จำนนรักชายาตัวร้าย 102.3-103.5

ตอนที่ 102-3 ตายทั้งเป็น

 

ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องขอแต่งงานอย่างสนุกสนานไปตลอดทาง จนกระทั่งเดินทางกลับถึงที่พัก ก็เห็นตี้อู่เฮ่ออีกำลังประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยฝึกเดิน


 


 


“ตอนนี้ดวงตาเจ้าเพิ่งฟื้นคืน จะใจร้อนไม่ได้ ให้มองไปที่ไกลๆ ห้ามจ้องมองดวงอาทิตย์โดยตรงเด็ดขาด!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาเป็นชุด ราวกับสามีก็ไม่ปาน


 


 


“ข้ารู้แล้วน่า บ่นมากเสียจริง จ้องมองดวงอาทิตย์โดยตรง เจ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร”


 


 


หลังจากที่อวี้เฟยเยียนฝังเข็มรักษาดวงตาให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว ดวงตานางก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ยังมองเห็นไม่ชัดเจน ยังต้องดื่มยาเพื่อรักษาร่างกายต่อไป


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีที่ได้ชมการฝังเข็มที่ยอดเยี่ยมของอวี้เฟยเยียนก็ถึงกับต้องยอมซูฮกทั้งกายและใจ


 


 


เพื่อที่จะได้ศึกษาการแพทย์อวี้เฟยเยียนให้มากขึ้น ในทุกวันตี้อู่เฮ่ออีก็จะอยู่เป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย คอยจับตาดูความเป็นไปทุกอย่างของนาง ทั้งยังบันทึกอาการฟื้นฟูดวงตาของนางเอาไว้โดยตลอด


 


 


และทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยได้เห็นความมุมานะในการศึกษาวิชาแพทย์และอาการพูดมากของตี้อู่เฮ่ออี…


 


 


มีเสียงดังที่ข้างหูตลอดเวลา ราวกับหุ่นที่ตั้งค่าเอาไว้อย่างดีว่า เมื่อไหร่ทำอะไรบ้าง เมื่อไหร่กินอะไร เมื่อไหร่ดื่มอะไร ห้ามทำอะไร…


 


 


ในทุกวันตี้อู่เฮ่ออีจะเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ พูดย้ำคำพูดพวกนี้


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยฟังจนหูชาไปหมด


 


 


เพราะมีอวี้เฟยเยียนคอยดูแล บวกกับร่างกายที่ฟื้นคืนมา ดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยผู้เย่อหยิ่งจึงกลับมาอีกครั้ง


 


 


แต่ทว่าเมื่อต้องมาเจอกับหนุ่มทึ่มจอมบ่น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รับไม่ไหวจริงๆ!


 


 


“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”


 


 


ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวเช่นนี้ ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีก็หน้าแดงขึ้นมาทันที


 


 


“ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรคได้ฉันใด คำพูดที่จริงใจแม้ฟังขัดหูแต่มีประโยชน์ฉันนั้น นี่ข้าก็ปฏิบัติตามสิ่งที่แม่นางอวี้เขียนเอาไว้ให้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้านะ!”


 


 


ใบหน้าเรียวแสนจะเรียบร้อยที่แสดงความเด็ดเดี่ยวและดื้อรั้นของตี้อู่เฮ่ออีปรากฏแก่สายตาของเชียนเยี่ยเสวี่ยอย่างชัดเจน


 


 


ถึงแม้ว่านางจะไม่เห็นใบหน้านั้นชัดเจน แต่แก้มแดงๆ ของเขานางก็เห็นแจ่มแจ้ง


 


 


“พูดก็พูดไปสิ หน้าแดงทำไมกัน!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยบ่นพึมพำไม่หยุด


 


 


“ใครหน้าแดงกัน!”


 


 


เพียงแค่ร้อนรน ตี้อู่เฮ่ออีก็จะหน้าแดงทันที


 


 


แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นความลับที่เขาเท่านั้นที่ล่วงรู้


 


 


มาตอนนี้ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยล่วงรู้เข้า ตี้อู่เฮ่ออีก็ยิ่งต้องหาวิธีการร้อยแปดมาปกปิด


 


 


“อธิบายก็คือปกปิด ปกปิดก็คือไม่ซื่อสัตย์…”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยเผยรอยยิ้มกับใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์ มันให้อารมณ์ที่แฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย


 


 


ก่อนหน้าที่ดวงตาทั้งสองข้างเชียนเยี่ยเสวี่ยขุ่นมัว ใบหน้าซีดขาว ถึงแม้ว่าจะเป็นสาวงามทว่ากลับดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา


 


 


มาวันนี้ร่างกายนางฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ ความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองปรากฏอยู่บนใบหน้า แลดูมีชีวิตชีวา ตี้อู่เฮ่ออีได้เห็นถึงกับตกตะลึงไปไม่น้อย


 


 


นางสวยจริงๆ!


 


 


เห็นตี้อู่เฮ่ออีตกตะลึงไป เชียนเยี่ยเสวี่ยก็สะบัดมือของเขาที่ประคองนางอยู่ออกไป


 


 


“ข้าเดินเองได้ ยังมีอีกนะ มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนสวยหรืออย่างไร!”


 


 


เห็นคนป่วยไม่ให้ความร่วมมือกับตน ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับปวดเศียรเวียนเกล้า


 


 


“ข้าไม่เคยเห็นสามงามที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจทำให้เป็นห่วงเช่นเจ้ามาก่อนนะสิ!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออียังคงดึงดันจับมือเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาไว้


 


 


“ก่อนที่เจ้าจะกลับไปมองเห็นอะไรชัดเจนเฉกเช่นแต่ก่อน ข้าก็คือไม้เท้าของเจ้า!”


 


 


คราวนี้ ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงอารมณ์ขึ้นเลยทีเดียว


 


 


มาพบกับตาทึ่มจอมดื้อดึงเช่นเขา นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี!


 


 


ต่อสู้ อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง


 


 


ด่า หมอนี่หน้าหนาไม่สะท้านสะเทือน แถมสุดท้ายยังยืนหยัดในความคิดของตนเองอีกด้วย


 


 


หัวโบราณจริงๆ เลย!


 


 


“พี่อวี้ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นคู่รักกันเลยนะเนี่ย”


 


 


หนานกงจื่อหลิงขยับเข้าหาอวี้เฟยเยียนแล้วกระซิบแผ่วเบา


 


 


ถึงแม้ว่านางจะกล่าวเสียงเบาๆ แต่ตี้อู่เฮ่ออีและเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ยังคงได้ยิน


 


 


“ใครปลูกต้นรักกับหมอนี่(นาง) กันหา!”


 


 


สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน


 


 


เห็นอีกฝ่ายกล่าวคำพูดเช่นเดียวกับตนเอง คนทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน แล้วกล่าวขึ้นพร้อมกันอีกว่า


 


 


“เจ้าเลียนแบบข้าทำไมกัน”


 


 


“โอ้โห ใจตรงกันอีกด้วย เหมือนที่ข้าพูดไว้ไม่ผิด ความจริงอยู่เหนือการแก้ตัวเสมอ!”


 


 


“ข้ามิได้ใจตรงกันกับหมอนี่ (นาง) เสียหน่อย!”


 


 


ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันด้วยประโยคเดียวกันอีกครั้ง ทำเอาหนานกงจื่อหลิงหัวเราะด้วยความขบขันเป็นการใหญ่


 


 


“ยังจะบอกว่าใจไม่ตรงกันอีก พูดก็พูดเหมือนกัน พวกท่านใช้หัวสมองเดียวกันหรืออย่างไร”


 


 


“ไม่ใช่!”


 


 


ขนาดเป็นการปฏิเสธ แต่พวกเขาก็ยังเอ่ยปากออกมาพร้อมกัน ยิ่งพิสูจน์ว่าสิ่งที่หนานกงจื่อหลิงคิดนั้นเป็นความจริง


 


 


สุดท้าย เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงก้าวหนีออกไปเสียเลย


 


 


ใครจะคาดคิด นางก้าวเดินเร็วเกินไปจึงมิทันสังเกตเห็นว่าด้านหน้ามีหินก้อนใหญ่อยู่ นางจึงก้าวพลาดล้มเอียงไปด้านหน้า


 


 


“ระวัง!”


 


 


วินาทีที่เชียนเยี่ยเสวี่ยคิดว่าตนเองจะต้องล้มคะมำอย่างน่าอนาถแน่แล้วนั่นเอง จู่ก็มีเบาะรองมีชีวิตมารองร่างนางเอาไว้


 


 


เมื่อมองดูอีกครั้ง เบาะรองมีชีวิตนั้นก็คือตี้อู่เฮ่ออีนั่นเอง


 


 


“เจ็บ…”


 


 


หกล้มคราวนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ทว่าสีหน้าตี้อู่เฮ่ออีกลับแสดงอาการเจ็บปวดอย่างมากจนเชียนเยี่ยเสวี่ยตกใจรีบชันกายลุกขึ้นทันที


 


 


“เจ้าทึ่ม ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”


 


 


“ข้าไม่ใช่เจ้าทึ่ม!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกัดฟันกล่าวตอบ


 


 


“ข้าเจ็บเอวจังเลย เหมือนเพิ่งกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่…”


 


 


เขากล่าวยังมิทันจบ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลากเขาขึ้นมา จึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่เอวด้านหลังของตี้อู่เฮ่ออีมีรอยเลือดดวงใหญ่ และหินก้อนใหญ่รูปสามเหลี่ยมที่พื้นด้านบนก็เต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน


 


 


คราวนี้ อวี้เฟยเยียนไม่รอดูความสนุกสนานอะไรอีกแล้ว นางรีบจ้ำอ้าวเข้าไปช่วยเหลือทันที


 


 


“เร็ว! รีบประคองตี้อู่เฮ่ออีเข้าไปด้านใน ข้าจะตรวจอาการให้เขา หากบาดเจ็บที่เอวล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ!”


 


 


อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยร้อนใจขึ้นมาทันที


 


 


วินาทีนั้นนางถึงกับลืมเลือนไปว่าตนเองเป็นผู้หญิง นางอุ้มตี้อู่เฮ่ออีขึ้นมาด้วยท่าอุ้มองค์หญิง แล้วก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องทันที


 


 


เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงอุ้ม อีกทั้งยังถูกอุ้มในลักษณะเช่นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีจึงได้แต่ตกตะลึง รอจนกระทั่งเชียนเยี่ยเสวี่ยวางเขาลงบนเตียง เขาจึงเริ่มหน้าแดงขึ้นมา


 


 


“เชียนเยี่ยเสวี่ย ข้าเป็นผู้ชาย!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวกับเชียนเยี่ยเสวี่ยเสียงอ่อย


 


 


ความหมายที่พูดก็คือ ข้าเป็นผู้ชาย ข้าเดินเองได้ อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะไว้หน้าข้าบ้าง!


 


 


“เอ่อ ขอโทษด้วย ข้าทำตัวเป็นผู้ชายมานาน ดังนั้นจึงลืมเลือนไปว่าตนเป็นสตรี!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยจับจมูกแก้ขัดเขิน ในขณะที่กล่าวตอบ


 


 


“ช่าช่า เจ้ารีบดูอาการให้ตาทึ่มนี่ทีว่าบาดเจ็บถึงอวัยวะภายในหรือไม่ หากว่าแทงไปถูกตับไตอะไรของเขาเข้า ข้าก็คงมีโทษมหันต์!”


 


 


ได้ยินคำพูดเช่นนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็แทบจะกระอักเลือดออกมา เขารีบกัดฟันกล่าวว่า


 


 


“ขอบคุณในความห่วงใย ไตของข้าไม่มีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย แข็งแรงดีทุกประการ!”


 


 


บทสนทนาของคนทั้งสองความหมายลึกล้ำ อวี้เฟยเยียนที่ได้ฟังถึงกับกุมขมับ


 


 


พวกเจ้าทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันเรื่องความสำคัญของไตต่อเพศชาย มันเหมาะสมแล้วหรือ


 


 


ทว่า ในฐานะที่เป็นหมอ อวี้เฟยเยียนยังคงต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้กับตี้อู่เฮ่ออีอย่างรวดเร็ว


 


 


กระทั่งตี้อู่เฮ่ออีถอดเสื้อผ้าออก เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยเห็นบาดแผลที่บริเวณเอวซ้ายของตี้อู่เฮ่ออีแล้ว นางถึงกับเงียบลงไปถนัดตา หากมิใช่ตี้อู่เฮ่ออีมารองเอาไว้ละก็ คนที่บาดเจ็บก็คือนาง!


 


 


“เป็นอะไรไปหรือ”


 


 


เห็นอวี้เฟยเยียนขมวดคิ้ว ในใจเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนรนขึ้นมาทันที


 


 


“บาดแผลใหญ่ ต้องทำการเย็บแผล…”


 


 


ว่าแล้วอวี้เฟยเยียนก็เร่งรีบตระเตรียมเข็ม ด้าย เหล้าดีกรีร้อนแรง น้ำร้อน และขณะที่อวี้เฟยเยียนกำลังจะลงมือนั่นเอง ตี้อู่เฮ่ออีสีหน้าหวาดกลัวกล่าวขึ้นกับอวี้เฟยเยียนว่า


 


 


“แม่นางอวี้ ข้ากลัวเจ็บที่สุด ไม่เช่นนั้นเจ้าทำให้ข้าสลบไปเถอะ!”


