โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ 101-107

 โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.101 – มุ่งหน้าสู่เมือง


 


“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อน”


 


เจิ้งหยางมีหลายสิ่งต้องทำ ดังนั้นเขาจึงไม่สะดวกอยู่ในทุ่งล่านานไปกว่านี้


 


ส่วนที่เหลือเลยมอบหมายให้ดำเนินการต่อโดยซูซิงฝูกับฉินเฟิง


 


ฉินเฟิงผ่านประสบการณ์วิกฤตมามากมายในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเรื่องการก่อสร้างสถานที่ชุมชนเขาเลยไม่กังวลเกี่ยวกับมันมากจนเกินไป แต่ก็ยังไม่คิดจะละเลยเช่นกัน


 


“จริงสิน้องชาย เธอคิดว่าในอนาคต ฐานของพวกเราควรจะมุ่งเน้นพัฒนาไปทางด้านไหนเป็นหลัก?” ซูซิงฝูถามขึ้นอย่างกระทันหัน


 


สำหรับสถานที่ชุมชนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ประชากรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซูซิงฝูเลยถามถึงการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับประชากรโดยตรง


 


ฉินเฟิงมองไปยังซูซิงฝู ในสมองย้อนคิดไปว่าแม้อีกฝ่ายจะได้รับฉายานักขูดรีดในอนาคต แต่เขาก็เป็นนักธุรกิจชั้นยอด จะกลายเป็นผู้ที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดในเมืองหลวง


 


พอคิดได้ดังนั้น ฉินเฟิงก็เผยรอยยิ้มขึ้นทันใด


 


“พัฒนาด้านเศรษฐกิจให้กับสถานที่ชุมชนเฟิงหลี ให้มันกลายเป็นย่านธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุด และในอนาคตจะก้าวขึ้นไปในตำแหน่งเมืองแห่งการค้า แบบนี้คุณคิดว่ายังไง?”


 


ดวงตาของซูซิงฝูเปล่งประกาย


 


“ก็ดีนะ ฉันชอบความคิดนี้!”


 


ฉินเฟิงตอบกลับในหัวใจ ‘แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณจะต้องชอบมัน ก็ต่อไปคุณจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้มากที่สุดนี่นา’


 


“แม้ว่าจะเป็นการพัฒนาย่านธุรกิจ แต่ผลประโยชน์ของประชากรแต่ละคนก็ไม่ควรถูกปรับเปลี่ยน ควรใส่ใจด้านนี้ให้มาก ยิ่งมากยิ่งดี สำหรับเรื่องการตามหาคนมีความสามารถมาช่วยเหลือ … ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง ”


 


ในโลกใบนี้ หลังจากเกิดหายนะ เทคโนโลยีที่มีประโยชน์ที่สุดคงไม่พ้นสามประเภทนี้ อันได้แก่ การผลิตอาวุธปืน , การผลิตอุปกรณ์รูน และความสามารถทางเกษตรกรรม!


 


และด้วยความทรงจำในอีกสิบปีข้างหน้าของชีวิตก่อน ฉินเฟิงจึงรู้จักการดำรงอยู่ของผู้มีพรสวรรค์ดังที่กล่าวมาข้างต้นมากมาย


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชื่อๆหนึ่งก็วาบผ่านเข้ามาในหัวใจของฉินเฟิง


 


“ดูเหมือนว่า ‘เหตุการณ์นั้น’ จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ฉะนั้นฉันต้องใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ว่า พาตัวลุงหลิวมาเข้าร่วมกับเมืองเฟิงหลีให้จงได้!”


 


พอคิดได้ ฉินเฟิงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขากล่าวร่ำลากับซูซิงฝู และส่งมอบงานต่างๆให้อีกฝ่าย


 


จากนั้น เขาก็กลับมาที่ฐาน


 


“ฉินเฟิง ปฏิบัติการที่นี่เสร็จสิ้นลงแล้ว พาหนะของสถาบันเองก็กำลังจะกลับ พวกเราก็ไปกันเถอะ!” โจวฮ่าวกล่าว


 


ฉินเฟิงพยักหน้าและตอบกลับไป “อืม แต่นายกลับไปก่อนนะ พอดีฉันตั้งใจว่าจะออกไปที่ๆหนึ่งก่อน แล้วจะกลับไปเข้าร่วมงานสวนล่าใบไม้ผลิอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้!”


 


“นายยังจะโดดเรียนอีกหรอ!” โจวฮ่าวไม่คิดว่าฉินเฟิงยังไม่ตั้งใจจะกลับไปที่โรงเรียน


 


“อย่าเชียวนา คิดจะไปในที่อันตรายอีกแล้วใช่ไหม นายกลับไปเรียนเถอะ” ฉินเฟิงชิงเอ่ยดักคอ เพราะเขารู้ว่านี่คือประโยคต่อไปที่โจวฮ่าวจะพูด


 


“ไม่เอาน่า ฉันแข็งแกร่งจะตาย —เพ้ยยย! แล้วแต่เอ็งเถอะ!” โจวฮ่าวไม่ยอมน้อยหน้า ชิงพูดประโยคที่ฉินเฟิงจะต้องเอ่ยมันหากได้ยินประโยคข้างบน เขาหันหลังเดินกลับไปที่รถศึก ฉินเฟิงเดินตาม แต่ตรงไปยังรถศึกของตัวเองที่อยู่ใกล้ๆ เวลานั้นเลยพลอยมองเห็นที่นั่งข้างคนขับของโจวฮ่าว และพบว่าลู่เหมิงกำลังนั่งอยู่อย่างกระทันหัน


 


ฉินเฟิงยกมือขึ้นลูบคาง หัวเราะในจิตใจ


 


“ไอ้หมาตัวไหนนะ ที่มันเคยด่าฉันว่าเห็นสาวสำคัญกว่าเพื่อน?!”


 


อันที่จริง ฉินเฟิงเข้าใจโจวฮ่าวผิดไป เพราะบนเบาะหลังของโจวฮ่าว ก็มีหลี่เหยาเหยานั่งอยู่เช่นกัน


 


หลังจากอีกฝ่ายขับรถออกไปแล้ว ฉินเฟิงก็สตาร์ทรถล่องเวหา แต่ขับไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสถานชุมชนทางตอนเหนือ


 



 


ท่ามกลางทุ่งล่า ถนนแคบๆค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏป้อมรักษาการณ์ขึ้นในทุกๆ 100 เมตร


 


นี่คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามีสถานชุมชนอยู่ข้างหน้า!


 


ในที่สุด กำแพงเมืองที่ทรุดโทรมก็ปรากฏขึ้นในสายตา แต่มองจากระยะไกล ตัวเมืองเทียบไม่ได้เลยกับสถานชุมชนเขตเฉิงเป่ย


 


พื้นที่ของมัน สามารถเรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆเท่านั้น


 


-นี่คือเมืองหาน เป็นหนึ่งในเมืองที่แสนจะธรรมดา กล่าวได้ว่าเป็นสถานชุมชนขนาดเล็ก และเนื่องจากเมืองนี้อยู่ไกลเกินกว่าจะควบคุม มันก็ค่อยๆกลายเป็นเมืองอิสระไปในที่สุด


 


รัฐบาลกลางไม่มีอำนาจครอบคลุมมาถึงที่ห่างไกลเช่นนี้!


 


กระทั่งเทศมนตรีประจำเมืองหาน ยังเป็นแค่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F8 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในเมืองนี้ เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!


 


ถึงมันจะเป็นแค่เมืองเล็กๆไม่โดดเด่นหรือสำคัญอะไร แต่ภายในกลับมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก


 


ฉินเฟิงขับรถไปตามท้องถนนของเมืองหาน ผู้คนโดยรอบต่างก็ประหลาดใจระคนอิจฉายามเมื่อมองเห็นรถของฉินเฟิง จนกระทั่งรถค่อยๆหยุดลงหน้าร้านที่เขียนว่า ‘ร้านอุปกรณ์เซินซาน’


 


ในหัวใจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยกระจ่างแจ้ง


 


“ที่แท้คนๆนี้ก็มาเพื่อตามจีบหลิวซู”


 


“แต่ครั้งนี้ค่อนข้างเล่นใหญ่ไปหน่อยนะ!”


 


“รถศึกคันนั้นเจ๋งมากเลย จะต้องซื้อจากในสถานชุมชนแห่งอื่นแน่ๆ ของพวกเราไม่มีแบบนี้หรอก!”


 


ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆ ขณะรับฟังเสียงของผู้คนโดยรอบ


 


หลิวซู?


 


เธอเป็นผู้หญิงที่หยิ่งผยอง ฉินเฟิงเคยพบหน้าเธอไม่กี่ครั้งเท่านั้น และยังจดจำได้ว่าเธอตายก่อนวัยอันควร


 


ในชีวิตก่อนหน้า เมืองหานคือเมืองที่ฉินเฟิงมาเป็นที่แรกหลังจากที่เขาหลบหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่อยู่ได้ไม่ถึงเดือน ก็ปรากฏรอยแยกมิติขึ้น สิ่งมีชีวิตคืบคลานออกมารุกรานจากรอยแยกมิติ ส่งผลให้ทั้งเมืองตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง


 


หลิวซูเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F คนหนึ่งที่มีฝีมือ ในช่วงเวลานั้น เธอออกไปข้างนอก และไม่กลับมาอีกเลย น่ากลัวว่าเธอคงจะตายยลงท่ามกลางการต่อสู้ไปแล้ว


 


“ออกไปจากรอบๆรถฉันซักที!” ฉินเฟิงเปิดประตู และผู้คนที่มามุงดู พอเห็นฉินเฟิง ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย


 


ในเวลาสั้นๆเพียงครึ่งเดือน กระดูกของฉินเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสูงของร่างกายเขาปาไปถึง 1.8 เมตรแล้ว และยังสวมใส่ชุดต่อสู้ T7 ที่มีมูลค่าถึง 150,000 เหรียญ ให้บรรยากาศอันสูงส่ง เพียงแวบแรกที่มอง ก็บ่งบอกว่าทั้งคนทั้งร่างเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง


 


เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาของผู้คนก็เต็มไปด้วยความอิจฉา


 


เพราะฉินเฟิงยังเยาว์วัย แถมยังดูดีมากอีกด้วย


 


ทว่าเมื่อสายตาของคนเหล่านั้นตกลงบนตราผู้ใช้พลังบนหน้าอกของฉินเฟิง ทั้งหมดก็ชะงักไป


 


กลับกลายเป็นว่าคนเบื้องหน้าคือผู้ใช้พลังในเลเวล G


 


ยิ่งไปกว่านั้นช่วงท้ายยังไม่มีตัวเลขระบุเอาไว้อีกด้วย —นี่มันก็คือผู้ใช้พลังที่ผ่านการรับรองทั่วๆไปเท่านั้น!


 


สักพักหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้ากำลังมั่นใจเกินความสามารถของตนเอง — แข็งแกร่งเท่านี้ไม่มีทางจีบหลิวซูได้หรอก!


 


ฉินเฟิงไม่สนใจเกี่ยวกับความคิดของคนอื่น หลังจากที่เขาลงจากรถ ไป๋หลีเองก็ออกมาบ้าง แม้จะสวมแว่นกันแดดและหมวกฟาง แต่เธอก็ยังเด่นสะดุดตา ยิ่งไปกว่านั้นไป๋หลียังควงแขนฉินเฟิง เดินเข้าไปในร้านอย่างงดงาม


 


ในช่วงเวลานั้นเอง ไทยมุงจึงตระหนักได้ว่าตนเองเข้าใจผิดไป!


 


เพราะยังไงซะ หากฉินเฟิงต้องการจะตามจีบหลิวซูจริงๆ เขาจะควงผู้หญิงสาวสวยที่ดูสนิทสนมมาด้วยทำไม?


 


ฉินเฟิงไม่ใส่ใจกับสายตาคนรอบข้าง เขาแหวกฝูงชนออกมา และตรงเข้าไปในร้านอุปกรณ์เซินซาน เริ่มย้อนระลึกถึงห้วงความทรงจำอีกครั้ง


 


หน้าต่างยังคงสะอาดและใสแจ๋ว ทางเข้าหน้าร้านดูใหญ่โตโอ่อ่า บนประตูกระจกยังคงติดแผ่นพับที่ระบุว่ากำลังรับสมัครพนักงานขาย โดยมีทั้งที่พักและอาหาร


 


ย้อนกลับไปในช่วงนั้น ฉินเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่มีความแข็งแกร่งใดๆ เขาขี่มอเตอร์ไซผุๆพังๆที่ขโมยมา มายังเมืองหานโดยไม่พึ่งพาใคร และได้งานดังกล่าว


 


ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้แล้ว


 


ฉินเฟิงเปิดประตูเข้าไป


 


หลิวเซินซานนั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าของร้าน เมื่อพบว่ามีลูกค้าเข้ามา เขาก็กวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว และรู้ได้ทันทีว่าลูกค้าผู้มั่งคั่งได้มาเยือนแล้ว!


 


“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการอะไร” ก่อนที่พนักงานจะมาถึง หลิวเซินซานก็มาคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอยู่ก่อนแล้ว


 


ฉินเฟิงพยักหน้าให้เขาและกล่าว “ผมต้องการ ‘หลอมคืน’ อุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง คุณมีเทคโนโลยีนี้รึเปล่า?”


 


“แน่นอน ทางเรายินดีรับคำร้องส่วนบุคคล ที่นี่การหลอมคืนเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ฉันเองก็จบการศึกษาเฉพาะด้านเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์รูนมาเหมือนกัน พ่อของฉันเองก็เป็นปรมาจารย์ด้านการผลิตอุปกรณ์รูนระดับอาวุโส! แต่น่าเสียดายที่เขาดันมาจากไปเร็วเกินไป” ลุงหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ฉินเฟิงเองก็ยิ้ม เขาทราบดีว่าลุงหลิวกำลังคุยโม้อีกแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดฉีกหน้าอีกฝ่ายแต่อย่างใด


 


“งั้นก็ดี ผมอยากให้คุณช่วยหลอมคืนเจ้าสิ่งนี้”


 


ว่าจบ ฉินเฟิงก็หยิบชุดเกราะของราชันย์อัศวินออกมา!


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.102 – สัตว์ร้ายเกราะคริสตัล


 


ฉินเฟิงนำเกราะที่ดูบุบบี้ไม่เป็นทรง ออกมาจากแหวนมิติบนนิ้วของเขา


 


เนื่องจากเขาได้รับแต้มสงครามมามากมายจากการปราบปรามกองทัพซากศพ ฉินเฟิงเลยนำส่วนหนึ่งของมันไปแลกเปลี่ยนกับอุปกรณ์รูนมิติ เพื่ออำพรางสถานะพลังมิติของไป๋หลี


 


นอกจากนี้ มันยังช่วยให้สะดวกสบายกว่าเดิมมาก


 


ทันทีที่ชุดเกราะราชันย์อัศวินปรากฏขึ้น หลิวเซินซานก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง


 


เห็นได้ชัดว่าเกราะนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากโลกอื่น มันไม่มีรังสีแสงเกิดขึ้นหลังจากทำการหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่เหมือนดั่งอุปกรณ์รูน แถมรูปลักษณ์ยังดูเก่าแก่ดั้งเดิม เรียบง่ายกว่ามาก และวัตถุดิบที่ใช้ปรับแต่งนี้ก็เป็นระดับราชันย์สัตว์ร้ายเป็นอย่างน้อย


 


กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าหลังจากที่เขาหลอมคืนเจ้าสิ่งนี้แล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียปริมาณส่วนหนึ่งไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาย่อมเป็นวัตถุดิบระดับราชันย์อย่างแน่นอน


 


วัตถุดิบระดับราชันย์เลเวล F มันมีค่าเท่าไหร่น่ะหรือ? อย่างน้อยๆก็หลักสิบล้าน!


 


แม้ร้านขายอุปกรณ์รูนของเขา จะเป็นร้านค้าขนาดใหญ่และมีสินค้ามากมาย แต่สภาพคล่องหรือเงินที่ใช้หมุนเวียนมันมีไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ


 


“เอ่อ … คุณลูกค้าอยากให้ฉันเป็นคนหลอมคืนจริงๆน่ะหรือ?”


 


ของดีๆเช่นนี้ มันควรจะมอบหน้าที่หลอมคืนให้กับบริษัทใหญ่ โดยจักรกลหลอมคืนที่มีความแม่นยำระดับสูงไม่ใช่หรือ? ไม่อย่างวัตถุดิบบางส่วนอาจเกิดการเสียหายได้ง่ายๆ


 


“ร้านค้าเล็กๆเองก็มีข้อดีของมัน ยังไงซะที่นี่ก็มีเทคโนโลยีพร้อมอยู่แล้วนี่ใช่ไหม?” ฉินเฟิงกล่าว


 


พอได้ยินคำว่า ‘ข้อดี’ จากปากอีกฝ่าย จู่ๆหลิวเซินซานก็คล้ายจะตระหนักได้ว่า ฉินเฟิงต้องการเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ บางทีที่มาของเกราะนี้อาจไม่สมควรจะมีใครล่วงรู้


 


เมื่อค้นพบคำตอบ จึงเป็นธรรมดาที่หลิวเซินซานจะไม่อยากพลาดธุรกิจนี้


 


“มีอยู่แล้วคุณลูกค้า ค่าใช้จ่ายในการหลอมคืน ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 ล้าน และคุณต้องวางเงินมัดจำ1/10 ทางเราจะผลิตจนเสร็จสมบูรณ์ภายใน 3 วัน” หลิวเซินซานกล่าว


 


“ตกลง”


 


ฉินเฟิงพยักหน้ายอมรับ และเซ็นสัญญากับอีกฝ่าย จ่ายเงิน พร้อมทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ เดินออกจากประตูไป


 


อย่างไรก็ตาม แทนที่เขาจะก้าวขึ้นไปบนรถศึกเลย ตนกลับเดินเข้าไปในโรงแรมที่ตั้งอยู่ข้างๆแทน


 


เจ้าของโรงแรมนี้ อายุราวๆ 37 – 38 ปี แต่หน้ายังเด็กมาก ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงทราบดีว่าเธอคือแม่ของหลิวซู หรือก็คือภรรยาของหลิวเซินซานนั่นเอง


 


โรงแรมแห่งนี้และร้านขายอุปกรณ์รูนเป็นธุรกิจของตระกูลหลิว มีพื้นที่กว้างขวาง เหนือขึ้นไปบนร้านขายอุปกรณ์รูนเองเป็นห้องสวีทของโรงแรม กล่าวได้ว่าหากไม่มีพื้นเพที่แข็งแกร่ง คงไม่มีความมั่งคั่งถึงขนาดนี้


 


ยังไงก็ตาม โปรดอย่าสงสัยสถานะของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F เลย สำหรับเมืองนี้ แม้ว่าหลิวซูจะมีอายุเพียง 20 ปี แต่ด้วยความแข็งแกร่งถึงเลเวล F หากเทียบกับสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ เธอมีสถานะสูงกว่าซูซิงฝูซะอีก


 


หลังจากเข้าพักในโรงแรมแล้ว ฉินเฟิงก็เริ่มมุ่งสมาธิเข้าสู่การฝึกฝนทันที


 


หลังจากที่กินยาฟ้าฟื้นไปนับไม่ถ้วน เดิมทีกำลังภายในของฉินเฟิงก็พร้อมยกระดับไปถึงขั้น F4 แล้ว และในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เขายังได้ทำการดูดกลืนกำลังภายในของสองผู้ใช้วรยุทธโบราณมาอีกด้วย


 


เพียงแต่ตอนนี้ตันเถียนของเขากว้างมากขึ้น มันเลยไม่จำเป็นต้องได้รีบใช้พลังดูดกลืนในทันทีแบบทุกครั้งก็เท่านั้นเอง


 


เนื่องจากปัจจุบันเขามาถึงสถานที่ปลอดภัยแล้ว และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต ฉินเฟิงจึงตั้งใจที่จะกลืนกินพวกมันในตอนนี้


 


“พลังพิเศษดูดกลืน!”


 


กำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ดูดมาก่อนหน้านี้ ไหลไปตามเส้นลมปราณของฉินเฟิง เสริมแกร่งให้เขา ถูกนำไปหลอมรวมในแก่นอบิลิตี้ และถูกส่งกลับมายังตันเถียนในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง


 


ก้าวขึ้นสู่เลเวล F4!


 


แม้ปริมาณกลุ่มหมอกกำลังภายใน ในตันเถียนจะมีจำนวนเทียบเท่าแค่ในเลเวล F4 แต่ในด้านของความแข็งแกร่ง ฉินเฟิงแกร่งกว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณทั่วๆไปกว่า 10 เท่า!


 


จากนั้น ฉินเฟิงก็นำเอาโครงกระดูกอีกสองกองชิ้นออกมา


 


ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ากระดูกทั้งสองนี้ หนึ่งคือของราชันย์อัศวิน อีกหนึ่งคือของชุดคลุมดำกระหายเลือด แต่ในส่วนของชุดคลุมดำจะมีน้อยกว่า เนื่องจากต้องแบ่งปันกับเลเวล E ทุกๆคนที่เข้าร่วมการปราบปราม แต่ฉินเฟิงก็ยังกำไรอยู่ดี เพราะเขาแอบฉกแก่นอบิลิตี้ของมันมาแล้วก่อนหน้านั้น


 


“พลังพิเศษดูดกลืน!”


 


พลังกลืนกินปะทุขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ฉินเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


และสีของกระดูกเอง ก็ค่อยๆถูกย้อมจนเป็นสีดำ แวววาวราวกับเหล็ก!


 


ในความเป็นจริง สองกองกระดูกของสองราชันย์นี้ เทียบไม่ได้กับมือเจ้านายของมัน แต่มือที่ว่านั่นมันเล็กเกินไป และอย่างที่บอกว่าตามกฏเกณฑ์ของมิติ หากมันโผล่มาก็จะถูกลดพลังลด ดังนั้นเลยช่วยเสริมแกร่งให้ฉินเฟิงได้นิดหน่อยเท่านั้น


 


ในทางตรงกันข้าม กระดูกระดับราชันย์ทั้งสองนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หลังจากดูดกลืนมัน เลยส่งผลให้กระดูกของฉินเฟิงทานทนขึ้นตาม


 


กร๊อบ!


 


ทั้งร่างของฉินเฟิงส่งเสียงลั่น หากสังเกตดีๆ จะพบว่าความสูงของเขาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นไปเป็น 1.81 ม.!


 


“ฟู่ว .. ”


 


ฉินเฟิงลืมตาขึ้น และรู้สึกแค่ว่าร่างกายของเขาครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่


 


บางทีความแข็งแกร่งของมวลกระดูกระดับนี้ อาจมีเพียงระดับราชันย์สัตว์ร้ายเท่านั้นที่ครอบครองได้


 


และมันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า ร่างกายของฉินเฟิงในปัจจุบัน เทียบเท่าได้กับราชันย์สัตว์ร้าย!


 


สุดท้าย ฉินเฟิงก็นำเอาแก่นอบิลิตี้ของชุดคลุมดำกระหายเลือดออกมา


 


หลังจากฝึกฝนเล็กๆน้อยๆ พลังสมาธิก็ยังอยู่แค่เลเวล F3 แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทางฝั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณ แต่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว


 


ท้องฟ้าเริ่มมืด ฉินเฟิงจึงตัดสินใจพาเสี่ยวไป๋ลงไปยังโถงอาหารชั้นล่าง เพื่อรับประทานมื้อค่ำ


 


โถงชั้นล่างเต็มไปด้วยอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ผู้คนต่างนั่งจับกลุ่มกัน บ้างสาม บ้างห้าคน สนทนาโต้ตอบจนร้านกระหึ่มไปด้วยเสียงดัง


 


น่าแปลกจริงๆ เมืองเล็กๆเกือบริมสุดแบบนี้ ไม่ได้อยู่ในแนวหน้าสักหน่อย มันไม่สมควรที่จะมีลูกค้ามากมายขนาดนี้สิ


 


“ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้ใครกันที่บอกว่ามี ‘สัตว์ร้ายเกราะคริสตัล’ อยู่ที่นี่ ทำเอาฉันมาเสียเที่ยวเลย!”


 


“นั่นดิ ตอนนี้ยังไม่เห็นมันเลยแม้แต่เงา!”


 


“คนในสถานที่ชุมชนแห่งนี้กระจายข่าวลือออกไป เพื่อหลอกลวงผู้คนให้มาใช้จ่ายเงินที่นี่รึเปล่า?”


 


“เหอะ พวกเขาไม่กล้าหรอก!”


 


“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานมีใครบอกว่าเห็นมันอยู่นอกเมืองหรอกหรอ?”


 


“หึ! หวังว่าคราวนี้จะไม่ใช่เรื่องโกหกอีกก็แล้วกัน!”


 


ฉินเฟิงเดิมไม่คิดตั้งใจฟัง แต่เสียงก็ดันลอดผ่านหูเข้ามา


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัล เป็นสัตว์ร้ายที่สามารถกลืนกินแร่ธาตุ และเปลี่ยนเป็นพลังงานแก่ตัวเองได้ ร่างกายของมันจะเป็นสีโปร่งใสเหมือนคริสตัล


 


ประเด็นสำคัญก็คือ แก่นพลังงานของมันเป็นวัตถุดิบสังเคราะห์ที่แข็งแกร่งมาก สามารถใส่เข้าไปในอุปกรณ์รูนได้ และจะช่วยให้อุปกรณ์รูนชิ้นนั้นมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ


 


ตัวอย่างเช่นมีดกษัตริย์คราม ที่สามารถใช้วัตถุดิบขั้นสูงบางอย่างเปลี่ยนจากอาวุธเลเวล G ไปเป็นเลเวล F ได้ แต่การปรับแต่งมันยังคงมีข้อจำกัด บางทีอาจจะไม่สามารถปรับจนขึ้นไปถึงเลเวล D ได้


 


แต่ถึงเวลานั้น สมควรที่จะเปลี่ยนอาวุธมีดใหม่เลยไม่ง่ายกว่าหรือ?


 


แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกัน หากฉินเฟิงใส่เหล็กดาราลงในมีดกษัตริย์คราม? หากทำเช่นนั้น ต่อมาถึงคุณจะทำการหลอมคืนอีกครั้ง ก็ยังสูญเสียเหล็กดาราไปเป็นจำนวนมากอยู่ดี แต่มันจะดีกว่าไหมหากคุณใส่แก่นพลังงานของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลลงไปก่อน แล้วตามด้วยวัตถุดิบชั้นสูง


 


ดังนั้น แก่นพลังงานของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลจึงไม่ใช่สิ่งที่คนจำนวนมากใช้กัน แต่สำหรับพวกผู้เชี่ยวชาญบางคน พวกเขายินดีที่จะรับซื้อมัน


 


ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้มูลค่าของแก่นพลังงานสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล พุ่งสูงขึ้นถึง 30 ล้านเหรียญ เป็นจำนวนเงินที่มากพอจะทำให้ผู้ใช้พลังเลเวล F ธรรมดาๆ แทบจะโบยบินบนท้องฟ้า


 


เพราะยังไงซะ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำเงินด้วยความเร็วที่เหมือนกับฉินเฟิง


 


“เสี่ยวไป๋ แกอยากกินอะไรก็ไปตักเอาเองได้เลย” ฉินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบจานให้ไป๋หลี


 


แต่ไป๋หลีไม่สนใจอาหารเหล่านี้เลย ก่อนหน้านี้มันก็ลองเดินวนๆดูรอบหนึ่งแล้ว


 


เธอเม้มริมฝีปาก ทำหน้ามุ่ยและกล่าว “ที่รัก ฉันอยากจะกินขาไก่ หรือไม่ก็ปีกไก่ แต่ที่นี่มันไม่มีเลย!”


 


ดูเหมือนไป๋หลีจะยังคงติดใจมื้ออาหารหน้ากองไฟของโจวฮ่าวอยู่


 


ฉินเฟิงยิ้มบางๆ “อย่าจู้จี้เรื่องกินนักเลย ไปชิมพวกสเต็กดูสิ มันก็รสชาติดีเหมือนกันนะ ลองดูไหม?”


 


ไม่รอให้ไป๋หลีทันได้เอ่ยปาก ผู้ใช้พลังเลเวล F ที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาก็หัวเราะออกมา


 


“น้องสาว ที่รักของเธอหาไก่ให้เธอกินไม่ได้ งั้นก็มากับฉันสิ ฉันมีพร้อมทุกอย่าง เราจะไปหาไก่กินกันตลอดทั้งคืนเลย!”


 


เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา ชายคนนั้นก็เปล่งเสียงหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ


 


ดวงตาของฉินเฟิงสาดแสงเย็นชาขึ้นทันใด


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.103 – กระบวนท่าวรยุทธ : มีดผลาญสวรรค์


 


ชายคนนั้นมองฉินเฟิงอย่างไม่หวั่นเกรง กระทั่งการแสดงออกทางสีหน้าก็บ่งบอกชัดว่ากำลังยั่วยุ


 


เพราะนี่ก็แค่ผู้ใช้พลังเลเวล G


 


ฉินเฟิงฝากจานให้ไป๋หลีถือ และยื่นมือไปทางผู้ใช้พลังเลเวล F อย่างช้าๆ


 


ชายคนนั้นแสยะยิ้มมุมปาก ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาปัดป้อง


 


“ไอ้หนู อย่าคิดพยายาม … ” แต่ก่อนจะทันได้เอ่ยจบ หมัดที่เชื่องช้าของฉินเฟิงก็พลันตวัดไหว ระเบิดพลังขึ้นอย่างกระทันหัน ชกเปรี้ยงเข้าใส่แขนของชายคนนั้นจนเกิดเสียงดัง ‘กริ๊ก’ –หักงอไปด้านข้างในทันใด


 


เมื่อไร้สิ่งกีดขวาง หมัดของฉินเฟิงก็กระแทกเข้าใส่กระพุ้งแก้มอย่างแรง จนอีกฝ่ายต้องกลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป


 


พรวดดดด!


 


ฟันซี่ใหญ่สามสี่ซี่หลุดกระเด็นไปตามทิศทางของหมัด ปากอ้ากระอักหมอกเลือดไปพร้อมๆกัน


 


ฉินเฟิงชักมือกลับ และสะบัดหลังมือใส่เขาอีกครั้ง


 


คราวนี้มันเป็นการตบฉาดด้วยหลังมือ หน้าของชายคนนั้นสะบัดไปอีกทิศทาง มันรุนแรงจนกระพุ้งแก้มเปลี่ยนรูปทรงไปจากเดิม


 


“อ๊ากกก!”


 


พร้อมกันกับปากที่อ้าขึ้นกรีดร้อง ฟันอีกแถวร่วงตกลงมาผสมผสานไปกับเลือด กลิ่นสาบคาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ


 


“ปากแกเหม็นเกินไปนะ ควรจะแปรงมันซะบ้าง!” ฉินเฟิงสาดเสียงเย็นชา ถอนมือกลับ


 


หลังจากถูกตีไปสองครั้งติดต่อกัน และตระหนักถึงฟันที่สูญเสียไปเกือบหมดปาก ผู้ใช้พลังเลเวล F ก็คลั่งจนแทบบ้า


 


เหตุการณ์ไม่จบลงง่ายๆ เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้พลังไม่ได้มาที่นี่คนเดียว โต๊ะที่อยู่ถัดออกไป สหายอีกสามคนผุดลุกขึ้นทันที เตรียมจะเข้ามาช่วยเหลือ


 


แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ เขาหันไปหยิบจานในมือไป๋หลี และเริ่มกลับไปตักอาหารอีกครั้งราวกับไม่มีเรื่องราว -คนที่ถูกทุบตีตอนแรกยิ่งเห็นก็ยิ่งคลั่งแค้น ท่วมท้นไปด้วยความโกรธ


 


“จงตายให้แก่บิดา!” เขาขยับปากส่งเสียงอู้อี้ แต่กลิ่นอายสังหารกลับท่วมไปทั้งดวงตา ทั้งคนทั้งร่างระเบิดกำลังภายในออกมา


 


“หมัดล่มสลาย!”


 


คลื่นปราณขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น กระเพื่อมไหวเป็นระลอกในชั้นอากาศ กระบวนท่าหมัดนี้ ต่อให้เป็นคนที่อยู่ในเลเวล F หากสัมผัสโดนก็คงไม่พ้นบาดเจ็บสาหัส!


 


ราวกับมีตาหลัง ฉินเฟิงพลิกตัวมาด้านข้าง ยกเท้าข้างหนึ่ง อัดฉีดกำลังภายในลงในมัน เหยียดออกไปอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบา ท่วงท่านี้แม้จะดูไม่รุนแรง แต่ …


 


เปรี้ยง!


 


—มันกลับสามารถทำลายปราณหมัดของศัตรูได้อย่างง่ายดาย!


 


ไม่เพียงทำลาย แต่ยังทะลวง! เท้าของฉินเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันกระทุ้งเข้าใส่หน้าท้องของเลเวล F อย่างแรง!


 


หลังจากเท้าแนบลง เลเวล F ก็คล้ายกับติดเทอร์โบ พุ่งฟิ้ว! ไกลออกไปกว่า 20 เมตร กระแทกเข้ากับกำแพงเสียงดังปัง!


 


“อ๊อก .. ”


 


เห็นแค่เพียงชายคนนั้นยกมือขึ้นกุมท้อง และอ้วกเลือดออกมาเต็มปาก


 


เดิมที สหายบนโต๊ะเขาต้องการที่จะเข้ามาช่วย แต่เวลานี้ทุกคนต่างนิ่งค้าง ไม่กล้ายกเท้าก้าวออกมาแม้เพียงเสี้ยว ทั้งหมดเบิกตากว้าง มองฉินเฟิงด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ


 


เพราะยังไงซะ พวกเขาย่อมล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของสหายดี และกระบวนท่าหมัดล่มสลายเมื่อครู่นี้ เป็นอะไรที่ทรงพลังและรวดเร็วมาก มันเป็นการโจมตีสไตล์เส้าหลิน ทว่ากลับถูกฝ่ายตรงข้ามสยบลงทั้งๆที่ยังหันหลังอยู่!


 


ยังไม่พอ มันยังไม่อาจต่อต้านการเตะแบบลวกๆของศัตรูได้ นี่บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งยิ่งกว่า แกร่งกว่ามากจนสหายของเขาพ่ายแพ้อย่างเทียบไม่ติด


 


“ครั้งนี้พวกเราจะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน ฝากไว้ก่อนเถอะ!” หนึ่งในนั้นหันไปส่งสัญญาณให้คนที่เหลือ และเดินจากไป อีกสองคนหยุดกิน พุ่งเข้าช่วยพยุงชายคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บออกไปหาหมอ


 


ฉินเฟิงเองก็สูญสิ้นความอยากอาหารไปเช่นกัน เพราะปัจจุบันบนพื้นมันเต็มไปด้วยเลือดและกลิ่นไม่พึงประสงค์


 


“ช่างมันเถอะ ไว้กลับไปค่อยหาอะไรกินกันก็ได้”


 


ฉินเฟิงออกจากโถงอาหารพร้อมกับไป๋หลี ทุกคนในร้านที่เห็นเหตุการณ์ล้วนพากันจดจำหน้าตาของทั้งสอง


 


“มีคนที่แสร้งทำเป็นหมู แล้วคอยกินเสืออยู่ด้วยแฮะ นั่นเขาจงใจติดโลโก้เลเวล G ไว้หลอกลวงคนอื่นๆใช่ไหม?”


 


“อยู่ห่างๆเขาไว้ดีกว่า ถ้าเจอกันอีกก็หลบหน้า!”


 


“อย่าบอกนะว่าเขาเองก็มาตามล่าสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลเหมือนกัน!”


 


ช่วงเวลานี้ หลายคนเริ่มตื่นตัว ทั้งหมดจดจำหน้าตาของฉินเฟิง และตัดสินใจว่าจะไม่เฉียดเข้าไปยุ่งกับเขา


 



 


พอกลับมาถึงห้องพร้อมกับไป๋หลี ฉินเฟิงก็โทรสั่งอาหาร


 


“ผมขอสั่งปีกไก่กับขาไก่ … อืม .. ตกลง”


 


ไป๋หลีมองมาทางฉินเฟิงด้วยแววตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา


 


“เมื่อกี้ทำไมที่รักถึงไปทะเลาะกับเขาล่ะ? เขาจะพาฉันไปกินไก่ไม่ใช่หรอ? สุดท้ายเลยอดกินเลย!” ไป๋หลีหน้ามุ่ย


 


ฉินเฟิงยื่นมือออกไป และบีบปากเล็กๆของอีกฝ่ายเบาๆ


 


“เดี๋ยวโตไปก็จะรู้เล่ห์เหลี่ยมพวกนี้ในภายหลังเอง”


 


แม้คนอื่นจะเพียงแซวไป๋หลี แต่มันก็ทำให้ฉินเฟิงโกรธจริงๆ ยิ่งเมื่อเขาจินตนาการถึงฉากนั้น ตนก็ยิ่งร้อนรุ่ม!


 


“ก็แล้วเรื่องที่ว่ามันอะไร จิ้งจอกเองก็อยากรู้เหมือนกันนะ!”


 


ไป๋หลีทำแก้มป่อง แสดงท่าทีว่ากำลังโกรธ


 


“อ่า คำถามนี้มันลึกซึ้งเกินไป เดี๋ยวฉันจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ดูก็แล้วกัน”


 


ว่าจบ ฉินเฟิงโน้มตัวลง ประกบริมฝีปากของไป๋หลี –ตามที่คาดไว้จริงๆ รสชาติมันช่างอ่อนโยน นุ่มละมุนลิ้นจริงๆ!


 


ฉินเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะปลีกตัวไปจากการกิน ‘อาหาร’ มื้อนี้ได้เลย แต่เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น เจ้าตัวก็ต้องผละจากไป๋หลีอย่างไม่เต็มใจ


 


ประตูถูกเปิดออก และคนที่ผลักรถเข็นอาหารเข้ามา คือเด็กสาวหน้าตางดงามในวัย 20 ปี


 


–เป็นหลิวซู!


 


หลิวซูมาในสภาพสวมใส่ชุดต่อสู้ สีหน้าของเธอเย็นชา โลโก้ F3 บนหน้าอกเด่นชัดสะดุดตา


 


“มิสเตอร์ นี่คือหมายเลขสั่งอาหารของคุณ ยังไงก็ตาม ช่วงเย็นวันนี้คุณได้ต่อสู้กับผู้ใช้พลังคนอื่นๆใช่ไหม? เหตุการณ์นั้นส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของโรงแรมเรา มันทำให้เสียลูกค้า ข้าวของจำนวนมากถูกทำลาย ดังนั้นฉันเลยจะขอเรียกเก็บค่าเสียหายจากในใบเสร็จของคุณด้วย มีอะไรจะโต้แย้งไหม?”


 


ฉินเฟิงพยักหน้า “ไม่มี”


 


สำหรับเรื่องเงินเขาไม่เก็บมาคิดกังวล ส่วนเรื่องค่าอาหาร เนื่องจากเขาต่อยผู้ใช้พลังจนฟันหลุด เลือดกระเซ็น ตกลงไปในอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เตรียมไว้ คนมากมายก็เห็นมัน ดังนั้นจานผัก จานเนื้อจึงต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด


 


แต่อาหารเหล่านี้มันไม่ได้มีค่าเสียหายมากนัก ดังนั้นฉินเฟิงเลยยินดีที่จะจ่าย


 


“ยอดเยี่ยม ขอบคุณมิสเตอร์ที่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่ามิสเตอร์จะไม่ทำแบบนั้นอีกในครั้งต่อไป”


 


หลิวซูกล่าวอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงของเธอดูจะคุกคามเล็กน้อย คล้ายกับเป็นการขู่กลายๆว่าฉินเฟิงอย่าทำอีก


 


“ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้ามาวุ่นวายกับฉันน่ะนะ!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงเย็นชา เขาไม่ใช่คนที่จะเก็บงำ กล้ำกลืนความโกรธเอาไว้ได้


 


หลิวซูกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ฉันเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง แต่มันคงไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าคุณไม่พาแฟนออกไปด้วย ถ้าไม่อยากต่อสู้ ก็เก็บเธอไว้ให้มิดชิด แต่ถ้ายังปล่อยให้หล่อนออกมาเดินป้วนเปี้ยน คุณคงเจอปัญหาไม่หยุด!”


 


พอถูกพูดแทงใจดำ ฉินเฟิงก็อึ้ง พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง


 


“พี่สาว นี่มันเรื่องของฉัน อย่ามายุ่งดีกว่าน่า”


 


“หึ เตือนแล้วนะ จะทำอะไรต่อจากนี้ ก็เตรียมรับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ด้วยก็แล้วกัน ไอ้ผู้ชายอวดดี!”


 


หลิวซูเอ่ยเสียงเย็นชา เธอมองฉินเฟิงด้วยความดูแคลน และผลักรถเข็นอาหารออกไป


 


ฉินเฟิงไร้คำจะกล่าว หลิวซูคิดเป็นตุเป็นตะเกินไปจริงๆ แล้วตอนนี้เขากลายเป็นคนอวดดีไปได้ยังไง?


 


อย่างไรก็ตาม เขามาที่นี่เพราะเรื่องของลุงหลิวเท่านั้น ไม่ได้มาทะเลาะกับเธอ จึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ


 


วันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงลุกจากเตียง เขาพาไป๋หลีไปเดินเล่นในแปลงดอกไม้หลังโรงแรม ขณะกำลังกุมมีดกษัตริย์ครามในมือครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน


 


“ผู้ใช้วรยุทธโบราณที่มาถึงเลเวล F สมควรที่จะมีกระบวนท่าวรยุทธติดตัวเอาไว้บ้าง ดังนั้นฉันก็ควรจะเริ่มฝึกพวกมันด้วยใช่ไหม?”


 


“ก่อนจะเกิดใหม่ จำได้ว่าฉันเคยครอบครองกระบวนท่าวรยุทธ ‘มีดผลาญสวรรค์’ คิดว่าท่านี้น่าจะเหมาะสมกับอาวุธในตอนนี้นะ”


 


–กระบวนท่ามีดผลาญสวรรค์ มีเงื่อนไขที่สูงมาก กำลังภายในจะถูกเปิดใช้งานด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างออกไป มันจะไหลผ่านตามจุดฝังเข็มพิเศษ เพื่อปลดปล่อยปราณที่ลุกไหม้เหมือนไฟ ส่งผลให้กระบวนท่านี้ อาจเทียบเท่าได้เลยกับพลังพิเศษธาตุไฟ


 


ทันใดนั้นฉินเฟิงก็เกิดความคิดขึ้นในหัวใจ


 


“ในเมื่อฉันเองก็ครอบครองอบิลิตี้ไฟ งั้นถ้าฉันลองใช้มันประสานกันกับกระบวนท่ามีดผลาญสวรรค์ดูล่ะ? น่าคิดจริงๆว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดไหน!”


 


ด้วยความคิดนี้ ฉินเฟิง จึงทำการกระตุ้นกำลังภายใน ขณะเดียวกันก็อัดฉีดรูนไฟเข้าไป


 


ในพริบตา เปลวเพลิงก็พลันพวยพุ่งออกจากมีดกษัตริย์คราม!


 


“มีดเปลวเพลิง!”


 


นี่คือหนึ่งใน ‘ชุดกระบวนท่าพื้นฐาน’ ของมีดผลาญสวรรค์ ยามเมื่อมันถูกใช้ออกโดยฉินเฟิง และผสานรูนไฟที่ถูกอัดฉีดลงไป เปลวเพลิงจึงสำแดงพลานุภาพยิ่งกว่าที่ควร ดูดุดันและทรงพลังเป็นอย่างมาก


 


“มาลองกันอีกสักท่า! ระบำดอกไม้ไฟ!”


 


พลันปรากฏลำแสงแผดเผารูปทรงครึ่งวงกลมขึ้นกลางอากาศ โดยแสงที่ว่าสะท้อนหักเหจากใบมีด ฉากนี้แลดูคล้ายกับดอกไม้ไฟที่กำลังระเบิดออก —สมชื่อระบำดอกไม้ไฟจริงๆ!


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.104 – รอยแยกมิติ


 


ฉินเฟิงยังต้องการที่จะฝึกฝนต่อ แต่จู่ๆอุปกรณ์สื่อสารของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน


 


【คำเตือน คำเตือน! ปรากฏสัตว์พิเศษขึ้น มันอยู่ห่างออกไปจากตำแหน่งปัจจุบันของคุณ 923 เมตร โปรดทำการตรวจสอบ และระวังตัวให้ดี!】


 


เมื่อเห็นข้อความนี้บนอุปกรณ์สื่อสาร ดวงตาของฉินเฟิงก็หดลีบลง


 


‘มาแล้ว!’


 


ไอ้ที่เรียกว่าสัตว์พิเศษ เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล!


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลมักจะกินแร่บางอย่างเป็นอาหาร ทว่าเมื่อมันผ่านเมืองหาน และถูกผู้คนไล่ล่า มันจึงไม่มีโอกาสได้กินอะไรเลย


 


ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลก็ไม่ใช่สัตว์ร้ายประเภทขุดเหมืองดั่งอาหารที่มันชอบกินแต่อย่างใด หากแต่มันเป็นแมลงชนิดหนึ่ง


 


เป็นแมลง … นั่นก็หมายความว่ามันสามารถบินได้!


 


เมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่มีอะไรยาไส้ สุดท้ายมันก็ทนไม่ไหว พุ่งเข้าหาแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหาน —อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ!


 


นี่เอง คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมของเมืองหาน


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลหันมากินแหล่งพลังงานของอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ เมื่อเสียสมดุล รอยแยกมิติจึงถูกเปิดออก เป็นเหตุให้เมืองหานล่มสลาย


 


“ถ้าฉันขัดขวางการกินของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล เมืองหานก็จะไม่ล่มสลาย แต่แบบนั้นน่ากลัวว่าลุงหลิวคงไม่ยอมกลับไปสถานชุมชนเฟิงหลีกับฉัน!” ฉินเฟิงพึมพำในจิตใจ


 


แต่หลังจากลองทบทวนดูอีกครั้ง และอีกครั้ง สุดท้ายฉินเฟิงก็ตัดสินใจยอมช่วยปราบปรามสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล


 


“ถึงจะปราบสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลลง แต่การมาเยือนในครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่าซะทีเดียว เอาไว้ฉันกลับไป แล้วแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ถึงเวลานั้นค่อยกลับมาเชิญลุงหลิวอีกครั้งก็ได้ เพราะยังไงซะ เมืองหานก็เป็นเมืองเกิดของลุงหลิว!”


 


เมื่อคิดดังนี้ ฉินเฟิงก็ตัดสินใจในที่สุด


 


“มาเถอะ ไปดูกันว่าเจ้าสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลตัวนี้จะน่าทึ่งขนาดไหน”


 


ฉินเฟิงคว้าตัวไป๋หลี กระโดดข้ามบ้าน ข้ามถนน มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลปรากฏตัวขึ้น


 


ระยะทางใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังเริ่มปรากฏให้เห็นถึงผู้ใช้พลังคนอื่นๆตามรายทาง


 


คนเหล่านี้แน่นอนว่าต้องได้รับข้อมูลเช่นกัน และมาเพื่อที่จะจับสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีที่ไหนให้โผล่หัวออกมาแล้วรึไง ไม่คิดเลยว่าสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลจะปรากฏตัวขึ้นกลางเมืองจริงๆ!”


 


“ช่างน่าสงสารไอ้พวกคนที่ออกนอกเมืองไปตามล่ามันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ ถ้ารู้เรื่องคงเจ็บใจจนทำอะไรไม่ถูก”


 


“กว่าพวกมันจะกลับมา สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลคงตกเป็นของพวกเราแล้ว ฮ่าฮ่า”


 


“พี่น้องทั้งหลายระวังตัวให้ดี!”


 


“หน้าไหนก็ตามที่กล้าเข้ามาปล้น พวกเราจะฆ่าอย่างไม่ละเว้น!”


 


คนจากแต่ละกลุ่มแยกย้ายกระจายตัวกันออกไป ทุกคนในที่นี้ต่างหวาดระแวงกันและกัน ความเป็นปรปักษ์ฉายชัดอยู่ในสายตา


 


ในทุ่งล่า การต่อสู้แย่งชิงเหยื่อนับว่าเป็นเรื่องปกติ!


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อฝูงชนวิ่งตรงไปยังใจกลางเมืองหาน ในตำแหน่งที่สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลปรากฏตัวขึ้น ทั้งหมดกลับพบว่าอุปกรณ์สื่อสารยังคงระบุว่า มันอยู่ห่างจากพวกเขาออกไป 200 เมตร …


 


เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาเกิดความสับสนเป็นอย่างยิ่ง


 


และในจุดเดียวกันนั้นเอง ปัจจุบันปรากฏผู้ใช้พลังเลเวล F ยืนรออยู่แล้วมากกว่า 50 คน!


 


ในกลุ่มนั้น ก็มีลูกสาวของหลิวเซินซานรวมอยู่ด้วยเช่นกัน


 


“เจ้าสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลมันอยู่ที่ไหนกัน?”


 


ทุกคนต่างงงวยสงสัย


 


ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงก็ปลดปีกเครื่องร่อนที่สะพายซ่อนอยู่เบื้องหลังออกมา


 


พรึบ!


 


“ข้างบน!” สองเท้าของฉินเฟิงหยั่งลงกับพื้น เขาดีดตัวกระโดดสูงขึ้นไปในระดับเดียวกับตึกสามชั้นอย่างกระทันหัน ปีกเครื่องร่อนสั่นไหว ระบบพลังงานถูกเปิดออก รูนลมช่วยผลักดันให้ขึ้นเฟิงทะยานสู่ท้องฟ้า


 


ฝูงชนรอบข้างต่างถูกดึงดูดโดยการกระทำของฉินเฟิง เมื่อเงยหน้าขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเห็นถึงบางสิ่งบางอย่างในเวลาเดียวกัน


 


“มันอยู่บนฟ้า!”


 


….


 


ขณะเดียวกัน ผู้คนที่อยู่ภายในอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติก็ได้รับข้อความระบุว่ามีสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลอยู่ใกล้ๆ


 


คลิ๊ก คลิ๊ก คลิ๊ก


 


คนเหล่านั้นได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง และสัญญาณแจ้งเตือนก็ดังขึ้นทั่วทั้งพื้นที่อุปกรณ์มิติ


 


【ระบบพลังงานภายนอกได้รับความเสียหาย! ระบบพลังงานภายนอกได้รับความเสียหาย! กรุณาเร่งทำการซ่อมบำรุงโดยด่วน! 】


 


ภายใต้แสงอาทิตย์ สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลที่มีขนาดตัวเท่ากับกะละมังขนาดใหญ่ กำลังสะท้อนให้เห็นถึงร่างกายที่โปร่งใสของมัน


 


ฉินเฟิงบินวนไปรอบๆอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ ไม่นานเขาก็พบตำแหน่งที่สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลเกาะอยู่


 


อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติมีพื้นที่ขนาดที่ใหญ่มาก รูปทรงคล้ายกับแผ่นดิสก์ เส้นผ่านศูนย์กลางของมันยาวถึง 50 เมตร และยังมีทางเชื่อมแยกออกไปเป็นทางยาวสามทิศทาง หากแหงนมองดูจะคล้ายกับปีกใบพัดสามตัว กำลังคอยช่วยพยุงอุปกรณ์มิติลอยลำอยู่เหนือเมืองหาน


 


และในตอนนี้ สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลกำลังเกาะอยู่บนปีกใบพัดข้างหนึ่ง และตำแหน่งที่มันแทะเล็ม ก็ตรงกับตัวกักเก็บพลังงานของที่ใช้ลอยลำพอดิบพอดี!


 


“จงตายซะ!”


 


มีดกษัตริย์ครามในมือของฉินเฟิงแทงเข้าใส่สัตว์ร้ายเกราะคริสตัล


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลเหมือนจะตระหนักถึงอันตราย มันกางปีกออกทันใด หลบเลี่ยงการโจมตีของฉินเฟิง


 


ณ ตำแหน่งที่มันเคยเกาะ ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้น พลังงานของเหลวโปร่งแสงเริ่มไหลออกมา แม้ฉินเฟิงจะอยู่ภายนอกก็ตาม แต่เขาก็ยังได้ยินถึงเสียงโวยวายจากภายใน


 


“เร็วเข้า! รีบระบายพลังงานเหลวชั่วคราว และทำการซ่อมแซมจากภายนอก!”


 


“เปิดช่องประตูด้านบน!”


 


“ช้าไม่ได้แล้ว อุปกรณ์มิติเริ่มไม่มั่นคงแล้ว!”


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลบินวนไปรอบๆอุปกรณ์มิติ ส่วนฉินเฟิง เขายืนอยู่ตรงปากหลุมที่ถูกกัดแทะ พิทักษ์มันไม่ยอมห่างไปไหน


 


ณ เวลานี้ เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงได้ปีนขึ้นมาจากภายในพร้อมชุดเครื่องมือ เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงก็ชะงักไป


 


“คุณเป็นใครกัน?”


 


“จะสนใจไปทำไม รีบซ่อมให้มันกลับมาเสถียรเร็วเข้า!”


 


ฉินเฟิงตะโกนเฉียบขาด


 


ฉวัดเฉวียน!


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลโฉบลงมาอย่างกระทันหัน


 


ถึงจะถูกเรียกว่าสัตว์พิเศษและมีมูลค่าที่สูงมาก แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย มีเลเวลอยู่แค่ F และครอบครองความสามารถในการโจมตีอีกนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง


 


รูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลจะคล้ายๆกับแมลงปีกแข็ง ประมาณพวกด้วงหรือแมลงเต่าทอง และเนื่องจากมันโปร่งใส เลยสามารถกลมกลืนไปกับสีอื่นๆ กลบซ่อนร่องรอยของตนเองได้ มิฉะนั้นมันคงไม่สามารถเข้าใกล้อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติได้ถึงขนาดนี้ โดยที่ยังไม่ถูกตรวจพบจากสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ


 


กลางอากาศ สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลหายไปอย่างกระทันหัน และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็อยู่เบื้องหลังเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงแล้ว!


 


ฉินเฟิงโฉบไปข้างหน้า หนึ่งมือคว้าคน อีกหนึ่งโบกสะบัดมีดกษัตริย์คราม


 


“ทำอะไรน่ะ!”


 


เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงไม่คิดว่าฉินเฟิงจะเร็วถึงขนาดนี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโฉบเข้ามา เขาก็คิดว่ากำลังจะถูกฆ่าตาย เลยเอี้ยวตัวหลบ และหมอบลงกับพื้น


 


ไม่เพียงแค่นั้น แต่ชุดซ่อมบำรุงในมือเขาก็ยังร่วงตกจากอุปกรณ์มิติ


 


เคร้ง!


 


มีดของฉินเฟิงกับปีกหนาของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลปะทะกัน


 


ปีกของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลนั้นแข็งราวกับเหล็ก แม้ว่ามีดกษัตริย์ครามจะทำมาจากวัตถุดิบระดับราชันย์เลเวล G แต่ก็ยังไม่สามารถตัดปีกของมันได้


 


แต่แน่นอน ว่าสิ่งนี้สามารถหยุดสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลไม่ให้กุดหัวของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงได้


 


เมื่อเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเห็นฉากนี้ เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าฉินเฟิงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือ และเป็นฝีมือของสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลต่างหากที่เป็นตัวทำลายอุปกรณ์มิติ!


 


“เครื่องมือล่ะ? ชุดเครื่องมือฉันตกลงไปแล้ว ฉันจะต้องรีบกลับไปเอาอันใหม่มา!”


 


ชายคนนั้นกล่าวอย่างร้อนรน และปีนกลับเข้าไปข้างใน


 


ในเวลาเดียวกัน ผู้ใช้พลังอีกสองคนที่ครอบครองปีกเครื่องร่อนบินก็ขึ้นมา หลังจากเห็นสัตว์ร้ายเกราะคริสตัล ทั้งสองก็โห่ร้องด้วยความตื่นเต้น และ—


 


—ปัง ปัง ปังงงง!


 


เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในนั้นเป็นมือปืนระยะไกล เมื่อสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลปรากฏสู่สายตา เขาก็สาดกระสุนทันที


 


สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย


 


นั่นเพราะห่ากระสุนที่พุ่งลงมา มันปรากฏซึ่งสะเก็ดไฟ และดันร่วงตกลงในหลุมพลังงานเหลวพอดี!


 


ซึ่งพลังงานเหลวเหล่านี้ใช้ในการขับเคลื่อนอุปกรณ์มิติ ช่วยพยุงให้มันลอยลำกลางอากาศ รถศึกของฉินเฟิงเองก็ใช้พลังงานประเภทนี้เช่นกัน หรือสรุปสั้นๆว่ามันก็คือเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งนั่นเอง


 


ไม่รอช้า ฉินเฟิงดีดตัว บินถอยออกมาทันที โดยไม่สนใจสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลอีกต่อไป


 


“ไอ้พวกปัญญาอ่อน!” ฉินเฟิงสาปแช่งคนเหล่านั้นด้วยคำหยาบคาย


 


ตูมมมมมมมม!


 


ณ ความสูงเหนือขึ้นไป 200 เมตรบนท้องฟ้า เกิดการระเบิดสะเทือนขวัญครั้งใหญ่!


 


ถังพลังงานของอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติเสียหายโดยสิ้นเชิงซะแล้ว!


 


และนี่ไม่เหมือนกับประกายไฟเล็กๆที่เคยเกิดขึ้นในสถานชุมชนทางตอนเหนือ ไม่รอให้ทุกคนพักหายใจ หนึ่งในปีกใบพัดที่คอยพยุงก็เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้งจากใจกลาง!


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.105 – จุดจบได้มาเยือน


 


เปรี๊ยะ….


 


หลังเกิดการระเบิด หนึ่งในปีกใบพัดของอุปกรณ์มิติก็เริ่มเอนเอียง วงจรไฟฟ้าส่งเสียงแปลกๆ ชิ้นส่วนน้อยใหญ่ทยอยกันพังทลายลงอย่างช้าๆ


 


“ชิบหายแล้ว วิ่งเร็ว!”


 


ท่ามกลางผู้คนเบื้องล่างที่กำลังแหงนมอง ใครบางคนตะโกนขึ้น


 


อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อยู่ในอาคารเบื้องล่าง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ขึ้น และมันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบหนี


 


กระทั่งฉินเฟิงเอง ก็ไม่มีหวังที่จะรับมือกับสถานการณ์ในเวลานี้


 


โครมมมม!


 


ปีกใบพัดของอุปกรณ์มิติร่วงกระแทกเข้ากับอาคารสูงหลังหนึ่ง และอาคารทั้งหลังก็ถล่มลงมาทันที


 


ไม่เพียงเท่านั้น แต่ปีกใบพัดอุปกรณ์มิติที่เหลืออีกสองก็เริ่มเอนเอียงอย่างช้าๆ มันไม่สามารถบรรทุกวัตถุขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์มิติก็เสียสมดุลเดิมของมัน และไม่สามารถคงความเสถียรไว้ได้อีกต่อไป


 


ความเร็วในการร่วงหล่นยิ่งทวีมากขึ้น มากขึ้น จนผู้คนไม่สามารถหนีไปได้ทัน


 


“เสี่ยวไป๋ หนีกันก่อน!”


 


ฉินเฟิงตะโกนคำหนึ่ง


 


ไป๋หลีปรากฏกายขึ้นข้างฉินเฟิงทันที และทั้งสองก็หายวับไปพร้อมกัน ท่ามกลางฉากอลหม่านนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงฉินเฟิง


 


เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อุปกรณ์มิติขนาดใหญ่ ร่วงตกลงใจกลางจตุรัสกลางเมืองหาน


 


อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติเป็นเครื่องมือที่มีความซับซ้อนที่สุดและยังมูลค่าสูงลิ่ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีความแข็งแรงทนทานแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เพื่อประหยัดพลังงานของอุปกรณ์มิติ มันเลยแทบจะไร้ซึ่งการป้องกัน


 


ฉินเฟิงเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าแท้จริงแล้วนี่ต่างหากที่เป็นเหตุของหายนะที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า ถ้าเขารู้ สิ่งแรกที่เขาจะทำคือฆ่าไอมือปืนปัญญาอ่อนนั่นซะ!


 


การพังทลายของอุปกรณ์มิติ เป็นเรื่องที่ผู้คนไม่ทันคาดฝัน


 


ผู้คนจำนวนมากเดิมทียังรู้สึกตื่นตระหนกและสับสน ทว่าเมื่อเกิดการถล่มของตัวอาคาร –ดั่งสัญญาณเรียกสติ บังเกิดความโกลาหลขึ้นทันที


 


กองทหารรักษาการณ์และหน่วยลาดตระเวนทยอยกันปรากฏตัวขึ้นทีละคน ทีละคน ไม่เพียงแค่นั้น กระทั่งตัวตนที่ส่งกลิ่นอายดุร้ายและโกรธเกรี้ยวก็ยังปรากฏขึ้นเช่นกัน


 


-เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหาน เทศมนตรี ชิเทียนไห่!


 


“บัดซบ! ใครเป็นคนทำ!!!!”


 


ชิเทียนไห่แทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น


 


เพราะนั่นน่ะคืออุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิตินะ!


 


มันเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของเมือง!


 


เสียงคำรามของเขาสั่นสะเทือนไปทั่วชั้นอากาศ นี่คล้ายดั่งสัญญาณกระตุ้น เพราะครู่ต่อมา รอยแยกบนท้องฟ้าก็เริ่มปรากฏขึ้นแทนที่ตำแหน่งเดิมของอุปกรณ์มิติ


 


รอยแยกนี้มองดูราวกับว่ามันกำลังฉีกผืนฟ้า มันอยู่สูงเหนือพื้นดิน 100 เมตร และมีขนาดความกว้างกว่า 10 เมตร


 


【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด … 】


 


แทบจะไม่ต้องเงยมอง อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็สั่นไหวอย่างรุนแรง


 


ไม่เพียงเท่านั้น แต่ทั่วทั้งเมืองหานก็ล้วนได้รับข่าวนี้


 


ช่วงเวลาถัดมา สิ่งมีชีวิตภายในมิติก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา


 


ฉินเฟิงซึ่งอยู่ใกล้กับรอยแยกมิติ เพียงจ้องมองไปที่มัน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป


 


แม้จะเคยเห็นฉากนี้มาแล้วในชีวิตก่อน แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขาก็ยังคงหวาดกลัวมัน


 


ตัวแรกที่ออกมาคือด้วงกระหายเลือด มันคือหนึ่งในสัตว์ร้ายจำพวกแมลงที่ครอบครองความว่องไว และรวดเร็วที่สุด


 


เสียงกระพือปีกหึ่งๆดังขึ้นต่อเนื่อง พวกมันกระจายตัวกันออกไป และเมื่อพบเห็นผู้คนที่กำลังวิ่งหนีจากทุกทิศทาง ก็เริ่มไล่เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งทันที


 


แม้ด้วงกระหายเลือดจะออกมาเป็นกลุ่มแรก แต่มันก็ยังเป็นถึงแมลงสัตว์ร้ายเลเวล F5!


 


เลเวล F ไม่พอ แต่ธรรมชาติของพวกมันยังอยู่รวมกันเป็นฝูง!


 


ตัวเดียวก็ยากจะรับมืออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องที่มันบินได้อีก ยิ่งเป็นฝูงคงไม่ต้องกล่าวถึง


 


ขณะเดียวกัน เหล่าผู้ใช้พลังเลเวล F ที่มายืนออเตรียมสังหารสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลกันในตอนแรก ก็เริ่มเปิดฉากโจมตี


 


“ยิง! ยิงพวกมันซะ ยิงเข้าไป! อย่าปะทะกับพวกมันตรงๆ ถ้าเข้ามาใกล้ก็ถอยซะ!”


 


บังเกิดเสียงตะโกนขึ้นท่ามกลางผู้ใช้พลัง


 


มือปืนคนหนึ่งเปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็ว สาดปืนกลในมือเขาอย่างเมามัน


 


แต่ไม่นานเขาก็ตกเป็นเป้าหมายของด้วงกระหายเลือด เมื่อสังหารพวกมันไปหนึ่ง อีกตัวก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว


 


ไม่นาน มือปืนก็ถูกด้วงกระหายเลือดกระแทกล้มลงกับพื้น ช่วงเวลาต่อมา ด้วงกระหายเลือดอีกสามตัวก็โฉบลงมาเกาะตามร่างกายเขา ปรากฏท่อยาวกว่าหนึ่งเมตรยื่นออกจากปากด้วงกระหายเลือด และจิ้มเข้าไปในร่างของมือปืน


 


“อ๊าาาาาา”


 


มือปืนกรีดร้องโหยหวน เลือดในกายเขาถูกสูบไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียว เขาก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน


 


และฉากที่ว่านี้ กำลังเกิดขึ้นทุกหนแห่ง


 


ฉินเฟิงกวาดมองไปรอบๆ ไม่นานก็พบกับหลิวซู


 


ในเมื่อไม่สามารถป้องกันเมืองหานจากการถูกรุกรานโดยพวกแมลงได้ ดังนั้นฉินเฟิงจึงตัดสินใจช่วยเธอ


 


ตอนแรกหลิวซูเลือกที่จะรุกสลับรับ แต่ด้วงกระหายเลือดสองตัวก็ไล่เธอไม่ยอมเลิกรา คอยก่อกวนตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ หลิวซูจึงตัดสินใจหันมาตั้งใจหลบหนีอย่างเดียว ดีกว่าทุ่มโจมตีแลกชีวิต


 


ช่วงเวลานั้นเอง ลูกไฟขนาดใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามมาจากด้านข้าง พุ่งเข้าใส่ด้วงกระหายเลือดอย่างแรง


 


เปรี้ยง!


 


ด้วงกระหายเลือดถูกระเบิดกระแทกใส่อย่างแรง มันลุกท่วมเป็นไฟ ร่วงตกลงกับพื้นแน่นิ่งไป


 


หลิวซูมองไปตามทิศทางของลูกไฟด้วยความประหลาดใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชัดเจนว่าเปลวไฟนี้พุ่งมาเพื่อช่วยเหลือเธอ


 


และต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเธอไม่คาดคิดเลย ว่าคนที่เธอเห็นจะเป็นฉินเฟิง


 


ฉินเฟิงสาวเท้ายาวๆเข้ามา และโบกสะบัดมีดกษัตริย์ครามในมือใส่ด้วงกระหายเลือดอีกตัว


 


“มีดเปลวเพลิง!”


 


มีดกษัตริย์ครามพลันถูกปกคลุมไปด้วยรูนไฟ ก่อรูปขึ้นเป็นใบมีดยาวขนาดหนึ่งเมตร ขยายขึ้นจากใบมีดเดิมเป็นสองเท่า ใบมีดเพลิงวาดผ่านด้วงกระหายเลือด ตัดผ่ามันออกเป็นสองซีกในฉับเดียว!


 


ไร้ซึ่งหยาดโลหิตใดจากบาดแผล แต่มีกลิ่นหอมหวลของเนื้อย่างลอยออกมาแทน


 


“ขอบใจนะ!” หลิวซูเร่งเอ่ยปาก


 


“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องไร้สาระ รีบกลับบ้านเร็วๆเข้า สถานการณ์ที่นี่ไม่ดีเลย” ฉินเฟิงตอบกลับไป


 


“เข้าใจแล้ว”


 


หลิวซูพยักหน้าหงึกๆ ณ จุดนี้ ไม่เพียงใจกลางเมืองปรากฏรอยแยกมิติขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่ยังปรากฏรอยแยกมิติเล็กๆน้อยๆ กระจายไปทั่วทั้งเมืองเช่นกัน หลิวซูจึงกังวลเป็นธรรมดา


 


และใครจะรู้ ว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง


 


ฉินเฟิงกับหลิวซูเริ่มเร่งเดินทางกลับไปตามท้องถนน ระหว่างนั้น หลิวซูก็ต้องประหลาดใจอีกคราว เดิมเธอคิดว่าไป๋หลีเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เวลานี้ เธอค้นพบว่าความเร็วของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเองหรือฉินเฟิงเลย แถมท่าทีของเด็กสาวยังดูผ่อนคลาย ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกใดๆ


 


ตอนนี้ กระทั่งเทศมนตรีชิเทียนไห่ ก็หนีหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย


 


ทันทีที่รอยแยกปรากฏขึ้น ความโกลาหลก็ตามมา ฝูงชนพากันหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง รถยนต์แออัดอยู่บนท้องถนน และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นเพียงครั้งเดียว การจราจรก็เป็นอัมพาตไปทันที ไม่มีใครสามารถขับฝ่าออกไปได้


 


“อ๊ากกกก”


 


ชายคนหนึ่งกรีดร้องน่าสังเวช ตรงเท้าของเขาถูกแมลงเหล็กดำกัดเข้าใส่


 


“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย!”


 


เขาร้องตะโกน มองหาความช่วยเหลือรอบตัว –ฉินเฟิงกับหลิวซูเดินผ่านพอดี อีกฝ่ายพอเห็น ก็ร้องแหกปากอีกครั้ง


 


“หัวหน้าหลิว! หัวหน้าหลิวช่วยผมด้วย!”


 


ในฐานะหนึ่งในหัวหน้าของสาขาหน่วยลาดตระเวนเมืองหาน ที่ทั้งแข็งแกร่ง งดงาม และเยาว์วัย ดังนั้นทุกคนในเมือง ไม่ว่าใครต่างก็รู้จักเธอ


 


หลิวซูเกิดความลังเลขึ้นทันที แต่ในที่สุดก็ชักปืนพลังงานออกมา ยิงไปที่เท้าของชายคนนั้น


 


แมลงเหล็กดำยอมคลายปากของมันออก ชายคนนั้นถอนหายใจ แต่เมื่อก้มลงมอง ก็พบว่าเท้าของเขาถูกกัดจนเหวอะ มันใช้การไม่ได้แล้ว เขาสิ้นหวังอีกครั้ง


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังหลิวซู เขาคล้ายกับบังเกิดความหวัง ใช้มือคว้าขาของหลิวซูไว้ทันที


 


“หัวหน้าหลิว คุณจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ ที่นี่มันอันตรายเกินไป ได้โปรดช่วยพาฉันเข้าไปในตึกที่ปลอดภัย และรอการช่วยเหลือด้วยเถอะ!”


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.106 – ปัญญาอ่อนกันทั้งเมือง


 


เนื่องจากรอยแยกมิติอาจปรากฏขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นทุกเมืองจึงมีสถานที่หลบภัยอย่างชั้นใต้ดิน , ลานจอดรถแบบปิด และห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ที่เพียงพอจะให้พลเมืองสามารถซ่อนตัวได้ชั่วคราว


 


แต่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ หลิวซูกลับบังเกิดความลังเลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


 


ในเวลาเดียวกัน กลุ่มคนรอบๆก็เริ่มสังเกตเห็นหลิวซูแล้ว ทั้งหมดต่างพากันมาออรอบตัวเธอ


 


“นั่นคนจากหน่วยลาดตระเวน! หัวหน้าหลิวอยู่ที่นี่แล้ว!”


 


“เร็วเข้า รีบไปหาหัวหน้าหลิว เธอจะช่วยปกป้องพวกเรา!”


 


“หัวหน้าหลิว เมื่อไหร่หน่วยลาดตระเวนจะมากำจัดแมลงพวกนี้ซักที!”


 


ฝูงชนห้อมล้อมรอบหลิวซู


 


ในตอนนั้นเอง ตั๊กแตนใบมีดสามสี่ตัวก็คืบคลานเข้ามา ผู้คนเหล่านั้นพากันกรีดร้อง แตกฮือออกไป แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะมาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลิวซู มีกระทั่งบางคนที่ผลักหลิวซูเข้าหาเงื้อมมือของตั๊กแตนใบมีด


 


เห็นได้ชัดว่าตั๊กแตนใบมีดไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก มันมีเลเวลอยู่แค่ G3 เท่านั้น หลิวซูโจมตีไม่กี่ครั้งก็จัดการพวกมันลงได้ และเนื่องจากเธอสามารถปกป้องฝูงชนได้ คนอื่นๆจึงทยอยกันติดตามเธอมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ


 


ไม่ใช่แค่ติดตามมาเฉยๆ แต่ผู้คนเหล่านี้ยังตั้งใจจะให้หลิวซูพาพวกเขาไปยังชั้นใต้ดินของซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย


 


เมื่อฉินเฟิงเห็นหลิวซูยอมทำตาม ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ ว่าในชีวิตก่อนเธอจบชีวิตลงเพราะอะไร


 


“หลิวซู คิดถึงหน้าพ่อแม่เธอไว้ พวกเขาเองก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน ถ้าเธอยังมัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ แล้วใครกันจะคอยดูแลพวกเขา?”


 


พอได้ฟัง ท่าทีลังเลของหลิวซูก็ยิ่งเด่นชัด ชัดเจนว่าคำพูดของฉินเฟิงตรงกับสิ่งที่เธอกำลังคิด


 


นั่นสิ ในเวลานี้เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าพ่อแม่ยังคงปลอดภัยดี?


 


อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ย่อมไม่ต้องการให้หลิวซูจากไป


 


“แกเป็นใครกัน ทำไมแกถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้? ทำไมถึงคิดจะพรากหัวหน้าหลิวไปจากพวกเรา!”


 


“ใช่ๆ สถานการณ์เลวร้ายมากเลยนะ ถ้าหัวหน้าหลิวไป ชีวิตของพวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ”


 


“ภายในร้านของหลิวเซินซาน ยังไงก็ต้องมีห้องใต้ดินอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องไปส่งพวกเราก่อนสิ! แล้วเอาไว้พวกแมลงซาลงเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปที่ห้องใต้ดินของหลิวเซินซานอีกครั้งก็ยังไม่สาย”


 


ฝูงชนเริ่มโวยวาย


 


ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น เตะเปรี้ยง! เข้าใส่รถยนต์ที่จอดอยู่ข้างทาง เกิดเสียงโครมครามครั้งใหญ่


 


“หุบปาก!”


 


ฉินเฟิงตวาดเสียงเย็นชา


 


แรงสั่นสะเทือนจากกำลังภายในทำเอาผู้คนรู้สึกวิงเวียน


 


“ใครก็ตามที่ยังอยากจะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป ห้ามปริปาก และวิ่งตามฉันมา ส่วนใครที่มันกล้าพ่นเรื่องไร้สาระอีก ก็แดกลูกปืนของฉันซะ เตือนแล้วนะ ถึงเวลานั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน!”


 


ฉินเฟิงชักปืนพลังงานออกมา และกวาดปากกระบอกปืนไปทางผู้คน


 


ทั้งหมดต่างตะลึงงัน แต่หลังจากที่ได้เห็นตราสัญลักษร์ของผู้ใช้พลังเลเวล G บนอกของฉินเฟิงแล้ว ทั้งหมดก็เผยท่าที่ดูถูกออกมา


 


เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เห็นฉินเฟิงอยู่ในสายตา


 


“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? จะปกป้องพวกเราได้จริงๆน่ะหรือ อย่าอวดดีไปหน่อยเลย!”


 


“ใช่ ใช่ พวกเรากำลังพูดกับหัวหน้าหลิว ไม่ได้พูดกับแก!”


 


“หัวหน้าหลิว นี่ลูกน้องของคุณหรอ? ทำไมเขาถึงพยายามจะทิ้งพวกเรา? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน … ”


 


เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานที่ชุมชนเมืองหานน่ะมีขนาดเล็กเกินไป บางคนหลิวซูเห็นมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเติบใหญ่ ดังนั้นความรู้สึกในเวลานี้ หลิวซูจึงบังเกิดความคิดที่จะปกป้องพวกเขา อันที่จริง พวกเขาล้วนหวาดกลัวในหัวใจ หวาดกลัวว่าหลิวซูจะหนีไป ดังนั้นตอนนี้ทั้งหมดเลยห้อมล้อมหลิวซู เกาะแข้งเกาะขา หน่วงเหนี่ยวไม่ให้เธอจากไป


 


ฉินเฟิงก้มหน้าลง กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “หลิวซู เธอต้องการจะอยู่หรือมากับฉัน อุปกรณ์รูนที่ฉันฝากหลอมคืนยังอยู่กับลุงหลิว ดังนั้นยังไงฉันก็จะกลับไป ไม่อย่างนั้นมีหรือจะช่วยเธอที่อยู่ระหว่างทาง ถ้าตอนนี้! เธอคิดว่าสามารถปกป้องเจ้าพวกบ้านี่ได้! ก็อยู่ไป ส่วนฉันจะกลับไปรอจัดเตรียมงานศพเธอพร้อมกับลุงหลิวให้เอง!”


 


ในหัวใจของหลิวซูเต้นครึกโครม


 


ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้หลิวซูทราบดีว่าฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้เขาจากไปเพียงลำพังก็ยังเอาชีวิตรอดได้ ตรงกันข้าม หากเธออยู่กับคนพวกนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหนีพ้นถึงที่หลบภัยรึเปล่า ดังนั้นมีเพียงตัวเลือกเดียว คือติดตามฉินเฟิง ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต


 


เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลิวซูก็เลิกลังเล ปากเอ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว “ฉินเฟิง ฉันจะทำตามคำสั่งของนาย –ส่วนพวกคุณ! ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ ก็ต้องตามพวกเรามา บ้านของฉันอยู่ไม่ไกล อีกสามสี่ถนนเท่านั้น ไม่ต้องหวาดกลัวไป!”


 


“นี่ … ”


 


ฝูงชนเริ่มกลายเป็นวิตกกังวล แต่ในตอนนั้นเอง พื้นดินพลันเกิดการสั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกัน หอยทากขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมุมถนนอีกฝั่งหนึ่ง


 


หอยทากตัวนี้ มีความสูงกว่า 4 – 5 เมตร มันใหญ่โตเท่ากับตึกสองชั้น และเบื้องหน้าเปลือกหอยของมัน ก็มีหัวสองหัวโผล่ออกมา หนึ่งหัวยืดหด หนึ่งหัวหดได้อย่างรวดเร็วมาก ผู้คนที่ขวางหน้ามันล้วนถูกหัวฉกแล้วหดกลืนลงไปในห้องโดยตรง


 


แม้ว่าผู้คนในที่แห่งนี้ พวกเขาจะไม่เคยเข้าไปเรียนในสถาบันระดับสูง แต่ทั้งหมดต่างก็เคยได้รับการศึกษาหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ร้ายในสถาบันระดับกลางมาด้วยกันทั้งนั้น!


 


“กรี๊ด! นั่นมันหอยทากเหล็กดำ!”


 


“แถมยังมีสองหัว! มันคือสัตว์ร้ายระดับนายพล!”


 


พริบตาเดียว ผู้คนก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว


 


ทุกคนต่างทราบกันดี ว่านายพลสัตว์ร้ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะต้องเอาชนะในรูปแบบ 10 รุม 1 แม้ว่าหลิวซูจะครอบครองพลังมากแค่ไหน ย่อมไม่สามารถต้านทานหอยทากเหล็กดำสองหัวได้อย่างแน่นอน


 


“วิ่ง! รีบหนีกันเร็วเข้า!”


 


ฝูงชนที่เกาะแกะหลิวซูแตกฮืออย่างบ้าคตลั่ง


 


ทว่าหอยทากสองหัวเร็วยิ่งกว่า


 


เท้าของมันคล้ายกับก่อตัวเป็นคลื่น คืบคลานเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว


 


และความเร็วดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตสองขาจะหนีไปได้!


 


ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนยังต้องคอยหลบหลีกยานพาหนะ แต่หอยทากสามารถกระแทกสิ่งกีดขวางใดๆที่อยู่เบื้องหน้าได้เลยโดยตรง


 


ชายคนที่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าก่อนหน้านี้พยายามดิ้นรนหลบหนี แต่เขากระโดดกระเด้งได้เพียงสองครั้ง ก็ถูกโถมทับด้วยรถยนต์ที่หอยทากสองหัวชนกระเด็นมา


 


หัวของหอยทากยืดออกไปกว่าสามเมตร อ้าปากกว้างใหญ่และฉก! กลืนชายคนนั้นเข้าปาก หย่อนลงกระเพาะทันที


 


“อ๊าาาาาา!”


 


ชายคนนั้นทำได้แค่ส่งเสียงกรีดร้องน่าขนลุก และช่วงเวลาต่อมา เขาก็จากไป


 


“ไอ้ตัวสัตว์นรก!”


 


หลิวซูพอเห็นพลเมืองถูกฆ่าก็โกรธแค้น ฟาดตบมันด้วยมือเดียว


 


“ฝ่ามือวิญญาณเยือกแข็ง!”


 


ฝ่ามือนี้ท่วมท้นไปด้วยกำลังภายในที่ทรงพลัง ทว่าเมื่อฝ่ามือฟาดตบลงไป มันก็ลื่นไถลไปด้านข้างของหอยทากเหล็กดำสองหัวทันที


 


นั่นเพราะทั่วทั้งร่างของหอยทากน่ะมันเต็มไปด้วยเมือก ดังนั้นฝ่ามือของหลิวซูมีอานุภาพทำให้มันแค่รู้สึกคันเท่านั้น


 


ยังไม่พอ! แต่การกระทำของหลิวซู ในมุมมองของฉินเฟิง นั่นคือการส่งอาหารเข้าสู่ปากของศัตรู!


 


เห็นถึงความบ้าบิ่นของหลิวซู ฉินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก


 


“คนในเมืองหานนี่ปัญญาอ่อนกันทุกคนเลยสินะ?”


 


ฉินเฟิงสบถอย่างเปิดเผย ก้าวสะอึกเข้าไปทันใด คว้าเสื้อของหลิวซู เหวี่ยงสะบัดเธอกลับไปด้านหลัง


 


ด้วยพลังมหาศาล ส่งผลให้หลิวซูลอยม้วนกลับไป ในเวลาเดียวกัน ปากขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตรที่เต็มไปด้วยฟันแหลมก็ฉกเข้ามา และงับ! ในตำแหน่งเดิมทีหลิวซูเคยอยู่ หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิง เธอคงถูกหัวหอยทากกินเข้าไปแล้ว


 


หอยทากสองหัวเมื่อเห็นอาหารถูกแย่งชิงไป มันก็ไม่สนใจใดๆอีก บิดตัวยืดหด และหันมาเล็งฉินเฟิงแทน


 


ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น เขายกมือขึ้น และประทานมีดกษัตริย์ครามให้กับอีกฝ่าย


 


“ระบำดอกไม้ไฟ!”


 


พริบตานั้นพลันปรากฏเปลวเพลิงสาดแสงทรงพัดขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง และมีดกษัตริย์ครามก็เปล่งประกายด้วยแสงสีเงิน ราวกับบุปผาท่ามกลางเปลวไฟ


 


พรวดดดด!


 


ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในระหว่างที่หลิวซูกำลังหมุนคว้านกลางอากาศ หัวของหอยทากเหล็กดำก็ถูกสะบั้นร่วงตกลงเสียแล้ว


 


ตึง ตึง!!


 


สองหัวร่วงตกลงกับพื้น ของเหลวสีใส่พรั่งพรูออกมา นี่น่าจะเป็นเลือดของหอยทาก


 


มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงกระพริบไหวอีกครั้ง ตัดตรงกะโหลกส่วนหัวของศัตรู ปรากฏก้อนผลึกโปร่งใสร่วงตกลงมา


 


–เป็นแก่นพลังงานของหอยทากเหล็กดำ!


โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.107 – ไม่มีเวลามากพอที่จะเก็บมัน


 


“มัวยืนบื้ออะไรอยู่ ยังไม่รีบไปอีก?”


 


ฉินเฟิงตะคอกเสียงเย็นชา เขาไม่ชอบทัศนคติและความคิดของหลิวซูที่ใช้จัดการกับปัญหาเลย


 


–ช่างโลเล และไม่เด็ดขาด!


 


“อ๊ะ ขอโทษที ไปแล้ว ฉันไปแล้ว!”


 


หลิวซูได้สติกลับคืน รีบสาวเท้าตามฉินเฟิงไป ขณะนี้ เธอยกย่องฉินเฟิงอย่างสุดหัวใจ เลยยอมเชื่อฟังและทำตามเขาอย่างว่าง่าย


 


ไม่ใช่แค่เธอ แต่ในที่นี่ พลเมืองคนอื่นๆที่หลบซ่อนตัวอยู่ พอเห็นว่าฉินเฟิงสามารถสังหารสัตว์ร้ายนายพลได้ ทั้งหมดก็ทยอยกันออกมา และวิ่งตามหลังฉินเฟิงไป


 


ด้วยการกรุยทางของฉินเฟิง ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา


 


แมลงสัตว์ร้ายพวกนี้ไม่ได้ทรงพลังมากมายอะไร ตลอดทาง ฉินเฟิงสามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย และในที่สุดก็มาถึงร้านอุปกรณ์ของหลิวเซินซาน


 


เวลานี้ ร้านอุปกรณ์ถูกทิ้งร้างไปแล้ว สภาพภายในเสียหายแทบทั้งหมด แถมยังมีตั๊กแตนใบมีดบุกเข้ามา


 


บนพื้นร้าน ปรากฏศพสองศพนอนแน่นิ่งอยู่ หลิวซูพอเห็นถึงฉากเบื้องหน้า หัวใจเธอก็กระตุกวูบ ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งอันไร้ที่สิ้นสุด


 


คราวนี้ ไม่รอให้ฉินเฟิงเป็นคนลงมือ หลิวซูปราดเข้าไป กระแทกโจมตีไม่กี่ฝ่ามือก็สังหารตั๊กแตนลงได้


 


โชคยังดี ที่ทั้งสองศพนี้ไม่ใช่หลิวเซินซาน แต่หนึ่งในนั้นเป็นเสมียนชายของร้าน ส่วนอีกศพเหมือนจะเป็นลูกค้าที่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล G


 


โชคไม่ดีเลย ที่เขาต้องมาจบชีวิตลงที่นี่!


 


“ไปที่ห้องใต้ดินกันก่อน!” ฉินเฟิงกล่าว


 


“ตกลง!” หลิวซูตอบรับพร้อมก้าวออกมานำทาง แม้ว่าฉินเฟิงจะทราบตำแหน่งของมันอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างเงียบๆ ส่วนผู้คนที่ติดตามมาเบื้องหลัง ดวงตาของพวกเขาเกิดประกายร้อนผ่าว มือเท้าอยู่ไม่นิ่ง เริ่มหยิบฉวย ขโมยอุปกรณ์บางอย่างขึ้นมาสวมใส่


 


–ชุดต่อสู้พวกนี้คือสิ่งใด? มันคือสิ่งที่สามารถป้องกันการโจมตีของสัตว์ร้ายได้!! กระทั่งในเวลาปกติ แม้จะเป็นชุดต่อสู้ธรรมดา ก็มีราคาตั้งแต่หลักหมื่นจนไปถึงหลักแสนแล้ว นี่ไม่ใช่ของที่พวกเขาสามารถครอบครองได้ในสถานการณ์ปกติ


 


ฉินเฟิงคร้านจะใส่ใจกับการกระทำของคนเหล่านี้ เขาเดินตามหลิวซู ผ่านลานจอดรถใต้ดิน และพบกับทางเข้าประตูลับ


 


ในเวลานี้ ประตูลับถูกล็อคจากด้านใน หลิวซูเร่งเคาะประตูอย่างแรง


 


“พ่อ แม่ อยู่ข้างในกันรึเปล่า?”


 


“ซูเอ๋อ? นั่นลูกหรอ? ลูกกลับมาแล้ว!” เฉียวหยานอุทานด้วยความตื่นเต้น จากนั้น ประตูเหล็กหนาก็เปิดออก เผยให้เห็นถึงฉากภายใน


 


ในห้องใต้ดิน นอกจากเฉียวหยานแล้ว ก็มีหลิวเซินซานกับผู้หญิงอีกสามคน และผู้ชายอีกหนึ่ง ทั้งหมดเป็นพนักงานของร้านอุปกรณ์ เลยวิ่งหนีเข้ามาหลบพร้อมกัน


 


ภายในยังติดหลอดไฟที่สาดแสงอ่อนๆเอาไว้ กำแพงเหล็กหนารอบด้านทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัย ก่อนที่เฉียวหยานจะดีใจที่ลูกสาวของเธอกลับมา คนธรรมดาที่ตามหลังก็พรวดเข้าไปอย่างรวดเร็ว


 


แม้ว่าห้องใต้ดินแห่งนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นอย่างครบครัน แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ พื้นที่ทั้งหมดกว้างแค่ร้อยตารางเมตรเท่านั้น เมื่อมีผู้คนมากกว่า 20 คนหลั่งไหลเข้าไป ที่นี่ก็กลายเป็นแออัดขึ้นถนัดตา


 


“เข้ามาเร็วเข้า แล้วรีบปิดประตูซักที!” ผู้มาใหม่เร่งเร้า


 


ฉินเฟิงไม่สนใจหรือให้ค่าใดๆกับคำพูดของคนเหล่านั้น


 


“ลุงหลิว อุปกรณ์ที่ผมฝากให้ลุงใช้กระบวนการหลอมคืนมันอยู่ที่ไหน?”


 


ก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงคิดว่าเขาสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นได้ ดังนั้น ตนจึงนำมันมาฝากหลอมโดยไม่คิดมากอะไร แต่ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง และเขาไม่ต้องการสูญเสียวัตถุดิบที่อย่างน้อยก็น่าจะมีระดับราชันย์สัตว์ร้ายไป


 


หลิวเซินซานพอได้ยินก็ตกใจเช่นกัน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนกลับกลาย


 


“ไม่ดีแล้ว มันยังถูกทิ้งเอาไว้อยู่ในเตาหลอม!” หลิวเซินซานอุทาน


 


ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอกลุงหลิว พวกเราจะไปนำมันกลับมา ผมอยู่ที่นี่แล้ว วางใจได้เลย ผมจะปกป้องลุงเอง อีกอย่าง นี่เป็น ‘ช่วงเวลาช่วงชิงอาณาเขต’ ของพวกแมลงพอดี ไหนจะเรื่อง ‘อาหารสำรอง’ ในห้องใต้ดินที่น่ากลัวว่าจะไม่เพียงพออีก!”


 


หลิวเซินซานคล้ายตระหนักถึงบางสิ่ง สีหน้าของเขากลายเป็นร้ายแรงขึ้นมาทันที เจ้าตัวกัดฟันและกล่าว “นั่นสินะ เธอพูดถูก ฉันจะไปกับเธอเอง!”


 


“ตาแก่หลิว อย่าออกไปนะ!” เฉียวหยานรั้งตัวหลิวเซินซาน มองฉินเฟิงด้วยท่าทีขอร้องอ้อนวอนและกล่าว “พ่อหนุ่ม เธอต้องการเงินเท่าไหร่ พวกเราจะจ่ายให้ แต่ได้โปรดอย่าพาตาแก่หลิวไปเลย!”


 


“ป้าหลิว ผมขอสัญญา ว่าจะไม่มีทางปล่อยให้ลุงหลิวได้รับบาดเจ็บแน่นอน!”


 


หลิวซูก้าวไปข้างหน้า ปลอบประโลมเฉียวหยาน “แม่ ฉินเฟิงไม่ได้โกหกนะ เขาแข็งแกร่งจริงๆ ให้พ่อไปกับเขาเถอะ ถ้าไม่มีเขา หนูคงไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้ ส่วนพวกเราก็รอคอยอยู่ในนี้อย่างวางใจเถอะ”


 


หลิวเซินซานเองก็กล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “การทำธุรกิจต้องมีความน่าเชื่อถือ ไม่ต้องพูดถึงห้องเตาหลอมที่อยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น –มันคือวัตถุดิบที่มีมูลค่าหลายสิบล้านนะ ฉะนั้นมันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดหรือเสียหาย อยู่กันที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะกลับมา”


 


เฉียวหยานไม่มีทางเลือกอื่น เธอถูกหลิวซูดึงกลับเข้าไปในห้องใต้ดิน


 


“ไป๋หลี เธอไม่ต้องตามมา คอยอยู่คุ้มกันที่นี่”


 


ฉินเฟิงทิ้งเสี่ยวไป๋ไว้ข้างใน เสี่ยวไป๋พยักหน้า มันทราบดีว่าฉินเฟิงไปไม่ไกล แต่ก็ยังไม่วายยื่นแขนไปเขย่าข้อมือฉินเฟิง


 


“ที่รัก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบติดต่อฉันทันทีนะ”


 


ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “วางใจได้เลย ฉันจะโทรหาเธอเอง!”


 


ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนัก ดังนั้นเขาและเธอย่อมสามารถสื่อสารกันผ่านทางพลังสมาธิได้ แต่ไป๋หลีอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่ง และการใช้อุปกรณ์สื่อสารในข้อมือเองก็ถือเป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับเธอ


 


จากนั้น ทั้งสองก็ไม่กล่าวอะไรกันอีก ประตูเหล็กถูกปิดลง ฉินเฟิงกับหลิวเซินซานเดินออกไป


 


“มาเถอะพ่อหนุ่ม ห้องหลอมอยู่ในสวนหลังบ้าน พวกเราต้องขึ้นไปทางนี้”


 


หลิวเซินซานก้าวนำไปข้างหน้า ฉินเฟิงเดินติดตามเขา แม้ในชีวิตก่อน ตนจะเคยทำงานที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือน แต่ฉินเฟิงก็ยังไม่ทราบถึงโครงสร้างทั้งหมดของมัน


 


ไม่นานนัก พวกเขาก็เดินมาถึงลิฟต์ในลานจอดรถ และขึ้นไปด้านบน


 


สภาพภายนอกเละเทะเป็นอย่างมาก แต่ภายในยังมิได้ถูกก่อกวนโดยพวกแมลงสัตว์ร้าย เนื่องจากพวกมันเกือบทั้งหมด จะไปกระจัดกระจายกันตามถนนหลักซะมากกว่า


 


อย่างไรก็ตาม เพียงก้าวไปถึงประตูห้องหลอม สีหน้าของฉินเฟิงก็แปรเปลี่ยนไป


 


ห้องหลอมคือสถานที่สำคัญของหลิวเซินซาน มันคือห้องที่เขาใช้ปรับแต่งอุปกรณ์รูน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ หรือเครื่องจักรก็ล้วนมีมูลค่าสูง ดังนั้นเจ้าตัวย่อมไม่ให้ใครมาเข้าใกล้ หรือทำอะไรตามอำเภอใจ การป้องกันของมันย่อมแน่นหนาเป็นธรรมดา


 


แต่ปัจจุบัน ประตูป้องกันแน่นหนาที่ว่า กลับปรากฏรูใหญ่ขนาดกว่าครึ่งเมตร


 


แต่สำหรับฉินเฟิง ประตูป้องกันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับประตูไม้ธรรมดาๆ เขาเตะที่จับลูกบิด และถีบเปิดประตูออกอย่างแรง –ฉากภายในก็สะท้อนให้เห็นในสายตาของฉินเฟิงทันที


 


วัสดุจำนวนมากถูกกวาดกระจายตกลงบนพื้น บางตำแหน่งเห็นได้ว่ามันสมควรที่จะมีวัตถุดิบในการใช้ทำอุปกรณ์รูนวางอยู่ แต่ปัจจุบันกลับว่างเปล่า


 


ที่สำคัญ ภายในห้อง ยังปรากฏด้วงสีใสตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่ากะละมังใบใหญ่กำลังเกาะอยู่ข้างๆเตาหลอม


 


“สัตว์ร้ายเกราะคริสตัล!”


 


หลิวเซินซานร้องอุทานด้วยความตกใจ


 


เขาไม่คาดคิดเลย ว่าสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่


 


แต่อันที่จริงมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลมันกินพลังงานเหลวไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกฉินเฟิงและคนอื่นๆขัดจังหวะ ยังไงก็ตาม เนื่องจากเกิดหายนะขึ้นทั่วทั้งเมือง ในเวลานี้จึงไม่มีใครสนใจว่ามันจะไปทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน!


 


และตอนนี้ ตลอดทั้งเมืองหาน สถานที่ซึ่งมีวัตถุดิบดีๆอยู่มากมาย มันก็ต้องเป็นร้านของหลิวเซินซานอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?


 


เพราะยังไงซะ บนเตาหลอมที่กำลังทำกระบวนการหลอมคืน มันคือวัตถุดิบระดับราชันย์ในเลเวล F


 


มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใดที่สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลสามารถรับรู้ถึงสถานที่แห่งนี้ได้


 


ปัจจุบัน แม้การหลอมภายในเตาจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่มันก็ยังส่งอุณหภูมิสูงออกมาอยู่ สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเฝ้ารอให้อุณหภูมิค่อยๆเย็นลงอย่างช้าๆ ก่อนจะเริ่มแทะเล็ม


 


อย่างไรก็ตาม มันคงไม่คาดคิดเช่นกัน ว่าคนที่เคยรบกวนช่วงเวลาอาหารของมันก่อนหน้านี้ จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


 


“ยอดเยี่ยม ถือว่ามาหาที่ตายได้ดี!” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น ปลดปล่อยรังสีแสงความมืดมิดโถมเข้าปกคลุมร่างสัตว์ร้ายเกราะคริสตัลอย่างไม่ลังเล!


 


โอบกอดทมิฬ!


 


สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลพลันสูญสิ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าไป


 


ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังพิเศษของตนอีกครั้ง


 


“ลำแสงแห่งความมืด!”


 


“เพลิงโลกันต์!”


 


โผล๊ะ!!


 


พลังพิเศษระเบิดต่อเนื่อง สัตว์ร้ายเกราะคริสตัลไม่อาจทานทนต่อพลังธาตุมืดของฉินเฟิงที่ได้รับการเสริมแกร่งจากศิลานรกได้ ภายใต้การโจมตีจากลำแสงแห่งความมืด ร่างกายของมันก็อ่อนเปลี้ย ทิ้งตัวลงกับพื้น และเมื่อเพลิงโลกันต์พุ่งตามมา มันก็หมดซึ่งความสามารถที่จะหลบเลี่ยง ถูกเผาสมองทิ้งไปทันที


 


—ตัวต้นเหตุที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างเมืองหาน ในที่สุด ก็ตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของฉินเฟิง!!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม