หลี อยู่ข้างหลังเขา เธอกำลังใช้เท้าหยั่งลงบนอานของมัน แต่อันที่จริงแล้วไม่ได้เหยียบด้วยซ้ำ แต่อยู่ในสภาวะลอยตัว
“ตัวโคตรใหญ่เลย แบบนี้คงจะดีกว่าถ้าไม่สู้กันในระยะประชิด”
ฉินเฟิงถอนหายใจ
อันที่จริง ต่อให้สัตว์ร้ายมีขนาดเล็ก ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่แข็งแกร่ง แต่หากตัวใหญ่กว่า ก็ยิ่งมีพละกำลังมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
และด้วยขนาดตัวมโหฬารขนาดนี้ ตราบใดที่ขาข้างหนึ่งของแม่พันธุ์แทงใส่ฉินเฟิง บาดแผลย่อมมีขนาดเท่ากับถังไม้ ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นฉินเฟิง ก็คงจะตายลงทันที
“เสี่ยวไป๋ ส่งปืนใหญ่มือมาให้ฉัน”
“เอ้า รับนะ!”
เสี่ยวไป๋จี้นิ้วออกไป
ปืนใหญ่มือพลันปรากฏเบื้องหน้าฉินเฟิง ฉินเฟิงคว้ารับมัน แล้วสวมใส่ลงบนแขนซ้ายตัวเอง
ปืนใหญ่มือนี้ คือปืนเดียวกับที่เคยยิงสวนกลับใส่มือปืนเลเวล E ลู่เหิง และยังเป็นปืนที่เคยใช้สังหารราชันย์อัศวินมาแล้ว!
ฉินเฟิงเล็งปากกระบอกไปทางแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กและ —-คลิ๊ก!
ปุ่มใหญ่บนปืนถูกกระแทกกดลง
ลำกล้องใจกลางปืนใหญ่มือเกิดประปะทุของสะเก็ดไฟ และส่งเสียงคำรามออกมา
พร้อมกันกับกระสุนสีส้มที่พุ่งออกไป
ณ ชั้นสี่ของโรงแรม
วังเฉินและคนอื่นๆพยายามสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ก็ยังไม่ค้นพบฉินเฟิง แต่แล้วเมื่อเกิดเสียง ทั้งสามจึงหันขวับเป็นสายตาเดียวกัน
“เขาอยู่ที่นั่น!”
“นี่มันเสียงปืนใหญ่มือ เขาใช้อาวุธปืนด้วยงั้นหรอ?” วังเฉินเองก็ตกใจ
“มันก็แค่การรบกวน เพื่อพยายามล่อให้แม่พันธุ์แมงมุมออกจากใยรึเปล่า?” เซ่าเซี่ยงกล่าวด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของวังเฉินกลับกลายเป็นตกใจยิ่งกว่าเดิม
ตูมมมมม!
ความเร็วของกระสุนปืนใหญ่นั้น มหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ ระยะทางหลายกิโลเมตรยังใช้เวลาไม่กี่วินาที ระยะทางใกล้ยิ่งกว่าไม่ต้องกล่าวถึง มันหดแคบลงในพริบตา!
วินาทีต่อมา กระสุนขนาดใหญ่ก็ร่วงตกลงเข้าใส่ท้องน้อยของแม่พันธุ์แมงมุม
บังเกิดเสียงอึกทึกกึกก้อง ใยแมงมุมสั่นสะเทือนทั้งรัง
“กี๊ซซซซ!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเสียดแทงขึ้น แม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กหวีดร้องด้วยความโกรธ
ท่ามกลางเมฆรูปดอกเห็ด ปรากฏใยสีขาวพุ่งออกมา ตกลงตรงตำแหน่งบนตึกสูงที่ฉินเฟิงยืนอยู่ห่างออกไป
ไม่รอให้อธิบายเฉลย แมงมุมยักษ์ผุดออกจากเมฆดอกเห็ด ไต่มาตามเส้นใย และเปลวเพลิงดูเหมือนจะสร้างแค่หมอกกับความเสียหายรอบๆเท่านั้น
ทว่าบนตัวมัน กลับไม่มีร่องรอยบาดแผลแม้แต่น้อย
ฉินเฟิงยังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ ปืนใหญ่มือส่งเสียงคำรามต่ำอีกครั้ง
ปัง!
ลูกปืนใหญ่บินออกไปทันที ซ้ำเข้าใส่แม่พันธุ์แมงมุม
แต่แม่พันธุ์แมงมุมระดับราชันย์เองก็รับมือไว้อยู่แล้วเช่นกัน มันสะบัดก้นพ่นเส้นใยออกไปอีกทาง ใช้แรงเหวี่ยงเอี้ยวตัวไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยง
“คิดจะหลบงั้นหรอ? ได้ขออนุญาตฉันรึยัง?” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น พลังสมาธิเริ่มถูกกระตุ้น
“จงหักเลี้ยว!”
ลูกปืนใหญ่ที่แต่เดิมเคยพุ่งผ่านไปแล้ว ได้วกกลับมา พุ่งเข้าใส่แม่พันธุ์แมงมุมอีกครั้งจากเบื้องหลัง
เรียกได้ว่าพลิกกลับอย่างกระทันหัน! ระเบิดเข้าใส่จุดเดิมตรงท้องน้อยแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กซ้ำสอง
ตูมมมมม!
สำหรับเวลานี้ แม่พันธุ์แมงมุมถูกแรงปะทะ ดีดลอยกลับมาบนใยเส้นเดิม
ณ จุดที่ห่างไกลออกไป ทั้งสามสามารถเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสัตว์ร้ายระดับราชันย์ตนนี้ได้อย่างชัดเจน ขากรรไกรของทั้งหมดอ้าค้าง เกือบจะร่วงตกกระแทกกับพื้น
“อั่นเอ๋าอำไอ้อังไออัน?” เซ่าเซี่ยงกล่าวไม่เป็นภาษา ทั้งๆที่ยังอ้าปากค้าง
“บางทีคงเป็นเพราะเขาคือผู้ใช้อบิลิตี้ เลยครอบครองพลังสมาธิมหาศาลล่ะมั้ง?” เหอหลิงนึกได้แค่คำตอบนี้
แต่วังเฉินไม่ได้คิดแบบนั้น
“ถึงผู้ใช้อบิลิตี้จะมีพลังสมาธิแข็งแกร่งกว่ามือปืน แต่การควบคุมพลังสมาธิ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเรียนรู้กันได้ในชั่วข้ามคืน กระบวนการทำงานของมันละเอียดอ่อนมาก ยิ่งเป็นระยะไกล คงไม่ต้องกล่าวถึง!”
และระยะห่างระหว่างฉินเฟิงกับแม่แมงมุม อย่างน้อยก็ราวๆ 800 – 900 เมตร!
กระทั่งวังเฉินเอง ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงสามารถทำได้อย่างไร!
บนสนามรบ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่ากระสุนของฉินเฟิงจะแม่นยำแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถหยุดการไล่ล่าของแม่พันธุ์แมงมุมระดับราชันย์ตัวนี้ได้
ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือไม่ถึง 1 กิโลเมตร ภายใต้การถูกระเบิดโจมตีอย่างรุนแรง แม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กโกรธจนแทบคลั่ง
ในระยะห่างราวๆเกือบ 1 กิโลเมตร ก่อนที่แมงมุมจะเข้ามาถึงตัว ฉินเฟิงก็ได้สาดกระสุนปืนใหญ่ออกไปอีกกว่า 8 นัด! ไม่เพียงโดนทุกนัด แต่ยังเป็นการโดนซ้ำๆบนท้องน้อยจุดเดิมอีกด้วย!
แต่น่าเสียดาย ที่เหอหลีเหลือกระสุนปืนใหญ่ทิ้งไว้ให้เขาแค่ 12 นัดเท่านั้น หลังจากที่ฉกมันมาจากห้องทดลองในช่วงแรก ฉินเฟิงก็ใช้มันจนหมดซะแล้ว!
กริ๊ก กริ๊ก!
ฉินเฟิงถอดชิ้นส่วนปืนใหญ่มือ โยนให้ไป๋หลี
ไป๋หลีรับมัน เก็บกลับพื้นที่มิติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กเองก็ได้มาถึงตึกเดียวกันกับที่ฉินเฟิงยืนอยู่แล้ว
ปลายเท้าแหลมแมงมุมยักษ์วาดสะบัดไปมาอย่างต่อเนื่อง จิ้มทิ่มแทงบนตัวอาคารสูง 12 ชั้น ปีนขึ้นไปหาฉินเฟิง
“ตายซะ!”
ฉินเฟิงชักมีดออกจากฝัก
ในพริบตา ปรากฏแสงสีขาวทองสาดกระทบกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่างโดดเด่นสะดุดตา ราวกับมีดาวตกมาคั่นขอบฟ้า
ฉินเฟิงกระตุ้นม้าศึก ม้าศึกเริ่มลงมือทันที หลอมรวมเข้ากับความมืดมิด
ซ่อนเงา!
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.114 – กระบวนท่ามีด : พลุไฟสงคราม
ในช่วงเวลานี้ แม้ทั้งสามจะกำลังส่องกล้องสโคปอยู่ แต่ก็หาร่างของฉินเฟิงไม่พบแล้ว
ปัจจุบัน ไม่ใช่แค่วังเฉินและคนอื่นๆที่กำลังสังเกตฉินเฟิง ยังมีผู้ใช้พลังบางคนที่รอดชีวิต เมื่อได้ยินถึงเสียงนี้ คนแล้วคนเล่าก็ทยอยกันออกมาตรวจสอบสถานการณ์
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีคนไปกระตุ้นแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กอย่างกระทันหัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นช่วงเวลากลางคืนที่สัตว์ร้ายทรงพลังที่สุด!
ในระยะห่างออกไปหลายกิโลเมตร ผู้คนรู้สึกราวกับว่าตนกำลังเฝ้ามองดูมือปืนผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนาน
“แต่น่าเสียดายที่มือปืนอ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิด หากถูกแม่พันธุ์แมงมุมตัวนั้นจับได้ เขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ทำไมต้องทำอะไรไร้สาระแบบนั้นด้วยนะ! แบบนี้พวกแมลงก็ยิ่งอยู่กันไม่สงบน่ะสิ!”
ทุกท่านคงนึกออกกันแล้ว ว่าหากฝั่งมนุษย์ได้ยินเสียงต่อสู้นี้ ทางฝั่งแมลงสัตว์ร้ายก็ย่อมต้องได้ยินเช่นกัน!
แมลงทั้งหมดที่ได้ยินเสียง ต่างมุ่งตรงไปยังทิศทางของฉินเฟิง!
—-
ท่ามกลางความมืดมิด ด้วยการช่วยเหลือของศิลานรก ส่งผลให้อบิลิตี้ธาตุมืดของฉินเฟิงแข็งกร้าวขึ้นอย่างมหาศาล ซ่อนเงาของเขากระทั่งราชันย์สัตว์ร้ายก็ไม่อาจหาพบ
เพราะฉินเฟิงคือราชาแห่งความมืด ช่วงเวลาค่ำคืนคือโลกของเขา
ม้าศึกค่อยๆปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“ลำแสงแห่งความมืด!”
รังสีอันมืดมิดโถมทับลงบนแม่พันธุ์แมงมุมอย่างเงียบๆ
ช่วงเวลานี้ พลังของรูนมืดระเบิดออก พลังงานของมันเพียงพอที่จะเริ่มทำลายเซลล์จนแห้งเหี่ยว อำนาจและความแข็งแกร่งของแม่พันธุ์ค่อยๆถดถอยลง
นี่เองคือผลลัพธ์ที่ฉินเฟิงต้องการ
เพราะชัดเจนว่าแม่พันธุ์แมงมุมในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อกร
จังหวะเดียวกันกับที่ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังพิเศษออกมา แม่พันธุ์แมงมุมก็สามารถตระหนักได้ถึงตำแหน่งของฉินเฟิง
พรวดดด!
ใยแมงมุมขนาดใหญ่ถูกพ่นออกไป
ฉินเฟิงดีดตัวถอยไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
ใยแมงมุมกระทบกับตัวอาคารเบื้องหลังฉินเฟิงทันที และติดหนึบอยู่ที่นั่น บางส่วนของใยกระทบเข้ากับหน้าต่าง แต่ถึงขั้นสามารถบดขยี้หน้าต่างจนแหลกได้โดยตรง
เห็นแบบนี้ คุณคงสามารถจินตนาการได้ใช่หรือไม่ ว่าแรงปะทะของมันน่ากลัวมากเพียงใด
แม่พันธุ์แมงมุมเริ่มขยับขาทั้งแปด หมุนตัวกลับไปกลับมารอบๆ คอยสาดสายตาน่าสยองเกล้าไปในความมืดมิด แต่แล้วจู่ๆมันก็ลื่นไถลอย่างกระทันหันนั่นเพราะ—
–เคร้ง!
บังเกิดเสียงเชือดเฉือนอันคมชัด พร้อมกับร่างของฉินเฟิงที่ถูกเปิดเผยออกมา
ท่ามกลางความมืดมิด ดาบกษัตริย์ครามสาดแสงกระจ่างใสสีทองดั่งดวงดาวสุกสกาว
อาวุธที่ทรงพลานุภาพสามารถตัดปลายเท้าแหลมของแม่พันธุ์แมงมุมระดับราชันย์ได้ในพริบตา!
แต่แรงปะทะของมีดก็ทำให้ฉินเฟิงปลิวขึ้นไปในอากาศเช่นกัน
“ช่วยรับฉันที เจ้าม้าศึก!!”
แรงดีดจากการฟาดฟันถูกทำให้รุนแรงน้อยลงโดยม้าศึก ถึงกระนั้นฉินเฟิงก็ยังกระเด็นเข้าใส่ตึกสูง จนหน้าต่างทั้งตึกแตกกระจาย
พรวด!
ไม่รอให้พักหายใจ เส้นใยแมงมุมพุ่งตามเข้ามาทันที ฉินเฟิงเร่งหลบลี้อย่างรวดเร็ว แต่ใยก็ไปติดตามผนัง เริ่มบดบังหนทางของเขา
“แบบนี้ไม่ดีแน่!”
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
“ใบมีดมิติ!”
เมื่ออยู่ในตึกซึ่งเป็นมุมอับสายตา ไป๋หลีที่ไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆเลย ในที่สุดก็เริ่มลงมือ ใบมีดมิติตัดใยแมงมุมหนาระดับราชันย์ได้อย่างง่ายดาย —แม่พันธุ์แมงมุมที่เดิมทีจะไต่มาตามเส้นใย ร่วงตกลงอย่างกระทันหัน
แต่อีกเส้นใยแมงมุมก็พุ่งตามมาติดๆ ไล่ล่าฉินเฟิงไม่หยุดยั้ง
กราว กราว …
อาคารหลังนี้สูงเจ็ดชั้น และยังอยู่ในย่านชุมชนระดับสูงของเมืองหาน ซึ่งหมายความว่าโครงสร้างของมันย่อมมั่นคงแข็งแกร่ง แต่เวลานี้กลับไม่สามารถรองรับความเสียหายที่เกิดจากราชันย์สัตว์ร้ายได้
แม่พันธุ์กระทุ้งปลายเท้าแหลมของมันอย่างดุเดือด จนมุมหนึ่งของกำแพงอาคารเปิดออก
ฉินเฟิงกระโดดขึ้นควบม้าศึก รีบพุ่งตัวออกจากรูรั่วอาคารที่พังทลายลงทันที ชิ้นส่วนคอนกรีตเริ่มร่วงหล่นตกลงมา เศษฝุ่นมากมายฟุ้งกระจายไปทั่ว
“ระบำดอกไม้ไฟ!” ฉินเฟิงคว้าโอกาสนี้ ฝ่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีดกษัตริย์ครามเฉือนเข้าใส่ปลายเท้าแหลมแม่แมงมุม ท่ามกลางเปลวเพลิงในห้อง ปลายเท้าแหลมที่สองของแม่พันธุ์ถูกตัดสะบั้น ขาดออกทันที
“จี๊—”
แม่แมงมุมกรีดร้องคลุ้มคลั่ง
มันตวัดปลายเท้าแหลมที่เหลือ จ้วงแทงออกไป หมายจะสับฉินเฟิงให้เป็นชิ้นๆ
ฉินเฟิงควบม้าศึก หลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว
โครม!
ตัวอาคารพังทลายลง
“ระบำดอกไม้ไฟผสานรูน!”
ฉินเฟิงโพล่งออกมาอีกครั้ง
บนมีดกษัตริย์คราม รูนไฟเริ่มสะท้อนแสงก่อร่างเป็นรูปพัด ขณะเดียวกันกำลังภายในก็ถูกควบรวม ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง เปลวไฟที่เดิมทีปะทุออกราวกับจุดดวง แพร่กระจาย ขยายออกไปกว่าหลายสิบเมตร!
รู้ใช่หรือไม่ว่ากำลังภายในของฉินเฟิงทรงพลังเพียงใด ปัจจุบันมันเอ่อล้นราวกับน้ำหลาก โถมทับทั่วชั้นอากาศอย่างรวดเร็ว
ในพริบตา เปลวเพลิงก็ห่อหุ้มทั้งตัวแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็ก
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!!
แมงมุมระดับราชันย์ดีดตัวขึ้นด้วยตกใจ เปลวไฟเริ่มลุกไหม้ แผดเผาร่างกายของมันอย่างรุนแรง มันหวาดกลัวจนเริ่มอาละวาดคลั่ง
การดิ้นรนของมันเริ่มก่อความเสียหายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในพริบตา ตึกรามใกล้เคียงก็ถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง
แม่พันธุ์แมงมุมดิ้นรนคลุ้มคลั่ง ในที่สุดก็สามารถดับเปลวเพลิงบนร่างกายได้ ไม่รอช้า มันกระโจนเข้าหาฉินเฟิงในฉับพลัน
ฉินเฟิงไม่กล้าที่จะต้านกลับตรงๆ เขาทำได้แค่กระตุ้นม้าศึก ควบมันวิ่งเตลิดไป
การต่อสู้ในครั้งนี้ ดุเดือดเกินไปจริงๆ
เสียงดังสนั่น สะท้านสะเทือนไปตลอดทั้งเมืองหาน
ฉินเฟิงอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วง การต่อสู้กับแม่พันธุ์แมงมุมเริ่มมาถึงจุดเดือด
“รับมือยากจริงๆ!”
ฉินเฟิงทราบดี ว่านี่เป็นเพราะแม่พันธุ์แมงมุมมันมีขนาดใหญ่มากเกินไป
แม้ความแข็งแกร่งของมันจะพอๆกับชุดคลุมดำกระหายเลือด แต่เนื่องจากตัวของชุดคลุมดำที่เล็กกว่า ไหนจะภูมิคุ้มกันพลังมืดของเขา มันจึงช่วยลดทอนความยากลำบากที่ฉินเฟิงต้องเผชิญในการต่อสู้ครั้งนั้นได้
แต่ตอนนี้ สถานการณ์ไม่สู้ดีอย่างเห็นได้ชัด
เขาแทบจะไม่ต้องเปลืองแรงใดๆในการต่อกรกับชุดคลุมดำกระหายเลือด แต่การที่ต้องคอยหลบหลีกแมงมุมยักษ์ระดับราชันย์เนี่ยสิ ฉินเฟิงถึงขั้นต้องทุ่มด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามี
ถ้าไม่ใช่เพราะม้าศึก ฉินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะถูกบดขยี้ตายไปกี่ครั้งแล้วระหว่างหลบหนี
แน่นอน ก็ใช่ว่าฉินเฟิงจะไม่คืบหน้าเลยซะทีเดียว เพราะเวลานี้สามปลายเท้าแหลมของแม่พันธุ์แมงมุมได้ถูกตัดออกไปแล้วโดยฉินเฟิง
“ควรจะถึงเวลาที่เราหยุดพักสักครู่”
“ซ่อนเงา!”
ฉินเฟิงผสานรวมไปกับความมืด เก็บออมแรงก่อนเตรียมออกไปสู้อีกครั้ง
—-
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน เวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ชั่วโมงเต็ม จนปัจจุบัน เริ่มปรากฏเส้นแสงขึ้นบนขอบฟ้า
อีกไม่นาน … ก็จะรุ่งสางแล้ว!
หากแสงแดดสาดส่องมาถึง เวลานั้น ฉินเฟิงคงตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ฉินเฟิงเลยตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู
“เสี่ยวไป๋!”
ฉินเฟิงเรียกเสี่ยวไป๋ให้มาหาเขา
“อีกสักพักพวกเราจะเทเลพอร์ตไปตรงนั้น เข้าใจไหม?”
มือของฉินเฟิง ชี้ไปตรงท้องน้อยของแม่พันธุ์แมงมุม ในตำแหน่งที่เขาเคยยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าย้ำๆนับสิบลูก
“เข้าใจแล้ว!”
เสี่ยวไป๋พยักหน้า
อันที่จริง หากฉินเฟิงให้ไป๋หลีกลายร่างเป็นจิ้งจอก มันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะต่อกรกับแม่พันธุ์แมงมุม แต่ฉินเฟิงไม่ต้องการให้ไป๋หลีเผยตัว กระทั่งใบมีดมิติก็ใช้มันในยามวิกฤตเท่านั้น
และตอนนี้ มาถึงช่วงและวิกฤตที่ว่าแล้ว!
แม่พันธุ์แมงมุมกำลังคืบคลาน ฉินเฟิงพาเสี่ยวไป๋ไปยังมุมอับสายตาและ–
“–จังหวะนี้แหละ ไปเลย!”
ฉินเฟิงตะโกนอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลีพาฉินเฟิงไปกับมัน หายวับไปในทันที
วิซซซซซ!
วิสัยทัศน์ในแนวสายตาเปลี่ยนแปลงไป ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น และพบว่าตนได้มาถึงตำแหน่งส่วนท้องน้อยของแม่พันธุ์แมงมุมแล้ว!
รอบกายเขา เต็มไปด้วยเส้นขนที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรผุดงอกมาตามผิวหนังของมัน คล้ายกับเป็นหนามแหลมคอยปกป้องตนเองทิ่มแทงศัตรู
ที่ฉินเฟิงเลือกปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพราะมันเป็นจุดเดียวที่เกิดร่องรอยบาดแผลบนตัวแม่แมงมุม จึงไม่มีขนแหลมอยู่บนมัน
หากฉินเฟิงเทเลพอร์ตคลาดเคลื่อนตำแหน่งไปนิดเดียว เขาคงถูกขนที่คอยปกป้องร่างแมงมุมเจาะทะลุร่างไปแล้ว
“กระบวนท่ามีดผลาญสวรรค์ – พลุไฟสงคราม!”
ฉินเฟิงเหวี่ยงสะบัดมีดกษัตริย์ครามออกไป
เพียงพริบตา ปราณที่อัดแน่นก็ระเบิดออกจากมีดกษัตริย์คราม
บนมีด ปรากฏไอร้อนพวยพุ่งเดือดพล่าน
รูนเกิดการสั่นสะเทือน เพลิงโลกันต์ราวกับลาวา ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
เส้นแสงเปลวเพลิงนี้เจาะช่องท้องของแม่พันธุ์แมงมุมในทันที ล้วงลึกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง ทะลวงฝ่าเนื้อช่วงท้องขนาดใหญ่ ทะลุออกกลางหลังของมัน!
วู้มมมมม!
ลำแสงเปลวเพลิงทะยานเชื่อมต่อกับผืนฟ้า ฉากนี้คล้ายดั่งพลุไฟที่พวยพุ่งเป็นร้อยเมตร ตลอดทั้งเมืองหานสว่างไสวไปด้วยแสงสีแดงสดนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น