 


 


เป็นหมอพบเจอกับความเป็นความตายมานักต่อนัก แค่นี้เขากลับกลัวเจ็บ


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับได้เปิดหูเปิดตา


 


 


ทว่าสีหน้าของตี้อู่เฮ่ออีดูไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำ อีกทั้งที่หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาบริเวณไรผมมากมายจนชุ่ม ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้สึกผิดไม่น้อย


 


 


“เจ้าทึ่ม ขอโทษด้วยนะ ทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บ รอให้เจ้าหายดีก่อน ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง!”


 


 


“อย่าพึ่งพูดมากอะไรตอนนี้เลย เร็วเข้า ต่อยข้าสักหมัดเอาให้สลบเลยนะ ข้าขอบคุณเจ้าล่วงหน้าเลย!”


 


 


คำพูดตี้อู่เฮ่ออี สามารถทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง


 


 


“กินไอ้นี่เสีย!”


 


 


อวี้เฟยเยียนส่งยาเม็ดหนึ่งให้กับตี้อู่เฮ่ออี


 


 


สำหรับอวี้เฟยเยียนเขาไม่มีลังเลแม้แต่น้อย ตี้อู่เฮ่ออีอ้าปากกินยานั้นเข้าไปทันที


 


 


“นี่มันยาอะไร รสชาติแปลกประหลาดยิ่งนัก…โอ๊ย ใครจั๊กจี้ข้า”


 


 


เห็นตี้อู่เฮ่ออีเริ่มออกอาการปัญญาอ่อน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็แตะที่ไหล่ของเขาเบาๆ ให้เขาหันมามอง ว่าอวี้เฟยเยียนกำลังลงมือเย็บแผลให้กับเขาอยู่ แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยรู้สึกเหมือนมดกัดอย่างไรอย่างนั้น มันคันยุบยิบ!


 


 


ที่แท้แล้วยาเมื่อครู่ก็มีประโยชน์!


 


 


“แม่นางอวี้ หากเจ้ามีเวลาไปเป็นแขกที่เผ่าตานของข้าเถอะ! เผ่าตานเรายินดีต้อนรับเจ้ามากแน่ๆ!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนลึกลับยากจะคาดเดายิ่งนัก วิชาแพทย์นางช่างสูงส่ง หากไปเยี่ยมเยือนที่เผ่าตานละก็จะต้องเป็นแขกกิตติมศักดิ์อย่างแน่นอน


 


 


“ได้สิ! หากข้ามีเวลาจะต้องไปเยี่ยมเยือนเจ้าแน่!”


 


 


อวี้เฟยเยียนตั้งใจเย็บแผลให้อย่างดีที่สุด สุดท้ายยังทำแผลให้กับเขาด้วยความระมัดระวังอีกด้วย


 


 


“หลังจากนี้เจ็ดวันตัดไหม ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ห้ามอาบน้ำ ห้ามออกกำลัง ยังมีอีก…”


 


 


อวี้เฟยเยียนมองไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


“เขาดูแลเจ้ามาตั้งนาน ตอนนี้ถึงคราวเจ้าดูแลเขาบ้าง!”


 


 


คราวนี้ไม่เพียงแต่เชียนเยี่ยเสวี่ย แม้แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็งงงวยไปตามๆ กัน


 


 


ให้เชียนเยี่ยเสวี่ยดูแลเขา


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีไม่วางใจในเชียนเยี่ยเสวี่ยแม้แต่น้อย!


 


 


“แม้แต่ตัวเองนางเองยังดูแลได้ไม่ดีเลย…”


 


 


เมื่อได้ยินตี้อู่เฮ่ออีกล่าวเช่นนี้ แฝงความหมายดูถูกตนอย่างมาก เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ตัวตั้งตรงอกผายไหล่ผึ่ง


 


 


“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ช่าช่า เรื่องดูแลเจ้าทึ่มนี่ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะต้องทำมันให้ดี!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยให้การรับรองเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็วางใจ ในตอนนั้นเองที่เชียนเยี่ยเสวี่ยพึ่งจะค้นพบว่า เมื่อครู่ตนเองใจร้อนเกินไปนางอุ้มตี้อู่เฮ่ออีมาไว้บนเตียงในห้องของตัวเองเสียนี่


 


 


ตอนนี้ตี้อู่เฮ่ออีนอนอยู่บนเตียงนาง แล้วคืนนี้นางจะนอนอย่างไรกัน! 

 

 


ตอนที่ 102-4 ตายทั้งเป็น

 

“เช่นนั้นก็ดีเลย มีทั้งเตียงไม้ไผ่ มีทั้งเก้าอี้เอน เจ้าเลือกได้เลยหนึ่งอย่าง หากว่าตอนกลางคืนเขาตื่นขึ้นมาต้องการทำธุระส่วนตัว ไม่มีใครคอยดูแลจะไม่ดี!”


 


 


อวี้เฟยเยียนกล่าวยิ้มๆ


 


 


ถึงแม้ว่าตี้อู่เฮ่ออีจะมีอาการทึ่มๆ ไปบ้าง หัวแข็งไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจเชื่อถือได้ ทั้งยังมีความรักใคร่ในชนเผ่าบ้านเกิดและซื่อสัตย์ เห็นได้ชัดว่าเนื้อแท้เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง!


 


 


อวี้เฟยเยียนคิดว่าตี้อู่เฮ่ออีและเชียนเยี่ยเสวี่ยสามารถสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกันได้


 


 


อย่างน้อยที่สุด หลังจากที่เผชิญกับเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน มุมมองในเรื่องความรักเชียนเยี่ยเสวี่ยก็คงจะย่ำแย่อย่างที่สุด จึงต้องการคนที่เด็ดขาดหนักแน่น มาเปิดประตูหัวใจของนางออก


 


 


ยิ่งกว่านั้นตี้อู่เฮ่ออีก็มิใช่คนที่มากรักหลายใจ ได้คนรักที่เป็นพวกรักเรียนอยู่ในกรอบเช่นนี้ เชื่อถึงได้อย่างแน่นอน!


 


 


เพียงแต่ไม่รู้ว่าตี้อู่เฮ่ออีอยู่มีฐานะใดในเผ่าตาน ไม่รู้เขาว่าแต่งงานกับคนนอกชนเผ่าได้หรือไม่…


 


 


แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นางก็อยากลองเป็นแม่สื่อแม่ชักดูสักครั้ง!


 


 


อวี้เฟยเยียนรู้ว่านิสัยทั้งสองคนส่งเสริมซึ่งกันและกัน จับคู่กันขึ้นมาน่าสนใจยิ่งนัก!


 


 


“ไม่ต้องลำบากนางหรอก!”


 


 


อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาตรงๆ ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีถึงกับหน้าแดงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน


 


 


“ข้าดื่มน้ำให้น้อยก็พอแล้ว…”


 


 


“อากาศร้อนถึงเพียงนี้ดื่มน้ำน้อย ท่านอยากเป็นไตอักเสบหรืออย่างไร” อวี้เฟยเยียนกอดอกกล่าวต่อว่า “เรื่องนี้ตกลงตามนี้แหละ เจ้าช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางตอบแทนเจ้าก็เป็นเรื่องที่สมควร!”


 


 


คำพูดอวี้เฟยเยียน เชียนเยี่ยเสวี่ยเห็นด้วยเป็นอย่างมาก


 


 


ก่อนหน้านี้นางเคยสาบานเอาไว้ ส่วนเงื่อนไขตี้อู่เฮ่ออีก็คือขอให้นางช่วยสืบข่าวตี้อู่หงเยี่ยขณะที่อยู่ในฉินจื้อ


 


 


แต่ตอนหลังตี้อู่หงเยี่ยถูกซย่าโหวฉิงเทียนกำจัดไป เรื่องนี้นางจึงทำให้เขาไม่ได้แล้ว


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ชอบติดค้างอะไรใครเสียด้วย ตี้อู่เฮ่ออีกับนางพบกันโดยบังเอิญ ติดค้างหนี้ชีวิตเขา ข้อนี้เองทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยมิอาจทำใจยอมรับได้


 


 


บุญคุณในครั้งนี้ จะต้องตอบแทน!


 


 


“เจ้าทึ่มเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ทำตามที่ช่าช่าบอก ช่าช่าให้ทำเช่นนี้ เจ้าก็ต้องทำเช่นนี้ สำหรับเรื่องอื่น เจ้าไม่ต้องกังวลใจ ข้าจะดูแลเจ้าเอง!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนช่างเป็นสมกับเป็นพี่น้องของนางจริงๆ!


 


 


อวี้เฟยเยียนรู้ว่านางติดค้างน้ำใจตี้อู่เฮ่ออี จึงให้นางตอบแทนคืนเขาด้วยวิธีนี้!


 


 


สิ่งที่ตอบแทนคืนยากที่สุดนั่นก็คือ ติดค้างน้ำใจของผู้อื่น!


 


 


นางไม่อยากจะติดค้างตี้อู่เฮ่ออีตลอดชีวิตหรอกนะ!


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยไหนเลยจะรู้ว่าที่อวี้เฟยเยียนทำเช่นนี้ก็เพื่อจะจับคู่นางและตี้อู่เฮ่ออี


 


 


แน่นอนกว่าที่เชียนเยี่ยเสวี่ยจะรู้ตัว ต้นรักก็คงงอกงามในใจของคนทั้งสองไปแล้ว


 


 


หลังจากดูแลตี้อู่เฮ่ออี เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้รู้ว่าการดูแลคนป่วยนั้นมันยากลำบากเพียงใด


 


 


ถึงแม้ว่าตัวนางจะดูแลตัวเองมาตั้งแต่เล็ก ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ แต่การดูแลผู้อื่นเช่นนี้นี่เป็นครั้งแรก


 


 


ตี้อู่เฮ่ออียังถือว่าเป็นคนป่วยที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไม่เจตนาแกล้งนางแม้กระทั่งการจะไปทำธุระส่วนตัวหรือหากอั้นไม่อยู่จริงๆ จึงจะยอมแบกหน้าแดงๆ มาบอกกับนางว่า


 


 


“ข้าอยากจะไปเข้าห้องน้ำ”


 


 


ครั้งแรกที่เขาต้องการไปห้องน้ำนั่นก็คือช่วงบ่ายหลังจากที่เย็บแผล


 


 


ในตอนนั้นตี้อู่เฮ่ออีกลั้นเอาไว้จนแทบแย่


 


 


เมื่อนึกถึงว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นผู้หญิง เขาจึงมิกล้าจะเอ่ยปากแม้กระทั่งว่าตนเองกำลังลำบาก


 


 


แต่อวี้เฟยเยียนก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ว่าจ้างบ่าวชายเด็ดขาด


 


 


หลังจากข้อเสนอตนถูกอวี้เฟยเยียนปฏิเสธ ตี้อู่เฮ่ออีจึงต้องขอความช่วยเหลือจากเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออีคิดไว้นั่นก็คือ เชียนเยี่ยเสวี่ยมิได้คิดว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าเขินอายแต่อย่างใด นางกลับประคองตี้อู่เฮ่ออีไปห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง


 


 


“ให้ข้าเข้าไปช่วยประคองท่านข้างในด้วยหรือไม่”


 


 


เมื่อเดินมาถึงที่หน้าประตู เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงกล่าวขึ้น


 


 


ทว่าคำพูดนี้ของนาง ตี้อู่เฮ่ออีกลับตีความหมายเป็นอื่น เช่นนั้นเขาจึงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธนางทันที


 


 


“ไม่ละ! มือข้ามิได้บาดเจ็บ ประคองเองได้…”


 


 


เมื่อเขาพูดเช่นนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้เข้าใจว่าตี้อู่เฮ่ออีคิดไปอย่างไร ดังนั้นจึงสบถออกมาคำหนึ่ง


 


 


“เจ้าทึ่ม เจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าจะประคองเจ้า ไม่ใช่ประคองมันสักหน่อย!”


 


 


ในขณะที่พูด ดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยก็กวาดมองลงไปที่ส่วนล่างของตี้อู่เฮ่ออี ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีรีบปิดประตูแทบไม่ทัน


 


 


กุลสตรีแข็งแกร่งเช่นนี้ เขารับไม่ค่อยจะไหวจริงๆ!


 


 


ได้ยินเสียงปลดทุกข์ที่ดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ ก็คิดว่าตี้อู่เฮ่ออีคงจะอั้นเอาไว้จนหน้าดำหน้าแดง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก


 


 


เจ้าทึ่มนี่ก็น่าสนใจเหมือนกันนี่นา!


 


 


ทึ่มขนาดหนักจริงๆ!


 


 


รอจนกระทั่งตี้อู่เฮ่ออีออกมา เชียนเยี่ยเสวี่ยก็เข้าประคองเขา กล่าวถามหนึ่งประโยค


 


 


“ให้ข้าหากระโถนเตรียมไว้ในห้องสักใบหรือไม่ เจ้าจะได้ไม่ต้องเขินอาย!”


 


 


ในบ้านชาวบ้านทั่วไป มักจะวางกระโถนเอาไว้ข้างเตียง เช่นนี้ตอนกลางคืนจึงไม่ต้องออกมาข้างนอก


 


 


มองดูใบหน้าที่จริงจังของเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่เฮ่ออีก็ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย


 


 


“ไม่ต้องหรอก! อากาศร้อนเช่นนี้ ไว้ในห้องจะเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์!”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าฉี่ออกมาได้เลยข้าช่วยเอาไปเทให้เอง…”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวตอบด้วยสีหน้าไม่ยี่หระแต่อย่างใด แล้วยังกล่าวว่า


 


 


“อีกอย่าง นั่นเป็นห้องของข้า ต่อให้เหม็นก็ไม่เป็นไร!”


 


 


แม่นาง เจ้าอย่าได้ผ่าเผยเช่นนี้ได้หรือไม่!


 


 


เจ้าเป็นสตรีที่เข้มแข็งเช่นนี้ ทำเอาข้ากลายเป็นไก่อ่อนปวกเปียกไปเลย!


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีเกือบจะร้องไห้ออกมา


 


 


“ไม่ต้องหรอก ข้าไปห้องน้ำอย่างเดิมนั่นแหละ!”


 


 


เห็นตี้อู่เฮ่ออียืนยันเช่นนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก กล่าวเพียงประโยคสุดท้าย


 


 


“เจ้าวางใจได้เลย ขณะที่เจ้าเข้าห้องน้ำ ข้าไม่แอบมองอย่างแน่นอน!”


 


 


“หุบปากนะ!”


 


 


ในที่สุด ตี้อู่เฮ่ออีที่แสนดีก็ทนไม่ไหวสบถออกมา ดังนั้นเรื่องที่จะวางกระโถนเอาไว้ในห้องก็เป็นอันจบไปด้วยประการละฉะนี้


 


 


ในคืนนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยที่กำลังหลับๆ ตื่นๆ พลันก็ได้ยินเสียงวัตถุหนักร่วง ‘ตุ๊บ’ ลงบนพื้น


 


 


กระทั่งนางจุดตะเกียงก็พบตี้อู่เฮ่ออีสูดปากนอนอยู่ที่พื้น  ทำเอานางตกใจจนต้องรีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมาทันที


 


 


“เจ้าทึ่ม เจ้าเป็นอะไร”


 


 


“ข้า ข้าอยากจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่กล้าเรียกเจ้า ก็เลยจะไปเอง!”


 


 


ในตอนที่กำลังไปเองนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็คลำหาทางอย่างระมัดระวังยังดีที่ไม่เป็นอะไร


 


 


แต่เมื่อเขาเดินมาจนถึงข้างเตียง ด้วยความที่มองไม่เห็นเขาจึงสะดุดล้มลงไป


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีรู้สึกเจ็บบาดแผลที่บริเวณเอวเป็นอย่างมาก เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยเลิกเสื้อผ้าออกดู ก็พบว่ามีเลือดซึมออกมาจากบาดแผล ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยตกอกตกใจเป็นอย่างมาก


 


 


“เจ้านอนลงดีๆ อยู่ตรงนี้นะ กลับมาค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้า!”


 


 


ถึงแม้ว่าจะโกรธเคือง แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รีบไปตามอวี้เฟยเยียนมาก่อนเป็นอันดับแรก


 


 


อวี้เฟยเยียนทำแผลให้กับตี้อู่เฮ่ออีใหม่ หลังจากทายาให้แล้ว นางก็กำชับอีกครั้ง จนเชียนเยี่ยเสวี่ยรับรองว่านางจะดูแลเขาอย่างดี อวี้เฟยเยียนถึงได้ออกไป


 


 


เมื่อประตูปิดลง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็พับแขนเสื้อของตนเอง เดินอาดๆ ไปที่ข้างเตียงด้วยท่าทางน่ากลัว


 


 


“เจ้าจะทำอะไร”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทว่ายังมิทันที่เขาจะหลบซ่อนตัว ก้นเขาก็ถูกฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงมาที่ก้นอย่างแรงสองครั้ง


 


 


ในตอนนั้น เขาถึงกับตกตะลึงอึ้งไปเลยทีเดียว


 


 


โตๆ กันแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกตีก้นทั้งยังถูกสตรีตีก้นอีก นับเป็นการลบหลู่เขาอย่างแรง!


 


 


“เชียนเยี่ยเสวี่ย เจ้า เจ้า…”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับพูดจาตะกุกตะกัก ปากสั่นตัวสั่น


 


 


“เจ้า เจ้า เจ้าอะไร! ที่ข้าจะตีก็คือเจ้านั่นแหละ!”


 


 


“ตี้อู่เฮ่ออี ข้าขอเตือนเจ้านะ! ตอนนี้เจ้าคือคนป่วย เจ้าก็ต้องเป็นคนป่วยที่มีคุณภาพ นี่จึงถือเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับหมอที่รักษาเจ้า หากยังมีคราวหน้าอีกละก็ ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าอีกต่อไป!”


 


 


เดิมทีเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ทรงอำนาจดุดันอยู่แล้ว ยิ่งมากล่าวเช่นนี้ยิ่งแล้ว ตี้อู่เฮ่ออีเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเพราะตัวเขาที่ไร้เหตุผล


 


 


ทว่าถูกหญิงสาวตีก้นนี้ ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับเสียความมั่นใจอยู่เป็นนาน


 


 


“รู้ว่าผิดหรือยัง คราวหน้าหากต้องการจะไปเข้าห้องน้ำ รู้ว่าจะต้องเรียกคนหรือยัง”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งลงที่ข้างเตียง กำชับตี้อู่เฮ่ออีอีกครั้ง


 


 


“รู้แล้วน่า”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก


 


 


“เสียงเบาเกิน ข้าไม่ได้ยิน!” เชียนเยี่ยเสวี่ยดึงใบหูตนเองเบาๆ 

 

 


ตอนที่ 103-1 ร้องขอความตายต่างหากยากล...

 

“รู้แล้วน่า!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีตอบรับเสียงดังจนกระเทือนถึงแผลที่เอว เขาถึงกับต้องสูดปากด้วยความเจ็บแล้วค่อยๆ หย่อนกายนอนลงบนเตียง


 


 


“เจ็บละสิท่า ดูซิว่าคราวหน้าท่านยังจะกล้าไม่เชื่อฟังอีกหรือไม่!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยลุกขึ้นยืนแล้วฟาดไปที่ก้นตี้อู่เฮ่ออีอีกสองสามครั้ง ทั้งยังใช้นิ้วจิ้มไปที่ก้นเขาสองสามที


 


 


“แรงดีดกลับไม่เลวทีเดียว ดูไม่ออกเลยนะนี่ว่าเจ้าที่ผอมแห้งราวกับนกน้อยเช่นนี้ ในส่วนที่สำคัญของร่างกายกลับมีเนื้อมีหนังกับเขาเหมือนกัน!”


 


 


“เจ้า…” ตี้อู่เฮ่ออีใบหน้าแดงก่ำ “เจ้ามันยัยบ้า!”


 


 


“เหอะๆ! ” เชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งลงที่ข้างเตียง หัวเราะจนหน้าตาบูดเบี้ยว


 


 


“ข้าจะรังแกเจ้าเสียอย่าง เจ้าจะทำอะไรข้าได้!”


 


 


“เจ้าทึ่ม หากคราวหน้าเจ้าไม่เชื่อฟัง ไม่ตั้งใจรักษาบาดแผลล่ะก็ ข้าจะเป็นนักเลงตลอดไปเลย ข้าเป็นอ๋องเจ้าสำราญมาตั้งหลายปี ข้ามีวิธีมากนักที่จะรับมือกับคนเช่นเจ้า!”


 


 


ถูกนางข่มขู่มากเข้า ตี้อู่เฮ่ออีชักจะเกรงกลัวขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว


 


 


หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นหญิงแกร่งเพียงนี้ เขาก็ไม่ควรช่วยนางเอาไว้ตั้งแต่แรก!


 


 


ชักศึกเข้าบ้านโดยแท้!


 


 


จิ้งจอกสาวนางนี้!


 


 


น่ากลัวจริงเชียว!


 


 


เมื่อเห็นว่าตี้อู่เฮ่ออีก็เชื่อฟังในที่สุด เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้ทันทีว่าการข่มขู่ของตนได้ผล นางดับตะเกียงแล้วกลับไปเอนกายนอนลงที่เตียงไม้ไผ่


 


 


นางเพียงแค่เอนกายหัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับทันที ผิดกับตี้อู่เฮ่ออี ที่เอาแต่หน้าแดงราวกับกุ้งสุกอย่างไรอย่างนั้น ในหัวเขาปรากฏภาพเชียนเยี่ยเสวี่ยฟาดก้นเขาเองลอยไปลอยมาไม่หยุด


 


 


หญิงผู้นี้ช่างอาจหาญยิ่งนัก!


 


 


รอให้เขาหายดีก่อนเถอะ จะต้องสั่งสอนนางให้ได้รับความลำบากบ้าง!


 


 


จะให้ดีต้องใช้สลอด ให้นางท้องเสียเสียให้เข็ด!


 


 


คิดไปคิดมา ตี้อู่เฮ่ออีก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกไป รู้สึกหนักหัวราวกับเริ่มที่จะเป็นไข้


 


 


“นี่ เชียนเยี่ยเสวี่ย…”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีเสียแหบแห้ง ร้องเรียกขึ้น


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยเองก็ไม่ได้หลับสนิท ด้วยเกรงว่าตี้อู่เฮ่ออีจะเกิดเรื่อง ดังนั้นนางจึงยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น


 


 


เมื่อได้ยินเสียงเรียกของตี้อู่เฮ่ออี นางก็รีบกระเด้งตัวขึ้นมา จุดตะเกียงที่หัวเตียง


 


 


“เจ้าทึ่ม เป็นอะไรไป”


 


 


เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของตี้อู่หงเยี่ย เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนใจขึ้นมาทันที


 


 


“ข้าจะไปตามช่าช่า…”


 


 


“ไม่ต้อง!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีเรียกนางเอาไว้


 


 


“ข้าเองก็เป็นหมอคนหนึ่ง อวี้หลัวช่ายุ่งมาทั้งวันแล้ว ให้นางนอนเถอะ เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน!”


 


 


“ได้!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยตอบตกลงทันที


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีสั่งให้เชียนเยี่ยเสวี่ยไปตักน้ำอุ่นมา ถอดเสื้อผ้าของเขาออกแล้วให้นางทำการเช็ดตัวให้เขา


 


 


“เพราะอะไรถึงใช้น้ำอุ่น ข้าคิดมาตลอดว่าควรจะใช้น้ำเย็น!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวถามขึ้น


 


 


“น้ำเย็นจะทำให้ผิวหนังถูกกระตุ้นจนหดตัว ตรงกันข้ามน้ำอุ่นจะสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการระบายความร้อน”


 


 


ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยถอดเสื้อผ้าออก ตี้อู่เฮ่ออียังเขินอายเล็กน้อย ใครจะคาดคิดเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า


 


 


“ข้าก็ถูกท่านเห็นหมดแล้วเช่นกันมิใช่หรือ คราวนี้ท่านให้ข้าดูบ้าง เท่ากับเราสองคนเสมอกัน!”


 


 


คำพูดนี้ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีแทบกระอักเลือด


 


 


ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดคำพูดตอบโต้เชียนเยี่ยเสวี่ยอยู่นั้น ร่างของเขาก็เปลือยเปล่า ทำเอาเขาตกใจจนรีบเอามือมาปิดหน้าอกตนเอาไว้ทันที


 


 


รอบนี้ ถึงคราวเชียนเยี่ยเสวี่ยสนุกสนานบ้าง


 


 


“ข้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายกับเจ้าสักหน่อย ท่านเป็นชายองอาจคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้ทำท่าทางราวกับหญิงสาวอย่างนั้น อีกอย่าง หน้าอกเจ้าก็ไม่มีอะไรสวยงามน่ามองเสียหน่อย เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยมือบิดผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ แล้วปัดมือตี้อู่เฮ่ออีออก เริ่มเช็ดไปทั่วร่างของเขา


 


 


มือก็เช็ดตัวให้เขาไป ปากก็วิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย


 


 


“เห็นเจ้าทีไรพาลให้ข้านึกถึงนายผอมแห้งของช่าช่าขึ้นมาเจ้าทึ่ม ปกติเจ้าก็กินไม่น้อยนี่นา แล้วเนื้อมันไปออกตรงไหนหมด”


 


 


พลันเมื่อข้าขนหนูเช็ดผ่านไปที่หน้าอกตี้อู่เฮ่ออี สัมผัสเข้ากับตำแหน่งที่นูนออกมันมาให้ความรู้สึกซาบซ่าน หน้าตี้อู่เฮ่ออียิ่งแดงซ่านมากขึ้น


 


 


บวกกับคำพูดเหล่านั้นของเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้ชายหนุ่มเขินอายเป็นอย่างมาก สุดท้าย ตี้อู่เฮ่ออีจึงปิดตาลงเสียเลยพร้อมกับปิดปากให้สนิท ตัวตรงแน่ว


 


 


“เหอะ ตัวกะเปี๊ยกเท่านี้ คิดว่าข้าเป็นอันธพาลจริงหรืออย่างไรหา!”


 


 


ท่าทางเชียนเยี่ยเสวี่ยรวดเร็วว่องไว หลังจากเช็ดตัวให้กับตี้อู่เฮ่ออีแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็จัดแจงป้อนน้ำให้กับเขา


 


 


ด้วยความใกล้ชิด ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวจากร่างเชียนเยี่ยเสวี่ย กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมสะอาด ไม่มีกลิ่นเครื่องประทินผิวเจือปน มันให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก


 


 


ด้วยไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างเลยสักชิ้น ไม่นานตี้อู่เฮ่ออีจึงรู้สึกได้ถึงสิ่งที่แตะอยู่ที่แผ่นหลังตนอยู่ สิ่งนั้นเป็นคู่นุ่มนิ่มอ่อนยวบ


 


 


ในตอนนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยบาดเจ็บที่บริเวณหน้าอก


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีต้องถอดเสื้อผ้านางออก ถึงได้พบว่าคนที่ตนเองช่วยชีวิตเป็นผู้หญิง


 


 


ในตอนนั้นเขารีบร้อนจะช่วยชีวิตคน จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย


 


 


ในตอนนี้สิ่งนุ่มนิ่มที่แนบชิดแผ่นหลัง ความรู้สึกที่ชัดเจนนี้ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีหวนนึกภาพแห่งความงามนั้น


 


 


ถึงแม้ขนาดจะไม่ใหญ่โต แต่ก็ได้รูปสวยงาม


 


 


ราวกับสาลี่ที่เพิ่งสุกงอมบนภูเขายามฤดูใบไม้ผลิ…


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีก็พลันหน้าแดงขึ้นแล้วลามไปทั่วทั้งตัว เนื้อตัวของเขาเป็นสีชมพูระเรื่อ


 


 


เห็นตี้อู่เฮ่ออีมีปฏิกิริยาเช่นนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงคิดไปว่าเพราะเขาอาการไข้ของเขา จึงรีบประคองเขานอนลง แล้วไปเปลี่ยนน้ำอุ่นเพื่อมาเช็ดตัวให้เขาใหม่


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยเช็ดตัวสลับกับป้อนน้ำให้กับตี้อู่เฮ่ออีซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดทั้งคืน


 


 


จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อตี้อู่เฮ่ออีตื่นขึ้นมาก็พบว่าไข้ตนได้ลดลงไปแล้ว


 


 


เมื่อก้มลงมองดู เขาก็พบเชียนเยี่ยเสวี่ยที่ฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียง ในมือนางยังถือผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดเอาไว้ ท่าทางเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงเป็นอย่างมาก


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยหลับอย่างไม่สงบนัก นางขมวดคิ้วตลอดเวลา ปากก็เอาแต่เพ้อว่า ‘เสด็จแม่’


 


 


ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะแผ่วเบา แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็ได้ยินอย่างชัดเจน


 


 


หลังจากเขาช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางมักจะหลับฝันละเมอเรียกเสด็จแม่ของนางบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉู่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว นางถึงกับร่ำไห้ออกมาอย่างหนักแม้ในขณะที่ฝัน…


 


 


ถึงแม้ว่าในเวลากลางวัน เชียนเยี่ยเสวี่ยจะมีอารมณ์ขันด่าทอ ท่าทางสดใสเย่อหยิ่ง แต่ทว่าในฝัน นางกลับกลายเป็นเด็กน้อยที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพาใดๆ


 


 


คิ้วอันงดงาม ยามขมวดขึ้นมาไม่น่าดูเลย


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีในใจครุ่นคิด มือก็ยื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว อยากจะไปลูบไล้คลายความเจ็บปวดให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยให้คิ้วนางเหยียดตรงสวยงาม


 


 


“แค่กๆ! ”


 


 


ทันใดนั้น เสียงไอจากด้านนอกดังขึ้นขัดจังหวะ


 


 


มือที่กำลังยื่นไปของตี้อู่เฮ่ออี ชะงักกลางอากาศ


 


 


“เอ่อ…ท่านต่อเถอะ อีกสักครู่ข้าค่อยมาใหม่!”


 


 


อวี้เฟยเยียนยิ้มน้อยๆ ขณะใช้สายตาสำรวจตี้อู่เฮ่ออีอย่างถ้วนทั่ว


 


 


“ไม่เลวนี่นา!”


 


 


“เสวี่ยนี่เยี่ยมยอดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!


 


 


สยบตี้อู่เฮ่ออีได้ในคืนเดียว!


 


 


ในตอนที่อวี้เฟยเยียนกำลังเอ่ยปากพูดอยู่นั่นเอง เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลืมตาตื่นขึ้น นางเห็นมืออันผ่ายผอมซีดขาวอยู่ใกล้กับใบหน้าของตนเองเต็มตา ถึงกับกระเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


 


“หนอยแน่ เจ้าทึ่ม ข้ารึสู้อุตส่าห์ดูแลเจ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เจ้ากลับอาศัยตอนที่ข้านอนลักหลับข้าได้”


 


 


“ข้าตีเจ้าไปเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ก็รีบร้อนมาทวงคืนเสียแล้ว จิตใจคับแคบยิ่งนัก! หากเจ้าไม่ยอมรับ รอให้เจ้าหายดี ข้าจะเป็นคู่ซ้อมเป็นเพื่อนเจ้าเอง!”


 


 


เดิมทีภาพที่ทั้งอ่อนโยนทั้งงดงาม เพียงแค่เชียนเยี่ยเสวี่ยพูดเช่นนี้เข้า บรรยากาศก็แปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดในทันที


 


 


“ข้าไม่ได้ใจแคบสักหน่อย…”


 


 


ว่าแล้วตี้อู่เฮ่ออีก็รีบชักมือกลับทันที


 


 


“เมื่อครู่มีแมลงอยู่บนหน้าของเจ้า ข้าเพียงแต่อยากจะช่วยนำมันออกไป!”


 


 


“จริงหรือเปล่า”


 


 


เมื่อเห็นใบหน้าขาวสะอาดของตี้อู่เฮ่ออีแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพู เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด


 


 


“เจ้าแน่ใจนะว่าที่เจ้าหน้าแดงเนี่ย มิใช่เพราะเจ้ากลัวความผิด มิใช่เพราะถูกข้าเปิดโปงจิตใจอันชั่วร้ายของเจ้านะ”


 


 


“ไม่ใช่!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยทำให้ยัวะจนตะคอกออกมา


 


 


เดิมทีเขานิสัยอ่อนโยน เรียบร้อย แต่เมื่อได้พบกับเชียนเยี่ยเสวี่ย เขาราวกับเปลี่ยนเป็น ‘ผีบ้า’ ก็ไม่ปาน


 


 


“ช่าช่า เจ้าจะต้องเห็นอะไรเป็นแน่! บอกข้าทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” 

 

 


ตอนที่ 103-2 ร้องขอความตายต่างหากยากล...

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่เชื่อถือตี้อู่เฮ่ออี นางรีบถามอวี้เฟยเยียน


 


 


สำหรับความเป็นหญิงแกร่งผู้บ้าระห่ำแข็งกระด้างของเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนเคยชินเสียแล้ว


 


 


เห็นทีการจะจับคู่ให้คนสองคนนี้ คงจะต้องอาศัยนางช่วยผลักดันสักหน่อยแล้ว!


 


 


“เสวี่ย เห็นทีเจ้าคงจะตำหนิเฮ่ออีผิดไปเสียแล้ว! เมื่อครู่มีแมลงตัวหนึ่งไต่อยู่ที่คิ้วเจ้า เฮ่ออีเพียงแต่ต้องการช่วยเจ้าจับแมลงเท่านั้นเอง!”


 


 


คำพูดอวี้เฟยเยียน เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่มีสงสัยเลยแม้แต่น้อย


 


 


คราวนี้ ถึงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นฝ่ายขัดเขินบ้าง


 


 


“เจ้าทึ่ม ขอโทษด้วย เข้าใจเจ้าผิดไป ข้าผิดเองที่ใช้น้ำใจคนต่ำมาประเมินค่าจิตใจสุภาพชน ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย!”


 


 


กล่าวจบ เชียนเยี่ยเสวี่ยยังค้อมกายขอโทษอีกด้วย


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีนึกไม่ถึงว่าอวี้เฟยเยียนจะช่วยเขาโกหก เมื่อเห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยขอโทษด้วยความจริงใจเช่นนี้ ทำให้เขายิ่งรู้สึกละอายขึ้นไปอีก


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยลำบากลำบนดูแลเขามาทั้งคืนเชียวนะ!


 


 


“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีโบกไม้โบกมือเชิงไม่เป็นไร โดยมิกล้าสบตาดวงตาคู่งามทรงเสน่ห์ของเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมิได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของตี้อู่เฮ่ออี แต่ยังดึงมือของอวี้เฟยเยียนเขามาเพื่อให้ตรวจอาการให้กับเขา


 


 


“เมื่อคืนเจ้าทึ่มจับไข้ทั้งคืน ช่าช่า เจ้ารีบตรวจอาการให้เขาสักหน่อยเถอะ!”


 


 


รอจนอวี้เฟยเยียนจับชีพจรตรวจอาการ ก็พบว่าตี้อู่เฮ่ออีไข้ลดลงแล้ว อีกทั้งร่างกายก็ฟื้นตัวได้ดี อวี้เฟยเยียนถึงกับยกนิ้วโป้งชื่นชมเชียนเยี่ยเสวี่ยเลยทีเดียว


 


 


“ทำได้ไม่เลว! มีเจ้าค่อยดูแลเฮ่ออีอย่างดีเช่นนี้ ข้าเชื่อแน่ว่าเขาจะต้องหายดีได้ในเร็ววัน!”


 


 


ได้รับคำชมจากอวี้เฟยเยียน ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยดีอกดีใจ


 


 


เจ้าทึ่มบาดเจ็บเพราะนาง หากเกิดทิ้งผลข้างเคียงอะไรไว้ขึ้นมา นางจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้การดูแลด้วยความใส่ใจของเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


แน่นอนว่าความสัมพันธ์พวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นดั่งคู่รักคู่แค้น


 


 


เพราะเชียนเยี่ยเสวี่ยมักจะหาวิธีทำให้ตี้อู่เฮ่ออีที่แสนอ่อนโยนยัวะจนโมโหได้ตลอดเวลา และการทะเลาะกันทั้งคู่มักจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของตี้อู่เฮ่ออีเสมอ


 


 


“เห็นทีต่อไปพี่เฮ่ออีจะมีเมียคอยคุมอย่างเข้มงวดเสียแล้ว!”


 


 


หนานกงจื่อหลิงเคยชินกับวิธีการทำความรู้จักของพวกเขาเสียแล้ว สำหรับเรื่องที่ว่า ‘เมียคุม’ นั้น เป็นคำศัพท์ใหม่ที่นางเรียนรู้มาจากอวี้เฟยเยียน ซึ่งนางรู้สึกว่าเหมาะสมกับตี้อู่เฮ่ออียิ่งนัก


 


 


เมื่อเห็นท่าทีตี้อู่เฮ่ออี ทำให้หนานกงจื่อหลิงอดคิดถึงซย่าโหวฉิงเทียนที่แสนเผด็จการไม่ได้


 


 


นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากที่พี่ใหญ่แต่งงานแล้วจะกลายเป็นชายที่ถูกเมียคุมเข้มบ้าง


 


 


ทว่า ในระยะนี้นางได้ทำความเข้าใจกับอีกด้านที่แท้จริงที่สุดของซย่าโหวฉิงเทียน ซึ่งหนานกงจื่อหลิงคิดว่าก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นนางที่ ‘เข้าใจผิด’ พี่ใหญ่เสียแล้ว เขาไม่ได้มีจิตใจที่ดีงามเลยสักนิด!


 


 


ซย่าโหวฉิงเทียนไม่รังแกอวี้เฟยเยียนก็นับว่าดีถมไปแล้ว


 


 


เพียงแค่นึกถึงว่าพี่อวี้ที่นางรักต้องถูกพี่ใหญ่รังแก หัวใจหนานกงจื่อหลิงก็เต้นเร่าๆ ความรู้สึกที่ต้องการทวงความยุติธรรมปะทุขึ้นมาทันที!


 


 


อวี้เฟยเยียนที่ท่าทางอรชรอ้อนแอ้นบอบบางเช่นนั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่ได้เล่า!


 


 


“พี่อวี้ หากพี่ใหญ่รังแกท่านละก็ ท่านจะต้องบอกข้า ข้าจะต้องช่วยเหลือพี่อย่างแน่นอน!”


 


 


“ได้สิ!”


 


 


เมื่อเห็นใบหน้าที่หนักแน่นของหนานกงจื่อหลิง อวี้เฟยเยียนพลันรู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ช่างแสนดีจริงๆ เลย ซย่าโหวฉิงเทียน หากท่านรู้ว่าหัวใจแม่นางน้อยอยู่เคียงข้างข้า ท่านจะร้องไห้หรือไม่นะ


 


 


วังหลวง


 


 


สายข่าวคอยรายงานความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้กับเชียนเจิ้นหยางได้รู้อย่างมิไม่ขาดสาย จนกองพะเนินเทินทึก


 


 


“บ้า ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นบ้าไปแล้ว!”


 


 


ในเวลาเพียงแค่สองวัน พื้นที่โดยรอบของฉินจื้อก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนเข้าโจมตีจนแตก


 


 


และสิ่งที่ทำให้เชียนเจิ้นหยางตกตะลึงมากที่สุดนั่นก็คือ ซย่าโหวฉิงเทียนคือจอมเทวา!


 


 


ทุกที่ที่ไปถึง ซย่าโหวฉิงเทียนจะสำแดงพลังแห่งจอมเทวาของตนออกมา ทันใดนั้น ทุกคนก็ยอมศิโรราบให้ในทันที กองทัพแห่งต้าโจวเดินทัพด้วยความราบรื่นตลอดทางโดยไม่เจออุปสรรคขวางกั้นใดๆ เลย


 


 


เพราะนี่คือเกราะหุ้มเนื้อ ใครเล่าจะกล้าต่อกรกับจอมเทวา!


 


 


ในบางครั้งก็อาจจะมีพวกกล้าหาญไม่กลัวตาย ดาหน้าออกมาท้าทายบ้าง ผลก็คือถูกซย่าโหวฉิงเทียนสังหารภายในพริบตา


 


 


สายข่าวยังเน้นย้ำว่าเป็นการ ‘สังหารชั่วพริบตา!’


 


 


แม้แต่ศพก็ไม่เหลือ!


 


 


การเชือดไก่ให้ลิงดูอันเ**้ยมโหดของเขา ไม่ว่าจะเป็นกองทัพฉินจื้อหรือประชาชนทั่วไปล้วนแต่ยกธงขาวยอมศิโรราบ ค่อยๆ เข้าเป็นพวกเดียวกับซย่าโหวฉิงเทียนทั้งสิ้น


 


 


ดังนั้นทัพต้าโจวอิทธิพลแผ่ไพศาล ตรงกันข้าม แคว้นฉินจื้อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายขึ้นเรื่อยๆ


 


 


เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!


 


 


เชียนเจิ้นหยางปัดข่าวที่ถูกนำมารายงานจนหล่นระเนระนาดลงที่พื้น


 


 


เขาพึ่งจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ บัลลังก์มังกรนั่งยังมิทันก้นอุ่น ก็ต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่เช่นนี้ หรือว่าสวรรค์กำลังลงโทษเขาอย่างนั้นหรือ


 


 


“ซย่าโหวฉิงเทียน ข้ากับเจ้าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”


 


 


ปากก็ตะโกนออกมาอย่างหนักแน่น แต่ในใจเชียนเจิ้นหยางรู้ดี เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ซย่าโหวฉิงเทียนด้วยซ้ำ


 


 


เทพนพเคราะห์ที่แสนเ**้ยมโหดนี้ จะเริ่มลงมือกับฉินจื้อแล้วใช่หรือไม่


 


 


จะทำอย่างไรดี!


 


 


ในขณะที่เชียนเจิ้นหยางกำลังครุ่นคิดหาวิธีจนหัวแทบแตกอยู่นั้น ตระกูลฉู่ที่สั่งสมกำลังอยู่ที่กันโจว ห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลก็ลุกฮือขึ้น ใช้การแก้แค้นให้กับเยี่ยนอ๋องและฉู่ฮองเฮาเป็นข้ออ้าง บุกเข้าล้อมเมืองหลวงเอาไว้


 


 


คนเมื่อกำลังดวงซวย เพียงแค่ดื่มน้ำเย็นยังติดคอเลยจริงๆ


 


 


ครั้งนี้ ทำให้เชียนเจิ้นหยางเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรคือศึกนอกศึกใน!


 


 


ตระกูลฉู่สมควรตาย!


 


 


เชียนลั่วเฉิงก็สมควรตาย!


 


 


เชียนเจิ้นหยางกล่าวโทษว่าเรื่องทั้งเป็นความผิดเชียนลั่วเฉิงที่ตายไปแล้วนั่น


 


 


หากเชียนลั่วเฉิงไม่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ย ไม่บีบบังคับฉู่ฮองเฮาจนตาย ตระกูลฉู่ไหนเลยจะกบฏเช่นนี้!


 


 


เชียนเจิ้นหยางก่นด่าสาปแช่งเชียนลั่วเฉิงอยู่ในใจ ทว่ากลับลืมไปว่า เชียนลั่วเฉิงทำเช่นนี้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เพื่อคงไว้ซึ่งบัลลังก์มังกรให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเช่นเขา เชียนเจิ้นหยาง


 


 


จะว่าไป เขาก็สมกับเป็นลูกชายคนดีของเชียนลั่วเฉิงยิ่งนัก พ่อลูกเย็นชาไร้หัวใจ ไร้คุณธรรมแล้งน้ำใจเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!


 


 


ข่าวการสั่นคลอนของแคว้นฉินจื้อแพร่สะพัดออกไป ทำให้หัวใจประชาชนต่างก็หวั่นวิตกไม่สงบสุข


 


 


ส่วนเชียนลั่วเฉิงที่นอนอยู่ในสุสานร้างนั้น ก็รับรู้สถานการณ์ความเคลื่อนไหวของฉินจื้อผ่านชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา


 


 


นี่แคว้นเขากำลังจะล่มสลายอย่างนั้นหรือ!


 


 


ซย่าโหวจวินอวี่ จิ้งจอกเฒ่า! ข้ารู้ตั้งแรกแล้วเจ้ามันไม่มีเจตนาดี แล้วก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ เจ้าทำศึกนี้ได้อย่างแม่นยำ! ต้องการที่จะให้ข้าพ่ายแพ้ ไม่มีทางเสียหรอก!


 


 


เชียนลั่วเฉิงร้อนรนจนแทบจะทนไม่ไหว


 


 


เชียนเจิ้นหยางมีความสามารถแค่ไหน เขารู้ดี


 


 


ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่าเชียนเจิ้นหยางมิใช่ผู้สืบทอดที่ดี ทว่าเชียนลั่วเฉิงก็ถูกความลำเอียงของตนปิดหูปิดตามานาน


 


 


ในตอนนี้เขากำลังรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นแล้ว!


 


 


หากเชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่มันจะดีสักเพียงไหนกันนะ!


 


 


เชียนลั่วเฉิงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจอย่างหนัก


 


 


ในตอนที่เขากำลังอธิษฐานต่อสวรรค์อีกครั้งนั่นเอง เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังแว่วเข้ามา


 


 


“พี่อวี้ คนผู้นั้นดูราวกับยังไม่ตาย ท่านรีบเข้าไปดูเร็ว!”


 


 


“ได้!”


 


 


มือใครบางคนจับชีพจรที่ข้อมือเชียนลั่วเฉิง เชียนลั่วเฉิงเองรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากปลายนิ้วนาง มันส่งไปถึงหัวใจของเขา


 


 


“เขายังมีชีวิตอยู่ หลิงเอ๋อร์ พวกเราช่วยกันแบกเขากลับไปเถอะ!”


 


 


“แต่ตัวเขาสกปรกทั้งยังเหม็นมากด้วยนะคะ!”


 


 


“หลิงเอ๋อร์ ข้าเป็นหมอ ช่วยเหลือชีวิตคนเป็นหน้าที่ข้า เห็นคนใกล้ตายแล้วข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร”


 


 


“ใช่ พี่อวี้ท่านพูดถูก!”


 


 


ภายหลัง เชียนลั่วเฉิงก็ถูกหามขึ้นไปบนรถม้าคันหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าเดินทางไปไกลเท่าไหร่ รถม้าจึงหยุดลง เชียนลั่วเฉิงถูกย้ายเข้าไปไว้ในห้องห้องหนึ่ง


 


 


ขณะที่นอนอยู่บนเตียง เชียนลั่วเฉิงรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก


 


 


ในระหว่างทางจากบทสนทนาสตรีทั้งสองคน ทำให้เชียนลั่วเฉิงได้รู้ฐานะของ ‘พี่อวี้’ ผู้นั้น


 


 


นางคืออวี้หลัวช่า!


 


 


มีอวี้หลัวช่าอยู่ เขามีโอกาสรอดแล้ว!


 


 


ตำแหน่งฮ่องเต้เขา แคว้นเขา จะต้องกลับมาเป็นของเขาดังเดิม!


 


 


ยังมีไอ้คนชั้นต่ำสองคนนั้น เขาจะต้องทรมานพวกมันให้สาสม!


 


 


“ช่าช่า ข้าไม่ต้องการพบเขา!”


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยที่จับตาดูอยู่จากห้องข้างๆ ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล กล่าวเสียงด้วยเสียงทุ้มต่ำ


 


 


“ข้ากลัวว่าตัวเองจะอดรนทนไม่ไหวสังหารเขาเสีย!” 

 

 


ตอนที่ 103-3 ร้องขอความตายต่างหากยากล...

 

“เสวี่ย!”


 


 


ด้วยเข้าใจความรู้สึกของเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนเอื้อมมือออกไปโอบกอดนางเอาไว้


 


 


“เสวี่ย เจ้าไปที่กันโจวเถอะ ไปสมทบกับท่านตาและท่านลุงของเจ้า!”


 


 


“ดวงตาเจ้าหายเป็นปกติแล้ว เวลานี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะปรากฏตัว! สำหรับเชียนลั่วเฉิง ข้าจะเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาไว้ รอให้เจ้ากลับถึงเมืองหลวง ข้าจะมอบเขาให้เจ้าจัดการลงโทษ ข้าจะไม่ให้เขาตายง่ายๆ เช่นนี้เป็นแน่!”


 


 


สิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าวออกมาตรงกับสิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยคิด


 


 


นางจะกลับไปอย่างถูกต้องและสง่าผ่าเผย เพื่อล้างมลทินให้กับตระกูลฉู่และเสด็จแม่!


 


 


ในตอนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยกำลังจะออกเดินทางนั้น ตี้อู่เฮ่ออียังไม่หายดี ดังนั้น นางจึงตั้งใจกล่าวคำขอโทษกับตี้อู่เฮ่ออีมากมาย


 


 


“ข้าจวนเจียนจะหายดีแล้ว!”


 


 


เมื่อรู้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยต้องจากไป ในใจตี้อู่เฮ่ออีก็รู้สึกโหวงเหวงพิกล


 


 


ยาอวี้เฟยเยียนได้ผลชะงัดนัก เพียงแต่เขาดูแลตัวเองให้มาก ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลอีกต่อไปแล้ว


 


 


ทว่า เรื่องเหล่านี้ตี้อู่เฮ่ออีไม่ได้บอกกับเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป เขารู้สึกดีที่ได้เห็นนางคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้กับเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งแสนอบอุ่นและสบายใจ


 


 


ถึงแม้ว่าคำพูดเชียนเยี่ยเสวี่ยจะยัวะอารมณ์ของเขาให้โกรธเคืองได้ทุกครั้ง แต่เมื่อเขามองดวงหน้างดงามของนางที่กำลังฉีกยิ้มออกมานั้น มันก็ทำให้ความโกรธเขามลายหายไปจนหมดสิ้น


 


 


ความเคยชิน ช่างเป็นสิ่งน่ากลัวจริงๆ!


 


 


“เจ้ารอก่อน!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกลับมายังห้องของตนเอง แล้วหยิบของบางอย่างออกมาส่งให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


“นี่เป็นยาที่ข้าปรุงขึ้น เจ้ารับไปสิ! กระบี่ไร้ตา อย่าเผลอทำร้ายตัวเองเข้า!”


 


 


“ขอบคุณมาก เจ้าทึ่ม ข้าจะต้องปลอดภัยกลับมาแน่!”


 


 


ความปรารถนาดีของตี้อู่เฮ่ออีเชียนเยี่ยเสวี่ยรับเอาไว้ด้วยใจ


 


 


ถึงแม้ว่านางจะสำเร็จขั้นราชันจักรพรรดิแล้ว ในแคว้นฉินจื้อนี่ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้นางได้ แต่เก็บยาเอาไว้ใกล้ตัวบ้างก็นับเป็นเรื่องดี


 


 


“เห็นที ข้าจะมาช้าไปสักหน่อย…”


 


 


อวี้เฟยเยียนปากฎตัวต่อหน้าคนทั้งสอง ในมือของนางถือถุงยาห่อใหญ่


 


 


“ในเมื่อมีคนเป็นห่วงเจ้าแทนข้าแล้ว ยาเหล่านี้ของข้าเห็นทีจะไม่ได้ใช้เสียแล้ว!”


 


 


โดนอวี้เฟยเยียนล้อเลียน ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับแก้มแดงใบหน้าร้อนผ่าว


 


 


กลับกลายเป็นเชียนเยี่ยเสวี่ยเสียอีกที่ไม่เข้าใจความนัยจากคำพูดของอวี้เฟยเยียน นางดึงเอายาทั้งห่อในมืออวี้เฟยเยียนไป


 


 


“มีเอาไว้ยิ่งมากยิ่งดี!”


 


 


“ต่อให้ข้าไม่ได้ใช้ ก็ยังมีท่านตาท่านลุงของข้าอีก!”


 


 


เมื่อเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เชียนเยี่ยเสวี่ยก็กล่าวลาอวี้เฟยเยียน หนานกงจื่อหลิงและตี้อู่เฮ่ออีทั้งสามคน


 


 


ก่อนจะไป เชียนเยี่ยเสวี่ยยังย้ำเตือนตี้อู่เฮ่ออีอีกว่า


 


 


“เจ้าทึ่ม เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำพูดช่าช่านะ จะต้องรักษาตัวให้หาย ข้ากลับมาจะมาตรวจ!”


 


 


หนานกงจื่อหลิงที่อยู่ด้านข้าง กวาดตาไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยที มองไปที่ตี้อู่เฮ่ออีที แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย


 


 


“พี่เสวี่ย ท่านจะมาตรวจสอบอย่างไรหรือเจ้าคะ”


 


 


คำถามของหนานกงจื่อหลิง ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับอึ้งเงียบลงไปทันที


 


 


จริงด้วยสิ!


 


 


บาดแผลตี้อู่เฮ่ออีอยู่ที่บริเวณเอวด้านหลัง หรือนางจะถอดเสื้อผ้าเขาเพื่อตรวจสอบ


 


 


แต่ว่า เรื่องเช่นนี้ก็มิใช่นางไม่เคยทำนี่นา เชียนเยี่ยเสวี่ยโบกไม้โบกมือ


 


 


“แน่นอนว่าถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วตรวจสอบน่ะสิ!”


 


 


ความเปิดเผยของเชียนเยี่ยเสวี่ย ให้เลือดในกายของตี้อู่เฮ่ออีสูบฉีดขึ้นไปที่ใบหน้าอีกครั้ง


 


 


ถอดหมด


 


 


นางไม่ตะโกนให้ดังกว่านี้ไปเลยเล่า


 


 


‘หน้า’ ไม่สลักสำคัญสำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยเลยหรือ


 


 


“ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี! เจ้าวางใจเถอะ!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวลอดไรฟัน


 


 


อีกครั้งที่ใบหน้าชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยรูปร่างผอมบางแดงระเรื่อราวกับกุ้งปรุงสุก ซึ่งมันทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก


 


 


“พูดก็พูดสิ หน้าแดงทำไมกัน ข้าเกือบคิดไปว่าเจ้าเป็นไข้เสียอีก ทำราวกับเป็นหญิงสาวไปได้ ทำให้คนเขาคอยเป็นห่วงได้ตลอดจริงๆ! ”


 


 


“ข้าเป็นชายชาตรี! เจ้าต่างหากที่เป็นหญิงสาว!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีกลายร่างเป็นปีศาจจอมโหดอีกครั้ง ทว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับเคยชินกับท่าทีเขาเสียแล้ว นางขึ้นคร่อมม้าอย่างรวดเร็ว แล้วกำมือไว้ที่อกคารวะคนทั้งสาม


 


 


“ทุกท่าน รอข้ากลับมา!”


 


 


รอจนกระทั่งแผ่นหลังเชียนเยี่ยเสวี่ยไกลออกไปจนลับตา ตี้อู่เฮ่ออีจึงได้คอตกด้วยความผิดหวังเล็กๆ


 


 


ไปเช่นนี้นะหรือ


 


 


จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ…


 


 


“พี่เฮ่ออี ท่านเริ่มคิดถึงพี่เสวี่ยแล้วหรือไม่”


 


 


หนานกงจื่อหลิงกระโดดโลดเต้นเข้ามาหาตี้อู่เฮ่ออี


 


 


จู่ๆ หนานกงจื่อหลิงก็ถลาเข้ามา ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีสะดุ้งโหยง


 


 


“เปล่าเสียหน่อย! หลิงเอ๋อร์ เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!”


 


 


ตี้อู่เฮ่ออีโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ


 


 


“พี่เสวี่ยมีประโยคเด็ดอยู่ประโยคหนึ่ง ว่าอะไรนะ” หนานกงจื่อหลิงขมวดคิ้ว แล้วปรบมือพร้อมกับหัวเราะออกมากล่าวว่า


 


 


“อธิบายนั่นคือปกปิด ปกปิดก็เท่ากับไม่ซื่อสัตย์!”


 


 


ถูกหนานกงจื่อหลิงหัวเราะเยาะ ข้างกายอีกด้านก็เป็นอวี้เฟยเยียนที่สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในที่สุดตี้อู่เฮ่ออีก็ทนไม่ไหว


 


 


“เอ่อ ข้ามีธุระ ขอตัวก่อนนะ!”


 


 


เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนรีบแจ้นหนีไปของตี้อู่เฮ่ออี หนานกงจื่อหลิงก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง


 


 


“พี่อวี้ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะคะ”


 


 


หนานกงจื่อหลิงถามขึ้น


 


 


“เขาเรียกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองไม่ทะลุ ส่วนผู้ชมกลับมองทะลุปรุโปร่ง!”


 


 


เสียงอวี้เฟยเยียนจากที่ไกลๆ ลอยมาถึงหูตี้อู่เฮ่ออี จนเขาใบหูแดงก่ำ


 


 


ในเหตุการณ์อะไร ผู้ชมอะไร สตรีเมื่ออยู่ด้วยกันเมื่อไหร่เป็นต้องซุบซิบ!


 


 


เขาเพียงแต่เป็นห่วงเชียนเยี่ยเสวี่ยเท่านั้นเอง!


 


 


เห็นแก่ที่นางคอยดูแลเขาอย่างดี เขาจะเป็นห่วงนางสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ


 


 


ไม่ได้เลยหรือ


 


 


เชียนเยี่ยเสวี่ยไปคราวนี้ กินเวลากว่าครึ่งเดือน


 


 


ซึ่งภายในเวลาครึ่งเดือนนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนสามารถยึดครองฉินจื้อได้กว่าครึ่งแคว้น ในตอนที่ทุกคนคิดว่าฉินจื้อจะต้องล่มสลายแน่แล้วนั่นเอง เยี่ยนอ๋องที่ใครๆ ต่างเข้าใจว่าตายไปแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


 


 


คราวนี้ การมาโค่นล้มราชบัลลังก์ของตระกูลฉู่ ก็ยิ่งถูกต้องตามครรลองครองธรรมมากยิ่งขึ้น


 


 


เหล่าผู้คนหลังที่ได้ยินข่าวว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่ต่างก็จุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


เยี่ยนอ๋องยังอยู่ เยี่ยนอ๋องคือดาวโชคดีที่จะมาช่วยเหลือกอบกู้ทุกคน!


 


 


และเมื่อข่าวที่เชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่แพร่สะพัดออกไป เชียนเจิ้นหยางถึงกับตระหนกจนแทบทรุด


 


 


เป็นไปไม่ได้!


 


 


เขาไม่เชื่อ!


 


 


แต่ไม่ว่าเชียนเจิ้นหยางจะเอาแต่หลอกตัวเองอย่างไร ความจริงย่อมมีชัยชนะเหนือเขาเสมอ!


 


 


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเข้าโจมตีของซย่าโหวฉิงเทียนและเชียนเยี่ยเสวี่ย เชียนเจิ้นหยางก็ไร้ซึ่งวิธีใดๆ ที่จะรับมือ


 


 


คนหนึ่งจอมเทวา อีกคนคือราชันจักรพรรดิ เชียนเจิ้นหยางหาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่!


 


 


แต่ก็นับว่าเชียนเจิ้นหยางยังโชคดีอยู่บ้าง เชียนเยี่ยเสวี่ยมิได้บุกเข้าวังมาสังหารเขาโดยตรง ยังให้โอกาสเขาได้เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย


 


 


แต่ทว่า เมื่อเหล่าขุนนางได้ยินว่าเยี่ยนอ๋องยังมีชีวิตอยู่ ขุนนางกว่าครึ่งต่างขอลาป่วยเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมมาเข้าประชุมเช้า เป็นการแสดงออกชัดเจนว่ามิได้สนับสนุนเชียนเจิ้นหยางแต่อย่างใด


 


 


ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นกดดัน ในที่สุดเชียนเจิ้นหยางก็ล้มเลิกการต่อต้านในที่สุด


 


 


เขาเอาแต่ดื่มสุราจนเมามายอยู่กับหลิวกุ้ยเฟย ไปวันๆ เพื่อรอเวลาที่ความตายจะมาถึง


 


 


สุดท้าย ในเช้าตรู่ขณะที่ตะวันกำลังทอแสง แม่ทัพหู หูจื้อเหนิงก็เปิดประตูเมืองต้อนรับเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


เมื่อกลับถึงเมืองหลวง เรื่องแรกที่เชียนเยี่ยเสวี่ยทำมิใช่เข้าวังแต่กลับตรงไปยังเรือนที่ตนเองเคยพำนักเมื่อในอดีตด้วยตัวเอง


 


 


“เสด็จพ่อ!”


 


 


เมื่อได้พบเชียนลั่วเฉิงในสภาพที่ผ่ายผอมจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็สั่งให้คนประคองเขาขึ้นรถม้า หลังจากนั้นจึงตั้งขบวนอย่างยิ่งใหญ่มุ่งหน้าสู่วังหลวง


 


 


บนรถม้า เชียนลั่วเฉิงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น ด้วยการช่วยเหลือของอวี้เฟยเยียน ในที่สุดเขาก็เอาชีวิตรอดมาได้


 


 


เมื่อห้าวันก่อนหน้านี้ เชียนลั่วเฉิงถึงขนาดยืนขึ้นได้ด้วยตนเอง เขาเริ่มที่จะฟื้นฟูความสามารถในการเดินจนกลับมาเดินเหินได้ โดยมีคนประคับประคอง


 


 


วิชาแพทย์อวี้หลัวช่าสูงส่งสมคำร่ำลือ!


 


 


เชียนลั่วเฉิงยังคิดว่าตนโชคดียิ่งนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานยากลำบากมากมาย แต่ก็มีคนมาช่วยเหลือในเวลาที่สำคัญที่สุด!


 


 


เชียนลั่วเฉิงรู้สึกซาบซึ้งใจอวี้หลัวช่ายิ่งนัก


 


 


ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้อวี้หลัวช่าจะเคยมีข่าวคราวกับซย่าซย่าโหวฉิงเทียนแพร่ออกมา ทว่าเชียนลั่วเฉิงยังคงคิดว่าคนที่อวี้หลัวช่าถูกตาต้องใจนั้นยังคงเป็นบุตรชายตน เชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


หากมิใช่เพราะเหตุนี้ แล้วเหตุใดอวี้หลัวช่าถึงต้องช่วยเขาเอาไว้!


 


 


นี่อย่างไรที่เขาเรียกว่า รักเขาก็ต้องรักครอบครัวของเขาด้วย! 

 

 


ตอนที่ 103-4 ร้องขอความตายต่างหากยากล...

 

ส่วนเรื่องที่เชียนเยี่ยเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่ อวี้หลัวช่าก็ได้บอกให้เชียนลั่วเฉิงได้รับรู้


 


 


นับตั้งแต่ข่าวที่ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยไปสมทบกับตระกูลฉู่แพร่สะพัดไปออกไป เชียนลั่วเฉิงเอาแต่คิดปรารถนาถึงบัลลังก์มังกรของตนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


 


ในสายตาเขา ไม่ว่าจะอย่างไร เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ดีกว่าและกตัญญูกว่าเชียนเจิ้นหยางเป็นไหนๆ


 


 


อีกทั้ง เขาไม่ได้เป็นผู้ที่บีบคั้นฉู่ฮองเฮาจนตาย หลังจากฉู่ฮองเฮาสิ้นไป เขาให้คนไปตรวจสอบแล้วจึงพบว่า เป็นหลิวกุ้ยเฟยที่ไปเย้ยหยันฉู่ฮองเฮาถึงตำหนักเย็น ฉู่ฮองเฮาช้ำใจจนต้องแขวนคอฆ่าตัวตายในที่สุด


 


 


ขอเพียงแต่เขาอธิบายเรื่องนี้ให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยให้ได้รู้อย่างชัดเจน นางจะต้องยกโทษให้เขาเป็นแน่!


 


 


ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะเขาถูกชายหญิงสุนัขคู่นั้นมอมเมาจนเลอะเลือนไปชั่วครู่เท่านั้น หลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางต่างหากคือศัตรูที่แท้จริงของเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


แต่เขา เขาคือเสด็จพ่อเชียนเยี่ยเสวี่ย สายเลือดเดียวกัน อย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด!


 


 


และบัดนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับคืนสู่เมืองหลวง เรื่องแรกที่นางกระทำก็คือไปรับเขา นี่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง


 


 


ลูกคนนี้ต่างหากที่ดี!


 


 


ในใจนางยังมีเสด็จพ่อคนนี้อยู่!


 


 


เชียนลั่วเฉิงอดดีใจไม่ได้


 


 


เมื่อกลับไปได้ เชียนลั่วเฉิงจะสั่งการให้สังหารเชียนเจิ้นหยางและหลิวกุ้ยเฟยทันที ด้านหนึ่งก็เพื่อแก้แค้น อีกด้านหนึ่งก็เพื่อระบายอารมณ์ให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย เพื่อผ่อนปรนความบาดหมางระหว่างพ่อและลูกให้เบาบางลง


 


 


หลังจากนั้นเขาก็สามารถนั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้ที่เชียนเยี่ยเสวี่ยส่งคืนมาให้ได้อย่างมั่นคง!


 


 


ตระกูลฉู่จงรักภักดี เรื่องนี้เขาไม่ปฏิเสธ!


 


 


และเชียนเยี่ยเสวี่ยคือลูกชายของเขา ยิ่งจะไม่มีวันทำเรื่องผิดต่อฟ้าดินอย่างแน่นอน!


 


 


ต่อไป เขาก็ยังเป็นใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินฉินจื้อ!


 


 


เขายังคงเป็นฮ่องเต้!


 


 


ฮ่าๆ!


 


 


เชียนลั่วเฉิงที่นั่งอยู่บนรถม้าเพ้อฝันไว้อย่างสวยงาม แต่ทว่าแม่ทัพหูที่อยู่ด้านนอกในใจกลับกำลังสับสนอลหม่าน


 


 


ฮ่องเต้องค์ก่อนยังไม่ตาย


 


 


หากมิใช่มาเห็นด้วยตาตนเอง หูจื้อเหนิงจะไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้เป็นแน่!


 


 


เดิมทีหูจื้อเหนิงตั้งใจจะสร้างผลงานต่อหน้าเยี่ยนอ๋อง เมื่อได้เห็นฉากนี้เขาถึงกับหวั่นใจ จิตใจเขากำลังเต้นระรัวด้วยหวาดกลัวไม่เป็นสุข


 


 


หลังจากเขาวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าแล้ว จึงได้ตัดสินใจเลือกกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุด นั่นก็คือทรยศเชียนเจิ้นหยาง ไปเข้าพวกกับเชียนเยี่ยเสวี่ย


 


 


แต่ทว่า สิ่งที่หูจื้อเหนิงคาดไม่ถึงนั่นก็คือ ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่!


 


 


ซึ่งถึงแม้ว่าเชียนลั่วเฉิงจะผ่ายผอมลงไปอย่างมาก แต่ดูท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า


 


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นอวี้หลัวช่าที่ข้างกายของเขา ยิ่งทำให้หูจื้อเหนิงตกตะลึงเป็นการใหญ่


 


 


มีอวี้หลัวช่าอยู่ เชียนลั่วเฉิงจะต้องฟื้นฟูร่างกายกลับมาแข็งแรงดังเดิมได้อย่างแน่นอน


 


 


ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์เยี่ยนอ๋องกับฮ่องเต้องค์ก่อนจะไม่สู้ดีนัก แต่เยี่ยนอ๋องก็เป็นผู้ที่มีคุณธรรมเปี่ยมด้วยน้ำใจ จะต้องคืนตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นแน่…


 


 


เรื่องที่เขาสมคบกับหลิวกุ้ยเฟยและเชียนเจิ้นหยางนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงรู้มากเท่าไหร่กัน


 


 


จนแล้วจนรอดเขาก็รู้สึกมาตลอดว่าการที่เชียนลั่วเฉิงมีชีวิตอยู่นั้นเฉกเช่นระเบิดลูกหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่


 


 


ขณะเดียวกันในเวลานั้น ณ ตำหนักจันทรา กลิ่นสุราอันเข้มข้นและกลิ่นหอมของเครื่องประทินผิวลอยคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งตำหนัก


 


 


ที่พื้นเต็มไปด้วยไหสุรานอนระเนระนาด เชียนเจิ้นหยางไม่รู้เลยว่าในตอนนี้หูจื้อเหนิงได้ทรยศเขาเสียแล้ว ทั้งยังตัดขาดข่าวสารภายนอกกับเขาอีกด้วย


 


 


เชียนเจิ้นหยางยังคงโอบกอดหลิวกุ้ยเฟย ส่วนอีกมือหนึ่งก็กรอกสุราเข้าปากนางจอกแล้วจอกเล่า


 


 


“เสด็จแม่ เราสองคนมิอาจเกิดวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอตายวันเดือนปีเดียวกัน นับเป็นเรื่องที่ดี!”


 


 


ได้ยินเช่นนั้น หลิวกุ้ยเฟยถึงกับน้ำตาอาบแก้ม


 


 


“เจิ้นหยาง เราสองคนหนีไปได้นี่! แล้วเหตุใดเราต้องรอความตายอยู่ที่นี่ด้วย ตอนนี้ยังพอมีเวลานะ!”


 


 


“หนี เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเรายังสามารถหลบหนีไปไหนได้อีก!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางแค่นยิ้มขมขื่นออกมา พร้อมกับยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้กับหลิวกุ้ยเฟย


 


 


“สามารถฆ่าสุนัขเฒ่าแย่งเสด็จแม่มาครอบครองได้ นับเป็นเรื่องที่ข้าดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว เรื่องอื่น ข้าไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว!”


 


 


“เจิ้นหยาง เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น!”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยกัดฟันรวบรวมความกล้า จับมือเชียนเจิ้นหยางวางลงที่ท้องน้อยของตน


 


 


“เจิ้นหยาง พวกเรามีลูก! พวกเรามีลูกแล้ว!”


 


 


“ดังนั้น พวกเราต้องหนี ต่อให้ต้องหนีไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว ครอบครัวเราจะไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน ดีหรือไม่!”


 


 


“ลูกหรือ”


 


 


เชียนเจิ้นหยางตกตะลึง มองหลิวกุ้ยเฟยนิ่ง


 


 


“เสด็จแม่ท่านว่าอะไรนะ ไหนทรงตรัสอีกครั้งสิ!”


 


 


“เจ้าจะเป็นพ่อแล้ว! เจ้าจะเป็นพ่อคนแล้ว!”


 


 


หยาดน้ำตาของหลิวกุ้ยเฟยไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย


 


 


“ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าเสด็จแม่อีกแล้ว ข้าคือภรรยาของเจ้า!”


 


 


“จริงหรือ”


 


 


จอกสุราในมือเชียนเจิ้นหยางร่วงหล่นลงบนพื้น


 


 


เพล้ง


 


 


เสียงจอกสุราแตกกระจาย


 


 


มือใหญ่เขาเตะที่ท้องน้อยหลิวกุ้ยเฟยแผ่วเบา ปลายนิ้วสั่นระริก


 


 


“มีลูกแล้วจริงๆ หรือ”


 


 


“ใช่น่ะสิ! “


 


 


หลิวกุ้ยเฟยปาดน้ำตา ยิ้มให้กับเชียนเจิ้นหยาง


 


 


“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังไม่แน่ใจ จนกระทั่งเมื่อวานตามหมอหลวงมาตรวจอาการ หมอหลวงกล่าวว่าข้าตั้งครรภ์แล้ว พวกเราจะเป็นพ่อคนแม่คนแล้ว!”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยรอคอยมาหลายปี ด้วยหวังว่าจะมีลูกเป็นของตัวเองสักคน ใครจะคาดคิดว่าลูกจะมาเลือกเกิดในเวลาเช่นนี้!


 


 


“ดีจริงๆ เลย!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางที่เดิมทีหมดอาลัยตายอยากในชีวิตหมดสิ้นซึ่งความมั่นใจ ในตอนนี้เมื่อรู้ว่าตนเองมีลูกขึ้นมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็กลับมากล้าแกร่งอีกครั้ง


 


 


“ท่านพูดถูก ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว ข้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลเจ้าสองคนแม่ลูก!”


 


 


“ข้าจะยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะต้องปกป้องคุ้มครองพวกเจ้า!”


 


 


เห็นท่าทีเช่นนั้นของเชียนเจิ้นหยาง หลิวกุ้ยเฟยก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก


 


 


“เสด็จแม่ ข้าดีใจยิ่งนัก จริงๆ นะ ข้าดีใจเป็นที่สุด!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางแนบศีรษะกับท้องน้อยของหลิวกุ้ยเฟย ปากก็พร่ำว่า


 


 


“ลูกพ่อ เรียกพ่อว่าพ่อสิ!”


 


 


“เด็กโง่ ตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ หรอก!”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยลูบศีรษะเชียนเจิ้นหยางแผ่วเบา


 


 


“อีกอย่าง เขายังเล็กนัก ใครจะรู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย! หากเป็นหญิงจะว่าอย่างไร…”


 


 


“ไม่ จะต้องเป็นลูกชายแน่ๆ! ”


 


 


เชียนเจิ้นหยางกล่าวสำทับด้วยความมั่นใจ


 


 


“ต่อให้เป็นหญิง อย่างไรก็เป็นลูกของข้า ข้ารักทั้งนั้น!”


 


 


ในขณะที่พูด เชียนเจิ้นหยางก็ประคองหลิวกุ้ยเฟยลุกขึ้นยืน สีหน้ามุ่งมั่น


 


 


“ไม่ได้การ ข้าจะต้องคิดหาวิธี เชียนเยี่ยเสวี่ยกำลังจะกลับมาถึงเมืองหลวง พวกเราจะต้องหนีไปให้ได้ก่อน เราจะต้องเตรียมเงินไว้ให้มากหน่อย เราจะหนีไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เริ่มต้นชีวิตใหม่!”


 


 


“พวกเจ้าไม่ว่าใครก็หนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”


 


 


ในตอนนั้นเองที่ประตูถูกเปิดออก เสียงของคนแก่ที่อ่อนระโหยโรยแรงดังแว่วเข้ามา


 


 


“ใคร”


 


 


ที่หน้าประตู แสงสีทองของดวงอาทิตย์ส่องสว่างล้อมรอบเงาร่างผอมบางของคนผู้หนึ่งเอาไว้ จนมองเห็นโฉมหน้าเขาไม่ชัดเจน


 


 


“ไอ้บัดซบ!”


 


 


เชียนลั่วเฉิงผลักคนที่ประคองเขาออกไป แล้วค่อยๆ เดินกะเผลกเนื้อตัวสั่นเทาเข้ามาในตำหนัก


 


 


เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอก เขาก็ได้ยินบทสนทนาของชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ทั้งหมดแล้ว


 


 


หลิวกุ้ยเฟยตั้งครรภ์


 


 


ลูกของเชียนเจิ้นหยาง


 


 


สิบกว่าปีมานี้ หลิวกุ้ยเฟยไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์มาก่อน แล้วเหตุใดเมื่ออยู่กับเชียนเจิ้นหยางไม่นานก็ตั้งครรภ์ได้


 


 


เชียนลั่วเฉิงโกรธเกรี้ยวจนแทบจะกระอักเลือดออกมา 

 

 


ตอนที่ 103-5 ร้องขอความตายต่างหากยากล...

 

“ผี ต้องเป็นผีอย่างแน่นอน!”


 


 


เมื่อเห็นโฉมหน้าชัดเจนว่าเป็นเชียนลั่วเฉิง หลิวกุ้ยเฟยก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับหลบหนีเข้าสู่อ้อมอกเชียนเจิ้นหยาง


 


 


เป็นเขาได้อย่างไรกัน


 


 


เขามิได้ตายไปแล้วหรือ


 


 


และในตอนนั้นเอง เชียเนจิ้นหยางก็มองเห็นใบหน้าที่แค้นเคืองของเชียนลั่วเฉิงได้ชัดเจนถนัดถนี่


 


 


“เจ้าเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่”


 


 


เชียนเจิ้นหยางดึงหลิวกุ้ยเฟยให้หลบอยู่ด้านหลังของตน แล้วชักกระบี่ออกมา


 


 


ลูกชายที่เขารักที่สุด ชักกระบี่มุ่งหมายมาทางเขา ราวกับมีดแทงลงที่กลางใจของเชียนลั่วเฉิงอย่างจัง


 


 


โดยเฉพาะกระบี่เล่มนั้น เป็นกระบี่ที่เชียนลั่วเฉิงประทานให้กับเชียนเจิ้นหยางในวันเกิด ซึ่งเขาได้มามันด้วยความยากลำบาก แล้วนี่คือสิ่งที่ลูกชายตอบแทนเขาอย่างนั้นหรือ!


 


 


“อั่ก…”


 


 


เชียนลั่วเฉิงคั่งแค้นโกรธเคืองจนในที่สุดก็กระอักเลือดสดๆ ออกมา


 


 


ในระยะนี้ เขาเอาแต่จินตนาการวาดฝันว่าตนเองได้กลับไปยังวังหลวง เบื้องหน้าคือคู่ชายหญิงสุนัขคู่นี้กำลังคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิต


 


 


ทว่าเมื่อกลับมาถึงวังหลวงจริงๆ พวกมันทั้งสองคนกลับกำลังพลอดรักกันด้วยความดีใจที่กำลังจะมีลูก ทั้งยังคิดเตรียมที่จะหลบหนี แล้วจะให้เชียนลั่วเชิงทนได้อย่างไร!


 


 


“ทหารๆ ฆ่าพวกมันเสีย!”


 


 


เลือดสดๆ อย่างเข้มข้น ไหลออกมาจากมุมปากของเชียนลั่วเฉิง


 


 


“ฆ่าพวกมันเสีย!”


 


 


เชียนลั่วเฉิงตะโกนจนเสียงแหบแห้ง แต่ทว่าเบื้องหลังของเขากลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้ใด


 


 


เมื่อเห็นภาพนั้น เชียนเจิ้นหยางก็หัวเราะออกมา


 


 


“ฮ่าๆ!  ทหารอย่างนั้นหรือ สุนัขเฒ่า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ข้าต่างหากที่เป็นฮ่องเต้!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางชักกระบี่ออกมา


 


 


“ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นคนหรือเป็นผี ข้าไม่กลัวเจ้าทั้งนั้น ตอนยังมีชีวิตอยู่เจ้าสู้ข้าไม่ได้ ตายไปแล้วก็เช่นกัน!”


 


 


“บังอาจ!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางหน้าตาเ**้ยมโหด ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะฆ่าบิดาตนให้จงได้ ส่วนเชียนลั่วเฉิงก็ค่อยๆ ถอยร่นไปด้านหลังทีละก้าวๆ


 


 


“เยี่ยเสวี่ย ฆ่าไอ้ลูกทรพีคนนี้ให้พ่อที!”


 


 


“เชียนลั่วเฉิง ท่านกำลังพูดเเรื่องตลกหรืออย่างไรกัน”


 


 


เมื่อเหลือบมองไปที่ด้านนอก ยังคงว่างเปล่า ไม่มีแม้ใคร เชียนเจิ้นหยางก็ยิ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชักกระบี่ชี้หน้าเชียนลั่วเฉิง


 


 


“เจ้าฆ่าฉู่ฮองเฮา เชียนเยี่ยเสวี่ยอยากจะฆ่าเจ้าตั้งนานแล้ว ยังหวังจะให้นางมาช่วยเจ้าอีกหรือ ฝันไปเถอะ! หากว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยยังช่วยท่านอีกละก็ เท่ากับนางกำลังช่วยคนเลวก่อกรรมทำชั่ว!”


 


 


ในขณะที่กล่าว เชียนเจิ้นหยางก็คว้ากระบี่ฟันฉับลงที่ใบหูเชียนลั่วเฉิงจนขาด


 


 


“อ๊าก!”


 


 


เชียนลั่วเฉิงมือกุมใบหู ถอยร่นไปด้านหลัง


 


 


ใครจะคาดคิดว่าเชียนเจิ้นหยางไม่ยอมเลิกรา ยังฟันลงไปที่ขาซ้ายเชียนลั่วเฉิงจนขาดวิ่น


 


 


“ทหาร ช่วยข้าด้วย”


 


 


เชียนลั่วเฉิงล้มลงที่พื้น มือก็กุมขาซ้ายตนปากก็ตะโกนร้องเสียงหลง


 


 


ในตอนนั้นที่เชียนลั่วเฉิงมอบกระบี่ให้กับเชียนเจิ้นหยางยังได้บอกกับเขาว่า


 


 


“กระบี่เล่มนี้คมกริบเคลื่อนไหวรวดเร็ว”


 


 


ในวันนี้เขาได้สัมผัสกับตัวเองแล้ว


 


 


“โอ้ มีเลือดไหลออกมา ยังอุ่นๆ อยู่เลยด้วยซ้ำ เช่นนี้เท่ากับว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ใช่ผีหรอกหรือ ใครกันนะที่อาจหาญเพียงนี้ เอาท่านไปซุกซ่อนไว้ได้”


 


 


เชียนเจิ้นหยางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเชียนลั่วเฉิงถึงได้ฟื้นจากความตายขึ้นมาได้อีก


 


 


แต่ทว่า ในตอนนี้เขาไม่อยากที่จะคิดเรื่องพวกนั้นอีกต่อไป


 


 


ต่อให้เชียนลั่วเฉิงรอดชีวิตมาได้ วันนี้เขาก็จะได้ตายจริงๆ แล้ว แล้วเหตุใดจึงจะต้องไปครุ่นคิดเรื่องซับซ้อนที่ผ่านไปแล้วพวกนั้นด้วยเล่า!


 


 


“เยี่ยเสวี่ย ช่วยพ่อด้วย! ช่วยพ่อด้วย!”


 


 


เมื่อเห็นดวงตาเชียนเจิ้นหยางบ้าคลั่งแดงก่ำ เชียนลั่วเฉิงก็หวาดกลัวจนแทบจะทนไม่ไหว


 


 


ทว่าที่ด้านนอกก็ยังไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ เชียนเยี่ยเสวี่ยหายไปไหนกันนะ


 


 


เชียนลั่วเฉิงกระเสือกกระสนคลานไปที่ประตู ที่พื้นเป็นรอยเลือดลากยาวไปจนถึงที่ประตู


 


 


“อย่าฝันเฟื่องอีกเลย! เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่มีวันมาช่วยท่านหรอก!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางยิ้มเยือกเย็นออกมา แล้วย่างสามขุมเข้าไปหาเชียนลั่วเฉิง


 


 


เดิมเชียนลั่วเฉิงยังมีความหวัง ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ที่เชียนเยี่ยเสวี่ยรับเขาเข้าวัง มิใช่เพื่อต้องการทวงคืนบัลลังก์มังกรให้กับเขา แต่เพื่อที่จะรอดูพวกเขาเข่นฆ่ากันเอง


 


 


“เชียนเยี่ยเสวี่ย เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ เจ้ากลับเห็นข้าจะตายโดยมิยอมช่วยเหลือ เจ้าไม่ต้องการชื่อเสียงแล้วใช่หรือไม่”


 


 


เชียนลั่วเฉิงร้องตะโกนออกมา ไม่อยากยอมเชื่อว่าความฝันอันสวยงามของเขาจะต้องมาดับสูญลงที่นี่


 


 


“เจ้าไม่ต้องเรียกอีกแล้ว! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ที่ด้านนอกไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางเดินไปถึงเชียนลั่วเฉิงแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา แนบกระบี่ลงไปที่ลำคอเชียนลั่วเฉิง กรีดลงไปบางๆ ทันใดนั้นเลือดสีแดงฉานก็หยดลงมาทีละหยดๆ


 


 


“กระบี่ดีจริงๆ ด้วย แต่น่าเสียดาย ต้องนำมาบั่นคอสุนัขเฒ่าอย่างท่าน แปดเปื้อนกระบี่ข้าจริงๆ! ”


 


 


“เจิ้นหยาง อย่า…”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยที่เงียบลงไปนานในที่สุดก็ได้สติขึ้นมา นางวิ่งมาด้านหน้าจับมือของเชียนเจิ้นหยางเอาไว้


 


 


“จะชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจ้านะ เจ้าก็ถือเสียว่า…เป็นการสร้างกุศลให้กับลูกเราเถอะ!”


 


 


น้ำเสียงของหลิวกุ้ยเฟยเจือไว้อาการขอร้อง เชียนเจิ้นหยางขมวดคิ้ว สับสนในใจอย่างที่สุด


 


 


ฆ่า หรือไม่ฆ่าดี


 


 


ดูออกว่าเชียนเจิ้นหยางเกิดอาการลังเล เชียนลั่วเฉิงจึงโถมร่างเข้ามาแย่งกระบี่ในมือของเขา


 


 


ท่าทีเชียนลั่วเฉิงเชื่องช้าและงุ่มง่าม ส่วนเชียนเจิ้นหยางยังว่องไวรับรู้ได้ถึงอันตรายดังนั้นเขาจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน


 


 


กลับเป็นหลิวกุ้ยเฟยเสียอีกที่ถูกเชียนลั่วเฉิงชนเข้าให้อย่างแรงจนล้มที่พื้น และในตอนที่ล้มนั้นท้องนางกระแทกเข้ากับไหสุราอย่างแรง เสียงกระแทกดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องเจ็บปวดของหลิวกุ้ยเฟย นางกุมท้องน้อยของตนเองเอาไว้


 


 


“เสด็จแม่ เสด็จแม่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


เมื่อเห็นท่าทางหลิวกุ้ยเฟย เชียนเจิ้นหยางก็รีบเข้ามาประคองนางทันที


 


 


“ท้องของข้า เจ็บเหลือเกิน!”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยละล่ำละลักจับมือของเชียนเจิ้นหยาง


 


 


“ลูกจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่”


 


 


ไม่นาน หลิวกุ้ยเฟยก็รู้สึกว่ามีก้อนอะไรบางอย่างไหลออกจากร่างกายของนาง เมื่อนางพินิจเพ่งมองอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่าที่ชายกระโปรงของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด


 


 


ถึงแม้ว่าหลิวกุ้ยเฟยจะไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน แต่นางก็เคยทำกรรมชั่วอย่างการกำจัดเด็กในครรภ์ของนางกำนัลมามากมาย


 


 


นางกำนัลที่มีครรภ์ หลิวกุ้ยเฟยก็จะเจตนาชนอีกฝ่ายอย่างแรง ภาพในตอนนั้นเหมือนดั่งเช่นในตอนนี้ นางกำนัลกุมที่ท้องตัวเองกรีดร้องว่าเจ็บปวด มีเลือดไหลออกมามากมาย


 


 


หลังจากนั้น นางกำนัลผู้นั้นก็แท้งในที่สุด


 


 


หรือนี่จะเป็นกรรมตามสนอง


 


 


“ไม่…”


 


 


หลิวกุ้ยเฟยร้องไห้ออกมา


 


 


“เร็วเข้า เจิ้นหยาง ตามหมอหลวงมาเร็ว! จะต้องรักษาลูกของเราเอาไว้ให้ได้!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางเองก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มลนลานขึ้นมา เขารีบวางกระบี่ลงขุกเข่ากอดหลิวกุ้ยเฟยเอาไว้ในอ้อมอกเรียกหาหมอหลวง


 


 


เพียงแต่ว่าเชียนเจิ้นหยางดื่มสุราเข้าไปมาก จึงมีอาการเมา อุ้มเพียงครั้งสองครั้งก็หมดแรง


 


 


นี่เป็นโอกาส!


 


 


เมื่อเห็นว่าในขณะนี้เชียนเจิ้นหยางกำลังหันหลังให้กับตนเอง เชียนลั่วเฉิงก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย หยิบกระบี่ขึ้นมาช่วยพยุงร่างของตนเอง แล้วตวัดกระบี่แทงเข้าที่เชียนเจิ้นหยาง


 


 


“เจิ้นหยาง ระวัง…”


 


 


เมื่อสีหน้าโหดเ**้ยมน่ากลัวของเชียนลั่วเฉิง หลิวกุ้ยเฟยก็ผลักเชียนเจิ้นหยางให้พ้นทาง


 


 


“ฉึก…”


 


 


กระบี่แหลมคมแทงทะลุถึงหัวใจของหลิวกุ้ยเฟย กระบี่นั้นแทงจากด้านหลังทะลุออกมาด้านหน้า เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาจากปลายคมกระบี่ หยดลงบนใบหน้าเชียนเจิ้นหยาง


 


 


เจ็บเหลือเกิน!


 


 


หลิวกุ้ยเฟยอยู่ใกล้กับความตายมากขึ้นไปทุกที


 


 


จริงหรือ นางใกล้จะตายแล้วใช่หรือไม่


 


 


หยาดน้ำตาไหลรินจากหางตาของหลิวกุ้ยเฟย


 


 


“เจิ้น…”


 


 


ยังมิทันที่จะได้เห็นหน้าเชียนเจิ้นหยางเป็นครั้งสุดท้าย หลิวกุ้ยเฟยก็ทรุดลงบนพื้น ขาดใจตาย


 


 


“เสด็จแม่!”


 


 


เห็นหลิวกุ้ยเฟยสิ้นใจตายอย่างอนาถต่อหน้าต่อตา เชียนเจิ้นหยางลุกขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ตรงเข้าไปแย่งกระบี่ในมือของเชียนลั่วเฉิง แล้วตวัดฟันไม่นับ


 


 


“สุนัขเฒ่า ข้าไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า!”


 


 


เชียนเจิ้นหยางที่กำลังคุ้มแค้นโกรธเคืองราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังบาดเจ็บอย่างไรอย่างนั้น


 


 


เขาตวัดดาบออกไปไร้ซึ่งทิศทาง ทุกครั้งฟันจะเฉือนเอาเนื้อเชียนลั่วเฉิงร่วงหล่นลงบนพื้น


 


 


“อย่า! ช่วยด้วย…”


 


 


เชียนเจิ้นหยางที่กำลังบ้าคลั่ง เชียนลั่วเฉิงที่คิดจะหลบหลีกแต่ก็หนีไม่พ้น หากให้เขาต้องทุกข์ทรมานจนตายเช่นนี้ไม่สู้มอบความตายให้กับเขาเสียเลยดีกว่า!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม